ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

สวัสดีค่ะอ.ทองใหม่

มารายงานตัวอ่านกราฟและข่าวค่ะ+1ค่ะ :wub: :wub:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาน้ำมันดิบอ่อนตัว หลังโอเปกยืนยันจะคงกำลังการผลิตเท่าเดิม

 

Posted on Wednesday, October 13, 2010

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ส่งมอบเดือน พ.ย. ปรับลดลง 0.54 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปิดที่ 81.67 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจาก

 

ปัจจัยลบที่มีผลต่อราคาน้ำมัน

 

- โอเปกได้ส่งสัญญาณก่อนการประชุมอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 ตุลาคมว่าจะไม่ลดกำลังการผลิตลงคือยังคงนโยบายตัวเลขโควตาการผลิตน้ำมันในระดับเดิมเนื่องจากเห็นว่าตลาดอยู่ในภาวะที่สมดุลแล้วและยังยืนยันว่าระดับราคาน้ำมันดิบที่ 70-80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เป็นระดับที่เหมาะสมทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค อย่างไรก็ดีนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าปริมาณน้ำมันดิบในตลาดจะเพิ่มมากขึ้นและน่าจะทำให้โอเปกต้องลดโควตาการผลิตลงในเวลาอันใกล้

 

- รอยเตอร์คาดการณ์ตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังปรับเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล

ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลัง ลดลง 1.0 ล้านบาร์เรล

ปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลัง ลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล

 

ปัจจัยบวกที่มีผลต่อราคาน้ำมัน

 

+ ผลของการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา น่าจะมีการอัดฉีดเงินเข้าระบบอีกครั้งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจส่งผลตลาดหุ้นปรับตัวอยู่ในแดนบวก โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดวานนี้เพิ่มขึ้น 10.06 จุด มาปิดที่ 11,020.40 จุด และทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบเคียงกับค่าเงินยูโร

 

+ การปิดท่าเรือประท้วงของคนงานในฝรั่งเศสยังคงไม่สามารถแก้ไขได้ทั้งในท่าเรือและโรงกลั่นน้ำมันซึ่งคนงานใน 9 โรงกลั่นจากทั้งหมด 12 โรงกลั่นในประเทศฝรั่งเศสเข้าร่วมประท้วงซึ่งส่งผลให้ประเทศฝรั่งเศสมีแนวโน้มที่จะไม่มีน้ำมันเบนซินและดีเซลเพียงพอในระยะเวลาอันใกล้นี้

 

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือน พ.ย. ปรับลดลง 0.22 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 83.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

ราคาน้ำมันดิบดูไบ ตลาดสิงคโปร์ ส่งมอบเดือน พ.ย. ปรับลดลง 1.00 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 79.60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

ราคาน้ำมันเบนซินสำเร็จรูป ตลาดสิงคโปร์ ลดลง 0.83 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปิดที่ 90.18 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งได้รับอานิสงส์จากทางทวีปยุโรปที่ยังมีปัญหาการปิดท่าเรือประท้วงของคนงานในฝรั่งเศสและปัญหาในโรงกลั่นของเชลล์ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ส่งผลให้มีความต้องการนำเข้าน้ำมันเบนซินเพิ่มมากขึ้น

 

ราคาน้ำมันดีเซลสำเร็จรูป ตลาดสิงคโปร์ ลดลง 0.98 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปิดที่ 92.63 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากตลาดยังมีความต้องการอยู่ในระดับสูงจากทั้งในและนอกภูมิภาค

 

- สนับสนุนข้อมูลโดยบมจ. ไทยออยล์ -

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รีพับลิกัน - เดโมแครต แข่งกันดุเดือด ในศึกเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ

 

Posted on Wednesday, October 13, 2010

ผลสำรวจความนิยมชี้ 2 พรรคการเมืองใหญ่สูสีในศึกเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ

 

อีก 3 สัปดาห์ก็จะถึงแมทช์แข่งขันทางการเมืองที่สำคัญ อย่าง การเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ซึ่งผลสำรวจจากสำนักข่าวชั้นนำพบว่า ทางพรรครีพับลิกันดูเหมือนจะได้เปรียบพรรคคู่แข่งอยู่เพียงเล็กน้อย

 

จากการปราศรัยโจมตีนโยบายของรัฐบาลประธานาธิบดี บารัค โอบามา อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ชาวอเมริกันจำนวนไม่น้อยยังส่ายหน้าให้กับพรรครัฐบาลและแนวทางของนโยบายในบางด้าน

 

