ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

คุณทองใหม่ว่าคืนนี้ทองจะลงหรือขึ้นคะ !01 !01

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับอาจารย์ทองใหม่ ขออนุญาต +1 ให้อาจารย์นะครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณอ.ทองใหม่มากคะ :lol:

 

 

!01 !01 !01 ขอบคุณครับ หุ้นน่าจะไปต่อได้ !21

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การจ้างงานในสหรัฐฯ ฟื้นหรือฟุบ?

วันพฤหัสบดีที่ 04 พฤศจิกายน 2010 เวลา 05:39 น. กอง บก.ออนไลน์ ข่าวรายวัน - ข่าวต่างประเทศ

บทสรุปผู้บริหาร

- ความเชื่อมโยงของระบบเศรษฐกิจและการเงินของโลกในปัจจุบัน ทำให้การติดตามความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจของประเทศที่มีความเชื่อมโยงกับไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการประเมินและวางแผนนโยบายด้านเศรษฐกิจของไทย - บทความนี้ ได้วิเคราะห์สถานการณ์และแนวโน้มการจ้างงานในสหรัฐฯ และพบว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งขับเคลื่อนโดยภาคการบริโภคภายในประเทศนั้น จะยังคงไม่ฟื้นตัวเต็มที่ในระยะเวลาอันใกล้ เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในปัจจุบันมิได้ส่งผลให้เกิดการจ้างงานและลดระดับการว่างงานที่มากเพียงพอ นอกจากนี้ แม้ว่าภาคธุรกิจจะสามารถทำกำไรได้ดีในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ แต่ความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ภาคธุรกิจยังคงมีแนวโน้มที่จะชะลอการจ้างงานและการลงทุนออกไปอีกระยะหนึ่ง

- การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยผ่านช่องทางการค้าสินค้า การท่องเที่ยว การลงทุนทางตรงและการลงทุนทางอ้อม โดย สศค. คาดว่าหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงร้อยละ 1 ต่อปี จะทำให้เศรษฐกิจไทยลดลงร้อยละ 0.1 ต่อปี ซึ่งนำมาสู่การนำเสนอนัยเชิงนโยบายเพื่อลดความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดังต่อไปนี้

1. สนับสนุนนโยบายเพื่อการกระจายตลาดส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยวของไทย จากเดิมที่พึ่งพาตลาดในสหรัฐฯ ยุโรปและญี่ปุ่น ไปยังตลาดเกิดใหม่ เช่น อินเดียและจีน และตลาดในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มมากขึ้น

2. สนับสนุนให้เกิดอุปสงค์ภายในประเทศเพิ่มขึ้นทั้งการบริโภคและการลงทุน เพื่อลดการพึ่งพาภาคการส่งออกในการเป็นเครื่องจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยภาครัฐฯ ควรเร่งการดำเนินโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อสนับสนุนการจ้างงาน การลงทุนและการบริโภคภาคเอกชน

3. สนับสนุนนโยบายเพื่อส่งเสริมการลงทุนจากนักลงทุนในประเทศที่มีศักยภาพ เช่น จีนและประเทศในภูมิภาคอาเซียน อันเป็นการบรรเทาผลกระทบจากมูลค่าการลงทุนที่ลดลงจากประเทศสหรัฐฯ ยุโรปและญี่ปุ่น

4. ดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาทมิให้ส่งผลกระทบต่อความสามารถทางการแข่งขันของประเทศมากกว่าปัจจัยพื้นฐานที่ควรจะเป็น

 

1. บทนำ

เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย โดยการส่งออกสินค้าของไทยคิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 10.6 ของการส่งออกทั้งหมด ดังนั้น การติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด จึงเป็นส่วนสำคัญของการติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจไทย ทั้งนี้ การบริโภคภายในประเทศของสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 70 ของขนาดเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยการจ้างงานเป็นหัวใจสำคัญต่อการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชน ที่ผ่านมา แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจโลกตามลำดับ แตห่ ลายฝ่ายยังคำนึงถึงความเปราะบางของการฟื้นตัวดังกล่าว เนื่องจากอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับระดับก่อนวิกฤตเศรษฐกิจ

บทความนี้ จะวิเคราะห์ตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ในรายละเอียด เพื่อที่จะหาคำตอบว่าภาคการจ้างงานของสหรัฐฯ มีแนวโน้มเป็นอย่างไร และจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เกิดปัญหาชะงักงันทางเศรษฐกิจหรือไม่

 

