ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ขอบคุณมากครับ ว่าแต่... ขออีก +50 นะครับ เท่าทุนแล้วอ่าขอค่าทำขสวัญหน่อยน๊า จาไปเคลียร์ปอด :10 :10 :10

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

**ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดวันนี้ที่ 8,500.02 จุด บวก 114.43 จุด

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รายงานสรุปสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ - ธันวาคม 2554

 

 

ภาพรวมเศรษฐกิจ

- เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2554 ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่อัตราร้อยละ 2.0 โดยได้รับปัจจัยทางบวกที่สำคัญจากปริมาณการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลด้านสินค้าคงทนและด้านบริการ และการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ใช่เพื่อการอยู่อาศัย

 

เสถียรภาพเศรษฐกิจ

- ดัชนีทางการผลิตปรับตัวลดลงที่อัตราร้อยละ 0.2 เช่นเดียวกับอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ปรับลดลงร้อยละ 0.2 ในเดือนพฤศจิกายน 2554

- ยอดการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคอุปโภคส่วนบุคคล (PCE) ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ในขณะที่ยอดรายได้ส่วนบุคคลสุทธิ (DPI) ปรับเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 0.1 ในเดือนตุลาคม 2554

- ในเดือนพฤศจิกายน 2554 ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) อยู่ในระดับคงที่เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ซึ่งขยายตัวที่ ร้อยละ 3.4 ต่อปี ในขณะที่ดัชนีที่ไม่รวมสินค้าอาหารและน้ำมัน (Core-CPI) ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 มาอยู่ที่ร้อยละ 2.2 ต่อปี

- อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน 2554 ปรับลดลงมาที่ร้อยละ 8.6 โดยมีประชากรได้รับการจ้างงานที่ไม่ใช่เกษตรกรรม (Nonfarm payroll) เพิ่มขึ้น 120,000 คน

- สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าระหว่างประเทศปรับลดลงในเดือนตุลาคมที่ระดับ 43.5 ล้านเหรียญ สรอ.

- ในเดือนธันวาคม 2554 ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลยูโร เงินปอนด์ และเงินเยน โดยเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบกับเงินยูโรที่ร้อยละ 3.5 ในขณะที่มีค่าคงตัวเมื่อเทียบกับเงินหยวน และเงินบาท

 

ภาคการเงินและภาคการคลัง

- คณะกรรมาธิการ Joint Select Committee on Deficit Reduction ไม่สามารถจัดทาแผนเพื่อปรับลดการใช้จ่ายของรัฐบาลเสนอต่อรัฐสภาสหรัฐฯ ภายในระยะเวลาที่กาหนด ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องถูกปรับลดรายจ่ายแบบอัตโนมัติจานวน 1.2 ล้านล้านเหรียญ สรอ. ตามที่ได้ระบุไว้ในกฎหมาย Budget Control Act of 2011

- รัฐสภาสหรัฐฯ ได้ผ่านงบประมาณประจาปี 2555 มูลค่า 1 ล้านล้านเหรียญ สรอ. โดยงบประมาณดังกล่าวปรับลดจากปี 2554 จานวน 7 พันล้านเหรียญ สรอ.

- รัฐสภาสหรัฐฯ ยังคงไม่สามารถหาข้อสรุปเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษีหักจากค่าจ้างและการขยายเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ว่างงานที่จะหมดอายุลงภายในปี 2554

 

ภาพรวมเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ปี 2554

- เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2554 ขยายตัวในอัตราร้อยละ 2.0

ปัจจัยสาคัญที่สนับสนุนการขยายตัวในไตรมาสที่ 3 ของปี 2554 ได้แก่ (1) ปริมาณการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลด้านสินค้าคงทนที่ขยายตัวร้อยละ 5.5 จากไตรมาสที่ 2 ของปี 2554 โดยส่วนใหญ่มาจากการขยายตัวของปริมาณการซื้อขายยานพาหนะ และชิ้นส่วนรถยนต์ (2) ปริมาณการใช้จ่ายด้านบริการที่ขยายตัวร้อยละ 2.9 จากไตรมาสก่อน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากขยายตัวของการใช้จ่ายด้านบริการที่เกี่ยวข้องกับการเคหะ สาธารณูปโภค และสุขอนามัย (3) ปริมาณการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยด้านอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.6 จากไตรมาสก่อน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากขยายตัวของการลงทุนในอุปกรณ์และเครื่องจักรที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม และการขนส่งเป็นหลัก

 

เครื่องชี้เสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ

- ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมสหรัฐฯ ปรับลดลงร้อยละ 0.2 ในเดือนพฤศจิกายน 2554

