ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

---พรุ่งนี้ผมสับเปลี่ยนกองทุนทองคำRMFออกทั้งหมดครับ

 

ทำไมขายหล่ะครับคุณส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

---พรุ่งนี้ผมสับเปลี่ยนกองทุนทองคำRMFออกทั้งหมดครับ

 

กังวลว่ากองทุนอาจจะเหลือแต่ตั๋วทองคำหรือครับ

 

เงินก่อหนี้ (ภาค 1)

...

 

ขอบคุณมากครับ ผมเคยดู "เงินก่อหนี้" ตั้งแต่ก่อนจะรู้จักเวบไทยโกลด์ ตอนนั้นยังไม่มีคนทำบรรยายไทย(มั้ง) มีบรรยายไทยแบบนี้ เดี๋ยวจะได้เอาไปแจกจ่ายต่อครับ

ถูกแก้ไข โดย wcg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณข้อมูลที่ทุกท่านแชร์ครับ ยังตามอ่านเรื่อยๆครับผม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทำไมขายหล่ะครับคุณส้มโอมือ

 

เชื่อว่าทองคำที่ขึ้นมาไม่กี่วันที่ผ่านมาเป็นการเด้งชั่วคราวครับ เชื่อว่าอย่างน้อยจะลงไปป้วนเปี้ยนแถวโลว์เดิมอีกครั้ง แต่ถ้าโลว์เดิมรับไม่ได้ยุ่งแน่ ผมอ่อนTAติดตามข้อมูลจากคนที่เก่งTAดีกว่าครับ

 

มี เพื่อนบางท่านถามว่าช่วงนี้ผมทำอย่างไรกับโลหะมีค่า แต่ละคนมีความต้อง การใช้เงินไม่เหมือนกัน สุดท้ายตัดสินใจตามรูปแบบที่เหมาะกับแต่ละท่านนะ ครับ

 

ผมซื้อโลหะมีค่า เป็นเหมือนการซื้อประกันครับ เพราะส่วนตัวมองว่าการพิมพ์เงินมาจำนวน มาก เป็นการแก้ปัญหาที่ผิดทาง ส่วนตัวมองว่าสุดท้ายระบบเงินกระดาษจะล่ม ครับ ถือเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงกรณีระบบเงินล่ม ส่วนที่ผมลงทุนในโลหะมีค่าแบ่งเป็น

 

---RMF ในกองทุนทองคำของธนชาติเพื่อการลดภาษี(ในหนังสือชี้ชวนเขาบอกว่าซื้อของจริง และเก็บในคลังสิงค์โปร์หรือฮ่องกงจำไม่ได้แล้ว) ส่วนนี้ผมจะทยอยสับเปลี่ยนมากองที่ลงทุนในพันธบัตรก่อนครับ

---ทองคำของจริง ส่วนมากเป็นพวกเหรียญทองและทองชิ้นเล็ก ส่วนนี้ผมตัดสินใจฝากในโรงจำนำครับ

 

ฝากที่สำนักงานธนานุเคราะห์(โรงจำนำของรัฐ http://www.pawn.co.th/mn1_a.php)

ฝากที่สำนักงานธนานุบาล(โรงจำนำกทม http://pawnshop.bang...go.th/know.html)

 

โรงจำนำทั้ง2แห่ง ถ้าฝากต่อใบไม่เกิน5000บาท คิดดอก0.25บาทต่อเดือน ถ้ามากกว่า5000บาทดอก1.00บาทต่อเดือนสูงสุด1.25บาทต่อเดือน ฝากของต้องไปส่งดอกก่อน5เดือนนะครับ(4เดือนผมก็ส่งแล้ว) ถ้าเลยมาแม้แต่ วันเดียวหลุด

เงินที่ได้จากจำนำของ ผมนำไปโป๊ะจ่ายเงินกู้ซื้อบ้านเพื่อลดยอดเงินกู้ ไม่เอาไปลงทุนครับ

