ทิศทางราคาทองคำ โดย Kumponys

[ขวัญนิล 0]

คุณ Kai61 คะ งง จริงๆคะ คุยกันเรื่องน้ำมะพร้าวอ่อนไช่หมั่ยคะ ขอยาแก้ งง ด้วยค่ะ

[seasea 144]

น้ำมันมะพร้าว พอดีเคยทานค่ะ

 

 

 

สาระน่ารู้ของน้ำมันมะพร้าว ตอนที่ ๑

 

 

 

เรา มารู้จักน้ำมันมะพร้าวให้มากขึ้นเพื่อจะได้เข้าใจว่าทำไมมะพร้าวจึงถูกกล่าว ว่าเป็นพืชแห่งชีวิต และมีกรรมวิธีกลั่นมาเป็นน้ำมันอย่างไร จะขอคัดข้อความทางวิชาการมาเป็นความรู้แลกเปลี่ยนเพื่อเป็นข้อมูลในการเลือก ซื้อหาสำหรับผู้สนใจ

 

 

 

วิธีการให้ได้มาซึ่งน้ำมันมะพร้าวแบ่งวิธีเป็น ๒ กลุ่มใหญ่ๆ

 

 

 

๑. น้ำมันมะพร้าวที่สกัดจากเนื้อมะพร้าวห้าวโดยการบีบ หลังจากสกัดได้ก็ใช้ตัวทำละลายผ่านความร้อนสูงและขบวนการทางเคมี RDB คือ ทำให้บริสุทธ์ (refining), ฟอกสี(bleaching) และกำจัดกลิ่น (deodorization) เพื่อให้เหมาะกับการบริโภคได้น้ำมันสีเหลืองอ่อน ไม่มีกลิ่นและรส ปราศจากวิตามิน อี เพราะถูกขจัดออกไปโดยขบวนการทางการทางเคมี (อาจมีหลงเหลือบ้างแต่น้อยมากจึงต้องมาปรุงแต่งเพิ่ม) มีปริมาณกรดไขมันอิสระ (free fatty acid) ไม่ เกิน ๐.๑% ปัจจุบันไม่ค่อยมีจำหน่ายเพราะโรงงานสกัดน้ำมันมะพร้าวประเภทนี้ส่วนใหญ่ เลิกกิจการไปนานแล้วตั้งแต่เกิดการล่มสลายของการเลิกบริโภคน้ำมันนี้เมื่อ เกือบ ๒๐ ปีที่ผ่านมา ทราบว่ามีอยู่ในปัจจุบัน ๒ หรือ ๓ โรงงานแต่กำลังผลิตที่ได้ส่วนใหญ่ป้อนส่งงานภาคอุตสาหกรรม และส่งออกต่างประเทศ ไม่อยากบอกเลยว่าประเทศหลักที่บริโภคน้ำมันมะพร้าวจากไทยตลอดจนจากเอเซีย หลายประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา ในขณะที่เขาบอกให้เราบริโภคน้ำมันถั่วเหลือง แต่เขากลับรณรงค์คนในประเทศเขาให้เลิกใช้มันและหันมาใช้น้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันที่สกัดจากเมล็ดปาล์มแทนเป็นเรื่องเศร้าจริงๆ

 

 

 

๒. น้ำมันมะพร้าวที่ผ่านขบานการบีบโดยไม่ผ่านความร้อน (cold-press Coconut Oil) ผลิตจากเนื้อมะพร้าวสด จะได้น้ำมันมะพร้าวที่บริสุทธ์ที่สุด สีใสเหมือนน้ำ มีวิตามินอีและไม่ผ่านขบวนการเติมอ๊อกซิเจน (Oxidation) มีค่า peroxide และ กรดไขมันอิสระต่ำ มีกลิ่นมะพร้าวอย่างอ่อนๆถึงแรง (ซึ่งขึ้นอยู่กับขบวนการผลิต) มีความชื้นไม่เกิน ๐.๑% เรียกน้ำมันมะพร้าวชนิดนี้ว่า น้ำมันมะพร้าวพรหมจรรย์ (Vergin Coconut Oil) เป็น น้ำมันที่ผลิคโดยอุตสาหกรรมขนาดเล็กอุตสาหกรรมครัวเรือนหรือผลิตใช้กันใน ครัวเรือนปัจจุบันน้ำมันมะพร้าวที่จำหน่ายกัน จัดว่าส่วนใหญ่เป็นน้ำมันประเภทพรหมจรรย์นี้ซึ่งมีประโยชน์สูงต่อสุขภาพและ ความงามของมนุษย์มากที่สุด

