โอกาส"ทอง" (จริงๆ) : Safe Heaven

[MOR LEK 2,835]

SWITZERLAND REVISES 1934 BANKING ACT TO ALLOW BAIL-IN DEPOSIT CONFISCATIONS

 

http://silverdoctors...-confiscations/

 

สวิสก็เตรียมตัวที่จะปล้นเงินคนฝากกะเขาด้วย

มานั่งนับๆดูที่อ่านมามันหลายประเทศแล้วนะเนี่ย อมเริกา แคนาดา อังกฤษ จำไม่ได้แล้วครับว่ามีที่ใหนอีก

[oasis 315]

ผมมองว่าที่ลงเยอะคราวนี้ เป็นการเขย่าเอาของจริงจากนักลงทุน

แต่ผลผลอยได้คือ คนทั่วโลกเข้าซื้อของจริงเป็นจำนวนมาก

 

อย่าลืมนะครับว่า ถ้าของจริงไปอยู่ในมือพวกตระกูลนายแบงค์มาก ๆ

โดยที่พวกเขาไม่สนใจ ว่าตัวธนาคารเองจะเจ้งหรือเปล่า เพราะ too big to fail

 

ถ้ารัฐบาลอุ้ม ก็เป็นภาระประชาชน

ถ้ารัฐบาลอุ้มไม่ไหว ปล่อยเจ้ง เศรษฐกิจพัง พวกเขาก็ยังมีของจริงอยู่ สามารถเริ่มต้นใหม่ได้

เป็นการโอน ความมั่งคั้งจากนักลงทุน ไปยังคนกลุ่มเดียว

ผมมองแบบนี้นะ

ถูกแก้ไข เมษายน 21, 2013 โดย oasis

[milo 888]

ช่วงนี้ต้องบอกว่าเป็นช่วงพิสูจน์มิตรแท้ยามยากจริงๆ ต้องช่วยๆ กันหาข้อมูลวิเคราะห์+ทางแก้ไขปัญหา ซึ่งแต่ละคนมีพื้นฐานต่างกัน จึงต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับตน

 

ผมคิดว่าปัญหาใหญ่ คือ เวลาใดที่วิกฤตค่าเงินจะระเบิด

ปัญหารองลงมา คือ ระหว่างนั้นทองจะเป็นอย่างไร ตลาดอื่นจะเป็นอย่างไร

 

ผมรวบรวมข้อมูลย้อนหลังในกระทู้นี้ และมาวิเคราะห์ช่วงเวลาให้สัมพันธ์กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

1970 – 1980 ทองขึ้นจาก 35 -850 เหรียญ เพิ่มขึ้น 20 เท่า

10 ปี ดาวโจนส์ sideway 600 -1000 จุด

 

พอล วอร์คเกอร์ ขึ้นดอกเบี้ยเป็น 20%+ธ.กลางขายทองกดราคาทอง

1980 – 2000 ทองลงจาก 850 – 250 เหรียญ ลดลง 4 เท่า

20 ปี ดาวโจนส์ 1000 – 11000 จุด เพิ่มขึ้น 10 เท่า

 

ฟองสบู่ดอทคอมแตก จอร์ช บุช ลดดอกเบี้ยเหลือ 1%

2000 – 2008 ทองขึ้นจาก 250 – 1000 เหรียญ เพิ่มขึ้น 5 เท่า (กรณีคิดจากจุดสูงสุด 850 เหรียญ เพิ่มขึ้น 150 เหรียญ)

8 ปี ดาวโจนส์ 7000 – 14000 จุด เพิ่มขึ้น 2 เท่า (กรณีคิดจากจุดสูงสุด 11000 จุด เพิ่มขึ้น 2000 จุด)

 

ฟองสบู่แฮมเบอร์เกอร์แตก โอบามา ลดดอกเบี้ยเหลือ 0% +QE+ธ.กลางเริ่มซื้อทอง

2008 – 2011 ทองขึ้นจาก 700 -1900 เพิ่มขึ้น 2.7 เท่า (กรณีคิดจากจุดสูงสุด 1000 เหรียญ เพิ่มขึ้น 2 เท่า)

3 ปี ดาวโจนส์ขึ้น 6500 -13000 เพิ่มขึ้น 2 เท่า (กรณีคิดจากจุดสูงสุด 14000 จุด ลดลง 1000 จุด)

 

หลังจากนี้ ทองกับ ดาวโจนส์ เริ่มสวนทางกัน-เหมือนปี 1980-2000

 

 

ข้อสังเกต 1.เมื่อเกิดฟองสบู่แตก ทองก็มักถูกเทขายด้วย

2. สินค้าโภคภัณฑ์อย่างเช่นน้ำมันไปในแนวทางเดียวกับทอง

 

สรุป

 

1. ถ้าหากมองว่าขาใหญ่ทำสำเร็จด้วยการใช้ QE +ตลาดอนุพันธ์แทนการขึ้นดอกเบี้ยแบบพอล วอร์คเกอร์ ก็อาจเป็นขาลงของทองยาวนานแบบ 1980-2000 อย่างที่กลัวกันจนกว่าฟองสบู่ค่าเงินจะแตก

 

2. ถ้าหากมองว่าการใช้ตลาดอนุพันธ์เป็นแค่การยื้อเวลา ก็อาจจะใช้เวลาไม่นานแบบช่วง 2000-2008

 

