ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

เดือนหน้าเตรียมร่มชูชีพ แล้วโดดให้ทันนะครับ

ฟิ้ววววววววววว

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แต่ผมกลับมองว่า ยูโร น่าจะไปก่อนนะ แต่ไปด้วยดีเพราะ ต่างคนต่างกลับไปใช้เงินตัวเองหรือตั้งเงินสกุลใหม่สามสกุลที่มีความแข็งอ่อนต่างกัน

 

ส่วนดอลล่าล้มนี่ล้มแล้วล้มเลยแบบถาวรครับ มาคนเดียวไปคนเดียว :rolleyes:

ขอมองต่างนะครับ ดอลลาร์มีที่มาจากประเทศเดียวแต่ตอนล้มคือล้มทั้งโลกเลยครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอมองต่างนะครับ ดอลลาร์มีที่มาจากประเทศเดียวแต่ตอนล้มคือล้มทั้งโลกเลยครับ

 

 

แล้วจะมีผลกระทบอย่างไรกับประเทศไทยมั่งครับถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอมองต่างนะครับ ดอลลาร์มีที่มาจากประเทศเดียวแต่ตอนล้มคือล้มทั้งโลกเลยครับ

 

ผมหมายถึงคนที่เป็นต้นขั้วเวลาล้มนะครับครั้นจะล้มก็ล้มเลย ส่วนยุโรปสมาชิกเยอะ เวลาจะล้มน่าจะมีสัญญาจแจ้งว่าจะล้มชัดเจ่นกว่าอเมริกา ส่วนตอนดอลล่าล้มก็ล้มทั้งโลกนี่ผมก็คิดอย่างงั้นครับ ผมคงเขียนไม่ชัด ขออภัยครับ

 

ส่วนที่่ว่ายูโรน่าจะไปก่อนผมว่าน่าจะอามรณ์เดียวกับรัฐบาลผสมนะครับ เอกภาพในการบริหารมันแตกง่ายกว่ารัฐบาลพรรคเดียว

ถูกแก้ไข โดย leo_attack

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เดือนหน้าเตรียมร่มชูชีพ แล้วโดดให้ทันนะครับ

ฟิ้ววววววววววว

 

:wub: มีข่าวอะไรเหรอครับk/ชินโปรดแจ้งด้วยคราบบ :wub:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แล้วจะมีผลกระทบอย่างไรกับประเทศไทยมั่งครับถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ

สินค้าและอุปรณ์และอะไหล่หลายๆอย่างที่สั่งซื้อจากต่างประเทศรวมทั้งการส่งของไปขายต่างประเทศ คงต้องหยุดชะงักช่วงแรก เพราะระบบเดิมการซื้อและขายของระหว่างประเทศส่วนมากซื้อขายด้วยดอลลาร์ พอดอลลาร์ปั่นป่วนมากๆช่วงแรกจะใช้อะไรเป็นสื่อกลางในการค้าขาย ถ้าดอลลาร์ไม่ได้รับความเชื่อถืออย่างมากแล้ว

ใครหรือประเทศไหนยังถือดอลลาร์อยู่สินทรัพย์ในส่วนนั้นก็จะด้อยค่าลงอย่างมากมาย ใครที่ถือไว้มากๆและถ้ามีหนี้สินหรือถึงกำหนดชำระเงินแต่ตอนนั้นเขาไม่ยอมรับดอลลาร์กันแล้วจะเอาอะไรไปจ่ายเขา อาจมีการผิดชำระเงินครั้งใหญ่ทั่วโลกและมีการล้มแบบโดมิโนตามมา

