ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

แปลว่า แนวโน้มยังคงเป็นขาลงต่อไปใช่ป่ะครับ

 

ตอนนี้ ขาชี้ขึ้น (หัวทิ่มลง) อยู่ค่ะ ดีแต่ว่า RSI อยู่ต่ำ แต่ไว้ใจมากไม่ได้ เพราะยังต่ำได้อีก แต่น่าจะไม่ลงระดับ 100 เหรียญแล้ว (มั๊ง) อาจจะแค่ระดับ 20-30 เหรียญ (แค่นี้ก็อ่วมแล้ว) !45

ถูกแก้ไข โดย kunghdy

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อยากกดบวก แต่กดไม่ได้ หมดแล้ววววem0009.gif

 

ไม่ยอมด้วย !_10 เอาไปกดบวกให้สาวที่ไหนหมด งอนละ !ee !Hi

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตายๆๆๆ พอ wave C ลงมาขนาดนี้ (ไม่แน่ว่าจะจบหรือยัง) wave 4 correction ใหญ่ของทองคำ ถูกย้ายลงไปที่ 1450 (เป้าหมายแรก) และ 1300 ต้นๆๆๆ เฮ้อ.... จะเป็นลม !45 ต้องหาจังหวะที่ดีด เผ่นออกก่อนดีกว่า ลงไปขนาดนั้น ไม่ไหวอ่ะค่ะ

 

ตอนนี้หมดงบจะซื้อแล้วผม ก้อนสุดท้ายใส่ไปตอน 1700 !_02

 

ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะลงลึกขนาดนั้นหรอกครับ

 

แต่ถ้าลงไปเยอะขนาดนั้นจริง คงต้องเอาบ้านไปจำนองซื้อทองแน่ !061

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไม่ยอมด้วย 8c460310.gif เอาไปกดบวกให้สาวที่ไหนหมด งอนละ 07baa27a.gif 3473749b.gif

 

แหะๆ เอาไปกดให้ที่คุณกุ้งพิมพ์อันก่อนๆหมดแล้ว เลยกดเพิ่มให้ไม่ได้อีก wub.gifwub.gifwub.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณคุณกุ้งมากค่ะ. ได้อ่านทุกโพสท์ที่คุณกุ้งแนะนำ และตอบคำถามเพื่อนสมาชิกทุกคนอย่างเต็มที่

ขอบคุณจริงๆค่ะ +1 ด้วยความเคารพ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

bullandbear.jpg

 

 

 

ธรรมชาติตลาดกระทิง(Bull Market)

 

วันนี้ปากกาขายดีแน่ๆ เซียนทำหักกันหลายคน ทองคำและเงิน (Gold and Silver)

โดนทุบราคาลงมาอย่างหนักถึง 30$ ภายในคืนเดียว เหตุการณ์ลักษณะแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่

เคยเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง นั่นเพราะราคาทองคำไม่ได้ขึ้นเป็นเส้นตรง ทุกวันๆ

ถึงจุดหนึ่งมันจะมีการปรับฐาน-พักตัว แต่ในระยะยาวแล้ว

 

 

“ทุกอย่างยังเหมือนเดิม”

 

 

ปัจจัยพื้นฐานไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง อารมณ์ของตลาดต่างหากที่เปลี่ยน สิ่งเหล่านี้เป็น “ธรรมชาติ”

การลงแรงๆ ของราคาทองคำ หลายต่อหลายครั้งในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ไม่ได้มีความหมายอะไร

(สุดท้ายก็ขึ้นคืนกลับมาตลอด)การลงของทองคำเมื่อวานก็เช่นกัน

 

 

นั่นทำให้ผมเคยเตือนเพื่อนๆสมาชิกว่า อย่าเพิ่งเข้าเทรด Gold Future เพราะการลงแรงๆ

ลักษณะนี้เกิดขึ้นได้เป็นเรื่องธรรมดา แต่Margin เราจะโดนกวาดทิ้ง หากเราขายตัดขาดทุนหรือ

ไม่สามารถหาเงินมาเติมหลักประกันได้จนโดนบังคับขาย (Force Sell) นั่นเท่ากับว่า

เราจะโดนเชิญให้ออกจากตลาด

 

ใครที่อ่านบทความผมแล้วเห็นว่าทองจะขึ้น เลยซื้อสัญญา Gold Future เยอะๆเข้าไว้

บางทีอาจจะไม่ได้ง่ายและไม่ได้เป็นอย่างที่คิด

 

วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจและศึกษาธรรมชาติของตลาดกระทิงกันก่อนลงสู่สนามครับ

ขึ้นชื่อว่ากระทิง นั้นต้อง “พยศ” แน่ๆ หากคิดจะขึ้นขี่ จึงต้องรู้วิธี.

