ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

A majority of Wall Street economists had been expecting the Fed to ease further on Wednesday. The Fed was seen likely to take a new “twist” step to swap shorter-maturity government securities on its balance sheet for longer-dated ones in another

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไอเอ็มเอฟ เตือนเศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ภาวะอันตรายรอบใหม่ คาดปีนี้ขยายตัวเหลือเพียงร้อยละ 4 จี้รัฐบาลสหรัฐและยุโรปเร่งแก้วิกฤตหนี้

 

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ เตือนเศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ภาวะอันตรายรอบใหม่ คาดปีนี้และปีหน้าจะขยายตัวลดลงเหลือร้อยละ 4 จากเดิมเมื่อปีก่อนที่เติบโตได้ร้อยละ 5 พร้อมกับเรียกร้องรัฐบาลสหรัฐและยุโรปเร่งหาทางจัดการปัญหาหนี้สิน ก่อนวิกฤตลุกลามกลายเป็นภาวะถดถอยระลอกใหม่

โดยไอเอ็มเอฟ คาดว่าปีนี้เศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งใหญ่เป็นเบอร์ 1 ของโลก จะเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 1.5 ก่อนกระเตื้องขึ้นเป็นร้อยละ 1.8 ในปีหน้า ส่วนเศรษฐกิจของ 17 ชาติยูโรโซน ซึ่งใช้เงินสกุลยูโรร่วมกัน น่าจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 1.6 ในปีนี้ ก่อนชะลอตัวลงแตะร้อยละ 1.1 ในปีหน้า ขณะที่เศรษฐกิจญี่ปุ่น ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก คาดว่าจะหดตัวลงร้อยละ 0.5 ในปีนี้ แต่จะค่อย ๆ ฟื้นตัวดีขึ้นจนสามารถกลับมาเติบโตได้ราวร้อยละ 2.3 ในปีหน้า

ด้านกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและชาติเศรษฐกิจเกิดใหม่ ไอเอ็มเอฟ มองว่าปีหน้า เศรษฐกิจของชาติเหล่านี้น่าจะลดความร้อนแรงลงเหลือร้อยละ 6.1 จากผลของการใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินบวกกับดีมานด์การนำเข้าจากต่างชาติที่ลดลง อย่างไรก็ดีเชื่อว่าเศรษฐกิจจีน จะยังคงเติบโตอย่างสดใสอยู่ที่ราวร้อย 9.0 สวนทางกับเศรษฐกิจรัสเซีย ละตินอเมริกา แอฟริกา ตะวันออกกลาง ที่ต่างอยู่ในช่วงขาลง

 

ประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุระเบิดโจมตีกรุงอังการา ของตุรกี

 

ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐ กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุระเบิดโจมตีกรุงอังการา ระหว่างการหารือกับนายกรัฐมนตรีเรเซพ เทย์ยิป เออร์โดกัน ของตุรกี เมื่อวานนี้ โดยประธานาธิบดีโอบามา กล่าวกับนายกรัฐมนตรีตุรกีว่าเหตุระเบิดดังกล่าวซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน และบาดเจ็บอีก 15 คน เป็นเหตุการณ์ที่ตอกย้ำว่าภัยก่อการร้ายยังคงมีอยู่ในเกือบทุกหนแห่งของโลก อย่างไรก็ดี แม้เบื้องต้นกระทรวงมหาดไทยของตุรกีคาดว่าเหตุระเบิดน่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนชาวเคิร์ด แต่นายกรัฐมนตรีเออร์โดกัน เตือนว่ายังไม่ควรด่วนสรุปว่าใครเป็นผู้ลงมือ เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลชี้ชัดว่าเหตุระเบิดครั้งนี้เป็นการก่อการร้ายหรือไม่ ทั้งนี้ ตุรกี เป็นหนึ่งในชาติพันธมิตรสำคัญที่สุดของสหรัฐในภูมิภาคตะวันออกกลาง แต่ช่วงไม่กี่เดือนหลังๆ มานี้ สหรัฐดูจะตกที่นั่งลำบากเมื่อตุรกีและอิสราเอล ซึ่งต่างก็เป็นพันธมิตรใกล้ชิด เริ่มมีปัญหาบาดหมางกัน หลังอิสราเอลส่งทหารบุกโจมตีเรือบรรเทาทุกข์นานาชาติที่มุ่งหน้าสู่ฉนวนกาซา เป็นเหตุให้ชาวตุรกีเสียชีวิตถึง 9 คน

 

ลิเบีย เตรียมเผยโฉมรัฐบาลชุดใหม่ภายในอีก 7-10 วันข้างหน้า

 

นายมะหมูด จิ-บริล ผู้นำหมายเลข 2 ของสภาถ่ายโอนอำนาจแห่งชาติลิเบีย หรือ เอ็นทีซี กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่นครนิวยอร์ค ของสหรัฐ เมื่อวานนี้ ระบุว่าลิเบียจะประกาศเปิดตัวรัฐบาลชุดใหม่ภายในอีก 7-10 วันข้างหน้า นายจิ-บริล เปิดเผยเรื่องนี้หลังคณะบริหารชุดใหม่ของลิเบียได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากสหประชาชาติ หลังสิ้นสุดยุคการปกครองแบบเผด็จการของพันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟี ที่ยาวนานกว่า 40 ปี อย่างไรก็ดี การเจรจาจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของลิเบีย ต้องเผชิญกับอุปสรรคไม่น้อยจากความไม่ลงรอยกันของหลายฝ่าย ก่อนหน้านี้ นายจิ-บริล ระบุว่าตำแหน่งในรัฐบาลสามารถจัดตั้งไปได้แล้วส่วนหนึ่ง แต่ยังมีอีกหลายตำแหน่งที่ต้องหารือกันเพิ่มเติม