---เงิน เหรียญมีเยอะแต่ซ้ำแบบน้อย ส่วนนี้เก็บไว้ ที่ซ้ำเยอะเป็นเหรียญอีเกิ้ลกับเหรียญเมเปิ้ล เลยรวมเหรียญครบ2หลอด(40เหรียญ) ฝากหลอดละ5000บาท(ผู้จัการสาขาที่ผมฝากเขารับเหรียญเงินสาขาอื่นไม่แน่ใจว่า รับมั้ย)

---เงินเม็ด ราคาตอนนี้ต่ำมากและถ้าขายก็มีผลต่างอีกพันกว่าบาท ผมเก็บยาวเป็นสินทรัพย์

 

---ตอนนี้ใบจำนำผมมีเป็นปึกเลย เพราะยอมรับยอดฝากน้อยคือ5000บาทต่อใบ เพื่อรับดอก0.25บาทต่อเดือน

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Monday, 22 April 2013

 

หน้าผาทองคำ

 

« ตลาดหุ้นรถไฟเหาะ | Main

ใน ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับคนที่ลงทุนไว้ในทองคำ ไม่ว่าจะเป็นทองคำแท่ง กองทุนรวมทองคำ หรือตลาดล่วงหน้าทองคำ นับเป็นช่วงเวลาที่ต้องกลั้นหายใจ ลุ้นกันอย่างเต็มที่ เพราะราคาทองคำที่เคยอยู่ที่ประมาณ 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้ปรับตัวลดลงมาต่ำสุดที่ 1,320 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือลดลงมาประมาณเกือบ 20%

ทั้ง หมดนี้ เกิดขึ้นช่วงที่เราปิดตลาดสำหรับเทศกาลสงกานต์ โดยเมื่อค่ำวันศุกร์ที่ 12 เมษายน ราคาเริ่มตกลงอย่างรวดเร็วถึง 4% และในวันต่อมา คือ วันจันทร์ที่ 15 เมษายน นักลงทุนในทองคำ ต่างไม่เชื่อสายตาตนเอง ที่เห็นราคาทองทิ้งดิ่งเหมือนตกหน้าผา อย่างไม่สิ้นสุด โดยลดลงอีก 9% หรือประมาณ 140 ดอลลาร์ ในเวลาเพียง 1 วัน

เกิดอะไรขึ้นกับราคาทองคำ

ก่อนอื่น เราต้องเข้าใจว่า ทำไมคนถึงเลือกที่จะลงทุนในทองคำ

สาเหตุหลักที่ทำให้คนเลือกถือ หรือ ลงทุนในทองคำ มีอยู่ 3 เรื่อง

ประเด็นที่หนึ่ง คือ ความเชื่อว่าการที่ทุกประเทศแย่งกันพิมพ์เงินออกมาเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ ยุโรป และล่าสุดญี่ปุ่น ท้ายสุดจะนำไปสู่ปัญหาเงินเฟ้อสูง และค่าเงินอ่อนของประเทศที่พิมพ์เงินเหล่านี้ ซึ่งเมื่อเกิดเงินเฟ้อสูง ราคาทองคำก็จะพุ่งสูงขึ้น ดังนั้น ทองคำจึงเป็นทางเลือกในการลงทุนที่ดี

ประเด็นที่สอง คือ ทองคำเป็น safe haven หรือสินทรัพย์ที่จะปลอดภัยที่สุดในยามเกิดปัญหา โดยราคาทองคำมักจะเพิ่มสูงขึ้น ในช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจสำคัญ หรือเกิดสงครามขึ้น โดยในปัจจุบัน ความกังวลใจว่ายุโรป ว่าจะเกิดปัญหาอีกไม่ว่าจะเป็นสงครามกับอิหร่าน หรือ สงครามกับเกาหลีเหนือ ก็จะทำให้ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ทุกคนต้องการถือไว้