ในเดือนพฤศจิกายน 2554 ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Production) ของสหรัฐฯ ปรับลดลงร้อยละ 0.2 จากเดือนก่อนหลังจากที่ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ในเดือนตุลาคม ในขณะที่ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (Manufacturing Production) ปรับลดลงร้อยละ 0.4 ในเดือนพฤศจิกายนหลังจากที่ปรับเพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.5 ในเดือนตุลาคม

อัตราการใช้กำลังการผลิต (Capacity Utilization) ของสหรัฐฯ ปรับลดลงร้อยละ 0.2 จากเดือนก่อนมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 77.8 ของกำลังการผลิตทั้งหมดของสหรัฐฯ ซึ่งต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยของการใช้กำลังการผลิตในระหว่างปี 2515-2553 อยู่ร้อยละ 2.6 (ค่าเฉลี่ยของปี 2515-2553 คิดเป็นร้อยละ 80.4)

 

- รายได้และการใช้จ่ายของประชากรสหรัฐฯ ขยายตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน

ภาพรวมด้านรายได้ของประชากรสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนในเดือนตุลาคม 2554 โดยรายได้ส่วนบุคคลที่สามารถนาไปใช้ได้จริง (Real-DPI) ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 หลังจากที่ปรับลดลงร้อยละ 0.1 ในเดือนกันยายน ในขณะที่ภาพรวมด้านการใช้จ่ายของประชากรสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้นเพียงเล็กน้อยหลังจากที่มีการขยายตัวอย่างชัดเจนในเดือนก่อน โดยยอดการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคอุปโภคที่แท้จริง (Real-PCE) ในเดือนตุลาคมปรับเพิ่มขึ้นในอัตราเพียงร้อยละ 0.1 เปรียบเทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ 0.5 ในเดือนกันยายน

ในเดือนพฤศจิกายน 2554 ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) อยู่ในระดับคงที่เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยดัชนีราคาผู้บริโภคขยายตัวอยู่ที่ระดับร้อยละ 3.4 ต่อปี ในขณะที่ดัชนีราคาที่ไม่รวมสินค้าอาหารและน้ำมัน (Core-CPI) ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 จากเดือนก่อน ซึ่งส่งผลให้อยู่ที่ระดับการขยายตัวร้อยละ 2.2 ต่อปี

 

- อัตราการว่างงานปรับลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 8.6

อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน 2554 ปรับลดลงร้อยละ 0.4 จากเดือนก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ 8.6 โดยสหรัฐฯ มีประชากรที่อยู่ในวัยทำงาน (Labor force) ทั้งหมด 153.9 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 64.0 ของประชากรทั้งหมด ในขณะที่สหรัฐฯ มีจำนวนประชากรได้รับจ้างงานเพิ่มขึ้นจานวน 278,000 คน มาอยู่ที่ระดับ 140.1 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 58.5 ของประชากรทั้งหมด ทั้งนี้ สหรัฐฯ มีประชากรว่างงานทั้งหมด 13.3 ล้านคน

ในช่วงเดือนที่ผ่านมา การจ้างงานที่ไม่ใช่เกษตรกรรม (Nonfarm payroll) ขยายตัวเพิ่มขึ้น 120,000 คน โดยการปรับเพิ่มขึ้นดังกล่าวมาจากการขยายตัวของการจ้างงานในธุรกิจค้าปลีก ด้านบริการวิชาชีพ งานบริการเพื่อความบันเทิง และสาธารณสุข อย่างไรก็ตาม การจ้างงานของหน่วยงานรัฐบาลยังคงปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง

มลรัฐที่มีอัตราการว่างงานสูงสุดในสหรัฐฯ ได้แก่ รัฐเนวาดา (ร้อยละ 13.4) รัฐแคลิฟอร์เนีย (ร้อยละ 11.7) และกรุงวอชิงตัน ดีซี (ร้อยละ 11.0) ตามลาดับ

 

เครื่องชี้เสถียรภาพเศรษฐกิจต่างประเทศ

- สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 43.5 พันล้านเหรียญ สรอ. ในเดือนตุลาคม

ในเดือนตุลาคม 2554 สหรัฐฯ ยังคงขาดดุลการค้าระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าปริมาณการขาดดุลได้ปรับลดลง 0.7 พันล้านเหรียญ สรอ. หรือร้อยละ 1.6 จากเดือนกันยายนที่ระดับ 44.2 พันล้านเหรียญ สรอ. มาอยู่ที่ระดับ 43.5 พันล้านเหรียญสรอ. สืบเนื่องจากมูลค่าการนำเข้าสินค้าและบริการ (Import) ที่ชะลอตัวในอัตราที่สูงกว่าการชะลอตัวของมูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการ (Export) ในช่วงเดือนที่ผ่านมา

มูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการปรับลดลง 1.5 พันล้านเหรียญ สรอ. มาอยู่ที่ 179.2 พันล้านเหรียญ สรอ. มูลค่าการนาเข้าสินค้าและบริการปรับลดลง 2.2 พันล้านเหรียญ สรอ. มาอยู่ที่ 222.6 พันล้านเหรียญ สรอ. ในเดือนตุลาคม

ทั้งนี้ ประเทศคู่ค้า 3 ประเทศหลักที่สหรัฐฯ ประสบภาวะขาดดุลการค้าในด้านสินค้าและผลิตภัณฑ์ (ไม่รวมมูลค่าการบริการ) ได้แก่ จีน สหภาพยุโรป และเม็กซิโก โดยในเดือนตุลาคม 2554 มูลค่าการขาดดุลกับจีน สหภาพยุโรปและเม็กซิโกปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า

 

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

---------------------------------------------------------------------------------

US Trade China Europe Mexico

---------------------------------------------------------

Oct 11 Sep 11 Oct 11 Sep 11 Oct 11 Sep 11

---------------------------------------------------------------------------------

Export 9.74 8.37 23.4 23.1 17.6 17.2

Import 37.8 36.4 31.4 29.5 22.9 22.2

Trade Balance -28.1 -28.1 -7.99 -6.37 -5.26 -5.04

---------------------------------------------------------------------------------

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ที่มา: สำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐฯ (www.bea.gov)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กสิกรไทย เตือนแก็งคอลเซ็นเตอร์ยังระบาดหนัก

 

 

นายอาจ วิเชียรเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากการที่มีกลุ่มคนร้ายแก็งคอลเซ็นเตอร์ได้อ้างชื่อ ธนาคารกสิกรไทย เพื่อทวงหนี้บัตรเครดิต และแอบอ้างชื่อของหน่วยราชการต่าง ๆ อาทิ ปปง. ธนาคารแห่งประเทศไทย สตง. และหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อลวงถามข้อมูลส่วนตัวข้อมูลการเงิน แล้วสร้างเรื่องให้วิตกกังวลเรื่องหนี้สิน การถูกแอบอ้างชื่อทำบัตรเครดิต หรือการเข้าไปเกี่ยวพันกับแก็งค้ายาเสพติด และหลอกให้เหยื่อทำธุรกรรมการเงินผ่านเครื่องเอทีเอ็ม หรือเครื่องฝากเงินสดอัตโนมัติ ซึ่งได้ส่งผลเสียหายให้กับประชาชนจำนวนมากมาอย่างต่อเนื่อง

 

ธนาคารกสิกรไทย ขอชี้แจงว่า ธนาคารไม่มีนโยบายในการโทรศัพท์ไปสอบถามข้อมูล หรือติดตามหนี้ แล้วให้ลูกค้าไปทำรายการต่าง ๆ ผ่านเครื่องเอทีเอ็ม หรือเครื่องฝากเงินสดอัตโนมัติแต่อย่างใด ในช่วงที่ผ่านมาธนาคารกสิกรไทย ให้ความสำคัญในการหาแนวทางป้องกันการทุจริตจากแก็งคอลเซ็นเตอร์ โดยให้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามจับกุมแก็งดัง กล่าวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการตั้งทีมงานควบคุมและป้องกันการทุจริตขึ้นมาศึกษา ติดตามพฤติกรรม และหาวิธีป้องกันการทุจริตของแก็งคอลเซ็นเตอร์ เริ่มตั้งแต่กระบวนการเปิดบัญชีของบุคคลและกลุ่มคนที่น่าสงสัย การติดตามการทำรายการทางการเงิน ทั้งฝาก โอน และถอนเงิน ซึ่งหากพบว่าน่าสงสัยจะอายัดบัญชี และติดต่อเจ้าของบัญชีทันที ทั้งนี้เพื่อพยายามป้องกันไม่ให้คนร้ายใช้บัญชีของธนาคารกสิกรไทยเป็นเครื่องมือในการกระทำการทุจริตต่อลูกค้าในรูปแบบใด ๆ

 

