ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ช่วงนี้ตามข้อมูลน้อยมากครับ

ตามความเห็นน้องเสม ตั้งแต่วันที่18/01/2557 ถึง28/01/2557มาฝากครับ

Seam Arsenalการลงทุนด้วยระบบ

18 มกราคม

 

ราคาทองคำปิดราย week นี้ ยืนเหนือ 1250$ จึงมีความเป็นไปได้ที่ราคาทองคำอาจจะ เจอ Bottom เเล้วที่ราคา 1180$ เมื่อวันที่ 28/06/2013 ระยะสั้นมีสัญญาณซื้อมาเเล้ว ระยะกลาง เเละ ยาวยังขายอยู่ครับ

1533880_673422719370978_1375690785_n.jpg

 

Seam Arsenalการลงทุนด้วยระบบ

24 มกราคม

 

GC เป็นขาขึ้น ด่านต่อไปจะไปทดสอบ 1272$ เเละ 1294$

1660825_676335599079690_564577438_n.jpg

 

 

Kaew Doungrath ขึ้นระยะสั้นใช่ไหมคะน้องเสม คาดว่าจะใช้เวลาประมาณเท่าไรคะ รบกวนหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ

24 มกราคม เวลา 8:57 น. · ถูกใจ · 1

211375_100001097679177_1129130508_q.jpg

Seam Arsenal ครับ ระยะสั้นครับ เวลาไม่น่าเกิน 1 เดือนครับ

24 มกราคม เวลา 8:59 น.

Seam Arsenalการลงทุนด้วยระบบ

28 มกราคม

 

GC ถือหน้าซื้อต่อไป

1512308_678458445534072_1422191644_n.jpg

ถูกแก้ไข โดย ส้มโอมือ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เฟดลดกระตุ้นเศรษฐกิจลงอีกเดือนละ10,000ล้านดอลลาร์

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 มกราคม 2557 04:20 น.

 

 

 

blank.gif

ธนาคารกลางสหรัฐฯเมื่อวันพุธ(29) แถลงปรับลดโครงการเข้าซื้อพันธบัตรรายเดือนลงอีกเดือนละ 10,000 ล้านดอลลาร์ เดินหน้าลดระดับกระตุ้นเศรษฐกิจแบบพิเศษ แม้เมื่อเร็วๆนี้เกิดความยุ่งเหยิงในตลาดเกิดใหม่

 

นอกจากนี้ เบน เบอร์นันกี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ซึ่งเตรียมส่งมอบการคุมบังเหียนธนาคารแห่งนี้แก่นางเจเน็ต เยลเลน รองประธานในวันศุกร์(31) ก็ยังบอกลาที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินครั้งสุดท้ายของเขา ด้วยการไม่เปลี่ยนสาระสำคัญในอีกหนึ่งในนโยบายหลักของธนาคารกลาง นั่นคือแผนระยะยาวในการคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำเตี้ยติดดินต่อไปอีกสักระยะ

 

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินระบุในถ้อยแถลงหลังจากเปิดหารือเป็นเวลา 2 วัน ระบุว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจดีดตัวขึ้นในช่วงไม่กี่ไตรมาสที่ผ่านมา หลังจากความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจสหรัฐฯอย่างกว้างขวางคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ เมื่อเดือนที่แล้ว พวกเขาตัดสินใจเริ่มต้นลดระดับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจลง

 

และด้วยมติลดระดับการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกรอบเมื่อวันพุธ(29) ก็เป็นผลให้นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป ธนาคารกลางสหรัฐฯจะเข้าซื้อพันธบัตรรายเดือน เดือนละ 65,000 ล้านดอลลาร์ จากเดิมซึ่งอยู่ที่ 75,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน ขณะการตัดสินใจนี้ได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินอย่าง เป็นเอกฉันท์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอตอบแบบเดาๆ นะครับ

 

