ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

[Pete 15,187]

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดร่วง $1.84 หลัง PMI ภาคการผลิตจีนหดตัว

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม 2556 07:15:14 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) หลังจากมีรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนหดตัวลง อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงในกรอบที่จำกัดหลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่ร่วงลงในรอบสัปดาห์ที่แล้ว

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.84 ดอลลาร์ ปิดที่ 105.39 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

 

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน ร่วงลง 1.23 ดอลลาร์ ปิดที่ 107.19 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากเอชเอสบีซี โฮลดิงส์เผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นในเดือนก.ค.ของจีนลดลงสู่ระดับ 47.7 จากดัชนี PMI ขั้นสุดท้ายของเดือนมิ.ย.ที่ 48.2

 

ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนก.ค. ซึ่งเป็นมาตรวัดกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน โดยตัวเลขที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตหดตัวลงจากเดือนก่อนหน้า

 

นายฉู หงปิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเอชเอสบีซีกล่าวในแถลงการณ์ว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนก.ค.ที่ลดลง บ่งชี้ถึงภาวะชะลอตัวของภาคการผลิต อันเนื่องมาจากคำสั่งซื้อใหม่ที่อ่อนแรงลง และตอกย้ำถึงความจำเป็นในการดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อสร้างเสถียรภาพด้านการขยายตัว

 

อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบร่วงลง 2.83 ล้านบาร์เรล แตะ 364.2 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะร่วงลง 2.4 ล้านบาร์เรล

 

ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึง heating oil และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.23 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 126.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลง 1.39 ล้านบาร์เรล แตะ 222.7 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล

 

นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย.ของสหรัฐทะยานขึ้น 8.3% แตะที่ 497,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2551 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 485,000 ยูนิต

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

http://www.ryt9.com/s/iq35/1699035

 

[Pete 15,187]

มาต่อที่กราฟรหัสต่างๆกันนะครับ เริ่มจากรหัส MACD 12,26,9 แบบดั้งเดิม เส้นดำและเส้นแดงก็ยังถ่างออก ไม่มีตัดกัน ถึงแม้ว่าจะวิ่งอยู่ในเขตสูงๆๆ ก็ไม่ต้องสนใจ ไม่หวั่น " ช่างกำไรให้วิ่งหนี " Let Profit run ไปก่อน ถือไว้ ถือไว้ ทนไว้ ทนต่อไป

[Pete 15,187]

ในส่วนของกราฟฯ รหัส 5,35,9 แบบส่งสัญญานนำทาง Signal ก็ยังไม่มีตัดกัน เพื่อเปลี่ยนเป็นสัญญานขาย แต่จากที่เส้นดำ แซงยาวกว่าเส้นแดง แถมวิ่งสูงมากเกิน จังหวะที่จะเกิดเปลี่ยนแนวออกมาตัดกันใน 2-3 วันนี้ มีถึง 60% เกินครึ่ง จึงต้องเฝ้าระวังคือ ใครยึดตามกราฟรหัสฯ นี้ ก็น่าจะเริ่มปล่อยออกไปบ้างนะ อย่าไปทนถือ ทนอด ทนมอง ให้กำไรหดลดลงเลยนะ

[Pete 15,187]

สำหรับกราฟรหัส MACD 7,5,2 " เอ้าละสิ เส้นสีแดงโผล่เห็นแพลมๆๆ อยู่ใต้เส้นสีดำลางๆๆ เส้นสีดำก็ยังอาจชูคอขึ้น ในขณะที่ฝรั่งเดาทองภาคบ่ายกล่าวเมื่อวานนี้ว่า อย่าให้ปิดต่ำกว่า $1330 หรือเลวร้ายต่ำกว่า 1325 จะมีการเปลี่ยนทิศทางแนวเป็นทางลง ปิดตลาดเมื่อเช้าตรู่อยู่ที่ $1322 ใครที่จะรอซื้อคืน ทนรออีกสักนิด สักหน่อย อย่าพึ่งรีบร้อน เห็นอาแปะบอก $1500 หรือ 22,000 บาท รีบเข้าไปเยาวราชเพื่อซื้อ ก็อาจจะซืี้อคืนแพงกว่า เด็กขายของ ก็เป็นไปได้นะครับ

[Pete 15,187]

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: เงินดอลล์แข็งค่าขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐสดใส

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม 2556 07:31:11 น.