อย่างไรก็ตาม กลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าวมักจะปรับเปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวง ชื่อธนาคาร และหน่วยงานที่นำมาแอบอ้างไปเรื่อย ๆ ดังนั้นหากลูกค้าได้รับโทรศัพท์จากบุคคลที่ไม่คุ้นเคยสอบ ถามข้อมูลการเงิน หรือสร้างเรื่อง ซึ่งอาจจะทำให้วิตกกังวลในการที่จะเข้าไปพัวพันกับคดีต่าง ๆ ขอให้ตั้งสติพิจารณาให้ดี อย่าได้รีบเร่งดำเนินการใด ๆ และหากไม่แน่ใจหรือมีข้อสงสัยสามารถโทรศัพท์เข้าไปสอบถามรายละเอียดได้ที่ K-Contact Center โทร.0 2888 8888 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

สำหรับ ล่าสุดกรณีการหลอกลวงข้าราชการบำนาญ จนสูญเสียเงินไปร่วม 30 ล้านบาทนั้น รายการถอนเงินเกือบทั้งหมดเป็นการถอนจากสหกรณ์ออมทรัพย์ แล้วนำเงินสดไปฝากเข้าบัญชีคนร้าย 85 บัญชีที่เปิดไว้กับธนาคารแห่งหนึ่งผ่านเครื่องฝากเงินสดอัตโนมัติของหลายธนาคาร ซึ่งบัญชีที่เกี่ยวพันกับการทุจริตทั้งหมดในครั้งนี้ไม่มีบัญชีของธนาคารกสิกรไทย ทั้งนี้เหตุการณ์ล่าสุดนี้ได้แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมการหลอกลวงที่ได้เปลี่ยนจากการหลอกให้ทำธุรกรรมผ่านเครื่องเอทีเอ็ม ไปเป็นการให้ฝากเงินผ่านเครื่องฝากเงินสดอัตโนมัติแทน

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

• จีนเผยทุนสำรองต่างประเทศปี 54 พุ่งขึ้นแตะ 3.18 ล้านล้านดอลลาร์ (13/01/2555)

ธนาคารกลางจีนเปิดเผยในวันนี้ว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีน ณ สิ้นปี 2554 อยู่ที่ระดับ 3.18 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากระดับ 2.85 ล้านล้านดอลลาร์ ของปี 2553

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) – (วันที่ 13 มกราคม 2555)

 

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เปิดเผยในวันนี้ว่า ปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ M3 ซึ่งประกอบไปด้วยกระแสเงินสดหมุนเวียน บวกกับเงินฝากเผื่อเรียกและเงินฝากประจำของธนาคารพาณิชย์ ธนาคารไปรษณีย์ และสถาบันการเงินประเภทอื่นๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.2% ในปี 2554 แตะที่ระดับ 1.09892 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

 

การพุ่งขึ้นของปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ M3 สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนและบริษัทเอกชนยังคงพอใจที่จะถือเงินสดเอาไว้ในมือ อันเป็นผลมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ และความต้องการเงินทุนที่ลดน้อยลง

 

ส่วนปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ M2 ซึ่งไม่นับรวมเงินฝากของธนาคารพาณิชย์และธนาคารไปรษณีย์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.7% สู่ระดับ 796.68 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่สอง สำนักข่าวเกียวโดรายงาน

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) – (วันที่ 13 มกราคม 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กระทรวงการคลังเยอรมนีเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลเยอรมนีในปี 2554 ลงมาอยู่ที่ระดับ 1.73 หมื่นล้านยูโร (2.21 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งลดลงมากกว่าที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ที่ 4.84 หมื่นล้านยูโร เกือบ 3 เท่า เนื่องจากเศรษฐกิจเยอรมนีขยายตัวแข็งแกร่งและมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น

 

ขณะที่ยอดขาดดุลงบระมาณในปี 2555 คาดการณ์ที่ระดับ 2.61 หมื่นล้านยูโร

 

สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีเปิดเผยว่า ในปี 2554 เยอรมนีสามารถลดการขาดดุลสาธารณะให้อยู่ที่ระดับ 1.0% ของดัชนีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จากระดับ 4.3% ในปี 2553 โดยเยอรมนียืนยันว่าจะทำให้ตัวเลขขาดดุลลดลงมาอยู่ต่ำกว่าระดับ 3% ของจีดีพีภายในปี 2556 ตามข้อกำหนดของสหภาพยุโรป (อียู)

 

ทั้งนี้เศรษฐกิจเยอรมนีสามารถต้านท้านผลกระทบจากวิกฤติหนี้สาธารณะยูโรโซนได้ และขยายตัวขึ้น 3% ในปีที่ผ่านมา สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) – (วันที่ 13 มกราคม 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปักกิ่ง : เงินเฟ้อจีนยังอยู่ในระดับสูงแม้จะลดลงในเดือนธันวาคม เนื่องจากราคาอาหารแพง นักวิเคราะห์คาดจะดึงการเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ปีที่แล้วอยู่ที่ 8.7%

