ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

[Pete 15,187]

ถามหาแนวรับ ต้องบ่นว่า 1284 และ 1279-1267ตามลำดับ

[Pete 15,187]

::

[Pete 15,187]

รหัส 5,35,9 แบบส่งสัญญานนำทาง ยังไม่นัดกันสักที ออกมาเหมือนเดิมของ เส้นดำเส้นแดง ใครยึดมองตามนหัสฯ นี้ ก็นั่งมองเฉยๆ เพราะราคาทองยังไม่ยอมที่จะขึ้นแบบ ขึ้นไปเรื่อยๆ ทุกๆวัน

[Pete 15,187]

รหัส 7,5,2 ก็ยังเห็นเส้นแดงอยู่บนไม่เด่นชัด 1282-1284 เป็นแนวรับ

[Pete 15,187]

ค่าเงินบาท คงอยู่ระดับนี้ คือ เหนือกว่า 32.20 สักพัก

[Pete 15,187]

รายงานยุโรป วันนี้ โพลว่าดี ถ้าดีราคาทองก็เคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้น

[Pete 15,187]

ส่วนของสหรัฐฯ มีน้อยในรายงานฯ ขึ้นกับขาใหญ่อ้างถึงสถานการณ์สงครามในโลกนี้ ถ้าเขาจะทำ

[Pete 15,187]

น้ำมันดิ่งต่ำสุดรอบ6เดือน หุ้นสหรัฐฯร่วง-ทองคำลง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 สิงหาคม 2557 05:05 น.

 

เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันนิวยอร์กวานนี้(5) แตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนจากความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์เบนซินในสหรัฐฯ ส่วนวอลล์สตรีทดิ่งลงแรง นักลงทุนวิตกต่อสถานการณ์ที่ร้อนระอุขึ้นในยูเครน ขณะที่ทองคำปรับลดหลังดอลาร์แข็งค่าขึ้น

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 91 เซนต์ ปิดที่ 97.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 80 เซนต์ ปิดที่ 104.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ตลาดน้ำมันนิวยอร์กที่ขยับลง 5 จาก 6 วันหลังสุดของการซื้อขาย ปิดลบอีกครั้งในวันอังคาร(5) ด้วยนักลงทุนจับตาไปที่รายงานคลังเชื้อเพลิงสำรองรายสัปดาห์ของอเมริกาที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันพุธ(6)

 

จากการสำรวจของวอลล์สตรีท เจอร์นัล พบว่าเหล่านักวิเคราะห์คาดหมายว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐฯ ชาติผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ที่สุดของโลก จะลดลงราวๆ 1.7 ล้านบาร์เรล แต่ขณะเดียวกันสต๊อกเบนซินและน้ำมันกลั่น อันประกอบด้วยน้ำมันทำความร้อนกับดีเซล จะเพิ่มขึ้น บ่งชี้ว่าอุปสงค์ยังคงอ่อนแอ

 

เหล่านักวิเคราะห์ยังอ้างข้อมูลอันน่าผิดหวังของจีน ชาติผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก ส่วนหนึ่งในปัจจัยแห่งการขยับลงของราคาน้ำมันในวันอังคาร(5) หลังจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการแดนมังกรของเอชเอสบีซี ลดลงจาก 53.1 จุดในเดือนมิถุนายน สู่ 50.0 จุดในเดือนกรกฎาคม

 

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(5) แกว่งตัวสู่แดบลบในช่วงบ่าย และปิดลงอย่างแรง ท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์ความตึงเครียดที่ขยายตัวขึ้นในยูเครน

 

ดาวโจนส์ ลดลง 139.81 จุด (0.84 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,429.47 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 18.78 จุด (0.79 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,920.21 จุด แนสแดค ลดลง 31.05 จุด (0.71 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,352.84 จุด

 

นักวิเคราะห์อ้างคำพูดของโรโดสลาฟ ซิกอร์สกี รัฐมนตรีต่างประเทศโปแลนด์ ที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนบอกว่ารัสเซียได้เสริมกำลังทหารตามแนวชายแดน บ่งชี้ว่าสถานการณ์ความขัดแย้งในวิกฤตยูเครนจะลุกลามบานปลายมากยิ่งขึ้น

 

ส่วนราคาทองคำวานนี้(5) ขยับลงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน เป็นผลจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น สืบเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของอเมริกา โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 3.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,285.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์

