ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

[Pete 15,187]

ฮั่วเซ่งเฮงระบุ ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบในการซื้อขายช่วงก่อนที่จะทราบผลการประชุมของ ธนาคารกลางสหรัฐฯ และเริ่มมีแรงขายออกมามากหลังจากที่ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ มีมติให้ยุติการผ่อนคลายทางการเงิน ซึ่งแม้จะเป็นไปตามที่นักลงทุนส่วนใหญ่ประเมิน แต่ด้วยในช่วงก่อนหน้ามีนักลงทุนบางส่วนเก็งกำไรจากคำแถลงของประธานสาขาของ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่อาจจะมีการคงมาตรการผ่อนคลายทางการเงินในการประชุมครั้งนี้ จึงมีแรงขายกลับออกมามาก หลังจากทราบว่าผลการประชุมได้ยุติมาตรการผ่อนคลายทางการเงินลง โดยราคาทองคำปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ 1,210.84 ดอลลาร์ ต่อ ออนซ์ ลดลง 17.13 ดอลลาร์ ราคาทำจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่ 1,208 และ 1,230 ดอลลาร์ ต่อ ออนซ์ ตามลำดับ ส่วนราคาซื้อขายทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% เมื่อวานนี้ ขายออกที่บาทละ 18,950 บาท และรับซื้อคืนที่บาทละ 18,850 บาท กองทุน SPDR รายงานว่าได้ลดปริมาณการถือครองทองคำลงราว 1.19 ตัน ส่งผลให้ปัจจุบันกองทุนถือครองทองคำรวม 742.40 ตัน

 

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศยุติโครงการซื้อสินทรัพย์หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ดำเนินการมาเป็นเวลา 6 ปี เนื่องจากเล็งเห็นว่า ภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากที่เคยได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์การเงินที่รุนแรง นอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังให้คำมั่นว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกเป็นเวลานานขึ้น เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวต่อไป ในการประชุมระยะเวลา 2 วัน ซึ่งเสร็จสิ้นลงในช่วงค่ำที่ผ่านมา คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ประกาศยุติโครงการซื้อสินทรัพย์ โดยได้ออกแถลงการณ์ว่า การที่เศรษฐกิจขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ได้ช่วยหนุนตัวเลขจ้างงานให้ฟื้นตัวขึ้นด้วย ขณะที่ราคาสินค้ายังอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ

 

นอกจากนี้ แถลงการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังระบุว่า แม้ตัวเลขจ้างงานและอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับใกล้เคียงกับเป้าหมายของธนาคาร กลางสหรัฐฯ แต่เมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมแล้ว ธนาคารกลางสหรัฐฯ เห็นสมควรว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) เอาไว้ที่ระดับ 0-0.25% ต่อไปอีกเป็นเวลาหนึ่ง ซึ่งผลการประชุมดังกล่าวโดยรวมเป็นไปตามที่ตลาดประเมิน แต่ด้วยมีนักลงทุนบางส่วนซื้อทองเก็งกำไรว่า ในการประชุมครั้งนี้อาจยังไม่มีการยุติมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน เมื่อผลการประชุมออกมาในลักษณะตรงข้าม จึงมีแรงขายสลับออกมา ส่วนในวันนี้จะมีรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ซึ่งผลสำรวจประเมินว่าจะมีผู้ขอรับสวัสดิการราว 2.77 แสนราย เทียบกับสัปดาห์ก่อนที่ 2.83 แสนราย และนอกจากรายงานดังกล่าวแล้ว

 

