ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

ผวาน้ำมันพุ่งแตะ250$ กรณีปิดช่องแคบฮอร์มุส (06/03/2555)

กสิกรไทยมองแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีโอกาสทะยานแตะ 250 ดอลลาร์/บาร์เรล หากมีการปิดช้่องแคบฮอร์มุส เงินเฟ้อพุ่งเกิน 8% ศก.โลกบอบช้ำ

 

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด วิเคราะห์แนวโน้มราคาน้ำมันในปี 2555 โดยระบุว่า จากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่เริ่มต้นใช้มาตรการตอบโต้กันในทางการค้าที่อาจทำให้อุปทานน้ำมันของโลกขาดหายไปจากการลดการส่งออกของอิหร่าน ในขณะที่หลายฝ่ายมีความกังวลว่าสถานการณ์อาจลุกลามจนนำไปสู่การเผชิญหน้าของกองกำลังทางทหารในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะบริเวณช่องแคบฮอร์มุส ซึ่งเป็นเส้นทางผ่านของการขนส่งน้ำมันประมาณร้อยละ 20 ของโลก และผลที่จะตามมาคือราคาน้ำมันจะทะยานสูงขึ้นอย่างมาก

 

สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ (ดูไบและเบรนท์) ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปีนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2551 โดยราคาน้ำมันดิบดูไบขึ้นไปทำระดับปิดตลาดสูงสุดของปีเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ 122.01 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.4 เมื่อเปรียบเทียบกับระดับราคาปิด ณ สิ้นปี 2554 ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์มีระดับปิดสูงสุดในปีนี้เมื่อวันที่ 1 มีนาคม ที่ 127.79 ดอลลาร์ฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.8 จากระดับราคาปิด ณ สิ้นปี 2554

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์แนวโน้มราคาน้ำมันในปี 2555 ในสถานการณ์กรณีต่างๆ ดังนี้ 1.สมมติฐานกรณีปกติ : การตอบโต้ระหว่างกันจำกัดอยู่เพียงมาตรการทางการค้า ในระยะสั้น ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีโอกาสที่จะปรับตัวสูงขึ้นกว่าระดับปัจจุบัน ซึ่งคาดการณ์ค่าเฉลี่ยราคาน้ำมันดิบ (ดูไบ) ในปี 2555 อยู่ในช่วง 108-118 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล เพิ่มขึ้นร้อยละ 2-11 จากระดับ 106 ดอลลาร์ฯ ในปี 2554

 

2.สมมติฐานกรณีเลวร้ายที่สุด : มีการใช้มาตรการทางการทหาร ... เกิดวิกฤตการณ์น้ำมัน หากมีการใช้มาตรการทางทหารในภูมิภาคตะวันออกกลาง ราคาน้ำมันดิบอาจทะยานขึ้นกว่าเท่าตัว (100%) หรืออาจขึ้นไปแตะระดับเหนือ 200-250 ดอลลาร์ฯ ซึ่งหากสถานการณ์ยุติได้ในเวลาอันสั้น ผลกระทบน่าจะยังอยู่ในขอบเขตจำกัด แต่หากสถานการณ์ยิ่งยืดเยื้อนานออกไป ก็จะยิ่งสร้างความบอบช้ำรุนแรงต่อเศรษฐกิจของทุกประเทศทั่วโลก

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าสถานการณ์กรณีนี้มีความเป็นไปได้น้อยมาก เนื่องจากเป็นหนทางที่มีแต่จะสร้างความสูญเสียแก่ทุกฝ่าย แต่หากเหตุการณ์พัฒนาไปสู่ทิศทางนั้น ในกรณีเลวร้ายที่สุดที่สถานการณ์ยืดเยื้อไปจนถึงปลายปี อาจส่งผลให้ค่าเฉลี่ยราคาน้ำมันดิบ (ดูไบ) ในปี 2555 ขึ้นไปแตะระดับสูงถึง 195 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล หรือพุ่งสูงขึ้นร้อยละ 84 จากปีก่อนหน้า ซึ่งผลที่จะตามมา คือ เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะซบเซาแต่เงินเฟ้อสูง