 

 

 

องค์ประกอบหลักๆของน้ำมันมะพร้าวและสรีระวิทยามีดังนี้

 

 

 

เป็นไขมันอิ่มตัว (sturated fatty acid) กรดไขมันอิ่มตัวในน้ำมันมะพร้าวส่วนใหญ่ มีจำนวนอะตอมของคาร์บอน ๘-๑๔ ตัว ทำให้โมเลกุลมีความยาวของเส้น (chain)ขนาดปานกลาง กรดไขมันสำคัญที่มีได้แก่ กรดคาปริก (Capric Acid-C10), กรดลอริต(Lauric Acid-C12)และกรดไมริสติค (Myristic Acid-C14)และอื่นๆ อีกทั้งยังประกอบด้วยกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัวอีก ๒ ประเภทแต่มีอยู่เพียง ๙% เช่น โอเลอิค ลินโอเลอิคและพาล์มมิโทเลอิคป็นต้น

 

 

 

มีกรดลอริคสูงมาก น้ำมัน มะพร้าวเป็นน้ำมันพืชชนิดเดียวในโลกที่มีกรดลอริคอยู่ในปริมาณที่สูงมาก ๔๘-๕๓% กรดนี้เองที่ทำให้น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติพิเศษในการเสริมสุขภาพและความงาม ของมนุษย์ กรดคาปริคที่มีอยู่ ๖-๗% ก็ช่วยเสริมประสิทธิภาพของกรดลอริค

 

 

 

มีวิตามิน อี ที่มีประสิทธิภาพสูง น้ำมันมะพร้าวที่สกัดโดยการหีบเย็น(cold-press) ที่ไม่ได้ผ่านกระบานการRDB จะยังคงวิตามินอีเหลือไว้สูง ด้วยเหตุที่มีวิตามิน อีสูงจึงทำให้น้ำมันมะพร้าวโดดเด่นกว่าน้ำมันชนิดอื่นๆ

 

 

 

เปลี่ยนเป็นพลังงานได้อย่างรวดเร็วและเพิ่มอัตราเมตาบอลิสซึม ร่างกายของมนุษย์สามารถเปลี่ยนน้ำมันมะพร้าวให้เป็นพลังงานอย่างรวดเร็ว ความที่มีโมเลกุลขนาดกลาง (C8 - C14) เมื่อเราบริโภคเข้าร่างกายมันจะผ่านจากกระเพาะไปยังลำไส้แล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานที่ตับอย่างรวดเร็ว (ประมาณภายใน ๑ ชั่วโมง) ทำให้ไม่มีไขมันเหลือสะสมในร่างกาย และ น้ำมันมะพร้าวยังไปเร่งอัตราการเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงานมีผลทำให้เกิด ความร้อนสูง ทำให้กระฉับกระเฉงและไม่อ้วน จึงช่วยในการลดน้ำหนักและลดอ้วนอันเนื่องมาจากการเกิดความร้อนสูงในร่างกาย มันจึงไปช่วยนำไขมันที่ร่างกายสะสมไว้ในส่วนต่างๆออกมาใช้เป็นพลังงานไปใน ตัว อย่างที่มีหนังสือเขียนกล่าวว่า กินน้ำมัน แต่ดูผอม (Eat Fat - Look Thin)

 

 

 

เกร็ดเล็กๆเรื่องปริมาณของคอเรสเตอรอลในน้ำมันหุงต้มบางส่วน โดยเทียบอัตราส่วนคอเรสเตอรอล (ส่วนต่อล้าน)

 

 

 

น้ำมันมะพร้าว = ๑๔

 

 

 

น้ำมันปาล์ม = ๑๘

 

 

 

น้ำมันถั่วเหลือง = ๒๘

 