ประเด็นที่สาม คือ การเก็งกำไร ถ้าทุกคนยังจำกันได้ ราคาทองคำเคยพุ่งขึ้นอย่างไม่รู้จบ เป็นกระทิงร้อนแรง จากประมาณ 800 ดอลลาร์หลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลกในปี 2551 มาเป็น 1,900 ดอลลาร์ในปี 2554 หรือมากกว่าเท่าตัวในเวลา 3 ปี โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการอัดฉีดเงินสภาพคล่องของธนาคารกลางประเทศต่างๆ และจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดีขึ้น ด้วยเหตุนี้ เมื่อนักลงทุนเห็นราคาทองคำปรับลดลงมาอยู่ที่ 1,550-1,650 ดอลลาร์ ก็คิดว่า น่าจะเป็นโอกาสที่ดี ที่จะลงทุนในทอง เพราะราคาต่ำมากแล้ว วาดฝันกันต่อไปว่า ต่อไปราคาทองคำจะสามารถกลับไปทะลุ 2,000 ดอลลาร์ได้ในที่สุด ถ้าเงินเฟ้อมาจริง หรือเมื่อเกิดความผันผวนในตลาดทุนโลก

อย่าง ไรก็ตาม หลังจากรอกันมานาน ปรากฏว่า เงินเฟ้อที่ทุกคนกลัว กลับไม่เกิดขึ้น แม้ธนาคารกลางทั่วโลก จะมีการพิมพ์เงินและอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเป็นจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา แต่สภาพคล่องดังกล่าวก็ไม่แปลงเป็นเงินเฟ้อ (จากปัญหาการว่างงานที่ยังอยู่ในระดับที่สูงของประเทศต่างๆ รวมไปถึงราคาน้ำมันโลกที่อยู่ในระดับปานกลางอย่างต่อเนื่อง จากการค้นพบ Shale Gas หรือก๊าซธรรมชาติจากหินดินดาน)

นอก จากนี้ ก็เริ่มชัดว่า ความต้องการทองคำเพื่อนำไปใช้ และไปลงทุนในเอเชีย ก็อาจจะไม่มากอย่างที่ทุกคนคิด โดยข่าวตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจล่าสุดของจีนที่ออกมาเมื่อเช้าวันจันทร์ ชี้ว่า เศรษฐกิจจีนจะยังอ่อนตัวไปอีกระยะ โดยไตรมาสแรกของปีนี้ขยายตัวได้เพียง 7.7% เท่านั้น เมื่อเทียบกับ 7.9% ในไตรมาสสุดท้ายเมื่อปีก่อน กลายเป็นฟางเส้นสุดท้าย ที่ทำให้ราคาทองคำดิ่งเหวลงในวันดังกล่าว

เมื่อ เป็นเช่นนี้ ความหวังของนักลงทุนที่รอคอยข่าวดี รอเงินเฟ้อ รอข่าวการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเอเชียที่จะทำให้ความต้องการซื้อทองคำกลับคืนมา ก็หมดไป และยิ่งราคาทองคำตกลงต่อเนื่อง ความกลัวครอบงำตลาด นักลงทุนก็เร่งขายทองคำเพื่อรักษากำไรที่มีอยู่ หรือเพื่อตัดการขาดทุน นำมาซึ่งการทิ้งดิ่งของราคากว่า 140 ดอลลาร์ในวันดังกล่าว

ก็ ได้แต่หวังว่า เมื่อความกลัวหมดไป ความโลภก็จะเข้ามา จากคนที่คิดว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้าลงทุนในทองคำ ทำให้ราคาปรับตัวดีขึ้นบ้าง อย่างไรก็ตาม จากเงินเฟ้อโลกที่ยังไม่ปรับเพิ่มขึ้น จากเอเชียที่ยังอ่อนแอ ก็จะยังมีคำถามอยู่เสมอว่า ราคาทองคำระยะยาวจะไปได้ไกลดังฝันจริงหรือไม่ และทองคำเป็นทางเลือกในการลงทุน เป็น safe haven ที่ดีจริงหรือไม่