พรรครีพับลิกันกำลังชูนโยบายหั่นการใช้จ่ายภาครัฐ การปรับลดภาษี และรวมถึงความต้องการที่จะถอดถอนกฏหมายปฎิรูประบบดูแลสุขภาพที่ถูกผลักดันโดยประธานาธิบดี โอบามา โดยที่ทางพรรคยังชูสโลแกน “Pledge to America” ที่แสดงถึง road map ว่ารีพับลิกันจะบริหารประเทศไปในทางไหน ถ้าหากพรรคชนะกลายเป็นเสียงข้างมากในสภาคองเกรส

 

Bloomberg National Poll บ่งชี้ว่า คะแนนเสียงของผู้ที่ไม่ได้ชื่นชอบในพรรครีพับลิกัน สูงพอๆ กับผู้ที่ปฏิเสธพรรคเดโมแครต

 

ขณะเดียวกัน โพลล์ยังแสดงถึงสถานการณ์ของรีพับลิกันที่กลับไม่ได้อยู่ในสถานะความได้เปรียบแบบปกติ แม้จะมีโอกาสทำคะแนนเสียงได้เหนือคู่แข่งก็ตาม ซึ่งที่แย่กว่าก็คือการที่นโยบายของพรรคกลับไม่ได้รับความนิยมมากนัก

 

สถานการณ์เช่นนี้ดูจะขัดแย้งกับการเลือกตั้งกลางเทอมเมื่อปี 1994 และ 2006 ซึ่งเป็นช่วงที่พรรคตรงข้ามสามารถเข้าไปยึดครองที่นั่งในสภาคองเกรสได้มากกว่าพรรครัฐบาล หลังจากที่ผลสำรวจก่อนหน้านั้นชี้ให้เห็นถึงความนิยมที่เอนเอียงไปทางพรรคที่คว้าชัยชนะในที่สุด

 

Bloomberg Poll ระบุว่า เกือบครึ่งหนึ่งของผู้ที่มีสิทธิลงคะแนนเสียง หรือ 49% ไม่นิยมในพรรครีพับลิกัน และในเวลาเดียวกัน ความได้เปรียบของพรรคเดโมแครตก็กลับลดลงเหลือ 47 ต่อ 45 เปอร์เซนต์ด้วยเช่นกัน

 

 

นักวิเคราะห์หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐ วิตกจ้างงาน-การใช้จ่ายผู้บริโภค

 

ผลสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ในสหรัฐซึ่งจัดทำโดยสมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐ (NABE) ของสหรัฐ บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัวน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากภาวะซบเซาด้านการจ้างงานอาจทำให้ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายไปจนถึงปีหน้า

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จีดีพีของสหรัฐจะขยายตัวในอัตรา 2.6% ในปีนี้และปีหน้า ซึ่งลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัว 3.2%

 

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐจะขยายตัว 1.5% ในปีนี้ (น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัว 2.6%) และ จะขยายตัว 2.3% ในปีหน้า (น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัว 2.8%)

 

ขณะเดียวกันคาดว่าตัวเลขจ้างงานโดยเฉลี่ยในสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 94,000 ตำแหน่งต่อเดือนในปีนี้ ซึ่งลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้น 120,000 ตำแหน่ง

 

ส่วนในปีหน้าคาดว่าตัวเลขจ้างงานโดยเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้น 153,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้น 225,000 ตำแหน่ง

 

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0-0.25% ไปจนถึงช่วงต้นปี 2554 และคาดว่าในช่วงปลายปี 2554 เฟดจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 0.5%

 

 

หอการค้าอังกฤษชี้เศรษฐกิจไตรมาส 3 ชะลอตัว

 

ผลสำรวจที่จัดทำโดยหอการค้าอังกฤษเผยให้เห็นว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจอังกฤษในไตรมาส 3 โดยผลสำรวจชี้ว่า ภาคบริการได้รับผลกระทบอย่างหนัก พร้อมกับเตือนภาคธุรกิจต่างๆให้พร้อมรับมือกับความท้าทายที่รุนแรงในอนาคตอันใกล้นี้

 

เดวิด เคิร์น หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของหอการค้าอังกฤษ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานที่ชะลอตัวในภาคธุรกิจบริการนั้น ถือว่าน่าเป็นห่วง เนื่องจากธุรกิจอ่อนตัวลงก่อนที่รัฐบาลจะนำนโยบายการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มมาใช้ และยังชี้ด้วยว่า เศรษฐกิจของอังกฤษจะสามารถหลีกเลี่ยงการกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ ถ้าธนาคารกลางคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ต่อไป