 

ไอเอทีเอ คาดปีหน้าสายการบินทั่วโลกจะมีกำไรลดลงราวร้อยละ 29

 

สมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือ ไอเอทีเอ คาดการณ์ว่าปีหน้าบรรดาสายการบินทั่วโลกจะมีกำไรอยู่ที่ประมาณ 4,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 148,800 ล้านบาท ลดลงเกือบ 1 ใน 3 ของยอดกำไรรวมปีนี้ ที่คาดว่าจะทำได้ราว 6,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 209,500 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นมาก ไอเอทีเอ ชี้ด้วยว่าสายการบินยุโรปจะมีกำไรลดลงถึงร้อยละ 80 จากพิษวิกฤติหนี้สินที่กำลังคุกคามหลายประเทศในกลุ่มยูโรโซน อย่างไรก็ดี ไอเอทีเอ ระบุว่าช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ สายการบินพาณิชย์ทั่วโลกมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 6.4 สวนทางกับภาคการขนส่งสินค้าทางอากาศที่แทบไม่ขยับเนื่องจากการค้าโลกยังคงซบเซา

 

ผู้นำอัฟกานิสถานร่นระยะเวลาการเยือนสหรัฐ หลังอดีตประธานาธิบดีถูกลอบสังหาร

 

โฆษกประธานาธิบดีอัฟกานิสถานแถลงว่า ประธานาธิบดีฮามิด คาร์ไซ จะร่นระยะเวลาการเยือนสหรัฐให้สั้นลง และกำลังจะเดินทางกลับประเทศ หลังรับทราบข่าวนายบูร์ฮานุดดิน รับบานี อดีตประธานาธิบดีซึ่งเป็นแกนนำในความพยายามที่จะเจรจาสันติภาพกับกลุ่มตอลิบาน ถูกลอบสังหารเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตามคาดว่าประธานาธิบดีคาร์ไซจะพบปะกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ก่อนเดินทางกลับ.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรุณสวัสดิ์ครับ ทุกท่าน วันนี้มาดูรูปรถทองคำคลายเครียดกันดีกว่าครับ

 

อินเดียเปิดตัวรถยนต์ประดับทองคำ-อัญมณีคันแรกของโลก

 

วันอังคาร ที่ 20 กันยายน 2554

โห....รถยนต์ประดับทองคำ คันแรกของโลก

Posted by น้องจ๋า ,

 

รถทองคำ

 

 

อินเดียเปิดตัวรถยนต์ประดับทองคำและอัญมณีคันแรกของโลก

 

ซึ่งมีมูลค่าราว 140 ล้านบาทโดยรถยนต์ประดับทองคำ

 

และอัญมณีคันนี้ถูกจัดแสดงที่เมืองมุมไบเมื่อวานนี้

 

เพื่อ อวดงานฝีมือด้านอัญมณีในอินเดียที่มีมานาน 5,000 ปี

 

โดยรถคันนี้ใช้ทองคำ 22 กะรัต หนัก 80 กก.

 

 

จะจองกี่คันดีคะ.....ท่านนางสาวยกฯ

 

.ขอขอบคุณ http://www.oknation.net/blog/nongjar/2011/09/20/entry-2

 

2098.jpg

 

2097.jpg

 

2099.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

'Operation Twist' ทางเลือกที่ต้องรอดของเศรษฐกิจมะกัน

E4411FF3C3D842B6A7969DC020461B58.jpg

นับเป็นเรื่องที่ทั่วโลกต่างจับตามองอย่างใกล้ชิดอีกครั้ง กับการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 20–21 ก.ย.นี้ เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐรอบใหม่อีกครั้ง หลังจากที่สภาพเศรษฐกิจที่ผ่านมาไม่ได้กระเตื้องขึ้นแม้แต่น้อย

 

ยืนยันได้ชัดจากตัวเลขการว่างงานของสหรัฐที่ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 9% และตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แทบไม่ขยับเขยื้อนใดๆ

 

สถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้บรรดาสมาชิกเฟดเริ่มตระหนักแล้วว่า ไม่อาจจะขอประวิงเวลารอดูเหตุการณ์เหมือนที่แล้วมาได้อีกต่อไป และจำเป็นต้องหาทางนำเงินใส่เข้าไปในระบบเพื่อให้เกิดการจ้างงานขึ้นอีกครั้ง อันจะส่งผลดีต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวม ภายใต้การผลักดันอย่างเต็มที่จากคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐ (เอฟโอเอ็มซี)

 