 

 

:excl: ธรรมชาติ ข้อที่ 1 : ตลาดกระทิงเวลาขึ้น-ขึ้นบันได / แต่เวลาลง–ลงลิฟท์

 

 

อาจารย์ผมสอนไว้ว่า ในภาวะตลาดขาขึ้นนั้น ราคาจะทำการไต่ระดับค่อยๆขึ้นๆ ใช้เวลาพอสมควร

แต่เวลาลงนั้นจะลงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เพราะ

 

ตลาดจะทำการ “กำจัดผู้เล่นที่มาทีหลังให้ออกจากตลาดไปก่อน”

 

สังเกตจากล่าสุด ราคาทองคำใช้เวลาถึง 1 อาทิตย์กว่าจะปรับขึ้น 400 บาท (ถือว่าขึ้นเร็วแล้วนะครับ)

แต่เวลาลง 400 บาทนั้น เกิดขึ้นได้ภายในคืนเดียว

 

“เปรียบไปก็เหมือนกระทิงตัวนี้ จะสะบัดคนให้ตกจากหลังมันให้มากที่สุดก่อน แล้วค่อยวิ่ง”

 

นักลงทุนที่รอให้ราคาตลาดขึ้นไปเรื่อยๆ จนมั่นใจว่าขึ้นแน่ๆ แล้วค่อยซื้อจึง

มักจบลงโดยการ “ตัดขาดทุน” ผู้เล่นที่จิตใจไม่มั่นคง และปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล+ปัจจัยพื้นฐาน

จึงมักจะเป็นผู้แพ้ และจบลงด้วยการเสียตังค์

 

ตรงกันข้ามกับตลาดหมี (Bear Market) ตลาดนี้เวลาขึ้น-ขึ้นลิฟท์ แต่เวลาลง-ลงบันได

ราคาจะปรับตัวขึ้นแรง เพื่อเรียกความมั่นใจให้กับนักลงทุนว่าราคาขึ้นแน่ๆ จนกระโจนเข้าใส่

แต่หลังจากนั้นก็เป็นแค่การขึ้นหลอก ค่อยๆตกกลับลงมาเรื่อยๆ ไม่ให้เรารู้ตัว

 

 

:excl: ธรรมชาติข้อที่ 2 : ในตลาดกระทิงคุณต้องกล้าซื้อเมื่อมันลง

 

 

“Buy the dip" คือหัวใจสำคัญในการเข้าสู่ตลาด

เหมือนอย่างที่ วอร์เรน บัฟเฟต เคยพูดไว้ว่า “ต้องกล้าในเวลาที่คนอื่นกลัว” ในภาวะ ที่คนส่วนมากในตลาด

นั้นมีการเทขายอย่างรุนแรง (Sell off) หากเรามองที่อีกด้าน มีคนจำนวนหนึ่ง “รับซื้อ” อยู่

หากไม่มีคนซื้อก็เกิดการซื้อขายไม่ได้) คนเหล่านี้เป็นใคร ?? ทำไมมองต่างจากคนอื่น ??

 

คนเหล่านี้คือ ผู้เล่นที่ฉลาด (Smart Money) กล้าซื้อในเวลาที่คนอื่นไม่ซื้อ

สำหรับตลาดทองคำนั้น บอกได้เลยว่า ยิ่งลงแรง เราควรจะดีใจ

 

เพราะยิ่งลงมาก หมายความว่า ประตูแห่งโอกาสเปิดกว้างมากขึ้นตามไปด้วย

(The bigger sell off The bigger buying opportunity)

 

ใช้จังหวะแบบนี้เติมทองคำในพอร์ทของคุณ แล้วกอดมันไว้แน่นๆ นะครับ

 

 

:excl: ธรรมชาติข้อที่ 3 : “เซอร์ไพรส์” ทองขึ้น !