 

 

น้ำมันข้าวโพด = ๕๐

 

 

 

เนยเหลว = ๓๑๕๐

 

 

 

น้ำมันหมู = ๓๕๐๐

 

 

 

กรด ต่างๆที่มีอยู่ในน้ำมันมะพร้าวมีประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งยังช่วยสร้างภูมิคุ้ม กันโดยกรดลอริคที่บริโภคเข้าไปจะเปลี่ยนเป็นโมโนกลีเซอไรด์ที่มีชื่อว่าโมโน ลอรินซึ่งเป็นสารตัวเดียวกับที่มีอยู่ในน้ำนมมารดาที่ไปช่วยสร้างภูมิคุ้ม กันให้กับทารกแรกเกิดและดื่มน้ำนมมารดาเป็นหลัก และ โมโนลอรินยังเป็นสารปฎิชีวนะที่มีคุณสมบัติฆ่าทำลายเชื้อโรคเกือบทุกชนิดดี กว่ายาปฎิชีวนะที่ใช้อยู่ในปัจจุบันไม่ก่อเกิดหรือเพิ่มอาการดื้อยาของเชื้อ โรคและสารปฎิชีวนะในน้ำมันมะพร้าวไม่เป็นพิษต่อมนุษย์และถูกสร้างขึ้นในร่าง กายของมนุษย์เองทั้งไม่มีอันตรายต่อแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ในลำไส้

 

 

 

-เอกสารอ้างอิง และบรรณานุกรมค้นคว้า ...บทบาทของน้ำมันมะพร้าวต่อสุขภาพและความงาม โดย ดร.ณรงค์ โฉมเฉลา และ The Coconut Oil Miracle ของ Bruce File โดย Jon J.Kabara, Ph.D. และEat Fat Loose Fat ของ Dr.Mary Enig&Sally Fallon

 

:wub: :wub: :wub:

 

การบำบัดด้วยวิธี OIL PULLING

 

ออยล์พูลลิ่ง เป็นวิธีบำบัดของอินเดียที่มีมาเป็นเวลาช้านานแล้ว โดยการอมน้ำมันไว้และเคลื่อนน้ำมันไปให้ทั่วช่องปาก ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที จากนั้นจึงบ้วนทิ้งไป ออยล์พูลลิ่งเป็นที่ฮือฮาเมื่อ Dr. F. Karach, M.D., ได้เสนอรายงานต่อที่ประชุมสัมนาบัณฑิตย์ทางด้านวิทยาศาสตร์ในประเทศรัสเซีย เมื่อปี 2534-2535 การประชุมมีผู้เชี่ยวชาญในเรื่องมะเร็ง และแบคทีเรียซึ่ง Dr.Karach ได้อธิบายถึงการบำบัดรักษาโรคที่ยอดเยี่ยมไม่เหมือนใคร ด้วยวิธีง่ายๆ โดยใช้การอมน้ำมัน

 

ผลลัพธ์ของการบำบัดด้วยวิธีนี้ ทำให้ผู้คนตะลึง ประหลาดใจ เต็มไปด้วยความสงสัยในรายงานของเขาเป็นอันมาก อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้มีการอธิบาย ซักถามกันถึงการรักษา มีการทดสอบ ทดลองใช้ ทดลองทำ พิสูจน์หาความสมเหตุสมผลที่เกิดขึ้น ต่างก็ยิ่งประหลาดใจถึงผลที่ได้รับจากการรักษาอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังไม่มีอันตรายใดๆด้วย เป็นการรักษาทางด้านชีววิทยาโดยแท้ ด้วยวิธีการง่ายๆ ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยรักษาโรคได้มากมายหลายชนิด

 