 

สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยว่า ดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภคหรือซีพีไอที่เป็นตัววัดค่าเงินเฟ้อของจีนประจำเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ลดลงอยู่ที่ 4.1% แต่เป็นตัวเลขที่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 4.0% และในส่วนของดัชนีราคาสินค้าผู้ผลิตหรือพีพีไอที่เป็นตัววัดเงินเฟ้อในส่วนของผู้ผลิตสินค้าลดลงอยู่ที่ 1.7% ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.8% อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อของจีนยังถือว่าสูงกว่าที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ไม่เกิน 4.0% ซึ่งจะมีผลทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคน้อยลง และทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอการเติบโต

 

นักวิเคราะห์จากโนมูระในฮ่องกงเปิดเผยว่า หากจีนยังมีปัญหาเงินเฟ้อสูงจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งในไตรมาสแรกของปีนี้คาดว่าจีดีพีจะอยู่ที่ 7.5% อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายสถาบันคาดว่าจีนต้องลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก เนื่องจากธนาคารกลางจะควบคุมเงินเฟ้อด้วยการคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคภายในประเทศไม่ให้สูงเกินไป

 

ตลอดทั้งปี 2011 รายงานอัตราเงินเฟ้อของจีนในส่วนของซีพีไอเพิ่มขึ้นเฉลี่ยแต่ละเดือนอยู่ที่ 0.3% เนื่องจากราคาอาหารภายในประเทศยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราเงินเฟ้อที่คำนวณจากราคาอาหารของจีนอยู่ที่ 9.1% ในเดือนธันวาคม สูงกว่าเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ 8.8% ส่วนราคาอาหารสูงสุดในปีที่แล้วอยู่ที่เดือนกรกฎาคม 14.8% ทำให้เดือนนั้นดัชนีซีพีไอสูงถึง 6.5% ทั้งนี้ ราคาอาหารที่สูงขึ้นไม่สมดุลกับเงินเดือนเฉลี่ยของชาวจีนระดับปานกลางที่อยู่ที่ 3,000 หยวนต่อเดือน

 

รายงานข่าวแจ้งว่า รัฐบาลจีนตั้งเป้าใช้งบประมาณ 8 ล้านล้านหยวน เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ของจีนปล่อยเงินกู้สกุลเงินหยวนให้กับธุรกิจของจีน และอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเพิ่มขึ้น เพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ หลังจากรัฐบาลลดการกันสัดส่วนเงินทุนสำรองของธนาคารพาณิชย์ 50 จุด มาอยู่ที่ 21% เมื่อเดือนพฤศจิกายน ซึ่งจะมีผลทำให้ธนาคารพาณิชย์มีเงินทุนเพิ่มขึ้นในการปล่อยกู้ให้กับธุรกิจในจีน

 

นักวิเคราะห์คาดว่า การเติบโตของเศรษฐกิจจีนในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว คาดว่าจะชะลอตัวอยู่ที่ 8.7% จากไตรมาส 3 อยู่ที่ 9.1% ทั้งนี้ รัฐบาลจะประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของไตรมาส 4 ในวันอังคารหน้า การคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนเติบโตน้อยลงมีผลทำให้ดัชนีหุ้นคอมโพสิตที่ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ลดลง 1.58 จุด ปิดตลาดที่ 2,274.47 จุด

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ (วันที่ 13 มกราคม 2555)

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วอชิงตัน : การสำรวจเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดใน 12 สาขาทั่วประเทศเมื่อปลายปีที่แล้วพบว่า การเติบโตของเศรษฐกิจมีแววฟื้นตัว เนื่องจากคนอเมริกันนิยมท่องเที่ยวและใช้จ่ายมากขึ้น

 

จากรายงานของธนาคารกลางสหรัฐที่เรียกว่า Beige Book พบว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ยังเติบโตช้า แต่ในส่วนของอุตสาหกรรมมีการลงทุนมากขึ้น ในการสำรวจของธนาคารกลางพบว่าเขตที่มีการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวมน้อยที่สุดคือ ริชมอนด์ รัฐเวอร์จิเนีย อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายปีที่แล้วเศรษฐกิจสหรัฐถือว่า เติบโตดีกว่าช่วง 6 เดือนแรกของปี 2011 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจชะงักงัน

 

