ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลก เตือนจีนเสี่ยงหนี้เสียภาคธนาคารพุ่งสูงขึ้น จากปัญหาสภาพคล่องตึงตัว

 

 

 

รายงานของมูดี้ส์ ระบุว่า ธนาคารกลางจีน ได้ทำให้ตลาดเงินท้องถิ่นประสบภาวะขาดแคลนเงินทุน ในช่วงที่เกิดภาวะตึงตัวตามปัจจัยด้านฤดูกาล และการทำเช่นนี้ก็ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่างธนาคาร และดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สถานการณ์ที่มูดี้ส์มองว่า ธนาคารกลางตั้งใจที่จะไม่ยื่นมือเข้ามาเพื่อช่วยผ่อนคลายสถานการณ์ เพราะต้องการควบคุมการเติบโตของสินเชื่อในจีน

 

อย่างไรก็ดี มูดี้ส์ ชี้ว่า วิธีการดังกล่าว เป็นวิธีการที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงตามมา และอาจส่งผลลบต่อความน่าเชื่อถือได้ โดยเฉพาะต่อธนาคารขนาดกลาง และขนาดย่อมที่จำเป็นต้องพึ่งพาตลาดอินเตอร์แบงก์มากกว่าธนาคารขนาดใหญ่

 

บริษัทจัดอันดับรายนี้ มองว่า ธนาคารขนาดกลางและขนาดย่อมมีแนวโน้มที่จะตั้งเป้าหมายในการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่สภาพคล่องของตนเอง โดยใช้วิธีแข่งขันกันอย่างรุนแรงยิ่งขึ้นในการดึงดูดเงินฝาก เพื่อจะได้ลดการพึ่งพาตลาดอินเตอร์แบงก์ การกระทำที่จะสร้างความเสียหายต่อต่อส่วนต่างดอกเบี้ยรับสุทธิ

 

นอกจากนี้ ธนาคารกลุ่มนี้ยังมีแนวโน้มที่จะชะลอการปล่อยสินเชื่อลงด้วย และถึงแม้ว่าสิ่งนี้ เป็นสิ่งที่ตรงกับเป้าหมายที่ธนาคารกลางจีนได้ตั้งไว้ แต่ก็มีแนวโน้มว่าจะทำให้ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ในขณะที่ลูกหนี้ที่มีสถานะอ่อนแอพบว่าการกู้เงินใหม่เพื่อนำมาชำระหนี้เก่า (รีไฟแนนซ์) เป็นสิ่งที่ทำได้ยากมากยิ่งขึ้น

 

มูดี้ส์ระบุว่า ปัจจัยเสี่ยงอีกประการหนึ่งก็คือ มาตรการของธนาคารกลางจีนจะส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์มีความกังวลมากยิ่งขึ้นต่อความน่าเชื่อถือของธนาคารด้วยกันเอง โดยถึงแม้ภาวะสภาพคล่องหดตัวในครั้งนี้มีสาเหตุมาจากนโยบายของธนาคารกลางจีนก็ตาม ซึ่งอาจสร้างความเสียหายในระยะยาวได้

 

ทีมา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 24 มิถุนายน 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีค่ะ หน้ากากเสือ ตามอ่านทุกวัน เห็นรูปหน้ากากเสือแล้วคิดถึงหนังการ์ตุนเรื่องนี้ขึ้นมาเลยค่ะ สนุกมาก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตามกราฟทั้ง 3 ของป๋า ขอเดาตามว่า ระยะกลางถึงยาวยังมองว่าลงต่อ แต่ระยะสั้น(รายวัน) อาจมีเด้งขึ้นบ้างใช่มั๊ยครับ ?

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เด็กขายของ อยากให้เพื่อนๆ ได้มองย้อนไปในอดีตของทองคำ จะพบว่าสิ่งที่ผ่านมาแล้วเต็มไปด้วยความคลั่งไคล้

ที่นำไปสู่ฟองสบู่ระดับโลก เรามาลองดูสิว่า ถ้าเกี่ยวกับ ฟองสบู่ทองคำ มีกี่ครั้งมาแล้ว

 

ปี 1848 คลั่งทอง 1

หลังจากที่มีการพบทองในตอนเหนือของรัฐแคลิฟฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้คนหลั่งไหลเข้าไปแสวงโชค เข้าไปแสวงหาความมั่งมี