คน ที่จะได้โอกาสจริงๆ ในรอบนี้ ก็คงจะเป็นคนธรรมดาที่อยากซื้อทองมาใช้เป็นเวลานานแล้ว แต่เห็นว่าราคาแพงเกินไป ตอนนี้นับว่าเป็นโอกาสที่จะซื้อทองในราคาที่ถูกลงมาก (จากเมื่อสองปีที่แล้ว ที่ราคาทองแท่ง 96.5% อยู่ที่ 27,000 บาท แต่ตอนนี้อยู่ต่ำกว่า 20,000 บาท) แต่ก็ต้องขอให้ซื้อโดยทำใจไว้ว่า ราคาทองคำผันผวน มีขึ้นก็มีลง ราคาที่ซื้อ แม้ถูกแล้วก็มีโอกาสที่อาจจะถูกกว่านี้ได้ ตรงนี้ ต้องทำใจว่า เราซื้อเพราะพอใจในราคานี้แล้ว และซื้อมาใช้จริงๆ ก็ขอเอาใจช่วยทุกคนครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Monday, 22 April 2013

 

หน้าผาทองคำ

 

« ตลาดหุ้นรถไฟเหาะ | Main

... ปรากฏว่า เงินเฟ้อที่ทุกคนกลัว กลับไม่เกิดขึ้น แม้ธนาคารกลางทั่วโลก จะมีการพิมพ์เงินและอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเป็นจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา แต่สภาพคล่องดังกล่าวก็ไม่แปลงเป็นเงินเฟ้อ (จากปัญหาการว่างงานที่ยังอยู่ในระดับที่สูงของประเทศต่างๆ รวมไปถึงราคาน้ำมันโลกที่อยู่ในระดับปานกลางอย่างต่อเนื่อง จากการค้นพบ Shale Gas หรือก๊าซธรรมชาติจากหินดินดาน)...

แข่งกันพิมพ์เงินกระดาษกันขนาดนี้ เงินยังไม่เฟ้ออีก :033

บร๊ะเจ้าจอร์จ มันยอดมาก :gd

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินไม่เฟ้อ แต่ความจริงของและสินค้าแพงขึ้น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทำเป็นการ์ตูน รูปภาพเอามาจาก 9GAG ครับ

post-6070-0-94864000-1367207300_thumb.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินไม่เฟ้อ แต่ความจริงของและสินค้าแพงขึ้น

 

ตัวเลขที่เขาคิดมาทั้งเมกาและญี่ปุ่นมันไม่เฟ้อจริงๆ แต่ข้าวของมันแพงขึ้นแบบริยำเลย ไม่รู้ว่าเขาคิดกันแบบใหน ลองดูตัวเลขของญี่ปุ่นสิครับ ติดลบอีกต่างหาก 555 :uu

post-23-0-56017900-1367210780_thumb.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตัวเลขที่เขาคิดมาทั้งเมกาและญี่ปุ่นมันไม่เฟ้อจริงๆ แต่ข้าวของมันแพงขึ้นแบบริยำเลย ไม่รู้ว่าเขาคิดกันแบบใหน ลองดูตัวเลขของญี่ปุ่นสิครับ ติดลบอีกต่างหาก 555 :uu

 

นึกถึงหนังชื่อ ๑๙๘๔ ที่รัฐมี "กระทรวงแห่งความจริง" ที่คอยกรอกหูประชาชนให้เชื่อตามที่รัฐต้องการ

 

สงคราม คือ สันติภาพ

อิสรภาพ คือ โซ่ตรวน

ความไม่รู้ คือ กำลัง

 

.....

 

และ

๒ + ๒ = ๕

http://www.youtube.com/watch?v=iEszgIvGmXQ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ต่อมา(หลังจากที่เงินไม่เฟ้อ) ไม่นานนัก

(Credit : 9GAG / 9GAG in THAI)

ปล. พวกฝรั่งเขาคุยอะไรกันบ้าง รบกวนคุณ wcg แปลมาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ (ภาษาอังกฤษผมไม่แข็งแรง)

post-6070-0-32482700-1367236160_thumb.jpg

ถูกแก้ไข โดย Mosquito

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แค่บ้านเราก็พอ Platinum ไป 1500 แล้ว ทองคงจะตามไปเร็วๆนี้ ^^

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มูดี้ส์กาหัวอิตาลีที่สุดแล้วต้องขอกู้เงินฟื้นเศรษฐกิจจากอีซีบี

 

วันจันทร์ที่ 29 เมษายน 2556 เวลา 15:55 น.