ทางแก้ที่แท้จริงของระบบทุนนิยมเสรี ที่ลักษณะของระบบจะเป็น burst & boom เมื่อ busrt แล้ว ระบบจะขจัดจุดอ่อนออกไปเอง จะสร้างผู้แข็งแกร่งเพื่อ boom ใหม่

 

แต่ระบอบการเมืองแบบประชาธิปไตยไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เพราะต้องเอาใจคะแนนเสียง เลยต้องเกิดการเมคตัวเลข ปั๊มเงิน (ข้อสังเกต จีน กล้ายอมให้ตัวเลขเศรษฐกิจตัวเลขถดถอยเพื่อชลอความร้อนแรง)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

** สุดท้ายและน่าจะจบในโพสนี้แล้วครับเรื่องอาร์เจนติน่าจัง เช่นเดิมครับ ถ้าผมผิดตรงไหนท้วงติง แก้ไข เสนอแนะ ได้เลยครับ

 

 

- การแก้ปัญหาของประเทศไทยหลังเจอวิกฤติด้านการเงิน(แบบไม่คร่าวๆ)ครับ ยกสูตร GDP มาอีกรอบ GDP = รายจ่ายเพื่อการบริโภค+รายจ่ายเพื่อการลงทุน+รายจ่ายของรัฐบาล+(ส่งออก-นำเข้า) ประเทศไทยตอนนั้น(รัฐบาล+ธนาคารแห่งประเทศไทย) ก็ต้องหามาตรการทั้งนโยบายรัฐ นโยบายภาคการเงินคลัง นโยบายภาคการเงินเข้ามาร่วมกัน ให้ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น ในกรณีประเทศไทยก็มีมาตรการและนโยบายหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น การออกกฎหมายใหม่ๆ+การผ่อนปรนด้านภาษีสำหรับต่างชาติ เพื่อจูงใจให้เข้ามาลงทุน การลงทุนของรัฐบาลในด้านสาธารณูปโภค เร่งอุปทานด้านการผลิตเพื่อการส่งออก เพิ่มงบประมาณขาดดุล เพิ่มปริมาณสินเชื่อ ฯลฯ จะเห็นว่านโยบายทั้งหมดด้านหน้าเนี่ยมันส่งผลโดยตรงกับ GDP และบางมาตรการบางนโยบาย(ส่วนใหญ่)ส่งผลต่อสิ่งที่เรียกว่า "Money Supply" หรือปริมาณเงินในระบบ ที่จะส่งผลต่อสิ่งที่เรียกว่า "เงินเฟ้อ" ต่ออีกที

 

 

- ในกรณีของประเทศไทยรวมทั้งประเทศในโซนเอเชียที่เจอปัญหาวิกฤติการเงินทั้งหมดก็มีแนวทางในการแก้ปัญหาคล้ายๆกัน ช่วงแรกๆหลังเจอปัญหาค่าเงินก็เปิดปัญหาเงินเฟ้อขึ้นก่อนจะ่ค่อยๆปรับลดลงในปีถัดๆไป จริงๆแล้ว IMF ค่อนข้างกังวลกับเงินเฟ้อจากกรณีข้างต้นมากๆๆๆ เพราะหากเงินเฟ้อคุมไม่อยู่ สินค้ามันจะปรับตัวขึ้นเรื่อยๆจนควบคุมไม่ได้ ประเทศที่กู้ยืนเงินเลยมักจะถูกข้อจำกัดเรื่องการใช้จ่ายในภาคส่วนต่างๆตามแผนงานของ IMF และอาจค่อยๆผ่อนคลายลงหากเงินเฟ้อลดลง ประเทศไทยตอนนั้นก็สามารถคุมเงินในระบบรวมทั้งเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่ไม่มากเกินไป ส่วนนึงเป็นเพราะตัวนโยบายที่ออกมาไม่ได้สุดโต่งจนเกินไป จึงควบคุมดูแลทั้งสองอย่างและกลับมาเป็นระดับปกติได้