 

ในกรณีวิกฤตการณ์น้ำมันดังกล่าว พบว่า ในกรณีที่ราคาน้ำมันดิบ (ดูไบ) มีค่าเฉลี่ยสูงขึ้นไปถึง 195 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรลนั้น คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยในปี 2555 อาจมีค่าเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 8.0 โดยมาตรการช่วยเหลือด้านราคาพลังงานของทางการไทยอาจบรรเทาผลกระทบได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น ซึ่งเงินเฟ้อที่สูงนี้จะส่งผลกดดันการใช้จ่ายของภาคเอกชน ขณะที่การส่งออกอาจหดตัวถึงร้อยละ 20 จากความอ่อนแอของเศรษฐกิจทั่วทุกภูมิภาคของโลก อันส่งผลให้ โดยภาพรวมแล้ว เศรษฐกิจไทยในปี 2555 (ในกรณีเกิดวิกฤตการณ์น้ำมัน) อาจถูกฉุดให้หด

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 6 มีนาคม 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หุ้นยุโรปปิดตลาดในแดนลบหลังจากจีนปรับลดเป้าการเติบโตของจีดีพี ทำให้นักลงทุนวิตกว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกซบเซา

 

ตลาดหุ้นยุโรป ปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (5 มี.ค.) ร่วงลง เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากรัฐบาลจีนปรับลดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ และมาร์กิต อิโคโนมิกเปิดเผยว่า ภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซนหดตัวลงในเดือนก.พ.

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 Index ร่วงลง 0.6% ปิดที่ 265.56 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีร่วงลง 54.91 จุด หรือ 0.79% ปิดที่ 6,866.46 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปรับตัวลง 13.63 จุด หรือ 0.39% ปิดที่ 3,487.54 จุด และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนลดลง 36.31 จุด หรือ 0.61% ปิดที่ 5,874.82 จุด

 

ทั้งนี้  ตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยลบ  จากความวิตกกังวลที่ว่า  เศรษฐกิจทั่วโลกอาจชะลอตัวลงในระยะใกล้นี้ หลังจากรัฐบาลจีนประกาศปรับลดเป้าหมายการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปี 2555 ลงมาอยู่ที่ระดับ 7.5% จากเป้าหมายเดิมที่วางไว้ที่ 8% นับเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลจีนได้ปรับลดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในประเทศ หลังจากที่ได้คงเป้าหมายเอาไว้ที่ 8% มาเป็นเวลา 7 ปีติดต่อกัน

 

ขณะที่มาร์กิต อิโคโนมิก เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) ภาคการผลิตและบริการของประเทศในยูโรโซน ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 49.3 จุดในเดือน ก.พ. จากระดับ 50.4 จุดในเดือนม.ค. ซึ่งดัชนีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่า ภาคการผลิตและภาคบริการหดตัวลง

 

การปรับลดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน  ฉุดหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง โดยหุ้นริโอตินโต ดิ่งลง 3.9% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 2.9% และหุ้นเวแดนตา รีซอสเซส ร่วงลง 3.9%

 

อย่างไรก็ตาม หุ้นบีพีดีดตัวขึ้น 1.6% ซึ่งช่วยจำกัดการร่วงลงของดัชนี Stoxx 600 หลังจากบีพี ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของยุโรป บรรลุข้อตกลงกับโจทก์ ที่ยื่นฟ้องบีพี  ในคดีน้ำมันรั่วไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโกในปี 2552

 