[chaiklang 161]

สวัสดีตอนเช้าครับ

 

ขอบคุณนะป๋า

[Pete 15,187]

สำหรับประเด็นที่นักลงทุนในประเทศสนใจคือในวันพุธนี้ (6/8) จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าในการประชุมครั้งนี้ กนง.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.0% ไว้เช่นเดิม

[Pete 15,187]

คอลัมน์ จับช่องลงทุน โดย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก

 

ธนาคารกลางสหรัฐหรือ FED ยังคงเดินหน้าลดขนาดการซื้อสินทรัพย์หรือลดขนาดของมาตรการคิวอีลงอีก 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มาอยู่ที่ 2.5 หมื่นล้านเหรียญต่อเดือน ซึ่งคาดว่าจะทยอยลดจนถึงขั้นยุติมาตรการนี้ภายในการประชุมเดือนตุลาคมนี้

 

สำหรับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐจะยังคงอยู่ในระดับต่ำอีกสักระยะแต่แนวโน้มที่จะถูกปรับขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2558 ยังมีอยู่สูง

 

ทางฝั่งธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB มีการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 0.15% ก่อนหน้านี้ ทำให้ทิศทางสกุลเงินยูโรยังมีแนวโน้มอ่อนค่า แต่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะยังคงแข็งค่า

 

แต่หากดูสกุลเงิน "ดอลลาร์สหรัฐ" เมื่อเทียบกับสกุลเงินอย่าง "บาท" ของไทย หรือ "หยวน" ของจีนแล้ว แนวโน้มที่ค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินเหล่านี้ยังมีอยู่พอสมควร เริ่มจากปัจจัยในประเทศไทย ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคน่าจะกลับมาโตได้โดดเด่นในครึ่งปีหลัง เช่นเดียวกับ GDP ที่จะโตได้ตามนโยบายเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น

 

หันไปดูกลุ่มตลาดค้าปลีก แม้ว่าจะโตเพียง 4.36% ในครึ่งปีแรก แต่ผู้ประกอบการกลับเร่งขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่คาดว่าจะกลับมาหลังจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ซูเปอร์เซ็นเตอร์ หรือห้างสรรพสินค้า ล้วนขยายสาขากันทั้งหมด ทำให้สมาคมค้าปลีกไทยเชื่อว่าด้วยปัจจัยทางการเมืองที่คลี่คลายจะทำให้กลุ่มค้าปลีกกลับมาสดใสอีกครั้ง และจะสามารถเติบโตได้ตลอดปีนี้ถึง 6-7 เปอร์เซ็นต์

 

กลุ่มรับเหมาเอง กลายเป็นกลุ่มหุ้นที่ Outperform ตลาดหุ้นมาก เนื่องจากนักลงทุนมองกันไปถึงอนาคตว่า หากแผนฟื้นฟูความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจเกิดขึ้นจริง ประเทศไทยจะมีการลงทุนในระบบสาธารณูปโภคมากมาย และมีโครงการอื่นๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งตั้งแต่มี คสช.พบว่าราคาหุ้นปรับขึ้นตอบรับข่าวดีกว่า 50% ของทั้งตลาด และมีทีท่าว่าจะยังคงโดดเด่นกว่าหุ้นกลุ่มอื่นๆ หลังจากนี้อีกสักระยะ "ค่าเงินบาท" ก็ยังคงแข็งค่าขึ้น จากระดับ 32.88 บาท มาสู่ระดับต่ำกว่า 32 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว สอดคล้องกับตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้น และความมั่นใจของนักลงทุนและผู้บริโภคที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

สถานการณ์ระดับโลกก็ยังอยู่ในช่วงน่าสนใจโดยเฉพาะประเทศจีนที่ค่าเงินหยวนเริ่มจะมีบทบาทสำคัญต่อตลาดโลกมากยิ่งขึ้น หากมาดูสัดส่วนสกุลเงินที่ถูกใช้เป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการและชำระหนี้ในตอนนี้ เงินสกุล "ดอลลาร์สหรัฐ" ยังครองสัดส่วนอันดับหนึ่ง คือ ราว 82% แต่สกุลเงิน "หยวน" แรงขึ้นมาเป็นอันดับสองอยู่ที่ 8.7% แซงหน้าสกุลเงินยูโรและเยนของญี่ปุ่นไปเรียบร้อย ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากความมั่นใจในเสถียรภาพของเหล่าสกุลเงินที่มีการใช้มาตรการคิวอี รวมถึงการกดหรือปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ที่ระดับต่ำเป็นระยะเวลานาน ๆ เพื่อพยุงและกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนหน้านี้ อย่างดอลลาร์ ยูโร และเยน ซึ่งแม้จะพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดไหน แต่สัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนของทั้งสหรัฐ ญี่ปุ่น และยุโรปก็ยังไม่ได้ดีมาก จนถึงขั้นกลับมาเหมือนก่อนที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ

 

โดยเฉพาะยุโรปที่ดูจะหนักว่าใครเพื่อน ในระยะสั้นอาจดูเหมือนจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นได้ดี เพราะการอัดฉีดเงินเหมือนเป็นการยืดเวลาออกไปชั่วคราว แต่ในระยะยาวไปยังเป็นข้อถกที่เถียงว่า วิธีที่ผิดธรรมชาติของตลาดเงินจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจในระยะยาวได้

 

สถานการณ์ดังกล่าวเริ่มสะท้อนลงไปในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่าง"ทองคำ" ส่วนหนึ่ง ซึ่งปกติ การที่ดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับยูโรมีแนวโน้มระยะยาวที่แข็งค่า ราคาทองคำโลกควรจะปรับลง ยิ่งแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะเกิดขึ้นในอนาคต ตลาดทองคำน่าจะได้รับผลเชิงลบค่อนข้างมาก

 

แต่ทุกครั้งที่มีการประกาศลดขนาดคิวอีของเฟด หรือการพูดถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ราคาทองคำก็จะถูกแรงขายออกมา ทำให้ราคาร่วงลงแต่เป็นเพียงในระยะสั้น ๆ เท่านั้น และราคาทองคำก็ยังสามารถยืนอยู่บริเวณใกล้ ๆ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้ดี ห่างจากจุดต่ำสุดเดิมที่ทำไว้เมื่อปีก่อนที่อยู่ 1,180 ดอลลาร์สหรัฐอยู่พอสมควร

 

บ่งบอกถึงความต้องการในทองคำเริ่มกลับมาบ้างแล้ว รวมถึงความขัดแย้งในบางจุดของโลกอย่างยูเครน อิรัก และฉนวนกาซ่า ที่จะช่วยทำให้ราคาทองคำหลังจากนี้เริ่มมีโอกาสที่จะทรงตัวและปรับขึ้นได้ จึงไม่ควรมองข้ามการเพิ่มสัดส่วนในทองคำเข้าพอร์ตลงทุน

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (วันที่ 5 สิงหาคม 2557)

[Pete 15,187]

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (5 ส.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลภาคบริการและยอดสั่งซื้อภาคโรงงานที่ปรับตัวแข็งแกร่ง

 

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.3374 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3419 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ปรับขึ้นที่ 1.6876 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6854 ดอลลาร์

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแทบไม่เปลี่ยนแปลงที่ 102.55 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9093 ฟรังค์ จากระดับ 0.9068 ฟรังค์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9300 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.9331 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส หลังจากสถาบันจัดการอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 58.7 ในเดือนก.ค. จากระดับ 56 ในเดือนมิ.ย. โดยตัวเลขเดือนก.ค.เป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2548 หรือในรอบแปดปีครึ่ง และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นที่เพียง 56.5

 

ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าที่ผลิตในโรงงานสหรัฐปรับตัวขึ้น 1.1% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งที่สี่ในรอบห้าเดือน และมากที่สุดในรอบสามเดือน อีกทั้งยังมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ถึงเกือบสองเท่า

 

ทางด้านธนาคารกลางออสเตรเลียได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2.5% เมื่อวานนี้ ขณะที่จะทราบผลการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางอังกฤษในวันพฤหัสบดี และธนาคารกลางญี่ปุ่นในวันศุกร์นี้

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 6 สิงหาคม 2557)

[Pete 15,187]

ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวลง เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำ ซึ่งจัดเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เพื่อไปถือครองสินทรัพย์ที่เสี่ยงกว่า

 