อเมริกาเป็นหนี้ประเทศอื่นในรูปดอลลาร์ ดอลลาร์ด้อยค่าลงแต่เป็นหนี้สกุลดอลลาร์ก็จ่ายดอลลาร์ตามสัญญา แต่เจ้าหนี้Aได้ดอลลาร์แล้วแต่อาจจะต้องไปจ่ายหนี้นายBในรูปเงินสกุลอื่นก็อาจจะไม่มีเงินไปจ่ายหนี้นายB นายBไม่ได้รับการชำระหนี้ก็เลยไม่มีเงินไปจ่ายนายC เกิดการล้มแบบโดมิโนตามมาอย่างมากมาย

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผมหมายถึงคนที่เป็นต้นขั้วเวลาล้มนะครับครั้นจะล้มก็ล้มเลย ส่วนยุโรปสมาชิกเยอะ เวลาจะล้มน่าจะมีสัญญาจแจ้งว่าจะล้มชัดเจ่นกว่าอเมริกา ส่วนตอนดอลล่าล้มก็ล้มทั้งโลกนี่ผมก็คิดอย่างงั้นครับ ผมคงเขียนไม่ชัด ขออภัยครับ

 

ส่วนที่่ว่ายูโรน่าจะไปก่อนผมว่าน่าจะอามรณ์เดียวกับรัฐบาลผสมนะครับ เอกภาพในการบริหารมันแตกง่ายกว่ารัฐบาลพรรคเดียว

ผมต้องขออภัยคุณleoมากกว่าครับ คุณleoเขียนชัดเจนแล้วครับ เพียงแต่ผมแซวคุณleoเเบบเพื่อนแบบคนคุ้นเคยครับ ผมแซวไม่ชัดเจเลยทำให้ดูเหมือนเราคิดต่างกันครับ

แต่ถ้าไม่ใช่คนคุ้นเคยผมไม่แซวนะครับ หลายคนในนี้คงไม่เคยเจอกันเลยแต่ก็ผูกพันกันมาก บางคนถึงกับเชื่อถือเขาอย่างมาก การผูกพันและสนิทแบบเพื่อนผมก็ว่าดีนะครับ แต่เชื่อถือเขาอย่างมากอาจจะไม่เหมาะนะครับ ผมขอยกตัวอย่างกรณีนึงนะครับ

น่าจะเป็นคนจากwebนี้พักแถวราชบุรี โทรถามราคาเงินร้านเจ้าประจำผมหลายครั้งเหมือนกัน ช่วงที่ราคาลงมาเยอะเขาสั่งซื้อ80กิโลแล้วโอนเงินมา50% ตอนรับของเขาเอาเพิ่มอีก20กิโล ผมว่าการโอนเงินแค่ครอบคุมความเสียหายที่ทางร้านต้องเจอก็พอแล้ว ถ้าโอนมากแล้วเกิดความเสียหายจะหาคนรับผิดชอบไม่ได้นะ อยู่ต่างจังหวัดช่วงขายอาจต้องเดินทางมาขายหลายครั้งก็ได้ถ้าถือของไว้เยอะ(คนกทมเดินทางหลายหนไม่ลำบากเท่าไหร่) ผมเคยโอนเงินหลายแสนแต่แค่20%ของราคาของและผมก็ไปเอาของบางส่วนวันนั้นเลยหลังเลิกงาน ผมโอนเพราะผมเคยเยี่ยมเยียนและคุ้นเคยกับทางร้านและบอกในเวปว่าผมเคยโอนเยอะแล้วไม่มีปัญหา แต่ไม่ใช่เป็นการยืนยันว่าครั้งต่อไปจะไม่มีปัญหานะ ดังนั้นควรโอนแค่ครอบคลุมความเสียหายที่จะเกิดกับทางร้านพอ(แต่ต้องรีบมาเอานะเงินของทางร้านจะไม่ไปจมกับสินค้าของเรา) อีกอย่างผมเป็นแค่ลูกค้าคนนึงเท่านั้นนะครับ มีอะไรไม่เกี่ยวกับผมเพราะผมไม่มีส่วนได้เสียและไม่ใช่เจ้าของ