นอกจากนี้  นักลงทุน กำลังจับตาดูการทำข้อตกลงปรับโครงสร้างหนี้ ผ่านการปรับลดมูลค่าพันธบัตรของกรีซ ซึ่งจะถึงกำหนดในวันที่ 8 มี.ค.นี้ โดยมีรายงานคืบหน้าล่าสุดว่า สถาบันการเงินรายใหญ่ 12 แห่ง รวมถึงธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์ ของฝรั่งเศส และธนาคารดอยช์ แบงก์ ของเยอรมนี ได้ลงนามในคำมั่นสัญญาว่าจะมีส่วนร่วมในแผนการบรรเทาภาระหนี้สินของกรีซ

 

นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในวันพฤหัสบดีนี้ หลังจากอีซีบี ประกาศมาตรการรีไฟแนนซ์ระยะยาว (แอลทีอาร์โอ) ด้วยการอัดฉีดเงินกู้วงเงิน 529,530.81 ล้านยูโร (7.133 แสนล้านดอลลาร์) ให้กับภาคธนาคารของยูโรโซน  เมื่อวันที่ 29 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีธนาคารที่ขอกู้เงินดังกล่าวมีทั้งสิ้น 800 แห่งด้วยกัน

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันทื่ 6 มีนาคม 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

          ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนตัวทั้งในแดนบวกและลบวันนี้ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปที่สวนทางกันนั้นบดบังแนวโน้มรายได้ของบริษัทส่งออกในเอเชีย

 

          ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 9,704.61 จุด เพิ่มขึ้น 6.02 จุด ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,173.74 จุด ลดลง 91.57 จุด ขณะที่ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นโซลเปิดวันนี้ที่ 2,019.28 จุด เพิ่มขึ้น 3.22 จุด ส่วนดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,006.85 จุด เพิ่มขึ้น 2.11 จุด ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,589.10 จุด ลดลง 0.12 จุด ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,254.40 จุด ลดลง 8.57 จุด และดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,993.29 จุด เพิ่มขึ้น 1.49 จุด

 

          ดัชนี MSCI Asia Pacific Index ขยับมาอยู่ที่ 126.88 จุด เมื่อเวลา 9.56 น.ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงโตเกียว

          หุ้นซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ บวก 1.5% ส่วนหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ลบ 2.3% หลังจากที่ราคาโลหะอ่อนตัวลง หลังจากที่นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ของจีน ได้ปรับลดเป้าหมายการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศลง หุ้นบริดจ์สโตน คอร์ป พุ่ง 1.5% หลังจากที่บริษัทเปิดเผยว่า จะสร้างโรงงานในประเทศไทย

          กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อของโรงงานภายในประเทศหดตัวลง 1% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นสถิติที่หดตัวลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2552 และสะท้อนถึงภาวะชะลอตัวของภาคการผลิตสหรัฐ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปัจจัยจับตาการลงทุนวันนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลง-ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้น

 

        **ต่างประเทศ 

 

        *ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับตัวลงในวันจันทร์เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน โดยหุ้นกลุ่มวัสดุ

         นำตลาดปรับตัวลง หลังจีนปรับลดเป้าการหมายขยายตัวทางเศรษฐกิจสำหรับปีนี้

         โดยดัชนีดาวโจนส์ ปรับลดลง 0.11%

        *วานนี้ ตลาดหุ้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปรับตัวไร้ทิศทาง โดยตลาดหุ้นอินโดนีเซีย

         และไทยร่วงลง ขณะที่ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปรับขึ้นเล็กน้อยท่ามกลางปริมาณซื้อขาย

         ที่เบาบาง โดยความกังวลเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจในจีน กระตุ้นให้นักลงทุน

         หลายราย เทขายทำกำไรหุ้นที่เคยพุ่งขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้ 

        *ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนเม.ย. ปิดเมื่อวานนี้ ขยับขึ้น

         2 เซนต์ หรือ 0.02% มาปิดที่ 106.72 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยราคาน้ำมันได้แรงหนุน

         จากปัจจัยเสี่ยงด้านอุปทานและความตึงเครียดเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน 

         แต่ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

        *ดัชนีค่าระวางเรือ(Baltic Dry Index) ปิดเมื่อวานนี้ บวก 11 จุด หรือ 1.43%

         มาที่ 782 โดยระดับสูงสุดของปีนี้อยู่ที่ 1624 และระดับต่ำสุดของปีนี้อยู่ที่ 647

        *กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานลดลง 1.0%  ในเดือนม.ค. 