 

 

- จบเรื่องเมืองไทยแบบสั้นๆ แล้วกรณี อาร์เจนติน่าจังล่ะ มันเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงต้องย้อนความซะเยอะแยะ - คำตอบคือย้อนเพราะผมอยากใส่น้ำให้มันเยอะๆ (ฮา) ไม่ใช่ครับจริงๆย้อนเพราะอยากให้นึกภาพตามกันได้พอครบจบแล้วมีสรุปสั้นมากให้เลย -

 

 

เข้าเรื่อง+คำตอบของคำถามหลักล่ะครับ หลังช่วงปี 1998-2002 อาร์เจนติน่าก็ทำแบบประเทศไทยนั่นล่ะครับ คือ ออกมาตรการ+นโยบายต่างๆ เพื่อช่วยศก.ของประเทศ IMF ที่มีประสบการณ์จากวิกฤติการเงินในเอเชียมารอบนึแล้ว ครั้งนี้เริ่มต้นคล้ายๆกันการแก้ปัญหาก็ไม่น่าต่างกันมากจริงมั้ยครับ ในการแก้ปัญหายกแรกเหมือนกับว่าอาร์เจนจะชนะเพราะปีแรกหลังเกิดปัญหาตัวเลข GDP GNP เพิ่มขึ้นอย่างมาก มีพระเอกตัวจริงคือภาคการส่งออกที่ช่วยให้ประเทศได้กำไรจากการนำเข้า-ส่งออก รวมถึงการรัฐสามารถเก็บภาษีได้ แต่สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร เพราะเรื่องของอาร์เจนติน่าจังมันไม่ง่ายขนาดจะจบง่ายๆขนาดนั้น

 

 

- แต่ต่างกรรมก็ต่างวาระ เพราะรัฐบาลอาร์เจนติน่าก็ต้องช่วยเหลือและเอาใจประชาชนจากวิกฤติการเงินของประเทศด้วย เนื่องจากประเทศเคยมีปัญหาด้านการคอรัปชั่นโดยเฉพาะการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ทำให้ค่าใช้จ่ายบางส่วนค่อนข้างสูง รัฐบาลเลยทำการเข้าแทรกแซงด้วยการให้เงินสนับสนุนบริการบางอย่างเพื่อให้มีราคาถูกกว่าราคาจริง ช่วยเหลือสมาคม/สหภาำพแรงงานให้แข็งแกร่ง เพื่อช่วยการสร้างงาน ฯลฯ ทั้งหมดล้วนเป็นรายจ่ายของรัฐทั้งสิ้น แต่ IMF ก็ไม่ได้เข้าควบคุมโดยตรง เพราะคาดว่าเงินเฟ้อจะคุมได้คล้ายในเอเชียและอาร์เจนตินาเองก็สามารถใช้หนี้ IMF ได้ในเวลาไม่นานหลังจากนั้น GDP ก็โตโดยมีการส่งออก+การใช้จ่ายของรัฐเป็นตัวนำ เรื่องมันก็น่าจะจบคล้ายประเทศในเอเ้ชีย แต่ที่ไหนได้มันไม่เหมือนกัน เพราะจากนโยบายบางส่วนทำให้เงินเฟ้อของอาร์เจนตินาไม่ลดลงตามคาดการณ์ "กีร์ชเน" ที่เป็นปธน. ณ ตอนนั้น เลยแก้ปัญหาด้วยการแต่งตั้งคนของตัวเองเข้าไปใน ธนาคารกลางและออกรายงานตัวเลขเงินเฟ้อแบบหลอกๆให้ต่ำกว่าความจริงมันซะเลย

 

 

**** ยังไม่จบอีกนิดเดียว เด๋ยวมา edit ต่อพรุ่งนี้ครับ

 

 

