ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
tt2518

ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

โพสต์แนะนำ

เด็กหญิงอายุ 16 คนหนึ่ง

 

เป็นคนหน้าตาดีมาก จึงทำให้มีชายหนุ่มเข้ามารุมจีบเธอมากมาย

 

เธอรู้สึกกลัวว่า ผู้ชายที่เข้ามาหาเธอนั้น

 

คงหวังจะต้องการทำมิดีมิร้ายกับเธอเธอจึงตัดสินใจไปปรึกษาแม่ของเธอ

 

แม่ของเธอจึงให้คำแนะนำกับเธอว่า

 

”ไม่ต้องกลัวลูก ต่อไปนะ ถ้ามีผู้ชายคนไหนพยายามจะทำอะไรลูก

 

ให้ถามเขาไปว่า ‘ จะตั้งชื่อลูกของเราว่าอะไรดี ‘ นั่นจะทำให้ทุกคนกลัว”

 

หลังจากนั้น เธอก็ได้ไปที่งานปาร์ตี้ มีผู้ชายที่เข้ามาเต้นรำกับเธอ

 

และเขาก็เริ่มจูบและกอดเธอ เธอจึงกระซิบ ถามเขาไปว่า

 

”เราจะตั้งชื่อลูกของเราว่าอะไรดี”

 

ชายหนุ่มรีบหาข้อแก้ตัว และเขาก็หายไปเลย

 

หลังจากนั้น ก็มีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นอีก มีผู้ชายเข้ามารู้จักกับเธอ

 

แล้วเขาจูบที่คอเธอ และไล่ลงมาที่ไหล่ เธอหยุดเขา

 

และถามเขาถึงเรื่องชื่อลูกอีก เขาก็หนีไปเลย

 

ต่อมา เธอได้รู้จักกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง เขาชวนเธอไปที่บ้าน

 

จากนั้นไม่นานเขาก็เริ่มจูบเธอ เธอก็ถามไปทันทีว่า

 

”เราจะตั้งชื่อลูกของเราว่าอะไรดี”

 

แต่เขายังคงค่อยๆ จูบเธอต่อไป

 

”จะตั้งชื่อลูกของเราว่าอะไรดี ” เธอถามซ้ำ

 

แต่ไม่มีท่าทีว่าเขาจะสนใจ และเขาก็ค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าเธอ

 

”จะตั้งชื่อลูกของเราว่าอะไร” เธอตะโกนถาม

 

เขาก็เริ่มมีเซ็กส์กับเธอทันที

 

เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ เธอไม่รู้จะทำอย่างไรดี

 

จึงถามคำถามเดิมซ้ำไปอีกที

 

เขาถอดถุงยางออกเรียบร้อย แล้วจึงตอบว่า

 

”ถ้ามันรอดจากไอ้นี่มาได้ ก็เรียกมันว่า ‘David Copperfield’ !!!

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ป๋าโจ๊กแต่เช้า อิ อิ ไอ้คนสุดท้าย ป๋าป่าว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เมื่อคืน ราคาทองลงมาระดับ $130x เจอด่านรับแข็งเกินที่ื $1308 กระเด้งขึ้นมาเรื่อยๆ พร้อมกับรายงานคนว่างงานเพิ่มขึ้น กลับมาปิด $133x ผมล่ะ " แห้วรับประทาน " นึกว่าจะได้เห็นราคาย่อลงวันนี้ แต่พอไปมองกราฟฯ Ichi ที่โพสต์ด้านบน แบบ H4 ก็ตัองบอกว่า ใกล้เคียงความจริงที่จะเกิดขึ้นภายใต้ระบบแบบ H4 คืนนี้ล่ะครับ มันจะล่อหลอกผมให้ " อกแตก ตกรถ " หรือ " สะใจ มาจริง " ก็ต้องติดตามดูตั้งแต่บ่ายถึงเที่ยงคืน

 

เพราะสำหรับกราฟฯ รหัส 7,5,2 เส้นสีแดงก็ยังอยู่ด้านล่าง พร้อมกับเส้นสีดำที่เตรียมผงกหัวเต็มที่ เด็กขายของก็ยังนิ่งรอที่จะเข้าซืี้อ ทองแท่ง. / อนึ่ง ช่วงนี้ ค่าเงินบาทอาจจะอ่อนค่าลงมา จากที่ต้นเดือนหน้า มีม็อบหลายม็อบเข้ากรุงฯ ฝรั่งอาจวิตกขายหุ้น แต่ก็ขึ้นอยู่ว่า กองทุนไทยจะอุ้มได้ขนาดไหน เงินทุนเพียงพอหรือเปล่า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มนส่วนของกราฟรหัส 12,26,9 แบบดั้งเดิม และ 5,35,9 แบบส่งสัญญานนำทาง เส้นดำสูงเกินรับสภาพการที่ราคาทองปรับขึ้น ได้ไง จริงๆๆ ซื้อเกินมามากแล้ว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น้ำมัน-ทองคำขึ้นหลังดอลล์อ่อน ผลกำไรเฟซบุ๊คส่งหุ้นสหรัฐฯปิดบวก

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 กรกฎาคม 2556 05:30 น.