         น้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์ คาดไว้ว่าจะลดลง 1.5% 

         แต่ก็ยังคงเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2010

        *นักวิเคราะห์กล่าวว่า ยูโรโซนอาจจะรอดพ้นจากวิกฤติขั้นร้ายแรงมาได้แล้ว แต่

         ยูโรโซนอาจจะอยู่ในภาวะอ่อนแอเป็นเวลายาวนาน แทนที่จะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

        *นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่าของจีนกล่าวเมื่อวานนี้ว่า จีนตั้งเป้าที่จะทำให้

         เศรษฐกิจจีนเติบโต 7.5% ในปีนี้ โดยใช้วิธีดำเนินนโยบายการเงิน แบบรอบคอบ

         และนโยบายการคลังเชิงรุกเพื่อต่อสู้กับแรงกดดันในทางลบที่มีต่ออัตราการเติบโต

         ทางเศรษฐกิจ และต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

GROSS DOMESTIC PRODUCT S.A. (QOQ)

Actual:  10:00 GMTCons.: -0.3%Previous:  -0.3%

 

 

GROSS DOMESTIC PRODUCT S.A. (YOY)

Actual:  10:00 GMTCons.: -0.7%Previous:  0.7%

 

The Gross Domestic Product released by the Eurostat is a measure of the total value of all goods and services produced by the Eurozone. The GDP is considered as a broad measure of the Eurozone economic activity and health. Usually, a rising trend has a positive effect on the EUR, while a falling trend is seen as negative (or bearish).

 

ปล. การเคลื่อนไหวของราคาทอง อาจจะมาพร้อมกับรายงานเศรษฐกิจ ของ ยูโรโซน จากรายละเอียดข้างบนนี้ 5 โมงเย็น ครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- อังคารที่ 6 มีนาคม 2555 00:00:52 น.

อโณทัย ชุมไชยโย

 

 

 

 

 

ผมว่านะ ไล่มาตั้งแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ต้องร่วมกันรับผิดชอบ และหามาตรการลดราคาสินค้าลงโดยเร็ว ก่อนที่ชาวบ้านจะทนไม่ไหว ยิ่งอากาศร้อนๆ อยู่ด้วย เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน.

ไม่ต้องถึงกับให้ออกมาจากห้องแอร์หรอก ทรมานหล่อนเปล่าๆ แค่ไม่ โกหก ก็พอแล้ว พูดเป็นมั๊ย ไม่โกหกน่ะ อากาศยิ่งร้อนๆๆๆๆ อยู่นะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดี จ้าาาา ทุกท่าน มะวาน ซื้อ 695 ขาย 710 พอดีเป๊ะ อิอิ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ค่าเฉลี่ย ของวัน จันทร์ จะวิ่ง อยู่ที่ 15-20 เหรียญ เช่นเดียวกะวันอัง คารนะครับตัวเลขก็ไม่มีประกาศ ฉะนั้นถ้าไม่มีเซอไพ ตลาด ก็วิ่งในกรอบ ไฮ-โล 20 เหรียญ ครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พี่ใหญ่ ช่วงนี้เล่นข่าวตาม น้ำมัน พี่ใหญ่เห็นว่า ไง ครับ เพราะ ผมคิดว่าเด๋วน้ำมันจะไป ที่ 110 ดอลล่า ต่อบาเลว แหงๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พี่ใหญ่ ช่วงนี้เล่นข่าวตาม น้ำมัน พี่ใหญ่เห็นว่า ไง ครับ เพราะ ผมคิดว่าเด๋วน้ำมันจะไป ที่ 110 ดอลล่า ต่อบาเลว แหงๆ

สวัสดีครับ คุณ arthas.

