ขอเดา(ราคาทอง)กับเขาบ้าง

[Pete 15,187]

จากการที่ไม่ได้ออกมาพูดอะไรของนางเยลเลน และผลต่อเนื่องของการ ประกาศยุติ QE มาตราการผ่อนคลายทางการเงินแบบอัดฉีดเงิน จึงยังทำให้ ค่าเงินดอลล์สหรัฐแข็งค่าขึ้นไปอีก จากรหัส 5,35,9 แบบสัญญานนำทางของค่าเงิน ทำให้เกิดการตัดกันของเส้นดำเส้นแดงเป็นที่เรียบร้อย ( ตามรูป ) ซึ่งต้องแปลความว่า " ดอลล์สหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญานฯ จะแข็งค่าแบบต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ค่าเงินดอลล์ถึงจุดใกล้เดิมที่ ธนาคารกลางเฟด เคยบอกว่า แข็งไปไม่ดี ต่อการเติบโตของสหรัฐฯ

[Pete 15,187]

ค่าเงินบาท วันนี้ ก็น่าจะยังคงสถานะอ่อนค่า 32.50-32.60

[Pete 15,187]

SHORT GOLD below 1224 SL 1227 TP 1218-1214-1208-1202

LONG GOLD above 1228 SL 1225 TP 1232-1236-1244-1250

 

ตามตัวเลขขาเสี่ยงของฝรั่งขาเดาฯ ก็มาถึงจุดสุดท้ายด้านสถานะ Short คือ 1202 และยังไม่มีวิเดาฯ ใหม่ของฝรั่งฯ ออกมา จึงต้องลุ้นว่า ยืนอยู่ได้ และ ขึ้นไปชนแนวต้าน 1208 , 1214 ตามลำดับ และ จะผ่านทะลุขึ้นด้านบนได้ขนาดไหน หรือจะวนเวียนแถว 1202-1208 จนจบสัปดาห์นี้

[Pete 15,187]

ตามรหัส 5,35,9 ของราคาทองคำ จากวันก่อนที่ตัดกัน เป็นสัญญานขาย วันนี้ ยิ่งเห็นชัดเจนขึ้นไปอีก โดยถ่างออกมากขึ้น เมื่อวานนี้ที่พึ่งเข้าไประดับ 18,650 บาทต่อบาททอง ก็คงต้องหยุดการเข้าเพิ่ม ไม่ซื้อเพิ่มเพื่อมาเฉลี่ยกำไรชาดทุน เพราะถือว่า มีความเสี่ยงระดับหนึ่ง ตามกราฟฯ รหัส MACD 5,35,9

[Pete 15,187]

รายงานยุโรป วันนี้ ส่วนมากยังออกมาใกล้เคียงของเดิม ผลกระทบต่อราคาทอง จึงต้องโยนเป็นภาระของค่าเงินยูโร ที่ยะกลับมาสร้างความแย็งได้หรือไม่ จากนักลงทุนที่จะขายทำกำไรค่าเงิน เป็นประเด็นหลัก

[Pete 15,187]

เช่นเดียวกับรายงานสหรัฐฯ ไม่มีอะไรเด่น จึงขึ้นกับตลาด Forex ว่า ต้องการให้ดอลล์แข็งค่าต่อไ หรือ จะขายทำกำไรค่าเงิน ดอลล์สหรัฐฯ

[Pete 15,187]

ขนาดประเทศสิงคโปร์ ที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินของเอเชีย ยังประกาศเลิกคบผา ดอลล์สหรัฐฯ เพราะ ความไม่แน่นอนด้านเสถียรภาพ หมายถึง ขึ้นลง เร็วแรง เกินไป ใครๆ ก็ไม่ชอบ ถือว่ามีความเสี่ยง

 

 

"ลี เซียน ลุง" นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ประกาศ "เลิกใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ" เป็นสื่อกลางในการค้าขายกับจีนอย่างเป็นทางการ หันมาผลักดันใช้ "เงินหยวน-ดอลลาร์สิงคโปร์" เป็นสื่อกลางในการค้าขายทวิภาคีแทน