ผลักดันให้ประชากรรัฐแคลิฟฟอร์เนียพุ่งจาก 15,000 คน เป็นมากกว่า 300,000 คน ในปี 1854

 

ปี 1974-1980 คลั่งทอง 2

หลังยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ( Great Depression ) เงินเฟ้อพุ่งสูง ชาวอเมริกันได้รับอนุญาตให้ลงทุนในทองเป็นรายบุคคลได้เป็นครั้งแรก ราคาทองพุ่งจาก 100 เหรียญต่อออนซ์ในปี 1974 ไปเป็น 850 เหรียญในปี 1980 และร่วงไม่เป็นท่าในเวลาต่อมา

 

ปี 2008-ปัจจุบัน คลั่งทอง 3

นักลงทุนหันมาลงทุนในทองคำ เมื่อพวกเขาเห็นว่าเศรษฐกิจโลกมีปัญหา และตราบใดที่วิกฤติเศรษฐกิจยังไม่ยุติ ราคาทองก็ยังคงไต่ระดับสูงขึ้น และราคาทองคำล่าสุด สูงกว่า 1,425 เหรียญต่อออนซ์

 

เพื่อนๆ อ่านแล้ว คงไม่มีความคิดเห็นเหมือนกับเด็กขายของ เกี่ยวกับ ทอง เพราะคิดหวังกับการลงทุนทองคำเพื่อผลตอบแทนที่สูง

เป็นสิ่งที่น่ากลัว มุ่งใช้อารมณ์เป็นหลัก ปราศจากเหตุผลที่เพียงพอ และอะไรที่พุ่งขึ้นโดยปราศจากพื้นฐานรองรับมักร่วงหล่นลงมาที่เดิมเสมอ

ระวังอย่าเป็นเหยื่อของการเก็งกำไรก็แล้วกัน เพราะเวลาฟองสบู่แตก รัฐบาลไหนก็เข้ามาช่วยอุ้มท่านไม่ได้ครับ

 

แต่ถ้าเป็นการลงทุนระยะยาวจริงๆ เก็บเพื่อเป็นสินทรัพย์ เก็บไว้ให้ลูกหลาน เผื่อเจอวิกฤตสงครามโลกครั้งที่ 3 ค่าเงินสกุลต่างๆ ไม่มีค่า

ทุกอย่างด้อยค่าหมด แต่ทองถึงแม้จะด้อยค่าลงมาบ้าง แต่ก็คิดว่ายังสามารถนำทอง มาแลกอาหาร ประทังชีวิตในยามสงครามโลก ได้

 

 

คืือไปอ่านบทความเก่าของป๋าแล้วเลยอยากขอความรู้เรื่อง ตอนนี้มันจะเป็นอย่างไรครับ คลั่งทอง3 มันจะจบยังครับตอนนี้

เพราะทองลงมามากเหลือเกิน แล้วอนาคต ทองจะเป็นอย่างไรครับ

ถูกแก้ไข โดย บอนไซ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตามกราฟทั้ง 3 ของป๋า ขอเดาตามว่า ระยะกลางถึงยาวยังมองว่าลงต่อ แต่ระยะสั้น(รายวัน) อาจมีเด้งขึ้นบ้างใช่มั๊ยครับ ?

ถั่วต้ม เฮ้ย ถูกต้องครับ - รายวันน่าจะมีขึ้น ถ้ารหัส 7,5,2 แดงสามารถขึ้นบนได้ บ่นไปถึงอนาคต ถ้า 12,26,9 และ 5,35,9 ยังถ่างอยู่อีก แต่เส้นแดงเริ่มตัดลงอีกครั้ง ดอยทองที่เข้าช่วง 20,000 บาท ก็ต้องปล่อยทิ้ง ถือว่าขึ้นมา เพื่อให้ขายขาดทุนน้อยลง แล้วค่อยมาเริ่มต้นอีกครั้ง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

คืือไปอ่านบทความเก่าของป๋าแล้วเลยอยากขอความรู้เรื่อง ตอนนี้มันจะเป็นอย่างไรครับ คลั่งทอง3 มันจะจบยังครับตอนนี้

