ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

แดงแท่งยาวโผล่มาแล้ว

1257 เลย

ดี ดี ชอบมาก เพราะอีก 8 ส่วนยังไม่มีสัญญานเข้าซื้อ ลดมากๆ เฉลี่ยดอยจะได้เป็นแค่เนิน เมื่อถึงเวลา สัญญานซื้อปรากฎ

 

ขนาด SPDR เมื่อวานนี้ ขายทิ้งตั้ง 16 ตันกว่า คงเหลือที่ระดับ 969.50 ตัน มันคิดอะไรอยู่ของมัน เทเอาเทเอา มันตั้งเพื่อรักษาเสถียรภาพทองคำ ก็แสดงว่า มันกำลังทำให้ราคาทองกลับเข้าสู่ราคาแห่งความจริง

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

::

:gd :gd

กดไลท์แทบไม่ทันเลยป๋าเจอกลอนบทนี้ ถูกใจโคตรรรรรรรร น้องทองลงมาให้พวกเราลดดอยจนได้

ป๋าเข้าเมื่อไหร่บอกด้วยนะค่ะ ฮุๆเดินตามป๋าไปเหมือนเดิม ขอบคุณค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดี ดี ชอบมาก เพราะอีก 8 ส่วนยังไม่มีสัญญานเข้าซื้อ ลดมากๆ เฉลี่ยดอยจะได้เป็นแค่เนิน เมื่อถึงเวลา สัญญานซื้อปรากฎ

 

ขนาด SPDR เมื่อวานนี้ ขายทิ้งตั้ง 16 ตันกว่า คงเหลือที่ระดับ 969.50 ตัน มันคิดอะไรอยู่ของมัน เทเอาเทเอา มันตั้งเพื่อรักษาเสถียรภาพทองคำ ก็แสดงว่า มันกำลังทำให้ราคาทองกลับเข้าสู่ราคาแห่งความจริง

 

เห็นด้วยครับ มันทำเพื่อการใด เทขาย พรวด ๆ ๆ ๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

คืือไปอ่านบทความเก่าของป๋าแล้วเลยอยากขอความรู้เรื่อง ตอนนี้มันจะเป็นอย่างไรครับ คลั่งทอง3 มันจะจบยังครับตอนนี้

เพราะทองลงมามากเหลือเกิน แล้วอนาคต ทองจะเป็นอย่างไรครับ

การลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย “ทองคำ” ที่เป็นสินทรัพย์ยอดฮิตในช่วง 1-2 ที่ผ่านมา ย่อมทำให้เกิดภาพฯ สวยหรูว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยที่สุด ยามเกิดสงครามค่าเงิน ธนบัตรสกุลต่างๆ จะล้นโลก เพราะแต่ละประเทศพิมพ์เงินออกมา ราคาทอง มีแต่ขึ้นอย่างเดียวเท่านั้น แต่พอ Fed บอกว่า จะยกเลิกพิมพ์เงิน หรือ กองทุนทองคำ เทขายทอง หรือ Gold Future เพิ่มสัญญาฯ ขา Short " ราคาทองร่วง " ร่วงมาตลอด .........

 

อดีตที่หอมหวานหลงไหล ที่ราคาพุ่งสูงขึ้นไม่หยุด เพราะ ทองคำ มีลักษณะพิเศษที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย เพิ่มขึ้นเสมอในระยะยาว ตามอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นตลอดเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมา แต่มีข้อดีก็ย่อมต้องมีข้อเสีย นั่นคือ แม้ทองคำจะไม่เคยพ่ายแพ้เงินเฟ้อเลย แต่มันก็ไม่เคยชนะ สำหรับคนที่แสวงหาความมั่นคงและเกลียดกลัวความเสี่ยง ก็อาจรู้สึกพึงพอใจกับทางเลือกเก็บทองคำ แต่จุดที่สำคัญคือ " ราคาซื้อเข้าสูงเกินไปหรือเปล่าจากฐานความจริง " ........