สถานการณ์น่าจะเป็นแบบนั้น แต่อย่างไรก็ตาม ต้องพ่วง ข่าวลือของ Swap Dept ของกรีซ เพราะยิ่งใกล้เสร็จสิ้น ข่าวลือเพื่อล่อหลอกอาจจะเยอะตามมาด้วย เพื่อให้เกิดความหวาดวิตก

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์ทองคำ บริษัท โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GBX กล่าวถึงแนวโน้ม ราคาทองคำว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ถึงแม้ว่ากรีซจะถูก S&P ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงจาก ระดับ CCC สู่ระดับ CC แต่นักลงทุนคาดหวังกับการปล่อยกู้เงินดอกเบี้ยต่ำจากธนาคารกลางยุโรป ( ECB) ที่จะออกมาในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2555 ทำให้ยังคงมีแรงซื้อเข้ามาในทองคำ

 

โดยคืนวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2555 หลังจากที่ ECB ประกาศปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 5.3 แสนล้านยูโรออกมาทำให้ตลาดมีแรงขาย ทำกำไรออกมา จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงนายเบน เบอร์นันเก้ ได้ออกมา กล่าวถึงสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐโดยไม่ได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ใน การดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 (QE3) ทำให้นักลงทุน ทยอยขายทองคำออกมา

 

ทั้งนี้ ราคาทองคำในตลาดโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาปิดที่ 1,722.11 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ (ณ วันที่ 2 มีนาคม เวลา 12.00 น.) โดยปรับตัวลดลงประมาณ 50.69 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ หรือคิดเป็น 2.86% ขณะที่จุดสูงสุดของราคาทำไว้ที่ 1,790.10 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ และจุดต่ำสุดไว้ที่ 1,688.60 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์

 

แนวโน้มของราคาในสัปดาห์นี้แนะนำให้ติดตามปัจจัยสำคัญตลอดทั้งสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นการประกาศอัตราดอกเบี้ยของออสเตรเลีย, การประชุม ECB, การประกาศดอกเบี้ยจาก EU และอังกฤษ, ดัชนีเงินเฟ้อจีน และการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ

 

สัปดาห์นี้มองกรอบราคาทองคำที่ 1,690-/1,750 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ หรือ 24,430-25,300 บาท/บาททองคำ (อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนที่ 30.53 บาท/ดอลลาร์) แนะนำให้นักลงทุนซื้อ หากราคาย่อลงมาฝนกรอบ 1,700-1,710 ดอลลาร์/ ทรอยออนซ์ หรือ 24,570-24,720 บาท/ บาททองคำ และให้ทยอยขายหากไม่ผ่านแนวต้าน ที่ 1,740-1,750 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ หรือ 25,150-25,300 บาท/บาททองคำ โดยให้ตัด ขาดทุนถ้าราคาปรับตัวลงต่ำกว่า 1,690 ดอลลาร์/ ทรอยออนซ์ หรือ 24,430 บาท/บาททองคำ

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า (วันทื่ 6 มีนาคม 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำ by Hua Seng Heng Gold Futures (06/03/2555)

กรุงเทพฯ--6 มี.ค.--ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส

 

- ดอลลาร์เริ่มอ่อนค่าหลังมีแรงขายทำกำไร

 

- ทองแกว่งตัวแคบแต่ยังมีแนวโน้มปรับฐาน

 

- ตลาดอนุพันธ์ไทยปิดพรุ่งนี้ แต่ทองแท่งซื้อขายได้ตามปกติ

 