 

 

 

200808.jpg

 

มูดี้ส์ ไม่เชื่อน้ำยา รัฐบาลชุดใหม่อิตาลีในการบริหารเศรษฐกิจ คาดที่สุดแล้ว ต้องขอความช่วยเหลือทางการเงินจากธนาคารกลางยุโรป แม้จะได้รัฐบาลชุดใหม่เลี่ยงวิกฤติการเมืองแล้วก็ตาม

 

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ว่า มูดี้ส์ บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินยักษ์ใหญ่ของโลก เชื่อว่า ท้ายที่สุดแล้ว อิตาลีอาจต้องพึ่งพามาตรการกอบกู้เศรษฐกิจ แม้ว่าจะได้รัฐบาลชุดใหม่ และหลีกเลี่ยงวิกฤติได้ โดยหนังสือพิมพ์ลา รีพับลิกา รายงานอ้างคำกล่าวของ เดียตมาร์ ฮอร์นัง เจ้าหน้าที่สินเชื่อระดับสูงของมูดี้ส์ ที่ระบุว่า เราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า อิตาลีจะไม่ขอความช่วยเหลือทางการเงินต่อธนาคารกลางยุโรป หรืออีซีบี และกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป หรืออีเอสเอ็ม

รัฐบาลอิตาลีชุดใหม่ของนายกรัฐมนตรีเอ็นริโก เลตตา สาบานตนเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวานนี้ และนายกรัฐมนตรีจะขอเสียงสนับสนุนจากรัฐสภาในการลงมติไว้วางใจในเวลา 15.00 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งคาดการณ์ว่า นายเลตตาจะได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคประชาธิปไตย กลางซ้ายของเขา และพรรคพีเพิล ออฟ ฟรีดอม กลางขวาของอดีตนายกรัฐมนตรีซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี เพื่อผ่าทางตันวิกฤติการเมือง ซึ่งเกิดขึ้นนานประมาณ 2 เดือน หลังการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์

ฮอร์นัง กล่าวว่า มูดี้ส์ จะจับตาความสามารถของรัฐบาลชุดใหม่อย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับการยกเครื่องเศรษฐกิจ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การเงิน - การลงทุน

 

วันที่ 29 เมษายน 2556 10:24

กนง.ยันลดดบ.ไร้ผล โยนคลังเก็บภาษีบอนด์

 

โดย : วีระศักดิ์ พงษ์อักษร,ศรัณย์ กิจวศิน

news_img_502803_1.jpg

กนง.ยันลดดบ."ไร้ผล "โยน"กิตติรัตน์"ใช้อำนาจเก็บภาษีต่างชาติลงทุนบอนด์"กรณ์-ธีระชัย-วิรไท "หนุนคุมตลาดตราสารหนี้ ระบุลดดอกเบี้ย"ได้ไม่คุ้มเสีย

การประชุมร่วม 3 หน่วยงาน ระหว่าง กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา แม้จะใช้เวลาในการหารือร่วมกันยาวนานกว่า 3 ชั่วโมง แต่ยังคง “ไร้ข้อสรุป” ที่ชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการดูแลค่าเงินบาท

หลังการประชุม มีเพียงนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ออกมาแถลงว่าธปท.ได้เตรียมมาตรการต่างๆเอาไว้แล้ว เพียงแต่ค่าเงินบาทช่วงนี้เริ่มอ่อนค่าลง จึงยังไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพิ่มเติม แต่หากสถานการณ์จำเป็นธปท.พร้อมดำเนินมาตรการที่วางเอาไว้

ขณะที่ไม่มีความเห็นจากนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธปท.

อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญของการประชุมในครั้งนั้น อยู่ตรงที่นายกิตติรัตน์ ระบุว่าที่ประชุมร่วม 3 หน่วยงาน เห็นตรงกันว่า ค่าเงินบาทใน ช่วงที่ผ่านมา “แข็งค่าเร็ว” และ “แรงเกินไป” รวมทั้งยังเห็นสอดคล้องกันว่า “ดอกเบี้ยนโยบาย” ที่ 2.75% เป็นสาเหตุที่ทำให้เงินไหลเข้าตลาดตราสารหนี้ไทยจำนวนมาก และการลดดอกเบี้ยนโยบายลงจึงน่าจะช่วยลดแรงจูงใจตรงนี้ได้

เพียงแต่อำนาจการตัดสินใจในเรื่องดอกเบี้ยนโยบายนั้น ที่ประชุมเห็นว่าเป็นของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) มีหน้าที่ต้องเปรียบเทียบผลดี-ผลเสียของการลดดอกเบี้ย เพื่อดูแลค่าเงินบาท รวมทั้งพิจารณาผลกระทบที่ตามมาหากมีการปรับลดดอกเบี้ยลง โดยเรื่องนี้นายประสาร จะเป็นผู้นำข้อมูลผลการประชุมในครั้งนี้ไปหารือกับบอร์ดกนง.

"ให้คณะกรรมการ กนง. กลับไปหารือกัน ถึงการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ว่าต้องมีมาตรการอื่นๆเสริมด้วย พร้อมกับการวิเคราะห์ผลกระทบ หากลดอัตราดอกเบี้ย เพราะถ้ามีการลดอัตราดอกเบี้ยก็จะทำให้เกิดแรงจูงใจในการไหลเข้าของเงินทุน น้อยลง"

จากคำแถลงของนายกิตติรัตน์ ทำให้ทุก“เป้าสายตา”กลับมาที่กนง.อีกครั้ง และถึงแม้การประชุม กนง.ตามวาระปกติจะมีขึ้นวันที่ 29พ.ค.56 แต่ในวันที่ 30 เม.ย.นี้ ธปท.ได้เชิญบอร์ดกนง. โดยเฉพาะผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอกทั้ง 4 ท่าน ได้แก่ นายอำพน กิตติอำพน , นายณรงค์ชัย อัครเศรณี , นายศิริ การเจริญดี และ นายอัศวิน คงสิริ มาร่วมรับฟังข้อมูลเศรษฐกิจรายเดือน

แหล่งข่าวจากธปท.ระบุว่าประเด็นสำคัญของการประชุม 30 เม.ย.นี้ ฝ่ายที่รายงานเศรษฐกิจและเตรียมเอกสาร เพื่อรายงานข้อมูลคณะกรรมการ กนง.ทั้ง หมด 7 ท่านให้ได้ความเห็นว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่มีอิทธิพลหรือช่วยชะลอให้ เงินทุนไหลเข้า เพราะปัจจัยหลักที่ดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศ มาจากความเชื่อมั่นของต่างชาติ ขณะที่ปัจจัยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยมีอิทธพล แค่ 3%

"การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ใช้อัตราดอกเบี้ยอาร์/พี อ้างอิงนั้น ไม่ได้ดึงให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวปรับลดลงด้วย โดยเฉพาะในภาวะที่นักลงทุนต่างชาติประเมินว่ารัฐบาลไทยมีเป้าหมายจะระดมทุน ในโครงการขนาดใหญ่อีกจำนวนมาก"แหล่งข่าวกล่าว

นอกจากนี้ นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.) และคณะจะเข้าพบกับนายประสาร เพื่อขอให้ช่วยหาแนวทางลดปัญหาการแข็งค่าของเงินบาท

ชี้ลดดอกเบี้ยไม่มีผลเงินไหลเข้า

นาธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ดอกเบี้ยนโยบายไม่มีอิทธิพลโดยตรงต่อดอกเบี้ยอายุยาวเพราะ ต่อให้ กนง. ลดดอกเบี้ยนโยบาย 1 วัน ก็จะไม่ทำให้ดอกเบี้ยอายุยาวลดลงเท่ากัน โดยในปีที่ผ่านมา มีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนในตลาดพันธบัตรในไทย เป็นจำนวนเงินซื้อสุทธิ 890,789 ล้านบาท เงินนี้เป็นส่วนหนึ่งที่กดดันให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น