อย่างไรก็ตาม สมาชิกเฟดอีกส่วนหนึ่งกลับคัดค้านที่จะให้เฟดเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะหวั่นใจกับปัญหาเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐได้เพิ่มจาก 3.6% ในเดือน ก.ค. มาอยู่ที่ 3.8% ในเดือน ส.ค. ซึ่งเกินเพดานที่เฟดตั้งไว้ที่ 2% อีกทั้งยังมีแนวโน้มจะขยับขึ้นเรื่อยๆ อันเป็นผลมาจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์และพลังงานที่ขยับพุ่งขึ้นทั่วโลก และเป็นช่วงที่เฟดใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ด้วยการทุ่มซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมากถึง 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ

 

 

 

เฟด จึงได้รับเสียงตำหนิมากมายจากเหล่าสมาชิกสภาคองเกรสที่เป็นตัวการกระตุ้นภาวะเงินเฟ้อภายในประเทศ จนทำให้บรรดาผู้กำหนดนโยบายของเฟดไม่ต้องการลงมือกระทำการใดๆ ที่จะไปกระตุ้นกระแสต่อต้านเฟดภายในสภาคองเกรสให้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

 

ปัญหาเงินเฟ้อ และภาวะเศรษฐกิจที่เดินหน้าเข้าสู่ภาวะถดถอยจึงกลายเป็นความขัดแย้งภายในของบรรดาผู้กำหนดนโยบายของเฟด ที่นักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญหลายสำนักต่างลุ้นระทึกว่า เฟดจะเลือกทางไหนระหว่างกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป หรือชะงักไว้ก่อนเพื่อชะลอเงินเฟ้อ

 

ทว่า เมื่อคำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ว่าหน้าที่หลักของเฟดในตอนนี้ก็คือการแก้ปัญหาตัวเลขการว่างงาน ความเป็นไปได้ที่ว่าเฟดจะเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปจึงมีมากกว่า

 

ทั้งนี้ หากเฟดเลือกที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ท่ามกลางเงินเฟ้อขาขึ้น นักวิเคราะห์หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่เฟดพอจะรอมชอมให้ประกาศใช้ออกมาได้ก็คือนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่เรียกกันว่า ปฏิบัติการ “Operation Twist” มากกว่าที่จะใช้มาตรการคิวอี เนื่องจากมาตรการพิมพ์ธนบัตรใหม่ออกมาซื้อพันธบัตรรัฐบาล ให้ผลไม่ตรงตามประโยชน์ที่วาดหวังกันไว้

 

การกระตุ้นเศรษฐกิจตามแนวทางของ Operation Twist ก็คือการปรับสัดส่วนการถือครองพันธบัตรของเฟดให้เป็นตราสารระยะยาวมากขึ้น และลดการถือครองตราสารระยะสั้น หรือก็คือการยืดอายุการชำระหนี้ออกไป โดยมีเป้าหมายเพื่อกดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น เลี่ยงการเก็งกำไร และกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น

 

พูดให้ง่ายว่า วิธีการดังกล่าวก็คือการที่เฟดจะออกพันธบัตรระยะสั้นมาเปลี่ยนกับพันธบัตรระยะยาว โดยไม่จำเป็นจะต้องใช้เงินเพิ่มเติม เพื่อกดอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจะเป็นการหลีกเลี่ยงวิธีการแบบเดิมที่ต้องทุ่มเงินเข้าระบบการเงินแบบไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม จนทำให้เกิดเงินเฟ้อเหมือนที่เป็นมา

 

ทั้งนี้ สหรัฐเคยนำแนวทาง Operation Twist มาใช้แล้วครั้งหนึ่งในช่วงทศวรรษที่ 1960 หรือระหว่างปี 2504-2508 ซึ่งเป็นช่วงที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เข้าซื้อพันธบัตรระยะยาว และขายตั๋วเงินคลังระยะสั้น โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเงินผ่านจากจัดการปริมาณเงินในระบบ ก่อนที่จะประกาศใช้อีกครั้งในเดือน มี.ค. 2552 แต่มีเป้าหมายที่ต่างออกไปก็คือเพื่อทำให้ปัจจัยแวดล้อมในระบบการเงินที่ตึงตัวอยู่ผ่อนคลายลง

 

Operation Twist จึงเป็นทางเลือกที่เป็นไปได้มากที่สุด และเหมาะสมที่สุดหลังจากที่เฟดเพิ่งจะผ่านพ้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่อย่างคิวอีมาแล้วสองรอบ

 

เพราะคิวอีทำให้เฟดต้องเข้าถือพันธบัตรระยะสั้นในมือมากขึ้น ขณะที่ Operation Twist จะช่วยเปลี่ยนพันธบัตรระยะสั้นเหล่านั้นให้เป็นระยะยาวซึ่งจะลดดอกเบี้ยในระยะยาว จนทำให้ธนาคารยอมปล่อยกู้ให้กับบรรดาบริษัทห้างร้านต่างๆ เพิ่มมากขึ้น นอกเหนือไปจากการยืดระยะเวลาการคงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับใกล้ศูนย์เพิ่มออกไปอีก 2 ปี ที่หลายฝ่ายในเฟดมองว่าอาจเป็นช่องทางให้บริษัทห้างร้านต่างๆ ฉวยโอกาสเก็บเงินสดไว้ แทนที่จะนำไปใช้ในการลงทุนและการจ้างงาน

 

