ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

สวัดดียามเช้าค่ะเฮียเด็กขายของ หลังจากรอและคอยข่าวของน้าเบนฯ ข่าวออกมาดีกะทองแต่ด้วยความวิตกกังวลต่อหน้าผาการคลังซึ่งมีผลกระทบมากกว่าเลยทำให้ทองจึงไต่ลง ขอสัญญาณจากเฮียด้วยนะค่ะว่าจะทำการซื้อที่ราคาเท่าไรดีค่ะ ขอบพระคุณค่ะ

ไม่ใช่อย่างที่คุณฯ คิดนะครับ จากที่ฟังเมื่อคืน นักลงทุนผิดหวังกับวงเงินที่จะเข้ามาซื้อคืนตราสารหนี้ บ่นว่าน้อยไป น่าจะมากกว่านี้ ประกอบกับ นายเบนฯ ส่งสัญญานฯ ที่จะทำการปรับดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น ซึ่งจะมีการพิจารณา ในการประชุมครั้งหน้า จากสาเหตุว่า สหรัฐฯ ใกล้ฟื้นตัว และ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น จึงต้องมีการปรับดอกเบี้ยขึ้น ดังนั้น " ไม่ใช่ข่าวที่ออกมาดีกับทอง " เพราะถ้าคุณฯ บอกว่า เกิดจากหน้าผาการคลัง แล้วไซร้ จะมีพวกที่คอยแขวะ มาบอกว่า " ข่าวจับไก่ชนเป็ด มั่วไปหมด แล้วก็จะส่งเสียงร้อง ก็าป ก็าบ ก็าป เดินกันมาเป็นทิวแถว " เรียกร้องหาความชอบธรรม

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ในขณะที่รหัสสัญญานฯ 7,5,2 นังยืนยันแท่งต่อไป เขียวได้อยู่ เช็คจาก 2 รหัส Signal และ 7,5,2 หาจังหวะเข้าซื้อกันตามสบาย 1705-1707 ก็คงรับทรัพย์กันเหนาะๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไม่ใช่อย่างที่คุณฯ คิดนะครับ จากที่ฟังเมื่อคืน นักลงทุนผิดหวังกับวงเงินที่จะเข้ามาซื้อคืนตราสารหนี้ บ่นว่าน้อยไป น่าจะมากกว่านี้ ประกอบกับ นายเบนฯ ส่งสัญญานฯ ที่จะทำการปรับดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น ซึ่งจะมีการพิจารณา ในการประชุมครั้งหน้า จากสาเหตุว่า สหรัฐฯ ใกล้ฟื้นตัว และ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น จึงต้องมีการปรับดอกเบี้ยขึ้น ดังนั้น " ไม่ใช่ข่าวที่ออกมาดีกับทอง " เพราะถ้าคุณฯ บอกว่า เกิดจากหน้าผาการคลัง แล้วไซร้ จะมีพวกที่คอยแขวะ มาบอกว่า " ข่าวจับไก่ชนเป็ด มั่วไปหมด แล้วก็จะส่งเสียงร้อง ก็าป ก็าบ ก็าป เดินกันมาเป็นทิวแถว " เรียกร้องหาความชอบธรรม

ขอบคุณเฮียค่ะที่ชี้แนะแนวทาง ถ้าด้วยเหตุนี้แล้วทองจึงต้องลงเหวอีกอ่ะสิค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สหรัฐเผยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 843,000 บาร์เรลสัปดาห์ที่แล้ว

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม 2555 07:14:12 น.

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 ธ.ค. เพิ่มขึ้น 843,000 บาร์เรล แตะที่ 372.6 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะร่วงลง 2.2 ล้านบาร์เรล

 

ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 3 ล้านบาร์เรล แตะที่ 118.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.5 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 5 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 217.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ อัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 0.2% แตะที่ 90.4% มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1%

 

สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่ได้รายงานในข้างต้นนั้น ไม่นับรวมกับน้ำมันในคลังยุทธภัณฑ์สำรอง (Strategic Petroleum Reserve - SPR) ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ปริมาณ 697 ล้านบาร์เรล โดยรัฐบาลสหรัฐจะระบายน้ำมันออกจากคลังดังกล่าวก็ต่อเมื่อเกิดภาวะอุปทานตึงตัวที่เป็นผลมาจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ การโจมตีของผู้ก่อการร้าย และสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมือง

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก 98 เซนต์รับเฟดผ่อนคลายนโยบายการเงิน

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม 2555 07:12:25 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 4 (QE4) และหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปีหน้า ซึ่งข่าวดังกล่าวสามารถสกัดปัจจัยลบจากรายงานที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นเหนือความคาดหมาย

 

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 98 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 86.77 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 85.68-87.68 ดอลลาร์

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค.ที่ตลาดลอนดอนพุ่งขึ้น 1.49 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 109.50 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 108.14-110.50 ดอลลาร์

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นหลังจากเฟดประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 4 (QE4) โดยระบุว่าจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรอบใหม่ในวงเงิน 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน และจะเข้าซื้อหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (MBS) ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ และพร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำเป็นพิเศษที่ 0-0.25% ไปจนกว่าอัตราว่างงานจะลดลงต่ำกว่า 6.5% โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจและการสร้างงาน

 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจาก IEA ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกขึ้น 865,000 บาร์เรลต่อวัน แตะที่ 90.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2556 ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ครั้งก่อนที่ระดับ 110,000 บาร์เรลต่อวัน

 

อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจาก EIA เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 ธ.ค. เพิ่มขึ้น 843,000 บาร์เรล แตะที่ 372.6 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะร่วงลง 2.2 ล้านบาร์เรล

 

ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 3 ล้านบาร์เรล แตะที่ 118.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.5 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 5 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 217.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ อัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 0.2% แตะที่ 90.4% มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1%

 

ส่วนผลการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) นั้น ที่ประชุมมติคงเป้าหมายการผลิตน้ำมันไว้ที่ 30 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในการประชุมที่กรุงเวียนนาเมื่อวานนี้ ส่งสัญญาณว่าโอเปคพอใจกับราคาน้ำมันในขณะนี้ ด้านโฆษกของกลุ่มโอเปคกล่าวว่า โอเปคตัดสินใจคงเป้าหมายการผลิตน้ำมันไว้เท่าเดิม โดยพิจารณาจากความผันผวนและซบเซาของเศรษฐกิจโลกในปี 2556

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณเฮียค่ะที่ชี้แนะแนวทาง ถ้าด้วยเหตุนี้แล้วทองจึงต้องลงเหวอีกอ่ะสิค่ะ

ก็ไม่ใข่อีกเช่นกันครับ ว่า " ทองจึงต้องลงเหว " เพราะ นักลงทุนฝรั่งจะเริ่มชลอการลงทุนในตลาดหุ้นฯ ในช่วง 2 อาทิตย์สุดท้ายของเดือนธันวาคม พวกเขาจะถอนการลงเงินในตลาดหุ้นฯ เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลต่างๆ แล้วจะกลับมาลงทุนอีกครั้งในปีหน้า มองจากดัชนีค่าเงินดอลล์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง จะให้เขาไปซื้อดอลล์เก็บไว้ ก็คงไม่เป็นการดี และ อัตราแลกเปลี่ยน ยูโรต่อดอลล์ ที่แข็งค่าขึ้นสู่ระดับมากกว่า 1.30 จะไปซื้อเงินยูโรเก็บไว้ ก็แพงไปแล้ว ดังนั้นเมื่อ ราคาทอง Spot ที่ราคาผูกติดไว้กับ US$ จะทำให้ชนชาติอื่นๆ ที่เล่นซื้อทอง Gold Future และ Gold online จะได้ราคาทองที่ถูก เมื่อเทียบกับมูลค่าดอลล์ที่ลดค่าลงไป

 