อย่างไรก็ดี อยากให้มุมมองอีกแง่ว่า การทำ QE นี้เงินจำนวนมากต้องเข้าไปในตลาดหุ้นแน่ หากจะเอาเงินของเราทั้งหมดแช่อยู่ในการรอเวลา จะเป็นการเสียโอกาสหรือไม่ ก่อนหน้านี้ ผมมองว่า ทองกับหุ้นจะไปด้วยกัน แต่ความเป็นจริงสวนทางกันเสียแล้ว สำหรับผมจึงคิดว่าน่าต้องปรับพอร์ตกันใหม่ ระหว่างรอเวลาฟองสบู่แตกอยู่

ถูกแก้ไข เมษายน 22, 2013 โดย milo

[leo_attack 579]

ขอรอลุ้นสัปดาหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น กันดีกว่าครับ

 

จะลงก็ไม่ลง จะขึ้นก็ไม่ขึ้น เอาไงกันดี

ถูกแก้ไข เมษายน 21, 2013 โดย leo_attack

[kyokurew 4]

ขอขึ้นแล้วกันค่ะ เพราะซื้อไว้ 19100 ได้เล็กน้อยก็ยังดีกว่าเก็บดอยไว้เฉยๆ

[Jocho 246]

สวัสดีครับ ของผมขอเป็นส่วนเล็กๆของพี่ๆห้องนี้ครับมาเเชร์มุมมอง

 

ใจสำคัญมากครับ สภาพเเบบนี้ใครมีของก็ใจเสียหล่ะครับว่ามันจะลงอีก ยิ่งถ้าหากตีเป็นมูลค่าตัวเลข เเถมใครมีเพื่อนเล่นsได้อีกกำไรมหาศาลมาคุยให้ฟังอีก ทำกำไรขาลงได้อีก บวกทำกำไรเเนวรับต้านรอบสั้นอีก อกอีเเป้นเเตก หากท่านไปสนทนากับเพื่อนที่ติดดอยก็จะทำให้หดหู่มากขึ้นอีก ไม่เเพ้กัน เส้นผมที่ดำเงาคงเเซมสีขาวทันที ทุกข์เเน่นอนครับ ผมเองก็ทุกข์ ใจต้องอยู่กับตัวก่อนค่อยๆเเก้ไปครับ มีทางออกเเน่นอน บิดเบือนได้ไม่นานหรอกครับผมมั่นใจกว่าหมอคอนเฟริม์อีก ช่วงนี้ต้องหยุดรับข่าววงสนทนาก่อน

 

คงงงใช่มั้ยครับมีคิวอี ออกมาตลอด พิมพ์เเบงค์ออกมาทองทำไมโดนทุบ เเถมเเค่เป็นลมปาก จะบอกเลิกคิวอี หาเรื่องทุบอีก เเค่บอกจะขายเศษทองไซปรัส ทุบอีก ลมปากทั้งนั้น ผลประโยชน์ทั้งนั้น

 

ผมมั่นใจเลยครับ เม็ดเงินคิวอีไม่ได้ถูกนำไปจับจ่ายหรือ ให้กู้เพื่อเสริมสภาพคล่องในประเทศเท่าไหร่ กลับกัน ถูกนำไปเก็งกำไรในทรัพย์สินที่เสี่ยงกว่า เช่น หุ้น ค่าเงิน ผมรวมถึงพันธบัตรรัฐ ตปทด้วยครับ เพราะ ผมมองว่าเข้าไม่ได้สนดอกหรอกครับเค้าสนอัตราเเลกเปลี่ยนตอนเเลกกลับมากกว่าโดยเฉพาะค่าเงินกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาหรือเศรษรฐกิจใหม่ ที่เเนวโน้มเเข็งค่าขึ้น เหตุดังกล่าวทำให้ Inflationจึงต่ำครับ ไม่มีdemand pulled inflation เพราะบริโภคเเย่ Cost Pushed Inflationก็ต่ำเพราะราคาสินค้าโภคภัณท์ดำดิ่ง โดยเฉพาะน้ำมันที่เป็นต้นทุนในreal sector ดังนั้นจึงผิดหวังกับทอง เลยหาเรื่องทุบซักเลยเป็นข้ออ้าง

 

จะมองทองสวยหรู วาดฝันว่า30000 ผมว่าถึงเเน่ครับเเต่อย่าพึ่งอยู่กับความฝันวันนี้ครับ วันนี้ต้องเอาตัวให้รอดก่อนหากเงินไม่เย็นที่จะทนถือ

 

เป้าหมายรีบาวผม๑๕๕๐

 

1. รอบนี้ต่ำสุด 1320 ขึ้นมา1405 มีโดนเตะตัดขาริมทางบ้าง สินค้าทุกอย่างปรับฐานเเล้วถ้ามีไฮต้องขึ้นต่อครับ เเต่ถ้าทำโลว์กว่ารอบคลื่นเล็กที่ผ่านมาเมื่อไหร่ ต้องทิ้งครับ เพราะมันลงกว่าโลว์ที่สุด(1320)เดิม เพื่อไปทำไดเวอเจนท์ เราจะไปเก็บได้ถูกกว่า

 

2. หากไม่มีไดเวอเจนตามด้านบนก็จะเป็นไซด์เวย์อัพ ทำจุดต่ำยกตูดสูงขึ้นเรื่อยทั้งราคาเเละโมเมนตั้ม จนโบลิงเจอบีบคอดเเล้วจึงเลือกทิศทางหลักจริงๆ