ในช่วงค่ำวันนี้จะมีการรายงานระดับการขยายตัวทางเศรษฐกิจไตรมาส 3 ปี 2557 ซึ่งเป็นการประเมินครั้งแรก ซึ่งคาดว่าจะขยายตัว 3.1% เทียบกับไตรมาสก่อนที่ 4.6% ส่วนภาพการเคลื่อนไหวทางเทคนิคของราคาทองคำซึ่งวานนี้แกว่งตัวในกรอบแคบ ก่อนที่จะมีแรงขายออกมามากในการซื้อขายช่วงค่ำ กดดันให้ราคาทองอ่อนตัวลงมาเคลื่อนไหวต่ำกว่าแนวรับบริเวณ 1,220 ดอลลาร์ ต่อ ออนซ์ ภาพเทคนิคของราคาทองคำจึงกลับมาเคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนตัว การดีดตัวที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างวัน คาดว่าจะยังไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 1,220-1,225 ดอลลาร์ ต่อ ออนซ์ ขึ้นไปได้ และมีแนวโน้มที่ราคาทองคำจะอ่อนตัวกลับลงไปเคลื่อนไหวที่แนวรับจิตวิทยา บริเวณ 1,200 ดอลลาร์ ต่อ ออนซ์

 

ที่มา : ไทยรัฐออนไลน์ (30/10/2557)

[Pete 15,187]

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศยุติโครงการซื้อสินทรัพย์ หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ดำเนินการมาเป็นเวลา 6 ปี เนื่องจากเฟดเล็งเห็นว่า ภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากที่เคยได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์การเงินที่รุนแรง นอกจากนี้ เฟดยังให้คำมั่นว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกเป็นเวลานานขึ้น เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวต่อไป

 

ในการประชุมระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ คณะกรรมการเอฟโอเอ็มซีได้ประกาศยุติโครงการซื้อสินทรัพย์ โดยได้ออกแถลงการณ์ว่า การที่เศรษฐกิจขยายตัวอย่างแข็งแกร่งเป็นวงกว้างนั้น ได้ช่วยหนุนตัวเลขจ้างงานให้ฟื้นตัวขึ้นด้วย ขณะที่ราคาสินค้าผู้บริโภคก็ยังอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ

 

นอกจากนี้ แถลงการณ์ของเฟดยังระบุว่า แม้ในวันข้างหน้า ตัวเลขจ้างงานและอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับใกล้เคียงกับเป้าหมายของเฟด แต่เมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมแล้ว เฟดเห็นสมควรว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) เอาไว้ที่ระดับ 0-0.25% ต่อไปอีกเป็นเวลานานขึ้น

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 30 ตุลาคม 2557)

 

[Pete 15,187]

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 32.55/56 บาท/ดอลลาร์ จากปิดตลาดเย็นวานนี้อยู่ที่ระดับ 32.45/46 บาท/ดอลลาร์

 

"ผลจาก FOMC ซึ่งตลาดคาดการณ์กันไว้อยู่แล้วว่าจะมีการยกเลิก QE แต่ตลาดจับตาแนวโน้วการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯว่าอาจจะเร็วกว่าที่คาด หลังตัวเลขการจ้างงานดีขึ้น เศรษฐกิจแข็งแกร่งขึ้น ความเสี่ยงด้านการจ้างงานหายไป ทำให้ตลาดตีความด้านบวกสำหรับดอลลาร์"นักบริหารเงิน ระบุ

 

นักบริหารเงิน คาดว่าวันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 32.50-32.60 บาท/ดอลลาร์ คาดว่าตลาดคงจะให้ความสำคัญกับแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯต่อไปอีกระยะหนึ่ง

 

* ปัจจัยสำคัญ

 

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 109.08 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 108.04 เยน/ดอลลาร์

 

- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2625 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 1.2728 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.4840 บาท/ดอลลาร์

 

- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆเมื่อคืนนี้ (29 ต.ค.) หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือ QE ในการประชุมเดือนนี้ ซึ่งกระตุ้นกระแสคาดการณ์ในตลาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะอยู่ในวาระการดำเนินงานของเฟดในปีหน้า

 

- คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน(FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ประกาศยุติโครงการซื้อสินทรัพย์ หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ดำเนินการมาเป็นเวลา 6 ปี เนื่องจากเฟดเล็งเห็นว่า ภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากที่เคยได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์การเงินที่รุนแรง นอกจากนี้ เฟดยังให้คำมั่นว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกเป็นเวลานานขึ้น เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวต่อไป

 

- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ต.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ประกาศยุติโครงการซื้อสินทรัพย์ หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากนักลงทุนขานรับถ้อยแถลงของเฟดที่ว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกเป็นเวลานานขึ้น

 

- ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ประกาศยุติโครงการซื้อสินทรัพย์ หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ดี เฟดแถลงว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกเป็นเวลานานขึ้น

 

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ประกาศยุติโครงการซื้อสินทรัพย์ หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมครั้งล่าสุด ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

 

โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 4.5 ดอลลาร์ หรือ 0.37% ปิดที่ 1224.9 ดอลลาร์/ออนซ์

 

- สมาคมแลกเปลี่ยนทองคำและเงินของจีน เปิดเผยว่า ราคาทองคำที่ตลาดฮ่องกงปรับตัวลง 148 ดอลลาร์ฮ่องกง เปิดที่ระดับ 11,240 ดอลลาร์ฮ่องกง/ตำลึง เทียบเท่ากับ 1,215.86 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ ลดลง 16 ดอลลาร์สหรัฐ ที่อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุด 1 ดอลลาร์สหรัฐ/ 7.76 ดอลลาร์ฮ่องกง

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 30 ตุลาคม 2557)

 

[Pete 15,187]

ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศยุติโครงการซื้อสินทรัพย์ หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ดี เฟดแถลงว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกเป็นเวลานานขึ้น

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 15,596.50 จุด เพิ่มขึ้น 42.59 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,371.89 จุด ลดลง 1.14 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,841.74 จุด เพิ่มขึ้น 21.87 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 8,890.19 จุด ลดลง 13.49 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,956.92 จุด ลดลง 4.25 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,225.60 จุด เพิ่มขึ้น 1.57 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 7,096.51 จุด เพิ่มขึ้น 3.20 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,839.31 จุด ลดลง 0.24 จุด

 

ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ของเฟด ประกาศยุติโครงการ QE ที่ดำเนินการมาเป็นเวลา 6 ปี เนื่องจากเฟดเล็งเห็นว่า ภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากที่เคยได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์การเงินที่รุนแรง

 

อย่างไรก็ตาม เฟดให้คำมั่นสัญญาว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) เอาไว้ที่ระดับ 0-0.25% ต่อไปอีกเป็นเวลานานขึ้น ซึ่งตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าเฟดอาจจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปี 2558

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 30 ตุลาคม 2557)

[Pete 15,187]

ข่าววิ่ง - ข่าววิ่ง(ไทย)

ธนาคารกลางยุโรป หรืออีซีบี เผน ธนาคาร 25 แห่งจากธนาคารรายใหญ่ที่สุด 130 แห่งในยุโรป ไม่ผ่านทดสอบความแข็งแกร่งทางการเงิน โดยการตรวจสอบนี้มุ่งป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤติการเงินการธนาคารฉุดให้ค่าเงินยูโรตกต่ำอีก

 

อย่างไรก็ดี ธนาคารทั้ง 25 แห่งนี้ ไม่ใช่ธนาคารยักษ์ใหญ่ระดับโลก โดยเป็นธนาคารในอิตาลีมากที่สุดถึง 9 แห่ง กรีซ 3 แห่ง และไซปรัส 3 แห่ง ซึ่งจากข้อมูลที่รวบรวมถึงสิ้นปี 2556 พบว่า ธนาคารที่สอบตกทั้งหมดนี้ จำเป็นต้องระดมทุนเพิ่มเติม รวม 25,000 ล้านยูโร เพื่อไม่ให้เกิดวิกฤติขึ้นมาในอนาคต

 

ที่มา : MSN (วันที่ 28 ตุลาคม 2557)

[Pete 15,187]

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆเมื่อคืนนี้ (29 ต.ค.) หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือ QE ในการประชุมเดือนนี้ ซึ่งกระตุ้นกระแสคาดการณ์ในตลาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะอยู่ในวาระการดำเนินงานของเฟดในปีหน้า

 

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2646 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2736 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.6022 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6131 ดอลลาร์