 

เอเอฟพี - ราคาน้ำมันและทองคำวานนี้(25) ขยับขึ้นพอประมาณ หลังดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ขณะที่วอลล์สตรีท ก็ปิดบวก เมื่อได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการอันแข็งแกร่งของเฟซบุ๊ค

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 10 เซนต์ ปิดที่ 105.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ ปิดที่ 107.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ความเคลื่อนไหวของตลาดน้ำมันวันพฤหัสบดี(25) เป็นผลมาจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับระบบตะกร้าเงิน และราคายังปิดบวกได้สำเร็จ แม้รายงานล่าสุดของสหรัฐฯจะเผยถึงผลผลิตปิโตรเลียมที่สูงขึ้นในประเทศ โดยผลผลิตน้ำมันของอเมริกา แตะระดับ 7.555 ล้านบาร์เรลต่อวันในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 19 กรกฎาคม สูงสุดนับตั้งแต่ปี 1983

 

ทั้งนี้ปัจจัยดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับระบบตะกร้าเงิน ก็ส่งผลให้ราคาทองคำวานนี้(25) ปิดบวกพอสมควร หลังจากมีแรงเทขายออกมาเล็กน้อยในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ราคาทองคำตลาดโคเมกซ์ เพิ่มขึ้น 9.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,328.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(25) ขยับขึ้น จากแรงส่งของหุ้นเฟซบุ๊ค ที่ปิดบวกร้อยละ 30 ตามหลังสื่อสังคมออนไลน์ชั้นนำแห่งนี้ รายงานผลประกอบการอันแข็งแกร่งในช่วงไตรมาส 2

 

ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 13.21 จุด (0.08 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,555.45 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 4.37 จุด (0.26 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,690.31 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 25.59 จุด (0.71 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,605.19 จุด

 

ราคาหุ้นของเฟซบุ๊กทะยานขึ้นทันทีและปิดบวกร้อยละ 30 ที่หุ้นละ 34.35 ดอลลาร์ หลังบริษัทประกาศผลกำไรที่สูงกว่าการคาดการณ์ประจำไตรมาสที่สองของปีนี้ อันเนื่องมาจากยอดโฆษณาในโทรศัพท์มือถือที่เพิ่มขึ้น

 

เฟซบุ๊คระบุว่าผลประกอบการระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน มีผลกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 333 ล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้รวมเติบโตขึ้นอีกร้อยละ 53 เป็น 1,800 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นรายได้รายไตรมาสที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2011 ซึ่งเป็นช่วงที่เฟซบุ๊กยังไม่เข้าสู่ตลาดหุ้น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ในช่วงอาทิตย์หน้า นักลงทุนจะหวนกลับมากังวลในการปรับลดวงเงิน QE และ มาตราการของจีนในภาวะการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ลดลง หลายๆคนมองถึงการแข็งค่าของค่าเงินดอลล์สหรัฐฯ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รายงานข่าวได้กล่าวว่า การที่ราคาทองลงไปที่ $1308 แล้วเด้งขึ้น เกิดจากข่าวลือที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเลื่อนการลดลงวงเงิน QE ออกไป จากอนาคตที่ยังไม่ฟื้นตัวของตัวเลขคนว่างงาน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผลกระทบจากการที่ โกลด์แมน แซค มีการปรับคาดการณ์ราคาทองปี 2014 จะเกิดขึ้นกับราคาตอนนี้หรือเปล่า ?

http://www.fxstreet.com/analysis/london-gold-market-report/2013/07/25/

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม 2556 07:28:36 น.