- การแก้(โกง)ตัวเลขเงินเฟ้อนี่ล่ะครับที่ส่งผลให้เกิดปัญหาใหญ่ต่ออาร์เจนตอนนี้ ช่วงแรกๆมันอาจจะยังไม่เห็นผลมากนัก แต่พอนานเข้ามันก็ส่งผลกระทบหลายต่อหลายชิ่ง เพราะมันทำให้การประเมินการเติบโตของศก.ที่แท้จริงและการวางแผนด้านต่างๆผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง ตามหลักของนโยบายการเงินทั่วไปหากเกิดเงินเฟ้อและเงินในระบบมากเกินไปธนาคารกลางจะทำขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมระดับเงินเฟ้อไม่ให้พุ่งมากเกินไป โดยเฉพาะประเทศที่ลอยตัวค่าเงินใหม่ๆ จำเป็นที่ต้องให้ความสำคัญของเงินเฟ้ออย่างมาก เพราะการลอยตัวค่าเงิน(ใหม่)ส่วนมากการใช้จ่ายจะยังเท่าเดิม ขณะที่การนำเข้าจะแพงขึ้น มีการกักตุนสินค้าของผู้ผลิิตและผู้บริโภค ผลที่เกิดต่อราคาสินค้าในตลาดคือปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้การแก้ตัวเลขเงินเฟ้อยังทำให้คาดการณ์ดัชนีตัวอื่นๆผิดเพี้ยนไปจากความจริงหมด ตลกร้ายกว่านั้นรัฐบาลอาร์เจนนอกจากเข้าไปยุ่ง(โกง)ตัวเลขเงินเฟ้อและยังเล่นแร่แปลธาตุเข้ากู้เงินผ่านธนาคารกลางและธนาคารพาณิชย์เพื่อเอาเงินมาอุดหนุนนโยบายภาครัฐหลายนโยบายอีก

 

 

- กลับมาดูที่ตัวเลข GDP อีกรอบ พอลอยตัวค่าเงิน+นโยบายการเงินการคลังของรัฐบาลอาร์เจน ตัวเลข GDP อาร์เจนมันเลยสวยหรูตั้งแต่ปีแรกหลังลอยตัวค่าเงินเพราะมันเพิ่มเกือบทั้งหมด ช่วงแรกๆตัวเลขเงินเฟ้ออาจนำ GDP และยังไม่มีท่าทีจะลดลง แต่จากการเข้าไปแทรกแซงธนาคารกลางในปี 2007 ตัวเลขเงินเฟ้อก็กลับลงมาใกล้เคียง GDP ซึ่งแปลว่า ศก.โตแบบมีเสถียรภาพในระดับนึง นักลงทุนก็กลับมาลงทุนในอาร์เจนอีก GDP มันก็เลยไล่เพิ่มมาทุกปี รัฐก็ดำเนินนโยบายขาดดุล ธนาคารกลางก็ยังออกตัวเงินเฟ้อหลอกๆต่อไป ซึ่งช่วงนั้นคาดว่าจริงๆแล้วเงินเฟ้ออาร์เจนติน่าพุ่งขึ้นอยู่ที่ระดับ 25-30% เลยทีเดียว

 

 