นักโภชนาการผู้มีชื่อเสียง ซึ่งเขียนหนังสือไว้หลายเล่มรวมทั้ง Coconut Oil Miracle เป็นอีกผู้หนึ่งที่มีความสงสัยในรายงานดังกล่าว จึงได้ทดลองทำออยล์พูลลิ่งด้วยตนเอง ผลลัพธ์ที่ได้ Dr. Fife ถึงกับออกปากว่า ออยล์พูลลิ่งเป็นการรักษาของ แพทย์ทางเลือก ที่มีประสิทธิภาพที่สุด แต่สิ่งที่ Dr. Fife สงสัยคือ เหตุใดการอมน้ำมันจึงช่วยรักษาโรคได้ เขาเริ่มศึกษาการทำออยล์พูลลิ่งของ Dr. Karach อย่างจริงจังรวมทั้งศึกษารายงานอีกเป็นร้อยๆชิ้น ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปที่เป็นคำตอบทางวิทยาศาสตร์ซึ่ง Dr. Fife เขียนไว้ในหนังสือชื่อ Oil Pulling Therapy มีใจความบางตอนดังนี้

 

- ในปากของคนเราเต็มไปด้วยแบคทีเรีย

 

ในปากของเราเต็มไปด้วยแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และโปรโตซัว แต่ส่วนใหญ่เป็นแบคทีเรีย เพราะปากเป็นแหล่งอาศัยที่เหมาะสม มีความร้อน ความชื้น และอุนหภูมิคงที่ ยังมีอาหารอุดมสมบูรณ์จากเศษอาหารที่เรารับประทาน กล่าวกันว่าปริมาณแบคทีเรียในปากของคนคนหนึ่ง มีมากกว่าจำนวนประชาการของคนทั้งโลก แบคทีเรียบางชนิดอาศัยอยู่บนผิวฟัน บางชนิดอยู่ในช่องว่างระหว่างฟันและเหงือก บางชนิดอยู่ที่เพดานปาก และบางชนิดอยู่ที่ใต้ลิ้นและโคนลิ้น การแปรงฟันและการใช้น้ำยาบ้วนปากช่วยลดปริมาณแบคทีเรียเหล่านี้ลงได้แค่ เพียงชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งไม่นานก็จะกลับมาแพร่พันธุ์เพิ่มจำนวนขึ้นเช่นเดิม

 

- โรคร้ายทุกชนิดเริ่มต้นที่ปากอาจฟังดูเหลือ เชื่อ แต่หากไม่นับโรคทางพันธุกรรม โรคทางอารมณ์ หรือโรคจากการบาดเจ็บต่างๆ โรคร้ายเกือบทุกชนิด รวมทั้งการเจ็บป่วยเรื้อรังต่างๆล้วนเริ่มต้นที่ปาก เนื่องจากปากเป็นประตูเข้าสู่ร่างกาย การรับประทานอาหารไม่ถูกต้องหรืออาหารที่มีพิษ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ยิ่งกว่านั้นในปากและลำใส้ยังเป็นที่อยู่ของแบคทีเรียนับพันล้านตัว บางชนิดเป็นอันตราย บางชนิดไม่ และบางชนิดเป็นประโยชน์ ถ้าแบคทีเรียเหล่านี้สามารถเข้าสู่กระแสเลือด แม้แต่แบคทีเรียชนิดที่ไม่เป็นอันตรายก็สามารถทำให้เราถึงแก่ความตายได้ หากในปากของเรามีแผล หรือมีการอักเสบของเหงือกหรือเนื้อเยื่อ จะทำให้แบคทีเรียสามารถเข้าสู่กระแสเลือดได้โดยง่าย เป็นสาเหตุของการเกิดโรคหลายชนิดตั้งแต่โรคไขข้ออักเสบไปจนถึงโรคหัวใจ

 