 

 

พวกเรามักจะคอยติดตามและอ่านข่าวกันอย่างหนัก เพื่อที่จะได้คาดเดาราคาได้ถูก แท้จริงแล้ว

 

ราคาต่างหากที่กำหนดข่าว -ไม่ใช่ข่าวกำหนดราคา

 

หลายต่อหลายครั้งนักลงทุนแม้จะติดตามอ่านข่าวทุกสำนัก ก็ยังขาดทุน นั่นเพราะ ราคามันจะวิ่งลงหรือขึ้นก่อน

ข่าวค่อยตามมาสนับสนุน ทีหลังเป็นแบบนี้อยู่ทุกครั้งไป เราจึงคิดไปว่า "ตลาดที่เราลงทุนอยู่นี่ สมเหตุสมผลจริงๆ"(มีข่าวรองรับตลอด)

แต่หากเป็นอย่างนั้นจริง คนที่จะกำไรจากการลงทุนมากที่สุด ควรจะเป็น นักข่าว

เพราะเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้เร็วกว่าคนอื่น แต่ก็ยังเห็นมานั่งอ่านข่าวให้เราฟังทุกวันเหมือนเดิม

 

ไม่ใช่ว่าเราจะไม่ศึกษาหาข้อมูลนะครับ แต่ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่การอ่านข่าว

แต่อยู่ที่การ เอาข่าวมาวิเคราะห์ ถึงผลที่จะตามมาในอนาคตมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นความน่าเชื่อถือของข่าวก็มีส่วนสำคัญ

 

หลายปีที่ผมเฝ้าติดตาม ตลาดทองคำ หลายต่อหลายครั้งทองขึ้นในช่วงเวลาที่เราคาดไม่ถึง

ทำให้เราประหลาดใจและซื้อไม่ทันอยู่บ่อยๆ การไม่มีทองคำติดพอร์ทเลยทำให้เราพลาดโอกาสแบบนี้

 

 

:excl: ธรรมชาติ ข้อที่ 4 : หากไม่หวังกินรอบเล็ก ก็จะไม่พลาดรอบใหญ่

 

 

เทรนหลักของตลาดทองคำ คือ “ขึ้น” ลองมาย้อนดูกันครับ

 

10 ปี

 

 

au3650nyb.gif

 

 

 

5 ปี

 

 

au1825nyb.gif

 

 

 

ปีเดียว

 

 

 

au0365nyb.gif

 

 

 

 

หรือจะแค่ 6 เดือน

 

 

au0182nyb.gif

 

 

 

 

พอเราถอยห่างออกมาดู กราฟในระยะกลางและระยะยาวแล้ว ก็พบว่า ทิศทาง เป็นไปในลักษณะเดียวกันคือ “ขึ้น”

 

“การซื้อแล้วถือรออย่างอดทน จะทำให้เราได้ผลตอบแทน ที่ดีกว่าการ ซื้อๆขายๆ เข้าๆออก พยายามจะทำรอบ”

 

คนที่ยืนยันเรื่องนี้ได้ดีที่สุดคือ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนที่ใครหลายๆคนยึดเป็นต้นแบบ

 

ดร.บอกว่า การลงทุนก็เหมือนการขับรถ จุดหมายปลายทางคือความสำเร็จ

บางครั้งระหว่างทาง เลนที่เราขับมันดูติดขัดเหลือเกินเมื่อเทียบกับเลนข้างๆ

พอเราเห็นอย่างนี้ เราจึงชอบ “เปลี่ยนเลน”

 

เคยมั๊ยครับ ? เลนข้างๆ วิ่งฉิว แต่พอเราเปลี่ยนเลนไปเท่านั้น

ติดทันทีเลย ส่วนเลนเก่าของเราวิ่งแซงไปซะอย่างงั้น

 

:rolleyes: การที่เราเห็น คันอื่นพยายามเปลี่ยนเลนไปมาบ่อยๆ

ดูเหมือนเค้าจะไปได้ไวกว่าเรา เอาเข้าจริงๆ อาจจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้

 

:rolleyes: การซื้อทองคำแล้วติดดอยไม่ได้กำไร เทียบกับคนอื่น

ซื้อๆขายๆ เล่นรอบ ทำกำไรบ่อย ๆ เหมือนเค้าจะไปไวกว่าเรา ท้ายที่สุด พอทองขึ้นเค้าอาจจะ