- โชคดี(ชั่วคราว)ของอาร์เจนติน่าที่ช่วงปี 2007 เกิดวิกฤติ Sub prime ขึ้นเงินเฟ้อของอาร์เจนก็เลยลดลง(ชั่วคราว) แต่ความซวยยังไม่จบเท่านั้น เพราะอาร์เจนติน่าเป็นประเทศส่งออก พอศก.ชะลอตัวภาคการส่งออกก็ชะลอตัว แต่การใช้จ่ายของรัฐยังไ่ม่ลดลง GDP เลยไม่ปรับลดลงมากเท่าไหร่ เงินเฟ้อก็ยังทำหลอกออกมาอยู่ พอสหรัฐทำ QE เงินทุนก็หาลงที่ลง หวยก็มาออกที่อาร์เจนอีกเพราะตัวเลขศก.ยังมีความเป็นไปได้ว่าจะเติบโตได้ เงินในระบบเลยเพิ่มเข้ามายกใหญ่ พอเกิดปัญหาของแพงจากเงินเฟ้อช่วงปลายปี 2008 รัฐบาลอาร์เจนเลยแก้ปัญหาด้วยการขึ้นเงินเดือนและเพิ่ม Money Supply ในระบบมันซะเลย เท่านั้นล่ะครับ เงินที่มันเฟ้ออยู่แล้วมันเลยเฟ้อกันใหญ่ รัฐบาลก็ยังแก้ปัญหาด้วยการขึ้นเงินเดือนต่ออีก นอกจากนี้ยังเข้าแทรกแซงราคาสินค้าในตลาดด้วยการเข้าไปตรึงราคาสินค้าเพื่อไม่ให้เป็นภาระของประชาชน เงินทุนสำรองของรัฐเลยลดลงทุกปีทั้งจากการแทรกแซงราคาสินค้าในตลาดและแทรกแซงค่าเงินเปโซ พอสหรัฐจะเริ่มลด QE เงินทุนก็ไหลออกอีกเงินทุนสำรองยิ่งลดลงไปกันใหญ่ สุดท้ายรัฐบาลอั้นไม่ไหว จึงต้องประกาศลดค่าเงินเปโซช่วงปลายสัปดาห์ก่อนนั่นล่ะ.............

 

 

- จบล่ะครับสรุปในประโยค(ยาว)ประโยคเดียวคือ อาร์เจนติน่ามีปัญหาเงินเฟ้อ จากนโยบายศก.แบบขยายตัวของรัฐ รวมถึงการแทรกแซงการทำงานของธนาคารกลางและออกตัวเลขศก.โดยเฉพาะเงินเฟ้อต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้ตลาดคาดการณ์และวิเคราะห์การขยายตัวของศก.ในประเทศผิด นอกจากนี้ยังแก้ปัญหาการเงินด้วยการเพิ่มเงินในระบบเข้ามาเพิ่ม สุดท้ายก็ใช้เงินทุนสำรองแทรกแซงราคาสินค้าในตลาดที่ปรับขึ้นจากเงินเฟ้อที่มีทั้งก่อขึ้นเองและจากภายนอก พอไม่ไหวก็เลยต้องประกาศลดค่าเงินลงนั่นเอง

ถูกแก้ไข โดย หมีน้ำ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ซินเจีอยู่อี่ เฮงๆ รวยๆค่ะ พี่ๆ และเพื่อนๆ ค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ช่วงหลังผมตามข่าวจีนน้อยลง จากข้อมูลที่เคยตามมาผมจะมองจีนในแง่ดี พอเห็นข่าวตะวันตกพูดถึงเศรษฐกิจจีนในแง่ไม่ดี ใจก็เป๋เหมือนกัน ในใจคิดว่าไม่น่าจะขนาดนั้นนะ เห็นโพสนี้ใช่เลย

---ตามข่าวเศรษฐกิจแดนมังกรจาก จากรายการของ ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ที่นี่ได้ครับhttp://www2.mcot.net/fm965/audio/list/title/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3

----------------------------------------------------------------------------------------

Thanong Fanclub ได้แชร์ สถานะ ของ Kate Homprasert

5 ชั่วโมงที่แล้ว

ฝรั่งวาดภาพเศรษฐกิจจีนน่ากลัว แต่ความจริงอีกอย่าง

ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ ให้สัมภาษณ์จากเนชั่น

กรณี วิกฤติการเงินจีนจะเกิดขึ้นหรือไม่?