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) ขานรับข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวขึ้น ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านใหม่ที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 5 ปี

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 100.17 เยน จากระดับของวันอังคารที่ 99.44 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9377 ฟรังค์ จากระดับ 0.9345 ฟรังค์

 

 

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงแตะระดับ 1.3129 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3234 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.5315 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5391 ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงแตะระดับ 0.9156 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9296 ดอลลาร์สหรัฐ

 

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยผลสำรวจของมาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐ เพิ่มขึ้นแตะ 53.2 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน จากระดับ 51.9 ณ สิ้นเดือนมิ.ย.

 

ทั้งนี้ ดัชนีการผลิตปรับตัวสูงขึ้นแตะ 54.0 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนเช่นกัน จากระดับ 53.5 ในเดือนมิ.ย. ส่วนดัชนีคำสั่งซื้อใหม่บวกขึ้นแตะ 55.1 จาก 53.4 และดัชนีการจ้างงานดีดขึ้นสู่ระดับ 52.6 จาก 49.9

 

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่ายอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย.ทะยานขึ้น 8.3% แตะที่ 497,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2551 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 485,000 ยูนิต

 

ทั้งนี้ หากเทียบกับเดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 38.1% นับว่าเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 20 ปี

 

นักลงทุนจับตาดูกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย.ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนจะเพิ่มขึ้น 1.3% และในเวลาเดียวกันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 20 ก.ค. ซึ่งคาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 340,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 334,000 ราย

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

[Pete 15,187]

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม 2556 07:35:58 น.

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของภาคเอกชนในเยอรมนีพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 5 ปี นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังขานรับรายงานยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐที่ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งด้วย

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.6% ปิดที่ 301.1 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.ปีนี้

 

 

 

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3,962.75 จุด เพิ่มขึ้น 39.66 จุด หรือ +1.01% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,379.11 จุด เพิ่มขึ้น 64.88 จุด หรือ +0.78% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,620.43 จุด เพิ่มขึ้น 22.99 จุด หรือ +0.35%

 

-- ดัชนี FTSE ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของภาคเอกชนในเยอรมนีพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 5 ปี นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากบริษัทอาร์ม โฮลดิ้งส์ และอีซีเจ็ท รายงานยอดขายประจำไตรมาสที่สูงขึ้น

 

ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,620.43 จุด เพิ่มขึ้น 22.99 จุด หรือ +0.35%

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อย เพราะตลาดได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทหลายแห่ง รวมถึง แอปเปิล อิงค์ และแรงหนุนจากยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,542.24 จุด ลดลง 25.50 จุด หรือ -0.16% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 3,579.60 จุด เพิ่มขึ้น 0.33 จุด หรือ +0.01% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,685.94 จุด ลดลง 6.45 จุด หรือ -0.38%

[Pete 15,187]

เจ้าหญิงเคทตั้งพระนามพระโอรสจอร์จอเล็กซานเดอร์หลุยส์

ข่าวต่างประเทศ วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ.2556 7:14น.

 

เจ้าชายวิลเลียมและเจ้าหญิงแคทเธอรีน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ทรงตั้งพระนามให้พระโอรสองค์น้อยแล้ว "จอร์จ อเล็กซานเดอร์ หลุยส์" หรือเรียกอีกพระนามหนึ่งว่า เจ้าชายจอร์จแห่งเคมบริดจ์