สำหรับความเป็นไปได้อีกทางที่นักวิเคราะห์หลายฝ่ายคาดการณ์กันว่าเฟดอาจจะเลือกลงมือทำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจก็คือ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่จ่ายให้แก่ธนาคารพาณิชย์สำหรับทุนสำรองส่วนเกินที่นำมาฝากไว้ที่เฟด ซึ่งเท่ากับเป็นการบีบบังคับให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้มากยิ่งขึ้นเพื่อแลกกับอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว

 

ทว่า ปัญหาที่ตามมาก็คือ ธนาคารพาณิชย์ไม่อาจกำหนดดอกเบี้ยให้สูงได้ในช่วงที่เจ้าของกิจการหรือประชาชนคนธรรมดาต่างแสวงหาหนทางปรับลดต้นทุนกู้ยืมของตนเองลง

 

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า เครื่องมือทั้งหมดที่พอจะให้เฟดใช้กระตุ้นเศรษฐกิจได้ขณะนี้ ล้วนส่งผลเสียต่อเฟดแทบทั้งสิ้น

 

แต่เมื่อถึงเวลาจำเป็นต้องเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจให้ได้เพื่อให้เกิดการจ้างงาน บรรดานักเศรษฐศาสตร์จึงเห็นตรงกันว่า Operation Twist ดูจะเป็นทางเลือกที่อันตรายน้อยที่สุดสำหรับเฟดในเวลานี้แล้ว

 

 

 

Post Today

Last update : 9/20/2011 1:37:46 PM

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านลดลง 5% แตะระดับ 571,000 ยูนิต/ปีในเดือนส.ค. จากเดือนก.ค.ที่ระดับ 601,000 ยูนิต/ปี ซึ่งเป็นการลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 590,000 ยูนิต/ปี

 

ส่วนตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 3.2% แตะระดับ 620,000 ยูนิตในเดือนส.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 590,000 ยูนิต

 

รายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า อิทธิพลของพายุเฮอริเคน "ไอรีน" ส่งผลให้การก่อสร้างบ้านในสหรัฐเป็นไปอย่างล่าช้า และทำให้ตัวเลขการสร้างบ้านในสหรัฐลดลงอย่างมากในเดือนส.ค.

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า อุตสาหกรรมที่อยู่อาศัยของสหรัฐได้รับผลกระทบหนักสุดในรอบหลายสิบปีนับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา เพราะการที่ร่วงลงของราคาบ้าน, การเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ยาก และจำนวนบ้านที่ถูกยึดปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆนั้น ทำให้กลุ่มผู้ซื้อบ้านชะลอการซื้อ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงด้วย

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 21 กันยายน 2554)

 

 

ดาวโจนส์ขยับขึ้นมาปิดตลาดในแดนบวก ท่ามกลางความหวังเฟดออกมาตรการกระตุ้นศก.ใหม่ หลังการประชุม แต่ยังมีความกังวลในเรื่องหนี้กรีซเกาะติดอยู่

 

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (20 ก.ย.) ขยับขึ้น 7.65 จุด(0.07%) มาอยู่ที่ 11,408.66 จุด

 

อย่างไรก็ดี ดัชนีเอส แอนด์ พี 500 ร่วงลง 2.00 จุด (0.17%) ที่ 1,202.09 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 22.59 จุด (0.86%) ที่ 2,509.24 จุด

 

ความสนใจส่วนใหญ่ของตลาดมุ่งไปที่การเจรจาระหว่างกรีซ กับกลุ่มเจ้าหนี้ ทั้งสหภาพยุโรป (อียู) ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ถึงเงินอัดฉีดก้อนใหม่

 

นักลงทุนยังคาดหวังด้วยว่า เมื่อการประชุมเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปิดฉากลงในวันนี้ (21 ก.ย.) จะมีการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ๆ ออกมา เพื่อหนุนเศรษฐกิจสหรัฐที่อ่อนแออยู่

 

ความหวังจากเฟด ยังช่วยหนุนให่ราคาน้ำมันดีดตัวสูงขึ้นอีกครั้ง โดยราคาน้ำมันดิบไลท์สวีท เวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท ส่งมอบเดือน ต.ค. ที่ตลาดไนเม็กซ์ สหรัฐ ปรับขึ้น 1.19 ดอลลาร์ ปิดซื้อขายที่ 86.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ ส่งมอบเดือนเดียวกัน ที่ตลาดลอนดอน อังกฤษ ไต่ระดับขึ้นมา 1.40 ดอลลาร์ ที่ 110.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 21 กันยายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดภาคเช้าทรงตัวในวันนี้ (21 ก.ย.) ขณะที่ตลาดจับตาดูผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย

 

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดภาคเช้าบวกเพียง 0.74 จุด หรือ 0.01% แตะที่ 8,721.98 จุด

 

หุ้นกลุ่มธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคร่วงลงหนักสุดในช่วงเช้าวันนี้ ตามด้วยหุ้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาง และกลุ่มหลักทรัพย์ ส่วนหุ้นกลุ่มเครื่องจักรที่ใช้ในอุตสาหกรรมชั่งตวงวัด กลุ่มไฟฟ้าและก๊าซ และกลุ่มขนส่งทางอากาศ ดีดตัวขึ้น

 