อนึ่ง จากกราฟเส้นสัญญานฯ 2 รหัสที่กล่าวไว้แล้ว 5,35,9 และ 7,5,2 กลับสามารถยืนยันในระยะสั้น ถึง กลาง ( 7-14 วัน ) ว่า ราคาทองสามารถปรับตัวขึ้นจากจุดเวลานี้ได้ ราคาที่ถูกนำมาอ้างถึงคือ $1712.80 จึงสามารถเดาแนวทางว่า จะขึ้นไปได้มากกว่านี้ แต่จะเป็นเท่าไหร่ ไม่ทราบ แต่ที่รู้ๆ อย่างคาดหวัง 1900 หรือ 2000 เอาแค่สิ้นปี แตะ 1800 ก็เก่งแล้วครับ

 

เรามองกันสั้นๆๆ ก็เพียงพอ เพราะถ้าฝันมากไป ก็เหมือนที่เด็กขายของฝันเมื่อวานซืนนี้ ที่นายเบอร์นันเก้ มาชี้นิ้วหลอก ดีว่าคาดเดาได้ทัน เปลี่ยนแผนฯ และ จบเกมได้ทันการเมื่อคืนนี้ แต่ก็คงไม่โชคดีเสมอไปครับ

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: เงินดอลล์ร่วงหลังเฟดออก QE4,ตรึงดอกเบี้ยต่ำ

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม 2555 07:39:11 น.

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบใหม่ และให้คำมั่นสัญญาว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเอาไว้จนกว่าอัตราว่างงานจะลดลงต่ำกว่าระดับ 6.5% ซึ่งมาตรการดังกล่าวของเฟดได้สร้างแรงกดดันให้กับมูลค่าของสกุลเงินดอลลาร์

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.47% เมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.3065 ยูโร จากระดับของวันอังคารที่ 1.3004 ยูโร และดิ่งลง 0.16% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.6140 ปอนด์ จากระดับ 1.6114 ปอนด์

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.60% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9264 ฟรังค์ จากระดับ 0.9320 ฟรังค์ แต่ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.84% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ

 

83.200 เยน จากระดับ 82.510 เยน

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดีดตัวขึ้น 0.19% แตะที่ 1.0548 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0528 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.46% แตะที่ 0.8431 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8392 ดอลลาร์สหรัฐ

 

สกุลเงินดอลาร์สหรัฐร่วงลงหลังจากเฟดประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 4 (QE4) โดยระบุว่าจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรอบใหม่ในวงเงิน 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน และจะเข้าซื้อหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (MBS) ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์

 

นอกจากนี้ เฟดยังมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0 - 0.25% พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำเป็นพิเศษที่ 0-0.25% ไปจนกว่าอัตราว่างงานจะลดลงต่ำกว่า 6.5% โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจและการสร้างงาน

 

การที่นักลงทุนนักลงทุนจับตาดูการประชุมเฟดในวันนี้อย่างใกล้ชิดก้เพราะว่า มาตรการ Operation Twist จะหมดอายุลงในสิ้นเดือนนี้ เพื่อรองรับแนวโน้มเศรษฐกิจเมื่อมาตรการ Operation Twist หมดอายุลง โดยมาตรการ Operation Twist คือการเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไปในวงเงิน 2.67 แสนล้านดอลลาร์ และขายพันธบัตรระยะสั้นประเภทที่มีอายุไม่เกิน 3 ปีในวงเงินเท่ากัน โดยมีเป้าหมายที่จะฉุดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้ปรับตัวลดลง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานให้ขยายตัวขึ้น และยังช่วยให้แรงกดดันด้านการเงินผ่อนคลายลงด้วย

 

ส่วนค่าเงินยูโรร่วงลงหลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือ ยูโรสแตท รายงานว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.ใน 17 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรปรับตัวลดลง 1.4% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งสวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมใน 27 ประเทศสมาชิกอียู ลดลง 1.0% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: เงินดอลล์ร่วงหลังเฟดออก QE4,ตรึงดอกเบี้ยต่ำ

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม 2555 07:39:11 น.

