ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ผู้นำสหรัฐ เตรียมเปิดแคมป์ เดวิด ต้อนรับผู้นำจี-8 ช่วงกลางเดือนพฤษภาคมนี้

 

ทำเนียบขาว เปิดเผยว่าประธานาธิบดีบารัก โอบามา จะเปิดแคมป์ เดวิด สถานที่พักผ่อนส่วนตัว ต้อนรับผู้นำกลุ่มประเทศร่ำรวย 8 ประเทศ หรือ จี-8 ในการประชุมร่วมกันที่จะมีขึ้นวันที่ 18-19 พฤษภาคมนี้ จากเดิมที่เคยวางแผนจะจัดประชุมดังกล่าวที่เมืองชิคาโก นอกจากนี้ ในระหว่างวันที่ 20-21 เดือนเดียวกัน ประธานาธิบดีโอบามา จะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมผู้นำชาตินาโต เพื่อหารือกันถึงแผนการถอนกองกำลังนานาชาติออกจากอัฟกานิสถาน ทั้งนี้ คาดว่าการย้ายสถานที่ประชุมสุดยอดจี-8 ไปที่แคมป์ เดวิด น่าจะเกี่ยวกับเหตุผลด้านความปลอดภัย เพื่อหลบบรรดากลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านโลกาภิวัฒน์ รวมถึงกลุ่มออคคิวพาย วอล สตรีท ที่มักชุมนุมขัดขวางการประชุมของผู้นำโลก.

 

ผู้นำซีเรียแสดงความยินดี ปูตินได้หวนคืนเก้าอี้ประธานาธิบดี

 

- สำนักข่าวซานาของทางการซีเรียรายงานว่า นายบาชาร์ อัล อัสซาด ประธานาธิบดีซีเรีย ส่งสารทางโทรเลข แสดงความยินดีต่อนายวลาดิเมียร์ปูติน เมื่อวานนี้ในโอกาสที่เขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีรัสเซียสมัยที่ 3 รัสเซียถือเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับรัฐบาลนายอัสซัดซึ่งกำลังทำการปราบปรามผู้ต่อต้านรัฐบาลซีเรียยาวนานนับปีแล้วซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 7,500 คน

 

 

 

รัสเซีย รวบตัวผู้ชุมนุมกว่า 500 คน ระหว่างการประท้วงการขึ้นสู่อำนาจประธานาธิบดีอีกสมัยของวลาดิมีร์ ปูติน

 

ตำรวจรัสเซีย รวบตัวผู้ชุมนุมกว่า 500 คน เมื่อวานนี้ หลังเกิดเหตุประท้วงต่อต้านนายวลาดิมีร์ ปูติน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งมาหมาดๆ โดยรายงานข่าวระบุว่าผู้ชุมนุม 300 คนถูกจับกุมที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ส่วนอีก 250 คนถูกจับกุมที่กรุงมอสโก ซึ่งในจำนวนนี้มีนายอเล็กเซย์ นาวัลนี แกนนำกลุ่มผู้ประท้วง รวมอยู่ด้วย ทั้งนี้ ปฏิกิริยาต่อต้านรอบใหม่ในรัสเซียมีขึ้นหลังนายกรัฐมนตรีปูติน คว้าชัยชนะอย่างท่วมท้นในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ท่ามกลางข้อครหาเกี่ยวกับความโปร่งใส แม้ว่าประชาคมโลกดูจะยอมรับชัยชนะครั้งนี้ของปูติน แต่นักสังเกตการณ์หลายคนระบุว่าการเลือกตั้งรัสเซียมีความไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง ขณะที่สหรัฐและสหภาพยุโรปก็เรียกร้องให้รัสเซียเปิดสอบสวนข้อร้องเรียนต่างๆ ที่เกี่ยวกับการทุจริตเลือกตั้ง

สำหรับนายปูติน เคยเป็นประธานาธิบดีรัสเซียมาแล้ว 2 สมัย ก่อนสลับตำแหน่งไปเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากรัฐธรรมนูญห้ามการเป็นประธานาธิบดีติดต่อกัน 3 สมัย โดยนายปูติน มีกำหนดจะเข้ารับตำแหน่งสมัยที่ 3 อย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคมนี้ และจะอยู่ในอำนาจต่อไปจนถึงปี 2561. 

ข้อมูลข่าวและที่มา

 

ผู้สื่อข่าว : จีรธิดา คำสวน / สวท   Rewriter : จีรธิดา คำสวน / สวท

สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th

 วันที่ข่าว : 06 มีนาคม 2555

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดอนเมืองเปิดแล้ว นกแอร์เริ่มบิน 6 มีนา-ทอท.ยันมีแผนป้องกันน้ำท่วม

 

 

 

วันที่ 6 มี.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางยังสนามบินดอนเมืองเพื่อตรวจความพร้อมสนามบินในการเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ พร้อมระบุว่า สนามบินดอนเมืองพร้อมแล้วที่จะเปิดให้บริการในเส้นทางบินในประเทศ และเที่ยวบินเช่าเหมาลำ อย่างเป็นทางการในวันที่ 6 มี.ค.นี้

 

นอกจากนี้กระทรวงคมนาคม และ บริษัท ท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.). ได้ยืนยันว่า ได้มีแผนป้องกันน้ำท่วมสนามบินดอนเมือง และบริเวณใกล้เคียง แล้วทั้งแผนระยะสั้น และระยะยาว ดังนั้นจึงเชื่อมั่นว่าสนามบินดอนเมืองจะไม่ประสบปัญหาน้ำท่วมอย่างแน่นอน

 