 

ท่านมองต่างจากนักวิเคราะห์คนอื่นๆ เนื่องจากคนกล่าวหามักสวมแว่นตาตะวันตกมามอง..แต่ไม่ได้ดูเนื้อในของโครงสร้างเศรษฐกิจ

สรุปภาพรวมประมาณนี้ค่ะ

 

1 ธนาคารส่วนใหญ่เป็นของรัฐ ..มีการคุมเข้มการปล่อยกู้อยู่แล้ว

 

2. มีเงินทุนสำรองสูงมาก..สูงเพียงพอจะอุ้มธนาคารทั้งระบบด้วยซ้ำหากเกิดวิกฤติ การเงิน แค่เฉพาะไตรมาสแรก ทุนสำรองจีนเพิ่มขึ้นมากว่าแสนล้านเหรียญเทียบเท่าทุนสำรองไทยที่ทำมาหาได้ มาตลอด (แถมนักการเมืองยังอยากถลุงต่อ)

 

3.จีนต้องการลด จีดีพี ของตัวเองลงอยู่แล้ว ให้โตแบบเหมาะสมและยั่งยืน ต้องการแค่ 7% ต่อปี

 

4. เรื่องหนี้สินที่คนกลัวกันนักหนา. หนี้สินภาครัฐจีนอยู่ในอัตราส่วนแค่ 20% ของ จีดีพี ส่วนหนี้บัตรเครดิต โคตรน้อยมากๆค่ะ ก้อเค้าไม่ใช่ประชาธิปไตยสร้างหนี้อย่างพวกท่านทั้งหลายนี่ค่ะ การออมเค้าเลยสูงมากๆ เพราะสวัสดิการรัฐอาจไม่ได้ดีมากแบบประชาธิปไตยหนี้สินพอกพูน

 

5. จีนมีนโยบาย ลดการส่งออก ลดการพึ่งพิงจากต่างประเทศ แต่ต้องการเน้นการเติบโตจากเศรษฐกิจจากภายในประเทศเป็นหลัก

 

ความเห็นส่วนตัว คิดว่าภาพค่อนข้างชัดเจนค่ะ ว่าแข็งแกร่ง ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คนกล่าวหากัน

 

ทั้งหมดนี่ยังไม่รวม ทรัพยากรด้านอื่นๆที่จีน เป็นเจ้าของอย่างพวกพลังงาน เหมืองแร่ ทองคำ สินทรัพย์ทั้งหลายที่จีนไปลงทุนไว้ในต่างประเทศ อย่างพวกท่าเรือทั้งหลาย หุ้นในบริษัทชั้นนำ สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ในอเมริกา

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กลาโหมUSเครียด‘จีน’ท้าทายหนัก ชิงความเป็นผู้นำ‘เทคโนโลยีทหาร’

blank.gif โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 มกราคม 2557 21:30 น.

 

 

 

blank.gif 557000001160901.JPEG เรือบรรทุกเครื่องบินของจีน blank.gif เอเจนซีส์ - เจ้าหน้าที่อาวุโส “เพนตากอน” เตือน ความเหนือชั้นด้านเทคโนโลยีของกองทัพอเมริกันกำลังถูกท้าทายมากขึ้นจากจีน และความพยายามรักษาความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ก็กำลังถูกลิดรอนด้วยการตัดงบประมาณกลาโหม ขณะที่กองทัพแดนมังกรทุ่มทุนด้านนี้เพิ่มขึ้นในอัตราเลขสองหลักทุกปี

 

แฟรงก์ เคนดัลล์ รองปลัดกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ฝ่ายจัดซื้อและเทคโนโลยี แถลงต่อคณะกรรมาธิการการทหารสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันอังคาร (28 ม.ค.) ว่า ความเหนือชั้นด้านเทคโนโลยีทางทหารของสหรัฐฯ กำลังถูกท้าทายในแบบที่ไม่เคยพบมาก่อนในรอบหลายทศวรรษ โดยเฉพาะจากภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่ซึ่งจีนกำลังเดินหน้าโครงการปรับปรุงกองทัพสู่ความทันสมัยอย่างรวดเร็ว

 