เรื่องโอนเงินก่อนจำเป็นครับเพราะเคยมีคนสั่งของแต่ราคาในวันนั้นแกว่งแรงมาก พอราคาแกว่งลงแรงเขาไม่โอนเงินและปิดโทรศัพท์หนีเลย(ก็น่าจะเป็นคนในwebนี้เหมือนกัน) ทำอะไรไม่ดีก็นึกถึงบาปด้วยนะ แต่การเชื่อใจมากไปก็ระวังความผิดพลาดด้วยนะ

การอ่านข่าวหรืออ่านความเห็นในอินเตอร์เนท ระวังเรื่องผลประโยขน์แอบแฝงด้วยนะ ถึงเงินเราจะไม่ผ่านมือเขาแต่เขาอาจได้ผลประโยชน์แฝงที่เราไม่รู้ ต้องแน่ใจนะว่าเรามีข้อมูลมากพอแล้วที่จะเชื่อสิ่งที่อ่าน เขาต้องการผลอะไรบ้างไม่มีใครรู้ อย่าเชื่อแต่ให้คิดและหาเหตุผลประกอบที่จะเชื่อ คนที่มองต่างก็อาจจะไม่มีอะไรแอบแฝงและเขาอาจจะเป็นผู้ถูกก็ได้

ปล.ผมเขียนแบบนี้ในกระทู้คุณNEXT ต้องออกตัวนิดนึงครับว่าข้อเขียนคุณNEXTดีและสุดยอดมากเพราะผมตามอ่านและคิดตามตลอด ข้อมูลอยู่บนข้อเท็จจริงและมีหลักเหตุผลที่ชัดเจนมากครับ อะไรที่เป็นความเชื่อส่วนตัวคุณNextก็บอกว่าส่วนนี้เป็นความเห็นอาจไม่เกิดตามทีมอง ส่วนท่านอื่นที่เขียนดีมากและหวังดีก็หลายท่านนะครับ แต่ที่ผมต้องยืนยันสำหรับคุณnextเพราะผมพูดเรื่องนี้ในกระทู้คุณnext เป้าจะลงไปที่คุณnextมากกว่าคนอื่น อีกอย่างถ้าคุณnextพูดถึงอะไรที่แปลกๆหรือเหตุผลอ่อนมากรับรองมีหลายคนสอบถามเพิ่มเติมแน่ครับ ที่ผ่านมาผมยอมรับในความรู้และความโปร่งใสคุณNextครับ

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อ่าว พี่ส้มโอแซวเล่นหรอกหรอครับ แหะๆ ไอ้ผมก็นึกว่าพิมพ์ผิดความหมายซะอีก คิดต่างความจริงผมชอบนะ เวลาคนคิดต่างแล้วมันชอบมีแนวคิดใหม่ๆมาให้ผมคิดเสมอเลยครับ

 

ว่าแต่ตอนนี้ทางยุโรปมีใครได้ตามข่าวบ้างมั้ยครับ เห็นได้ยินแว่วๆ ว่าคลื่นรอบใหม่ใกล้จะมาแล้ว(แบบว่าใกล้เจ้ง)เห็นว่างั้น แต่ยังไม่ว่างเช็ครายละเอียดเลยซะที !_18

 

ล่าสุดเห็นข่าวลง

 

"รัฐบาลกรีซ ตัดสินใจดำเนินมาตรการทางการคลังแบบฉุกเฉินวงเงิน 6,000 ล้านยูโร เพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณและเร่งรัดการแปรรูปรัฐวิสาหกิจเป็นบริษัทจด ทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อระดมเงินจำนวน 50,000 ล้านยูโร มาชำระหนี้แก่เจ้าหนี้"

http://www.thairath.co.th/content/eco/174866

ถูกแก้ไข โดย leo_attack

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เอาคลิปที่รายการ Hard Talk (BBC) สัมภาษณ์ Jim Rogers มาฝากครับ