 

วันนี้(29ต.ค.) นายกรัฐมนตรีลี เซียน ลุง แห่งสิงคโปร์ประกาศ "เลิกใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ" เป็นสื่อกลางในการค้าขายกับสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ เปิดทางสิงคโปร์และจีนใช้ "เงินหยวน-ดอลลาร์สิงคโปร์" เป็นสื่อกลางในการค้าขายทวิภาคี

 

นายกรัฐมนตรีลี เซียน ลุงแห่งสิงคโปร์ประกาศท่าทีดังกล่าวในวันอังคาร (28 ต.ค.) หลังบรรลุข้อตกลงว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือทางการเงินกับรัฐบาลจีน ในระหว่างการพบหารือทวิภาคีกับผู้นำจีน ที่นครซูโจวในมณฑลเจียงซูเมื่อวันจันทร์ (27) ผลของข้อตกลงสองฝ่ายระหว่างจีนและสิงคโปร์ดังกล่าว ส่งผลให้นับแต่นี้เป็นต้นไป การค้าขายรวมถึงการทำธุรกรรมการเงินโดยตรงระหว่างภาครัฐ ตลอดจนเอกชนของทั้งสองประเทศจะใช้สื่อกลางเป็นเงินหยวน และเงินดอลลาร์สิงคโปร์เพียงสองสกุลเท่านั้น และจะไม่มีการนำเงินดอลลาร์สหรัฐมาใช้เป็นสื่อกลางอีกต่อไป

 

ผู้นำวัย 62 ปีของสิงคโปร์กล่าวว่า การยกเลิกใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นสื่อกลางในการค้าระหว่างประเทศ จะช่วยลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชน และจะช่วยลดภาระของหน่วยงานรัฐที่ต้องรับผิดชอบในการกำกับดูแล "การค้าข้ามพรมแดน" ระหว่างจีนและสิงคโปร์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

[Pete 15,187]

น้ำมันร่วง-หุุ้นพุ่งหลังพบศก.มะกันโตเกินคาด ทองคำดิ่ง$26

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 ตุลาคม 2557 04:18 น.

 

รอยเตอร์/เอเอฟพี - วอลล์สตรีทพุ่ง แต่น้ำมันกลับร่วงหนักเช่นกันในวันพฤหัสบดี(30ต.ค.) คาดเศรษฐกิจสหรัฐฯไตรมาส 3 เติบโตเกินคาดหมาย ขณะที่ข้อมูลนี้ก็ตอกย้ำความเชื่อมั่นของธนาคารกลางอเมริกาและผลักให้ทองคำร่วงลงแรง หลังนักลงทุนเทขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ

 

ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 221.11 จุด (1.30 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,195.42 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 12.35 จุด (0.62 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,994.65 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 16.91 จุด (0.37 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,566.14 จุด

 

นอกจากรายงานผลประกอบการอันสดใสของบริษัทต่างๆโดยเฉพาะวีซาแล้ว ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความเคลื่อนไหวในทางบวกของตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันพฤหัสบดี(30ต.ค.) อย่างมากก็คือตัวเลขประมาณการณ์อย่างเป็นทางการครั้งแรกต่อการเติบโตในช่วงไตรมาส 3ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่พบว่าขยายตัวร้อยละ 3.5 จากที่คาดหมายกันไว้แค่ราวๆร้อยละ 3.0 เท่านั้น

 

ปัจจัยนี้ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น แต่ทางกลับกันก็ฉุดให้ราคาน้ำมันเมื่อวันพฤหัสบดี(30ต.ค.) ปิดลบแรง เนื่องจากดอลลาร์ที่แข็งค่า ทำให้น้ำมันดิบมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อที่ถือสกุลเงินอื่นๆ

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.08 ดอลลาร์ ปิดที่ 81.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 88 เซนต์ ปิดที่ 86.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ส่วนราคาทองคำวานนี้(30ต.ค.) ปิดต่ำกว่า 1,200 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ถอนสมอมาตรการเข้าซื้อพันธบัตรและแสดงความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 26.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,198.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์