เพราะทองลงมามากเหลือเกิน แล้วอนาคต ทองจะเป็นอย่างไรครับ

คลั่งทอง 3 น่าจะจบลงแล้วล่ะ ตอนนี้ เชื่อว่า หลายๆบ้าน ที่ฐานะปานกลางถึงดี มีทรัพย์สินที่เป็นทองครบแล้วล่ะ แถมราคาทองยิ่งลดลง ใครมันจะกล้าเข้าไปซื้อเพิ่ม แล้วคืนนี้ค่อยมาบ่นต่อ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณคุณป๋ามากๆนะคะ :01

โดดดอย ซื้อถัวตรงไหน ตะโกนบอกด้วยนะคะ รอลอกการบ้านคุณป๋าอยู่นะคะ

ขอบคุณค่ะ :01 :La

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ถั่วต้ม เฮ้ย ถูกต้องครับ - รายวันน่าจะมีขึ้น ถ้ารหัส 7,5,2 แดงสามารถขึ้นบนได้ บ่นไปถึงอนาคต ถ้า 12,26,9 และ 5,35,9 ยังถ่างอยู่อีก แต่เส้นแดงเริ่มตัดลงอีกครั้ง ดอยทองที่เข้าช่วง 20,000 บาท ก็ต้องปล่อยทิ้ง ถือว่าขึ้นมา เพื่อให้ขายขาดทุนน้อยลง แล้วค่อยมาเริ่มต้นอีกครั้ง

ต้องขอขอบคุณป๋าครับ พยายามอ่านและทำความเข้าใจตามที่ป๋าโพสทุกวัน จนพอรู้เรื่องครับ ตามรหัสของป๋าแม้นแม่นนะครับ

ถูกแก้ไข โดย touch

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฝรั่งวิเคราะห์วิเดาทองยามบ่าย กล่าวว่า ทนกันอีก 6 วัน ก็น่าจะหมดเดือนแห่งการปรับลดย่อของราคาทอง เพราะเดือน 6 กลางปี นักลงทุนก็อยากจะรู้ผลของการลงทุนว่า กำไรขาดทุนมากน้อยเพียงใด เพื่อจะได้คิดว่าเริ่มเดือน 7 เดือนแรกของ ครึ่งปีหลัง จะระดมเงินเล่นกันแบบไหน ทิศทางใด ดังนั้น เป้าหมายเบื้องล่างระดับ 1250, 1240 ยังคงมีต่อไป เขายังกล่าวว่า นักลงทุนเพื่อนเขาในเอเชียแห่ซื้อทองกระหน่ำ Summer Sale ตอนปลายเดือนเมษายน 56 แต่ตอนนี้ ไม่แล้ว หวาดระแวง ทำให้ไม่มีแรงซื้อเข้ามาอย่างที่ควรจะเกิด ในขณะที่ นักลงทุนเพื่อนเขาฝั่งอินเดีย พยายามที่จะขายทิ้ง Stop Loss แล้วถือเงินสด รอคอยจังหวะถอนทุนคืน จึงให้แนวทาง คือ

 

Resistance: $1291, 1298, 1306, 1314, 1322

Support: $ 1280, 1274, 1266, 1258, 1250

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รายงานของยูโรออกมาไม่ดี ช่างแมร่งมัน ผ่านมาแล้ว ราคาลงมาแล้ว และขึ้นมาแล้ว คราวนี้ เราก็มาลุ้นตัวเลขสหรัฐฯ ที่จะทำให้ราคาทองเคลื่อนไหวในคืนนี้ น่าจะ " รถไฟเหาะตีลังกา " ระวังกักเดาราคา แม่นๆ ล่ะ ตามแนวรับต้าน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันนี้ หุ้นออกแนว Rebound จาก เจ้าของบริษัทฯ ไล่เก็บของถูกหุ้นตัวเองคืนกลับ และ ขาใหญ่เก็บของราคาไม่แพงในหุ้นฐานะดีๆๆ ค่าเงินบาทเลยแข็งค่าขึ้น ใจเย็นๆ ครับ แข็งไม่มากหรอก นักลงทุนรายย่อยอยู่ในดอยฯ หุ้นตรึม แถมมาไล่ซื้อตอนปิดตลาด คิดว่าถูก. หุหุ พรุ่งนี้ ได้เจอถูกกว่าเสียอีก หลงกลตามเคย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินบาทปิด 30.94/96 แข็งค่าจากช่วงเช้าตามภูมิภาค-ผู้ส่งออกขายดอลล์

 

 