 

ปัญหาของการลงทุนในทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ ก็คือ ราคาทองคำในวันที่ซื้อ.......ที่นิยมบอกว่า " ซื้อเข้าไปเถอะ ซื้อได้ทุกราคา " คิดดูนะว่า แม้ในระยะยาวราคาทองคำจะเคลื่อนไหวตามเงินเฟ้อ แต่ในระยะสั้นราคาทองคำอาจสูงหรือต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อไปมากมาย ดังนั้น หากผู้ซื้อได้ราคาทองคำที่สูงกว่าเงินเฟ้อ ในระยะยาวผู้ซื้อก็จะได้ผลตอบแทนที่น้อยกว่าเงินเฟ้อ เพราะต้องหักต้นทุนส่วนที่ซื้อมาแพงเกินไปทิ้ง หรือเปล่า........

 

ยกตัวอย่าง ในระหว่างปี 1971-1980 เมื่อราคาทองคำ มีราคาทะยานสูงขึ้นจาก 400 บาทไปจนกระทั่งถึง 10000 บาท แล้วนักลงทุนโชคร้ายเข้าซื้อที่ราคาสุงสุดคือ 10000 บาท หลังจากนั้นราคาทองคำได้ตกรูดอย่างต่อเนื่องจนเกือบจะแน่นิ่งอยู่ในระดับราคา 5000 บาท ยาวนานถึง 20 ปี พึ่งมาเริ่มฟื้นตัวเมื่อปี 2002 หากคิดผลตอบแทนในช่วง 20 ปี นักลงทุนย่อมขาดทุนถึง 50 % ซึ่งไม่ใช่ข่าวดีสำหรับคนที่เกลียดกลัวความเสี่ยงเลย ถึงแม้จะหารเฉลี่ยต่อปีแบบไม่ทบต้นจะได้รับผลขาดทุนเพียง 2.5 % แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า หากเพียงฝากเงินไว้เฉยๆ ก็คงไม่ประสบภาวะขาดทุนเช่นนี้ แถมยังได้ดอกเบี้ยอีกด้วย

 

แต่เด็กขายของก็เชื่อว่า จะต้องมีคนเถียงอยู่ในใจ เพราะโดนมาหลายหนแล้ว จึงเถียงคอเป็นเอ็น ว่า เมื่อปล่อยให้เวลาผ่านไปยาวกว่านี้ จนกระทั่งถึงปี 2012 เห็นไหม ราคาพุ่ง ราคาพุ่ง...........นักลงทุนย่อมจะพลิกกลับมาได้กำไร เพราะราคาจะขึ้นไปสูงสุดถึง 27200 บาท ผลตอบแทน 275 % เมื่อคิดหารเฉลี่ยต่อปีแบบไม่ทบต้นแล้ว เมื่อเวลาผ่านไป 32 ปี ย่อมได้รับผลตอบแทนโดยประมาณ 8 % ซึ่งนับว่าน่าพอใจเลยทีเดียว

 

แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า ราคา 27200 เป็นราคาในช่วงสูงที่สุด เป็นราคาที่ทองคำมีราคาสูงกว่าเงินเฟ้อ แบบขาดปัจจัยพื้นฐานที่ถูกหลักเศรษฐศาสตร์ อุปสงค์และอุปทานจริง เพราะเกิดจาก " ทองกระดาษ Gold Future " ดังนั้น ภาวะนี้จะอยู่ได้ไม่นาน ในที่สุดเมื่อราคาตกลงมาในระดับที่ใกล้เคียงกับอัตราเงินเฟ้อ ก็อาจจะซ้ำรอยปี 1980 ที่ราคาตกลงจากจุดสูงสุดถึง 50 % นั่นก็คือ ราคาทองคำอาจจะตกไปอยู่ที่ประมาณ 13500 บาท .......... ผลตอบแทนก็จะเหลือ 4.2 % ยังไม่นับว่า ถ้าต้องถือทองคำต่อไปอีกเกือบ 20 ปีกว่าจะถึงขาขึ้นรอบใหม่ ผลตอบแทนจะเหลือเท่าไร ผมแค่ประเมินแค่เป็นรอบฯ จากในอดีตเท่านั้นนะครับที่ 20 ปี เรื่องจริงเป็นแบบไหน ไม่ทราบ เพียงไม่อยากให้เกิดความประมาท เพ้อ และ โลภ