ปัจจุบันพบว่านักลงทุนต่างชาติลงทุนในตราสารหนี้อายุยาวมากขึ้นเงินที่ เข้ามาลงทุนก็น่าจะเป็นเงินลงทุนจริงๆ โดยล่าสุด (24 เม.ย. 56) ต่างชาติต่างชาติซื้อสุทธิตราสารหนี้ไทย 980,300 ล้านบาท มียอดถือครองตราสารหนี้สุทธิประมาณ 862,000 ล้านบาท เป็นตราสารหนี้ระยะยาว 75% และตราสารหนี้ระยะสั้น 25%”

"เงินทุนไหลเข้าที่เข้ามากดดันให้เงินบาทแข็งนั้น ไม่ได้ลงทุนระยะสั้นๆ เพียง 1 วัน แต่เขาไปซื้อพันธบัตรที่อายุนานกว่านั้น ดังนั้น การที่รัฐมนตรีคลังเสนอให้แบงก์ชาติลดดอกเบี้ย 1 วันลงไป เพื่อช่วยสะกัดเงินทุนไหลเข้านั้น จะได้ผลไม่มากนัก เพราะนักลงทุนต่างชาติก็จะหนีไปซื้อพันธบัตรที่อายุยาวขึ้นๆ ได้อยู่ดี"นายธีระชัย กล่าว

มองต่างมุมผลดีลดดอกเบี้ย

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่ค่าเงินบาท แข็งค่าอย่าวรวดเร็วนั้น กระแสให้กนง.ลดดอกเบี้ยมีมากขึ้น โดยนายภาณุพงศ์ นิธิประภา คณบดี คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวเห็นว่า กนง.ควรต้องลดดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างน้อย 0.25% เพื่อชะลอการไหลเข้าของเงินทุนเคลื่อนย้าย

"กนง.ควร มีการประชุมวาระเร่งด่วน เพราะหากรอประชุมตามวาระปกติ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 พ.ค. 2556 จะช้าเกินไป เพราะเงินบาทแข็งขึ้น เป็นเพราะเงินทุนไหลเข้า ซึ่งส่วนต่างดอกเบี้ยมีผลมาก และการที่ตลาดหุ้นไทยร้อนแรง เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เงินบาทแข็งขึ้น"

ด้านนางสาวอุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด เห็นด้วยว่าการลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จะช่วยลดเงินทุนไหลเข้าได้บ้าง โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ที่เข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น แม้ว่าสัดส่วนจะมีเพียง 25% แต่ก็ย่อมมีผลต่อทิศทางค่าเงินบาท

อย่างไรก็ตามความเห็นของคนในวงการส่วนใหญ่ เชื่อว่าการลดดอกเบี้ย น่าจะเป็นทางเลือกท้ายสุดของกนง. เพราะที่ผ่านมา คณะกรรมการเสียงส่วนใหญ่ของกนง. โดยเฉพาะคนจากธปท.มีความเห็นว่า ดอกเบี้ยไม่ใช่ตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อเงินทุนเคลื่อนย้าย เพราะปัจจัยที่มีอิทธิพลและเป็นตัวดึงดูดให้เงินทุนไหลเข้ามากสุด คือ พื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่ง

ที่ผ่านมา กนง.ยัง ย้ำตลอดว่าให้ติดตามดูความเสี่ยงทางด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ จากการเร่งตัวของสินเชื่อ จนนำไปสู่ความเสี่ยงฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จนเกรงว่าอาจนำไปสู่ความไม่มีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจได้ ซึ่งกนง. มองว่าปัญหาเหล่านี้เป็นผลจากสภาพคล่องและอัตราดอกเบี้ยที่เอื้ออำนวย

