ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 13 สิงหาคม 2556 07:38:37 น.

ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่น หลังจากมีรายงานว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของญี่ปุ่น (จีดีพี) ขยายตัวน้อยกว่าการคาดการณ์

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับขึ้นน้อยกว่า 0.1% ปิดที่ 306.08 จุด

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่น หลังจากมีรายงานว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของญี่ปุ่น (จีดีพี) ขยายตัวน้อยกว่าการคาดการณ์

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,419.68 จุด ลดลง 5.83 จุด หรือ -0.04% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 3,669.95 จุด เพิ่มขึ้น 9.84 จุด หรือ +0.27% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,689.47 จุด ลดลง 1.95 จุด หรือ -0.12%

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐ

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 22 ดอลลาร์ หรือ 1.68% ปิดที่ 1,334.2 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 93.3 เซนต์ ปิดที่ 21.34 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1498.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 1.90 ดอลลาร์ ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 737.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 3.40 ดอลลาร์

 

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาดของจีน รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรม

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น 14 เซนต์ ปิดที่ 106.11 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 75 เซนต์ ปิดที่ 108. 97 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) ในขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งแรง ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง

 

ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,574.34 จุด ลดลง 9.05 จุด หรือ -0.14%

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐจะออกมาแข็งแกร่งในสัปดาห์นี้

 

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 96.68 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 96.33 เยน และขยับขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9251 ฟรังค์ จากระดับ 0.9225 ฟรังค์

 

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3310 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3340 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.5472

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งค่ารับคาดการณ์ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐสดใส

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 13 สิงหาคม 2556 07:37:06 น.

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐจะออกมาแข็งแกร่งในสัปดาห์นี้

 

ดอลลาราสหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 96.68 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 96.33 เยน และขยับขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9251 ฟรังค์ จากระดับ 0.9225 ฟรังค์

 

 

 

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3310 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3340 ดอลลาร์สหรัฐ เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.5472 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5513 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงแตะระดับ 0.9256 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9213 ดอลลาร์สหรัฐ

 

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นขณะที่นักลงทุนจับตาดูกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่ายอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ค.

 

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย.ในเวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจจะเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย.

 

สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงหลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2/2556 ขยายตัว 2.6% ต่อปี ซึ่งแม้ว่าเป็นการขยายตัวติดต่อกัน 3 ไตรมาส แต่ก็ยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัว 3.2%

 

ขณะที่กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย.ที่มีการปรับทบทวน หดตัวลง 3.1% เมื่อเทียบรายเดือน นับว่าลดลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน แต่ยังดีกว่าในตอนแรกที่รายงานว่าร่วงลง 3.3%

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณค่ะๆๆๆ คุณป๋า คุณป๋าให้แนวทางที่ชัดเจนและมีเหตุผลที่เคลียร์ทุกครั้ง ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรุณสวัสดิ์เฮียเด็กขายของ ขอบคุณข่าวสารและบทวิเคราะห์ครับ :gd

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วิเคราะห์กราฟ พร้อมใส่รายละเอียดได้ ป๋า มาก ๆ เลยครับ

 

ขออนุญาติเลียนแบบ นั่งมองไปก่อนเช่นกัน

 

สวัสดีตอนเช้า และขอบคุณป๋ามาก ๆ นะครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ติด S เพราะมือบอนครับ จะย่อลงมา 1320 ให้ขาดทุนน้อยลงมั๊ยครับนี่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Chinese purchases push gold prices to highest in 3 weeks

 

Source :Commodityonline, Bloomberg

20001235191376334365.jpg

 

The yellow metal showed signs of strengthening after rebounding by over 2 % later last week and hit $ 1310 an ounce. On Monday spot gold surged by over $ 22 an ounce to hit $ 1335 an ounce.

 

 

NEW YORK (Commodity Online): Chinese demand lifted gold prices to hit one of the highest in three weeks. Analysts see physical demand gaining momentum from China and India.

 

The yellow metal showed signs of strengthening after rebounding by over 2 % later last week and hit $ 1310 an ounce. On Monday spot gold surged by over $ 22 an ounce to hit $ 1335 an ounce.

 

“Physical demand, especially out of China, continues to support prices,” Michael Smith, the president of T&K Futures & Options in Port St. Lucie, Florida was quoted by Bloomberg. “We are seeing bullish sentiment across the precious-metal market today.”