ไม่ได้กำไรเหมือนอย่างที่เราคิดก็ได้

นอกจากนี้การเปลี่ยนเลน ปาดแซงบ่อยๆ ยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ (ขาดทุน) อีกด้วย

 

ด้วยเหตุนี้ การลงทุนที่ดี บางทีมันน่าเบื่อครับ เปรียบเหมือนเรา วิ่งเลนขวาเลนเดียวไปเลย

มันติดบ้างช้าบ้าง “รอเถอะครับ”

ปลอดภัยคุ้มค่ารอและถึงจุดหมายปลายทางแน่นอน

 

หากยังไม่ชัดเจน ผมอยากจะเทียบกับการ “หุงข้าว” พอร์ททองคำของเรานั้น

หากว่าอยากจะให้สุกงอมและออกมาสวยน่ารับประทาน ต้องให้เวลามันครับ

 

หากคุณใจร้อนเปิดฝาหม้อดูบ่อยๆ สุดท้าย คงได้กินข้าวแข็งๆ

อดใจรอ จนสวิตซ์ มันดีดเองเถอะครับ รับรองข้าวสวยฟูได้ที่แน่ๆครับ.

 

 

:excl: ธรรมชาติ ข้อที่ 5 :อย่าปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล

 

ทุกอย่างที่ผมได้พูดมา ในทุกบทความ คือ“สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นจริง” หากว่าคุณเชื่อและรู้แบบนี้แล้ว

สิ่งเดียวที่จะขัดขวางไม่ให้คุณได้เข้าร่วมในโอกาสทอง (จริงๆ) ครั้งนี้

ก็คงเหลือแต่ “อารมณ์” ของคุณเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

 

นักลงทุน หลายคนที่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะปล่อยให้อารมณ์เข้ามาครอบงำเหนือเหตุผลที่ตัวเองรับรู้

แผนการที่วางเอาไว้เลยพังไม่เป็นท่า

 

เลิกทรมานตัวเองด้วยการจ้องราคาอยู่หน้าคอมพ์แล้วลุ้นระทึกไปกับมันเถอะครับ

มองไปในระยะยาวดีกว่า ไม่วุ่นวายใจ-หลับสบายทุกคืนครับ

 

 

ตลาดทองคำปี 2011 ผมเชื่อว่า ราคาสวิงไปมาต้องมีอยู่แล้ว

การขึ้นลง ระดับ 5-10% นั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้

แต่เนื่องจากฐานของทองคำมันกว้างขึ้น

 

เช่น

 

- ทองบาทละ 10,000 : ขึ้นลง 5-10% คือ 500-1000 บาท

 

- แต่ตอนนี้ทองบาทละ 20,000 : ขึ้นลง 5-10% เลยกลายเป็น 1,000-2,000 บาท

 

การเคลิ่อนไหวระดับนี้อาจจะดูหวือหวา แต่เราต้องทำใจรับมันให้ได้ เพราะท้ายที่สุด

ทิศทางยังเป็นขาขึ้น

 

ในปี 2011 นี้ผมขอคาดการณ์แบบ "ถ่อมตัวและกลัวผิด" ว่า

อย่างน้อย เราน่าจะได้เห็น ราคาทองคำที่ระดับ 22,000-23,000 ต่อบาท

แต่หากเข้า Mania Phase แล้ว ระดับราคาที่ว่านี้ถือว่าจิ๊บๆ ครับ

 

 

ปล. ลุ้นเหนื่อยเลยครับสำหรับเป้าของลุงจิม : Widget ผมแจ้งเตือนว่าเหลือเวลาอีกเพียง 9 วัน

ผมเฝ้านับมา ตั้งแต่ 400 กว่าวัน ก็จะขอลุ้นกับลุงไปจนถึงที่สุดหละครับ ตามกันต่อไป

 

 

อ่านกี่รอบก็ไม่เคยเบื่อ สุดยอดจริงๆครับ :sidewayup:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มีผมเป็นเพื่อนด้วยครับ ฮ่าๆๆ

ผมยังซื้อ เปิด L เรื่อยๆ ไล่ตั้งแต่ 1910-1877-1760-1730-1720-1690 ตอนนี้ L เต็มกระเป๋าเลยครับ ฮ่าๆๆๆ