 

มีเเค่2 เเบบนี้เท่านั้นครับการกลับตัว

 

สรุปนะครับ เป้าหมายรีบาวผม๑๕๕๐ เเล้วเลือกจึงเลือกเทรนจริง ซึ่งน่าจะเกิดจากข้อสองในเส้นทาง เเต่หากราคาEODต่ำกว่า๑๓๕๐มีของต้องทิ้งก่อนเลยครับ ผมมองว่าลงไปทำไดเวอเจนตามข้อหนึ่งเเน่นอน

 

มาเเชร์ด้วยครับ

[ส้มโอมือ 4,910]

นี่ขนาดว่า พวกนักธุรกิจส่วนใหญ่ที่ซื้อกันเป็นกอบเป็นกำติดดอยกันจนไม่ค่อยเหลือเงินซื้อเท่าไรแล้วนะครับ

ก่อนหน้านี้เป็นเดือน ผมคุยกับคนพวกนี้ เขาเล่ากันแบบหัวเราะๆว่า ทองลงแต่ร้านทองเงียบกริบ เพราะคนซื้อติดดอยจนไม่มีเงินแล้ว

หุหุ ปริมาณของที่ไปกองอยู่ในตู้จะมากขนาดใหน ลงแรงครั้งนี้ยังซื้อกันอีกเป็นพันล้าน

แบบนี้ต้องคอยหาตัวเลขของราชการครับ ว่าเดือนเมษา ไทยนำเข้ายอดเงินเป็นเท่าไร(ถ้าใครไม่ลืมแล้วรู้ว่าจะหาตัวเลขได้จากที่ใหน รบกวนเอามาบอกกันหน่อยครับ)

ที่ผมอยากรู้อีกค่านึง คือปริมาณทองคำที่ลูกค้าปล่อยหลุดมีมากขนดไหน ส่วนตัวเชื่อว่ายอดจำนำทองคำทั่วประเทศไม่น้อย ทั้งของโรงจำนำ ร้านทองก็รับฝากทอง(ร้านทองจำนวนไม่น้อยรายได้หลักคือรับฝากทอง) ธนาคารไทยเครดิตก็รับฝากทอง ยอดปล่อยทองหลุดทั่วประเทศน่าจะเยอะครับ

[MOR LEK 2,835]

 

ที่ผมอยากรู้อีกค่านึง คือปริมาณทองคำที่ลูกค้าปล่อยหลุดมีมากขนดไหน ส่วนตัวเชื่อว่ายอดจำนำทองคำทั่วประเทศไม่น้อย ทั้งของโรงจำนำ ร้านทองก็รับฝากทอง(ร้านทองจำนวนไม่น้อยรายได้หลักคือรับฝากทอง) ธนาคารไทยเครดิตก็รับฝากทอง ยอดปล่อยทองหลุดทั่วประเทศน่าจะเยอะครับ

 

ผมเดาจำนวนคนที่ปล่อยหลุดคงเยอะมาก แต่ปริมาณผมว่าคงไม่มากเท่าไร เพราะส่วนใหญ่ที่เอาไปจำนำเป็นรายเล็กๆทะ้งนั้น

[ส้มโอมือ 4,910]

ผมเดาจำนวนคนที่ปล่อยหลุดคงเยอะมาก แต่ปริมาณผมว่าคงไม่มากเท่าไร เพราะส่วนใหญ่ที่เอาไปจำนำเป็นรายเล็กๆทะ้งนั้น

ขอมองต่างครับ ที่รู้มา

---ร้านทองจำนวนไม่น้อยที่ยังอยู่ได้เพราะรายได้จากการจำนำทอง แสดงว่าต้องเยอะ

---ร้านทองบางแห่งเปิดในทำเลที่ไม่น่าจะขายทองได้ดี เพื่อนคนนึงบอกว่าอยู่ใกล้บ่อน

---ตอนที่ผมเข้าเวปนี้ใหม่ๆหลายปีแล้ว ตอนนั้นโฆษณายังน้อย พอคุณกัมพลจะต้องปรับปรุงเวป มีหลายท่านเสนอว่าจะร่วมด้วยช่วยสมทบเงิน คุณกัมพลจะปฎิเสธ คุ้นว่าตอนนั้นคุณกัมพลบอกว่ามีรายได้จากการขายโปรแกรมจำนำทองมาช่วย

 

มีข้อมูลเพิ่มเติมครับ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่ามูลค่าการรับจำนำของธุรกิจโรงรับจำนำทั้งระบบในปี 2550 เท่ากับ 106,700 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2549 แล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.2 เนื่องจากปัจจัยหนุนหลาก

http://www.positioni...s.aspx?id=59278

เนื่องจากปัจจุบันทองคำมีสัดส่วนประมาณ 80%ของสินทรัพย์ที่นำมาจำนำ

http://www.thaigold....post__p__433426

 

ทุบทองเที่ยวนี้ปริมาณทองคำจากโรงจำนำทั่วโลกคงจะไหลคืนตลาดทองคำไม่น้อย ยึดทองคำคืนจากกลุ่มคนจนก่อนเลยนะ

ถูกแก้ไข เมษายน 21, 2013 โดย ส้มโอมือ

[Mosquito 61]

ทองเปลี่ยนทิศ ......... เพราะ YEN

 

(Credit : Posted by 4BANK : http://www.oknation....3/04/19/entry-1)

 