ขณะที่ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคมกล่าวว่า ขณะนี้ได้รับรายงานจาก ทอท.ว่า สายการบินโอเรียนท์ไทยได้แสดงความสนใจที่จะเข้ามาทำการบินที่สนามบินดอนเมืองแล้ว โดยคาดว่าเร็วๆ นี้จะเปิดให้บริการที่สนามบินดอนเมืองได้

 

สำหรับแผนป้องกันน้ำท่วม ทอท.จะสร้างแนวคันกั้นน้ำแบบคอนกรีตเสริมเหล็กแบบถาวร ป้องกันน้ำทั้งฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกของสนามบิน โดยฝั่งกองทัพอากาศ ทอท.จะสร้างคันคอนกรีตยาว 6 กิโลเมตรส่วนฝั่งตะวันตกของสนามบิน ทอท.จะสร้างคันคอนกรีตยาว 7.3 กิโลเมตรรวมทั้ง สิ้น 13.3 กิโลเมตร ซึ่งจะเสร็จสิ้นภายในเดือนพ.ค.นี้

 

ด้าน ว่าที่เรืออากาศโทอนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย (ทอท.) กล่าวว่า ในวันที่ 6 มี.ค. 55 ตั้งแต่เวลา 06.00 น.เป็นต้นไป สายการบินนกแอร์ และสายการบินโอเรียนท์ไทย จะกลับมาบินที่สนามบินดอนเมืองอีกครั้ง ทั้งนี้ยืนยันว่า สนามบินดอนเมืองมีความพร้อมที่จะให้บริการในทุกด้านแล้ว

 

นอกจากนี้ในด้านสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม ของท่าอากาศยาน โดยทำการอบฆ่าเชื้อและกำจัดกลิ่นตามมาตรฐานสากลที่ไม่มีสารพิษตกค้าง สำหรับการตรวจด้านสุขาภิบาลนั้นยังมีหน่วยงานอื่นๆ ได้แก่ กรมอนามัย คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล สำนักอนามัยกรุงเทพมหานครได้ร่วมให้คำแนะนำเข้ามาตรวจสอบอีกด้วย

 

นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินนกแอร์ กล่าวว่า นกแอร์จะเริ่มบินเที่ยวแรกจากสนามบินดอนเมืองในเวลา 06.00 น.วันที่ 6 มี.ค. ใน 3 เส้นทางบิน คือกทม.-อุบลราชธานี, กทม.-อุดรธานี และกทม.-นครศรีธรรมราช โดยจะให้บริการตามปกติจำนวนรวม 80 เที่ยวบินต่อวัน ซึ่งการกลับมาให้บริการที่สนามบินดอนเมืองนั้น จะทำให้บริษัทมีต้นทุนที่ต่ำกว่าเดิมที่เคยไปให้บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จีนอนุญาตทุกบริษัทในประเทศใช้เงินหยวนค้าขายข้ามชาติได้แล้ว

จีนได้เพิ่มความทุ่มเทในการยกนะดับเงินหยวนสู่เวทีโลกเมื่อวันศุกร์ที่ 2 มีนาคม 2012 ที่ผ่านมาด้วยการขยายกฎการชำระค่าสินค้าระหว่างประเทศโดยอนุญาตให้ทุกบริษัทในประเทศสามารถเรียกเก็บหรือชำระเงินในธุรกรรมข้ามพรมแดนเป็นเงินหยวนได้

 

การประกาศของธนาคารกลางจีนถึงเรื่องของกฎใหม่ที่จะบังคับใช้ทั่วประเทศนั้นแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของโครงการทดลองอายุ 2 ปีครึ่งของรัฐบาลปักกิ่งในการดันเงินหยวนสู่เวทีโลก ซึ่งทางการจีนหวังไว้ว่าจะเข้ามาเป็นคูาแข่งกับเงินดอลลาร์และเงินยูโรในฐานะสกุลเงินสำคัญเพื่อชการชำระค่าสินค้าได้

 

ปัจจุบันเงินหยวนยังคงถูกควบคุมอย่างเข้มงวดโดยทางการจีน แต่บรรดาผู้นำจีนก็กล่าวว่า พวกเขาเตรียมตัวที่จะค่อยๆผ่อนปรนการควบคุมไปทีละขั้นเนื่องจากพวกเขาต้องการเปิดเสรีบัญชีทุนของจีน, ต้องการให้ตลาดการเงินเติบโต และตรวจสอบเงินหยวนซึ่งจะสามารถแลกเปลี่ยนได้โดยพื้นฐานภายในปี 2015

 

จีนได้อนุญาตให้เงินหยวนแข็งค่ากว่า 30% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯนับแต่ปี 2005 และกล่าวว่า จีนเองมีความมุ่งมั่นที่จะทำการปฏิรูปอย่างค่อยเป็นค่อยไปแต่ก็เผชิญกับแรงกดดัน โดยเฉพาะจากฝั่งสหรัฐฯซึ่งต้องการให้เงินหยวนแข็งค่ามากกว่านี้เพื่อเคลื่อนย้ายสิ่งที่อีกฝ่ายรับรู้ว่าเป็น ความได้เปรียบที่ไม่เป็นธรรมของการส่งออกของจีนในตลาดโลก

 

"บริษัทซึ่งสามารถทำธุรกรรมการค้าเป็นเงินหยวนได้ไม่จำเป็นต้องจำกัดเฉพาะบริษัทที่ได้รับเลือกในโครงการทดลองอีกต่อไป" ธนาคารกลางจีนกบ่าวในแถลงการณ์

 

"บริษัทผู้ส่งออกและนำเข้าที่ขึ้นทะเบียนทั้งหมดตอนนี้สามารถทำธุรกรรมการค้าของตัวเองเป็นเงินหยวนได้แล้ว" 

 