เคนดัลสำทับว่า ความเหนือชั้นในด้านเทคโนโลยีทางทหารของสหรัฐฯไม่ใช่เป็นสิ่งที่สามารถมั่น อกมั่นใจได้เสียแล้ว และเป็นปัญหาสำคัญที่อยู่เฉพาะหน้านี้ด้วย ไม่ใช่ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเขาอ้างอิงการทุ่มทุนมหาศาลของจีนกับเรื่องขีปนาวุธต่อต้านเรือ เครื่องบินขับไล่ล่องหน ยานความเร็วเหนือเสียงหลายเท่า และอาวุธไฮเทคอื่นๆ

 

เมื่อถูกซักถามเกี่ยวกับการแข่งขันด้านเทคโนโลยีกับจีน หัวหน้าผู้จัดซื้ออาวุธของเพนตากอนผู้นี้ระบุว่า อเมริกาไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบแต่อย่างใด เพราะถึงแม้มีงบกลาโหมสูงกว่ามาก โดยในปีปัจจุบันภายหลังมีการหั่นลดแล้วก็ยังอยู่ในระดับไม่ถึง 500,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนอยู่ที่ 119,000 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา ทว่าจีนนั้นกำลังเพิ่มงบกลาโหมในอัตราเลขสองหลักทุกปี แถมต้นทุนด้านบุคลากรยังต่ำกว่าอย่างมากมาย ทั้งนี้ ต้นทุนด้านบุคลากรคิดเป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่งของงบกลาโหมสหรัฐฯทีเดียว

 

เคนดัลล์กล่าวต่อไปว่า ความสามารถของเพนตากอนในการรับมือด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ยังถูกจำกัดด้วยสถานการณ์งบประมาณปัจจุบัน กล่าวคืองบกลาโหมของสหรัฐฯถูกคาดการณ์ว่า จะถูกตัดไปอีกหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงทศวรรษหน้า

 

ทางด้าน ส.ส.หลายรายแสดงความกังวลที่ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน และถามเคนดัลล์ว่า เขารับรู้ตั้งแต่เมื่อใดว่า ความเหนือชั้นด้านเทคโนโลยีทางทหารของอเมริกากำลังถูกท้าทาย ซึ่งได้รับคำตอบว่า ข้อกังวลนี้ชัดเจนขึ้นเมื่อเพนตากอนทำการตรวจสอบเชิงยุทธศาสตร์หลังจากที่ รัฐสภาอนุมัติการลดงบประมาณในปี 2011

 

ขณะที่จีน รัสเซีย และประเทศอื่นๆ เดินหน้าปรับปรุงกองทัพสู่ความทันสมัยอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่เพนตากอนแสดงความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการสูญ เสียความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่เคยทำให้กองทัพอเมริกันเป็นผู้นำในสนามรบ มาตลอด 25 ปีที่ผ่านมา

 

สมาชิกรัฐสภาและนักวิเคราะห์ด้านกลาโหมกล่าวตรงกันว่า จีนกำลังเดินหน้าพัฒนาแสนยานุภาพทางทหาร โดยเฉพาะในด้านอาวุธ “ต่อต้านการเข้าถึง” เช่น ขีปนาวุธและระบบกวนสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ที่อาจจำกัดการเข้าถึงอาณาบริเวณ ต่างๆ ของเรือบรรทุกเครื่องบินหรือเครื่องบินรบของอเมริกา

 

แม้ไม่คาดว่า จะเกิดความขัดแย้งกับจีนหรือรัสเซีย แต่เจ้าหน้าที่ทหารอเมริกันกล่าวว่า มีโอกาสที่ประเทศเหล่านี้จะขายอาวุธยุทโธปกรณ์บางส่วนที่พัฒนาขึ้นมาให้ ประเทศอื่นๆ

 