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 108.79 เยน เทียบกับระดับ 108.08 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9536 ฟรังค์ จาก 0.9469 ฟรังค์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8805 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8855 ดอลลาร์

 

หลังการประชุมนโยบายการเงินเป็นเวลา 2 วัน เฟดได้ประกาศยุติมาตรการ QE ที่ดำเนินการมา 6 ปี ซึ่งเป็นการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกันมูลค่าทั้งสิ้น 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อกระตุ้นการลงทุนในประเทศ

 

แม้เฟดระบุว่าจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นระยะเวลานานหลังจากสิ้นสุดมาตรการ QE แต่นักลงทุนก็ยังขานรับมุมมองในเชิงบวกโดยรวมของเฟดเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ และมีความมั่นใจมากขึ้นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในกลางปี 2558

 

ทั้งนี้ เฟดเปิดเผยว่า เศรษฐกิจจะยังคงขยายตัวในอัตรา “ปานกลาง" และ “ภาวะตลาดแรงงานได้ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งและอัตราว่างงานลดต่ำลง"

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 30 ตุลาคม 2557)

[Pete 15,187]

ข่าววิ่ง - ข่าววิ่ง(ไทย)

รายงานระบุว่า การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระยะเวลา 2 วันซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อวานนี้ (29 ตุลาคม 2557) เฟดได้ประกาศยุติโครงการซื้อสินทรัพย์ หรือมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ดำเนินการมาเป็นเวลา 6 ปี โดยได้ออกแถลงการณ์ว่า การที่เศรษฐกิจขยายตัวอย่างแข็งแกร่งเป็นวงกว้างนั้น ได้ช่วยหนุนตัวเลขจ้างงานให้ฟื้นตัวขึ้นด้วย ขณะที่ราคาสินค้าผู้บริโภคก็ยังอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ

นอกจากนี้ แถลงการณ์ของเฟดยังระบุว่า แม้ในวันข้างหน้า ตัวเลขจ้างงานและอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับใกล้เคียงกับเป้าหมายของเฟด แต่เมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมแล้ว เฟดเห็นสมควรว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) เอาไว้ที่ระดับ 0-0.25% ต่อไปอีกเป็นเวลานานขึ้น

 

 

 

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจออนไลน์ (30/10/2557)

[Pete 15,187]

สงครามน้ำมัน โดย โกวิท วงศ์สุรวัฒน์

 

เมื่อเดือนกรกฎาคม ปีนี้เองที่สหรัฐอเมริกาสามารถผลิตน้ำมันได้มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลกคือผลิตได้ 11 ล้านบาร์เรลต่อวันแล้วครับ ทำให้สหรัฐอเมริกาลดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศถึงวันละ 8.7 ล้านบาร์เรล

 

สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะว่าสหรัฐอเมริกาได้พัฒนาเทคโนโลยีการสกัดหินน้ำมันที่มีอยู่มหาศาลออกมาเป็นน้ำมันได้ในราคาที่ถูกลงมากคือตกต้นทุนของการสกัดน้ำมันจากหินน้ำมันได้ประมาณบาร์เรลละ50เหรียญอเมริกัน

 

ซึ่งเมื่อราคาน้ำมันในตลาดโลกราคาขึ้นสูงสุดในปีนี้ราคาบาร์เรลละ 115 เหรียญอเมริกัน จึงไม่มีปัญหาอะไรในการผลิตน้ำมันด้วยวิธีการสกัดน้ำมันจากหินน้ำมัน แม้ว่าต้นทุนการผลิตของน้ำมันของประเทศที่สูบน้ำมันจากใต้ดินตามธรรมดามีราคาต้นทุนบาร์เรลละ 10-20 เหรียญอเมริกัน

 

