ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

วรวรรณ ธาราภูมิ · 323 ผู้ติดตาม4 ชั่วโมงที่แล้ว ·

ในภาพใหญ่ของโลก ยังไม่มีข่าวดี

 

วรวรรณ ธาราภูมิ

 

20 มิถุนายน 2555

 

นอกเหนือจากที่ Goldman Sach ออกมาทำนายบอกว่าสัปดาห์หน้าน่าจะมี QE3 ออกมาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งแล้ว ก็ไม่มีข่าวดีอะไรเลย

 

ข่าว QE3 อาจช่วยดันตลาดได้พักหนึ่งหากเป็นจริง แต่ถ้าไม่จริง หรือ FED บอกว่ายัง ตลาดรวมๆ ก็น่าจะฟุบลงมาอีก

 

แล้วถ้า QE3 เป็นเรื่องจริง ดูจากพฤติกรรมในอดีตและความคาดหวังของผู้คนก็คาดว่าราคาสินทรัพย์เสี่ยงก็คง จะพุ่งขึ้นไปพักหนึ่ง แต่ไม่น่าจะนานเท่ารอบที่แล้ว

 

เพราะปัญหาจริงๆ ไม่ได้หายไปไหน ยังอยู่ครบถ้วน และหนักกว่าเดิม

 

อ้าว ยังไงล่ะ

 

ก็เพราะขณะนี้ไม่มีพื้นที่หลักที่ไหนในโลกที่มีการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญน่ะสิ

 

จีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมเศรษฐกิจในเอเชียเพิ่งลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ เพราะเศรษฐกิจจีนดูท่าทางจะอ่อนแรงลงไปมาก

 

บางคนอาจบอกว่าอัตราการขยายตัวที่คาดว่าจะสูงกว่า 8% ของจีนยังไม่ดีพออีกหรือ

 

ก็ใช่ มันดูดีเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ แต่ถ้าเทียบกับที่เคยเป็นคือเคยขยายได้กว่า 10% วันนี้มันก็ลดลงมาไม่น้อย

 

การที่จีนมีนโยบายขยายฐานชนชั้นกลางให้มากขึ้น ซึ่งก็หมายถึงให้คนรากหญ้า คนชนบท ขยับขึ้นมาเป็นคนมีเงินมากขึ้น มีความเป็นอยู่ดีขึ้น เขาถึงออกนโยบายผลักดันเศรษฐกิจสุดๆ ตามที่ผ่านมา เพื่อให้คนกว่าพันล้านคนกลายเป็นคนชั้นกลาง ดังนั้น การจะทำให้สำเร็จ จีนต้องมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สูงมาก คือต้องขยายตัวได้ในระดับ 2 หลัก ไม่ใช่หลักเดียว

 

แต่ตอนนี้ จีนเริ่มเจอปัญหาจากภายในและภายนอก อัตราการขยายตัว การเติบโต จึงโดนกดดันลงมาต่ำกว่า 2 หลัก

 

ลองหันไปมองอินเดีย ก็พบว่า อีนี่ฉานไม่ได้อยู่ในฐานะที่แข็งแร็งมากๆ อีกต่อไป จะเป็นเพราะเรื่องการเมืองภายในที่ทำให้ไม่สามารถนำพาประเทศให้ไปถึงฝั่งฝัน ได้ หรืออะไรก็ตามที

 

ความจริงโดยสรุปก็คือ 2 เสือแห่งเอเชีย จีน กับ อินเดีย โตช้าลง และย่อมมีผลต่อภาพรวมของโลกด้วย

 

ผลกระทบต่อเนื่องก็คือ ....

