ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

นักลงทุนหันถือทองคำหนุนปิดบวก 10.2 ดอลลาร์

 

ข่าวรายวัน - ข่าวต่างประเทศ

เขียนโดย ณัฐญา เนตรหิน

วันพุธที่ 12 มกราคม 2011 เวลา 07:31 น.

 

ทองคำตลาดนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (11 ม.ค.) สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 10.2 ดอลลาร์ หรือ 0.74% ปิดที่ 1,384.30 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนไหวในช่วง 1384.0 - 1378.0 ดอลลาร์

 

นักลงทุนหันมาถือครองทองคำซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย จากที่ก่อนหน้านี้มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของประเทศยุโรปหลายประเทศ ที่อาจต้องขอความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประกอบกับเป็นเข้าซื้อทองคำก่อนที่จะถึงเทศกาลตรุษจีน

 

อรุณสวัสดิ์คะ กราบขอบคุณด้วย....ติดตามต่อปาย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กำเสี่ยคะอ. (เขียนตัวหนังสือจีนไม่เป็น อิอิ) !thk !thk !thk

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กำเสี่ยคะอ. (เขียนตัวหนังสือจีนไม่เป็น อิอิ) !thk !thk !thk

สอนให้ เขียนแบบนี้จ้า

post-237-037776600 1294799948.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มูลค่าควบรวมกิจการ M&A ทั่วโลกประเดิมต้นปี 2554 พุ่ง 8 หมื่นล้านเหรียญ

 

Posted on Wednesday, January 12, 2011

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (อ. 11 ม.ค. 2554)

• ยอดสินค้าส่งคงเหลือ (พ.ย.) ลดลง 0.2% จากเดือนก่อนหน้า

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (พ. 12 ม.ค. 2554)

• ราคานำเข้า Import and Export Prices (ธ.ค.) โดย กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ

• ราคาส่งออก Import and Export Prices (ธ.ค.) โดย กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ

• สต็อกน้ำมันสำรองประจำสัปดาห์ EIA Petroleum Status Report โดย EIA

• รายงาน Beige Book โดย ธนาคารกลางสหรัฐฯ

 

 

มูลค่าควบรวมกิจการ M&A ทั่วโลกประเดิมต้นปี 2554 พุ่ง 8 หมื่นล้านเหรียญ

 

ธุรกิจทั่วโลกประเดิมต้นปี 2554 ด้วยการประกาศดีลควบรวมและซื้อกิจการในมูลค่ารวมกันสูงกว่าปีก่อนๆ ถ้าเทียบในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นสัญญาณที่แสดงว่าตัวเลขทั้งปีอาจจะออกมาสวยหรูตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

 

ข้อมูลจากบริษัทที่ปรึกษา “Dealogic” ระบุว่า มูลค่าดีล M&A ที่ประกาศออกมาทั่วโลกเพียงแค่ในวันอาทิตย์กับวันจันทร์ที่ผ่านมา มีมูลค่าสูงถึง 34,000 ล้านเหรียญ ซึ่งก็ทำให้มูลค่าการควบรวมและซื้อกิจการนับตั้งแต่ต้นปีวิ่งขึ้นแตะระดับ 83,000 ล้านเหรียญแล้ว โดยตัวเลขยังสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีมูลค่าเพียง 67,000 ล้านเหรียญ

 

ตัวอย่างแผนการควบรวมกิจการล่าสุดก็ได้แก่ บริษัทพลังงานจากรัฐนอร์ท คาโรไลน่า อย่าง “Duke Energy” ที่ตกลงเข้าซื้อเพื่อนร่วมธุรกิจ “Progress Energy” ด้วยสนนราคาตามมูลค่าหุ้นที่คิดเป็นเงินกว่า 13,000 ล้านเหรียญ และถ้าหากรวมตัวเลขหนี้เข้าไปด้วย ดีลนี้ก็จะมีมูลค่าถึง 26,000 ล้านเหรียญ

 

ผู้บริหารของ Deutsche Bank ที่ดูแลงานด้าน M&A มองว่า มูลค่าดีลที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากการชะลอแผนในช่วงวิกฤติการเงินที่ผ่านมา ก่อนที่บริษัทเหล่านั้นเริ่มกลับมามีความพร้อมและปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาวะเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว

 