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดวันนี้อยู่ที่ระดับ 30.94/96 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากตอนเปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 31.03/05 บาท/ดอลลาร์

 

 

โดยปัจจัยที่มีผลทำให้เงินบาทแข็งค่าลงมาและหลุดระดับ 31 บาท/ดอลลาร์อีกครั้ง ได้แก่ แรงขายของนักลงทุนต่างชาติ มี Flow จากทางฝั่งผู้ส่งออกบ้างนิดหน่อย รวมทั้งเป็นการปรับตัวตามค่าเงินในภูมิภาค แต่ยังน้อยกว่าสิงคโปร์ เยนที่ปรับตัวไปไกลกว่าเรามากแล้ว

 

 

นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทมีทิศทางการเคลื่อนไหวตามปัจจัยเงินทุนไหลเข้าไหลออกทั้งตลาดทุนและตลาดบอนด์ โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในวันพรุ่งนี้ระหว่าง 30.85-31.10 บาท/ดอลลาร์

 

 

 

 

 

* ปัจจัยสำคัญ

 

- เงินเยนล่าสุดอยู่ที่ระดับ 97.35/37 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่อยู่ที่ระดับ 97.95 เยน/ดอลลาร์

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3117/3120 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่อยู่ที่ระดับ 1.3122 ดอลลาร์/ยูโร

- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,384.63 จุด เพิ่มขึ้น 20.54 จุด, +1.51% มูลค่าการซื้อขาย 55,530.73 ล้านบาท

- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 2,138.79 ลบ.(SET+MAI)

- นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ขณะนี้เงินทุนยังไหลเข้า-ออกปกติตามกลไกตลาด และไม่หวือหวาเหมือนบางประเทศที่ประสบความผันผวน ทั้งนี้ เงินไหลทุนที่ออกไปในขณะนี้ยังไม่ถือเป็นความเสี่ยงพิเศษต่อระบบเศรษฐกิจ

- นายพอล ครุกแมน นักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบลชาวสหรัฐ กล่าวว่า การที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาส่งสัญญาณว่าจะลดขนาดโครงการซื้อพันธบัตร หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE3) รอบที่ 3 นั้น ถือเป็น "การส่งสัญญาณที่ผิด" เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐยังคงอ่อนแอ

- นายปิแอร์ มอสโกวิซี รัฐมนตรีกระทรวงการคลังฝรั่งเศสเผยธนาคารเพื่อการลงทุนแห่งยุโรปและธนาคารเพื่อการลงทุนสาธารณะของฝรั่งเศส ได้จับมือทำข้อตกลงมูลค่า 1.2 พันล้านยูโร (1.57 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน

- รองผู้อำนวยการธนาคารกลางจีนสาขาเซี่ยงไฮ้ เปิดเผยว่า จีนจะดูแลให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินอยู่ในระดับที่เหมาะสม และระบุว่าปัจจัยตามฤดูกาลที่ผลักดันอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นจะค่อยๆหายไป ส่วนความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของจีนนั้นสามารถควบคุมได้ และธนาคารกลางจะติดตามอัตราดอกเบี้ยอย่างใกล้ชิด

- มอร์แกน สแตนลีย์ ได้ปรับลดราคาทองคำปี 2556 ลงเหลือ 1,409 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากระดับ 1,487 ดอลลาร์ และยังได้ปรับลดคาดการณ๋ราคทองคำปี 2557 ลงเหลือ 1,313 ดอลลาร์ จากระดับ 1,563 ดอลลาร์

- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงขยับขึ้น 8 ดอลลาร์ฮ่องกง ปิดที่ระดับ 11,988 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึง เทียบเท่ากับ 1,296.77 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ เพิ่มขึ้น 0.87 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.76 ดอลลาร์ฮ่องกงในวันนี้

- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นหมายเลข 329 อายุ 10 ปี ปิดการซื้อขายที่ระดับ 0.865% ลดลง 0.015% จากระดับปิดเมื่อวานนี้ ราคาสัญญาพันธบัตรอายุ 10 ปีส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 0.09 จุด แตะระดับ 142.24 ในตลาดหุ้นโตเกียว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

**โบรกมองชะลอ QE ส่งผลเงินบาทผันผวนระยะสั้น ส่วนระยะยาวขึ้นกับพื้นฐาน ศก.

 

 

นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวว่า หลังการส่งสัญญาณชะลอ QE ของสหรัฐ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของชาติต่าง ๆ ทั่วโลกดีดตัวสูงขึ้นอย่างมาก ตัวอย่างเช่น อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 10 ปีสหรัฐฯ พุ่งขึ้นประมาณ 40 basis point หรือ 0.40% อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 10 ปีของญี่ปุ่น พุ่งขึ้นประมาณ 3 basis point หรือ 0.03% อิตาลี สเปนและโปรตุเกสปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ยราว 30 basis point ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ของไทยเพิ่มขึ้นประมาณ 27 basis point หรือประมาณ 0.27% ทำให้ประเมินโดยรวมจึงอาจจะกล่าวได้ว่าจุดต่ำสุดของอัตราดอกเบี้ยในตลาดอาจจะผ่านไปแล้ว หมายถึงทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นในอนาคต

 

 

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรและการขยับขึ้นของดอกเบี้ย (ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากความวิตกชะลอ QE) สำหรับประเทศไทยในระยะกลางอาจจะกระทบเพียงเล็กน้อย แต่ระยะสั้นความผันผวนจากการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วส่งผลต่อค่าเงินบาท ส่วนระยะยาวต้องขึ้นอยู่กับโครงสร้างและความเข้มแข็งของเศรษฐกิจไทย แต่สำหรับบางประเทศการเร่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจที่เปราะบางอยู่แล้วมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะยุโรป ญี่ปุ่น และตัวสหรัฐอเมริกาเอง

 

 

สำหรับยุโรปแล้วชาติที่น่าห่วงคือกลุ่มที่กำลังประสบปัญหาหนี้สินอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงปริมาณหนี้แล้วระดับของหนี้สินยังไม่ได้ลดลง โดยหนี้ที่ครบกำหนดชำระมีการ refinance ผ่านการรับเงินช่วยเหลือและการออกพันธบัตรเพิ่ม การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยทำให้การ refinance ในอนาคตมีต้นทุนที่สูงขึ้น และเมื่อภาระดอกเบี้ยสูงขึ้นความสามารถในการชำระหนี้ในอนาคตก็จะลดลง และเป็นตัวแปรสำคัญต่อเครดิตความน่าเชื่อถือ ขณะที่ชาติที่ยังไม่ได้ประสบปัญหาหนี้สินโดยตรงก็มีการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอย่างเห็นได้ชัด ไม่เว้นแม้แต่ชาติผู้นำกลุ่มอย่างเยอรมนีและฝรั่งเศส การเดินหน้าเพื่อลดความเข้มงวดในการขาดดุลในอนาคตเป็นสิ่งที่มีความเป็นไปได้ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ถ้าอัตราดอกเบี้ยขยับขึ้นก็จะไปบดบังความน่าสนใจในการลงทุนภาคเอกชน

 

ขณะที่เพิ่มภาระให้ภาครัฐ เนื่องจากการขาดดุลที่เพิ่มขึ้นจะยิ่งทำให้อัตราการกู้ยืนเงินของภาครัฐเพิ่มขึ้นเช่นกัน

 

ขณะที่สหรัฐฯ เองมีความอ่อนแอในภาคการเงินและอสังหาฯ การขยับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในตลาดก็อาจจะไปชะลอการฟื้นตัวที่เป็นไปอย่างอ่อนแออยู่แล้วในปัจจุบัน ประกอบกับราคาสินทรัพย์ที่ร่วงลงยิ่งลดสัญญาณบวกทางเศรษฐกิจและกระทบต่อภาคการลงทุน ด้านการพึ่งพานโยบายการคลังสหรัฐฯ เองยังประสบปัญหาการผ่านมาตรการต่าง ๆ ในสภาคองเกรส และด้วย sequestration ที่ลดทอนรายจ่ายการคลังอยู่แล้วยิ่งทำให้การพึ่งพาการใช้จ่ายภาครัฐทำได้น้อยลง

 

"โดยสภาวะปัจจุบันนั้น เรายังไม่พร้อมที่จะออกจากทิศทางนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราเหมาะกับการผ่อนคลายนโยบายตลอดไป ท้ายสุดไม่ทางใดก็ทางหนึ่งนโยบายการเงินต้องมีทางลง มิเช่นนั้นก็จะก่อให้เกิดปัญหาในรูปแบบอื่นตามมา เพียงแต่จังหวะเวลาและขั้นตอนในการก้าวลงต่างหากที่ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนผลกระทบที่เกิดกับตลาดการลงทุนก็คงเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าพื้นฐานของสิ่งที่เราลงทุนยังดี ผมเชื่อว่าโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคตก็มีเช่นกัน"นายกมลธัญ กล่าว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่ง และโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 25 มิถุนายน 2556 โดย YLG

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- อังคารที่ 25 มิถุนายน 2556 17:25:40 น.