โบรกเกอร์กล่าวว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ปลีกตัวออกไปอยู่นอกตลาดเพื่อรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐในคืนนี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่ากรีซอาจจะไม่ได้รับความช่วยเหลือครั้งใหม่ แม้รัฐบาลกรีซยืนยันว่า การประชุมทางไกลเกี่ยวกับมาตรการแก้ไขวิกฤติหนี้กรีซ ระหว่างนายอีแวนเจลอส เวนิเซลอส รมว.คลังกรีซ กับเจ้าหน้าที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) เมื่อช่วงค่ำวานนี้ มีความคืบหน้าก็ตาม

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 21 กันยายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ธนาคารรายใหญ่ของจีนได้ระงับการทำธุรกรรมฟอร์เวิร์ดและสว็อปอัตราแลกเปลี่ยนกับธนาคารหลายแห่งในยุโรป เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ในภูมิภาค

 

โดยแหล่งข่าวเผยว่า แบงก์ ออฟ ไชน่า ได้แจ้งให้ธนาคารในยุโรป ซึ่งรวมถึง บีเอ็นพี พาริบาส์ และยูบีเอส เอจี ได้รับทราบเกี่ยวกับการตัดสินใจระงับการทำธุรกรรมดังกล่าว

 

ทั้งนี้ ธนาคารยูบีเอส เอจี ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของสวิตเซอร์แลนด์เพิ่งเปิดเผยวานนี้ว่า ธนาคารขาดทุนจากการซื้อขายผิดกฎถึง 2.3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าที่ได้มีการเปิดเผยไปก่อนหน้านี้

 

ก่อนหน้านี้ ยูบีเอสประเมินตัวเลขขาดทุนดังกล่าวอยู่ที่ 2 พันล้านดอลลาร์ โดยการเปิดเผยตัวเลขขาดทุนล่าของยูบีเอสมีขึ้นหลังจากที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวเทรดเดอร์วัย 31 ปีที่ฉ้อโกงและปลอมแปลงบัญชีได้

 

นายจุน อาซูมิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลังญี่ปุ่น บอกว่า ปัญหาด้านการคลังของกรีซ และเศรษฐกิจของประเทศยูโรโซนที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นได้สร้างความวิตกกังวลให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกลุ่ม G-20 เพิ่มมากขึ้น และประเด็นดังกล่าวจะเป็นวาระสำคัญในการประชุมสัปดาห์นี้ รวมถึงการเจรจาระดับทวิภาคีด้วย

 

ทั้งนี้รัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางจากกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนาชั้นนำ 20 ประเทศ จะประชุมร่วมกันในวันที่ 22 - 23 กันยายนนี้ที่กรุงวอชิงตัน นอกรอบการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และธนาคารโลก

 

ที่มา : money channel (วันที่ 21 กันยายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ธนาคารรายใหญ่ของจีนได้ระงับการทำธุรกรรมฟอร์เวิร์ดและสว็อปอัตราแลกเปลี่ยนกับธนาคารหลายแห่งในยุโรป เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ในภูมิภาค

 

โดยแหล่งข่าวเผยว่า แบงก์ ออฟ ไชน่า ได้แจ้งให้ธนาคารในยุโรป ซึ่งรวมถึง บีเอ็นพี พาริบาส์ และยูบีเอส เอจี ได้รับทราบเกี่ยวกับการตัดสินใจระงับการทำธุรกรรมดังกล่าว

 

ทั้งนี้ ธนาคารยูบีเอส เอจี ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของสวิตเซอร์แลนด์เพิ่งเปิดเผยวานนี้ว่า ธนาคารขาดทุนจากการซื้อขายผิดกฎถึง 2.3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าที่ได้มีการเปิดเผยไปก่อนหน้านี้

 

ก่อนหน้านี้ ยูบีเอสประเมินตัวเลขขาดทุนดังกล่าวอยู่ที่ 2 พันล้านดอลลาร์ โดยการเปิดเผยตัวเลขขาดทุนล่าของยูบีเอสมีขึ้นหลังจากที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวเทรดเดอร์วัย 31 ปีที่ฉ้อโกงและปลอมแปลงบัญชีได้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ต้องมีบางประเทศถอนตัวจากยูโรโซน (21/09/2554)

นายราเมซ พอนนูรู บรรณาธิการอาวุโสของเนชั่นแนล รีวิว บอกว่า สิ่งที่ยุโรปต้องการตอนนี้คือการรวมตัวทางการเมืองที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้น้อย เพราะแต่ละประเทศมีความเป็นชาตินิยมมากขึ้น ดังนั้นจึงเห็นว่า ทางออกที่ดีกว่าคือ ประเทศที่แข็งแกร่ง เช่น เยอรมนี ควรจะออกจากกลุ่ม และหันไปสร้างสกุลเงินใหม่เพื่อใช้ในกลุ่มประเทศยุโรปเหนือที่มีฐานะทางเศรษฐกิจเกาะกลุ่มกันมากกว่า ส่วนประเทศที่ยังใช้ยูโรต่อก็ต้องปล่อยให้อัตราแลกเปลี่ยนยูโรเมื่อเทียบกับเงินสกุลใหม่เคลื่อนไหวตามสภาพความเป็นจริงทางเศรษฐกิจ

 

นายพอนนูรู มองว่า ประเทศที่มีปัญหาอย่างกรีซไม่ควรถอนตัวจากยูโรโซน เพราะอาจจะจุดชนวนให้เกิดการแห่ถอนเงินออกจากระบบธนาคาร