 

นอกจากนี้ หอการค้าอังกฤษยังแนะนำให้คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษพิจารณาอย่างจริงจังถึงความจำเป็นในการขยายโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากการลดงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาล

 

 

สภาทองคำโลกคาดราคาทองพุ่งจากดอลล์อ่อน-เศรษฐกิจโลกซึม

 

หนังสือพิมพ์ไชน่าเดลี่รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของผู้เชี่ยวชาญในแวดวงอุตสาหกรรมทองคำว่า ราคาทองคำในตลาดโลกมีแนวโน้มทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการคาดการณ์ที่ว่าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่าลงอีก

 

นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจโลกจะเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง

 

อัลเบิร์ต เฉิน กรรมการผู้จัดการฝ่ายกิจการภาคตะวันออกไกลของสภาทองคำโลก (World Gold Council - WGC) กล่าวว่า ราคาทองคำในตลาดโลกจะพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ราคาได้ปรับตัวขึ้นไปแล้ว 23% ในปีนี้ก็ตาม

 

นายเฉินกล่าวว่า "ทองได้แรงหนุนจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานที่ร่วงลงเกินคาด

 

นายหลี่ เหม่ายู นักวิเคราะห์จากฉางเจียงซิเคียวริตีส์ คาดการณ์ว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนตัวลงอีกเนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังไร้ทิศทาง

 

ขณะที่นักวิเคราะห์จาก WGC กล่าวว่า ทุกครั้งที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลง นักลงทุนจะเพิ่มพอร์ทการลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงทองคำ

 

นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกยังส่งผลให้ปริมาณการผลิตทองคำในจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งจีนเป็นประเทศที่มีการทำเหมืองทองคำรายใหญ่สุดของโลก

 

 

จีนไฟเขียวต่างชาติมีส่วนร่วมในการปฏิรูปประเทศ

 

นายเจีย ชิงหลิน ประธานสภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งชาติจีน (CPPCC) กล่าวว่า จีนยังคงเปิดรับบริษัทต่างชาติให้เข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิรูปและเปิดประเทศ โดยเชื่อว่าบริษัทต่างชาติจะได้รับประโยชน์จากความก้าวหน้าและเฟื่องฟูของจีน

 

นายเจียได้พบปะพูดคุยกับนายกาย ทอซโซลี ประธานองค์กรศูนย์กลางการค้าโลก (WTCA) ที่มหาศาลาประชาคมในกรุงปักกิ่ง

 

นายเจีย กล่าวว่า "จีนยินดีต้อนรับบริษัทจากทุกประเทศให้เข้ามามีส่วนในการปฏิรูปและเปิดประเทศ รวมทั้งยัง หวังว่า WTCA จะแลกเปลี่ยนข้อมูลและสร้างความร่วมมือในหมู่สมาชิก เพื่อช่วยให้สมาชิกได้รับประโยชน์จากความก้าวหน้าและเฟื่องฟูของจีน

 

ด้านนายทอซโซลีกล่าวว่า WTCA จะใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากเครือข่ายสมาชิกที่มีอยู่ ในการช่วยประสานความร่วมมือระหว่างบริษัทจีนกับบริษัทอื่นทั่วโลก

 

สมาชิกของ WTCA ประกอบด้วยศูนย์กลางการค้าโลกเกือบ 300 แห่งในเกือบ 100 ประเทศทั่วโลก และมีบริษัทกว่า 750,000 แห่งทั่วโลกที่เข้าเป็นสมาชิกของ WTCA

 

ทั้งนี้ นายทอซโซลีเดินทางเยือนจีนโดยได้รับคำเชิญจากสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของจีน ซึ่งเป็นผู้ร่วมสนับสนุนการจัดการประชุมทั่วไปของ WTCA ซึ่งจะจัดถึงวันที่ 13 ตุลาคมนี้

 

 

โพลล์ระบุเอกชนญี่ปุ่นมีการค้าที่ดีขึ้นกับจีน

 

อากิฮิโระ โอฮาตะ รัฐมนตรีกระทรวงการค้าของญี่ปุ่นเผยข้อมูลจากผลสำรวจที่จัดทำขึ้นในระหว่างวันที่ 8-11 ต.ค. ซึ่งระบุว่า 40% ของบริษัทญี่ปุ่นมีการขยายตัวทางการค้าที่ดีขึ้นกับจีน เมื่อเทียบกับช่วงที่บรรยากาศทางการค้าระหว่างญี่ปุ่นกับจีนหยุดชะงักลงในช่วงปลายเดือนก.ย.ที่ผ่านมา