 

ประเทศอื่นๆ ที่ทำมาค้าขาย ส่งวัตถุดิบให้จีน ให้อินเดีย ก็พลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้

 

ออสเตรเลีย ต้องลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงไป 0.25% เพื่อช่วยประคอง/กระตุ้นเศรษฐกิจตนเอง เนื่องจากเอเชียโตชะลอลง

 

บราซิล ก็โตช้าลงกว่าที่คาดหวังกัน เพราะจีนนำเข้าวัตถุดิบจากบราซิลน้อยลง

 

ประเทศอื่นๆ ที่มีการค้าขายกับจีน เช่น เอเชีย ก็จะเจอปัญหาคล้ายๆ กัน แต่ไม่เรียกว่าย่ำแย่ ยังไม่ใช่เศรษฐกิจถดถอย (Recession) ยังไม่ถึงขั้นนั้นแบบยุโรป ยังเติบโตอยู่ เพียงแต่ไม่มากเท่าที่คาดหวัง

 

รัสเซีย อาจเป็นอีกประเทศที่โลกคาดหวัง แต่หลังจากพ้น Recession ล่าสุดนี้มา รัสเซียก็โตเพียง 3.8% - 5.0% เท่านั้น ฟังดูก็ไม่น้อย แต่การเป็นอัตราขยายตัวหลัง Recession ซึ่งมีฐานต่ำๆ นั้น ทำได้แค่นี้ก็ต่ำกว่าที่เคยทำได้ในอดีตไปถึง 3.0%

 

ส่วนยุโรปทั้งทวีป ก็ยังคงว่ายวนอยู่ในมหาสมุทรแห่งหนี้สิน ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจตัวสำคัญๆ ล้วนบ่งบอกถึง Recession ที่จะกินลึก อัตราการว่างงานก็พุ่งสูงขึ้นทุกที อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมในตลาดพันธบัตรซึ่งเป็นแหล่งที่รัฐบาลต่างๆ หาเงินมาไฟแนนซ์งบประมาณตน ก็สูงขึ้นจนน่าขนลุกว่ารัฐจะจ่ายดอกไหวเหรอ

 

เป็นอย่างนี้แล้ว ยุโรปจะขยายเศรษฐกิจให้โตจนโผล่ขึ้นมาหายใจได้อย่างไรกัน กรีกจะออกหรือไม่ออกจากกลุ่มยูโรโซน ตอนนี้ก็งั้นๆ ละ

 

เพราะไม่ออกวันนี้ก็ต้องออกในวันหน้าอยู่ดี

 

เหลียวไปดู สหรัฐอเมริกา บ้าง

 

2-3 เดือนก่อนนี้ก็มีตัวเลขเศรษฐกิจที่บ่งชี้ว่าอเมริกากำลังแย่ลง แม้ว่าระหว่างทางจะมีบางตัวเลขโผล่มาแว้บๆ ให้ดูเหมือนจะดีขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ของจริง

 

ดังนั้น สำหรับอเมริกาแล้ว แม้จะยังไม่ใช่ Recession เต็มๆ อย่างยุโรป แต่ก็เรียกว่าชะลอลง แบบโต 0% โดยเฉพาะต้นปีหน้าจะเรียกว่าของจริงโผล่

 

เรียกว่า ทฤษฎี ZerO_bama ของพวกเรายังใช้ได้

อัตราดอกเบี้ย > Zero

การเติบโต > Zero

ประธานาธิบดี > ZerO_bama

 

ในที่สุดแล้วเมื่อมองในภาพรวมเป็นภาพใหญ่ เราจะเห็นว่า ......

 

ยุโรปไม่โต กำลังแย่ลง และส่งผลกระทบอย่างน้อยก็ทางจิตวิทยาไปยังอเมริกา ในขณะที่สภาพของจีนกับอินเดียก็ส่งผลลบไปยังทวีปเอเชียและประเทศอื่นที่เป็น ผู้ส่งออกสินค้าโดยเฉพาะ Commodity ไปยังจีนและอินเดีย เช่นกัน

 

แล้วไหนล่ะข่าวดี ทุกภูมิภาคในโลกต่างมีแต่ข่าวลบ กระทบกันไปหมด จะมากจะน้อยก็แล้วแต่ และตลาดในระยะสั้นก็กระทบได้ในเชิงจิตวิทยาด้วย อาจเป็นบวกเพราะ Goldman Sach ออกมาเล่นข่าว QE3 แต่หากตลาดมีสติ นึกขึ้นมาได้เมื่อใด ก็อาจสนองตอบเป็นลบจากภาพจริง