 

 

 

บางคนก็คิดยาวๆ เก็บยาวๆ ได้เลย เก็บเป็นสมบัติให้รุ่นลูกรุ่นหลาน. จึงต้องคิดแบบนี้ จากเรื่องในอดีต เข้าซื้อทองคำในจังหวะเวลาที่เหมาะสม นั่นคือ ระดับราคาประมาณ 5000 บาท ในปี 2000 ซึ่งระดับราคาทองคำอยู่ในภาวะที่ต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ แล้วมาขายในระดับราคาประมาณ 20000 บาท (ไม่ได้ขายที่จุดสูงสุด) เราย่อมได้กำไรถึง 400 % ในเวลาเพียง 12 ปีเท่านั้น หากคิดเป็นผลตอบแทนแบบไม่ทบต้นย่อมได้ที่ประมาณ 33 % ..........แล้วสถานการณ์แบบนี้ ที่เป็นอยู่แบบนี้ ราคาที่เหมาะสม ที่จะถือยาวๆๆ เท่าไหร่..................หมื่นต้นๆ หรือเปล่า

 

โดยสรุปแล้ว ราคาทองคำมีรอบวัฏจักรของตัวเอง นั่นคือ ในช่วงเวลาหนึ่งจะมีการเพิ่มขึ้นของราคาที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ ขณะที่อีกช่วงเวลาหนึ่งจะมีการเพิ่มขึ้นของราคาที่ต่ำกว่าเงินเฟ้อ ซึ่งเมื่อคิดจนครบรอบแล้ว ก็จะได้การเพิ่มขึ้นของราคาที่ใกล้เคียงกับอัตราเงินเฟ้อ ดังนั้น หากเราต้องการซื้อทองคำเพื่อลงทุนระยะยาวมาก หรืออย่างต่ำ 10 ปี เราก็ควรที่จะเลือกซื้อในช่วงเวลาที่ทองคำมีระดับการเพิ่มขึ้นของราคาที่ต่ำกว่าเงินเฟ้อ เพื่อที่ว่าเมื่อครบรอบวัฎจักรแล้ว เราก็จะได้กำไรมากกว่าเงินเฟ้อ

 

เด็กขายของบ่นอะไร มักจะมีหน่วยงานขาประจำมาแย้งเสมอ พวกเขาอาจแย้งอีกว่า หากซื้อทองเมื่อ 4-5 ปีก่อน แล้วมาขายที่ราคาสูงสุด 27,200 บาท ก็ทำกำไรให้นักลงทุนเป็นกอบเป็นกำ ไม่ใช่เหรอเพราะมันเกิดขึ้นจริงๆ แล้วคนที่พึ่งเข้าไปซื้อที่ราคาเฉียดสูงสุด เป็นไงตอนนี้ ?..........ทำให้ ต้องไม่ลืมว่าราคาทองคำจะมีช่วงเวลาที่ราคาสูงเกินกว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระยะหนึ่ง ดังนั้น ราคาที่สูงแล้ว ก็จะสูงขึ้นอีกได้ อย่างน้อยก็ช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนจะหมดรอบวัฎจักรแล้วกลับไปสู่ระดับราคาปกติ สำหรับนักลงทุนที่เน้นแบบเก็งกำไร ยอมรับความเสี่ยงที่จะขาดทุนได้ การเข้าไปย่อมสมเหตุสมผล ......... แต่สำหรับนักลงทุนมือใหม่ เฮโลแห่ตาม.....ที่เกลียดกลัวความเสี่ยง ทนยอมได้ผลตอบแทนไม่สูงมากนัก แต่เชื่อกันว่า ทองคำจะมีความปลอดภัยและมั่นใจ.........