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เจ้าชายวิลเลียม รัชทายาทแห่งราชวงศ์วินด์เซอร์ของอังกฤษ และ เจ้าหญิงแคทเธอรีน ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ พระชายา ทรงตัดสินพระทัยตั้งพระนามให้พระโอรส หลังชันษา 2 วันแล้ว โดยแถลงการณ์จากสำนักพระราชวังเคนซิงตัน ระบุว่า ดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ทรงตัดสินพระทัยตั้งพระนามให้พระโอรส ที่เพิ่งถือประสูติกาลได้ 2 วัน ว่า จอร์จ อเล็กซานเดอร์ หลุยส์ หรือเรียกอีกพระนามหนึ่งว่า เจ้าชายจอร์จแห่งเคมบริดจ์ ทั้งนี้ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จยังพระราชวังเคนซิงตัน เพื่อทรงเยี่ยมพระราชปนัดดา เป็นครั้งแรก หลังตรัสว่า ทรงตื่นเต้นปีติที่มีพระราชปนัดดาพระองค์แรก ซึ่งในอดีต พระองค์ ทรงใช้เวลาราว 1 เดือน ในการตั้งพระนามเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ต่อมา เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ กับเจ้าหญิงไดอานา ทรงใช้เวลาราว 1 สัปดาห์ ในการตั้งพระนามเจ้าชายวิลเลียม ขณะที่ เจ้าชายวิลเลียมและดัชเชส ทรงใช้เวลาเพียง 2 วัน นับจากวันที่ พระโอรสประสูติ ในวันที่ 22 ก.ค. สำหรับ พระนามจอร์จ เป็นพระนามที่ชาวอังกฤษ คาดหมายและเดิมพันมากที่สุด ตามด้วย เจมส์ และ อเล็กซานเดอร์

 

ทั้งนี้ กษัตริย์อังกฤษ แต่ละพระองค์ก่อนหน้านี้ มี 6 พระองค์ที่มีพระนามว่า จอร์จ มีดังนี้ สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 1 พระโอรสในแอนสท์ เอากุสท์ ผู้คัดเลือกแห่ง บราวน์ชไวก์-ลือเนบูร์ก และ เจ้าหญิงโซฟีแห่งฮันโนเวอร์

สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 2 พระราชโอรสในพระเจ้าจอร์จที่ 1 และพระนางโซฟี โดโรเทอาแห่งเซลเลอ สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 3 พระโอรสในเจ้าชายเฟรเดอริก เจ้าชายแห่งเวลส์ และเจ้าหญิงเอากุสทาแห่งซัคเซิน-โกทา

สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 4 พระราชโอรสในพระเจ้าจอร์จที่ 3 และพระนางชาร์ลอตต์แห่งเมคเลนบูร์ก-ชเตรลิทซ์

สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 พระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 และสมเด็จพระราชินีอเล็กซานดร้า แห่งเดนมาร์ก สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 พระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 และแมรีแห่งเทก สมเด็จพระราชินีแห่งสหราชอาณาจักร

 

http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=467899

[Pete 15,187]

ภาวะเศรษฐกิจไทยที่มีตัวเลขออกมาค่อนข้างชัดเจนแน่นอน ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจที่เราวัดกันด้วยการเติบโตของรายได้ประชาชาติ หรือจีดีพี นั้นน่าจะอยู่ในช่วง 4% แต่คงไม่ถึง 5% บรรยากาศของการพูดจากันถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เริ่มมีการพูดกันหนาหูมากขึ้น ไทยเราเสพติดกับการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องเลยหรือ

 

ผมขอเปรียบง่ายๆ มันเหมือนร่างกายของคนที่เจ็บไข้ได้ป่วย อยู่ดีๆ หัวใจเกิดหยุดเต้นการเอาไฟฟ้ามาช็อตเพื่อให้เกิดการกระตุก เกิดการกระตุ้น ทำให้หัวใจกลับมาเต้นอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ระหว่างเฝ้าดูอาการเห็นว่าการเต้นหัวใจมันชักจะอ่อนไป โดยอาจวินิจฉัยผิดเพราะมันอาจเป็นช่วงของการปรับตัว ปรับสมดุลในร่างกายตามธรรมชาติ เราก็ตัดสินใจแบบด่วนเอาไฟไปช็อตอีกครั้ง ต้องระมัดระวังว่าเหตุปัจจัยจะพาเอาชีวิตไปจบเลยหรือไม่ เดินสายกลางก่อนดีหรือไม่ รักษาตามอาการไปดีไหม อย่าเพิ่งทำอะไรผาดโผนไปโดยมุ่งไปแบบด่วนๆ เราลองมาฟังข้อมูลนะครับ

 

1. อเมริกามีปัญหามานาน ว่างงานก็ยังสูง เริ่มเห็นว่ามีการฟื้นตัวแต่จะมั่นคงและต่อเนื่องแบบไว้วางใจได้หรือไม่ คำตอบคือยัง