เพื่อที่จะส่งเสริมการใช้เงินหยวนในระดับระหว่างประเทศ ทางการจีนได้อนุญาตให้บริษัทจำนวน 365 แห่งสามารถทำธุรกรรมการค้าเป็นเงินหยวนได้ภายใต้โครงการทดลองในเดือนกรกฎาคม 2009 โครงการดังกล่าวได้ขยายตัวครอบคลุม 20 มณฑลและ 60,000 บริษัทในปี 2010

 

ความสำเร็จของโครงการทดลองได้นำรัฐบาลปักกิ่งไปสู่การขยายโครงการนี้ไปทั่วประเทศเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว แม้ว่าผู้ส่งออกและผู้นำเข้าจะต้องได้รับการอนุมัติจากทางการปักกิ่งก่อนก็ตามก่อนที่พวกเขาจะสามารถใช้เงินหยวนทำธุรกรรมการค้าได้

 

มูลค่าการค้ารวมที่ชำระด้วยเงินหยวนทะยานขึ้นกว่า 4 เท่าตัวมาแตะ 2.08 ล้านล้านหยวนหรือกว่า 330,000 ล้านดอลลาร์ ณ สิ้นปี 2011 จากปีก่อนหน้า ธนาคารกลางจีนระบุ หรือราว 9% ของการนำเข้าและส่งออกรวมของจีนสำหรับปี 2011

 

ธนาคารกลางจีนระบุว่า บริษัทต่างๆไม่ได้ถูกยกเว้นจากการตรวจสอบภายใต้โครงการที่ขยายเพิ่มขึ้นนี้ บริษัทใดก็ตามที่ท้าทายกฎทางศุลกากร การค้า และการเงินในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจะถูกขึ้นบัญชีดำและไม่สามารถพักเงินรายได้จากการค้าในต่างประเทศได้ ธนาคารกลางจีนกล่าว

 

โดยมากแล้วมักจะเป็นผู้นำเข้าไม่ใช่ผู้ส่งออกที่มักชำระธุรกรรมการค้าเป็นเงินหยวนเนื่องจากความคาดหวังที่ว่าเงินหยวนอาจมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น นั่นส่งผลให้ทางการปักกิ่งเต็มไปด้วยกระแสเงินดอลลาร์จำนวนมหาศาลที่ไม่ได้โอนกลับประเทศซึ่งนั่นอาจก่อให้เกิดแรงกดดันด้านราคาในอนาคตได้

 

ที่มา ข่าว Real Time จากโปรแกรม Reuters 3000 Xtra

ไอดีข่าว nL4E8E24IF

แปลและเรียบเรียงโดย เบ๊นซ์ สุดตา ฝ่ายข่าวเศรษฐกิจและการเงินระหว่างประเทศ Mtoday

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
:Hi :bye ถูกแก้ไข โดย กระต่ายทอง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

IAEAเป็นห่วงหลังอิหร่านดื้อไม่ให้ดูนิวเคลียร์

ข่าวต่างประเทศ วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ.2555 7:25น.

 

ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ เริ่มมีความกังวลมากขึ้น กลัวเกิดสงคราม หลัง อิหร่าน เมินจดหมายขอตรวจสอบนิวเคลียร์

สื่อต่างประเทศรายงาน การติดตามกรณีที่ทาง ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ IAEA ซึ่งเป็นหน่วยงานของสหประชาชาติ หรือ UN ได้ร่อนจดหมายขอเข้าตรวจสอบโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งผลปรากฏว่า โดนปฏิเสธกลับมาแบบไม่ใยดี ล่าสุดทาง ยูยิกะ อามาโน่ หัวหน้าศูนย์ฯ ได้ออกมาแสดงความกังวล ต่อการพัฒนาอาวุธอันตรายของอิหร่าน โดยเผยว่า เป็นตัวชนวนของสงคราม ซึ่งตนมั่นใจว่า อิหร่าน ไม่ได้สร้างอาวุธ เพื่อความสันติ ขอร้องให้ยอมเปิดทางให้หน่วยงานเข้าไปตรวจสอบโครงการนิวเคลียร์เสียแต่โดยดี

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รัสเซีย เดือด! ตร.จับผู้ชุมนุมครึ่งพันเข้าคุก

ข่าวต่างประเทศ วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ.2555 7:23น.

 

รัสเซีย ยังเดือด ตำรวจปราบจลาจล จับผู้ประท้วงร่วม 500 คน ที่ต่อต้าน วลาดิเมียร์ ปูติน เข้าซังเต

สื่อต่างประเทศรายงาน สถานการณ์ความวุ่นวายใน รัสเซีย หลังจากที่มีการเลือกตั้ง โดยชัยชนะยังอยู่กับ วลาดิเมียร์ ปูติน ทำให้เกิดความไม่พอใจกับประชาชนเป็นอย่างมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีข่าวออกมาตลอดว่า ปูติน โกงการเลือกตั้ง

ล่าสุดสถานการณ์ตึงเครียดหนักกว่าเก่า หลังมีประชาชนออกมาเดินขบวนต่อต้านในกรุงมอสโก 2 หมื่นคน เพื่อให้มีการจัดเลือกตั้งอีกครั้ง

 

โดยมีรายงานอีกว่า ที่เมืองเซนต์ส ปีเตอร์สเบิร์ก ค่อนข้างเดือด โดยมีกลุ่มผู้ประท้วงประมาณ 3 พันคน ที่ออกมาก่อความวุ่นวาย และมีการปะทะกับตำรวจจลาจล โดยทางตำรวจสามารถจับกุมผู้ชุมนุมที่ก่อเหตุ ได้ประมาณ 300 กว่าคน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อุตุฯเตือนอีสาน,ตอ.ลมกระโชกแรงฝนฟ้าคะนอง-ใต้ตกหนัก

ข่าวสังคม วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ.2555 6:03น.