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อรายงานผลประกอบการของบริษัทหลายแห่ง รวมถึง BASF และ ABB นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นในรอบสัปดาห์ที่แล้ว

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.5% ปิดที่ 299.63 จุด

 

 

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3,956.02 จุด ลดลง 6.73 จุด -0.17% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,298.98 จุด ลดลง 80.13 จุด หรือ -0.96% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,587.95 จุด ลดลง 32.48 จุด หรือ -0.49%

 

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) ขานรับยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาด และผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทหลายแห่ง อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย เพราะได้รับแรงกดดันในระหว่างวันหลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานปรับตัวสูงขึ้น

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 15,555.61 จุด เพิ่มขึ้น 13.37 จุด หรือ +0.09% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 3,605.19 จุด เพิ่มขึ้น 25.59 จุด หรือ +0.71% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,690.25 จุด เพิ่มขึ้น 4.31 จุด หรือ +0.26%

 

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนมิ.ย. อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 20 ปี

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ขยับขึ้น 10 เซนต์ ปิดที่ 105.49 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ ปิดที่ 107.65 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่า การเพิ่มขึ้นของจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงเดินหน้าใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจต่อไป

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 9.3 ดอลลาร์ หรือ 0.70% ปิดที่ 1,328.8 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 13.4 เซนต์ ปิดที่ 20.154 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.ปิดที่ 1447.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 7.30 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดที่ 740.75 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 4.55 ดอลลาร์

 

-- สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) หลังจากมีรายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวสูงขึ้นในเดือนก.ค. ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาด

 

ค่าเงินยูโรปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1.3243 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.3129 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินปอนด์ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.5360 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5315 ดอลลาร์สหรัฐ และสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.9214 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9156 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 99.57 เยน จากระดับ 100.17 เยน และอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9319 ฟรังค์ จากระดับ 0.9377 ฟรงค์

 

-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทเอกชน อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานที่ว่าเศรษฐกิจอังกฤษขยายตัวในไตรมาส 2

 

ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,587.95 จุด ลดลง 32.48 จุด หรือ -0.49%

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรแข็งค่าหลังความเชื่อมั่นทางธุรกิจเยอรมนีพุ่ง

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม 2556 07:17:22 น.

สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) หลังจากมีรายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวสูงขึ้นในเดือนก.ค. ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่าจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาด

 

ค่าเงินยูโรปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1.3243 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.3129 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินปอนด์ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.5360 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5315 ดอลลาร์สหรัฐ และสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.9214 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9156 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 99.57 เยน จากระดับ 100.17 เยน และอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9319 ฟรังค์ จากระดับ 0.9377 ฟรงค์

 

สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นหลังจาก สถาบัน Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีเพิ่มขึ้นแตะ 106.2 ในเดือนก.ค. จากระดับ 105.9 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจเยอรมนีมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นต่อภาวะทางธุรกิจในปัจจุบันปรับขึ้นสู่ระดับ 110.1 ในเดือนก.ค. จาก 109.4 ในเดือนก่อนหน้า ส่วนการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มทางธุรกิจขยับลงเล็กน้อยที่ 102.4 จาก 102.5 ในเดือนมิ.ย.

 

ข้อมูลล่าสุดจาก Ifo ออกมาสอดคล้องกับดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นของภาคเอกชนเยอรมนีในเดือนก.ค.ที่พุ่งขึ้น 52.8 ซึ่งสูงสุดในรอบ 5 เดือน จาก 50.4 ในเดือนมิ.ย. โดยดัชนีที่สูงกว่า 50 แสดงให้เห็นว่าซึ่งบ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจโดยรวมของภาคเอกชนเยอรมนีขยายตัวขึ้นจากเดือนมิ.ย.

 

ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของอังกฤษขยายตัว 0.6% ในไตรมาส 2 ปีนี้ เมื่อเทียบรายไตรมาส ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

 

ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 20 ก.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7,000 ราย สู่ระดับ 343,000 ราย มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 340,000 ราย สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงผันผวน

 

นักลงทุนจับตาดูรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนก.ค.ในวันนี้เวลา 20.55 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 84.0 จากช่วงต้นเดือนก.ค.ที่ระดับ 83.9

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขณะที่นักวิเคราะห์ชี้ว่า สาเหตุที่ดัชนีร่วงลงหนักมากจากความกังวลในเศรษฐกิจโลกว่า ธนาคารหลางสหรัฐ หรือ เฟด อาจมีการชะลอ หรือถอนมาตรการ QE หรือ Quantitative Easing ( มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ)ก่อนกำหนด หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยที่ส่อแววความร้อนแรงมากขึ้นรับการเปิดรัฐสภา

 