 

ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ลุง Jim Rogers ย้ายครอบครัวมาอยู่ที่สิงคโปร์ตั้งแต่ปี 2007 แล้ว

และมั่นใจว่าความเจริญในรอบต่อจากอเมริกานี่จะอยู่ในเอเชีย (ลูกแกทั้งสองคนต้องเรียนจีนกลาง

ด้วยกันทั้งคู่) อีกประเด็นนึงที่แกพูดก็คือ เงิน/ทอง เป็นสิ่งที่เหมาะสมสำหรับการรักษากำลังซื้อ

เนื่องจากรัฐบาลกลางทั้งกลายพิมพ์เงินใช้กันอย่างมือเติบ -- แต่อย่างไรก็ตาม แกก็พูดว่า

ถ้าเป็นแกตอนนี้ แกจะไม่ซื้อโลหะมีค่าเพิ่ม เพราะราคาขึ้นไปสูงมากแล้ว แต่ก็ไม่ได้ขยายความต่ออย่างไร

(แต่ก็ต้องอย่าลืมว่า "กำลังซื้อ" ของแกส่วนมาก ได้ถูกแปลงเป็นทองคำ/เงิน ตั้งนานแล้ว)

 

ผมมองได้สองมุมก็คือ แกอาจจะหมายความว่า

  1. เงินของแกถูกแปลงเป็นรูปอื่นหมดแล้ว ให้ขายหุ้นมาซื้อทอง ก็คงจะไม่คุ้ม (คล้ายๆกับที่ Robert Kiyosaki ให้สัมภาษณ์ในรายการวิทยุแห่งหนึ่ง)
  2. เดี๋ยวจะมีฟักดิบเกิดขึ้นอีกรอบ ซื้อตอนนี้ไม่คุ้ม

เนื่องจากผมยังไม่มีทองอยู่ในมือ เลยอดไม่ได้ที่จะมอง (อย่างเข้าข้่างตัวเอง happy.gif) ว่ากำลังจะมีฟักดิบเกิดขึ้นอีกรอบ เพราะถ้าเกิดวิกฤตแล้วตลาดหุ้นล้มเมื่อไหร่ โลหะมีค่าส่วนหนึ่งก็จะถูกนำมาเทขาย เพื่อเอาเงินมาชดเชยกับส่วนที่เสียหายไปจากตลาดหุ้น คล้ายๆกับช่วงปี 2008 เว้นแต่ว่าวิกฤตคราวนี้จะหนักหน่วงมาก จนสกุลเงินต่างๆ กลายเป็นกระดาษไร้ค่าทันทีทันใด

 

Jim Rogers on Hard Talk (BBC)

 

via:http://www.creditwritedowns.com/2011/05/heres-jim-rogers-bullish-asia.html

 

 

อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ อยากเอามาฝากให้ลองช่วยกันอ่านดู ก็คืองานของ Martin Armstrong

Articles by Martin Armstrong

 

บทความล่าสุด (The End Of Time? Part I) Martin Armstrong อธิบาย Economics Confidence Model

ของแกไว้ค่อนข้างชัดเจนทีเดียว (ตามอ่านมานาน แต่ไม่ค่อยจะเข้าใจซักเท่าไหร่ว่ามันคืออะไร คิดขึ้นมาได้อย่างไร)

 

โดยสิ่งที่ Economics Confidence Model เชื่อก็คือ ไม่มีอะไรที่จะเป็น "random" โดยทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอย่าง มี "รอบ" ของมัน

โดยหลักของแกก็คือ "รอบ" ของเศรษฐกิจใช้เวลา 51.6 ปี และสามารถแบ่งเป็น 6 รอบย่อย รอบละ 8.6 ปี

 

ในบทความนี้ (ยาว 35 หน้า) Martin Armstrong ได้อธิบายว่า model นี้เิกิดขึ้นจากการศึกษาประวัติศาสตร์ย้อนหลัง