วันจันทร์ลงอีก จะเปิด L อีก ดูสิจะลงไปแค่ไหน :rolleyes:

 

ใกล้เคียงกันเลยค้า คุณ totonx. มี L ต่อตัวกันเป็นคอนโดย่อมๆเลย

แถมด้วยคอนโดทองแท่งอีก 1 ด้วยสิ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณคุณกุ้ง เซทไทยกะทองจะลงน่ากลัวขนาดนั้นเลยหลอคะ แบบนี้เตรียม short tfex ดีไหม ฮิๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

$27 เลยเหรอครับfadeba1b.giffadeba1b.giffadeba1b.gif

ไม่เป็นไร ไหนๆดอยผมก็สูงลิบอยู่แล้วbiggrin.gif

 

อยู่เป็นเพื่อนค่ะ ^_^

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ซื้อไปเมื่อวาน 1720 กะจะเล่น สั้นสักกะหน่อย คืนเดียว โดยเล่นซะ !034

 

ไม่เป็นไร รอต่ำกว่านี้ซื้ออีก ยังเหลือกระสุนอีก 1 5555

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ราคา สมาคมนี่คิดค่า premium อุบาทย์มากเลยครับ

ลองดูราคาวันที่ 03/08/11 ตาม link ล่างน๊ะครับ

http://www.ranthong.com/webboard/gp.php?page=17'>http://www.ranthong.com/webboard/gp.php?page=17

 

คิดตามสูตรที่เฮียกัมเคยให้ จะได้ค่า premium = 1

 

แต่ราคาวันนี้ 24/09/11 ตาม link ล่างน๊ะครับ

http://www.ranthong.com/webboard/gp.php?page=1

 

คิดตามสูตรที่เฮียกัมเคยให้ จะได้ค่า premium = 20

 

สูตรที่ใช้

 

= (SpotGold + Premium) x 32.148 x THB x 0.965/65.6

 

ค่า premium มันขึ้นมานานมากอ้ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไทยต้องมีมาตรการรองรับ หากยุโรปล่ม

คุณนิติ นวรัตน์

 

ผมมีความรู้สึกว่าเศรษฐกิจโลกกำลังจะเจอกับวิกฤติเศรษฐกิจอย่างรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยเจอมาในอนาคตอันใกล้ และผลกระทบในทางลบจากวิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้ที่มีต่อโลก จะรุนแรงยิ่งกว่าวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำครั้งใหญ่ ในระหว่าง พ.ศ.2471-2472 ที่เราเรียกกันว่า The Great Depression

 

ทวีปยุโรปที่ผมใช้พำนักพักอาศัยอยู่ในขณะนี้ เริ่มมีปัญหารุนแรงและกระทบอย่างเห็นได้ชัดสัมผัสได้ ที่ว่าสัมผัสได้ ก็เพราะความโกลาหลอลหม่านได้เกิดขึ้นแล้วในยุโรป สัปดาห์ที่แล้วนี่เองครับ เมืองในราชอาณาจักรสเปนหลายเมืองเริ่มโดนตัดไฟฟ้า เพราะรัฐบาลไม่มีเงินไปจ่ายค่าไฟ วิกฤติการเงินในระดับประเทศส่งผลลงมาถึงระดับเมืองอย่างเร็วและแรง อย่างเมืองคอสตา เดล โซล ของสเปนนี่ ตอนนี้เป็นหนี้เป็นสิน 30 ล้านยูโร ไม่ได้จ่ายค่าไฟฟ้ามานาน หน่วยงานราชการและสถานที่สาธารณะโดนตัดไฟฟ้าหมดแล้ว แต่ก่อนง่อนชะไร เราเคยเจอแต่บุคคลธรรมดา หรือบริษัทถูกฟ้องล้มละลาย ตั้งแต่เกิดมาเราก็เพิ่งได้ยินว่าเมืองทั้งเมืองถูกฟ้องล้มละลาย

 