ขอ copy มาแปะไว้ตรงนี้นะครับ

 

ทองเปลี่ยนทิศ ......... เพราะ YEN

 

ทำไมราคาทองคำ ถึงได้ดิ่งลงอย่างรุนแรง เรียกได้ว่า หนักที่สุดในรอบ 33 ปีเลย

มีลูกค้าของผมท่านหนึ่ง มีธุรกิจด้าน Jewelly เคยบอกผมว่า ทองคำเล่นยากมาก

เวลาราคาทองคำ ร่วง นี่ หนักมาก ผมก็เพิ่งเห็นทองคำร่วงหนักๆ ครั้งนี้เอง

ทำไมราคาร่วงละ ทั้งที่ Technical ยังเป็น Uptrend และเป็น New High ไปเรื่อยๆ

บางคนบอก ไซปรัส ขายทองสำรอง ทำให้ใครๆ ก็แห่ขายทองคำ ออกมาก่อน

อันนี้ผมไม่เชื่อสักเท่าไหร่นัก แหล่งข่าวของผมก็ Bloomberg ครับ

แต่คราวนี้ไม่ใช่ online แต่เป็น website เท่านั้น ผมเบื่อการนำเสนอข่าวเศรษฐกิจ

ของไทยมาก เพราะมักด่วนสรุปอะไรลอยๆ เหมือนกันอยากจะรู้ว่า จะขึ้นหรือจะลงเท่านั้น

ซึ่งจริงๆ ไม่มีใครรู้หรอกว่า อะไรจะขึ้น หรือจะลง แต่หาก ทราบข่าวที่ชัดเจน อาจลดความเสียหายได้

จากการที่เดา ขอย้ำว่า เดาได้ถูกทาง หลายคนมักอ้างตำรา เพราะถ้าพลาดมาก็อ้างตำราได้

ตำราที่อ้างนะ บางเล่ม พิมพ์ก่อน เลย์แมน บราเธอร์ พินาศเสียอีก

ผมมีข้อมูลมานำเสนอ ไว้พิจารณา จะได้เดาทางได้แม่นขึ้น

ลืมบอกไป ใครเคยอ่านบทวิเคราะห์ เศรษฐกิจ เมื่อต้นปี ลองไปอ่านใหม่ จะทราบว่ามันเริ่มผิดทางแ้ล้ว

ยิ่งเรื่องทองคำ ปากกาหัก 12 โหลแล้วละ

รูปแบบนี้ผมเคยนำเสนอไปแล้ว มองให้ดี มีระยะ 10 ปี 5 ปี 1 ปี 6 เดือน 60 วัน 30 วัน

ใครกันนะ มี volume ทองคำมากมาย ที่ ทุบ graph หักได้รุนแรงแบบนี้

มองตาม Graph ขาขึ้น ก็ไม่ได้ก้าวกระโดดสักเท่าไร่นัก

 

ข้อมูลจาก Bloomberg แ่บ่งประเภทได้ตามนี้ 30% คือ ลงทุน และเก็งกำไร แต่ 20% Other คืออะไรละ

ก็พอเดาได้ว่า Real demand จริง คงสัก 50% เดาต่อไปว่าทองคำจะลงไปเหลือเท่าไหร่

 

บอกว่า ทองคำตกเพราะ ไซปรัส ผมไม่เชื่อเท่่าไหร่ เพราะ เขาถือครองน้อยมาก 14 เอง

เยอรมันซิ อันดับ 1 แต่ข่าวว่า อิตาลีอาจขายตาม อันนี้ก็น่ากลัวจริงๆ

 

นั่นแค่ยุโรป แต่สหรัฐ นี่ มีทองคำมากที่สุดเลย เห็น เยอรมันไหมครับ ชาติที่อุ้ม EU อยู่ไงครับ

ถ้าเยอรมัน ล้ม รับรอง EU จบแน่ๆๆ ถึงว่า จอร์ซ โซรอส ออกข่าวให้จับตาเยอรมันให้ดี

ก็เพราะเขารวยจริง แต่จะเป็นเตี้ยอุ้มค่อม EU หรือไม่

 

มีข่าวกันเยอะมาก ที่ USA กองทุนทองคำ ตก แต่หุ้นขึ้น น่าสนใจ...........ที่จะคิดต่อไป

 

คนนี้อธิบายว่า Gold Future ดึ่งแรง ราคาทองคำล่วงหน้าดิ่ง ไม่ใช่ราคาทองคำจริงๆ ครับ

มอง Graph ต้องชัดเจนครับ มองชื่อด้วย เพราะมีหลายตลาดมากมาย

 

อันนี้มา confirm ว่าที่ สหรัฐ ทองคำลง แต่หุ้นขึ้น

 

ETF จำได้ไหมครับ กองทุนไทยมักจะไปลงทุนผ่าน ETF ปลายปีที่แล้วช่วงเดือน 8 = Jump

คิดตามด้วยครับ จาก 2400 ไปสู่ 2500 คิดเป็นกี่ % ภายในเวลา 6 เดือน ?

 

นาย Jim Grant ให้ความเห็นว่า เห็นไหม ขึ้นไปเยอะ แล้วนะ

 

มันก็ควรจะลงสักที หลายคนก็ confirm ความคิดนี้

 

บางคน ยังบอกว่า น้ำมัน แพงไปหรือยังอีกด้วย เมื่อเทียบกับ ถ่านหิน (Coal) หรือ GAS

จะุทุบน้ำมันอีกหรือนี่........... น้ำมันนี่ต้องฟัง พี่ Goldman Saches แม่นหลายรอบแล้ว หรือว่า ปั่นเองกับมือ?