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบใหม่ และให้คำมั่นสัญญาว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเอาไว้จนกว่าอัตราว่างงานจะลดลงต่ำกว่าระดับ 6.5% ซึ่งมาตรการดังกล่าวของเฟดได้สร้างแรงกดดันให้กับมูลค่าของสกุลเงินดอลลาร์

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.47% เมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.3065 ยูโร จากระดับของวันอังคารที่ 1.3004 ยูโร และดิ่งลง 0.16% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.6140 ปอนด์ จากระดับ 1.6114 ปอนด์

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.60% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9264 ฟรังค์ จากระดับ 0.9320 ฟรังค์ แต่ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.84% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ

 

83.200 เยน จากระดับ 82.510 เยน

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดีดตัวขึ้น 0.19% แตะที่ 1.0548 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0528 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.46% แตะที่ 0.8431 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8392 ดอลลาร์สหรัฐ

 

สกุลเงินดอลาร์สหรัฐร่วงลงหลังจากเฟดประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 4 (QE4) โดยระบุว่าจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรอบใหม่ในวงเงิน 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน และจะเข้าซื้อหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง (MBS) ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์

 

นอกจากนี้ เฟดยังมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0 - 0.25% พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำเป็นพิเศษที่ 0-0.25% ไปจนกว่าอัตราว่างงานจะลดลงต่ำกว่า 6.5% โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจและการสร้างงาน

 

การที่นักลงทุนนักลงทุนจับตาดูการประชุมเฟดในวันนี้อย่างใกล้ชิดก้เพราะว่า มาตรการ Operation Twist จะหมดอายุลงในสิ้นเดือนนี้ เพื่อรองรับแนวโน้มเศรษฐกิจเมื่อมาตรการ Operation Twist หมดอายุลง โดยมาตรการ Operation Twist คือการเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไปในวงเงิน 2.67 แสนล้านดอลลาร์ และขายพันธบัตรระยะสั้นประเภทที่มีอายุไม่เกิน 3 ปีในวงเงินเท่ากัน โดยมีเป้าหมายที่จะฉุดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้ปรับตัวลดลง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานให้ขยายตัวขึ้น และยังช่วยให้แรงกดดันด้านการเงินผ่อนคลายลงด้วย

 

ส่วนค่าเงินยูโรร่วงลงหลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือ ยูโรสแตท รายงานว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.ใน 17 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโรปรับตัวลดลง 1.4% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งสวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมใน 27 ประเทศสมาชิกอียู ลดลง 1.0% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

ข่าวแบบนี้ทองมันต้องขึ้นสิครับ แล้วไงมันร่วง งง มากฯฯฯ ใครก็ได้บอกที

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาลงมา 1695 ให้ทยอยเก็บอีกครั้ง หุหุ 24,655 บาทต่อบาททอง

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

ข่าวแบบนี้ทองมันต้องขึ้นสิครับ แล้วไงมันร่วง งง มากฯฯฯ ใครก็ได้บอกที

ใครๆ ก็ทราบดี ว่า วันนี้ 13 ธันวาคม 55 วันเก็บของ ราคาไม่แพง ราคาก็ต้องร่วงมาให้เก็บ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาลงมา 1695 ให้ทยอยเก็บอีกครั้ง

 

เจ้ามือยังไม่เปิดบ่อนเลยเฮีย. กว่าจะเปิดไม่รู้มันจะหนีไปทางไหน หุหุ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

เจ้ามือยังไม่เปิดบ่อนเลยเฮีย. กว่าจะเปิดไม่รู้มันจะหนีไปทางไหน หุหุ

อ้าว ! เขาไม่เปิด 24 ขั่วโมงเหรอครับ เพราะเราติดต่อสั่งซื้อสั่งจองผ่านระบบคอมพิวเตอร์นะครับ แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ วันนี้ วันปล่อยให้นักลงทุนซื้อเข้า ยังไง ราคาช่วงเช้าถึงบ่าย ไม่ขึ้นไปง่ายๆ หรอกครับ อารามคนตกใจขาย มีเยอะแยะไปหมด

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Markets : สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ (13/12/2555)

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) ขณะที่นักลงทุนรอดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการแถลงหลังจากตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการแล้ว นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการเจรจาเพื่อทำข้อตกลงการหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal cliff) ของสหรัฐ

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้นเกือบ 0.1% ปิดที่ 280.64 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3646.66 จุด บวก 0.51 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 7614.79 จุด บวก 25.04 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5945.85 จุด บวก 20.88 จุด