2. สถานการณ์การจ้างงานในสหรัฐฯ

ผู้ว่างงานของสหรัฐฯ ณ เดือน ส.ค. 53 ( เกือบ 2 ปีให้หลังจากวิกฤตเศรษฐกิจ) มีจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 14 ล้านคน2 หรือคิดเป็นร้อยละ 9.6 ของกำลังแรงงานรวม ซึ่งนับว่าอยู่ในระดับที่สูงกว่าช่วงก่อนวิกฤตเศรษฐกิจที่ระดับร้อยละ 6.6 ของกำลังแรงงาน ณ เดือน ต.ค. 51 และเมื่อพิจารณาประเภทของผู้ว่างงานพบว่านับจากวิกฤติเศรษฐกิจ (ต.ค.51) ผู้ว่างงานในสหรัฐฯ เป็นผู้ว่างงานจากตำแหน่งงานประจำ (Full-time employment) เป็นสำคัญผู้ว่างงานที่ยังคงมีจำนวนมากทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งมีการบริโภคภาคอกชนเป็นองค์ประกอบสำคัญอาจจะไม่สามารถฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนวิกฤตเศรษฐกิจในระยะเวลาอันใกล้

อย่างไรก็ตาม กำลังการใช้จ่ายของผู้ที่มีงานทำในระบบแรงงานพบว่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากช่วงวิกฤตมากนัก โดยเห็นได้จากตัวเลขชั่วโมงการทำงานเฉลี่ยต่อสัปดาห์และรายได้เฉลี่ยต่อสัปดาห์ที่สำรวจโดยกระทรวงแรงงานของสหรัฐฯ พบว่านับตั้งแต่ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจเป็นต้นมา จำนวนชั่วโมงทำงานในภาคเอกชนไม่ได้ลดลงมากนัก โดยในเดือน ส.ค.53 จำนวนชั่วโมงทำงานในภาคเอกชนอยู่ที่ 34.2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือลดลงเพียง 0.2 ชั่วโมงจากช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ (เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค. 51) ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อสัปดาห์ในเดือน ส.ค. 53 อยู่ที่ 774.97 ดอลลาร์สหรัฐ มากว่าจากช่วงก่อนวิกฤต 23.67 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 3.2

การที่จำนวนชั่วโมงการทำงานและรายได้ต่อสัปดาห์ที่ไม่ได้ลดลงนี้ สะท้อนการลดการจ้างงานของผู้ประกอบการและการเพิ่มชั่วโมงการทำงานให้แก่พนักงานที่ยังอยู่ในระบบเพื่อลดต้นทุนและรายจ่ายที่ไม่จำเป็น ส่งผลให้กำไรของภาคเอกชนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอ้างอิงจากคาดการณ์ของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ที่คาดว่าในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ บริษัทในสหรัฐฯ จะมีกำไรหลังหักภาษี (After-tax profit) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าร้อยละ 3.9 ต่อไตรมาสหรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 27 อย่างไรก็ตาม อ้างอิงจากบทสัมภาษณ์ของหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal พบว่า แม้ว่าผลประกอบการของบริษัทเอกชนจะเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 27 ผู้ประกอบการในสหรัฐฯ ก็ยังไม่มีแนวทางที่จะจ้างลูกจ้างเพิ่มเติมหรือใช้จ่ายเพื่อลงทุนในอุปกรณ์เพิ่มเติม อย่างน้อยในอีก 2 ปีข้างหน้า3 มุมมองของผู้ประกอบการดังกล่าว เป็นการส่งสัญญาณต่อภาครัฐฯ ในการดำเนินนโยบายเพื่อกระตุ้นการจ้างงานในประเทศให้เพิ่มมากขึ้น

 

3. การจ้างงานในสหรัฐฯ ไม่ได้แย่ในทุกสาขา

จากการศึกษาโครงสร้างการจ้างงานในสหรัฐฯ พบว่า แรงงานกว่าร้อยละ 90 อยู่ในภาคบริการขณะที่ภาคการผลิตมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 8 สำหรับภาคการเกษตรนั้นมีสัดส่วนน้อยเพียงประมาณร้อยละ 2 ของตำแหน่งงาน และจากตัวเลขตำแหน่งงานนอกภาคเกษตร (Non-Farm Payroll) ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2553 พบว่าร้อยละ 20 ของตำแหน่งงานอยู่ในภาคการค้าและการขนส่ง รองลงมา ได้แก่ ภาคราชการและภาคการศึกษาและสุขภาพซึ่งมีสัดส่วนกว่าร้อยละ 17 และร้อยละ 15 ของตำแหน่งงานตามลำดับ

นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาตำแหน่งงานนอกภาคเกษตรในรายสาขา (ภาพที่ 3) พบว่านับตั้งแต่หลังวิกฤตเศรษฐกิจ สาขาที่ตำแหน่งงานมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องได้แก่ สาขาการค้าและการขนส่ง สาขาการก่อสร้าง สาขาการผลิตภาคอุตสาหกรรม และสาขาธุรกิจ (Professional and Business) ซึ่งสาขาดังกล่าวล้วนเป็นสาขาที่มีความสำคัญ เนื่องจากมีสัดส่วนตำแหน่งงานกว่าร้อยละ 45 ของตำแหน่งงานทั้งหมด อย่างไรก็ตาม พบว่ามีบางสาขาที่มีจำนวนตำแหน่งงาน (การจ้างงาน) เพิ่มขึ้น ได้แก่ สาขาการศึกษาและสุขภาพสำหรับสาขาที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งงานมากนัก ได้แก่ สาขาเหมืองแร่ สาขาการสื่อสาร สาขาการเงิน สาขาสันทนาการ (Leisure and Hospitality) และสาขาราชการ

 

4. แผนการกระตุ้นการจ้างงานของสหรัฐฯ ยังไม่ส่งผลเป็นรูปธรรม

ภายหลังจากวิกฤตเศรษฐกิจ รัฐบาลสหรัฐฯ ในสมัยของนายกรัฐมนตรีบารัก โอบามา ได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายวงเงิน 787 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศและการจ้างงาน ซึ่งทางการสหรัฐฯ คาดว่างบประมาณดังกล่าวจะสามารถกระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน (เพิ่มขึ้นหรือลดการว่างงาน) ประมาณ 6.9 ล้านตำแหน่งงานในช่วงปี 2552 – 2555 โดยประมาณการณ์ไว้ว่าในปี 2552 และ 2553 จะมีตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นหรือลดการว่างงาน 3.7 ล้านตำแหน่ง4 อย่างไรก็ตาม จากตัวเลขการว่างงานที่ยังคงเพิ่มขึ้นในช่วงเกือบ 2 ปีที่ผ่านมาดังที่แสดงไว้ในภาพที่ 1 จะเห็นว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ยังไม่ส่งผลสัมฤทธิ์เท่าที่ควร และปัญหาการว่างงานที่ปัจจุบันมีผู้ว่างงานกว่า 14 ล้านคนนั้น จะยังคงเป็นโจทย์สำคัญที่สหรัฐฯ จะต้องแก้ไข โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาที่การจ้างงานมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องเช่น สาขาการค้าและการขนส่ง สาขาการก่อสร้างและสาขาการผลิต โดยเฉพาะสาขาการก่อสร้างที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงมีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างเปราะบาง

 

5. ผลกระทบจากปัญหาการว่างงานในสหรัฐฯ ต่อประเทศไทย

ปัญหาการว่างงานในสหรัฐฯ นับว่าเป็นประเด็นปัญหาที่ประเทศไทยต้องจับตามอง เนื่องจากปัญหาดังกล่าวจะกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะต่อไป ผ่านช่องทางการบริโภคภาคเอกชนซึ่งเป็นภาคส่วนที่มีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งของสหรัฐฯ โดยมีสัดส่วนกว่าร้อยละ 70 ของ GDP ทั้งนี้ การที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะขยายตัวชะลอลง จะส่งผลกระทบต่อการค้าและการลงทุนของไทยผ่านช่องทางดังต่อไปนี้

(1) ช่องทางการค้า

(1.1) การส่งออกสินค้าจะได้รับผลกระทบมาก เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกสินค้าอันดับที่ 1 คิดเป็นสัดส่วนการส่งออกกว่าร้อยละ 10.4 ของการส่งออกทั้งหมด โดยในช่วงเดือน ม.ค.–ส.ค. 53 สินค้าส่งออกของไทยส่งออกไปยังสหรัฐฯ มีมูลค่ากว่า 12.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 26.2 ดังนั้น ผลกระทบจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงจึงส่งผลต่อการส่งออกของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้ ไทยยังอาจได้รับผลกระทบทางอ้อมผ่านการส่งออกสินค้าไทยไปยังอาเซียน ซึ่งอาจจะมีปริมาณลดลงหากการส่งออกของอาเซียนไปยังสหรัฐฯลดลง ทั้งนี้ การส่งออกของไทยไปยังอาเซียนคิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 23.3 ของการส่งออกทั้งหมดของไทย โดยในช่วงเดือน ม.ค.- ส.ค. 53 การส่งออกสินค้าของไทยไปยังอาเซียนมีมูลค่ากว่า 29.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

(1.2) การท่องเที่ยวผลกระทบจะอยู่ในวงจำกัด เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวจากสหรัฐฯ ที่เดินทางมีประเทศไทย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6.2 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด โดยในช่วงเดือน ม.ค. – ส.ค. 53 มีนักท่องเที่ยวสหรัฐฯ เดินทางมาไทยกว่า 4.9 แสนคน ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ร้อยละ 1.6 ดังนั้น หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงก็จะกระทบต่อรายได้จากนักท่องเที่ยวในส่วนนี้