 

ต้องคนนี้ โดนใจผม ผมก็แอบคิดมาเหมือนกันว่า มันน่าจะมีอะไรตามมาหลังจากที่ Japan devalue

เพราะโลกใบนี้ มันเป็นแบบนี้เอง

 

มีกองทัพ ค่าเงิน แค่ 3 สกุล ที่ทำให้โลกสะเทือนได้ คือ USD , YEN , EU

 

เขาพูดว่า "Change direction" "เปลี่ยนทิศ" ผมชอบคำนี้ มันอธิบายได้ clear

Japan ลดค่าเงินทำให้ ส่งออกได้มากขึ้น จริงหรือนี่

 

ที่เขากังวลกันเป็นแบบนี้ นี่เอง มันเริ่มเปลี่ยนทิศแล้ว จะ Uptrend แ้ล้ว

Good bye Downtrend

 

การที่ YEN เปลี่ยนทิศ นำไปสู่ Currency War

ผมก็อ่านเจอคำว่า Currency war จากนโนบายการเงินใหม่ของ Japan หลายครั้งแล้ว แต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วมาก

 

YEN เปลี่ยนทิศจริงๆ

 

ถูกแก้ไข เมษายน 21, 2013 โดย Mosquito

[deb99 290]

ขอบคุณครับ

[leo_attack 579]

ขออนุญาตถามบทความด้านบนครับ

 

แบบว่าผมต้องไปทำการบ้านอะไรต่อครับ ถึงจะเข้าใจบทความที่กล่าวมา

 

แบบว่าอ่านแล้วก็ยังไม่เข้าในว่าทำไมทองถึงลงเพราะ เยน นะครับ

 

[ส้มโอมือ 4,910]

ขออนุญาตถามบทความด้านบนครับ

 

แบบว่าผมต้องไปทำการบ้านอะไรต่อครับ ถึงจะเข้าใจบทความที่กล่าวมา

 

แบบว่าอ่านแล้วก็ยังไม่เข้าในว่าทำไมทองถึงลงเพราะ เยน นะครับ

 

จากข้อมูลด้านบน

มีกองทัพ ค่าเงิน แค่ 3 สกุล ที่ทำให้โลกสะเทือนได้ คือ USD , YEN , EU

 

ถ้าจำไม่ผิดทั่วโลกมีการใช้ดอลลาร์ในการซื้อขายเกินครึ่ง ส่วนเยนไม่เยอะ

 

คุ้นว่าคิวอีแต่ละเดือนที่ญีปุ่นทำตอนนี้เท่ากับที่อเมริกาทำในแต่ละเดือนเลย เงินเยนใช้ในการค้าทั่วโลกน้อยมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์ แต่คิวอีช่วงนี้ในปริมาณที่เท่ากัน แบบนี้ดอลลาร์จะเเข็งกว่าเยนมากมาย

 

คนส่วนมากจะมองว่าถ้าดอลลาร์แข็งทองคำจะต้องถูกลง

[ส้มโอมือ 4,910]

วรวรรณ ธาราภูมิ

 

10 ชั่วโมงที่แล้ว

วันนี้ ขออนุญาตลงข่าวพรุ่งนี้เช้าเร็วกว่าปกติค่ะ

------------------------------------------------

 

Good Morning News จาก กองทุนบัวหลวง .... มิตรแท้ตลอดเส้นทางลงทุน

 

22 เมษายน 2556

 

General News

----------------

 

• ประธานคณะกรรมการด้านการเงินระหว่างประเทศของ IMF กล่าวว่า ยังไม่มีทางออกสำหรับวิกฤตว่างงานทั่วโลก โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของผู้ว่างงานระยะยาว และการว่างงานของวัยหนุ่มสาวในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญอยู่ ขณะที่อุปสรรคอันดับ 2 คือการดูแลด้านสาธารณสุขและบำนาญที่มีค่าใช้จ่ายสูงเกินกว่าที่แรงงานรุ่นต่อไปจะสามารถจ่ายได้

 

• G20 เห็นด้วยกับการดำเนินนโยบายการเงินของญี่ปุ่นเพื่อแก้ปัญหาเงินฝืดและสนับสนุนการเติบโตในประเทศ โดยผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นได้แสดงความเชื่อมั่นก่อนหน้าการประชุมว่าสมาชิก G20 จะเข้าใจความจำเป็นของญี่ปุ่นในการแก้ปัญหาเงินฝืดและจะไม่ออกแถลงการณ์ตำหนิ

 

อย่างไรก็ตาม G20 ได้เตือนว่าประเทศสมาชิกควรระวังผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเป็นเวลานาน และจะป้องกันไม่ให้มีการลดค่าเงินเพื่อความได้เปรียบในการแข่งขัน

 

• ประธานธนาคารกลางสหภาพยุโรป (ECB) กล่าวว่า เศรษฐกิจของยูโรโซนยังไม่มีพัฒนาการที่ดีขึ้นนับตั้งแต่การประชุม ECB ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา พร้อมทั้งส่งสัญญาณว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในกรณีที่ข้อมูลเศรษฐกิจปรับตัวแย่ลงกว่านี้

 