- ออยล์พูลลิ่งทำงานอย่างไรออยล์พูลลิ่งเป็นการ บำบัดที่ทำได้ง่ายที่สุดแต่ก็มีประสิทธิภาพมากที่สุดในบรรดาการรักษาทาง ธรรมชาติด้วยเช่นกัน สำหรับหลายๆคนมีความรู้สึกว่า แค่การอมและเคลื่อนน้ำมันไปทั่วๆปาก ไม่น่าจะช่วยรักษาโรคได้ อันที่จริงออยล์พูลลิ่งไม่ได้รักษาโรค แต่มันช่วยขจัดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคหรือเป็นตัวการปล่อยสารพิษให้ หมดไป เพื่อให้ร่างกายมีโอกาสได้ฟื้นฟูออยล์พูลลิ่งเป็นกระบวนการทาง ชีววิทยาล้วนๆ แบคทีเรียในช่องปากที่ก่อให้เกิดโรคส่วนใหญ่เป็นสัตว์เซลล์เดียว เซลล์เหล่านี้ปกคลุมด้วยน้ำมันหรือเนื้อเยื่อที่เป็นไขมันซึ่งเป็นเรื่อง ธรรมดาของผิวเซลล์ ( เซลล์ของคนเราก็ล้อมรอบด้วยส่วนผสมของไขมันเช่นเดียวกัน) เมื่อคุณเทน้ำมันลงในน้ำ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ น้ำกับน้ำมันจะแยกกันอยู่ไม่ยอมผสมรวมกัน แต่ถ้าคุณเทน้ำมันสองชนิดเข้าด้วยกัน สิ่งที่เกิดขึ้นคือ น้ำมันทั้งสองจะผสมรวมและดึงดูดซึ่งกันและกัน นี่คือความลับของออยล์พูลลิ่ง

 

เมื่อคุณใส่น้ำมันลงในปาก เนื้อเยื่อที่เป็นน้ำมันหรือไขมันของแบคทีเรียจะถูกน้ำมันดูดไว้ ขณะคุณเคลื่อนน้ำมันไปทั่วช่องปาก แบคทีเรียที่ซ่อนอยู่ภายใต้รอยแยกของเหงือกและฟันหรือตามซอกของฟัน จะถูกดูดออกจากที่ซ่อนและติดแน่นอยูในส่วนผสมของน้ำมัน ยิ่งนานยิ่งมาก หลังจากผ่านไป 20 นาที ส่วนผสมของน้ำมันจะเต็มไปด้วยแบคทีเรีย ไวรัส ฯลฯ คุณจึงควรบ้วนทิ้งไปมากกว่าที่จะกลืนมันเศษอาหารที่ติดอยู่ตามซอกฟัน ซึ่งเป็นอาหารของแบคทีเรียจะถูกดูดออกด้วยเช่นกัน สิ่งที่ไม่ใช่น้ำมัน ( water based) จะถูกดูดออกด้วยน้ำลาย น้ำลายยังช่วยลดกรดที่เกิดจากแบคทีเรียเมื่อแบคทีเรียรวมทั้งพิษร้ายที่เกิดจากแบคทีเรียถูกดูดออกไป จึงเป็นโอกาสดีที่ร่างกายได้ทำการฟื้นฟู การอักเสบทั้งหลายหมดไป กระแสเลือดเป็นปกติ เนื้อเยื่อที่เสียหายได้รับการซ่อมแซม การมีสุขภาพดีจึงกลับมาในที่สุด

 

- น้ำมันชนิดใดเหมาะจะใช้ทำออยล์พูลลิ่ง

 

ตามตำราโบราณของอินเดียแนะนำให้ใช้น้ำมันดอก ทานตะวันหรือน้ำมันงา เนื่องจากเป็นน้ำมันที่หาได้ทั่วไปในอินเดียขณะนั้น Dr. Fife กล่าวว่า น้ำมันชนิดใดก็สามารถใช้ทำออยล์พูลลิ่งได้ แต่โดยส่วนตัวแล้วชอบน้ำมันมะพร้าว เนื่องจากต้องการใช้น้ำมันที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ น้ำมันมะพร้าวเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าน้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันงา หรือน้ำมันพืชชนิดใดๆ กรดลอริคในน้ำมันมะพร้าวเมื่อถูกกับเอนไซม์ในน้ำลายจะแตกตัวเป็นโมโนกลีเซ อไรด์ชื่อว่า โมโนลอริน ซึ่งมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรค เหตุผลอีกประการหนึ่ง น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์บีบเย็นที่ได้รับการผลิตอย่างมีคุณภาพจะ มีความสะอาดถูกอนามัย แถมยังมีกลิ่นและรสชาติน่าพอใจอีกด้วย

 