 

ที่มา : money channel (วันที่ 21 กันยายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าวนี้น่ากลัวที่ว่า อะไรว่ะ อาแปะ ปรับราคาลง ? แต่อีกนัยหนึ่ง

ก็ดีเหมือนกันที่ว่า " บาทแข็ง ก็เท่ากับ ค่าเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่า > ราคาทองเมืองนอกขึ้น "

 

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 30.40/42 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงกับเมื่อวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 30.39/41 บาท/ดอลลาร์

 

วันนี้แนวโน้มเงินบาทมีโอกาสปรับตัวแข็งค่าขึ้น และเป็นไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาค เนื่องจากมีข่าวออกมาว่าสหรัฐฯ อาจจะดำเนินนโยบายที่ผ่อนคลายมากขึ้นเพื่อช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ จึงทำให้นักลงทุนคลายความกังวล และเริ่มหันไปถือสินทรัพย์เสี่ยงแทนการถือครองดอลลาร์สหรัฐฯบ้าง

 

"ทางอเมริกาออกมาพูดว่าจะดำเนินนโยบายผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งทำให้ตลาดคลายความกังวลไปบ้าง แล้วจึงกลับไปถือสินทรัพย์เสี่ยงบ้าง ดอลลาร์จึงอ่อนค่าลง ทุกตัว(เงินสกุลอื่น)เลยค่อนข้างแข็งขึ้นมา" นักบริหารเงิน กล่าว

 

ส่วนความเคลื่อนไหวของค่าเงินสกุลหลักต่างประเทศช่วงเปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 76.38/40 เยน/ดอลลาร์ ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3713/3718 ดอลลาร์/ยูโร

 

โดยปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนติดตามคือ ผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน(FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ(FED) ว่านอกการการประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้วจะมีมาตรการใดออกมาเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ หรือไม่

 

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้น มองกรอบไว้ที่ 30.35-30.45 บาท/ดอลลาร์

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 21 กันยายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สำนักงานเลขาธิการฝ่ายกิจการเศรษฐกิจของรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศในปีนี้และปีหน้า พร้อมระบุว่ามูลค่าของสกุลเงินฟรังค์ยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก แม้ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ได้กำหนดเพดานการเคลื่อนไหวของเงินฟรังค์เมื่อเทียบกับยูโรแล้วก็ตาม ทั้งนี้ รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์คาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะขยายตัว 1.9% ในปีนี้ และ 0.9% ในปีหน้า ลดลงจากเดิมที่คาดว่า จะขยายตัว 2.1% ในปีนี้ และ 1.5% ในปีหน้า นอกจากนี้ ยังคาดว่า ยอดส่งออกจะขยายตัว 3.2% ในปีนี้ และ 0.7% ในปีหน้า ซึ่งลดลงจากเดิมที่คาดว่า จะขยายตัว 4.6% และ 3% ในปีหน้า ขณะเดียวกันคาดว่า อัตราว่างงานโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 3.4% ในปีหน้า เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัว 3.1%

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 21 กันยายน 2554)

 

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจกรีซ จะยังคงเผชิญกับภาวะถดถอยต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้าด้วยการขยายตัวติดลบราวร้อยละ 2.5 ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในปี 2556 นายบ๊อบ ทราอา ผู้แทนของไอเอ็มเอฟประจำกรีซ ชี้ว่าแผนการอัดฉีดเงินกอบกู้เศรษฐกิจกรีซยังคงเจอกับอุปสรรคหลายด้าน จึงเป็นไปได้ว่าปีนี้เศรษฐกิจของกรีซ อาจขยายตัวติดลบมากถึงร้อยละ 5.5 และร้อยละ 2.5 ในปีหน้า

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 21 กันยายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายโมโตฮิสะ ฟุรุกาว่า รมว.ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจและการคลังของญี่ปุ่นเปิดเผยว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะเปิดเผยร่างมาตรการลดผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินเยนที่มีต่อภาคธุรกิจภายในประเทศ โดยคาดว่าจะมีการเปิดเผยมาตรการดังกล่าวอย่างเร็วที่สุดในวันอังคารนี้  โดยมีการคาดการณ์กันในวงกว้างว่ามาตรการดังกล่าวจะประกอบไปด้วยแผนการอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มผู้ผลิตในการตั้งโรงงานในญี่ปุ่นเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ผลิตเหล่านี้ย้ายฐานการลงทุนออกจากญี่ปุ่น พร้อมกับเสนอเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำให้กับบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก ทั้งนี้การที่เงินเยนแข็งค่าขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมานั้นได้สร้างความเสียหายให้กับบริษัทส่งออกญี่ปุ่น เนื่องจากเงินเยนที่แข็งค่าได้บั่นทอนประสิทธิภาพด้านการแข่งขันของบริษัท เพราะทำให้สินค้าส่งออกจากประเทศคู่แข่งอย่างเกาหลีใต้และประเทศอื่นๆในกลุ่มตลาดเกิดใหม่มีราคาถูกกว่า ทำให้เกิดกระแสข่าวแพร่สะพัดในแวดวงอุตสาหกรรมญี่ปุ่นว่า มีบริษัทญี่ปุ่นจำนวนมากขึ้นที่ต้องการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นๆที่มีต้นทุนถูกกว่า อันเนื่องมาจากเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 21 กันยายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บมจ.ไทยออยล์ สรุปสถานการณ์น้ำมันวันที่ 13 - 19 ก.ย. 54 และคาดการณ์แนวโน้มราคาน้ำมันวันที่ 20 - 26 ก.ย. 54 ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ปรับตัวลดลง เนื่องจากตลาดยังคงมีความกังวลต่อปัญหาหนี้ในยุโรป โดยเฉพาะ กรีซ ที่อาจจะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือรอบต่อไปจาก EU/IMF รวมทั้ง ฝรั่งเศสและอิตาลี ที่ถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ การประชุมของรัฐมนตรีการคลังของสหภาพยุโรปในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ล้มเหลวในการหามาตรการเพื่อจัดการวิกฤตหนี้ยุโรป ขณะเดียวกัน ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาออกมาย่ำแย่ ส่วนการบริโภคน้ำมันเบนซินในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของสหรัฐฯ ต่ำสุดในรอบ 8 ปี