 

กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยตอนบนมีอุณภูมิสูงขึ้น ภาคเหนืออากาศเย็นในตอนเช้า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรง ขณะที่ภาคใต้ฝนตกหนัก ส่วนกทม.และปริมณฑลอากาศร้อน

ภาคเหนือ  มีหมอกในตอนเช้า

ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส

ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-24 องศาเซลเซียส

และมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส

ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

 

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  มีหมอกบางในตอนเช้า และมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน

โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง

ส่วนมากบริเวณจังหวัดมุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี และศรีสะเกษ

อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

 

ภาคกลาง  มีหมอกบางในตอนเช้า และมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

 

ภาคตะวันออก  มีหมอกบางในตอนเช้า และมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน

โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง

ส่วนมากบริเวณจังหวัดสระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร

 

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)  มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง

ส่วนมากบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา และปัตตานี

อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

 

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)  มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง

ส่วนมากบริเวณจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล

อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส 

ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

 

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล  มีเมฆบางส่วน และมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน

โดยมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่

อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส

ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

06  มีนาคม 2555

 

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: วิตกเศรษฐกิจโลกซบเซา ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ

 

 

 

          ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (5 มี.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากรัฐบาลจีนปรับลดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ และมาร์กิต อิโคโนมิกเปิดเผยว่า ภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซนหดตัวลงในเดือนก.พ.

          ดัชนี Stoxx Europe 600 Index ร่วงลง 0.6% ปิดที่ 265.56 จุด

          ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีร่วงลง 54.91 จุด หรือ 0.79% ปิดที่ 6,866.46 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปรับตัวลง 13.63 จุด หรือ 0.39% ปิดที่ 3,487.54 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนลดลง 36.31 จุด หรือ 0.61% ปิดที่ 5,874.82 จุด

          ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลที่ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกอาจชะลอตัวลงในระยะใกล้นี้ หลังจากรัฐบาลจีนประกาศปรับลดเป้าหมายการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปี 2555 ลงมาอยู่ที่ระดับ 7.5% จากเป้าหมายเดิมที่วางไว้ที่ 8% ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลจีนได้ปรับลดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในประเทศ หลังจากที่ได้คงเป้าหมายเอาไว้ที่ 8% มาเป็นเวลา 7 ปีติดต่อกัน

          ขณะที่มาร์กิต อิโคโนมิก เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและบริการของประเทศในยูโรโซน ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 49.3 จุดในเดือนก.พ. จากระดับ 50.4 จุดในเดือนม.ค. ซึ่งดัชนีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่า ภาคการผลิตและภาคบริการหดตัวลง

          การปรับลดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนได้ฉุดหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง โดยหุ้นริโอทินโต ดิ่งลง 3.9% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 2.9% และหุ้นเวแดนตา รีซอสเซส ร่วงลง 3.9%

          อย่างไรก็ตาม หุ้นบีพีดีดตัวขึ้น 1.6% ซึ่งช่วยจำกัดการร่วงลงของดัชนี Stoxx 600 หลังจากบีพี ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของยุโรป ได้บรรลุข้อตกลงกับโจทก์ที่ยื่นฟ้องบีพีในคดีน้ำมันรั่วไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโกในปี 2552

          นักลงทุนจับตาดูการทำข้อตกลงปรับโครงสร้างหนี้ผ่านการปรับลดมูลค่าพันธบัตรของกรีซ ซึ่งจะถึงกำหนดในวันที่ 8 มี.ค.นี้ โดยมีรายงานคืบหน้าเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า สถาบันการเงินรายใหญ่ 12 แห่ง รวมถึงธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์ ของฝรั่งเศส และธนาคารดอยช์ แบงก์ ของเยอรมนี ได้ลงนามในคำมั่นสัญญาว่าจะมีส่วนร่วมในแผนการบรรเทาภาระหนี้สินของกรีซ

          นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากอีซีบีประกาศมาตรการรีไฟแนนซ์ระยะยาว (Longer Term Refinancing  Operation) หรือ LTRO ด้วยการอัดฉีดเงินกู้วงเงิน 529,530.81 ล้านยูโร (7.133 แสนล้านดอลลาร์) ให้กับภาคธนาคารของยูโรโซนเมื่อวันที่ 29 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยธนาคารทั้งสิ้น 800 แห่งที่ขอเงินกู้ดังกล่าว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

          ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวดีดตัวขึ้น 26.86 จุด หรือ 0.285 แตะที่ 9,725.45 จุดในวันนี้ (6 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของผลประกอบการบริษัทญี่ปุ่น หลังจากสกุลเงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์

          สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมส่งออกอย่างคึกคัก หลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับกว่า 81 เยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียวช่วงเช้านี้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

06  มีนาคม 2555

 

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 36.31 จุด หลังจีนปรับลดเป้าหมาย GDP

 

 

 

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (5 มี.ค.) หลังจากรัฐบาลจีนปรับลดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ รวมทั้งข้อมูลที่ระบุว่าภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซนหดตัวลง

          ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 36.31 จุด หรือ 0.6% ปิดที่ 5,874.82 จุด

          ตลาดหุ้นลอนดอนร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากจีนปรับลดเป้าหมายการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปี 2555 ลงมาอยู่ที่ระดับ 7.5% จากเป้าหมายเดิมที่วางไว้ที่ 8% ขณะที่มาร์กิต อิโคโนมิก เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและบริการของประเทศในยูโรโซน หดตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 49.3 จุดในเดือนก.พ. จากระดับ 50.4 จุดในเดือนม.ค.