 

มองโดยรวมในภาพใหญ่ของโลก จึงสรุปว่า ไม่ดี

 

นี่คือการมองแบบ Macro

 

แล้วบ้านเราล่ะ จะเป็นยังไง กระทบไหม จะรอดรึเปล่า

 

คำตอบแรกคือ กระทบสิ เพราะการค้าขายมันพันกันไปหมด ไม่โดยตรงก็โดยอ้อม ส่งออก การท่องเที่ยว หนักกว่าเพื่อนเพราะคนเคยมีตังค์ ไม่มีตังค์มาซื้อ มาเที่ยวแล้ว โรงแรมโบ๋ไปมาก เงียบเชียบ ร้านค้าเพ็ชรพลอยกระทบมาก เพราะเขาขายให้ต่างชาติเป็นหลัก

 

นโยบายที่รัฐบาลเน้นการเติบโตภายในจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ไทยกิน ไทยใช้ ไทยเจริญ เพียงแต่เวลานี้ เราขยายขอบข่ายออกไปอีกนิดหน่อย เป็น อาเซี่ยนกิน อาเซี่ยนใช้ อาเซี่ยนเจริญ

 

เราโดนกระทบแน่ แต่โดยรวมๆ เราจะรอด

 

และหากเราลงทุนในกิจการดีๆ ที่มีอนาคตไปกับการกินอยู่ใช้สอยของคนไทย ของอาเซียน เราก็สบายใจได้ เพราะแม้ว่าราคาหุ้นอาจโดนกระทบในอนาคต แต่พอเวลาผ่านไป เมื่อสถานการณ์คลี่คลายดีขึ้น ราคาหุ้นมันจะขึ้นไปสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน นอกจากนี้ เราก็มีโอกาสสูงที่จะได้ปันผลในระหว่างทางอย่างสม่ำเสมอ ถ้าเลือกเป็น และเป็นการลงทุนระยะยาว

 

นี่ละที่บอกว่า ในวิกฤติจะมีโอกาส

 

ส่วนคำตอบหลังว่าจะรอดไหมนั้น ขึ้นอยู่กับ 2 เรื่อง ต่อไปนี้

 

1. น้องน้ำ หากท่วมหนักอีก รอบนี้รัฐบาลต้องบริหารจัดการให้เป็นงาน จะมั่วแบบปีก่อนไม่ได้ เพราะมีประสบการณ์แล้ว รอบนี้จึงไม่มีพื้นที่ว่างให้ข้อแก้ตัว จะให้ใครทำอะไรก็บอกมา เอกชน กองทัพ ฝ่ายค้าน ฯลฯ ทุกฝ่ายน่าจะพร้อมช่วย เพราะหากไม่ทำมันก็พังกันทั้งหมด ใครทำตนเป็นจระเข้ขวางคลอง หรือข้าราชการที่มีหน้าที่คนใดยังไม่ทำงานให้สมกับหน้าที่ ขอให้ไล่ออกไปซะ อย่าไปหมดเปลืองงบประมาณกับพวกมิกกี้เมาส์ เราไม่มีเวลาและทรัพยากรสำหรับกาฝากอีกต่อไปแล้ว

 

2. ความมั่นคงต่อเนื่องทางการเมืองต้องมี และจะมีได้ก็ต่อเมื่อเอาประโยชน์ประเทศเป็นที่ตั้งในการบริหารบ้านเมือง ตัดเส้นทางคอร์รัปชั่นอย่างน้อยก็ในหมู่พวกตนให้คนเห็นเป็นตัวอย่างก่อน อย่าเอาแต่พวกพ้องลงไปในตำแหน่งทุกเครือข่ายโดยไม่ดูความสามารถ และที่สำคัญคือ เลิกผลักดันกฏหมายปรองดองจอมปลอมนั้นทีเถิด มามุ่งมั่นแก้ปัญหาปากท้อง ปัญหาน้ำ ปัญหาจากเศรษฐกิจโลกจะถูกทางกว่า

 