ทางด้านตลาดแรงงาน เมื่อเดือนธันวาคมมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 200,000 อัตรา และอัตราการว่างงานลดลงอยู่ที่ 8.5% นับเป็นอัตราการว่างงานที่ต่ำสุดในรอบ 3 ปี สิ่งที่เป็นสัญญาณที่ดีของเศรษฐกิจคือ การใช้จ่ายของผู้บริโภคมีแนวโน้มฟื้นตัว เนื่องจากในเดือนธันวาคมมียอดการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเขตนครนิวยอร์ก และดัลลัส ที่มียอดค้าปลีกธรรมดา และเขตบอสตัน มินนิอาโปลิส และนิวยอร์ก มียอดค้าปลีกออนไลน์สูงกว่าปี 2010

 

เขตที่มีธุรกิจด้านการท่องเที่ยวเติบโตสูงคือ แอตแลนตา ส่วนบอสตันเป็นเขตที่มีการขยายตัวของธุรกิจสูงกว่า 2 เท่า และมีรายได้จากธุรกิจโรงแรมสูง นอกจากนี้ในรายงานการสำรวจของเฟดพบว่า อุตสาหกรรมหนักที่ผลิตเครื่องจักรและเหล็กมีการลงทุนสูง เนื่องจากธุรกิจผลิตรถยนต์ เกษตรกรรม และพลังงานเติบโตสูง สำหรับอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อปลายปีที่แล้ว แต่ต้นปี 2012 เงินเฟ้อของสหรัฐมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเหนือ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

รายงาน Beige Book ของเฟด มีความสำคัญต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐในการประชุมเพื่อกำหนดนโยบายอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในการประชุมครั้งแรกของปีนี้คือวันที่ 24-25 มกราคมศกนี้

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ (วันที่ 13 มกราคม 2555)

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โรม : นายกรัฐมนตรีมาริโอ มอนติ ของอิตาลี เปิดเผยภายหลังพบหารือกับนายกรัฐมนตรีแองเจลา แมร์เคิล ของเยอรมนี ที่กรุงเบอร์ลิน ว่าอิตาลีต้องยอมเดินหน้ามาตรการรัดเข็มขัดและลดงบประมาณรายจ่ายเพื่อปฏิรูปประเทศ ดังนั้น บรรดาผู้นำยุโรปจึงไม่ต้องวิตกกังวลอีกต่อไปว่าอิตาลีจะเป็นตัวการที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจของยุโรป ขณะที่นางแมร์เคิลบอกว่า เคารพต่อการปฏิรูปเศรษฐกิจของอิตาลีอย่างยิ่ง และอิตาลีสมควรได้รับรางวัลจากความพยายามดังกล่าว เชื่อว่าในท้ายที่สุดยุโรปจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้โดยไม่ต้องใช้มาตรการอื่นๆ โดยเฉพาะการลดดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ

 

น้ำมันตลาดโลกลดลง

 

ลอนดอน : ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสตลาดนิวยอร์กกำหนดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ปรับตัวลดลง 56 เซ็นต์ อยู่ที่ 101.68 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบเบรนท์ทะเลเหนือกำหนดส่งมอบเดือนเดียวกันปรับตัวลดลง 24 เซ็นต์ อยู่ที่ 113.02 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังจากมีรายงานของกระทรวงพลังงานสหรัฐระบุว่า ปริมาณน้ำมันดิบสำรองเพิ่มขึ้น 5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 5 เท่า ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันติดตามสถานการณ์ในอิหร่านท่ามกลางความหวั่นวิตกว่าอิหร่านอาจตัดสินใจหยุดส่งออกน้ำมันไปยังชาติตะวันตกหากชาติตะวันตกยังคงเดินหน้าแผนห้ามนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการคว่ำบาตรเพื่อกดดันอิหร่านยุติโครงการนิวเคลียร์

 

ศก.เยอรมนีหดตัว

 

วีสบาเดิน : สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีรายงานว่า เศรษฐกิจเยอรมนีซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปมีแนวโน้มติดลบราว 0.25% ในไตรมาสสี่ของปี 2554 ก่อนหน้านี้สำนักงานสถิติฯระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัว 3% โดยรวมในปีที่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเติบโตในช่วง 6 เดือนแรกของปี ทั้งนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจในยุโรปเริ่มชะลอตัวนับตั้งแต่วิกฤตหนี้สินในกลุ่มประเทศยูโรโซนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะงักงัน แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเยอรมนีจะรอดพ้นจากภาวะถดถอยได้

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ (วันที่ 13 มกราคม 2555)

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สำนักงานสถิติแห่งชาติของฝรั่งเศส รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นจากระดับ 95 ในเดือนพฤศจิกายน 2554 เป็น 96 ในเดือนธันวาคม ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่าแม้ว่าเศรษฐกิจฝรั่งเศสจะเริ่มส่งสัญญาณบวก แต่ยังอยู่ในสถานะไม่แน่นอน