 

กระบวนการการค้าระหว่างญี่ปุ่นและจีนเริ่มชะลอตัวลงนับตั้งแต่เดือนที่แล้ว เนื่องจากจีนต้องการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเรือขนส่งสินค้าและสินค้าที่บรรทุกมายังประเทศจีนมากขึ้น

 

ขณะเดียวกันก็ต้องการให้มีการแสดงเอกสารอนุญาตขนสินค้าขาเข้าจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรมากขึ้นด้วย

 

ขณะที่การนำเข้าโลหะหายากจากจีน เพื่อนำมาใช้ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและอุปกรณ์เทคโนโลยีประเภทอื่นๆ ยังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ และหากสถานการณ์ต่างๆ ยังไม่ดีขึ้นภายในปลายสัปดาห์นี้ ญี่ปุ่นอาจเรียกร้องให้จีนแก้ปัญหาประเด็นการนำเข้า-ส่งออกสินค้าอีกครั้ง

 

โอฮาตะกล่าวว่า "เรากำลังพิจารณาส่งตัวเลขาธิการรัฐสภา หรือเจ้าหน้าที่ระดับผู้ช่วยรัฐมนตรีไปยังประเทศจีนเพื่อเข้าเจรจากับทางการจีนโดยตรง"

 

 

จีนย้ำกวาดล้างกระแสเงินเก็งกำไรต่อเนื่อง

 

สำนักปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) เปิดเผยว่า ทางสำนักงานจะเดินหน้าสกัดกระแสเงินเก็งกำไรจากต่างประเทศต่อไป รวมทั้งกวาดล้างการทำธุรกรรมเกี่ยวกับเงินตราต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย โดยยอมรับว่า กระแสเงินร้อนที่หลั่งไหลเข้าประเทศจีนนั้นถือเป็นปัญหาระยะยาวและมีความซับซ้อน

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การออกมาย้ำถึงจุดยืนในการกวาดล้างกระแสเงินร้อนครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ SAFE ได้ดำเนินการตรวจสอบธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับกระแสเงินร้อนจำนวน 190 กรณี ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 7.35 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งการตรวจสอบดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่จีนเริ่มดำเนินการเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมาในมณฑลและเทศบาลต่างๆ 13 แห่งที่มีบริการธุรกิจปริวรรตเงินตราต่างประเทศ

 

รายงานของ SAFE ระบุว่า กระแสเงินเก็งกำไรที่ไหลเข้าประเทศจีนนั้น มีสาเหตุมาจากกลุ่มนักเก็งกำไรที่เชื่อว่าเงินหยวนจะแข็งค่าขึ้น

 

นอกจากนี้ ยังอาจเป็นเพราะรัฐบาลท้องถิ่นบางแห่งได้ผ่อนปรนการควบคุมเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

 

ทั้งนี้ เงินหยวนแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และมีความผันผวนมากขึ้น นับตั้งแต่ธนาคารกลางจีนได้ประกาศเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ว่า จะปฏิรูปกลไกอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับอัตราแลกเปลี่ยน

 

อย่างไรก็ดี รายงานของ SAFE ระบุว่า การปฏิรูประบบปริวรรตเงินตราของจีนนั้นไม่ใช่การทำให้เงินหยวนแข็งค่า และยังได้แนะนำนักลงทุนให้ระมัดระวังความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำ Gold Futures Insight

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- พุธที่ 13 ตุลาคม 2553 10:30:49 น.

กรุงเทพฯ--13 ต.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์

คำแนะนำการลงทุน Gold Futures

DAY TRADER

GFV10 ซื้อในช่วงราคา 19140 — 19170 ขายในช่วงราคา 19240 — 19290

GFZ10 ซื้อในช่วงราคา 19200 — 19230 ขายในช่วงราคา 19300 — 19330

SWING TRADER

ทิศทางราคาทองคำโลก(Gold Spot) อยู่ในช่วงทิศทางขาขึ้นโดยมีแนวรับและแนวต้านที่1340และ1364เหรียญ ระวังค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น คำแนะนำนักลงทุนรายวันให้เก็งกำไรตามภาวะแกว่งตัวในทิศทางขาขึ้น นักลงทุนรายสัปดาห์แนะนำหาจังหวะเปิดสถานะ LONG POSITION บริเวณแนวรับ และ ปิดสถานะบริเวณแนวต้านที่ให้ไว้

 