เมื่อเวลาประมาณ 20.21 น.ตามเวลาประเทศไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ปรับตัวลง 1.40 ดอลลาร์ หรือ 0.11% แตะที่ 1,287.50 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ราคาทองคำปรับตัวลดลงหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานเมื่อคืนวันศุกร์ ที่ผ่านมาว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้น 209,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ซึ่งนับเป็นเดือนที่หกติดต่อกันที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรปรับตัวขึ้น มากกว่า 200,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานขยับขึ้นสู่ระดับ 6.2%

 

ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดัชนีภาคบริการสหรัฐเดือนก.ค. ซึ่งสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะรายงานคืนนี้ ในเวลา 21.00 น.ตามเวลาประเทศไทย คาดการณ์กันว่า ดัชนีภาคบริการเดือนก.ค.จะขยายตัวในอัตรารวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 1 ปี หลังจากที่ปรับตัวลงสู่ระดับ 56.0 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 56.3 ของเดือนก่อนหน้า

 

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐจะรายงานยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเดือน มิ.ย.ในคืนนี้เวลาเดียวกัน ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวขึ้น 0.6% หลังจากหดตัวลง 0.5% ในเดือนก่อนหน้า

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 5 สิงหาคม 2557)

 

[Pete 15,187]

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ โดยได้รับอิทธิพลจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์รุนแรงในยูเครน หลังจากทางการโปแลนด์ได้ออกมาเตือนว่า การที่รัสเซียเพิ่มกำลังทหารบริเวณชายแดนนั้น อาจจะมีแผนโจมตียูเครน

 

ดัชนี MSCI Asia Pacific Index (MXAP) ร่วงลง 0.3% สู่ระดับ 146.34 จุด เมื่อเวลา 9.17 น.ตามเวลาโตเกียว

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,260.00 จุด ลดลง 60.31 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,212.00 จุด ลดลง 7.95 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,558.82 จุด ลดลง 89.44 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,148.36 จุด เพิ่มขึ้น 6.92 จุด

 

ส่วนดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,062.93 จุด ลดลง 3.33 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,322.58 จุด ลดลง 5.09 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,874.10 จุด ลดลง 2.59 จุด

 

หุ้นซอฟท์แบงก์ คอร์ป ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของญี่ปุ่น ร่วงลง 3.2% หุ้นไดกิ้น อินดัสทรีส์ ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศสัญชาติญี่ปุ่น ดิ่งลง 5.6% ด้านหุ้นคูโบต้า คอร์ป ผู้ผลิตเครื่องจักรอุตสาหกรรมจากญี่ปุ่น พุ่ง 7.6% หลังกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 6 สิงหาคม 2557)

[Pete 15,187]

ดัชนีหุ้นสหรัฐฯดิ่งแรงอีกครั้งในวันอังคาร หลังมีนักวิเคราะห์แสดงความกังวลเรื่องการปรับฐานราคาของหุ้นในตลาดวอลล์สต รีท และจากความกังวลในสถานการณ์ของยูเครน...

 

ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดการซื้อขายวันที่ 5 ส.ค. ในแดนลบ โดยดัชนีดาวโจนส์ลดลง 139.81 จุด หรือ 0.84% ปิดที่ 16429.47 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 18.78 จุด หรือ 0.97% ปิดที่ 1920.21 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กลดลง 31.05 จุด หรือ 0.71% ปิดที่ 4352.84 จุด

 

เมซ บลิคซิลเวอร์ ผู้อำนวการบริษัท 'มาเบิลเฮด แอสเซ็ต เมเนจเม้นต์' กล่าวว่า การลดลงของดัชนีหุ้นในวันอังคารเกิดขึ้นจากนักวิเคราะห์หลายคนคาดการณ์ว่า มีความเป็นไปได้ที่ดัชนีหุ้นจะลดลง 10% หรือมากกว่าในการปรับฐานราคา (correction) ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่เคยเกิดขึ้นมานานกว่า 2 ปีแล้ว ส่งผลให้มีการเทขายหุ้นจำนวนมาก

 

หุ้นยังร่วงจาก ความวิตกกังวลของนักลงทุน ต่อความคิดเห็นของนายราดอสลาฟ ซิกอร์สกี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศโปแลนด์ ที่ระบุว่า รัสเซียเพิ่มกำลังทหารบริเวณชายแดนมากขึ้น แสดงให้เห็นความเป็นไปได้ที่ความขัดแย้งในยูเครนจะยืดเยื้อออกไปอีก นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสริมจากข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังจากจีนด้วย.

 

 

 

 

 

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ (06/08/2557)