ไปจนถึงก่อนคริสตกาล และแกได้ค้นพบว่าเศรษฐกิจในแต่ละยุคสมัยนั้น มีรอบของมันทั้งหมด ข้อมูลต่างๆที่แก

เอามาเขียนเพื่อยืนยันทฤษฏีของแกมีเยอะมากเหมือนกัน จนผมขี้เกียจอ่าน และเอาไป เทียบกับแหล่งข้อมูลอื่นๆว่าจริงหรือเปล่า laugh.gif

แต่ถ้าดูจากตารางของแก (หน้า 27) ก็จะัพบว่า ระยะระหว่าง peak กับ midpoint ของสองรอบที่ผ่านมา ตรงกับช่วง

dot bomb (1999-2000) กับ housing market (hamburger) crisis (2008-2009) ไม่รู้ว่าฟลุค หรือมันเป็นตามไปตามรอบ

ที่นาย Armstrong ว่าไว้

 

ถ้านาย ECM ของนาย Armstrong ใช้งานได้จริง (หรือฟลุคอีกครั้ง) "รอบ" ใหม่ที่กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้

จะเริ่มที่ 2011.45 หรือ 14-15 มิ.ย. ในปีนี้ ซึ่งน่าจะเป็นจุดที่ต่ำสุดอีกครั้งก่อนที่จะขึ้นกันต่อไปอีกรอบ

 

ใจหนึ่งก็อยากจะเชื่อ ECM ของ Armstrong เหมือนกัน แต่อีกใจหนึ่งก็อดคิดไม่ได้ว่าทฤษฏีนี้จะเป็นไปได้จริงหรือ

อะไรมันจะทำนายได้เหมือนกับว่าทุกอย่างถูกลิขิตไว้แล้ว เหมือนกับที่โหรต่างๆสามารถทำนายชะตาชีวิตเราได้ huh.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

xBT> CHINA:นักวิเคราะห์คาดจีนนำเข้าทองมากกว่า 400 ตันในปีนี้รับอุปสงค์พุ่ง

เซี่ยงไฮ้--27 พ.ค.--รอยเตอร์

 

GFMS ซึ่งเป็นที่ปรึกษาระดับชั้นนำของโลก เปิดเผยว่า ความต้องการทองแท่ง

และเหรียญทองของจีนในรูปแบบการลงทุนส่วนบุคคลอาจจะทำให้การนำเข้าทองแท่งของ

จีนเพิ่มสูงกว่า 400 ตันในปีนี้

นายฟิลิป แคลปวิค ประธานบริษัท GFMS กล่าวว่า ความต้องการโลหะเงิน

ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับอุปสงค์ภาคอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะขยายตัว 16% ต่อปี บ่งชี้ว่า

การบริโภคโลหะเงินทั้งหมดของจีนอาจจะมีปริมาณมากกว่าการผลิตในประเทศในปีนี้

รัฐบาลจีนไม่ได้เผยแพร่ข้อมูลสถิติการนำเข้าทองอย่างเป็นทางการ แต่

สภาทองคำโลกเปิดเผยว่า จีนผลิตทองได้ 340 ตันในปีที่แล้ว

การบริโภคทองทั้งหมดมีจำนวนราว 700 ตัน ซึ่งทำให้เกิดช่องว่าง 300

ตันที่จำเป็นต้องถูกชดเชยด้วยการนำเข้าและการนำทองในสต็อกออกขายในปีที่แล้ว

การนำเข้าทองที่เพิ่มขึ้น 5 เท่าในปีที่แล้วทำให้จีนกลายเป็นผู้ซื้อทอง

ชั้นนำ และการคาดการณ์ของ GFMS พบว่า การนำเข้าทองจะยังคงเพิ่มขึ้นใน

อัตราสูง แม้ราคาทองพุ่งขึ้นก็ตาม

อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นมากเป็นผลจากความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และผลตอบแทนต่ำ

ในหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ และยังได้แรงหนุนจากการที่จีนสนับสนุนการอุปโภคบริโภค

แบบรายย่อย เช่น การเพิ่มจำนวนธนาคารที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าทองแท่ง

GFMS คาดว่าความต้องการลงทุนในทองคำของจีนอาจแตะระดับ 300 ตัน

ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 200 ตันในปี 2009 ส่วนความต้องการลงทุนในโลหะเงินอยู่ที่

260 ตันในปีที่แล้ว

GFMS ยังคาดว่า การผลิตทองแท่งของจีนจะแตะระดับ 400 ตันภายในปี

2014 เพิ่มขึ้นเกือบ 19% จากปี 2010 ขณะที่การบริโภคมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเกือบ 25%

สู่ระดับ 700 ตัน ซึ่งบ่งชี้ว่าจะเกิดภาวะขาดแคลนราว 300 ตันภายใน 3 ปี

ราคาทองพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือระดับ 1,575 ดอลลาร์/

ออนซ์ในต้นเดือนนี้ ส่วนราคาโลหะเงินพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดที่ 49.51 ดอลลาร์/ออนซ์

ในปลายเดือนที่แล้ว ก่อนที่จะร่วงลงอย่างหนักจากแรงเทขายสินค้าโภคภัณฑ์ หลังจาก

ผู้ประกอบการตลาดสัญญาล่วงหน้าในเซี่ยงไฮ้และนิวยอร์คได้เพิ่มค่ามาร์จิ้น หรือเงิน

ประกันในการซื้อขาย

บริษัทระบุว่า การพุ่งขึ้นร่วมทศวรรษของราคาทองอาจจะทำให้ราคาพุ่งทะลุ

ระดับ 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์ภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่ความต้องการทองของนักลงทุนจะ

เพิ่มขึ้นต่อไปอีก--จบ--

 

(รอยเตอร์ โดย เสาวณีย์ เอกปัญญาชัย แปล; ก้องเกียรติ กอวีรกิติ เรียบเรียง)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ พี่ๆ เอามาฝากจากเวปคุณลุงโฉลกค่ะ บทความวันที่ 29 พค. 54 นี้เอง

 

"ทองคำเริ่ม Wave 3 อีกแล้ว คราวนี้สมาชิกคงไม่ตกรถกันนะครับ"

 

ps. มีกราฟด้วยค่ะ แต่ copy ไม่มา :P

ถูกแก้ไข โดย ตังเม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ใกล้หมดอายุ QE2 เข้าไปทุกที แต่อนาคตก็ยังไม่ชัดเจนว่า FED จะเอายังไง จะมีต่อทันทีหรือ QE3 หรือไม่

วันนี้มีบทความจาก Zerohedge ครับน่าสนใจมาก

To QE3 or Not to QE3 and Does it Matter?

http://www.zerohedge.com/article/qe3-or-not-qe3-and-does-it-matter

น่าอ่านมากครับ

 

โดยสรุปเขาบอกว่า เขาเชื่อว่าจะมี QE3 ต่อไปแน่นอน (อาจพลิกแพลงไปในรูปแบบอื่น หรือเรียกชื่ออื่น)

แต่หาก FED ประกาศไม่ดำเนินมาตรการ QE ต่อไป สิ่งที่เราควรตระหนักว่าจะเกิดอะไรต่อไป ที่เขาคาดการณ์ไว้คือ

- รัฐบาลสหรัฐ จะไม่สามารถโปะช่องว่าระหว่างงบประมาณรายจ่ายของภาครัฐ กับ ภาษีหรือรายได้รูปแบบอื่นๆ หรือเงินกู้ ที่จัดหาได้

เพราะภาระค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะสวัสดิการประชาชนด้านต่างๆ เพิ่มสูงขึ้นมหาศาลในช่วงที่ผ่านมา