 

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนไม่ได้น้ำหนักต่อข่าวการประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 4 (QE4) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขณะที่นักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าสหรัฐอาจจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal cliff)

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ขยับลง 2.99 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 13,245.45 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.64 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ 1,428.48 จุด ดัชนี Nasdaq ลดลง 8.49 จุด หรือ 0.28% ปิดที่ 3,013.81 จุด

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 4 (QE4) ซึ่งส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำอย่างคึกคัก

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 8.3 ดอลลาร์ หรือ 0.49% ปิดที่ 1,717.9 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 33.782 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 76.5 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 2.95 เซนต์ ปิดที่ 3.7160 ดอลลาร์/ปอนด์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 1646.40 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 6.40 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 701.15 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 4.35 ดอลลาร์

 

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 4 (QE4) และหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปีหน้า ซึ่งข่าวดังกล่าวสามารถสกัดปัจจัยลบจากรายงานที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นเหนือความคาดหมาย

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 98 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 86.77 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 85.68-87.68 ดอลลาร์

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค.ที่ตลาดลอนดอนพุ่งขึ้น 1.49 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 109.50 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 108.14-110.50 ดอลลาร์

 

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบใหม่ และให้คำมั่นสัญญาว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเอาไว้จนกว่าอัตราว่างงานจะลดลงต่ำกว่าระดับ 6.5% ซึ่งมาตรการดังกล่าวของเฟดได้สร้างแรงกดดันให้กับมูลค่าของสกุลเงินดอลลาร์

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.47% เมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.3065 ยูโร จากระดับของวันอังคารที่ 1.3004 ยูโร และดิ่งลง 0.16% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.6140 ปอนด์ จากระดับ 1.6114 ปอนด์

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.60% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 0.9264 ฟรังค์ จากระดับ 0.9320 ฟรังค์ แต่ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.84% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 83.200 เยน จากระดับ 82.510 เยน

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดีดตัวขึ้น 0.19% แตะที่ 1.0548 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0528 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.46% แตะที่ 0.8431 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8392 ดอลลาร์สหรัฐ

 

-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ธ.ค.) เพราะได้รับปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะออกมาตรการผ่อนคลายการเงินเพิ่มเติม โดยเฟดได้แถลงผลการประชุมหลังจากตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการแล้ว

 

ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 20.88 จุด หรือ 0.35% ปิดที่ 5,945.85 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,915.91-5,948.50 จุด

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 13 ธันวาคม 2555

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แบงก์ ออฟ อเมริกา คาดเศรษฐกิจโลกขยายตัว 3.2% ในปี 2556 (13/12/2555)

รายงานภาวะเศรษฐกิจโลกปี 2556 ของแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริลล ลินช์ ระบุว่า คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2556 ถึงแม้ว่าจะยังคงมีความไม่แน่นอนในเรื่องภาวะหน้าผาการคลังในสหรัฐและปัญหาหนี้สินในยุโรป

 

ทั้งนี้ แบงก์ ออฟ อเมริกา คาดว่าเศรษฐกิจโลกอาจจะขยายตัว 3.2% ในปี 2556 เนื่องจากแนวโน้มที่ว่าสหรัฐสหรัฐจะสามารถแก้ปัญหาหน้าผาการคลังได้และสเปนอาจจะได้รับความช่วยเหลือทางการเงิน ผนวกกับสภาพคล่องสูงในตลาดและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจะเป็นจัยหนุนให้เศรษฐกิจทั่วโลกปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปตลอดทั้งปี

 

ไมเคิล ฮาร์เนตต์ หัวหน้าฝ่ายวางแผนกลุยุทธ์การลงทุนของแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริลล ลินช์ โกลบอล รีเสิร์ซ ระบุในรายงานว่า “ในช่วงเวลานี้ของปีที่ผ่านมา การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงในเรื่องขาลงอันเนื่องมาจากวิกฤตหนี้สินยุโรปและภาวะหน้าผาการคลังในสหรัฐซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจไม่สดใส"

 

ทีมวิจัยของแบงก์ ออฟ อเมริกา คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวที่ 2.5% และจีนจะขยายตัวที่ 8%