GFV10 รอเข้าซื้อที่ระดับ 19330 รอขายที่ระดับ 19470

ปัจจัยสำคัญ

นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบหลังจากอาลี อัล-ไนมี รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของซาอุดิอาระเบียกล่าวแสดงความเห็นว่า ปริมาณน้ำมันดิบในตลาดโลกอยู่ในระดับที่สมดุล และราคาน้ำมันที่ระดับ 70-80 ดอลลาร์/บาร์เรลถือเป็นราคาที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งนักลงทุนมองว่าการแสดงความคิดเห็นของซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นสมาชิกที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดของโอเปคนั้น เป็นการส่งสัญญาณว่า กลุ่มโอเปคอาจจะตรึงโควต้าการผลิตไว้เท่าเดิมในการประชุมซึ่งจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 14 ต.ค.นี้

 

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายประจำวัน 21 ก.ย.ว่า เฟดมีความพร้อมที่จะใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหากจำเป็น คณะกรรมการเฟดกล่าวว่า นอกจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวในอัตราที่ช้าลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาและอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำแล้ว ตัวเลขการจ้างงานในภาคเอกชนยังเพิ่มขึ้นเพียงปานกลางและอัตราว่างงานยังอยู่ในระดับที่สูงมาก นอกจากนี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐยังคงซบเซา โดยเฉพาะการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

 

กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เข้าถือครองทองคำที่1287.327ตันในช่วงเวลาที่สิ้นสุด ณ วันที่ 12 ต.ค. เท่าเดิมจากระดับของวันที่ 11ต.ค.

 

GOLD Market Recap : 12/10/2010

MORNING RECAP : ราคาทองคำต่างประเทศเปิดที่ระดับ 1,349 $ ส่วน Gold Future V10 เปิดที่ 19,280 สมาคมค้าทองแท่งเปิดที่ 19,150 ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันทำการก่อน ตลาดทองคำ ( ราคาต่างประเทศ ) อยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยที่ผ่านมาราคาทองคำทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลที่ระดับ 1,365 $ และค่าเงินบาทยังอยู่ในทิศทางแข็งค่า ถึงแม้จะมีนโยบายจากภาครัฐมาช่วยกดดันค่าเงินบาทก็ตาม โดยล่าสุดอยู่ที่ 30.07 บาท ต่อดอลล่าร์สหรัฐ ในช่วงเช้าราคาทองคำวิ่งอยู่ในกรอบ 1,348 - 1,352 $ สำหรับช่วงบ่าย ราคาทองคำต่างประเทศปรับตัวลง แต่ไม่หลุด 1,340 $ Gold Future V10 ปิดตลาดที่ 19,200 ในขณะที่ราคาทองคำแท่งของสมาคมค้าทองคำแท่ง ปรับขึ้นลง 4 ครั้ง รวมลงมา 100 บาท ปิดตลาดอยู่ที่ 19,050 บาท นักลงทุนซื้อขายทำกำไรอย่างหนาแน่น เนื่องมาจาก Spot Gold ยังอยู่ ในทิศทางขาขึ้น

 

NIGHT RECAP: ราคาทองคำเปิดตลาดในประเทศไทยที่ระดับ 1349 เหรียญ โดยราคาเคลื่อนตัวอยู่ระหว่าง 1340 - 1351 เหรียญ ก่อนกลับมาปิดตลาดที่ 1348 เหรียญ ในเวลาประเทศไทย ต่อมาในตลาดลอนดอนและนิวยอร์ก ราคาทองคำมีการเคลื่อนตัวไปทำจุดสูงสุดที่ 1354 เหรียญ และกลับมาปิดตลาดที่ 1352 เหรียญ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปรับปรุงใหม่---ย้ายเส้นปากถุงมารวมกับกราฟGold1

เส้นปากถุงเส้นกลาง ปรุงปรุงใหม่ สามารถเปลี่ยนสีได้ สีเหลืองเข้ม -----ทิศทางขึ้น สีแดง ---กำลังเลือกทิศทางใหม่ สีฟ้า---ทิศทางลง

เส้นปากถุง (BollingerBandsเส้นสีขาวทั้ง๓เส้น(เส้นกลางสีขาวเปลี่ยนเปลี่ยนปรุงปรุงใหม่เป็น สามารถเปลี่ยนสีได้ สีเหลืองเข้ม -----ทิศทางขึ้น สีแดง---กำลังเลือกทิศทางใหม่ สีฟ้า---ทิศทางลง)แบบง่ายๆ ไม่ปวดเศียรเวียนเกล้า

 