ประเทศที่ผลิตน้ำมันได้มากที่สุดในโลกเป็นอันดับสองคือรัสเซียที่ผลิตได้วันละ 10.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ในการผลิตของโลกคือ 12% ตามด้วยซาอุดีอาระเบียผลิตได้วันละ 9.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ 11% ส่วนประเทศที่ผลิตน้ำมันได้ประเทศอื่นๆ ผลิตได้ไม่ถึง 5% ของโลกต่อวันทั้งสิ้น (อ้อ ! ท่านผู้อ่านที่เคารพคงอยากทราบว่าประเทศไทยของเราผลิตได้น้ำมันอันดับที่เท่าไรของโลก ? ครับ ! ไทยเราผลิตน้ำมันได้วันละสามแสนบาร์เรลต่อวัน คือ 0.45% จัดเป็นอันดับที่ 33 ของโลก)

 

อีทีนี้สหรัฐอเมริกาใช้น้ำมันภายในประเทศวันละประมาณ19ล้านบาร์เรล ส่วนรัสเซียใช้น้ำมันภายในประเทศตกวันละ 3.2 ล้านบาร์เรล และซาอุดีอาระเบียใช้น้ำมันภายในประเทศประมาณวันละ 2.8 ล้านบาร์เรล (ไทยใช้น้ำมันประมาณวันละ 7.2 แสนบาร์เรล - แถม สำหรับสาธารณรัฐประชาชนจีนผลิตน้ำมันได้เป็นอันดับ 5 ของโลกคือได้ประมาณวันละ 4 ล้านบาร์เรลแต่ใช้วันละ 10.28 ล้านบาร์เรล)

 

ครับ ! ในเดือนตุลาคมราคาน้ำมันได้ตกลงเหลือประมาณ 85 เหรียญสหรัฐแล้วซีครับซึ่งสาเหตุสำคัญของการตกลงมาของราคาน้ำมันนั้นเนื่องมาจากการที่สหรัฐอเมริกาผลิตน้ำมันได้มากที่สุดในโลกแล้วจึงลดการนำเข้า

 

น้ำมันจากต่างประเทศลงกว่าครึ่งหนึ่งของที่เคยนำเข้ามานานหลายสิบปีคือ ลดลงประมาณ 8.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งประมาณเท่ากับปริมาณน้ำมันที่ประเทศซาอุดีอาระเบียและไนจีเรียส่งออกแต่ละวัน ดังนั้นซาอุดีอาระเบียจึงได้ลดราคาน้ำมันส่งออกในทวีปเอเซียลงบาร์เรลละ 1 เหรียญสหรัฐ และลดราคาลง 40 เซ็นต์ต่อบาร์เรลสำหรับน้ำมันที่ส่งไปขายที่สหรัฐอเมริกาเพื่อรักษาส่วนแบ่งของตลาดไว้

 

ที่ซาอุดีอาระเบียทำเช่นนี้ก็จะยิ่งทำให้ราคาน้ำมันตกลงไปอีกซึ่งก็เป็นข่าวดีสำหรับคนทั้งโลกยกเว้นบรรดาประเทศที่ส่งน้ำมันออกเป็นสินค้าสำคัญที่สุดหลายประเทศโดยเฉพาะรัสเซียกับอิหร่านซึ่งอิหร่านกับซาอุดีอาระเบียเป็นคู่ปรับกันอย่างรุนแรงในการแย่งกันขยายอิทธิพลในภูมิภาคตะวันออกกลางมาหลายสิบปีแล้ว

 

เนื่องจากรัสเซียมีรายได้จากการส่งออกน้ำมันกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมดและประเทศอิหร่านมีรายได้จากการส่งน้ำมันออกถึง60%ของรายได้ทั้งหมด

 

ขณะนี้ผู้เขียนรู้สึกเดฌา วูว์ครับ คือรู้สึกว่าเหมือนกว่าเหตุการณ์ใน พ.ศ.2528 กลับมาอีกครั้งหนึ่งเมื่อผลกระทบของการค้นพบและมีการขุดเจาะน้ำมันปริมาณมหาศาลจากทะเลเหนือของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันตกทำให้ราคาน้ำมันโลกตกลงทันทีและต่อเนื่องจนกระทั่งซาอุดีอาระเบียทนไม่ไหวจึงเพิ่มปริมาณการผลิตขึ้นอย่างมโหฬารทำให้ราคาน้ำมันร่วงลงมาจนกระทั่งเหลือเพียงบาร์เรลละ10เหรียญอเมริกันเท่านั้น