 

2. ยุโรปก็ยังไม่รู้หมู่รู้จ่า ว่างงานในทางยุโรปตอนใต้สูงมากๆ แล้วบางประเทศต้องยอมรับการเอาพนักงานราชการออกจากงานแลกกับเงินช่วยเหลือ เพื่อแก้ไขเศรษฐกิจ

 

3. ญี่ปุ่นเพิ่งเลือกตั้งเสร็จ นายกรัฐมนตรีอาเบะก็ยังคงมุ่งมั่นแก้ไข การพิมพ์เงินออกมาก็ยังมีอยู่ ยังจบไม่ได้ง่ายๆ

 

4. ไทยเราค้าขายทั้ง 4 ทวีปหรือไม่ คำตอบคือใช่ ก็เมื่อบ้านเขามีปัญหา เขาก็ซื้อน้อยลง การส่งออกเราก็ลดลงไป

 

5. จีนเติบโตน้อยลงจาก 8-10% กลับมาอยู่ในช่วง 7-8% และจีนก็บอกชัดว่าเขากำลังปรับระบบเศรษฐกิจของเขาไม่ให้เกิดฟองสบู่ โดยเฉพาะการเติบโตแบบคุณภาพไม่ใช่โตแบบเอาแต่ปริมาณ เขากลัวฟองสบู่ เขากลัวหนี้เสียจากระบบการเงิน

 

6. บ้านเราพึ่งการส่งออกเป็นตัวนำของการเติบโต แต่ในเมื่อคนซื้อสินค้าของเรามันไม่มีเงินจะซื้อ มันไม่รู้ว่าจะตกงานเมื่อไหร่ เขาก็ต้องประหยัดเป็นธรรมดา ประเทศเราขายของให้เขา ดังนั้นยังไงเราจะไปฝืนไปสู้ก็เสียดายเงินเปล่า

 

7. ไทยเรามีการเติบโตหนี้ครัวเรือนที่สูง มันก็มีสองเรื่องคือ เป็นไปได้หรือไม่ว่าที่ผ่านมาปีถึงสองปีก่อนคนเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้มาก ขึ้นพึ่งหนี้นอกระบบน้อยลง ตัวเลขเลยเพิ่มหรือเพราะเรามีการซื้อทรัพย์สินถาวรมากทั้งบ้านทั้งรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ เมื่อเราได้ตัดสินใจที่จะซื้อในปี 2556 มาเป็นการซื้อในปี 2555 ปีนี้ 2556 ความต้องการจุดนั้นมันก็หายไป การบริโภคก็ต้องแผ่วตามไปแน่นอน

 

8. สถาบันการเงินมีความเข้มงวดมากขึ้นทั้งเรื่องสินเชื่อเพื่อการบริโภคและสิน เชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ย่อมทำให้การซื้อของเงินผ่อนทำได้ยาก ถึงทำได้ก็มีข้อจำกัด การบริโภคก็ต้องน้อยลงไปเป็นธรรมดา

 

เวลาเศรษฐกิจชะลอลง ตกลงมาจากเดิม เราๆ ท่านๆ ก็ต้องระมัดระวังตัว ไม่ทำอะไรเกินกำลัง อย่าเก็งกำไร อย่าโลภ ประหยัด อดออม และรักษาวินัยทางการเงิน เช่น ลดซื้อกระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า กินเหล้า ไปคาราโอเกะ ทำได้แค่นี้ก็ช่วยประเทศได้มากมายก่ายกองครับ

 

ที่มา: คมชัดลึก(วันที่ 25 กค.56)

 

[Pete 15,187]

**** หมายเหตุ : การที่ค่าเงินหยวนจีนอ่อนค่าลง จะยิ่งส่งเสริมให้ดอลล์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น

 

 

China Foreign Exchange Trading System (CFETS) รายงานว่า เงินหยวนปรับตัวลง 0.64% แตะที่ 6.1759 หยวนต่อดอลลาร์

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศของจีนนั้น เงินหยวนได้รับอนุญาตให้ปรับตัวขึ้นหรือลงไม่เกิน 1% จากอัตราค่ากลางของการซื้อขายแต่ละวัน

 