เส้นบน---แนวต้าน

เส้นกลาง---แนวโน้ม(สำคัญสุด)เส้นปากถุงเส้นกลาง ปรุงปรุงใหม่ สามารถเปลี่ยนสีได้ สีเหลืองเข้ม -----ทิศทางขึ้น สีเหลืองอ่อน---กำลังเลือกทิศทางใหม่ สีฟ้า---ทิศทางลง

เส้นล่าง---แนวหนุน

ลักษณะที่๑---ทิศทางขึ้นเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวขึ้น เส้นล่างหันหัวลง

ลักษณะที่๒---ทิศทางขึ้นเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวขึ้น

เมื่อเจอลักษณะทั้ง๒นี้ ราคาระหว่างวันที่ขึ้นๆลงๆ เมื่อเจอจุดที่เห็นว่าต่ำแล้วให้ซื้อเข้าได้เลยครับ ขอเพียงเส้นกลาง(แนวโน้ม)ยังหันหัวขึ้นอยู่ แม้ราคาเแท่งเทียนจะอยู่ต่ำกว่าเส้นกลาง ก็ยังซื้อเข้าได้ หากเส้นบนเดินขวางเมื่อไหร่ ให้ทยอยลดพอร์ตได้เลยครับ

ลักษณะที่๓---เลือกทิศทาง---เส้นบนหันหัวลง เส้นล่างหันหัวขี้น ปากถุงแคบลง ถึงช่วงนี้ ให้ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว หากใครยังคิดอยากเคลื่อนไหว ก็จงเคลื่อนไหวไปหน้าทีวี จงอย่าทำการอย่างอื่นใด หากใครเป็นจอมยุทธ์ ก็ชิงเคลื่อนไหวก่อนใครได้

ขอแถมอีกนิด จงโฟกัสที่เส้นกลาง หากเส้นกลางเริ่มขยบหัวหัวขึ้นหรือลง ทิศทางอาจขึ้นหรือลงตามเส้นกลางแนวโน้มนั้น

ลักษณะที่๔---เคลื่อนไหวในกรอบแคบ---เส้นบน กลาง ล่าง เดินขวางทั้ง๓เส้น หากใครเล่นออนไลน์ สามารถเล่นได้เล็กน้อยอย่ามาก เมื่อราคาแท่งเทียนใกล้หรือทะลุเส้นบน จงขาย ใกล้หรือทะลุเส้นล่าง จงซื้อ ต้องเข้าออกให้ทันการณ์ หาไม่แล้วจากกำไรอาจขาดทุนได้นา ขอบอก

ลักษณะที่๕---ทิศทางลงเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวลง เส้ยล่างหัวหัวลง

ลักษณะที่๖---ทิศทางลงเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวลง เมื่อเส้นล่างเดินขวางเมื่อไหร่ ผู้ที่ใจกล้าที่เล่นออนไลน์ เริ่มทยอยซื้อเข้าได้ที่ละนิด อัตราเสี่ยงยังมีอยู่บ้างนะครับ สิบอกไห่

วิธีดูเส้นปากถุงที่กล่าวมานี้ .....ไม่ใช่ตำราของฝรั่ง แบบของฝรั่งผมเคยอ่านมาบ้างแล้ว ยาวมาก ปวดหัว ทำความเข้าใจได้ยากมากๆๆๆๆ ...........เหมาะเฉพาะกราฟราย๔ชม.และช่วงปกติเท่านั้นนะครับ (บางครั้งตลาดจงใจคึงขึ้นลงอย่าแรงๆ แทบหัวใจวายสำหรับผู้มีทองในมือและผิดทิศทางของตัวเอง เรียกว่า ช่วงไม่ปกติครับ)

ดูกราฟทุกครั้งให้ดูที่หัวมุมซ้ายบน จะบอกเวลา H4=4ชม. H1=1ชม. D1=1วัน และบอกชนิดของกราฟด้วย เช่น gold(XAUUSD)หรือset50เป็นต้น

กราฟGold 1

ช่อง1 เส้นแดงอยู่เหนือเส้นเขียว---ทิศทางขึ้น ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นเขียวอยู่เหนือเส้นแดง---ทิศทางลง ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นแดงและเขียวประสานเป็นกากะบาด ---กำลังจะเปลี่ยนทิศ ให้ดูเส้นแนวโน้มประกอบ(เส้นปากถุงเส้นกลางที่เปลี่ยนสีได้) หากเส้นแดงและเขียวกำลังจะประสาน แต่ไม่ทันได้ประสานก็หันหันหัวกลับขึ้นหรือลง แสดงว่ากำลังมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนี่งเกิดขึ้น หากขึ้นทะลุเส้นปะแนวต้าน ให้ดูเส้นปะแนวต้านเส้นต่อไป หากลงทะลุเส้นปะแนวหนุน ให้ดูเส้นแนวหนุนเส้นต่อไป ส่วนจุดกลมเหลืองทอง---ทิศทางลง จุดกลมฟ้า---ทิศทางขึ้น หากกราฟวิ่งในยามปกติ พอเชื่อถือได้ หากกราฟวิ่งขึ้นลงแรงๆ คือยามไม่ปกติ ไม่อาจเชือถือได้