 

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนในช่วงระหว่างสัปดาห์ จากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจากแหล่งทะเลเหนือที่ยังคงมีปัญหา ทำให้การส่งออกต้องล่าช้าออกไป

 

 

ความไม่แน่นอนของปัญหาหนี้ในยุโรปกลับมาเพิ่มความกังวลอีกครั้ง หลังจาก EU/IMF เลื่อนการเข้าตรวจสอบความคืบหน้าของแผนลดรายจ่ายของกรีซออกไปอีกครั้ง จากกำหนดการเดิมในวันที่ 19 ก.ย. โดยเหลือเพียงการประชุมทางโทรศัพท์เท่านั้น ทั้งนี้เพื่อให้กรีซมีเวลาในการจัดการกับแผนลดรายจ่ายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนคาดว่า กรีซอาจจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด (default) ถ้าไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจาก EU/IMF ในช่วงกลางเดือน ต.ค. นี้ ขณะเดียวกัน เยอรมนีออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับมาตรการออกพันธบัตรของกลุ่มยูโรโซน ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า จะช่วยแก้ปัญหาหนี้ยุโรปได้

 

ผลสำรวจของรอยเตอร์ จากนักเศรษฐศาสตร์กว่า 50 คนทั่วยุโรป พบว่า โอกาสที่กรีซจะผิดนัดชำระหนี้ ภายใน 1 ปีนี้ มีมากถึง 65% ขณะที่ การออกพันธบัตรของกลุ่มยูโรโซนเพื่อแก้ปัญหาหนี้กรีซนั้น มีความเป็นไปได้เพียง 40% เท่านั้น

 

 มูดี้ส์ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารพาณิชย์ใหญ่ในฝรั่งเศส 2 แห่ง§ คือ เครดิต อะกริโคล เอสเอ และโซซิเอเต เจนเนอราล ลงหนึ่งอันดับ แต่ยังไม่ปรับลดอันดับของธนาคาร บี เอน พี และคงอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีไว้ที่ระดับเดิมที่  Aa2 ขณะที่ เอส แอนด์ พี ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีจากระดับ A+ มาอยู่ที่ A

 

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ สัปดาห์นี้ออกมาค่อนข้างแย่ โดยยอดผู้ขอรับสิทธิประโยชน์จากการว่างงานปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. ส่วนยอดขายปลีก เดือน ส.ค. ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ขณะที่ดัชนีภาคอุตสาหกรรมของรัฐนิวยอร์คและรัฐฟิลาเดลเฟียหดตัวมากขึ้นในเดือน ส.ค. และดัชนีคาดการณ์ความรู้สึกของผู้บริโภคสหรัฐฯ (Consumer sentiment expectations) ปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ 47.0 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 30 ปี

 

จากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงอย่างมากในขณะนี้ และปัญหาหนี้ในยุโรป ทำให้ สำนักงานพลังงานสากล (IEA) สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) และโอเปก ต่างปรับลดการคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันของโลกในปีนี้และปีหน้า ลงประมาณ 200,000 บาร์แรลต่อวัน จากที่คาดการณ์ไว้เดือนก่อน โดยความต้องการใช้น้ำมันของโลกจะขยายตัวที่ประมาณ 1.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 54 และ ประมาณ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 55

 

ความต้องการใช้น้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ ในช่วงฤดูร้อนปีนี้ ตกต่ำสุดในรอบ 8 ปี และต่ำกว่าปีก่อน 1.8% เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินที่สูงขึ้นในช่วงเดือน ก.ค.- ส.ค. ทำให้ผู้บริโภคต่างยกเลิกแผนการพักร้อน อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังปรับตัวลดลงมากถึง 6.7 ล้านบาร์เรล ในช่วงสัปดาห์สิ้นสุด 9 ก.ย. มาอยู่ที่ 346.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน เนื่องจากพายุโซนร้อนลีส่งผลให้การผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโกปรับลดลง

 

 

 

การส่งออกน้ำมันดิบจากแหล่งทะเลเหนือต้องล่าช้าออกไปอีก หลังการผลิตที่หลุม Buzzard ยังคงมีปัญหา อย่างไรก็ตาม ลิเบียได้เริ่มกลับมาส่งออกน้ำมันดิบอีกครั้งจากแหล่ง Sarir โดยประธานบริษัทน้ำมันแห่งชาติลิเบีย คาดว่า กำลังการผลิตของแหล่งดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 200,000 บาร์เรลต่อวัน ภายในเดือนนี้