 

******** การลงทุนทองคำ ก็เช่นเดียวกับการลงทุนประเภทอื่น เมื่อราคาสินทรัพย์ยังอยู่ในระดับต่ำ มีจังหวะลดลงต่ำ ก็ไม่มีใครสนใจ ไม่มีข่าวดี ไม่มีคุณค่าใด หากเมื่อราคาเริ่มทะยานขึ้น คนก็จะเริ่มสนใจ แต่ช่วงนี้ วัฎจักรของทองคำ ถดถอย

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สำหรับต้นทุนการผลิตทองคำ ถ้าผมคิดในแง่เลวร้ายที่สุดของการลงรอบนี้ แต่ช่วงลงก็ย่อมมีปรับขึ้น ปรับลง จะอยู่ที่ $1,135 หรือประมาณเงินไทย 16,000 บาท ( แค่ไอ้คิด กับ อีคาด อย่าไปจริงจังมาก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ฝรั่งวิเคราะห์วิเดายามบ่ายกล่าวว่า เมื่อวานก็ลง แล้วตอนนี้ก็ยังไม่ถึงเป้าหมายที่คาดไว้ ก็ต้องให้แนวโน้มลงต่อ เป้าหมายที่เดาในใจ คือ $1,220 ใตตอนนี้ กำลังสู้กันตรงจุด $1,250 ถ้าแตกเมื่อไหร่ ก็พบกันข้างล่าง โดยวันนี้แนวทางบวกต่อทอง ไม่สามารถให้เล่นได้ถ้าไม่ชำนาญเชี่ยวชาญตัดสินใจ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สัญญาทองคำร่วงลง หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐแกร่ง

 

 

สัญญาทองคำอ่อนแรงลงในการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกที่ตลาดเอเชียช่วงเช้าวันนี้ จากการที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นหลังจากที่สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งได้ช่วยหนุนกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ

เมื่อเวลาประมาณ 10.43 น.ตามเวลาประเทศไทย สัญญาทองส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาด COMEX ร่วงลง 26.90 ดอลลาร์ แตะที่ 1,248.20 ดอลลาร์/ออนซ์

ราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 3.6% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3% เนื่องจากความต้องการสินค้าประเภทต่างๆปรับตัวสูงขึ้น

นอกจากนี้ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ รายงานว่าดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองใหญ่ในเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 1.7% เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาด่ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2% และหากเทียบเป็นรายปีพบว่า ราคาบ้านใน 20 เมืองใหญ่พุ่งขึ้น 12.1% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้และเป็นการปรับตัวขึ้นที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 7 ปี

ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งดังกล่าวได้หนุนคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอโครงการซื้อพันธบัตรภายในปีนี้ และทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยลบสำหรับราคาทอง

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นบ่ายนี้ คลายวิตกจีน-ข้อมูลศก.สหรัฐสดใส

 

 

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นบ่ายนี้ ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดีกว่าคาดการณ์ ซึ่งช่วยหนุนแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนี้ ตลาดยังคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะสภาพคล่องตึงตัวของจีน

ดัชนี MSCI Asia Pacific บวก 0.8% แตะ 126.03 เมื่อเวลา 13.43 น.ตามเวลากรุงโตเกียว

หุ้นเจมส์ ฮาร์ดี อินดัสทรีส์ พุ่ง 3.5% ในตลาดหุ้นออสเตรเลีย ส่วนหุ้นอินดัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เมอร์เชียลแบงก์ ออฟ ไชน่า หรือไอซีบีซี พุ่ง 4.3% ในตลาดหุ้นฮ่องกง ขณะที่หุ้นวูรี ไฟแนนซ์ โฮลดิ้งส์ บวก 3.9% ในตลาดหุ้นเกาหลีใต้

ธนาคารกลางจีนได้ออกมาย้ำว่า จีนไม่ได้ขาดแคลนสภาพคล่อง และภาวะเงินสดที่ตึงตัวในตลาดอินเตอร์แบงก์จะค่อยๆคลี่คลายลง

ในแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ที่ได้มีการเผยแพร่ภายในเวลา 2 วันระบุว่า ธนาคารกลางจีนได้เพิ่มสภาพคล่องให้กับสถาบันการเงินบางส่วน หลังจากที่อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์ระยะสั้นดีดตัวขึ้นสู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จีที เวลธ์ สรุปภาวะ Precious Metals Futures ภาคเช้า วันนี้ (26 มิถุนายน 2556) ราคาทองคำในตลาดโลกปรับลดลง US$4.55 ต่อออนซ์ ปิดที่ระดับ US$1,276.74 ต่อออนซ์ (Gold spot)

 

ราคาทองคำปรับตัวลงต่อเนื่องหลังการรายงานตัวเลขบ้านและดัชนีความเชื่อมั่น ผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่งยอดซื้อสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นเกินคาด สะท้อนการขยายตัวในภาคธุรกิจ ปัจจัยนี้สนับสนุนให้ค่าเงินดอลลาร์เทียบสกุลเงินหลักวานนี้ปรับแข็งค่าสู่ ระดับ 82.7 ทั้งนี้ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดีของสหรัฐฯได้สนับสนุนการการฟื้นตัวที่แข็ง แกร่งของสหรัฐฯทำให้ลดความกังวลที่ว่าการชะลอมาตรการ QE จะกระทบเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งผลให้มีแรงซื้อหนุนเข้าทาในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ ค่าเงินบาทเช้านี้อยู่ที่ระดับ 31.05 THB/US SPDR ลดการถือครองทองคำลง 16.23 ตัน สู่ระดับ 969.5 ตัน

 

ราคาทองคำโลกเช้านี้ (Gold Spot) เคลื่อนไหวเหนือระดับ US$1,280 โกลด์ฟิวเจอร์สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนสิงหาคม 2556 (GFQ13) ราคาเปิดเช้านี้ที่ 18,510 บาท ส่วนราคาทองคำที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำวันนี้ ราคาเสนอซื้อ 18,450 บาท ราคาเสนอขาย 18,550 บาท ลดลง 350 บาท แนวโน้มทองคำ

 

นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัดและผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ราคาทองคำอ่อนตัวลงอีกครั้งในช่วงเช้า โดยส่วนทางกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ การฟื้นตัวเมื่อพิจารณาจากตัวเลขเศรษฐกิจทำให้ตลาดหุ้นมีแรงซื้อกลับเข้ามา ขณะที่การคาดการณ์การชะลอมาตรการ QE ยังส่งผลเชิงลบต่อราคาทองคำ เมื่อพิจารณาทางเทคนิคหลังหลุดแนวรับ US$1,270 ลงมาทำให้มีแนวรับสำคัญถัดไปบริเวณ US$1,225

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ(วันที่ 26 มิย.56)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เป็นที่ทราบกันดี​แล้วว่าสัญญาณ​การชะลอมาตร​การคิวอีของธนาคารกลางสหรัฐฯ นั้น กดดันสินทรัพย์​แทบจะทุกประ​เภท ​โดยหลัง​การรายงานผล​การประชุม​ในช่วงวันที่ 19 ที่ผ่านมาราคาหุ้นทั่ว​โลกปรับตัวลดลงทันที ​ไม่​เว้น​แม้​แต่ราคาน้ำมันดิบ​และราคาทองคำ​ก็ร่วงลงตามกัน ​ซึ่ง​ในภาวะปกติสถาน​การณ์ที่​เรา​เห็น​การร่วงลงของสินทรัพย์​เสี่ยง​แรง ๆ นั้น มักจะตามมาด้วย​การ​เพิ่มขึ้นของราคาสินทรัพย์ที่มี​ความปลอดภัยสูง ​เพื่อ​เป็น​การพัก​เงิน​หรือหนี​ความผันผวน​แต่​เหต​การณ์ที่​เกิดขึ้น​ใน ช่วง​เวลา​เดียวกันคือ​การร่วงลงอย่างหนักของตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ ​และต่อ​เนื่อง​ถึงตลาดพันธบัตร​ในชาติอื่น จากสิ่งที่​เกิดขึ้น​เราพอจะกล่าว​ได้​หรือ​ไม่ว่า​ความสำคัญของน​โยบายสภาพ คล่อง​หรือ QE สหรัฐฯ มี​ความสำคัญต่อตลาด​การลงทุน​โลก ​และคำถามที่สำคัญกว่านั้นคือ​โลกพร้อม​หรือยังที่จะออกจาก​การพึงพาน​โยบาย สภาพคล่อง ​ซึ่ง​ในมุมมองส่วนตัวผม​เชื่อว่า “ยัง​ไม่พร้อม”