          หุ้นเกลนคอร์ ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์สินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ ร่วงลง 4% หุ้นคาซัคมิส ซึ่งเป็นผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่ของคาซัคสถาน ดิ่งลง 4.9% หลังจากเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นคาซัคมิสลงสู่ระดับ  “neutral" จากระดับ “overweight"

          หุ้นเฟรสนิลโล ซึ่งเป็นผู้ผลิตโลหะเงินและทองคำ ร่วงลง 3.4% หลังจากราคาโลหะมีค่าปรับตัวลงในตลาดลอนดอน

          อย่างไรก็ตาม หุ้นแกลกโซสมิธไคลน์ซึ่งเป็นผู้ผลิตยาพุ่งขึ้น 1.0% ขณะที่หุ้นเซนทริกา ซึ่งเป็นบริษัทสาธารณูปโภค ดีดขึ้น 1.3%

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- อังคารที่ 6 มีนาคม 2555 00:00:54 น.

ธวัชชัย ฐิติวณิธภิวงศ์

ภาวะตลาดหุ้นวานนี้ (5 มี.ค.55) ตลาดเล่นกันในแดนลบทั้งวัน แม้จะมีการเก็งกำไรด้วยการดันราคาหุ้นบางกลุ่มบางตัวขึ้นมา แต่ท้ายที่สุดก็ต้องกลับไปปิดในแดนลบ โดยดัชนีปิดในจุดต่ำสุดของวันที่ระดับ 1,157.95 จุด ลดลง 7.20 จุด วอลุ่มนับว่าเบาบางมาก คือแค่ 25,238.99 ล้านบาท ต่างจากวันก่อนสุดสัปดาห์ที่วอลุ่มยังหนาตาที่ระดับ 36,891.41 ล้านบาทมาก

 

 

 

ในมุมมองของบรรดานักเก็งกำไรก็จะออกมาพูดว่าเป็นเพราะตลาดขึ้นมามาก จึงมีการขายออก โดยคิดว่าเป็นสภาวะที่มีการซื้อมากเกินไปบ้าง มีแนวต้านมากบ้าง ทำให้เมื่อดัชนีติดลบก็เลยสรุปว่าตลาดกำลังจะมีการปรับตัวลง นั่นเป็นความคิดและความเชื่อเฉพาะการเก็งกำไร

 

ในด้านการลงทุน เมื่อมาพิจารณาจากข้อมูลต่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้วกลับพบว่าเป็นเรื่องปกติที่จะ เกิดขึ้น ซึ่งพิเคราะห์แล้วพบว่าการที่ดัชนีติดลบ 7.2 จุด ส่วนใหญ่เกิดจากการปรับลดราคาของหุ้นบลูชิปขนาดใหญ่ที่ขึ้นเครื่องหมาย  XD หรือผู้ลงทุนได้เงินปันผลนั่นเอง จึงมีการขายหุ้นในราคาที่ต่ำลงได้ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเป็นการขายขาดทุน ยังคงเป็นการขายในระดับราคาเดิม เพียงแต่มีการหักเงินปันผลออกเท่านั้น จึงไม่ใช่เหตุร้ายอะไร หรือเป็นการขายตัดขาดทุนอะไร

 

กรณีนี้แค่ยกเอาหุ้น PTT ที่วานนี้ XD 7 บาท คิดแล้วจะเท่ากับกดดัชนีลงไปประมาณ 5 จุด ที่เหลือยังมีหุ้นอื่นๆ ที่  XD ก็จะขาดดัชนีในส่วนที่เหลือได้ ดังนั้น แทบไม่ต้องไปดิ้นรนหาคำอธิบาย อื่นๆ มาพูดเลย แค่กรณี  XD อย่างเดียว ดัชนีที่ลบไปทั้งหมดก็สอดคล้องกันแล้ว แต่แน่นอนว่าบรรยากาศของตลาดต่างประเทศที่ส่วนมากติดลบ ย่อมมีผลกระทบทางจิตวิทยาเช่นกัน แต่ก็แทบไม่มีน้ำหนัก เพราะในเมื่อตัว XD อย่างเดียวก็ครอบคลุมการลดลงของดัชนีได้ทั้งหมด ย่อมหมายความว่าเหตุอื่นๆ ไม่มีผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวิกฤติหนี้ยุโรป ค่าเงินและปัจจัยลบอื่นๆ ก็ตาม

 

กลับมองว่าเมื่อผลกดดันจากกรณี XD หมดไป ตลาดก็จะคึกคักได้มากยิ่งขึ้น ยิ่งนักลงทุนต่างชาติไม่ถอยยังคงทยอยซื้อหุ้นต่อไปก็แสดงว่ายังมีความเชื่อมั่นกับการลงทุนมาก จึงได้แต่บอกนักลงทุนในที่นี้ว่าหากต้องการให้เงินสร้างเงิน ก็ควรเลือกลงทุนต่อไปไม่ควรกำเงินไว้ในมือเฉยๆ ตลาดยังมีลุ้นได้อีก

 

ส่วนกลุ่มหุ้นที่น่ามองในกลุ่มขนส่ง ดูเด่นที่ AOT, ASIMAR และ THAI จากราคาน้ำมันมีการอ่อนตัวลงบ้าง ในกลุ่มอาหาร ปัจจัยสำคัญสำหรับมนุษย์ทุกชาติที่จะขาดเสียมิได้ ธุรกิจจึงมีอนาคตสดใส ทำให้ CPF,  KSL และ MALEE ยังน่าลุ้นต่อไป กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมปีกลาย มาขณะนี้เริ่มฟื้นตัว ทำให้การมองธุรกิจมีแนวโน้มดีไปด้วย และหุ้นที่ได้รับความสนใจยังคงเป็น CCET, HANA และ DELTA กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ บอกมาตลอดว่าลุ้นได้ทุกวันแต่ต้องเลือกให้ถูกตัว ถ้าคิดไม่ออกลองจับตาที่ LH, HEMRAJ และ AMATA ก็น่าสนใจ หุ้นรายตัวเด่นที่ IVL, KTB และ LOXLEY เป็นต้น ตลาดยังไม่วาย ทำให้ยังสามารถเลือกลง ทุนและเก็งกำไรกันได้ต่อไป.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- อังคารที่ 6 มีนาคม 2555 00:00:52 น.