- วิธีการทำออยล์พูลลิ่ง ทำขณะที่ท้องว่าง จะดื่มน้ำก่อนหรือไม่ก็ได้ ใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์บีบเย็นประมาณ 2-3 ช้อนชา อมไว้ในปาก ค่อยๆ ดูด ดัน และดึง ให้น้ำมันไหลผ่านฟันและเหงือก น้ำมันจะเปลี่ยนเป็นขุ่นหรือมีสีเหลือง เคลื่อนน้ำมันไปทั่วๆปากอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 15-20 นาที จากนั้นให้บ้วนน้ำมันทิ้งไป บ้วนปากด้วยน้ำสะอาดตามด้วยการดื่มน้ำ ทำอย่างนี้วันละครั้งเป็นอย่างน้อย

 

- โรคที่ได้รับรายงานว่าตอบสนองต่อการทำออยล์พูลลิ่ง

 

ผลของการทำออยล์พูลลิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ สุขภาพในช่องปากดีขึ้น ฟันขาวขึ้น แน่นขึ้นไม่โยกคลอน เหงือกเป็นสีชมพูแลดูมีสุขภาพ ลมหายใจสดชื่น นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าออยล์พูลลิ่งจะช่วยเยียวยาความเจ็บไข้หรืออาการป่วยเรื้อรังได้ อีกหลายชนิด ต่อไปเป็นชื่อของโรคหรืออาการเจ็บป่วยที่มีผู้รายงานเข้ามาว่ามีการตอบสนอง ที่ดีกับออยล์พูลลิ่ง: สิว ภูมิแพ้ รังแค ไซนัส ปวดหัวไมเกรน น้ำมูกมาก หืด หลอดลมอักเสบ ผิวหนังอักเสบ เรื้อนกวาง ปวดหลังปวดคอ ข้ออักเสบ กลิ่นปาก ฟันผุ ฟันเป็นหนอง เลือดออกตามไรฟัน โรคเหงือก ท้องผูก แผลในกระเพาะ ลำไส้ ลำไส้อักเสบ ริดสีดวงทวาร นอนไม่หลับ อ่อนเพลียเรื้อรัง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ปัญหาเกี่ยวกับประจำเดือน

 

ส่วนอาการหรือโรคที่การศึกษาทางการแพทย์พบว่าเกี่ยว ข้องกับสุขภาพในช่องปากโดยตรงและอาจมีผลตอบสนองกับการทำออยล์พูลลิ่งได้แก่ ปัสสาวะเป็นกรด ปอดอักเสบ( ARDS) ถุงลมโป่งพอง การอุดตันของเส้นเลือดและเส้นเลือดในสมอง ผลเลือดผิดปกติ ฝีในสมอง มะเร็ง เกาท์ ถุงน้ำดี หัวใจ น้ำตาลในเลือดสูง แท้งบุตร ไต ตับ ความผิดปกติของระบบประสาท กระดูกพรุน ปอดบวม ทารกคลอดก่อนกำหนดน้ำหนักตัวน้อย แพ้สารพิษ และโรคติดเชื้ออื่นๆอีกหลายชนิด

 

- ช่วงเวลาที่เหมาะจะทำออยล์พูลลิ่งจากกราฟ แสดงให้เห็นว่า ปริมาณของแบคทีเรียในช่องปากมีการเปลี่ยนแปลงในระหว่างวัน การรับประทานทำให้แบคทีเรียบางส่วนผสมกับอาหารและน้ำลายในที่สุดถูกกลืนลงไป ปริมาณแบคทีเรียมีมากสุดในตอนเช้าก่อนรับประทานอาหาร การแปรงฟันช่วยลดปริมาณแบคทีเรียได้ไม่มากเนื่องจากฟันมีพื้นที่แค่ 10% ของช่องปาก ก่อนอาหารกลางวันปริมาณแบคทีเรียจะเพิ่มสูงขึ้นเกือบเท่าตอนก่อนอาหารเช้า และลดลงมากที่สุดภายหลังรับประทานอาหารเย็น เมื่อคุณหลับแบคทีเรียมีโอกาสกลับมาเพิ่มจำนวนขึ้นใหม่โดยไม่มีสิ่งใดมารบกวน การทำออยล์พูลลิ่งจึงควรทำเป็นสิ่งแรกในตอนเช้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แบคทีเรียในช่องปากมีปริมาณมากที่สุด

[sss 1]