ทั้งนี้ ECB ได้ประเมินว่าเศรษฐกิจของยูโรโซนจะหดตัวลง 0.5% ในปีนี้ ก่อนจะขยายตัว 1% ในปีหน้า

 

• Giorgio Napolitano ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีของอิตาลีคนใหม่ด้วยคะแนนเสียงถึง 738 จากเกณฑ์ 504 เสียงที่ต้องการจากสภา จึงเป็นประธานาธิบดีอิตาลีคนแรกที่ดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 2 แต่เนื่องจากตำแหน่งประธานาธิบดีอิตาลีมีวาระ 7 ปี จึงทำให้กังวลว่าเขาจะดำรงตำแหน่งไม่ครบวาระ เพราะมีอายุถึง 87 ปีแล้ว

 

• Fitch ลดอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษจาก AAA เหลือ AA+ เพราะอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจชะลอตัว และมีปัญหาหนี้สาธารณะที่คาดว่าจะสูงถึง 101% ต่อ GDP ภายใน 2 ปีข้างหน้า

 

อนึ่ง ในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมานี้ Moody’s ได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือลงเหลือ Aa1 ด้วยเหตุเดียวกัน

 

• ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ระบุว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนในไตรมาสแรกเป็นสิ่งปกติ เนื่องจากจีนต้องสละการเติบโตในระดับสูงเพื่อการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจตามที่วางแผนไว้

 

• เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงในมณฑลเสฉวนของจีนวัดแรงสั่นสะเทือนได้ 7.0 ริกเตอร์ในวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยมีผู้เสียชีวิตกว่า 100 คน ทั้งนี้ มณฑลเสฉวนเคยเกิดเหตุแผ่นดินไหวความรุนแรง 8 ริกเตอร์ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตที่สูงถึง 69,000 คน ในปี 2551

 

• รมว.คลังเกาหลีใต้ กล่าวว่า การอ่อนค่าของเงินเยนส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อเศรษฐกิจเกาหลีใต้มากกว่าภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ แม้ว่านโยบายเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะช่วยให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว แต่อาจสร้างปัญหาที่ยิ่งใหญ่ตามมาเช่นการเกิดสงครามค่าเงิน

 

ทั้งนี้ เงินวอนเทียบกับเงินเยนได้อ่อนค่าลงแล้วกว่า 21% ใน 6 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ภาคส่งออกเกาหลีใต้เริ่มลดลง

 

• ยอดหนี้สินของบริษัทรัฐวิสาหกิจของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 392.96 ล้านล้านวอน หรือเพิ่มขึ้น 8.7% จากปีก่อน ซึ่งเข้าใกล้ระดับหนี้สาธารณะของประเทศที่เป็น 445.2 ล้านล้านวอน ทำให้กังวลว่า ภาระหนี้สินดังกล่าวจะก่อให้เกิดปัญหาต่อฐานะการคลังของประเทศในอนาคต

 

• กิตตรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลจะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเฉพาะโครงการที่ผ่านการพิจารณาว่าคุ้มค่ากับการลงทุนเท่านั้น โดยจะมีคณะกรรมการวิเคราะห์ความคุ้มค่าของแต่ละโครงการ อันประกอบด้วยนักวิจัยของ TDRI สำนักงบประมาณ ก.คลัง และ สศช.เป็นแกนหลัก โดยรัฐบาลจะคำนึงถึงความคุ้มค่าของการลงทุนทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งแตกต่างกับนักวิชาการที่มุ่งเน้นทางด้านเศรษฐกิจเท่านั้น

 

ทั้งนี้ TDRI ได้ให้ความเห็นว่าการลงทุนแนบท้าย พรบ.โครงสร้างพื้นฐานทั้ง 11 โครงการเป็นการลงทุนที่ไม่มีความคุ้มค่า

 

ส่วนเรื่องการปลดผู้ว่า ธปท.เป็นแค่ความคิดเท่านั้น ไม่ได้มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับ ธปท. แต่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเท่านั้น พร้อมเน้นย้ำว่า จะทำงานในส่วนที่ ก.คลัง รับผิดชอบให้ดีที่สุด

 

• รมว.พาณิชย์ ยืนยันให้คงเป้าการส่งออกในปีนี้ไว้ที่ 8-9% แม้ว่าหน่วยงานอื่นจะลดเป้าการส่งออกลงบ้างแล้วจากผลกระทบของเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น โดย ก.พาณิชย์จะใช้เครื่องมือที่มีอยู่ทางการตลาดและการส่งเสริมการส่งออกไปกระตุ้นให้การส่งออกเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้

 

• ธนวรรธน์ พลวิชัย ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย ชี้ว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบจะต้องหารือเรื่องเงินบาทที่แข็งค่าในขณะนี้ และช่วยกันหามาตรการที่ดีและเหมาะสมที่สุด เพราะการลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเดียวคงไม่ทำให้บาทอ่อนค่าลงได้

 

ดังนั้น ธปท. จึงควรออกมาตรการสกัดการเก็งกำไรเงินไหลเข้าหรือ Capital Control เพราะเงินบาทแข็งค่ารุนแรงและเร็วเกินไปแล้ว โดยขณะนี้เศรษฐกิจโลกเริ่มมีสัญญาณของการชะลอตัวและฟื้นตัวช้า ซึ่งการส่งออกในปีนี้จะขยายตัวได้ตามเป้าหมายของ ก.พาณิชย์ ที่ร้อยละ 8-9 หากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวดีขึ้น