อโณทัย ชุมไชยโย

วันก่อนได้เห็นน้องๆ สายพาณิชย์บางคนบ่นผ่านเฟซ บุ๊กว่า ถามเรื่องราคาสินค้าจน นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน ทำหน้าเขียวใส่แล้วว่า "ถามอยู่ได้ทุกวัน" น้องคนนั้นก็บอกว่า "ก็เพราะของมันยังแพงนี่คะ" ส่วนท่านอธิบดีก็บอกว่า "ก็มันยังไม่ลดราคานี่คะ"...เฮ่อ เวรกรรม

 

 

 

ขอแพงเนี่ย ไม่ใช่แค่คนบ่นกันทั้งบ้านทั้งเมืองเพราะความรู้สึกว่าแพง แต่มันแพงจริงๆ กุ้ง หอย ปู ปลา อาหารสำเร็จรูปทุกอย่าง แพงหมด แต่ท่านอธิบดีกรมการค้าภายในก็ยังนั่งยันยืนยันว่า ไม่จริ๊งไม่จริง อยากรู้จริงว่าท่านเอาข้อมูลอะไรมาดู ถึงได้บอกว่าไม่แพง ไม่ขึ้น เอาแค่ในกระทรวงพาณิชย์นั่นแหละ มีอะไรบ้างที่ขายถูก แพงอย่างเดียวไม่ว่า ความอร่อยแทบหาไม่ได้

 

หรือว่าไม่จริงล่าสุด นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของเดือน ก.พ. ปรากฏว่า สะท้อนภาพของแพงได้ตรงเผงเลยครับ เพราะเงินเฟ้อยังสูง ผลพวงจากอาหารประเภทต่างๆ มีราคาแพงนั่นเอง

 

โดยเงินเฟ้อทั่วไปเท่ากับ 113.63 สูงขึ้น 3.35% เมื่อเทียบเดือน ก.พ.2554 และสูงขึ้น 0.37% จากเดือน ม.ค.2555 ขณะที่เฉลี่ย 2 เดือน (ม.ค.-ก.พ.) สูงขึ้น 3.36% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน

 

การที่เงินเฟ้อสูงขึ้น 3.35% เป็นผลจากการสูงขึ้นของดัชนีราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่ม 7.18% โดยหมวดข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้ง สูงขึ้น 2.78% ประเภทเนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ และสัตว์น้ำ สูงขึ้น 7.19% ไข่และผลิตภัณฑ์นม สูงขึ้น 2.69% ผักและผลไม้ สูงขึ้น 6.43% เครื่องประกอบอาหาร สูงขึ้น 11.27% และอาหารสำเร็จรูป สูงขึ้น 9.19% เช่น ข้าวผัด ก๋วยเตี๋ยวหมู-ไก่ ข้าวมันไก่

 

ส่วนดัชนีราคาหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น 1.01% จากการสูงขึ้นของหมวดพาหนะ ขนส่ง และการสื่อสาร 0.27% หมวดเคหะสถาน 2.17% หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล 1.10% หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า 0.74% หมวดยาสูบและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และหมวดการบันเทิงการอ่าน การศึกษาและการศาสนา สูงขึ้น 0.11%

 

ขณะที่สินค้าที่อยู่เหนือการควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ ได้แก่ ค่าไฟฟ้า ราคาเพิ่มขึ้น 12.10% และค่าน้ำประปา เพิ่มขึ้น 3.64% จากการปรับขึ้นค่าน้ำประปาส่วนภูมิภาคจากหน่วยละ 14.73 บาท เป็น 14.91 บาท และจะมีการปรับขึ้นทุกเดือนจนถึงเดือน ม.ค.ปีหน้า ส่วนน้ำมันเพิ่มขึ้น 1.50%

 

ของถูกมั้ยครับ?ของแพงอย่างนี้ มุกเด็ดไม้ตายของกระทรวงพาณิชย์นั่นคือ "ธงฟ้า" ครับ

 

ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ รถเข็นธงฟ้า ข้าวแกงธงฟ้า ร้านค้าธงฟ้า แม้กระทั่งจัดงานมหกรรมสินค้าธงฟ้าราคาถูก จะถูกงัดออกมาใช้ทุกครั้งไป

 

ผมทำงานข่าวเกี่ยวกับกระทรวงพาณิชย์มาก็หลายปี สินค้าแพงทีไร กระทรวงพาณิชย์งัดธงฟ้ามาขู่ทุกที แล้วเป็นไงครับ ของแพงขึ้นทุกวัน ธงฟ้าก็ยังมีทุกวัน ช่วยอะไรได้บ้างไม่ทราบ

 

จริงอยู่ สินค้าขึ้นเป็นเพราะต้นทุนสูงขึ้น แต่เวลาต้นทุนขึ้น กระทรวงพาณิชย์อีกนั่นแหละที่บอกว่าไม่กระทบต่อสินค้า ยังไงก็ไม่ให้ขึ้นๆๆ พูดทุกวันจนคอเป็นเอ็น สินค้าก็ยังขึ้น