[Pete 15,187]

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 30 ต.ค.2557

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) ขานรับรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ของสหรัฐขยายตัวได้ดีเกินคาด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐมากขึ้น

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,195.42 จุด พุ่งขึ้น 221.11 จุด หรือ +1.30% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,566.14 จุด เพิ่มขึ้น 16.91 จุด หรือ +0.37% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,994.65 จุด เพิ่มขึ้น 12.35 จุด หรือ +0.62%

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ของสหรัฐขยายตัวได้ดีเกินคาด

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.6% ปิดที่ 330.71 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,141.24 จุด เพิ่มขึ้น 30.60 จุด หรือ +0.74% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,114.84 จุด เพิ่มขึ้น 32.03 จุด หรือ +0.35% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,463.55 จุด เพิ่มขึ้น 9.68 จุด หรือ +0.15%

 

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่ขยายตัวเกินคาดในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้

 

ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 9.68 จุด หรือ 0.15% ปิดที่ 6,463.55 จุด

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น และสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้นในรอบสัปดาห์ที่แล้ว

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 1.08 ดอลลาร์ ปิดที่ 81.12 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 88 เซนต์ ปิดที่ 86.24 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสหรัฐเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ที่ขยายตัวได้ดีเกินคาด และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ได้หนุนสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 26.3 ดอลลาร์ หรือ 2.15% ปิดที่ 1198.6 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 84.4 เซนต์ ปิดที่ 16.42 ดอลลาร์/ออนซ์

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 23.3 ดอลลาร์ ปิดที่ 1245.9 ดอลลาร์/ออนซ์

 

-- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) หลังจากข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ออกมาดีกว่าที่คาด ซึ่งหนุนกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ประเมินกันไว้ เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มการปรับตัวขาขึ้นของเศรษฐกิจ

 

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2612 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2646 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.6002 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6022 ดอลลาร์

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 109.34 เยน เทียบกับระดับ 108.79 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9562 ฟรังค์ จาก 0.9536 ฟรังค์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8837 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8805 ดอลลาร์

 

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 17,195.42 จุด เพิ่มขึ้น 221.11 จุด +1.30%

 

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,566.14 จุด เพิ่มขึ้น 16.91 จุด +0.37%

 

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,994.65 จุด เพิ่มขึ้น 12.35 จุด +0.62%

 

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,463.55 จุด เพิ่มขึ้น 9.68 จุด +0.15%

 

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,114.84 จุด เพิ่มขึ้น 32.03 จุด +0.35%

 

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,141.24 จุด เพิ่มขึ้น 30.60 จุด +0.74%

 

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,457.10 จุด เพิ่มขึ้น 26.00 จุด +0.48%

 

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,476.20 จุด เพิ่มขึ้น 28.50 จุด +0.52%

 

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,888.07 จุด ลดลง 15.61 จุด -0.18%

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 15,658.20 จุด เพิ่มขึ้น 104.29 จุด +0.67%

[Pete 15,187]

สมาคมค้าทองคำเผยราคาทองร่วงหนักหลังเฟดยุติคิวอีทำให้กองทุนเฮดฟันด์มีการ เทขายทำกำไรบางส่วน ขณะที่ค่าบาทไทยก็อ่อนค่าสุดรอบ 3 สัปดาห์

 

ทองคำร่วง-บาทอ่อนในรอบ3สัปดาห์หลัง'เฟด'ยุติ'คิวอี'

 