 

ก่อนที่จะอธิบาย​ถึง​ความ​ไม่พร้อม​ใน​การ “exit policy” ผม​ก็อธิบายสิ่งที่​เกิด​ในตลาดพันธบัตร​และทิศทางดอก​เบี้ยกัน​เป็นปฐมก่อน หลัง​การส่งสัญญาณชะลอ QE ของสหรัฐ ส่งผล​ให้อัตราผลตอบ​แทนพันธบัตรรัฐบาลของชาติต่าง ๆ ทั่ว​โลกดีดตัวสูงขึ้นอย่างมากตัวอย่าง​เช่น อัตราผลตอบ​แทนของพันธบัตรอายุ 10 ปีสหรัฐฯ พุ่งขึ้นประมาณ 40 basis point ​หรือ 0.40% อัตราผลตอบ​แทนของพันธบัตรอายุ 10 ปีญี่ปุ่น พุ่งขึ้นประมาณ 3 basis point ​หรือ 0.03% อิตาลี ส​เปน​และ​โปรตุ​เกสปรับ​เพิ่มขึ้น​เฉลี่ยราว 30 basis point ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ของ​ไทย​เพิ่มขึ้นประมาณ 27 basis point ​หรือประมาณ 0.27% ​ทำ​ให้ประ​เมิน​โดยรวม​จึงอาจจะกล่าว​ได้ว่าจุดต่ำสุดของอัตราดอก​เบี้ย​ใน ตลาดอาจจะผ่าน​ไป​แล้ว หมาย​ถึงทิศทางดอก​เบี้ยขาขึ้น​ในอนาคต

 

อัตราผลตอบ​แทนพันธบัตร​และ​การขยับขึ้นของดอก​เบี้ย (​ซึ่ง​เป็นผลข้าง​เคียงจาก​ความวิตกชะลอ QE) สำหรับประ​เทศ​ไทย​ในระยะกลางอาจจะกระทบ​เพียง​เล็กน้อย ​แต่ระยะสั้น​ความผันผวนจาก​การปรับ​เปลี่ยนอย่างรวด​เร็วส่งผลต่อค่า​เงิน บาท ส่วนระยะยาวต้องขึ้นอยู่กับ​โครงสร้าง​และ​ความ​เข้ม​แข็งของ​เศรษฐกิจ​ไทย ​แต่สำหรับบางประ​เทศ​การ​เร่งขึ้นของอัตราดอก​เบี้ยอาจจะส่งผล​ให้​ เศรษฐกิจที่​เปราะบางอยู่​แล้วมี​ความ​เสี่ยง​เพิ่มขึ้น ​โดย​เฉพาะยุ​โรป ญี่ปุ่น ​และตัวสหรัฐอ​เมริกา​เอง

 