ราคาทองคำและราคาโลหะเงินปรับฐานลงในการซื้อขายช่วงบ่ายวานนี้ โดยมีแรงขายกลับออกมามากหลังจากจีนประกาศลดระดับการคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้ลงสู่ 7.5% ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะของประเทศในกลุ่มยุโรปที่กลับมากดดันการลงทุน จึงทำให้มีแรงขายทองคำและโลหะเงินออกมามาก โดยราคาโลหะเงินที่อ่อนไหวต่อขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ปรับตัวลงแรงกว่าราคาทองคำโดยเปรียบเทียบ ก่อนที่จะดีดตัวกลับลดช่วงการติดลบลงได้หลังจากราคาปรับตัวลงต่ำสุดระหว่างวันที่แนวรับบริเวณ 33.50 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของราคาโลหะเงินและราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มที่จะปรับฐานลงต่อ เนื่องจากเงินดอลลาร์ที่คาดว่าจะแข็งค่าขึ้นแม้วานนี้จะอ่อนค่าลงซึ่งคาดว่าจะเป็นแรงขายทำกำไรระยะยะสั้นที่เกิดขึ้นหลังจากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมามากในการซื้อขายสัปดาห์ก่อน โดยรายงานตัวเลขในตลาดแรงงานของสหรัฐในคืนวันพรุ่งนี้และวันศุกร์ตลาดประเมินว่าจะออกมาดีขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อน อาจเป็นประเด็นบวกที่ทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและกดดันราคาทองคำรวมทั้งโลหะเงินให้ปรับฐานลงต่อไป ส่วนการประชุมของธนาคารกลางยุโรปในวันพฤหัสตลาดประเมินว่าจะยังไม่มีการปรับระดับดอกเบี้ยนโยบาย แต่เงินยูโรก็ยังมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลง ทั้งจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินผ่านการเพิ่มปริมาณเงินเข้าสู่ระบบ ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปที่ดูจะยังแย่กว่าสหรัฐ เงินดอลลาร์จึงมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นต่อและส่งผลให้ราคาทอง คำและโลหะเงินในช่วงนี้คงยังฟื้นตัวขึ้นได้ในกรอบจำกัด โดยมีแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่บริเวณ 1,710-1,715 และ 1,725-1,730 ดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าราคาทองคำคงยังจะไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 1,725-1,730 ดอลลาร์ ขึ้นไปได้ แต่หากราคากลับปรับฐานลงหลุดแนวรับบริเวณ 1,685-1,690 ดอลลาร์ คาดว่าจะมีแรงขายกลับออกมามาก จนราคาปรับฐานลงสู่แนวรับบริเวณ 1,650 ดอลลาร์ ต่อไป ส่วนราคาโลหะเงินซึ่งวานนี้ปรับฐานลงแรง แต่ก็มีแรงซื้อกลับเข้ามาจากแนวรับบริเวณ 33.5 ดอลลาร์ แต่โดยเปรียบเทียบแล้วราคาโลหะเงินปรับฐานลงแรงกว่าราคาทองคำ การฟื้นตัวในระยะสั้นจึงน่าจะยังเกิดขึ้นต่อไป โดยมีแนวต้านอยู่ที่บริเวณ 33.20 และ 33.50 ดอลลาร์ ตามลำดับ โดยในวันพรุ่งนี้ตลาดอนุพันธ์ของไทยจะปิดทำการเนื่องในวันมาฆบูชา ส่วนการซื้อขายทองคำแท่งยังสามารถซื้อขายได้ตามปกติ

 

โกลด์ฟิวเจอร์สเดือนเม.ย.55

 

Close   chg.  Support        Resistance

 

24,880  -160  25,000/24,900  25,000/25,100

 

ราคาทองเริ่มดีดตัวกลับหลังจากปรับฐานลงไปเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1,700 ดอลลาร์ในการซื้อขายช่วงบ่ายวานนี้ ในระยะสั้นคาดว่าราคาทองมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวขึ้นต่อ โดยมีแนวต้านอยู่ที่บริเวณ 1,715 และ 1,730 ดอลลาร์ จึงสามารถเลือกเก็งกำไรฝั่งซื้อได้ในช่วงสั้นๆ แต่หากราคากลับปรับฐานลงไปต่ำกว่าแนวรับบริเวณ 1,685-1,690 ดอลลาร์ ควรปิดสถานะซื้อออกไปก่อน หรืออาจเลือกเก็งกำไรฝั่งขายจากการปรับฐานที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อไป