 

แล้วอย่ามาเถียงนะครับว่า ของไม่ได้แพงขึ้น ก็โน่นไง..เงินเฟ้อเดือน ก.พ.สูงขึ้น 3.35% ประจานอยู่โทนโท่ หมายความว่าไง ก็หมายความว่า ของแพงขึ้น 3.35% ค่าของเงินที่อยู่ในกระเป๋าเมื่อนำไปซื้อสินค้า จ่ายเงินเท่าเดิม แต่ได้สินค้าน้อยลง 3.35%

 

พูดเป็นเปอร์เซ็นต์ มองภาพไม่ออกหรอกครับ ชาวบ้านเขาไม่สน เพราะมันเป็นนามธรรม แต่ของจริงที่เป็นรูปธรรม ข้าวแกงทุกวันนี้ กับข้าว 2 อย่าง จานละ 30 บาท เพิ่มไข่ดาวอีกฟอง เมื่อก่อน 35 บาท เดี๋ยวนี้ 40 บาท ก๋วยเตี๋ยวเมื่อก่อน 30 บาท เดี๋ยวนี้ 35-40 บาทกันทั่วบ้านทั่วเมือง

 

เอาง่ายๆ นะครับท่านอธิบดีวัชรี ลองไปเดินตลาดนัดในกระทรวงพาณิชย์ที่มีทุกวันศุกร์ดูซีครับ แล้วถามแม่ค้าว่า ขายแพงขึ้นหรือเปล่า ถ้าแม่ค้าบอกว่าขายเท่าเดิม ปริมาณที่ตักก็เท่าเดิม ผมยอมให้ท่านอธิบดีด่าเลย เอาซี แต่ถ้าผมเดินไปถามแม่ค้า แล้วเขาตอบว่า ขึ้นจากเดิม 3 บาท ทั่นจะให้อะไรผม

 

แต่ผมไม่บอกนะว่าร้านไหน ขายอะไร ให้ท่านอธิบดีออกจากห้องแอร์แล้วเดินสำรวจตลาดมากๆ จะดีกว่า จะได้รู้แจ้งเห็นจริงว่าที่ชาวบ้านบ่นๆๆๆ และก็บ่นว่าของแพงน่ะ แพงจริงมั้ย

 

ผมว่านะ ไล่มาตั้งแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ต้องร่วมกันรับผิดชอบ และหามาตรการลดราคาสินค้าลงโดยเร็ว ก่อนที่ชาวบ้านจะทนไม่ไหว ยิ่งอากาศร้อนๆ อยู่ด้วย เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

*มุมมองราคาทอง

นายสุพัฒน์ จุลาภิพัฒน์ นักลงทุนทองรายหนึ่งกล่าวว่า นอกจากราคาทองจะผันแปรตามปัจจัยในต่างประเทศแล้ว ค่าเงินบาทก็มีผลต่อราคาทองด้วย หากว่าบาทอ่อน ก็จะทำให้ราคาทองแพง เพราะเราต้องซื้อทองจากต่างประเทศ ถ้าบาทอ่อนลง 0.50 บาท ก็จะมีผลให้ราคาทองในประเทศดูแพงขึ้น 100-200 บาทต่อทอง 1 บาท แต่ก็ต้องดูภาพรวมด้วย เพราะบางวันบาทอ่อน แต่ราคาทองลง นั่นอาจเป็นเพราะราคาในต่างประเทศลงมาก

 

เขากล่าวว่า หากจะลงทุนในทอง ช่วงนี้ก็สะสมได้ แนวโน้มราคาทองน่าจะขึ้นถึง 1,800 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ก็ต้องดูเงินยุโรปด้วย ในช่วงที่ผ่านมาราคาทองเคลื่อนตัวในช่วง 40-50 ดอลลาร์หลายสัปดาห์ โดยแนวโน้มยังผันผวนขึ้นลง อย่างไรก็ตาม การลงทุนย่อมมีคำว่า ความไม่แน่นอนและความเสี่ยงที่แฝงอยู่ เช่น ขณะที่ทองดูขยับขึ้นลงไม่มากนักมาหลายวัน โดยโอกาสขาขึ้นที่ปรากฎขึ้นเด่นชัดในช่วงต้นปีนี้เริ่มแผ่วๆลงกลายมาเป็นขยับลงเรื่อยๆ สลับกับขึ้นบ้าง โดยยังไม่แน่นอน

 

ปัจจัยจากสหรัฐ เช่น ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร หรือยอดผู้ขอรับสวัสดิการในช่วงที่ผ่านมา มีผลกดดันทองเช่นกัน เมื่อตัวเลขจ้างงานดีขึ้นและผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลง ขณะที่ตัวเลขว่างงานแตะระดับต่ำสุดรอบเกือบ 3 ปี ที่ 8.3% ในเดือนม.ค. จาก 8.5% ของเดือนธ.ค.  นั่นต่างก็แสดงถึงเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น และทำให้โอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไปมีน้อยลงเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น

 

แม้กระนั้นก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่า อัตราว่างงานที่ 8.3% ยังถือว่าเป็นระดับสูง จึงมีมุมมองบวกต่อทองในระยะยาว โดยแนะนำให้เก็งกำไรระยะสั้นจากความผันผวน พร้อมทั้งตั้งจุดขาดทุนความเสี่ยงที่รับได้เพื่อลดความเสียหายของพอร์ตลงทุน

 