ในสภาวะที่สินค้าต่างๆ โดยเฉพาะอาหาร และพลังงานแพงขึ้น การตัดสวัสดิการเหล่านี้จะทำให้ประชาชนไม่พอใจ เกิดจลาจล หรือ เลวร้ายกว่านั้น

- เศรษฐกิจจะหดตัว ปริมาณเงิน และ เครดิต ในระบบจะหดตัว ซึ่งส่งผลให้ราคาสินค้า การจ้างงาน การขอ/ปล่อยกู้ หดตัว และทำให้การเก็บภาษีไม่เข้าเป้า

จะเกิดการผิดการชำระคืนหนี้เงินกู้ในหลายระดับทั้งระดับเอกชน ระดับ state และระดับประเทศ

- ตลาดซื้อขายพันธบัตร และ ระบบธนาคารของโลกตะวันตกจะล่ม เพราะระบบเหล่านี้พึ่งพิงตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอยู่สูงมาก หากมีการผิดนัดชำระหนี้ของพันธบัตรรัฐบาลแม้บางส่วน จะทำให้ภาวะการกู้ยืม (ดอกเบี้ย) ทะยานสูงมาก ทำลายตลาดอนุพันธ์ทั้งหลาย และสกุลเงินนั้นๆ ตัวอย่างประเทศที่พันธบัตรรัฐบาล default (ผิดนัดชำระ) เช่นรัสเซียในปี 1998 (72 พันล้านดอลลาร์)ทำให้ระบบธนาคารของรัสเซียอยู่ในภาวะวุ่นวาย หลายธนาคารถูกปิด หลายแห่งถูกรัฐบาลยึด ค่าเงินลดลง 70% ในปีแรก (เงินเฟ้อปีแรก 84%) อีกตัวอย่างคือ Argentina ในปี 2001 (132 ล้านดอลลาร์) ทำให้เกิดเงินเฟ้อกว่า 5000% สุดท้ายต้องมีการปรับโครงสร้างหนี้ในทั้งสองประเทศ

 

จะ default หรือไม่ สุดท้ายก็ต้องมีการปรับโครงสร้างหนี้ซึ่งไม่ง่าย และ หลายครั้งก็ไม่ช่วยแก้ปัญหา เพราะ

1. ต้องเห็นชอบทั้งเจ้าหนี้ และ ลูกหนี้

2. มีโอกาสเกิด moral hazard (ปัญหาด้านศีลธรรม)

3. ต้องเก็บภาษีเพิ่ม ขายรัฐวิสาหกิจ ฯลฯ

(ลองนึกภาพไทยเข้า IMF เลยครับ)

 

 

อย่างไรก็ตามหากไม่มี QE3 เขาเชื่อว่าตลาดอาจตอบรับในทิศทางตรงข้ามก่อน นั่นคือ สหรัฐอาจสามารถประคับประคองให้ตลาดพันธบัตรทำงานได้ในระยะเวลาหนึ่ง แต่ผลที่จะเกิดคือ GDP จะตก สภาพคล่องจะตึงตัวขึ้นเรื่อยๆ และการแข็งค่าขึ้นของ US$ ระยะตรงนี้ไม่แน่นอน แต่ขึ้นอยู่กับเจ้าหนี้ของสหรัฐทั้งหลายว่าจะพร้อมใจกันสละเรือเมื่อไหร่ อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนคาดว่าสหรัฐจะไม่สามารถยื้อได้เกินปี 2012

 

 

สรุป เขาบอกว่าให้ถือ Physical Gold ครับ เพราะสุดท้าย(ในระยะยาว) เชื่อว่า new currency ที่มีทรัพย์สินหนุนหลังรออยู่ตรงปลายทางเหมือนกัน ไม่ว่าจะมี QE3 หรือไม่ครับ

ถูกแก้ไข โดย JohnCM

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...