 

 

 

แนวโน้มราคาน้ำมันดิบ  ไทยออยล์คาด ราคาน้ำมันดิบสัปดาห์นี้จะยังคงผันผวน โดยน้ำมันดิบเบรนท์จะเคลื่อนไหวในกรอบ 106-115 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวที่กรอบ 82-92 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล โดยตลาดจับตาดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันที่ 20-21 ก.ย. นี้ ว่าจะมีการเสนอมาตรการทางการเงินใดๆ (เช่น QE3) ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ หรือไม่ ความคืบหน้าของแผนกระตุ้นการจ้างงานของประธานาธิบดีโอบามามูลค่า 447,000 ล้านเหรียญ และกรีซจะสามารถทำตามข้อตกลงเพื่อขอรับเงินช่วยเหลือรอบใหม่ 8 พันล้านยูโรหรือไม่ นอกจากนี้ จับตาดูการประชุมกลุ่ม G20 ในวันที่ 22-23 ก.ย. นี้ และการปรับตัวเลขคาดการณ์จีดีพีโลกโดย IMF ในวันที่ 20 ก.ย. นี้

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 21 กันยายน 2554)

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ยูโรพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในการซื้อขายช่วงเช้านี้ที่ตลาดเอเชีย โดย ฟื้นตัวขึ้นทั้งหมดหลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ ของอิตาลี ขณะที่ตลาดจับตาดูความเป็นไปได้การออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมจากธนา คารกลางสหรัฐ (เฟด) 

        ยูโรพุ่งขึ้นกว่า 1 เซนต์ มาที่ 1.3711 ดอลลาร์ จากระดับต่ำสุดที่ 1.3591 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ โดยยูโรพุ่งแตะจุดสูงสุดที่ 1.3744 ดอลลาร์ หลังจากกรีซประกาศ ว่าจะเลื่อนมาตรการรัดเข็มขัดขึ้นมาเร็วขึ้น

        ดูเหมือนว่าข่าวดังกล่าวได้คลายความวิตกให้แก่นักลงทุนที่กังวลต่อแนวโน้ม มากขึ้นที่กรีซจะผิดนัดชำระหนี้เนื่องจากไม่สามารถบรรลุเป้าหมายทางการคลังเพื่อให้ ได้เงินกู้ช่วยเหลือได้ โดยกรีซจำเป็นต้องได้รับเงินช่วยเหลือ 8 พันล้านยูโรภายใน เดือนหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดสภาพคล่อง

        แนวรับของยูโรอยู่ที่ 1.3586 ดอลลาร์ และแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1.3495  ดอลลาร์ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1.3801 ดอลลาร์

        ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลง 0.1% มาที่ 77.07 หลังจากร่วงต่ำสุดที่ 76.840

        ดอลลาร์พุ่งขึ้นเกือบ 1 เซนต์ มาที่ 0.8881 ฟรังก์สวิส หลังการเปิดเผย ข้อมูลเศรษฐกิจและการค้าที่ย่ำแย่ของสวิตเซอร์แลนด์ และนั่นทำให้มีการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสวิสอาจจะเพิ่มอัตราขั้นต่ำของฟรังก์/ยูโรขึ้นเหนือระดับปัจจุบันที่ 1.2000 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

        แรงขายฟรังก์ทำให้มีแรงซื้อเยน ขณะที่เยนกลายเป็นสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์ ปลอดภัย โดยดอลลาร์ร่วงต่ำสุดที่ 76.34 เยน และอยู่ที่ 76.46 เยนในช่วงเช้านี้  แต่ก็ยังคงเคลื่อนตัวในกรอบ 76.30/77.85 เยนในรอบเดือนที่ผ่านมา

        ตลาดกำลังพุ่งความสนไปใจที่สหรัฐ โดยหวังว่าเฟดจะออกมาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจ

        ขณะที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการ ดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของสหรัฐในการกล่าวสุนทรพจน์ในเวลา  01.15 น.ตามเวลาไทยวันพฤหัสบดี แต่นักวิเคราะห์ก็คาดว่าจะมีแผนเพื่อปรับสมดุล พอร์ทการลงทุนของเฟดเพื่อทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวลดลง

        มาตรการดังกล่าวอาจจะทำให้นักลงทุนเข้าลงทุนในหุ้นและหุ้นกู้ภาคเอกชน และขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

        ดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง 0.1% มาที่ 1.0250 ดอลลาร์ จาก 1.0270  ดอลลาร์ในตลาดนิวยอร์ค โดยดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 4% แล้วในเดือนนี้จากความผัน ผวนของเศรษฐกิจโลก 

        ข้อมูลการค้าของญี่ปุ่นที่พบว่า ยอดขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นมากเกินคาดที่ 7.75  แสนล้านเยน ขณะที่การนำเข้าพุ่งขึ้นนั้น แทบไม่มีผลต่อตลาด

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ทันหุ้น (วันที่ 21 กันยายน 2554)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณข่าวดีดี ของคุณเด็กขายของ :rolleyes:

เหมาะกับนักลงทุนมากครับ :rolleyes:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...