แบบนี้สิ ถึงจะเอาอยู่ อย่าไปรังเกียจคำนี้เลย ฟังดูน่ารักจะตายไปค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วรวรรณ ธาราภูมิ · 323 ผู้ติดตาม5 ชั่วโมงที่แล้ว ·

Good Morning News จาก บลจ.บัวหลวง .. มิตรแท้ตลอดเส้นทางลงทุน

 

20 มิถุนายน 2555

 

General News

 

• ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนเยอรมันในเดือนมิ.ย.ปรับลดลงมาอยู่ที่ -16.9 จุด จาก +10.8 จุดในเดือนก่อน ลดลงมากที่สุดในรอบ 13 ปี โดยนักลงทุนกังวลมากเรื่องวิกฤตหนี้สาธารณะในกลุ่มยูโรที่มีแนวโน้มลุกลาม และกดดันภาวะเศรษฐกิจจริงในภูมิภาค

 

• ผลการประมูลตั๋วเงินคลังของสเปนอายุ 12 และ 18 เดือน มีอัตราผลตอบแทน 5.074% และ 5.107% ตามลำดับ ด้วยมูลค่ารวม 3.04 พันล้านยูโร โดยอัตราผลตอบแทนปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 2.985% และ 3.302% ในการประมูลเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา

 

ขณะที่การประมูลพันธบัตรอายุ 2 ปี ของเดนมาร์กมีอัตราผลตอบแทนเท่ากับ -0.08% เป็นการติดลบครั้งแรกในประวัติศาสตร์

 

แสดงให้เห็นว่านักลงทุนมีความกังวลอย่างมากต่อวิกฤตหนี้สาธารณะในสเปนซึ่ง ส่งผลให้มีความต้องการลงทุนในประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำเพิ่มสูงขึ้น

 

• ผลผลิตภาคก่อสร้างของกลุ่มยูโรโซนในเดือน เม.ย. ลดลง 2.7% จากเดือนก่อน และลดลง 5.0%จากปีที่แล้ว โดยผลผลิตภาคก่อสร้างลดลงใน 9 ประเทศ นำโดยอังกฤษที่ลดลงมากที่สุดถึง -18.1% ขณะที่อีก 5 ประเทศเพิ่มขึ้น โดยโรมาเนียปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง 11.5%

 

• อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของอังกฤษในเดือน พ.ค.ปรับลดลงสู่ระดับ 2.8% จาก 3.0%ในเดือนก่อน ต่ำที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง จากราคาน้ำมัน อาหาร และเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

 

ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มลดลงทำให้มีโอกาสที่ธนาคารกลางอังกฤษอาจเพิ่มมาตรการซื้อคืนพันธบัตรได้ในอนาคต

 

• ตัวเลขการสร้างบ้านใหม่ของสหรัฐในเดือน พ.ค. เท่ากับ 708,000 ยูนิต ลดลง 4.8% จากเดือนก่อน ขณะที่การขออนุญาตก่อสร้างในเดือน พ.ค. เท่ากับ 780,000 ยูนิต เพิ่มขึ้น 7.9% เพิ่มสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 2551

 

อนึ่ง ตัวเลขการขออนุญาตก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นบ่งบอกถึงแนวโน้มภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐที่น่าจะเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวมากขึ้น

 

• ตัวเลขตำแหน่งงานใหม่ในสหรัฐเดือน เม.ย. ลดลง 325,000 ตำแหน่งจากเดือนก่อน เหลือ 3.42 ล้านตำแหน่ง เป็นการปรับลดลงมากที่สุดในรอบ 4 ปี และเป็นสัญญาณการชะลอตัวของตลาดแรงงานที่สอดคล้องกับตัวเลขการจ้างงานที่ เริ่มลดลงในเดือน เม.ย. และพ.ค.