 

Gold futures for December delivery rose 2.1 % to $1,339.70 an ounce on the Comex in New York at 10:18 a.m., heading for the biggest gain for a most-active contract since July 22. Earlier, prices touched $1,343.70, the highest since July 24.

 

On the contrary, the Dollar Index has dropped five days in a row, falling 1.14 % this week, helped by the 2.35 % appreciation of Yen against the Dollar. In the past two days, the S&P 500 Index was flat while the Euro Stoxx 50 Index rose 0.94 %, a report by Sharpspixley.com stated.

 

Domestic purchases of gold jumped 54 percent to 706.4 metric tons in the first half of 2013, compared with a year earlier, the China Gold Association said today. Buying of gold-bar purchases surged 87 percent and jewelry demand increased 44 percent. Last month, gold prices jumped 7.3 percent, partly on increased physical buying, the Bloomberg report said.

 

The July China exports jumped 5.1 % year-on-year versus the expected two percent while the imports surged 10.9 % versus the expected one percent. The trade balance declined to $17.82 billion from $27.12 billion in June.

 

The higher than expected import growth indicates a Chinese domestic demand recovery, which will bode well for gold demand. The stronger than expected PMI data from the U.S. and Europe will likely support Chinese trade data going forward.

 

Even silver prices touched 7-week high, silver futures for September delivery climbed 4.3 % to $21.28 an ounce in New York, after reaching $21.335, the highest since June 19.

 

(Story image courtesy of ponsulak at FreeDigitalPhotos.net)

 

 

http://www.commodityonline.com/news/chinese-purchases-push-gold-prices-to-highest-in-3-weeks-55873-3-55874.html

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า การซื้อขายทองคำที่ตลาดนิวยอร์ก(COMEX)เมื่อคืนที่ผ่านมา(12ส.ค.) ปรับเพิ่มขึ้นแรง หลังนักลงทุนพากันเข้าซื้อทองคำเพื่อลดความเสี่ยง อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐ โดยทองคำราคาส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับเพิ่มขึ้น 22 ดอลลาร์ หรือ 1.68% ปิดที่ 1,334.2 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (วันที่ 13 สิงหาคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จากข่าวข้างบน ถ้าบอกถึงการเด้งของราคาทองเกิดจาก เพดานหนี้สหรัฐ ก็ตัองมาอ่านข่าวนี้กัน เพราะมีการกล่าวถึงสภาคองเกรสจะมีการพิจารณาเพดานหนี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics ประเมิน อาจเร็วเกินไปที่เฟดจะตัดสินใจลดขนาด QE ในการประชุมเดือนหน้า จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่แข็งแกร่งพอ แม้ตัวเลขการว่างงานแตะร้อยละ 7.4 เตือนตลาดผันผวนเดือนกันยายน หลังนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดเฟดอาจลดขนาด QE ครั้งแรก

 

ประเด็นหนึ่งที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด จะเริ่มลดปริมาณการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้ที่หนุนด้วยสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือเรียกสั้น ๆ ว่ามาตรการ QE3 (Third round of quantitative easing) ครั้งแรกเมื่อใด คงเป็นคำถามที่กวนใจนักลงทุนทั่วโลกอยู่ไม่น้อย ผิดกับเมื่อช่วงต้นปีที่ตลาดการเงินดูเหมือนว่าจะไม่สนใจประเด็นดังกล่าวเลย ถึงกับขนาดที่หลายฝ่ายได้ขนานนามมาตรการนี้ว่า QE Infinity ด้วย เพราะเชื่อว่ามันจะมีอยู่ต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด

 

แต่ถ้อยแถลงของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด ในผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 18-19 มิ.ย.ก็ทำให้นักลงทุนตระหนักได้ถึงความจริงที่ว่า QE3 จะไม่ได้อยู่ไปชั่วฟ้าดินสลาย โดยประธานเฟดได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า “หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวสอดคล้องกับประมาณการของเฟด การลดปริมาณการเข้าซื้อตราสารในมาตรการ QE จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้” ซึ่งเฟดมองว่าอัตราการว่างงานจะอยู่ที่ร้อยละ 7.2-7.3 ภายในสิ้นปีนี้ และ “หากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นต่อเนื่อง มาตรการ QE น่าจะสิ้นสุดลงกลางปี 2557 ซึ่งขณะนั้นอัตราการว่างงานน่าจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 7”