สำหรับยุ​โรป​แล้วชาติที่น่าห่วงคือกลุ่มที่กำลังประสบปัญหาหนี้สินอยู่​ ในปัจจุบัน ​ซึ่ง​เมื่อพิจารณา​ถึงปริมาณหนี้​แล้วระดับของหนี้สินยัง​ไม่​ได้ลดลง ​โดยหนี้ที่ครบกำหนดชำระมี​การ refinance ผ่าน​การรับ​เงินช่วย​เหลือ​และ​การออกพันธบัตร​เพิ่ม ​การ​เพิ่มขึ้นของอัตราดอก​เบี้ย​ทำ​ให้​การ refinance ​ในอนาคตมีต้นทุนที่สูงขึ้น ​และ​เมื่อภาระดอก​เบี้ยสูงขึ้น​ความสามารถ​ใน​การชำระหนี้​ในอนาคต​ก็จะลด ลง ​และ​เป็นตัว​แปรสำคัญต่อ​เครดิต​ความน่า​เชื่อถือ ขณะที่ชาติที่ยัง​ไม่​ได้ประสบปัญหาหนี้สิน​โดยตรง​ก็มี​การชะลอตัวทาง​ เศรษฐกิจอย่าง​เห็น​ได้ชัด​ไม่​เว้น​แม้​แต่ชาติ​ผู้นำกลุ่มอย่าง ​เยอรมนี​และฝรั่ง​เศส ​การ​เดินหน้า​เพื่อลด​ความ​เข้มงวด​ใน​การขาดดุล​ในอนาคต​เป็นสิ่งที่มี​ ความ​เป็น​ไป​ได้​ในภาวะ​เศรษฐกิจชะลอตัว ​แต่ถ้าอัตราดอก​เบี้ยขยับขึ้น​ก็จะ​ไปบดบัง​ความน่าสน​ใจ​ใน​การลงทุนภาค​ เอกชนขณะที่​เพิ่มภาระ​ให้ภาครัฐ ​เนื่องจาก​การขาดดุลที่​เพิ่มขึ้นจะยิ่ง​ทำ​ให้อัตรา​การกู้ยืน​เงินของภาค รัฐ​เพิ่มขึ้น​เช่นกัน

 

ขณะที่สหรัฐฯ ​เองมี​ความอ่อน​แอ​ในภาค​การ​เงิน​และอสังหาฯ ​การขยับขึ้นของอัตราดอก​เบี้ย​ในตลาด​ก็อาจจะ​ไปชะลอ​การฟื้นตัวที่​เป็น​ ไปอย่างอ่อน​แออยู่​แล้ว​ในปัจจุบัน ประกอบกับราคาสินทรัพย์ที่ร่วงลงยิ่งลดสัญญาณบวกทาง​เศรษฐกิจ​และกระทบต่อ ภาค​การลงทุน ด้าน​การพึ่งพาน​โยบาย​การคลังสหรัฐฯ ​เองยังประสบปัญหา​การผ่านมาตร​การต่าง ๆ ​ในสภาคอง​เกรส ​และด้วย sequestration ที่ลดทอนรายจ่าย​การคลังอยู่​แล้วยิ่ง​ทำ​ให้​การพึ่งพา​การ​ใช้จ่ายภาครัฐ​ ทำ​ได้น้อยลง

 

ดังนั้น​โดยสรุปผม​เชื่อว่า​โดยสภาวะที่​เราอยู่​ในปัจจุบันนั้น ​เรายัง​ไม่พร้อมที่จะออกจากทิศทางน​โยบายผ่อนคลายทาง​การ​เงิน ​แต่​ก็​ไม่​ได้หมาย​ความว่า​เรา​เหมาะกับ​การผ่อนคลายน​โยบายตลอด​ไป ท้ายสุด​ไม่ทาง​ใด​ก็ทางหนึ่งน​โยบาย​การ​เงินต้องมีทางลง มิ​เช่นนั้น​ก็จะก่อ​ให้​เกิดปัญหา​ในรูป​แบบอื่นตามมา ​เพียง​แต่จังหวะ​เวลา​และขั้นตอน​ใน​การก้าวลงต่างหากที่ผม​เชื่อว่า​เป็น​ เรื่องสำคัญ ส่วนผลกระทบที่​เกิดกับตลาด​การลงทุน​ก็คง​เป็น​เรื่องที่​เลี่ยง​ไม่​ได้ ​แต่ถ้าพื้นฐานของสิ่งที่​เราลงทุนยังดี ผม​เชื่อว่า​โอกาสที่จะสร้างผลตอบ​แทนที่ดี​ในอนาคต​ก็มี​เช่นกัน