 

ในที่สุดสหภาพโซเวียตก็ต้องล้มละลายและล่มสลายไปใน พ.ศ.2534 สาเหตุสำคัญที่สุดสาเหตุหนึ่งก็คือนี่แหละครับราคาน้ำมันตกลงแบบกู่ไม่กลับ ผู้เขียนยังจำได้ดีถึงสภาวการณ์ตกต่ำของรัสเซียในสมัยที่นายบอริส เยลต์ซิน เป็นผู้นำในช่วง พ.ศ.2534-2542 ตอนนั้นรัสเซียแทบว่าไม่เหลือเค้าของประเทศอภิมหาอำนาจเหลืออยู่เลยเพราะต้องเร่ไปขอความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกาและยุโรปบ่อยๆส่วนการที่นายวลาดิมีร์ปูติน ผงาดขึ้นมามีเสียงดังขึ้นและมีท่าทีจะทวงความเป็นอภิมหาอำนาจกลับคืนมาก็ด้วยสาเหตุสำคัญคือราคาน้ำมันที่สูงขึ้นไปถึงบาร์เรลละ115เหรียญอเมริกันนี่แหละ

 

ความจริงทางซาอุดีอาระเบียไม่ได้คิดที่จะลดราคาน้ำมันลง เพื่อจัดการรัสเซียกับอิหร่านหรอกครับซาอุดีอาระเบียลดราคาน้ำมันลงเพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาด และไม่ต้องการให้การสกัดน้ำมันจากหินน้ำมันของสหรัฐก้าวไปไกลกว่านี้ เพราะการสกัดน้ำมันจากหินน้ำมันของสหรัฐอเมริกานั้น ก็เหมือนกับการค้นพบและนำน้ำมันขึ้นมาใช้ จากทะเลเหนือของประเทศทางยุโรปเกือบ30 ปีที่แล้วนั่นเอง

 

สำหรับบ้านเราบรรดาอุตสาหกรรมทั้งหลายคงดีใจนะครับ ที่รายจ่ายในการซื้อน้ำมันจะลดลงอย่างมาก เพราะเราสั่งน้ำมันมาใช้แต่ละปีมีปริมาณมหาศาลแต่ทางด้านเกษตรกรรมบรรดายางพารา และพืชน้ำมันที่เอามาใช้เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงคงแย่ลงไปอีกละครับ เนื่องจากเมื่อซื้อน้ำมันดิบราคาถูกมากลั่นแล้ว จะมีสารเคมีนานาชนิดเป็นผลพลอยได้ที่ใช้ทำยางเทียมและเม็ดพลาสติกฯลฯ เตรียมเนื้อเตรียมตัวรับมือกันให้ดีเถอะครับ

 

ที่มา : มติชนออนไลน์ (วันที่ 29 ตุลาคม 2557)

[DarkKnight 10]

:10 :10

 

ขอบคุณครับป๋า

[Pete 15,187]

ไม่กลัว เข้าซื้อดีกว่า นิดหน่อย $ 1208 หรือ ประมาณ 18,650 บาท

[meng166 131]

ขอขอบใจหลายๆ

[Pete 15,187]

คืนนี้ มาเชียร์ มาลุ้นกัน กับตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ที่ต้องแย่ กับ นางเยลเลน พูดหน่อยนะว่า ดอลล์แข็งไม่ดี

[Pete 15,187]

US$1208

 

SHORT GOLD below 1224 SL 1227 TP 1218-1214-1208-1202

LONG GOLD above 1228 SL 1225 TP 1232-1236-1244-1250

ถูกแก้ไข ตุลาคม 30, 2014 โดย เด็กขายของ

[chaiklang 161]

US$1208

 

SHORT GOLD below 1224 SL 1227 TP 1218-1214-1208-1202

LONG GOLD above 1228 SL 1225 TP 1232-1236-1244-1250

 

ลุยเลยครับ ^^

[Pete 15,187]