 

สำหรับยุโรป การให้ความช่วยเหลือแก่สเปนโดยธนาคารกลางยุโรป คาดว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจยุโรปมีเสถียรภาพตลอดทั้งปีและยังไม่มีแนวโน้มการผิดนัดชำระเงินของกลุ่มประเทศยูโรโซน

 

นอกจากนี้ คาดว่าการขยายตัวของจีดีพีในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อาจฟื้นตัวสู่ระดับ 5.2% นำโดยกลุ่มประเทศ BRIC โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีน แต่อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้ออาจเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายในหลายประเทศสามารถใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินได้มากขึ้น

 

นักวิเคราะห์ของแบงก์ ออฟ อเมริกา เชื่อว่านโยบายส่งเสริม การประเมินราคาอย่างสมเหตุผล และความเสี่ยงที่ลดลงจะเป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดหุ้นทั่วโลกในปี 2556 โดยตลาดหุ้นสหรัฐและเอเชียอาจมีกำไรระหว่าง 10-16% ในปี 2556 และดัชนี S&P 500 อาจพุ่งขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ระดับ 1,600 จุดก่อนสิ้นปี

 

สำหรับตลาดอัตราแลกเปลี่ยน คาดว่าเงินสกุลดอลลาร์และยูโรจะปรับตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและความชัดเจนที่เพิ่มขึ้นในเรื่องงบประมาณ ส่งผลให้เงินเยนอ่อนค่าลงและสกุลเงินของประเทศตลาดเกิดใหม่ปรับตัวสูงขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 12 ธันวาคม 2555)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตัวเลขการผลิตโอเปคลด และเงินดอลลาร์อ่อนค่า หนุนราคาน้ำมันดิบ (13/12/2555)

เบรนท์ส่งมอบ ม.ค ปรับเพิ่มขึ้น 0.68 ปิดที่ 108.01 เหรียญฯ และน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสส่งมอบเดือน ม.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 0.23 ปิดที่ 85.79 เหรียญฯ

 

+ น้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ตอบรับการประชุมโอเปคที่จะมีขึ้นในคืนวานนี้ที่ประเทศเวียนนา โดยนักวิเคราะห์ลงความเห็นว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงโควต้าการผลิตจากเดิมที่ 30 ล้านบาร์เรลต่อวัน อีกทั้งรายงานประจำเดือนแถลงว่า การผลิตโดยรวมเดือน พ.ย.แม้จะเกินโควต้า แต่ปรับลดลง 2.1 แสนบาร์เรลต่อวันจากเดือน ต.ค.มาอยู่ที่ 30.78 ล้านบาร์เรลต่อวัน

 

+ เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินยูโรหนุนให้ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น จากเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้นรับข่าวดีหลังการประกาศดัชนีความรู้สึกต่อภาวะเศรษฐกิจเยอรมนีประจำเดือน ธ.ค. ซึ่งกลับมามีทิศทางเป็นบวกครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน พ.ค.55

 

+ นอกจากนี้ค่าเงินดอลลาร์ถูกกดดันจากตัวเลขดุลการค้าสหรัฐฯ เดือน ต.ค. ซึ่งขาดดุลเพิ่มขึ้น 4.9% หรือคิดเป็นมูลค่า 4.22 หมื่นล้านเหรียญฯ จากการบริโภคในประเทศที่ซบเซา ส่งผลให้ปริมาณการนำเข้าปรับลดลงต่ำสุดในรอบ 18 เดือน ประกอบกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงคลุมเครือกับทางออกของปัญหาหน้าผาการคลัง โดยนักลงทุนต่างจับตารอการประชุมธนาคารกลางที่จะมีขึ้นในคืนวันนี้เป็นวันแรก และต่างแสดงความกังวลว่า หากมีการบังคับใช้มาตรการการขึ้นภาษีและลดค่าใช้จ่าย อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ กลับสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง

 

- สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ หรือ EIA ออกมาประเมิณปริมาณอุปทานน้ำมันดิบสหรัฐฯ ในปี 2013 ว่าจะขยายตัวอย่างรวดเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์มาแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1992 โดยเพิ่มขึ้น 7 แสนบาร์เรลต่อวันมาอยู่ที่ 7.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน

 

+ ด้านมุมมองอุปทานของโลก EIA ปรับการคาดการณ์การเติบโตขึ้นจากเดิม 7 หมื่นบาร์เรลต่อวันมาอยู่ที่ 9.6 แสนบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ OPEC ยังคงยืนที่มุมมองเดิมคือขยายตัวที่ 7.5 แสนบาร์เรลต่อวัน

 

+ ผลสำรวจรอยเตอร์คาดการณ์ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุดวันที่ 7 ธ.ค. 55 ปรับลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล ในขณะที่ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังปรับเพิ่มขึ้นมากถึง 2.2 ล้านบาร์เรล และน้ำมันดีเซลคงคลังปรับเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล

 

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ ตามตลาดยุโรปจากความต้องการของฝั่งแอฟริกาเหนือที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับอุปสงค์ระยะสั้นจากอินโดนีเซียที่เข้ามาสนับสนุนบรรยากาศการซื้อขายในตลาดจร

 

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากแรงกดดันของอุปทานภายในภูมิภาคที่มีมากกว่าอุปสงค์ โดยเฉพาะอินเดียที่ออกมาเสนอขายในตลาดค่อนข้างมาก

 

ทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นและปัจจัยที่น่าจับตามอง

 

กรอบการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ เบรนท์ 105 -112 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัส 83-90 เหรียญฯ ราคาจะยังคงผันผวนจากแรงกดดันเรื่องปัญหาหน้าผาการคลังของสหรัฐฯ ขณะที่ความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงสร้างความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบ และผลการประชุมของกลุ่มโอเปคว่าจะคงกำลังการผลิตที่ระดับเดิมหรือไม่

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่

 

วันพุธ : การผลิตภาคอุตสาหกรรมยูโรโซน และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ

วันพฤหัส : ยอดค้าปลีก ยอดขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานสหรัฐฯ การประชุมผู้นำกลุ่มยูโรโซน รวมทั้งดัชนีชี้วัดภาคการผลิตจีน (HSBC)

วันศุกร์ : ดัชนีชี้วัดภาคการผลิตสหรัฐฯ ดัชนีชี้วัดภาคการผลิตและบริการ รวมทั้งดัชนีราคาผู้บริโภคยูโรโซน

 

- รายงานสถานการณ์น้ำมันประจำเดือน ธ.ค. ของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ รวมถึง การประชุมกลุ่มโอเปควันเดียวกันด้วย ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าน่าจะคงโควต้ากำลังการผลิตไว้ที่เดิม

 

 

- การประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปในวันที่ 13-14 ธ.ค. ติดตามการอนุมัติเงินช่วยเหลือกรีซรอบใหม่อย่างเป็นทางการหลังมีการเห็นชอบในหลักการเบื้องต้นไปก่อนหน้านี้

 

- ความคืบหน้าของการหาทางออกให้กับปัญหาหน้าผาทางการคลัง (Fiscal Cliff) ของสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดีโอบามาออกมาแสดงความเห็นว่าการเจรจาระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันใกล้ได้ข้อยุติหากรีพับลิกันยอมรับประเด็นการขึ้นภาษีผู้มีรายได้สูง

 

- ติดตามผลการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในอียิปต์วันที่ 15 ธ.ค.นี้ หลังเกิดการประท้วงอย่างรุนแรงจากฝ่ายต่อต้านที่ไม่เห็นด้วยในหลายมาตรา นอกจากนี้ล่าสุดสมาคมผู้พิพากษาอียิปต์ออกมาประกาศจะไม่กำกับดูแลการลงประชามติดังกล่าว

 

- นอกจากนี้ติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดรอบใหม่ระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์หลังอิสลาเอลประกาศแผนเดินหน้าสร้างที่อยู่อาศัยในเขตเวสต์แบงค์เพื่อตอบโต้ UN ที่รับรองสถานะปาเลสไตน์ให้เป็นรัฐชาติ รวมทั้งสถานการณ์ความรุนแรงในซีเรียยังเป็นที่กังวลต่อนานาชาติโดยเฉพาะประเด็นความเสี่ยงของการใช้อาวุธเคมี