ขอบคุณครับ

[ขวัญนิล 0]

ขอบคุณค่ะ คุณseasea ที่ทงอี๋เข้าใจเรื่องมะพร้าว ที่เฮียกัมพล,คุณKai61,คุณseasea.อธิบายไว้ ว่าเรื่องมะพร้าวเดียวกันคือ 1.น้ำมะพร้าวอ่อน

มีน้ำมะพร้าวอ่อน[สด] น้ำมะพร้าวอ่อน[เผา หรือต้ม] 2.น้ำมันมะพร้าว [สกัดร้อน] น้ำมันมะพร้าว [สกัดเย็น]. ที่ทงอี๋ งง เพราะคุณseasea โพสต์ข้อความของ

เฮียกัมพลแล้วพิมพ์ว่า น้ำมันมะพร้าว ไม่ใช่ น้ำมะพร้าว แต่ที่เฮียกัมพล อธืบายคือ น้ำมะพร้าวอ่อน ที่มีเอสโตรเจน...... ทงอี๋จึงเป็น งง ว่ามันเรื่องเดียวกัน แด่คนละความหมาย

ใช่หมั่ยคะ โอ้ยเหนื่อยเลยค่ะกว่าจะพิมพ์เสร็จ ควรมิควรแล้วแต่จะกรุณาค่ะ

[ขวัญนิล 0]

คุณSEASEAคะขอโทษด้วยค่ะ ทงอี๋ พิมพ์ผิดไป ตรงที่พิมพ์ว่าคุณseasea โพสต์ข้อความ......เปลี่ยนเป็น คุณKai61 โพสต์ข้อความของ.....

ขออภัยด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

[naja 6]

อรุณสวัสดิ์ค่ะเฮียกัม....ขอรบกวนถามหน่อยค่ะ

ไม่ทราบว่าเราจะดูปริมาณทองที่บรรดาขาใหญ่ถือไว้ตอนนี้ได้จากที่ไหนค่ะ

อยากทราบเพื่อมาประมาณทิศทางหน่อยค่ะ...ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

[kumponys 14,098]

ช่วงนี้ สังเกตว่า ราคาลงทดสอบแนวรับสุดท้ายที่ผมว่าไม่ควรหลุด 2 วันติด แปลว่า ตลาดไม่มั่นใจทิศทางขาขึ้น หรือรออะไรสักอย่างอยู่นะครับ ด่าน 1838 เหรียญของเรา ก็ยังผ่านไม่ได้ ออกแนว sideway จริงๆ ซึ่งถือว่าเป็นไปตามคาด แต่ว่า นี่มันครบกำหนดเวลาที่จะต้องเลือกทางแล้ว ยังดีดไม่ได้อีก ดูอาการมันค่อนข้างน่าเป็นห่วง จึงต้องระวังกันหน่อย

 

- แนวรับ 1814 เหรียญของเราทำงานได้ดี สังเกตในรูปนะครับ ราคาเล่นเส้นโบลิงเจอร์กลางมาโดยตลอด วันนี้ขยับขึ้นมาเหนิอ 1814 เหรียญแล้วเล็กน้อย แนวนี้ ให้เป็นแนว stoploss ได้เลยสำหรับวันนี้ หลุดลงมาทดสอบอีก อาจจะด่านแตกได้ เพราะเท่ากับหลุด trend ระยะสั้น (เขียว) ลงมาแล้วด้วย

- หลุด 1814 เหรียญได้ คงว่ากันที่เส้นโบลิงเจอร์ล่างเลย น่าจะเป็นแถว 1790 เหรียญขึ้นมา

- ส่วนแนวต้าน 1838 เหรียญ โดนทดสอบมาหลายครั้งแล้วเช่นกัน ผ่านได้ งานนี้ ผมขยับเป้าหมายเราสูงขึ้นกว่าเดิมครับ 1866 เหรียญ ไม่ไกลไปแน่นอน

 

ความเห็นส่วนตัว ดูตามรูปกราฟ+ฤดูกาลทองคำ ยังไงก็ขอแทงขึ้นต่อไว้ก่อนครับ คาดว่า ราคาต้องมาแล้วคืนนี้