 

ซิลเวอร์ฟิวเจอร์สเดือนเม.ย.55

 

Close  chg.  Support    Resistance

 

1,049  -32   1040/1030  1,060/1,070

 

หลังจากตลาดอนุพันธ์ของไทยปิดทำการในภาคค่ำ ราคาโลหะเงินปรับตัวลงไปยังแนวรับซึ่งเป็นจุดปิดสถานะซื้อตัดขาดทุนที่บริเวณ 33.50 ดอลลาร์ ในระยะสั้นจึงยังมีแนวโน้มที่ราคาจะดีดตัวขึ้นต่อ โดยมีแนวต้านอยู่ที่บริเวณ 34.30 และ 34.50 ดอลลาร์ ตามลำดับ หากราคาดีดตัวขึ้นเข้าใกล้แนวต้านดังกล่าว ควรทยอยปิดสถานะเพื่อลดความเสี่ยง

 

ที่มา : ThaiPR.net (วันทื่ 6 มีนาคม 2555)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองคำทรงตัวในวันนี้ หลังจากปรับตัวลดลง 1% เมื่อวานนี้ เนื่องจากจีนลดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยมีการคาดการณ์ว่าราคาทองคำที่ปรับตัวลดลงนี้ได้ดึงดูดในนักลงทุนเข้าซื้อมากขึ้นในตลาดเอเชีย

 

ปัจจัยพื้นฐาน

  • ราคาทองคำแท่งปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1,705.85 เหรียญ/ออนซ์ ณ เวลา 07:08น. ลงมาทำจุดต่ำสุดในรอบ 1 เดือนที่ระดับ 1,687.99 เหรียญเมื่อช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์
  • ราคาทองคำสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.18% ที่ระดับ 1,707 เหรียญ/ออนซ์
  • การที่จีนปรับลดเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจเมื่อวานนี้ส่งผลต่อตลาด แต่จีนก็ยังแสดงถึงความสมดุลในเศรษฐกิจโลก
  • ภาคบริการของสหรัฐฯ ประจำเดือนกุมภาพันธ์เติบโตอย่างมาก ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบปี เมื่อเปรียบกับทางฝั่งยุโรป ในขณะที่จีนลดการคาดการณ์เติบโตประจำปีต่ำสุดในรอบ 8 ปี

ที่มา: Reuters – PRECIOUS-Gold steadies, China growth worry weighs, 6 Mar 2012 7:22am By Rujun Shen

 

credit น้องพลอยรุ้ง ที่น่ารัก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

By Virginia Harrison, MarketWatch

SYDNEY (MarketWatch) — Crude-oil futures slipped Tuesday, tracking falls across equity markets amid concerns about slowing global growth.

 

Crude oil for April delivery CLJ2 -0.11%  lost 5 cents, or 0.1%, to $106.67 a barrel in electronic action on the New York Mercantile Exchange during East Asian trading hours.

 

ราคาน้ำมันดิบลดลง ในช่วงตลาดเอเชีย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

By Sarah Turner

SYDNEY (MarketWatch) -- Australia's central bank kept its key cash rate on hold at 4.25% Tuesday, as widely expected. "Recent information is consistent with the expectation that the world economy will grow at a below-trend pace this year, but does not suggest that a deep downturn is occurring," said Reserve Bank of Australia Gov. Glenn Stevens. "With growth expected to be close to trend and inflation close to target, the board judged that the setting of monetary policy remained appropriate for the moment," Stevens added.

ธนาคารกลางออสเตรเลียออกประกาศ " คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่เดิม 4.25% ตามคาดการณ์ โดยมีปัจจัยจากการเดาสถานการณ์โลกขยายตัวต่ำกว่าเป้าหมาย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...