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 13 มกราคม 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยในรายงานประจำเดือนว่า ยอดการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นประมาณ 90,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2554 สู่ระดับ 5.57 ล้านบาร์เรลต่อวัน   สำหรับยอดการผลิตน้ำมันของสหรัฐในปี 2555 คาดว่าเพิ่มขึ้น 170,000 บาร์เรลต่อวัน และในปี 2556 จะเพิ่มขึ้นอีก 80,000 บาร์เรลต่อวัน โดยได้รับปัจจัยจากการขุดเจาะน้ำมันโดยตรงมากขึ้น โดยเฉพาะหินดินดานบนบก          ทั้งนี้ ในอีก 2 ปีข้างหน้า คาดว่าความต้องการน้ำมันของสหรัฐจะฟื้นตัวในระดับปานกลาง หลังจากที่ลดลง 1.6% ในปี 2554

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ (วันที่ 13 มกราคม 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ เหตุคลายวิตกหนี้ยุโรป (13/01/2555)

ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ปรับตัวสูงขึ้น ขานรับมุมมองที่เป็นบวกเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรปที่ส่งสัญญาณดีขึ้น ซึ่งช่วยหนุนตลาดเกิดใหม่ให้สามารถดึงเม็ดเงินทุนเข้ามา ขณะที่เงินวอนแข็งค่าขึ้น

 

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 8,471.10 จุด เพิ่มขึ้น 85.51 จุด ส่วนดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,232.21 จุด เพิ่มขึ้น 136.83 จุด ขณะที่ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นโซลเปิดวันนี้ที่ 1,865.72 จุด เพิ่มขึ้น 1.15 จุด ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,226.24 จุด เพิ่มขึ้น 39.66 จุด ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,525.68 จุด บวก 0.12 จุด ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,190.70 จุด เพิ่มขึ้น 9.70 จุด และดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,758.52 จุด เพิ่มขึ้น 14.86 จุด

 

ดัชนี MSCI Asia Pacific Index บวก 0.6% เมื่อเวลา 9.32 น.ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงโตเกียว

 

รัฐบาลอิตาลีสามารถระดมทุนด้วยการประมูลขายพันธบัตรอายุ 1 ปีได้ 8.5 พันล้านยูโรเมื่อวานนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่านักลงทุนยังคงมั่นใจว่า สถานะด้านการเงินในอนาคตของอิตาลียังคงอยู่ในระดับที่ดี โดยการขายพันธบัตรครั้งนี้ ให้อัตราผลอบแทน 2.735% ลดลงจากระดับ 5.95% ในเดือนที่แล้ว และยังต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือนพ.ย.ที่ระดับ 6.087%

 

นอกจากนี้ สเปนสามารถระดมทุนด้วยการประมูลขายพันธบัตรได้เกือบ 1 หมื่นล้านยูโร หรือ 1.27 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งพันธบัตรเหล่านี้จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2558 และ 2559 โดยอัตราการเสนอซื้อมีอยู่มากกว่าพันธบัตรที่นำออกจำหน่ายกว่า 2 เท่า ซึ่งบ่งชี้ว่า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลชุดใหม่ของสเปนจะสามารถควบคุมวิกฤตหนี้ภายในประเทศได้

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) – (วันที่ 13 มกราคม 2555)

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ เหตุคลายวิตกหนี้ยุโรป (13/01/2555)

ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ปรับตัวสูงขึ้น ขานรับมุมมองที่เป็นบวกเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรปที่ส่งสัญญาณดีขึ้น ซึ่งช่วยหนุนตลาดเกิดใหม่ให้สามารถดึงเม็ดเงินทุนเข้ามา ขณะที่เงินวอนแข็งค่าขึ้น

 

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 8,471.10 จุด เพิ่มขึ้น 85.51 จุด ส่วนดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,232.21 จุด เพิ่มขึ้น 136.83 จุด ขณะที่ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นโซลเปิดวันนี้ที่ 1,865.72 จุด เพิ่มขึ้น 1.15 จุด ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,226.24 จุด เพิ่มขึ้น 39.66 จุด ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,525.68 จุด บวก 0.12 จุด ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,190.70 จุด เพิ่มขึ้น 9.70 จุด และดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,758.52 จุด เพิ่มขึ้น 14.86 จุด

 

ดัชนี MSCI Asia Pacific Index บวก 0.6% เมื่อเวลา 9.32 น.ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงโตเกียว

 