 

• ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่า เงินบาทในสัปดาห์ที่ผ่านมาแข็งค่าสูงสุดในรอบเกือบ 16 ปี ขึ้นมาอยู่ที่ 28.60 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีทิศทางสอดคล้องกับการแข็งค่าของสกุลเงินและตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียรวมถึงค่าเงินหยวนของจีน

 

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติมีสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทย

 

• ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ของ ธอส. เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในไตรมาสแรกอยู่ที่ 57.8 เพิ่มขึ้นจาก 56.8 ในไตรมาสก่อน ขณะที่ดัชนีความคาดหวังในอีก 6 เดือนข้างหน้าเป็น 71.6 เพิ่มขึ้นจาก 71.0 ในไตรมาสก่อน

 

บ่งชี้ว่า ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจเพิ่มขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยเฉพาะด้านยอดขาย การลงทุน และการจ้างงาน

 

• กสทช.เห็นชอบร่างประกาศ กสทช. 3 ร่าง เกี่ยวกับการใช้โครงข่ายร่วมกัน เพื่อรองรับการเปิดให้บริการระบบ 3G คลื่นความถี่ 2.1 GHz ของภาคเอกชน โดยขั้นตอนต่อไปจะประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลบังคับใช้ ซึ่งจะทำให้คนไทยอาจได้ใช้บริการระบบ 3G ภายในเดือนนี้

 

Equity Market

---------------

 

• SET Index ปิดที่ 1,545.46 จุด เพิ่มขึ้น 15.70 จุด หรือ +1.03% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 58,536 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 755.59 ล้านบาท ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดภูมิภาค และความคาดหวังต่อผลประกอบการที่ดีในไตรมาส 1/56 ของบริษัทจดทะเบียน

 

• กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบีทีเอสโกรท (BTSGIF) ได้เข้าไปจดทะเบียนให้ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้วเมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2556 โดยราคาปิดในวันแรกเป็น 12.00 จากราคา IPO 10.80 บาท

 

Fixed Income Market

------------------------

 

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยทุกช่วงอายุ โดยเปลี่ยนแปลงอยู่ในช่วง 0.00% ถึง 0.02% สำหรับวันนี้ไม่มีการประมูลพันธบัตร

[ส้มโอมือ 4,910]

ผ่าขุมทรัพย์"ทองคำแสนตัน"ทั่วโลก

• 21 เมษายน 2556 เวลา 21:31 น. |
  

 

 

เปิดข้อมูลประเมินปริมาณทองคำทั่วโลก ที่เชื่อกันว่าที่คาดว่าน่าจะมีปริมาณเกิน 1.5 แสนตัน ทว่าแนวโน้มกลับจะถูกใช้หมดไปในการผลิตสินค้า

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำในตลาดโลกพุ่งดิ่งทุบสถิติต่ำที่สุดในรอบ 30 ปี โดยนักวิเคราะห์หลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นผลมาจากตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของ จีนที่ต่ำกว่าที่คาด และจากความกังวลข่าวธนาคารกลางหลายประเทศในยุโรปเตรียมนำทองคำสำรองออกมาขาย เพื่อระดมทุนใช้หนี้สาธารณะ

แม้ว่าเหตุการณ์ “แปลกประหลาด” ครั้งนี้จะสั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก ทว่าตลาดทองคำก็ยังคงถือเป็นแหล่งทำเงินที่นักลงทุนเชื่อมั่นสูง เนื่องจากในรอบหลาย 10 ปีที่ผ่านมา ทองคำมีราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้ และ “มีปริมาณจำกัด” ทั้งที่ถูกขุดขึ้นแล้วและยังอยู่ใต้โลก

วอร์เรน บัพเฟตต์ หนึ่งในนักลงทุนที่ร่ำรวยที่สุดในโลกชาวอเมริกันเคยกล่าวไว้ว่า ปริมาณทองคำทั้งหมดที่ถูกขุดขึ้นมาในโลกนั้น มีจำนวนเพียงพอที่จะนำมาสร้างเป็นแท่งสี่เหลี่ยมที่มีขนาดด้านใหญ่ถึงละ 20 เมตรเลยทีเดียว ทว่าไม่มีใครรู้ว่าเป็นจริงหรือไม่ และจะใช้วิธีอะไรในการพิสูจน์

บีบีซี ระบุว่า หนึ่งในค่าประมาณการที่เหล่านักลงทุนมักใช้กันในปัจจุบันนั้น เป็นการประเมินโดย ทอมสัน รอยเตอร์ จีเอฟเอ็มเอส บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยแร่ทองคำ เงิน และแพลทินัม ซึ่งพบว่ามีปริมาณ ทองคำรวมกันทั้งหมดในโลกกว่า 171,300 ตัน โดยหากนำมาผลิตรวมกันเป็นแท่งขนาดใหญ่ จะมีขนาดความกว้างยาวและสูงกว่า 20.7 เมตร ใกล้เคียงกับขนาดที่ บัฟเฟตต์ ประมาณการเอาไว้

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังไม่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไป เนื่องจากตัวเลขประมาณการในปัจจุบันนั้นยังคงมีความแตกต่างกันมาก โดยมีตั้งแต่ปริมาณ 155,244 ตัน ซึ่งน้อยกว่าตัวเลขของจีเอฟเอ็มเอสเล็กน้อย จนถึง 2.5 ล้านตัน ซึ่งมากกว่า 16 เท่า และหากนำมาอัดเป็นแท่งเดียวกัน ก็จะเต็มความจุของสนามหลักของวิมเบิลดันและมีความสูงถึง 143 เมตรเลยทีเดียว