 

• ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของจีนในไตรมาส 2 เท่ากับ 63.7% ลดลง 0.7% จากไตรมาสแรก ในขณะที่ดัชนีความคาดหวังของนักธุรกิจต่อการประกอบกิจการในอนาคตเป็น 65.8% ลดลง 2.7% จากไตรมาสก่อน

 

ทั้งนี้ จีนกำลังประสบกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงมากที่สุดในรอบ 3 ปี จากผลกระทบของปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป และการควบคุมอย่างเข้มงวดต่อการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล

 

• จีนตกลงเพิ่มเงินทุน 43,000 ล้านดอลลาร์ให้กับ IMF เพื่อใช้เป็นเงินทุนในการป้องกันเศรษฐกิจโลกจากปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป ขณะที่ เม็กซิโก บราซิล รัสเซีย และอินเดีย มอบเงินเพิ่มให้อีกประเทศละ 10,000 ล้านดอลลาร์ ทำให้กองทุนเพื่อป้องกันเศรษฐกิจโลกของ IMF เพิ่มขึ้นเป็น 456 พันล้านดอลลาร์

 

• รมว.กระทรวงพาณิชย์ของจีน กล่าวในการประชุม G20 ว่า เศรษฐกิจจีนในเดือน มิ.ย. จะกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากมีแนวโน้มชะลอตัวตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากภาครัฐได้ออกมาตรการกระตุ้นการบริโภครวมทั้งลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2551 อีกทั้งยังคาดว่า การค้าระหว่างประเทศของจีนจะยังสามารถเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 10% ได้ แม้จะมีความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในยุโรปก็ตาม

 

• Moody’s ระบุว่า หนี้ครัวเรือนของเกาหลีใต้เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อภาคการเงินของประเทศมากยิ่ง ขึ้น โดยในเดือน เม.ย. ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 639.6 ล้านล้านวอน จาก 622.2 ล้านล้านวอนในเดือน ก.ค. 2554 ซึ่งเป็นระดับที่มีความน่ากังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อภาคการเงินของเกาหลีใต้ ได้ถ้ามีวิกฤติทางการเงินที่คาดไม่ถึงจากวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน

 

• ยอดขายรถยนต์ในประเทศไทยเดือน พ.ค. เท่ากับ 115,943 คัน เพิ่มขึ้น 32% จากเดือนก่อน และ 108% จากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดใหม่ของประเทศ โดยเป็นยอดขายรถยนต์นั่ง 55,983 คัน เพิ่มขึ้น 89% จากปีก่อน และยอดขายรถปิคอัพ 52,155 คัน เพิ่มขึ้น 137% จากปีก่อน

 

• ครม. มีมติเห็นชอบให้เปิดใช้ท่าอากาศยานดอนเมืองเพื่อให้บริการเชิงพาณิชย์ ตั้งแต่ 1 ก.ค.นี้ ซึ่งจะเปิดให้บริการสำหรับเส้นทางบินในประเทศ บริการเครื่องบินเช่าเหมาลำและสายการบินต้นทุนต่ำ เพื่อลดความแออัดของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

 

• ม.หอการค้าไทย ประเมินว่า วิกฤตหนี้สาธารณะของกลุ่มยูโรจะกระทบต่อมูลค่าการส่งออกไทยให้ขยายตัวได้ เพียง 7-8% จาก 15% ที่ ก.พาณิชย์คาดการณ์ไว้ โดยมีสาเหตุจากมูลค่าการส่งออกไปตลาดยุโรปที่จะหดตัวประมาณ 1-1.5 แสนล้านบาท จากความต้องการที่ชะลอตัวลง ขณะที่การหาตลาดส่งออกใหม่เพื่อชดเชยตลาดยุโรปจะมีความยากลำบากมากขึ้น เนื่องจากตลาดส่งออกที่สำคัญอย่าง จีน และ อินเดีย ก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตของยุโรปเช่นกัน และยังจะพบกับการแข่งขันทางด้านราคาที่สูงขึ้น เนื่องจากเป็นที่สนใจจากหลากหลายประเทศที่ต้องการตลาดใหม่เพื่อชดเชยตลาด ยุโรปเช่นเดียวกัน แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะยังสามารถเติบโตได้ที่ระดับ 5-6% จากการลงทุนในประเทศที่ขยายตัว

 