บรรดาที่ปรึกษาทั้งหลายยังบอกด้วยว่า การที่เศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปโตได้ในอัตราที่ต่ำลง นั่นย่อมเป็นการบีบให้บริษัทต่างๆ ต้องหันมาร่วมมือกันมากขึ้น เพื่อสร้างมูลค่าให้กับกิจการของตนโดยผ่านนโยบายลดต้นทุน

 

 

แคนนอนทุ่ม 1 ล้านล้านเยนเพื่อ ดีล M&A ใน 5 ปีข้างหน้า

 

ฟูจิโอะ มิตาราอิ ประธานบริษัท แคนนอน อิงค์ เปิดเผยกับสำนักข่าวเกียวโดว่า แคนนอนวางแผนทุ่มงบถึง 1 ล้านล้านเยนสำหรับการควบรวมและซื้อกิจการในธุรกิจการแพทย์และหุ่นยนต์ในช่วง 5 ปีข้างหน้านี้ ท่ามกลางสถานการณ์เงินเยนที่แข็งค่า

 

นอกจากนี้ ภายใต้แผนธุรกิจ 5 ปี จนถึงปี 2558 แคนนอนจะจัดตั้งฐานปฏิบัติการแห่งใหม่ในสหรัฐและยุโรป หลังจากที่บริษัทมีฐานการวิจัยและพัฒนาเทคโยโลยีทางการแพทย์และการพิมพ์อยู่แล้วในญี่ปุ่น

 

ทั้งนี้ การแข็งค่าของเงินเยนถือเป็นผลดีกับบริษัทในการเข้าซื้อบริษัทต่างชาติ นายมิราตาอิ กล่าวว่า แคนนอนจะรุกควบรวมและซื้อกิจการ โดยบริษัทได้เริ่มเลือกบริษัทที่อาจจะเข้าควบรวมกิจการไว้บ้างแล้ว

 

 

ที่ประชุมผู้ว่าแบงก์ชาติทั่วโลกยืนยันเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว

 

นายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวกับผู้สื่อข่าวนอกรอบการประชุมราย 2 ปีของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) ว่า ผู้ว่าการธนาคารกลางที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ยืนยันว่า เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวขึ้นจากวิกฤตการเงินแล้ว

 

นอกจากนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังดีขึ้นกว่าที่ได้มีการคาดการณ์และประมาณการณ์ไว้ก่อนหน้านี้"

 

ทริเชต์ได้กล่าวย้ำเกี่ยวกับเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ที่ขยายตัวสวนทางกับกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว อย่างไรก็ตาม เขาเตือนว่าความเสี่ยงที่เกิดจากเงินเฟ้ออาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่

 

นอกจากนี้ ทริเชต์เปิดเผยว่า ผู้ว่าการธนาคารกลางที่เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ได้หยิบยกประเด็นราคาอาหารที่สูงขึ้นมาพูดคุยในที่ประชุม โดยระบุว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่นั้น ยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก

 

 

ญี่ปุ่นพร้อมช่วยซื้อหนี้ยูโร หวังบรรเทาวิกฤติหนี้ยุโรป

 

รัฐบาลกรุงโตเกียวเปิดเผยแผนที่จะเข้าซื้อพันธบัตรของกลุ่มประเทศยูโรในเดือนนี้ เพื่อหวังช่วยบรรเทาปัญหาวิกฤติหนี้ของภูมิภาคให้ผ่อนคลายลง และเป็นรายล่าสุดต่อจากธนาคารกลางยุโรปที่เพิ่งประกาศแผนเข้าช่วยซื้อพันธบัตรรัฐบาลโปรตุเกสไปเมื่อวันก่อน

 

ล่าสุดญี่ปุ่นก็กำลังพิจารณาที่จะซื้อพันธบัตรในสัดส่วนราว 20% ที่กลุ่มประเทศยุโรปออกขายเพื่อระดมทุนให้การช่วยเหลือประเทศไอร์แลนด์ โดยมีแผนที่จะซื้อพันธบัตรดังกล่าวด้วยเงินสำรองสกุลยูโรที่ตนถืออยู่

 

แผนซื้อพันธบัตรของญี่ปุ่นสะท้อนถึงความกังวลเรื่องผลกระทบจากวิกฤตการเงินในยุโรปที่มีต่อเศรษฐกิจ เมื่อญี่ปุ่นต้องอาศัยภาคส่งออกเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายก็มองไปถึงขนาดว่า ญี่ปุ่นพยายามที่จะแสดงอำนาจของตนบนเวทีโลก รวมถึง รักษาสถานภาพทางการทูตในเชิงเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากที่จีนเป็นผู้ริเริ่มใช้นโยบายการทูตในแบบดังกล่าว