คาดดันเก็บภาษีลงทุนพันธบัตร

รายงานข่าวจาก ธปท.ยังระบุว่าหากกนง.ตัดสิน ใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง คงต้องตอบคำถามว่ากรอบนโยบายเป้าหมายเงินเฟ้อ(Inflation Targeting) ยังใช้ได้ผลดีหรือไม่ ดังนั้น ตัวแทนจากธปท.ทั้ง 3 ท่านจะพยายามชี้ข้อมูลให้กรรมการกนง.คน นอกอีก 4 ท่าน ให้เห็นความสำคัญของการคงอัตราดอกเบี้ยที่ 2.75% และควรหามาตรการอื่นดูแลเงินทุนไหลเข้าแทน ซึ่งขณะนี้ยังเห็นว่าการเก็บภาษีหรือค่าธรรมเนียมในพันธบัตร ยังเป็นทิศทางที่เหมาะสม

"ถ้อยแถลงของคุณกิตติรัตน์ ที่ระบุว่า ธปท. มีแนวทางที่ได้เตรียมเอาไว้แล้ว เพียงแต่ยังไม่จำเป็นต้องใช้ในขณะนี้ หากวิเคราะห์ถึงเครื่องไม้เครื่องมือที่ ธปท. มีอยู่ ถ้าเป็นมาตรการ การเก็บภาษี หรือค่าธรรมเนียม การลงทุนในพันธบัตรของนักลงทุนต่างชาตินั้น ล้วนแต่เป็นเครื่องมือที่ต้องพึ่งพาอำนาจของกระทรวงการคลังแทบทั้งสิ้น เพราะตามกฎหมาย พ.ร.บ.ธปท. ไม่มีมาตราใดที่อนุญาตให้ ธปท. เก็บเงินจากนักลงทุนได้"

นอกจากนี้ถ้าเป็น พรบ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน อำนาจในการดูแล รวมถึงการออกกฎระเบียบทั้งหมด จะขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพียงแต่กระทรวงการคลังมอบหมายให้ ธปท. ทำหน้าที่เป็นผู้กำกับดูแลเท่านั้น ธปท.จึงไม่มีอำนาจไปกำหนดเงื่อนไขใดๆ

เพียงแต่ที่ผ่านมานายกิตติรัตน์ ยืนยันมาตลอดว่า กระทรวงการคลังจะไม่ใช้เครื่องมือที่เป็นการฝืนกลไกตลาด โดยเฉพาะการ เก็บภาษี หรือค่าธรรมเนียม เพราะมองว่ามีผลเสียมากกว่าผลดี และยังอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระยะยาวด้วย จึงหวังและกดดันให้ ธปท.โดยคณะกรรมการ กนง.ลดดอกเบี้ย

หนุนเก็บภาษีต่างชาติลงทุนบอนด์

นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เห็นด้วยว่าการแนวทางเก็บภาษีหัก ณ ที่จ่าย(Withholding Tax) จากดอกเบี้ยในอัตรา 15%หรือ เพิ่มขึ้น จากการลงทุนพันธบัตร ถือเป็นทิศทางที่ถูกต้อง ที่สำคัญเห็นด้วยว่า ทั้ง ธปท.และคลัง ออกมาระบุว่า ได้เตรียมมาตรการอื่นๆรองรับไว้แล้ว ถือเป็นการสัญญาณที่ถูกต้อง

"การลดดอกเบี้ยไม่ใช่วิธีที่ดีทีสุด หัวใจของการสกัดเงินทุนที่เข้ามาเก็งกำไร น่าจะเป็นมาตรการอื่นดีกว่า โดยเฉพาะเก็บภาษีดอกเบี้ยจากการลงทุนพันธบัตร ซึ่งในสมัยที่ผมดำรงตำแหน่งและผู้ว่าประสารพึ่งมาเป็นผู้ว่าใหม่ เราก็ให้เก็บภาษีหัก ณ ที่จ่ายการลงทุนพันธบัตรของต่างชาติ"นายกรณ์ กล่าว

Tags : ค่าเงินบาทเก็บภาษีบอนด์เงนทุนไหลเข้า

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...