• ธปท. ปรับประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยในปีนี้ใหม่ใกล้เคียงกับค่าเดิมที่ 6% ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาหนี้สาธารณะของกลุ่มยูโรที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออก จนต้องปรับประมาณการการส่งออกของไทย จาก 9.3% เหลือ 8% และปรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของยุโรปลงเป็น -0.7% จากเดิม -0.5%

 

• ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคงประมาณการ GDP ของไทยในปีนี้ที่ 5% แต่ลดแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปลงเป็น 3.5% จากเดิม 3.9% โดยเห็นว่า ความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยคือ ปัญหาหนี้สาธารณะในกลุ่มยูโรที่อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าของไทย ซึ่งการส่งออกไปยังยุโรปใน 4 เดือนแรกของปีหดตัวลง 15.4% และคาดว่าทั้งปีจะหดตัวประมาณ 5% ขณะที่การส่งออกไปยังตลาดอาเซียนยังคงมีแนวโน้มขยายตัว 17% จากการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้าน

 

Equity Market

 

• SET Index ปิดที่ 1,173.09 จุด เพิ่มขึ้น 9.68 จุด หรือ +0.83% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 19,429.62 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,036.95 ล้านบาท โดยดัชนี SET สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงบ่ายจนสามารถขึ้นมาปิดที่ระดับสูง สุดของวันจากความคาดหวังต่อผลการประชุมของ FOMC ในวันนี้

 

Fixed Income Market

 

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยเปลี่ยนแปลงในช่วง -0.002% ถึง +0.01% โดยปรับตัวขึ้นหลังลดลงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรรัฐบาล อายุ 30.7 ปี 8,500 ล้านบาท และมีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลประเภทอัตราดอกเบี้ยแปรผันตามเงินเฟ้อ (Inflation-Linked Bond) อายุ 10 ปี มูลค่า 15,000 ล้านบาท

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณ คุณส้มโอมือมากค่ะ ขออนุญาต copy ไปให้เพื่อนๆอ่านนะค่ะ ขอบคุณค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณ คุณส้มโอมือมากค่ะ ขออนุญาต copy ไปให้เพื่อนๆอ่านนะค่ะ ขอบคุณค่ะ

 

ด้วยความยินดีครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

“ปูติน” ชี้หนี้สินสหรัฐฯ ทำอนาคต “ดอลลาร์” น่าห่วงกว่ายูโร

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 มิถุนายน 2555 11:36 น.

Share15

 

 

ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย

เอเอฟพี - ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย รู้สึกโล่งใจเมื่อทราบแนวทางของยุโรปที่จะจัดการปัญหาหนี้สินยูโรโซน และแสดงความหวังว่าเวทีประชุม จี 20 จะหันมาให้ความสำคัญกับปัญหาหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ บ้าง

 

“ผมรู้สึกโล่งใจที่ได้ทราบแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สินยูโรโซนของคณะกรรมาธิการ ยุโรป ตลอดจนประเทศในกลุ่มยูโรโซนเอง ซึ่งไม่บ่อยนักที่เราจะเห็นด้วย” ปูตินแถลงต่อสื่อมวลชนวานนี้ (19) หลังสิ้นสุดการประชุมผู้นำกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ จี 20 ณ เมืองลอสคาบอส ประเทศเม็กซิโก

 

“เราพอมีหวังว่าสถานการณ์คงคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น แม้ต้นเหตุในเชิงระบบของวิกฤตดังกล่าวจะยังคงอยู่ก็ตาม”

 

ผู้นำรัสเซียยังแสดงความผิดหวังที่สหรัฐฯ ไม่ประกาศความชัดเจนเกี่ยวกับอนาคตของเงินดอลลาร์ ซึ่งเป็นแหล่งทุนสำรองก้อนใหญ่ของรัสเซีย หลังผ่านพ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในเดือนพฤศจิกายนนี้

 

“หากเราจะเก็บทุนสำรองกว่าครึ่งหนึ่งไว้ในรูปพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และเงินดอลลาร์ เราก็ควรได้ทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับสกุลเงินนี้ หลังจากผ่านพ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีไปแล้ว” ปูตินแถลง