จากคำกล่าวอ้างของ ทิโมธี กรีน นักประวัติศาสตร์ทองคำนั้น ระบุว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้การคาดคะเนปริมาณทองคำในโลกมีความคลาดเคลื่อนสูง เนื่องจากทองคำนั้นถูกขุดขึ้นมาเป็นเวลานานกว่า 6,000 ปีแล้ว โดยเหรียญทองคำแรกของโลกถูกผลิตขึ้นมาในช่วง 550 ปีก่อนคริสตกาล โดย โครเอซุส กษัตริย์แห่งอาณาจักรลิเดีย ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในประเทศตุรกีปัจจุบัน และได้รับการยอมรับในฐานะสื่อกลางการแลกเปลี่ยนในภูมิภาคนั้นอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ ยังมีการถกเถียงกันด้วยว่า เทคโนโลยีในการขุดทองสมัยโบราณมีศักยภาพในการผลิตมากเพียงใด โดยจีเอฟเอ็มเอสเชื่อว่ามีทองคำปริมาณกว่า 12,780 ตัน ถูกขุดขึ้นมาก่อนปี 1492 ซึ่งเป็นปีที่โคลัมบัสค้นพบทวีปอเมริกา

ทว่า เจมส์ เทิร์ค ผู้ก่อตั้งบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านทองคำ โกลด์ มันนี เชื่อว่าเป็นการประเมินที่สูงเกินไป เนื่องจากเทคนิคการขุดทองสมัยโบราณนั้นไม่ได้มีประสิทธิภาพเหมือนปัจจุบัน ปริมาณที่แท้จริงจึงน่าจะอยู่ที่ 297 ตันมากกว่า

นอกจากนี้ เทิร์ค ยังประเมินว่า ปัจจุบัน ทองคำทั่วโลกที่ถูกขุดขึ้นมาแล้วมีปริมาณรวมกันเพียง 155,244 ตัน ซึ่งน้อยกว่าที่จีเอฟเอ็มเอสประเมินไว้ 16,056 ตัน และแม้ว่าจะมีนักลงทุนบางกลุ่มที่ยอมรับการประเมินนี้ แต่นักวิเคราะห์ทองบางคนก็ยังมองว่า เมื่อเทียบกับตัวเลขที่มาจากสถาบันที่น่าเชื่อถือกว่าอย่างจีเอฟเอ็มเอสแล้ว การประเมินนี้เป็นเพียงความเชื่อของ “ลัทธิ” ที่พยายามต่อกรกับความเชื่อของแนวทางสายหลักเท่านั้น

“เพียงแค่ในสุสานตุตันคาเมนแห่งเดียว ก็มีโลงศพที่ถูกสร้างขึ้นจากทองคำปริมาณกว่า 1.5 ตันแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจหากจะพบว่ามีทองคำอีกมหาศาลทั้งที่ถูกปล้นไปและคงเหลืออยู่ ในสุสานโบราณหลายแห่งที่มีปริมาณมากกว่าการประเมินนี้มหาศาล” ยาน สกอยเลส จากบริษัทลงทุนด้านทองคำ เรียล แอสเซท กล่าว

แม้จะยังไม่มีวิธีการหาตัวเลขปริมาณทองคำทั้งหมดในโลกอย่างแน่ชัด แต่สถาบันโกลด์ สแตนดาร์ด ก็พยายามใช้สูตรคณิตศาสตร์คำนวณหาปริมาณทองคำที่ถูกขุดขึ้นมาแล้ว โดยได้บทสรุปว่า หากนำทองคำออกมาจากตู้เซฟทั่วโลกแล้ว จะมีทองคำไม่ต่ำกว่า 2.5 ล้านตัน แต่ก็ยังเป็นการคาดคะเนที่สูงเอาการและยังขาดหลักฐานที่เพียงพอ

ไม่ว่าบทสรุปของปริมาณทองคำทั่วโลกจะมีเท่าไร แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นเรื่องน่ากังวลใจคือ ทองคำมีแนวโน้มที่จะถูกใช้จนหมดไปจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้ทองคำในการ ผลิตสินค้าต่างๆ ไม่เหมือนในอดีตที่ทองคำจะถูกนำไปรีไซเคิลเปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อยๆ

จากเดิมที่มีการนำทองคำกลับมาใช้ผลิตสินค้าใหม่ได้เรื่อยๆ เนื่องจากถูกผลิตขึ้นเป็นชิ้นใหญ่ ทว่าปัจจุบันมีแนวโน้มที่ทองคำจะถูกใช้เป็นขนาดที่เล็กลงมาก โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยี จึงอาจจะทำให้มีการนำกลับมาใช้ใหม่ได้ลำบาก โดยจากการสำรวจทางธรณีวิทยาของอังกฤษพบว่า กว่า 12% ของทองคำที่ใช้อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ และถูกใช้ในปริมาณที่น้อยมากในการผลิตสินค้าแต่ละชิ้น

หากไม่มีการนำมารีไซเคิลผลิตซ้ำ มูลค่าของทองคำก็อาจเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ได้อีกครั้งในอนาคตอีกไม่นานนี้