“นักลงทุนกลับมากังวลสถานการณ์การเมืองในประเทศอีกครั้ง หลังจะมีการนำร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้าที่ประชุมสภาฯ ในเดือนส.ค.นี้ นอกจากนี้ ยังเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นต่างประเทศที่ลดลง? กดดันให้หุ้นไทยปิดตลาดลดลง”

 

 

ด้านนายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดการณ์ว่า แนวโน้มดัชนีในวันที่ 26กรกฎาคมน่าจะปรับลดลงในกรอบแคบๆ ต่อเนื่องจ เนื่องจากตลาดหุ้นไทยยังไม่มีปัจจัยบวกมากระตุ้น ประกอบการสถานการณ์การเมืองในประเทศยังส่อแววความร้อนแรงอยู่

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อรุณสวัสดิ์เฮียเด็กขายของ ขอบคุณสำหรับข้อมูลข่าวสารครับ :uu

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทผันผวนต่อเนื่อง แข็งค่าเร็วและอ่อนค่าลงเร็วมาตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน

 

ประการสำคัญคาดการณ์ยากว่าจะปรับตัวไปในทิศทางใด เพราะมีโอกาสเปลี่ยนแปลงไปได้ทั้งสองทิศทาง ไม่ว่าจะแข็งและอ่อน หาความแน่นอนไม่ได้

 

สถานการณ์ค่าเงินบาทขณะนี้ จะเรียกว่า “แล้วแต่ลมจะพา” ก็ไม่ผิดนัก เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยการเปลี่ยนแปลงจากนอกประเทศที่จะมากระทบเป็นสำคัญ ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะควบคุม

 

ในช่วงต้นปีค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 30.70 บาทต่อเหรียญสหรัฐ หลังเงินทุนต่างชาติไหลเข้าจำนวนมาก บวกกับนักลงทุนกังวลว่าทางการจะออกมาตรการมาดูแลเงินทุนเคลื่อนย้าย ส่งผลกดดันให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นไปแตะระดับ 28.55 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เมื่อประมาณเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งช่วงนั้น ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังยอมรับเองว่า เงินบาทเริ่มแข็งค่าเกินปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจประเทศแล้ว

 

แต่พอผ่านไปไม่นานนัก กระแสข่าวภาวะเศรษฐกิจสหรัฐทำท่าจะผงกหัวก็แพร่สะพัด โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาส่งสัญญาณ อาจจะเลิกทำมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณเงิน (คิวอี) ถ้าเศรษฐกิจดีขึ้น ทำให้ตลาดการเงินโลกตีความว่า เฟดอาจจะเริ่มทยอยลดคิวอีที่อัดฉีดเงินผ่านการซื้อคืนในตลาดพันธบัตรเดือนละ 8.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ลงในช่วงเดือน ก.ย.ปีนี้ และอาจจะเลิกคิวอีไปเลยภายในปลายปี

 

จากสถานการณ์ดังกล่าว แม้เฟดจะยังไม่ได้ประกาศชัดเจน ว่าจะเลิกหรือไม่เลิกมาตรการคิวอี แต่ผลจากการที่นักลงทุนไม่แน่ใจ จึงเกิดภาวะการอพยพเงินทุนระยะสั้นออกจากไทยกลับไปตั้งหลักในประเทศต้นสังกัดอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อสภาพคล่องที่เคยไหลท่วมระบบการเงินในไทยเหือดหาย ผลก็กลับมากดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงพรวดๆ อีกครั้ง รอบนี้อ่อนค่าลงไปแตะระดับ 31.50-31.60 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เลยทีเดียว

 

ตอนนั้นนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร (บอนด์) ออกไปประมาณ 9 หมื่นล้านบาท จากหุ้น 4-5 หมื่นล้านบาท จากตลาดพันธบัตร 4 หมื่นล้านบาท บวกลบเบ็ดเสร็จยังออกไปน้อยกว่าที่เคยไหลเข้ามา หรือออกไปยังไม่ถึง 1 ใน 3 ที่เคยไหลเข้ามา เพราะสัดส่วนเงินลงทุนของต่างชาติที่ถือในพันธบัตรทุกอายุมีมากถึง 8 แสนล้านบาท

 

ที่สำคัญ เงินที่ไหลออกไปจากไทยยังน้อยเมื่อเทียบกับทุนสำรองระหว่างประเทศที่ไทยมีถึง 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ

 

แต่สถานการณ์ล่าสุดในบัดนาวที่เฟดเริ่มเปลี่ยนท่าที จะไม่เลิกมาตรการคิวอี เพราะสัญญาณการฟื้นของเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ชัดเจน เงินทุนต่างชาติที่เคยอพยพหนีจากไทยไปเมื่อไม่นานก็เริ่มไหลกลับมาที่ไทยอีกครั้ง