 

“สหรัฐฯ มีหนี้สาธารณะถึง 15 ล้านล้านดอลลาร์เชียวนะครับ” ปูตินกล่าว พร้อมกับนิ่งไปอึดใจ

 

“อนาคตของแหล่งทุนสำรองหลักของโลกจะเป็นอย่างไร เราควรเตรียมรับมือกันอย่างไรบ้าง... นี่คือคำถามสำคัญที่เราควรต้องถกกันในการประชุมจี 20”

 

ผู้นำรัสเซียซึ่งร่วมหารือแบบทวิภาคีกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ไปเมื่อวันจันทร์ (18) เคยกล่าวหาว่าสหรัฐฯทำตัวดั่ง “ปรสิต” บั่นทอนเศรษฐกิจโลก ด้วยการออกพันธบัตรจำนวนมหาศาลแก่บรรดาเจ้าหนี้

 

ปูตินยังเสนอให้ชาติต่างๆ ลองพิจารณาสกุลเงินอื่นเป็นแหล่งทุนสำรองบ้าง ซึ่งข้อเสนอนี้จะเป็นประเด็นสำคัญของการประชุม จี20 ครั้งถัดไป ที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซีย

 

“ผมขอย้ำว่า การตัดสินใจของกลุ่มประเทศ จี20 จะมีอิทธิพลต่อทุกประเทศในโลก และเราไม่มีสิทธิ์ใส่ใจเฉพาะจุดยืนหรือผลประโยชน์ของเราเองเท่านั้น” ปูตินระบุ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"จิตติ"ชี้ปีนี้ไม่เห็นทอง 3 หมื่นแน่ - แนะร้านทองทำประกันรับมืออาชญากรรม blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มิถุนายน 2555 18:59 น.

 

 

Share

blank.gif

นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวถึงแนวโน้มราคาทองคำในช่วงครึ่งปีหลัง โดยมองว่า ราคาทองคำจะมีความผันผวนสูงมาก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความผันผวน โดยเฉพาะปัญหาหนี้ของกลุ่มประเทศยุโรป ซึ่งนักลงทุนต้องลงทุนด้วยความระมัดระวัง ทั้งนี้ประเมินว่า ราคาทองคำในปีนี้ คงจะไม่ได้เห็นบาทละ 30,000 บาท อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ นายจิตติ ยังได้กล่าวถึงมาตราการป้องกันของร้านทอง หลังจากที่หลายฝ่ายแสดงความเป็นห่วงว่า ในช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2012 จะมีคดีอาชญากรรมเกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการปล้นร้านทอง ว่า ในขณะนี้ทางสมาคมฯ ได้แนะนำให้ร้านทองทำประกันร้าน รวมทั้งให้ร้านทองติดกล้องวงจรปิด ในตำแหน่งที่สามารถบันทึกภาพได้ชัดเจน และตรวจสอบการทำงานของกล้องวงจรปิดให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ ยังได้มีการประสานงานกับตำรวจท้องที่อย่างใกล้ชิด เพื่อร่วมกันเฝ้าระวังเหตุอาชญากรรม

 

 

ข่าวดีค่ะ นายกฯสมาคมออกมาพูดแบบนี้แล้ว มักออกตรงข้ามทุกที :uu

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"จิตติ"ชี้ปีนี้ไม่เห็นทอง 3 หมื่นแน่ - แนะร้านทองทำประกันรับมืออาชญากรรม blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 มิถุนายน 2555 18:59 น.

 

ข่าวดีค่ะ นายกฯสมาคมออกมาพูดแบบนี้แล้ว มักออกตรงข้ามทุกที :uu

 

แบบนี้ต้องแทงสวน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เมื่อคืน ดีดมา 15 เหรียญ

รอให้ ฟองสบู่พันธบัตรอเมริกา แตกก่อน รับรองจรวดมาแน่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

น่ากลัวว่ายูโรจะเกิดเรื่องก่อน แล้วทำให้ดอลล่าร์แข็ง และทองมีโอกาสโดนทุบอีก ในระยะสั้นๆนะครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...