สภาวะโกลาหลอลหม่านในยุโรปแย่กว่าเมื่อคราวโซเวียตล่มเมื่อปลาย พ.ศ.2534 ตอนนั้นโรงงานไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนนานถึง 6 เดือน แต่พนักงานก็ยังไปทำงาน และได้รับค่าตอบแทนเป็นสิ่งของ บางแห่งรับเงินเดือนเป็นสบู่ เป็นยกทรง เป็นผลิตภัณฑ์ที่โรงงานผลิตได้ แม้ว่าจะเจอปัญหาหนักอย่างนี้ แต่ผู้คนก็ยังไม่หยุดงาน ไม่ออกมาเดินขบวนประท้วง

 

สมัยที่พวกเราเจอกับวิกฤติเอเชีย หรือวิกฤติต้มยำกุ้ง เมื่อ พ.ศ.2540 ก็ยังไม่ถึงขนาดมีเมืองล้มละลายหายไป ข้าราชการก็ยังมาทำงาน หรือแม้แต่วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ในอเมริกาเมื่อ พ.ศ.2551 ก็ยังไม่เจอสภาวะเมืองล้มละลาย

 

ทว่า วิกฤติหนี้สาธารณะในยุโรปที่อุบัติอยู่ในตอนนี้ เมืองล้มละลายยังไม่พอ ผู้คนที่นี่ยังไม่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประเทศ ข้าราชการเริ่มพากันทิ้งงานเพราะราชการไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนมาหลายเดือนแล้ว ที่เมืองคอสตา เดล โซล ของสเปน ข้าราชการหยุดทำงาน เมืองวัลเวอร์เด เดล คามิโน ข้าราชการที่นั่นบอกว่า ไม่ได้เงินเดือนมานานถึง 4 เดือนแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะไม่ได้ต่อไปในอนาคตอีกนาน พวกเราขอทิ้งงาน เพราะไม่มีทุนในการดำเนินชีวิต

 

ผมได้ข่าวมาว่า แม้แต่ตำรวจสเปนในหลายเมืองก็ไม่มีปัญญาหาเงินมาซื้อน้ำมันมาใช้เติมรถยนต์ของทางราชการ ตำรวจต้องใช้วิธีเดินเท้าแทน แต่จะเดินกันไปได้สักกี่น้ำ

 

ทวีปยุโรปและสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดใหญ่ของสินค้าที่ไปจากจีนและอินเดีย เมื่อยุโรปมีปัญหา ผู้คนไม่มีปัญญาหาเงินมาซื้อของ วิกฤตินี้ กระทบไปถึงจีนและอินเดียแน่นอนครับ ที่อเมริกาเองตอนนี้ สำนักงานสำรวจสำมะโนประชากรของสหรัฐฯ ก็ออกมายอมรับแล้วครับว่า คนยากจนในสหรัฐฯมีมากขึ้น ตัวเลขคนยากจนตอนนี้พุ่งไปที่ 46 ล้านแล้ว อเมริกากลายเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่มีอัตราคนยากจนสูงที่สุด ปัญหาครั้งนี้อาจจะเลวร้ายกว่าปัญหาครั้งก่อนๆ เยอะ

ที่ผมว่าจะเลวร้ายกว่าเก่า ก็เพราะถึงตอนนี้ เรายังไม่ค่อยเห็นแผนกู้วิกฤติอะไรที่เป็นรูปธรรมจากประเทศในทวีปยุโรปเลย ที่อเมริการอดเมื่อครั้งก่อนก็เพราะว่ารัฐบาลอเมริกันรีบเข็นโครงการกู้วิกฤติออกมาสู้

 

ผู้อ่านท่านยังจำปลายสมัยของประธานาธิบดีบุชได้ไหมครับ ตอนนั้นเรายังได้เห็นสภาคองเกรสผ่านโครงการ TARP (Troubled Assets Relief Program) ที่ใช้เงินตั้ง 700 พันล้านดอลลาร์ เอาไปใช้ซื้อหุ้นธนาคารที่ขาดทุน เอาไปช่วยอุตสาหกรรมรถยนต์ เอาไปช่วยผู้กู้อสังหาริมทรัพย์ที่ถูกยึด เอาไปช่วยบริษัทอสังหาริมทรัพย์ให้มีสภาพคล่อง ฯลฯ มาตรการพวกนี้ยังทำให้คนมีความหวัง ยังพอมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

 