รัฐบาลอิตาลีสามารถระดมทุนด้วยการประมูลขายพันธบัตรอายุ 1 ปีได้ 8.5 พันล้านยูโรเมื่อวานนี้ ซึ่งบ่งชี้ว่านักลงทุนยังคงมั่นใจว่า สถานะด้านการเงินในอนาคตของอิตาลียังคงอยู่ในระดับที่ดี โดยการขายพันธบัตรครั้งนี้ ให้อัตราผลอบแทน 2.735% ลดลงจากระดับ 5.95% ในเดือนที่แล้ว และยังต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือนพ.ย.ที่ระดับ 6.087%

 

นอกจากนี้ สเปนสามารถระดมทุนด้วยการประมูลขายพันธบัตรได้เกือบ 1 หมื่นล้านยูโร หรือ 1.27 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งพันธบัตรเหล่านี้จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2558 และ 2559 โดยอัตราการเสนอซื้อมีอยู่มากกว่าพันธบัตรที่นำออกจำหน่ายกว่า 2 เท่า ซึ่งบ่งชี้ว่า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลชุดใหม่ของสเปนจะสามารถควบคุมวิกฤตหนี้ภายในประเทศได้

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) – (วันที่ 13 มกราคม 2555)

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาน้ำมันดิ่งต่อ สถานการณ์อิหร่าน-ไนจีเรียยังตึงเครียด (13/01/2555)

นิวยอร์ก 13 ม.ค. - ราคาน้ำมันตลาดโลกยังคงดิ่งลง ขณะที่สถานการณ์กรณีอิหร่านยังคงตึงเครียด การประท้วงของคนงานน้ำมันไนจีเรียอาจส่งผลให้การผลิตน้ำมันหยุดชะงัก

 

 

 

รายงานระบุว่า ดูเหมือนรายงานที่ว่าสหภาพยุโรปอาจชะลอการคว่ำบาตรด้านน้ำมันต่ออิหร่านและการที่รัฐบาลไนจีเรียกำลังเจรจากับบรรดาแกนนำการประท้วงส่งผลให้ราคาน้ำมันลดลง โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ปรับตัวลดลง 1.77 ดอลลาร์สหรัฐ มาปิดที่ 99.10 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบเบรนต์ จากแหล่งทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ปรับลดลง 98 เซนต์ ปิดที่ 111.26 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

 

ด้านนายอาลี ลาริจานี ประธานรัฐสภาอิหร่าน กล่าวที่ตุรกีว่า อิหร่านพร้อมเจรจาอย่างจริงจังกับมหาอำนาจโลกเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน และบรรดาแกนนำแรงงานในไนจีเรียเปิดเจรจากับประธานาธิบดีกู้ดลัค โจนาธาน เป็นครั้งแรกนับแต่เริ่มประท้วง ก่อให้เกิดความหวังว่าจะบรรลุข้อตกลงระหว่างกัน –

 

ที่มา : สำนักข่าวไทย (วันที่ 13 มกราคม 2555)

 

เตือนราคาน้ำมันยังทรงตัวระดับสูง (13/01/2555)

นายพงษ์พันธุ์ อมรวิวัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์และวางแผน บมจ.ไทยออยล์ บอกถึงทิศทางราคาน้ำมันในขณะ นี้ว่า ปัจจัยที่น่ากังวลและนักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิดจะเป็นเรื่องวิกฤติหนี้ในยุโรป ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีทางออกที่ชัดเจน ส่วนความตรึงเครียดระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตก เชื่อว่า การประกาศปิดช่องแคบเฮอร์มุตของอิหร่านน่าจะเป็นแค่คำขู่มากกว่า

 

นายพงษ์พันธุ์ บอกถึงทิศทางราคาน้ำมันในประเทศในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แม้ผู้ค้าน้ำมันจะปรับ ราคาน้ำมันขึ้นมากแล้วประมาณลิตรละ 2 บาท แต่ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ยังทรงตัวในระดับสูง ทำให้ค่าการตลาดของผู้ค้ายังอยู่ในระดับต่ำ

 

โดยในกลุ่มน้ำมันเบนซิน ค่าการตลาดอยู่ที่ลิตร ละประมาณ 1 บาทกว่า ส่วนน้ำมันดีเซลอยู่ต่ำกว่า ลิตรละ 1 บาท ดังนั้นจึงมีแนวโน้มที่ผู้ค้าน้ำมัน อาจจะปรับราคาน้ำมันขึ้นอีกในเร็วๆนี้

 

ที่มา : money channel (วันที่ 13 มกราคม 2555)

 

 

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณมากคะคุณเด็กขายของ ได้ความรู้เยอะมากคะ :gd :gd :gd

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...