นาย พิชญา พิสุทธิกุล อุปนายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ราคาทองคำในประเทศเมื่อวันที่ 30ต.ค.ที่ผ่านมา ปรับลดลงครั้ง 4 ครั้ง โดยครั้งแรกลดลง 200 บาท และครั้งที่ 2 ถึงครั้งที่ 3 อยู่ที่ครั้งละ 50 บาท ซึ่งลดลงทั้งหมด 350 บาทเป็นผลมาจากราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 1,203 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากเปิดตลาดอยู่ที่ 1,214.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ขณะที่วันที่ 29 ต.ค.อยู่ที่ระดับ 1,230.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ สำหรับสาเหตุที่ทองคำปรับราคาลง เป็นผลมาจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ยุติ "คิวอี" ทำให้กองทุนเฮดจ์ฟันด์ มีการเทขายทองทำกำไรบางส่วน ส่วนแนวโน้มราคาทองคำจะเป็นอย่างไร ต้องติดตามดูเฟดว่าจะมีนโยบายขึ้นดอกเบี้ยเมื่อไหร่ เพราะมีผลต่อทิศทางทองคำ

 

“แม้ ว่าราคาทองคำอาจปรับตัวลดลง แต่เชื่อว่าจะดีดกลับ เพราะไม่มีสินทรัพย์ประเภทไหนที่น่าลงทุนมากกว่าทองคำ ขณะที่ตลาดหุ้นยังมีความผันผวน ซึ่งหากราคาทองคำแท่งแตะที่ระดับบาทละ 18,000 -18,500 บาท แนะนำให้นักลงทุนช้อนซื้อเก็บไว้ทำกำไร”นายพิชญากล่าว

 

นายกอบ สิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุนธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า การยกเลิกคิวอีของสหรัฐฯ มีผลต่อภาวะเงินทุนเคลื่อนย้าย เพราะค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นมีผลให้ค่าเงินบาทและค่าเงินในภูมิภาค อ่อนค่าลง ขณะเดียวกันต้องจับตาดูอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรระยะเวลา 10 ปีของสหรัฐฯ เนื่องจากเป็นตัวชี้วัดสภาพคล่องของโลกและเป็นหัวจักรตลาดพันธบัตร ซึ่งถ้าดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น 2.5% แสดงให้เห็นว่าสภาพคล่องในระบบเกิดการตึงตัวหรือสภาพคล่องลดลงจากปัจจุบัน อยู่ที่ 2.3% และในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ที่ 2% นอกจากนี้ที่ผ่านมากองทุนเฮดจ์ฟันด์เริ่มขายหุ้นและหันมาซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ กันมากขึ้น

 

รายงานข่าวจากนักค้าเงินธนาคารพาณิชย์ แจ้งว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 32.55-32.56 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 32.57-32.58 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นการอ่อนค่าสุดในรอบ 3 สัปดาห์ เนื่องจากตลาดมองว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ เห็นได้จากตัวเลขการจ้างงานเริ่มปรับตัวดีขึ้น ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงและอาจแตะที่ระดับ 32.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

 

ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ (วันที่ 31 ตุลาคม 2557)

[Pete 15,187]

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น และสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้นในรอบสัปดาห์ที่แล้ว

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 1.08 ดอลลาร์ ปิดที่ 81.12 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 88 เซนต์ ปิดที่ 86.24 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงเนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐในช่วงไตรมาส 3 ปี 2557 ขยายตัว 3.5% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ว่าจะเติบโตที่อัตรา 3%

ข้อมูลจีดีพีไตรมาส 3 ที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาดนั้น ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าอาจจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่าในแถลงการณ์ภายหลังการประชุมครั้งล่าสุด เฟดยืนยันว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกก็ตาม และในการประชุมครั้งนี้ เฟดได้ประกาศยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพราะเล็งเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานฟื้นตัวดีขึ้น

 

นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 24 ต.ค. เพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล แตะ 379.7 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอคลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งน้ำมัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 776,000 บาร์เรล สู่ระดับ 21.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.