ช่อง2 ให้ดูเส้นสีม่วง ประกอบกับเส้นแนวโน้มในช่อง1 หากหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย ส่วนเส้นปะสีเหลืองทองและฟ้า หากขึ้นเหนือเลข80 เข้าสู่เขตซื้อเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ทุกเมื่อ หากลงต่ำกว่าเลข20 เข้าสู่เขตขายเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ตลอดเวลา

ช่อง3 ให้ดูทั้ง2เส้น คือเหลืองทองและฟ้า หันหัวไปทิศทางเดียวกันหรือไม่ เท่านั้นยังไม่พอ ให้ดูประกอบทิศทางในช่อง1ว่าเป็นทิศทางเดียวกันหรือไม่ หากทิศทางหันหัวในแนวเดียวกัน ทิศทางนั้นเชื่อถือได้

ดูกราฟทุกครั้งให้ดูที่หัวมุมซ้ายบน จะบอกเวลา H4=4ชม. H1=1ชม. D1=1วัน และบอกชนิดของกราฟด้วย เช่น gold(XAUUSD)หรือset50เป็นต้น

post-237-002915900 1286944152.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปรับปรุงใหม่---ย้ายเส้นปากถุงมารวมกับกราฟGold1

เส้นปากถุงเส้นกลาง ปรุงปรุงใหม่ สามารถเปลี่ยนสีได้ สีเหลืองเข้ม -----ทิศทางขึ้น สีแดง ---กำลังเลือกทิศทางใหม่ สีฟ้า---ทิศทางลง

เส้นปากถุง (BollingerBandsเส้นสีขาวทั้ง๓เส้น(เส้นกลางสีขาวเปลี่ยนเปลี่ยนปรุงปรุงใหม่เป็น สามารถเปลี่ยนสีได้ สีเหลืองเข้ม -----ทิศทางขึ้น สีแดง---กำลังเลือกทิศทางใหม่ สีฟ้า---ทิศทางลง)แบบง่ายๆ ไม่ปวดเศียรเวียนเกล้า

 

เส้นบน---แนวต้าน

เส้นกลาง---แนวโน้ม(สำคัญสุด)เส้นปากถุงเส้นกลาง ปรุงปรุงใหม่ สามารถเปลี่ยนสีได้ สีเหลืองเข้ม -----ทิศทางขึ้น สีเหลืองอ่อน---กำลังเลือกทิศทางใหม่ สีฟ้า---ทิศทางลง

เส้นล่าง---แนวหนุน

ลักษณะที่๑---ทิศทางขึ้นเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวขึ้น เส้นล่างหันหัวลง

ลักษณะที่๒---ทิศทางขึ้นเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวขึ้น

เมื่อเจอลักษณะทั้ง๒นี้ ราคาระหว่างวันที่ขึ้นๆลงๆ เมื่อเจอจุดที่เห็นว่าต่ำแล้วให้ซื้อเข้าได้เลยครับ ขอเพียงเส้นกลาง(แนวโน้ม)ยังหันหัวขึ้นอยู่ แม้ราคาเแท่งเทียนจะอยู่ต่ำกว่าเส้นกลาง ก็ยังซื้อเข้าได้ หากเส้นบนเดินขวางเมื่อไหร่ ให้ทยอยลดพอร์ตได้เลยครับ

ลักษณะที่๓---เลือกทิศทาง---เส้นบนหันหัวลง เส้นล่างหันหัวขี้น ปากถุงแคบลง ถึงช่วงนี้ ให้ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว หากใครยังคิดอยากเคลื่อนไหว ก็จงเคลื่อนไหวไปหน้าทีวี จงอย่าทำการอย่างอื่นใด หากใครเป็นจอมยุทธ์ ก็ชิงเคลื่อนไหวก่อนใครได้

ขอแถมอีกนิด จงโฟกัสที่เส้นกลาง หากเส้นกลางเริ่มขยบหัวหัวขึ้นหรือลง ทิศทางอาจขึ้นหรือลงตามเส้นกลางแนวโน้มนั้น