 

ในอีกด้านหนึ่ง ทางญี่ปุ่นก็น่าจะหวังถึงประโยชน์จากการมาตรการช่วยเหลือในครั้งนี้ หลังจากประเทศคู่ค้าต่างแสดงความไม่พอใจ จากการที่รัฐบาลญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงไม่ให้เงินเยนแข็งค่าในช่วงที่ผ่านมา

 

 

ทุนสำรองระหว่างประเทศจีนปี 53 พุ่งแตะ 2.8 ล้านล้านเหรียญ

 

ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนพุ่งขึ้นแตะระดับ 2.8 ล้านล้านดอลลาร์ ณ สิ้นปี 2553 ซึ่งทำให้จีนยังคงรักษาตำแหน่งประเทศที่มีทุนสำรองมากที่สุดในโลกต่อไปอีก

 

โดยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนเพิ่มขึ้น 1.99 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาส 4/53 และเพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อน

 

การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวมีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่จีนกำลังเผชิญกับเสียงเรียกร้องจากสหรัฐและประเทศอื่นๆให้ผ่อนคลายการควบคุมสกุลเงินหยวนที่เป็นผลให้เม็ดเงินในทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนพุ่งขึ้นอย่างมาก

 

นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศยังมีขึ้นในขณะที่จีนเดินหน้าควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินหยวนด้วยการเข้าซื้อสกุลเงินที่หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจ ขณะที่สหรัฐและประเทศอื่นๆพากันตำหนิว่า การที่ตรึงเงินหยวนให้มีมูลค่าต่ำเกินจริงทำให้กลุ่มผู้ส่งออกของจีนมีข้อได้เปรียบด้านราคาอย่างไม่เป็นธรรม และส่งผลกระทบต่อคู่แข่งต่างชาติด้วย

 

 

ผู้เชี่ยวชาญชี้หยวนแข็งค่าไม่ช่วยลดยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐ

 

นักเศรษฐศาสตร์ชาวจีนกล่าวว่า การแข็งค่าของเงินหยวน ไม่ได้ช่วยลดยอดขาดดุลการค้าและเพิ่มการสร้างงานของสหรัฐเท่าใดนัก

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายหยาว หยาง ผู้อำนวยการศูนย์การวิจัยเศรษฐกิจจีน มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ได้แสดงความเห็นในที่ประชุมเรื่อง "China's economy in 2554: Forecast and Analysis from Leading Chinese Economists." ว่า ประเด็นเรื่องเศรษฐกิจของจีนและสหรัฐจึงไม่ใช่เรื่องภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องระดับโลกด้วยเช่นกัน

 

เมื่อปี 2550 จีนมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐอยู่ 2.06 แสนล้านดอลลาร์ และยอดเกินดุลลดลงมาอยู่ที่ 1.43 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2552 เนื่องจากดีมานด์ในต่างประเทศที่หดตัวลงในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงิน แต่นายหยาวชี้ว่า 44% ของยอดเกินดุลการค้านั้นเป็นผลมาจากบริษัทสหรัฐที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศจีน และอีก 20% เป็นผลมาจากบริษัทของประเทศอื่นๆที่เข้ามาทำธุรกิจในจีน

 

พร้อมกับยกตัวอย่างไอโฟน ซึ่งออกแบบโดยบริษัท แอปเปิล องค์ ของสหรัฐ โดยระบุว่าสินค้าดังกล่าวประกอบขึ้นในประเทศจีน ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีส่วนทำให้จีนมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐมูลค่าสูงถึง 1,900 ล้านดอลลาร์ในปี 2552

 

แม้ว่าจีนจะถูกบีบให้ยกเลิกการส่งออกสินค้าบางรายการเมื่อเงินหยวนแข็งค่า แต่ทางสหรัฐก็ยังคงต้องซื้อสินค้าเหล่านี้จากประเทศอื่นๆ เพราะปกติสหรัฐไม่ได้เป็นผู้ผลิต ด้วยเหตุนี้ การแข็งค่าของเงินหยวนจึงไม่ได้ช่วยให้ยอดขาดดุลการค้าลดลงหรือเพิ่มการสร้างงานแต่อย่างใด

 

 

จีนเตรียมเปิดตลาดปริวรรตเงินตราปีนี้

 

สำนักปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) จะส่งเสริมให้มีการเปิดตลาดปริวรรตเงินตราของประเทศในปี 2554 และจะพิจารณาเรื่องการอนุญาตให้สถาบันการเงินต่างประเทศมีส่วนร่วมในตลาดปริวรรตเงินตราภายในประเทศ

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายกวน เตา ผู้อำนวยการแผนกการชำระเงินระหว่างประเทศของ SAFE ได้เปิดเผยแผนการดังกล่าวผ่านทางนิตยสาร China Exchange ซึ่งเป็นนิตยสารที่ทาง SAFE ให้การสนับสนุนอยู่ โดยกล่าวว่า จีนจะสนับสนุนให้สถาบันการเงินในประเทศเข้ามามีส่วนร่วมในการทำธุรกรรมในตลาดเงินหยวนที่ตั้งอยู่นอกประเทศจีนด้วย

 

อย่างไรก็ดี นายกวนไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว

 

นายกวนกล่าวต่อไปว่า จีนจะยังคงปรับปรุงเรื่องความโปร่งใสของข้อมูลเชิงสถิติของจีน เพื่อช่วยป้องกันความเสี่ยงอันเนื่องมาจากกระแสเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศ

 

 

มาเลเซียเปิดตัว 19 โครงการใหญ่ หวังก้าวสู่ประเทศรายได้สูง

 

นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ของมาเลเซีย ประกาศเปิดตัว 19 โครงการพัฒนาขนาดใหญ่ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อเปลี่ยนมาเลเซียให้กลายเป็นประเทศที่มีรายได้สูงภายในปี 2563 ในวันนี้ที่ศูนย์ราชการเมืองปูตราจายา

 

โครงการเหล่านี้จะก่อให้เกิดเงินลงทุนรวมเกือบ 67,000 ล้านริงกิต (ราว 2.18 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) รวมถึงสร้างรายได้มวลรวมประชาชาติ 36,000 ล้านริงกิต (1.17 หมื่นล้านดอลลาร์) และสร้างงานใหม่ 35,000 ตำแหน่ง โดยส่วนมากจะเป็นการลงทุนในภาคบริการสุขภาพ บริการด้านธุรกิจ รวมถึงน้ำมัน ก๊าซ และพลังงาน

 

อย่างเช่น บริษัท ExxonMobil Exploration and Production Malaysia Inc. ร่วมกับหุ้นส่วนอย่างบริษัท Petronas Carigali Sdn Bhd วางแผนลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านริงกิต (3.2 พันล้านดอลลาร์) ในแหล่งน้ำมันและก๊าซแห่งใหม่ เพื่อให้มาเลเซียมีพลังงานมากพอที่จะพึ่งพาตนเองได้

 

ขณะเดียวกัน Universiti Malaya ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยแห่งชาติของมาเลเซีย มีแผนสร้างมหานครด้านสุขภาพระดับโลกในเมืองเปตาลิง จายา ซึ่งติดกับเมืองหลวงกัวลาลัมเปอร์ ด้วยเงินลงทุน 1,250 พันล้านริงกิต (407.2 ล้านดอลลาร์) โดยจะเริ่มโครงการภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ และจะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563

 

มหานครแห่งนี้ให้การศึกษาด้านการดูแลผู้ป่วย การวิจัย และการดูแลสุขภาพ เช่นเดียวกับ Longwood Medical Area ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และ Bio-X Center ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด

 

ทั้งนี้ การประกาศของนายกฯ มาเลเซียในวันนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศซึ่งประกาศไปเมื่อปีที่แล้ว

 

 

รองนายกฯ มาเลย์เยือนสหรัฐกระชับความร่วมมือ

 

รองนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเดินทางเยือนสหรัฐอย่างเป็นทางการ เพื่อสานต่อความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเฉพาะความร่วมมือทางด้านการค้า

 

นายมุดยิดดิน ยัสซิน รองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เดินทางถึงเมืองบอสตัน ในรัฐแมสซาชูเซตส์ ตามกำหนดการเยือนสหรัฐ 6 วัน

 

นายมุดยิดดิน จะเป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงอาหารค่ำแก่นักศึกษาและชุมชนชาวมาเลเซีย ก่อนไปยังกรุงวอชิงตัน ดีซี เพื่อพบเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลสหรัฐ รวมถึงรองประธานาธิบดี โจเซฟ ไบเดน และนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศ

 

คาดกันว่า การเยือนสหรัฐครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีอยู่แล้วให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้านการค้า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...