*ปี 2555 ผันผวนสูง-เหวี่ยงตัวสูง

แนวโน้มของทองคาดว่ายังคงอยู่ในช่วงขาขึ้นในระยะยาว แม้ว่าจะมีความผันผวนในระยะสั้นก็ตาม โดยปัจจัยบวกมาจากเงินเฟ้อโลก, อัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ, ความต้องการลงทุนในทอง, ความต้องการใช้ทองจากภาคอุตสาหกรรม และความต้องการทองของอินเดียและจีน ขณะที่การที่สหรัฐประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำไปจนถึงปี 2557 และพร้อมที่จะใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เมื่อจำเป็น ก็เป็นอีกปัจจัยที่หนุนทอง

 

ส่วนปัจจัยลบได้แก่ การแข็งค่าของดอลลาร์ และกรณีที่เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะเงินฝืด แต่ปัจจุบันสหรัฐกลัวเงินฝืดมาก จึงพยายามอัดฉีดเงินเข้ามาในระบบ ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อทอง

 

นักวิเคราะห์มองว่า ในปีนี้ทองสามารถเคลื่อนตัวสูงสุดที่ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ต่ำสุดที่ 1,480 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ถ้าสหรัฐประกาศมาตรการ QE3 ออกมา ทองก็อาจจะพุ่งสูงกว่าระดับดังกล่าวได้ ดังนั้น สำหรับการลงทุนระยะยาว นักลงทุนอาจจะทยอยซื้อสะสมในช่วงราคากรอบล่าง แล้วค่อยขายเมื่อราคาเข้าใกล้เป้าหมาย หากจะลงทุนระยะสั้น ก็สามารถทำกำไรจากความผันผวนได้

 

ช่วงที่สามารถซื้อสะสมได้น่าจะเป็นไตรมาส 2 ซึ่งเป็นช่วง low season หรือช่วงที่ราคาซบเซา ส่วนในช่วงปลายปีนั้น จะเป็นช่วง high season ซึ่งปกติราคาจะปรับตัวคึกคัก ก็จะเป็นจังหวะที่เทขายได้ นอกจากนี้ ในช่วงปลายปีสหรัฐจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ก็อาจจะมีการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา ซึ่งจะเป็นแรงหนุนทอง

 

ทองคำถือเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจอีกทางหนึ่ง ในปี 2555 นี้ จะเห็นว่ามีความผันผวนค่อนข้างมาก ดังนั้น โอกาสในการทำกำไรได้ก็มีมาก เช่นเดียวกับโอกาสที่จะขาดทุนหากเข้าลงทุนผิดจังหวะ ท้ายที่สุดนี้ In Focus หวังว่า ทุกๆท่านที่จะเข้าลงทุนในทอง จะโชคดีมีชัย โกยกำไรสุดๆกันถ้วนหน้านะคะ

 

--อินโฟเควสท์ โดย สุนีย์พร เหลือทรัพย์/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 5 มีนาคม 2555 22:16:12 น.

สถาบันการเงินระหว่างประเทศ (IIF) ซึ่งเป็นตัวแทนการเจรจาของกลุ่มสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ของกรีซ เปิดเผยว่า สถาบันการเงินรายใหญ่ 12 แห่ง ได้ลงนามในคำมั่นสัญญาว่าจะมีส่วนร่วมในแผนการบรรเทาภาระหนี้สินของกรีซ

 

สำหรับสถาบันการเงิน 12 รายนั้น รวมถึงบริษัทประกัน อลิอันซ์ ของเยอรมนี ธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์ ของฝรั่งเศส ธนาคารคอมเมิร์ซ แบงก์ ของเยอรมนี ธนาคารยูโรแบงก์ อีเอฟจี ของกรีซ ธนาคารดอยช์ แบงก์ ของเยอรมนี และเนชันแนล แบงก์ ออฟ กรีซ

 

 

 

ทั้งนี้ กรีซกำลังพยายามโน้มน้าวธนาคารพาณิชย์และกองทุนเพื่อการลงทุนรายอื่นๆให้เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการปรับโครงสร้างหนี้ ผ่านการสว็อปพันธบัตร หรือการปรับลดมูลค่าหน้าพันธบัตรของรัฐบาลกรีซลง 53.5% ซึ่งเป็นโครงการที่จะช่วยให้กรีซสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้

 

อย่างไรก็ตาม สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) มองว่าการปรับลดมูลค่าหน้าตั๋วของพันธบัตรรัฐบาลกรีซลงมาอยู่ที่ระดับ 53.5% จากเดิมที่เคยประมาณการไว้ที่ 50% นั้น สะท้อนให้เห็นว่าศักยภาพในการชำระหนี้ของกรีซอ่อนแออย่างมาก ด้วยเหตุนี้ เอสแอนด์พีจึงตัดสินในปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของพันธบัตรรัฐบาลกรีซ ลงมาอยู่ที่ระดับ "ผิดนัดชำระหนี้บางส่วน (selective default)" จากระดับ CC เมื่อวันที่ 29 ก.พ.ที่ผ่านมา

 

ในขณะที่เมื่อวันเสาร์ที่ 3 มี.ค. มูดีส์ ก็ได้ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรสกุลเงินในประเทศและต่างประเทศของกรีซ ลงจากระดับ Ca สู่ระดับ C ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในระบบการจัดอันดับของมูดีส์ โดยให้เหตุผลว่า ข้อเสนอแลกเปลี่ยนหนี้ของกรีซอาจส่งผลให้นักลงทุนขาดทุนมากถึง 70% ซึ่งสอดคล้องกับเกณฑ์การจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ C ของมูดีส์

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

ที่ทำงานบอก เจ้ลงตัวจริงไม่อายเหรอ ก็เลยเปลี่ยนยังไงก็ขาประจำเห็นแล้วใช้ได้

 

รุ่นนี้แล้ว สะกดคำว่าอายไม่เป็นและ. (ตัวเอง) อิอิ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...