 

รอบนี้ ผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธปท. บอกว่า เริ่มเห็นเงินทุนต่างชาติไหลกลับมาไทยบ้างแล้ว เมื่อ 3-4 วันก่อน แต่ปริมาณเงินไหลเข้ายังไม่มาก ซึ่งส่วนใหญ่กลับเข้ามาในตลาดบอนด์

 

สาเหตุที่เงินทุนต่างชาติไหลกลับมาไทยและภูมิภาคเอเชียอีกครั้ง เนื่องจากเฟดส่งสัญญาณเลิกหรือไม่เลิกมาตรการคิวอีไม่ชัดเจน บวกกับบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลสกุลเงินบาทและสกุลเงินต่างประเทศของประเทศไทย มีแนวโน้มความน่าเชื่อถือที่มีเสถียรภาพ

 

แถมธนาคารพาณิชย์ไทยยังได้รับการยอมรับว่ามีความแข็งแกร่ง มีผลประกอบการดีต่อเนื่อง เลยกลายเป็นปัจจัยทำให้เงินทุนต่างชาติแห่เข้ามาลงทุนในไทยอีกครั้ง

 

ภาวะเงินทุนไหลกลับระลอกนี้ เริ่มสะท้อนที่การเคลื่อนไหวของเงินบาทเริ่มกลับไปแข็งค่าขึ้นอีกเล็กน้อยหลุด 31 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ไปเมื่อไม่กี่วันก่อน

 

ช้าก่อนนักลงทุนทั้งหลายอย่าได้ชะล่าใจ เพราะถึงเงินทุนต่างชาติจะไหลกลับมา แต่เงินทุนเหล่านี้ก็พร้อมจะไหลกลับออกไปอีก ภาวะความผันผวนเปลี่ยนแปลงเร็วของค่าเงินบาทในระยะต่อไปถือเป็นความหนักใจของ ธปท.ในการดูแล ทำให้ช่วงนี้จะเห็นผู้บริหาร ธปท.ทุกระดับชั้นจะขยาดกับการให้ความเห็นเรื่องทิศทางค่าเงินบาทเป็นอย่างมาก แต่คน ธปท.จะบอกตรงกันว่า ภาวะค่าเงินบาทตอนนี้จำเป็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

 

ผู้ว่าการ ธปท.เองก็เพียรบอกกับนักลงทุนอยู่เสมอเหมือนกับนกแก้วนกขุนทองว่า “ค่าเงินบาทช่วงนี้ผันผวน เพราะเงินทุนสามารถเคลื่อนย้ายไหลเข้าและไหลออกได้ตลอด ค่าเงินบาทเป็นไปได้ทั้งแข็งและอ่อน ฉะนั้นใครที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยนก็ขอให้ทำการซื้อป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน หรือบริหารความเสี่ยงไว้ให้เรียบร้อย อย่าประมาทว่าทิศทางค่าเงินบาทจะไปในทางใดทางหนึ่งเด็ดขาด”

 

“เพราะถึง ธปท.จะพยายามดูแลบ้าง แต่ก็คงไม่อยากนำเงินทุนสำรองซึ่งเป็นสมบัติของประเทศชาติมาดูแลค่าเงินบาทแบบฝืนตลาด” ผู้ว่าการ ธปท. ตอกย้ำแนวทางการดูแลค่าเงินบาทตามกลไกตลาด

 

สรุปแล้วทิศทางค่าเงินบาทที่ผันผวนอยู่ในตอนนี้ คงทำให้ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกและนำเข้าทำกำไรจากค่าเงินไม่ได้ เพราะ ธปท.ส่งสัญญาณชัดเจนแล้วว่าคงเข้าไปแทรกแซงค่าเงินบาทจนฝืนตลาด สะท้อนได้จากเงินทุนสำรองระหว่างประเทศในแต่ละสัปดาห์ขึ้นๆ ลงๆ และยิ่งทำให้เห็นว่าค่าเงินบาทจากนี้ไปมีโอกาสกลับทิศ จากอ่อนเป็นแข็ง จากแข็งเป็นอ่อนได้ตลอดเวลา โดยที่ ธปท.หรือทางการเองก็อาจจะช่วยอะไรไม่ได้มากนัก งานนี้คงต้องตัวใครตัวมัน!!!

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ (วันที่ 26 กรกฎาคม 2556)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...