กรุงเทพฯ--25 มิ.ย.--PRDD

สภาวะตลาดวันที่ 25 มิถุนายน 2556 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,274.46—1,288.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFM13 อยู่ที่ 18,920 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 70 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,990 บาท ขณะที่ซิวเวอร์ฟิวเจอร์ SVM13 อยู่ที่ 632 บาท โดยราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 632 บาท

 

 

 

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.34 น.ของวันที่ 25/06/13)ออกมา คือ ออกมา คือ

 

แนวโน้มวันที่ 26 มิถุนายน 2556

นักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบลชาวสหรัฐ นายพอล ครุกแมน มีมุมมองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐยังคงอ่อนแอ และการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานออกมาส่งสัญญาณว่าจะลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE3) ถือเป็น "การส่งสัญญาณที่ผิด" โดยระบุว่าภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในระดับต่ำ และการส่งสัญญาณที่ย่ำแย่ของเฟดได้ลดโอกาสที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำดังกล่าวในเร็วๆนิ้ มุมมองทางเศรษฐกิจดังกล่าวส่งผลกดดันดอลลาร์สหรัฐให้อ่อนค่าลง หลังจากดอลลาร์ทะยานขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงิน อันเป็นผลจากการคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นว่าสหรัฐ จะลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะใกล้นี้ ทั้งนี้ดอลลาร์ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่งผลบวกต่อราคาทองคำอย่างไรก็ตาม การขยับขึ้นของราคาทองคำค่อนข้างจำกัด โดยนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มการเกิดภาวะสภาพคล่องตึงของจีนตัวอาจจะกระทบเศรษฐกิจและอุปสงค์ของทองคำ นอกจากนี้ โกลด์แมน แซคส์ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนลงมาอยู่ที่ระดับ 7.4% ในปี 2556 จากระดับ 7.8% และโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่าราคาทองคำ ณ สิ้นปี 2556 จะอยู่ที่ 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งลดลง 9.4% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และคาดว่าราคาทองคำ ณ สิ้นปี 2557 จะอยู่ที่ 1,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งลดลง 17.3% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ อย่างไรก็ตามคาดว่าราคาทองคำในระยะสั้นจะเคลื่อนไหวในกรอบ ซึ่งบริเวณ 1,275-1,263 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นแนวรับหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือโซนดังกล่าวได้มีโอกาสที่ราคาจะขึ้นทดสอบแนวต้านด้านบน แต่หากไม่สามารถยืนได้ราคาก็มีโอกาสอ่อนตัวลงอีกครั้งโดยประเมินแนวต้านบริเวณ 1,305-1,310 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำในระยะสั้นยังเคลื่อนไหวในกรอบ ซึ่งบริเวณแนวต้าน 1,305 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 1,310 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยบริเวณนี้อาจมีแรงขายทำกำไรออกมาซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวัง โดยให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมา ไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถเก็งกำไรระยะสั้น โดยเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,275 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,263 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,275 (18,630บาท) 1,263 (18,460บาท) 1,250 (18,270บาท)

แนวต้าน 1,305 (19,070บาท) 1,310 (19,150บาท) 1,320 (19,290บาท)

GOLD FUTURES (GFM13)

แนวรับ 1,275 (18,780บาท) 1,263 (18,600บาท) 1,250 (18,410บาท)

แนวต้าน 1,305 (19,220บาท) 1,310 (19,290บาท) 1,320 (19,440บาท)

SILVER FUTURES (SVM13)

แนวรับ 19.35 (620บาท) 19.05 (611บาท) 18.80 (603บาท)

แนวต้าน 20.20 (646บาท) 20.55 (657บาท) 20.85 (666บาท)

หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999 และการลงทุนด้านทองคำแท่ง โทร.02-687-9888 หรือwww.ylgbullion.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...