 

ความโกลาหลของราคาสินทรัพย์ที่ตอบสนองราวกับว่ามาตรการ QE กำลังจะหยุดลงในเร็ววันนี้ ทำให้นายเบอร์นันเก้ ต้องออกมาสื่อสารกับตลาดใหม่ในถ้อยแถลงต่อสภาคองเกรสในเดือนกรกฎาคมว่า เฟดไม่ได้กำหนดการปรับเปลี่ยนมาตรการ QE ไว้ล่วงหน้า ดังนั้น ถ้าหากมุมมองของสภาวะการจ้างงานออกมาแย่กว่าที่คาดไว้ เฟดอาจตัดสินใจคงระดับการเข้าซื้อสินทรัพย์ใน ปัจจุบันไปอีกระยะหนึ่ง ประเด็นหลักจึงอยู่ที่แนวโน้มของอัตราการว่างงานในสหรัฐฯ จะสามารถลดต่ำกว่าร้อยละ 7.3 ได้หรือไม่

 

จากการวิเคราะห์พบว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ (GDP) ในช่วงที่ผ่านมา ยังคงไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะทําให้อัตราการว่างงานปรับตัวลดลงได้จริง เพราะการเติบโตเพียงร้อยละ 1.7 ในไตรมาสที่สอง และตัวเลขไตรมาสแรกที่ถูกปรับลดเหลือร้อยละ 1.1 เท่านั้น น่าจะทำให้อัตราการว่างงานปัจจุบันยังคงลอยเหนือระดับร้อยละ 7.5 เพราะฉะนั้น ตัวเลขอัตราการว่างงานล่าสุดที่ร้อยละ 7.4 อาจถูกบิดเบือนได้จากสัดส่วนของผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงาน (Participation rate) ลดลงมากเป็นพิเศษ ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากประชาชนบางส่วนตัดสินใจที่จะเลิกหางานโดยถาวร ทำให้ตัวเลขอัตราการว่างงานอาจต่ำกว่าความเป็นจริง

 

เมื่อพิจารณาในส่วนของตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเราพบว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อเดือนราว1.6 แสนตำแหน่ง (นับแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ที่มีการจ้างงานน้อยที่สุดจนถึงปัจจุบัน) ซึ่งหากอิงตัวเลขการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวต่อเนื่องไปข้างหน้า การจ้างงานจะกลับสู่ภาวะปกติ (เทียบเท่ากับภาวะปกติในเดือนมกราคม 2551) ในช่วงไตรมาสสามของปี 2557 ซึ่งมีนัยยะว่า การฟื้นตัวของตลาดแรงงานอาจจะล่าช้ากว่าที่นายเบน เบอร์นันเก้ส่งสัญญาณไว้ สอดคล้องกับมุมมองของศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบีที่ว่าการเริ่มถอน QE น่าจะเกิดในช่วงปลายปี 2556 มากกว่า

 

นอกจากนี้ ความกังวลต่อประเด็นเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ (Disinflation) ซึ่งเฟดกล่าวไว้ในรายงานวานนี้ว่า “เงินเฟ้อที่ทรงตัวต่ำกว่าระดับ 2% ช่วงระยะเวลาหนึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ” น่าจะเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เฟดยังคงดำเนินมาตรการ QE ไปอีกซักระยะหนึ่ง อย่างน้อยจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับมาส่งสัญญาณเร่งตัวขึ้นบ้าง

 

โดยสรุป ถึงแม้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าการเริ่มถอนมาตรการ QE น่าจะเกิดครั้งแรกในเดือนกันยายนนี้ โดยเฉพาะเมื่ออัตราการว่างงานปรับตัวลดลงมาสู่ระดับร้อยละ 7.4 ในเดือนกรกฎาคม แต่ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบียังประเมินว่ากันยายนอาจเร็วเกินไปที่คณะกรรมการจะตัดสินใจเช่นนั้น โดยเฟดน่าจะรอถึงช่วงปลายปีเพื่อดูสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนเสียก่อน อย่างไรก็ดี แม้การลดขนาด QE ครั้งแรกอาจไม่เกิดในการประชุมครั้งหน้า แต่การคาดการณ์ของตลาดดังกล่าว จะก่อให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงินเพิ่มมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะอย่างน้อยที่สุด เรากำลังนับถอยหลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่เฟดจะตัดสินใจดำเนินมาตรการลดปริมาณเงินดอลลาร์ฯ ที่เอ่อล้นอยู่ในระบบการเงิน เข้าไปทุกขณะ