 

(2) ช่องทางการลงทุน

(2.1) การลงทุนโดยตรงจะได้รับผลกระทบในวงจำกัด เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นผู้ลงทุนโดยตรงสุทธิเป็นอันดับที่ 7 ของไทย คิดเป็นสัดส่วนการลงทุนสุทธิที่ร้อยละ 2.7 ของการลงทุนโดยตรงสุทธิทั้งหมด โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 53 การลงทุนโดยตรงสุทธิจากสหรัฐฯ มายังไทยมีมูลค่า 60.68 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดังนั้น ผลกระทบจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงจึงส่งผลต่อการลงทุนของสหรัฐฯในไทยอยู่บ้าง

(2.2) การลงทุนทางอ้อมจะได้รับผลกระทบในวงจำกัด เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นผู้ลงทุนในเรือนหุ้นเป็นอันดับที่ 7 ของไทย คิดเป็นสัดส่วนการลงทุนสุทธิที่ร้อยละ 2.6 ของการลงทุนในเรือนหุ้นทั้งหมด โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 53 การลงทุนในเรือนหุ้นจากสหรัฐฯ มายังไทยมีมูลค่า 69.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดังนั้น ผลกระทบจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงจึงส่งผลต่อการลงทุนของสหรัฐฯในไทยอยู่บ้าง

ทั้งนี้ สศค. คาดว่าหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวลดลงร้อยละ 1.0 ต่อปี จะกระทบต่อเศรษฐกิจของไทยประมาณร้อยละ 0.1 ต่อปี

 

6. บทสรุปและนัยเชิงนโยบาย

การวิเคราะห์สถานการณ์และแนวโน้มการจ้างงานในสหรัฐฯ ในบทความนี้ ทำให้เราทราบว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งขับเคลื่อนโดยภาคการบริโภคภายในประเทศเป็นสำคัญนั้น จะยังคงไม่ฟื้นตัวเต็มที่ในระยะเวลาอันใกล้ เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในปัจจุบันมิได้ส่งผลให้เกิดการจ้างงานและลดระดับการว่างงานที่มากเพียงพอ นอกจากนี้ แม้ว่าภาคธุรกิจจะสามารถทำกำไรได้ดีในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ภาคธุรกิจยังคงมีแนวโน้มที่จะชะลอการจ้างงานและการลงทุนออกไปอีกระยะหนึ่ง

สำหรับประเทศไทย บทความนี้ ได้แสดงให้เห็นผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯต่อเศรษฐกิจไทยผ่านช่องทางการค้าสินค้า การท่องเที่ยว การลงทุนทางตรงและการลงทุนทางอ้อมโดยประมาณว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงร้อยละ 1 ต่อปี จะทำให้เศรษฐกิจไทยลดลงร้อยละ 0.1 ต่อปี ดังนั้น จึงขอเสนอนัยเชิงนโยบายเพื่อลดความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดังต่อไปนี้

1. สนับสนุนนโยบายเพื่อการกระจายตลาดส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยวของไทยจากเดิมที่พึ่งพาตลาดในสหรัฐฯ ยุโรปและญี่ปุ่น ไปยังตลาดเกิดใหม่ เช่น อินเดียและจีนและตลาดในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มมากขึ้น

2. สนับสนุนให้เกิดอุปสงค์ภายในประเทศเพิ่มขึ้นทั้งการบริโภคและการลงทุน เพื่อลดการพึ่งพาภาคการส่งออกในการเป็นเครื่องจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยภาครัฐฯ ควรเร่งการดำเนินโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อสนับสนุนการจ้างงาน การลงทุนและการบริโภคภาคเอกชน

3. สนับสนุนนโยบายเพื่อส่งเสริมการลงทุนจากนักลงทุนในประเทศที่มีศักยภาพ เช่น จีนและประเทศในภูมิภาคอาเซียน อันเป็นการบรรเทาผลกระทบจากมูลค่าการลงทุนที่ลดลงจากประเทศสหรัฐฯ ยุโรปและญี่ปุ่น

4. ดูแลเสถียรภาพของค่าเงินบาท มิให้ส่งผลกระทบต่อความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ มากกว่าปัจจัยพื้นฐานที่ควรจะเป็น

 

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรุณสวัสดิ์ อ. ทองใหม่ครับ

ขอบคุณสำหรับข่าวสารยามเช้าครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรุณสวัสดิ์คุณทองใหม่

 

T151010_04C.gif T150710_01C_r.gif

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรุณสวัสดิ์คะอ.ทองใหม่ วันนี้ตาแป๊ะมาแต่เช้า +1ให้ตาแป๊ะคะ :lol:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...