เล่นสั้น ใครยังไม่ตาม อาจรอเก็บต่ำหรือรอให้ผ่าน 1840 เหรียญก่อนก็ได้

 

สรุป แนวรับ 1825* 1815 (stoploss หากหลุด) 1800 1790 แนวต้าน 1838 (ผ่านได้ไปต่อ) 1855 1866 (เป้าหมาย) 1877 (Bonus)

 

ระยะสั้น ->1867 (รอ confirm ผ่าน 1840)

ระยะกลาง กรอบ 1838<->1888

ระยะยาว -> 2000+

 

 

[kumponys 14,098]

อรุณสวัสดิ์ค่ะเฮียกัม....ขอรบกวนถามหน่อยค่ะ

ไม่ทราบว่าเราจะดูปริมาณทองที่บรรดาขาใหญ่ถือไว้ตอนนี้ได้จากที่ไหนค่ะ

อยากทราบเพื่อมาประมาณทิศทางหน่อยค่ะ...ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

 

ลองไปดูที่กระทู้คุณ Nexttonothing สิครับ ข้อมูลนี้ เขาพูดประจำ ผมไม่ค่อยได้ดูแล้ว เดี๋ยวนี้ ไปดักดูของเขาเอา จนจำ link ไม่ได้

 

 

 

[taoinlove 4]

ขอบคุณเฮีย kumponys มากๆครับ เฮียคือตัวจริงของวงการนี้จริงๆครับ !gd

[noijaa 12]

:rolleyes: ขอบคุณมากค่ะ

[naja 6]

ลองไปดูที่กระทู้คุณ Nexttonothing สิครับ ข้อมูลนี้ เขาพูดประจำ ผมไม่ค่อยได้ดูแล้ว เดี๋ยวนี้ ไปดักดูของเขาเอา จนจำ link ไม่ได้

 

 

 

 

ขอบคุณค่ะ !01

[put42 92]

เมื่อคืนแนวรับบริเวณ 1811 รับอยู่ค่ะ วันนี้ลุ้นให้มีแรงทะลุ 1840 เพื่อเป้าหมาย 1866

[moddang 3,625]

ขออนุญาตินะคะ อาจารย์ คุณ ไมโล คุณ ซีซี และเพื่อนๆ

 

เรื่องน้ำมันมะพร้าว เคยนำมาลงไว้ให้อ่าน แต่รู้สึกกระทู้สุขภาพไม่ฮิตเท่ากระทู้ทอง จึงพบว่าไม่ค่อยมีเพื่อนๆอ่าน มดแดงยกมาแยกกระทู้ เพราะเคยโพสในกระทู้

 

 

http://www.thaigold.info/Board/index.php?/forum/21-%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E/

 

แต่มันคงไม่ค่อยมีใครอ่าน สำหรับเพื่อนใหม่ๆ

 

จึงยกมาเปิดกระทู้ใหม่ แต่มีคนอ่านน้อยมากอยู่ดี 800up

 

 

http://www.thaigold.info/Board/index.php?/topic/544-%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7/

 

ทีนี่มีข้อมูลใหม่ๆมากเลย รวมทั้งคลิปวีดีโอ แต่ไม่ได้เอาออกมาโพส เพราะคิดว่าไม่มีใครอ่าน

 

ตอนนี้มดแดงเลยมาลองเดาทองแทน แต่ตรงนั้นไม่เคยทิ้ง แต่เวลาไม่ค่อยอำนวยนักถ้าจะทำหลายๆอย่าง

 

 

แต่เห็นกระทู้อาจารย์นานๆก็จะมีเรื่องสุขภาพขึ้นมาก็ดีค่ะ เพราะกระทู้นี้เพื่อนๆอ่านแยะ

 

ฝากมายังเพื่อนๆที่สนใจสุขภาพลองไปหาอ่านดูนะคะ หรือถ้าจะช่วยแบ่งปันก็ดีค่ะ

[kamontip 17]

ขอบคุณ คุณครูกัมพลค่ะ บวกคะเเนนให้ด้วยค่ะ

[numning 0]

ขอบคุณมากเลย ท่านอาจารย์ที่ช่วยชี้แนะทิศทางทองคำ