 

 

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 31 ตุลาคม 2557

[Pete 15,187]

สัญญาน้ำมันดิบตลาดล่วงหน้าสหรัฐ ปิดปรับตัวลง หลังสหรัฐประกาศเลิกทำโครงการ QE เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดไม่ขานรับการประกาศตัวเลขจีดีพีของสหรัฐช่วงเดือนก.ค.-ก.ย.ที่ดีเกินคาด

 

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบเวสท์เท็กซัส ตลาดไนเม็กซ์ ส่งมอบเดือนธ.ค. ปรับตัวลง 1.08 ดอลลาร์ ปิดที่ 81.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 88 เซนต์ ปิดที่ 86.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ราคาน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวลง เพราะถูกกดดันจากดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือ QE ในการประชุมครั้งล่าสุด นอกจากนี้ อุปทานน้ำมันสหรัฐที่อยู่ในระดับสูงก็เป็นปัจจัยถ่วงภาวะการซื้อขายเช่นกัน

 

นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมัน ยังถูกกดดันจากอุปทานน้ำมันสหรัฐที่อยู่ในระดับสูง โดยวานนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (อีไอเอ) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล แตะ 379.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งแม้เพิ่มขึ้นไม่มากเท่ากับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับสูง

 

ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอคลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งน้ำมัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 776,000 บาร์เรล สู่ระดับ 21.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ (31/10/2557)

 

[chaiklang 161]

ขอบคุณ ป๋า นะครับ

 

รบกวนขอ มุมมอง หน่อยได้ไหมครับ

 

ว่าแนวโน้มจะต่ำกว่า 1180$ หรือไม่

 

เมื่อวานหลุด 1200$ ไป 1195$ นั่งมองมือเกร็ง ^^

[Pete 15,187]

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (30 ต.ค.) หลังจากข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ออกมาดีกว่าที่คาด ซึ่งหนุนกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ประเมินกันไว้ เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มการปรับตัวขาขึ้นของเศรษฐกิจ

 

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2612 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2646 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.6002 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6022 ดอลลาร์

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 109.34 เยน เทียบกับระดับ 108.79 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9562 ฟรังค์ จาก 0.9536 ฟรังค์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.8837 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8805 ดอลลาร์

 

ดอลลาร์ปรับตัวแข็งแกร่งขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส โดยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐในช่วงไตรมาส 3 ปี 2557 ขยายตัว 3.5% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ว่าจะเติบโตที่อัตรา 3%

 

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 25 ต.ค. ปรับตัวขึ้น 3,000 ราย แตะที่ 287,000 ราย โดยถึงแม้ปรับตัวขึ้น แต่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานก็ยังอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงฟื้นตัวดี

 

ข้อมูลเศรษฐกิจที่เป็นไปในเชิงบวกนั้น สอดคล้องกับการตัดสินใจของเฟดในการยุติโครงการซื้อสินทรัพย์ที่ดำเนินมาเป็นเวลา 6 ปีในการประชุมกำหนดนโยบายครั้งล่าสุด ซึ่งหนุนมุมมองของเฟดที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงขยายตัวในอัตรา “ปานกลาง และภาวะตลาดแรงงานได้ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และอัตราการว่างงานลดต่ำลง"

 

แม้เฟดระบุเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่าจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นระยะเวลานานหลังจากสิ้นสุดโครงการซื้อสินทรัพย์แล้ว แต่นักลงทุนก็ยังขานรับมุมมองในเชิงบวกโดยรวมของเฟดเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ และมีความมั่นใจมากขึ้นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในกลางปี 2558

 

ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (วันที่ 31 ตุลาคม 2557)

 

[Pete 15,187]

ราคาทองคำวันนี้ทองแท่งขายออกบาทละ 18,500 บาท ทองรูปพรรณขายออกบาทละ 18,900 บาท ปรับลง 150 บาท

 

สมาคมค้าทองคำรายงานราคาทอง 96.5% ประจำวันที่ 31 ต.ค. 2557 เวลา 09:35 น. (ครั้งที่ 1) ทองคำแท่งรับซื้อคืนบาทละ18,400บาท ขายออก18,500บาท ทองรูปพรรณรับซื้อคืนบาทละ18,131.36บาท ขายออก18,900บาท ทองปรับราคาลง 150 บาท

 

 

 

 

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ (31/10/2557)