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (วันที่ 13 ธันวาคม 2555)

 

ข่าวยางพาราล่าสุด

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ธปท. เลิกออกบอนด์สั้น หลังรัฐจ่อระดมทุนยาว (13/12/2555)

แบงก์ชาติยกเลิกออกพันธบัตรระยะสั้นอายุ 4 ปี หลังรัฐบาลเตรียมออกบอนด์ระยะยาว เดินหน้าลงทุนเมกะโปรเจค

 

รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ระบุว่า ในปี 2556 ธปท.จะยกเลิกการออกพันธบัตรอัตราดอกเบี้ยคงที่ อายุ 4 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มอุปทานของพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวที่จะเพิ่มขึ้น จากความต้องการระดมทุนจำนวนมากของรัฐบาลในปีหน้า

 

"ขณะเดียวกัน แนวโน้มสภาพคล่องส่วนเกินสุทธิในระบบ ในปี 2556 คาดว่าจะเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก ทำให้การออกพันธบัตรระยะยาวขึ้น เพื่อขยายขีดความสามารถในการรองรับสภาพคล่องส่วนเกินนั้น มีความจำเป็นลดลงธปท.จะพิจารณาปรับวงเงินพันธบัตร ธปท. แต่ละประเภทอายุให้เหมาะสมกับภาวะตลาดเงินและตลาดพันธบัตร รวมทั้งคำนึงถึงวงเงินการออกพันธบัตรรัฐบาลในแต่ละช่วงเวลา" ธปท.ระบุในเอกสารเผยแพร่ เรื่อง แผนการออกพันธบัตร ธปท.ปี 2556

 

พันธบัตรรัฐบาล ที่เป็นพันธบัตรหลัก หรือ Benchmark Bond ซึ่งจะออกตามแผนดังกล่าว ได้แก่ พันธบัตรรุ่นอายุ 3, 5, 7, 10, 15, 20, 30 และ 50 ปี

 

ธปท.ระบุอีกว่า ในปี 2556 การออกพันธบัตรโดยรวม จะเป็นการออกเพื่อทดแทนพันธบัตร ธปท.ที่ครบกำหนดเป็นส่วนใหญ่ โดยธปท.จะปรับเพิ่มวงเงินประมูลต่อครั้งของพันธบัตรระยะสั้น และปรับลดวงเงินประมูลต่อครั้ง ของพันธบัตรระยะกลางเล็กน้อย จากปี 2555 เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพคล่อง และแผนการออกพันธบัตรรัฐบาล

 

นอกจากนี้ ในปีหน้า ธปท.มีแผนจะช่วยสร้างสภาพคล่องให้กับพันธบัตรประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (FRB) จึงวางแผนออก FRB เพียงรุ่นเดียว คือ รุ่นอายุ3 ปี อิงกับอัตราดอกเบี้ย BIBOR ระยะ 3 เดือน

 

โดยจะยกเลิกการออก FRB ทั้ง 2 รุ่น ที่เคยออกอยู่ในปี 55 คือ รุ่นอายุ2 ปี อิงกับอัตราดอกเบี้ย BIBOR ระยะ 3 เดือน และรุ่นอายุ 3 ปี อิงกับอัตราดอกเบี้ยBIBOR อายุ 6 เดือน เพื่อให้วงเงินรวมต่อรุ่น สูงขึ้น

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 13 ธันวาคม 2555)

 

หมายเหตุ ปล. ว่า ใครจะลงทุนเอาเงินสดไปแช่แข็งระยะยาว ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนดีๆ นะครับ ขนาดแค่ 3-4 ปี ยังเสียว เสียวอะไร เสียวที่จะเสียโอกาศรับดอกเบี้ยมากกว่านี้ ในภาวะที่ เงินลงทุนต่างๆ หายวับไปเหมือนเผาแบงค์กงเต๊กไปให้บรรพบุรุษ เงินเฟ้อจะมาหลอกหลอน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...