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (วันที่ 13 สิงหาคม 2556)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำในปี 2557 ยังคาดการณ์ได้ยาก เนื่องจากปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อราคาทองเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด แต่คาดว่าราคาทองยังมีทิศทางปรับลดลง ประเมินเบื้องต้นกรอบการเคลื่อนไหว 1,100-1,400 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะการยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ (QE) เพราะเชื่อว่าปลายไตรมาส 4 ปีนี้ สัญญาณการชะลอมาตรการ QE จะชัดเจนขึ้น ซึ่งจะเป็นผลลบต่อราคาทองคำ และราคาทองจะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ และดอกเบี้ยที่เริ่มจะมีทิศทางขาขึ้น อาจจะได้เห็นราคาทองปรับลงมาใกล้ระดับ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือประมาณ 16,000-17,000 บาท/บาททองคำ หากเงินบาทยังอ่อนค่าที่ประมาณ 31.40 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

 

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนไม่ควรตื่นตระหนกกับราคาทองคำในขาลง เพราะเศรษฐกิจสหรัฐยังมีความไม่แน่นอนสูง ยังมีปัญหาเรื่องการขาดดุลการคลัง ซึ่งเป็นข้อจำกัดในการถอนมาตรการ QE ทันที ประกอบกับค่าเงินบาทยังผันผวนและมีแนวโน้มอ่อนค่า จากปัจจัยภายนอก และการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย ดังนั้นยังต้องติดตามราคาทองคำอย่างใกล้ชิดต่อไป ส่วนนักลงทุน แนะนำให้ลงทุนในระยะสั้น 1-2 สัปดาห์ เมื่อมีกำไรให้ขาย

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (วันที่ 13 สิงหาคม 2556)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดัชนีตลาดหุ้นไทยดีดกลับขึ้นทำนิวไฮได้ แต่ประคองตัวปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันไม่ได้ต่อเนื่อง อีกทั้งยังหลุดลงมาปิดแถวๆ เส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันด้วย หากดัชนีประคองตัวปิดเหนือเส้นดังกล่าวแถวๆ 1,434 จุดไม่ได้อีก น่าจะไหลกลับลงมาทดสอบแนวรับถัดไปแถวๆ 1,429-1,420 จุดต่อไป แนวต้าน 1,443-1,445 จุด และหากสัปดาห์นี้ดัชนีไม่ถอยกลับลงมาทำนิวโลว์ต่ำกว่า 1,405 จุดอีก จึงจะมีลุ้นดีดกลับขึ้นปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 สัปดาห์ที่ 1,446-1,450 จุดต่อไป

 

หุ้น PT มีแนวรับที่ 9.25 บาท แนวต้าน 9.60, 9.85 บาท ระดับราคาดีดกลับขึ้นทำนิวไฮได้ในรอบสัปดาห์ โดยปิดได้ในระดับสูงสุดของวันและมีวอลุ่มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หากระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาปิดต่ำกว่า 9.25 บาทอีก น่าซื้อเพิ่ม ลุ้นดีดกลับขึ้นทดสอบแนวต้านแถวๆ 9.60 บาท ก่อนผ่านขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 9.85 บาทต่อไป

 

หุ้น AMATA แนวรับอยู่ที่ 18.00-17.60 บาท แนวต้าน 19.20 บาท ระดับราคาดีดกลับขึ้นต่อเนื่อง โดยประคองตัวปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5, 10 และ 25 วันได้และปิดได้ในระดับสูงสุดของวัน หากระดับราคาไม่ถอยกลับลงมาปิดต่ำกว่าแถวๆ 18.00-17.60 บาทอีก น่าซื้อเพิ่ม ลุ้นดีดกลับขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิมในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 19.20 บาทต่อไป