ลักษณะที่๔---เคลื่อนไหวในกรอบแคบ---เส้นบน กลาง ล่าง เดินขวางทั้ง๓เส้น หากใครเล่นออนไลน์ สามารถเล่นได้เล็กน้อยอย่ามาก เมื่อราคาแท่งเทียนใกล้หรือทะลุเส้นบน จงขาย ใกล้หรือทะลุเส้นล่าง จงซื้อ ต้องเข้าออกให้ทันการณ์ หาไม่แล้วจากกำไรอาจขาดทุนได้นา ขอบอก

ลักษณะที่๕---ทิศทางลงเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวลง เส้ยล่างหัวหัวลง

ลักษณะที่๖---ทิศทางลงเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวลง เมื่อเส้นล่างเดินขวางเมื่อไหร่ ผู้ที่ใจกล้าที่เล่นออนไลน์ เริ่มทยอยซื้อเข้าได้ที่ละนิด อัตราเสี่ยงยังมีอยู่บ้างนะครับ สิบอกไห่

วิธีดูเส้นปากถุงที่กล่าวมานี้ .....ไม่ใช่ตำราของฝรั่ง แบบของฝรั่งผมเคยอ่านมาบ้างแล้ว ยาวมาก ปวดหัว ทำความเข้าใจได้ยากมากๆๆๆๆ ...........เหมาะเฉพาะกราฟราย๔ชม.และช่วงปกติเท่านั้นนะครับ (บางครั้งตลาดจงใจคึงขึ้นลงอย่าแรงๆ แทบหัวใจวายสำหรับผู้มีทองในมือและผิดทิศทางของตัวเอง เรียกว่า ช่วงไม่ปกติครับ)

ดูกราฟทุกครั้งให้ดูที่หัวมุมซ้ายบน จะบอกเวลา H4=4ชม. H1=1ชม. D1=1วัน และบอกชนิดของกราฟด้วย เช่น gold(XAUUSD)หรือset50เป็นต้น

กราฟGold 1

ช่อง1 เส้นแดงอยู่เหนือเส้นเขียว---ทิศทางขึ้น ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นเขียวอยู่เหนือเส้นแดง---ทิศทางลง ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นแดงและเขียวประสานเป็นกากะบาด ---กำลังจะเปลี่ยนทิศ ให้ดูเส้นแนวโน้มประกอบ(เส้นปากถุงเส้นกลางที่เปลี่ยนสีได้) หากเส้นแดงและเขียวกำลังจะประสาน แต่ไม่ทันได้ประสานก็หันหันหัวกลับขึ้นหรือลง แสดงว่ากำลังมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนี่งเกิดขึ้น หากขึ้นทะลุเส้นปะแนวต้าน ให้ดูเส้นปะแนวต้านเส้นต่อไป หากลงทะลุเส้นปะแนวหนุน ให้ดูเส้นแนวหนุนเส้นต่อไป ส่วนจุดกลมเหลืองทอง---ทิศทางลง จุดกลมฟ้า---ทิศทางขึ้น หากกราฟวิ่งในยามปกติ พอเชื่อถือได้ หากกราฟวิ่งขึ้นลงแรงๆ คือยามไม่ปกติ ไม่อาจเชือถือได้

ช่อง2 ให้ดูเส้นสีม่วง ประกอบกับเส้นแนวโน้มในช่อง1 หากหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย ส่วนเส้นปะสีเหลืองทองและฟ้า หากขึ้นเหนือเลข80 เข้าสู่เขตซื้อเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ทุกเมื่อ หากลงต่ำกว่าเลข20 เข้าสู่เขตขายเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ตลอดเวลา

ช่อง3 ให้ดูทั้ง2เส้น คือเหลืองทองและฟ้า หันหัวไปทิศทางเดียวกันหรือไม่ เท่านั้นยังไม่พอ ให้ดูประกอบทิศทางในช่อง1ว่าเป็นทิศทางเดียวกันหรือไม่ หากทิศทางหันหัวในแนวเดียวกัน ทิศทางนั้นเชื่อถือได้

ดูกราฟทุกครั้งให้ดูที่หัวมุมซ้ายบน จะบอกเวลา H4=4ชม. H1=1ชม. D1=1วัน และบอกชนิดของกราฟด้วย เช่น gold(XAUUSD)หรือset50เป็นต้น

post-237-001906900 1286944194.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีค่ะ เฮียทองใหม่ รับข้อมูลเต็มๆ มีคะแนน +1 พร้อมยกมือเช็คชื่อค่ะเฮีย !thk

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...