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์(วันที่ 26 มิย.56)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไม่ถึง 1 สัปดาห์หลังจาก"เบน เบอร์นันเก"ประธานเฟด คาดว่าเฟดจะลดขนาดQE ในช่วงปลายปี จนท.ระดับสูงของเฟด 2 คน ก็ออกมาพูดยังไม่ยุติเร็วๆนี้

 

 

 

นายนารายานา โคเชอราโคตา ผู้ว่าการเฟดสาขามินเนอาโพลิส กล่าวว่านักลงทุนที่พากันเทขายหุ้นและพันธบัตรในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ประเมินทิศทางของเฟดผิดพลาด เนื่องจากคิดว่าเฟดต้องการเข้มงวดนโยบายมากขึ้น

 

นายโคเชอราโคตา ซึ่งน่าจะเป็นผู้กำหนดนโยบายสายพิราบที่สุดในบรรดาผู้กำหนดนโยบาย 19 คนของเฟด กล่าวว่าผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวที่สูงขึ้น ยังไม่ใช่ประเด็นน่าวิตก หลังจากผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐระยะ 10 ปี พุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

 

ด้านนายริชาร์ด ฟิชเชอร์ ผู้ว่าการเฟดสาขาเมืองดัลลัส ซึ่งมีแนวทางสายเหยี่ยว แสดงท่าทีสนับสนุนนายเบอร์นันเก ด้วยการย้่ำว่าควรชะลอคิวอีอย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมเสริมว่าการชะลอการเข้าซื้อพันธบัตรนั้น ยังเป็นเพียงแผนการในอนาคต

 

เขาระบุว่าแม้ในกรณีที่สถานการณ์สุกงอมสำหรับการเริ่มชะลอคิวอี เฟดจะยังจะดำเนินนโยบายอื่นเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอย่างยั่งยืนและแข็งแกร่ง โดยเฟดจะไม่ใช้วิธียุติมาตรการคิวอีลงอย่างกระทันหันเด็ดขาด

 

นายวิลเลียม ดัดลีย์ ผู้ว่าการเฟดสาขานิวยอร์ก พูดถึงภาพรวมทั่วไปว่าหลังจากเกิดวิกฤติการเงินต้องมีการดำเนินนโยบายให้สอดรับกัน และเฟดก็ต้องคำนึงถึงความไร้เสถียรภาพทางการเงินทุกครั้งในการจัดวางนโยบายต่างๆ

 

นายดัดลีย์ย้ำมาตลอดว่าอัตราว่างงานยังไม่ลดลงตามเป้าหมายที่เฟดกำหนดไว้ ส่วนเงินเฟ้อก็ไม่สูงเกินเกณฑ์เช่นกัน อันสะท้อนว่าตัวเลขต่างๆ ยังไม่เข้าเกณฑ์ของเฟดในการชะลอคิวอี

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (วันที่ 25 มิถุนายน 2556)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคาทองลดลง 34 เหรียญ ในเวลาเอเชีย มาที่ $1244 และเดาว่ายังลงต่อเนื่องจาก หัวข้อสนทนาในการปรับลด QE และ อัตราเงินเฟ้อที่ลดลง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รายงานคืนนี้ น่าเกรงขามตรง GDP ของสหรัฐฯ ระวังด้วยนะครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มองไว้ดีๆ หลุดลงไปที่เท่าไหร่

 

Support: - 1238.40(main). 1225.20, 1217.07

Resistance: - 1252.60, 1261.40, 1273.07, 1290.13 and 1305.00 (main)

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อาแปะครับ ! ช่วยมาบอกมาออกสื่อฯ หน่อยสิ ว่า ราคาทองในประเทศ ไม่หลุด 18,000 บาท *****

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...