หรืออย่างในยุคของโอบามา เรายังได้เห็นสภาคองเกรสผ่านร่าง พ.ร.บ. The American Recovery and Reinvestment Act พ.ศ.2552 เพื่อลดภาษีบุคคลธรรมดาและสาธารณะ กฎหมายใหม่ช่วยให้เงินเข้าไปหมุนในเรื่องวิจัยและพัฒนาเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน พัฒนาพลังงานสะอาด พลังงานทดแทนน้ำมัน ปรับปรุงโรงเรียน ก่อสร้างและปรับปรุงสาธารณูปโภค กฎหมายทำให้รัฐบาลโอบามาสามารถสร้างงานให้คนตกงานที่ตอนนั้นมีเยอะจริงๆ ได้มีงานทำไปพลางก่อน ฯลฯ

 

ยังมีมาตรการของรัฐบาลอะไรอีกหลายอย่าง ที่ออกมาทำให้คนพอมีความหวังว่าเอาเถอะน่า ช่วยกันร่วมสู้กับวิกฤติ

 

วิกฤติที่เกิดในยุโรปนี่ อ่านข่าวแล้ว ยิ่งทำให้เราใจเหี่ยวครับ รัฐบาลฝรั่งมังค่าพวกนี้มีสติปัญญาแค่ออกมาตะโกนก้องร้องขอความช่วยเหลือจากจีน อะไรก็จีน ขอให้จีนช่วย

 

พ้นจากจีนแล้ว พวกนี้ก็ไปตะโกนก้องเรียกร้องความช่วยเหลือจากกลุ่มประเทศบริกส์ BRICS ที่มีทั้งบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ ให้ช่วย แต่มาตรการหลักๆ ที่จะออกมาเป็นผลทางจิตวิทยา เพื่อให้คนเชื่อว่า ถ้าร่วมมือกันสู้วิกฤติ ก็จะไปรอด ยังไม่มี

รัฐบาลไทยต้องรีบสร้างมาตรการรองรับการล่มสลายของยุโรปไว้ด้วยครับ.

 

ที่มา: ไทยรัฐ, 19 ก.ย. 2554

 

ฝากบทความนะคะ ถ้ายาวไปต้องขอโทษด้วยค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ถ้าอยากได้ราคาใกล้เคียงกับ spot เห็นเพื่อนๆบางคนก็ใช้วิธีซื้อทอง on-line เอานะครับ laugh.gif

 

ถ้าคุณ my dear ลองหาข้อมูลการซื้อทองคำในต่างประเทศ (ที่อยู่นอกกลุ่มยุโรปหลักๆ)

ผมเชื่อว่าแทบจะหาประเทศไหนที่ลงทุนในทองคำได้สะดวก ปลอดภัย และไม่โขกเว่อร์ แบบเมืองไทยแล้วหล่ะครับ

แรกๆผมก็เซ็งเฮียๆทีกำหนดราคาที่สมาคมเหมือนกัน แต่พอลองศึกษาดูแล้ว เจอค่า "พีเมี่ยง" แค่นี้ จิ๊บๆ

 

ล่าสุดค่าพีเมี่ยงของทองคำแท่งสวิส - 1oz ที่ APMEX อยู่ที่ $60

นี่ยังไม่รวมค่าจัดส่ง (ถ้าไม่ได้ซื้อโดยตรงจากที่ร้าน) และภาษีในการขาย (สำหรับบางรัฐ)

ส่วนซื้อคืน ซื้อคืนที่ราคาใกล้เคียงกับ spot แต่มีขั้นต่ำ และต้องเสียภาษีในส่วนของกำไร

 

ราคา สมาคมนี่คิดค่า premium อุบาทย์มากเลยครับ

 

ถูกแก้ไข โดย wcg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณท่านผู้รู้ทุกท่านค่ะ ไม่เคยเข้ามาบ้านนี้เลย พอมาอ่านแล้วต้องกลับไปตามอ่านตั้งแต่หน้า 1 นอกจากสนุกน่าติดตามแล้วยังได้ความรู้มากมาย

อดที่จะเข้ามาขอบคุณไม่ได้วิทยาทานนี้ช่วยให้ผู้คนมากมายที่อยู่ในตลาดอันโหดร้ายนี้รู้ที่จะเอาตัวรอดได้มากขึ้น

ขอบพระคุณจากใจอีกครั้งค่ะ :wub:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...