 

ส่วนราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 2.89 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือคิดเป็น 0.22% ปิดที่ระดับ 1,310 ราคาปรับตัวลงจากกระแสความวิตกกังวลที่ว่าเฟดอาจลดขนาดโครงการ QE ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายทองคำหลังอัตราว่างงานสหรัฐปรับตัวลดลง แต่ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากธนาคารกลางญี่ปุ่นมีมติคงนโยบายผ่อนคลายการ เงิน

 

นอกจากนี้ ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากจีนประกาศการนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มขึ้นใน เดือนกรกฎาคมเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน ซึ่งบ่งชี้ว่ากิจกรรมในภาคการผลิต และภาคอุตสาหกรรมของจีนกำลังฟื้นตัวขึ้น และกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 3 สิงหาคม ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5,000 ราย สู่ระดับ 333,000 ราย ส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง

 

สัปดาห์นี้ประเมินกรอบราคาทองคำที่ 1,245-1,348 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 18,420-19,940 บาทต่อบาททองคำ (อ้างอิงค่าเงินบาทที่ 31.20 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ) หลังจากที่สหรัฐประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นปัจจัยกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากตัวเงินดอลลาร์ที่ยังมีแนวโน้มแข็งค่าตามตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดี

 

ทางโกลเบล็กแนะนำให้ทยอยขายออกหากราคาปรับตัวเข้าใกล้แนว ต้าน 1,340-1,348 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 19,820-19,940 บาทต่อบาททองคำ มีจุดเริ่มทยอยซื้อกลับที่ 1,265-1,285 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 18,720-19,010 บาทต่อบาททองคำ หลังราคาทองคำปรับตัวลงหลุดแนวรับในสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

ที่มา: คมชัดลึก(วันที่ 13 สค.56)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นเป็นวันที่ 4 โดยการนำของตลาดหุ้นญี่ปุ่น หลังเงินเยนอ่อนค่าขณะที่นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ อยู่ระหว่างการพิจารณาประเด็นการลดภาษีนิติบุคคล

 

ดัชนี MSCI Asia Pacific ขยับขึ้น 0.1% แตะ 134.28 จุด เมื่อเวลา 9.32 น.ตามเวลาโตเกียว

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 13,696.36 จุด เพิ่มขึ้น 176.93 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,101.32 จุด เพิ่มขึ้น 0.04 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,368.47 จุด เพิ่มขึ้น 97.19 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,935.79 จุด เพิ่มขึ้น 32.41 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,893.42 จุด เพิ่มขึ้น 8.59 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,240.24 จุด เพิ่มขึ้น 8.00 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 6,447.50 จุด เพิ่มขึ้น 3.69 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,784.46 จุด ลดลง 0.11 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 5,111.60 จุด เพิ่มขึ้น 2.90 จุด

 

หุ้นฮอนด้า มอเตอร์ เพิ่มขึ้น 1.6% หุ้นโซนี ไฟแนนเชียล โฮลดิงส์ อิงค์ พุ่ง 4.9% ส่วนหุ้นนิวเครสต์ ไมนิ่ง ลดลง 2.1%

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 13 สิงหาคม 2556)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปล. ทั้งเงินเยน และ เงินหยวนอ่อนค่า จุลึงทำให้ค่าเงินดอลล์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น แล้วเวลา หยวนเยนอ่อนค่า ราคาทองที่จีนและญี่ปุ่น ก็เพิ่มค่าขึ้น น่าจะเกิดแรงขายทำกำไรบ้างล่ะ

 

 

 

ข่าววิ่ง - ข่าววิ่ง

China Foreign Exchange Trading System (CFETS) รายงานว่า เงินหยวนอ่อนค่าลง 0.40% แตะที่ 6.1705 หยวนต่อดอลลาร์

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศของจีนนั้น เงินหยวนได้รับอนุญาตให้ปรับตัวขึ้นหรือลงไม่เกิน 1% จากอัตราค่ากลางของการซื้อขายแต่ละวัน

 

ทั้งนี้ อัตราค่ากลางสกุลเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ อิงกับราคาเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนัก ก่อนที่ตลาดจะเปิดทำการซื้อขายในแต่ละวัน

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 13 สิงหาคม 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...