ทั้งนี้ อัตราค่ากลางสกุลเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ อิงกับราคาเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนัก ก่อนที่ตลาดจะเปิดทำการซื้อขายในแต่ละวัน

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 25 กรกฎาคม 2556)

 

[Pete 15,187]

 

ข่าววิ่ง - ข่าววิ่ง

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเกรงว่ายอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 5 ปี อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอโครงการซื้อพันธบัตร หรือ มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

 

ดัชนี MSCI Asia Pacific ร่วงลง 0.6% เมื่อเวลา 10.08 น.ตามเวลาโตเกียว

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 14,747.21 จุด เพิ่มขึ้น 15.93 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,037.34 จุด เพิ่มขึ้น 4.01 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,872.14 จุด ลดลง 96.79 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,173.19 จุด ลดลง 23.00 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,906.57 จุด ลดลง 5.51 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,264.97 จุด ลดลง 9.79 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 6,804.06 จุด ลดลง 0.10 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,810.96 จุด เพิ่มขึ้น 0.96 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 5,029.80 จุด ลดลง 5.30 จุด

 

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย.ทะยานขึ้น 8.3% แตะที่ 497,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2551 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 485,000 ยูนิต

 

หากเทียบกับเดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 38.1% นับว่าเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 20 ปี

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 25 กรกฎาคม 2556)

 

[Pete 15,187]

ข่าววิ่ง - ข่าววิ่ง

สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (S&P) ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของธนาคารอิตาลี 18 แห่ง อันเนื่องมาจากภาวะถดถอยที่รุนแรง

 

ธนาคาร 17 แห่ง ซึ่งรวมถึง Ubi Banca, Credem และ Fga Capital ถูกปรับลดอันดับเครดิตลง 1 ขั้น ขณะที่ธนาคารอีก 1 แห่ง ซึ่งก็คือ Agos Ducato ถูกปรับลดลง 2 ขั้น จาก BB+ สู่ BB-

 

S&P ระบุในแถลงการณ์ฉบับหนึ่งว่า ธนาคารอิตาลีดำเนินการใน “สถานการณ์ที่มีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นต่อเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลให้ธนาคารดังกล่าวมีความอ่อนไหวมากกว่าที่เคยคาดไว้ต่อภาวะถดถอยที่ยาวนานและรุนแรงขึ้น"

 

S&P ระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเผชิญภาวะถดถอยยาวนานที่สุดในรอบกว่า 20 ปีนั้น จะหดตัวลง 1.9% ในปี 2556 ซึ่งหมายความว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะลดลง 9% ภายในสิ้นปีนี้ จากระดับของปี 2550

 

นอกจากนี้ S&P ยังคาดว่า “แนวโน้มนี้จะไม่มีการพลิกผันอย่างมีนัยสำคัญในปี 2557"

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อต้นเดือนนี้ S&P ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีลงสู่ระดับ BBB จากเดิมที่ BBB+ โดยมีแนวโน้มเชิงลบ

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 25 กรกฎาคม 2556)

 

ปล. มันอยู่ในยุโรป ถ้าอะไรจะเกิดขึ้นกับการอ่อนค่าของค่าเงินยูโร ในกรณีนี้ ก็หลังเที่ยงเจอแน่

ถูกแก้ไข กรกฎาคม 25, 2013 โดย เด็กขายของ

[chaiklang 161]

สวัสดีครับ

 

ทำไมกราฟหลักป๋าต้องใส่หมี ใส่เป็ด ใส่งู ด้วยล่ะครับ ?

[Pete 15,187]

สวัสดีครับ

 

ทำไมกราฟหลักป๋าต้องใส่หมี ใส่เป็ด ใส่งู ด้วยล่ะครับ ?

เป็ด ร้อง กลับ กลับ ลงไป / หมี ง่วงนอน หมดแรง / งู ซื้อเข้ามันจะฉกทรัพย์

[auntnextdoor 4,268]

ขอบคุณป๋าค่ะ

[auntnextdoor 4,268]

 

เป็ด ร้อง กลับ กลับ ลงไป / หมี ง่วงนอน หมดแรง / งู ซื้อเข้ามันจะฉกทรัพย์

เข้าใจเปรียบ likeหมด ติดไว้ก่อน อิอิ