ก่อนหน้านี้ในเดือนนี้ ระหว่างเดินทางไปยังห้องปฏิบัติการแห่งชาติแซนเดียในมลรัฐนิวเม็กซิโก ชัค เฮเกล รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ได้ตอกย้ำความสำคัญของการวิจัยขั้นสูงว่า ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีที่อเมริกาสามารถคงไว้ได้จนถึงขณะนี้ มีความสำคัญในโลกปัจจุบันที่ซับซ้อนและอ่อนไหวต่อการเกิดเหตุรุนแรงมากขึ้น

 

นอกจากนั้นเมื่อไม่นานมานี้ พลเรือเอกแซมมูเอล ล็อคเลียร์ ผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐฯ ประจำเอเชีย-แปซิฟิก ยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวในวอชิงตันว่า ความเป็นผู้นำทางทหารของสหรัฐฯ กำลังเสื่อมถอยลงขณะที่ประเทศอื่นๆ พากันลงทุนในอาวุธขั้นสูง

 

กระนั้น ล็อคเลียร์สำทับว่า แนวโน้มดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว และกองทัพอเมริกาควรตรึกตรองอย่างรอบคอบเกี่ยวกับระบบที่จะพัฒนาในอนาคต เพื่อรักษาความเป็นผู้นำ

 

blank.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ฝรั่งวาดภาพเศรษฐกิจจีนน่ากลัว แต่ความจริงอีกอย่าง

 

ฝรั่งมองว่า ดี คือ ตัวเลข gdp เพิ่ม แต่ไม่ได้มองรอบ

 

ตัวอย่างง่ายๆ คือ ถ้าเงินเดือนคนๆ หนึ่งเพิ่ม ตีเป็นตัวเลขก็ว่าดี แต่ถ้าคนๆ นั้นต้องแลกกับหลายอย่างที่ตีเป็นตัวเลขไม่ได้ หรือไปตีได้ทีหลัง เช่น เขาต้องจากบ้านเกิด ครอบครัว ไม่ได้ดูแลลูก ลูกกลายเป็นเด็กมีปัญหา ไปก่อความเสียหายแก่สังคม ตัวเลขความเสียหายต่อสังคมมากกว่าเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นของพ่อ

 

การคุมตัวเลขไม่ให้ร้อนแรง คือ การค่อยๆเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ เพื่อให้สังคมพอจะปรับตัวได้ทัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ถ้าเอาเรื่องเทคโนโลยีจริงๆ ผมยังมองว่าตอนนี้จีนยังไงก็ยังห่างกับอเมริกาอยู่อีกเยอะนะครับ โดยเฉพาะเทคโนโลยีขั้นสูง

 

ถึงจีนจะพยายามก็อปปี้ยังไง แต่ในเทคโนโลยีขั้นสูงก็ยังมีบางอย่างที่ก็อปปี่ไม่ได้อยู่ครับ

 

ยกตัวอย่างเช่น

 

ระบบรางไฟส่งกำลังของรถไฟฟ้า Third Rail ที่ทำหน้าที่คอยจ่ายไฟฟ้าให้รถไฟ

ในรางนี้มันต้องมีวัสดุอยู่สองส่วนคือส่วนที่ทำหน้าที่ลำเลียงไฟที่วัสดุจะต้องนำไฟฟ้าได้ดี

กับส่วนของวัสดุที่มีความคงทนเวลาเกิดการเสียดสีของขารับไฟจากรถไฟฟ้า

 

ในการรวมวัสดุนี้ ถ้าทางฝั่งจีนที่มีราคาถูกกว่ามากจะใช้แรงกลในการรวมวัสดุทั้งสองคือ

ทำวัสดุสองชิ้นให้เป็นเขี้ยวแล้วอัดเข้าด้วยกัน

แต่ส่วนทางฝั่งยุโรปคือ เยอรมัน ใช้วิธีการรวมโมเลกุลของวัสดุทั้งวัสดุทั้งสองให้เป็นเนื้อเดียวกันโดยสมบูรณ์

 

ซึ่งมีประสิทธิภาพเหนือกว่าการใช้วิธีประกบมาก เพราะไม่มีช่องว่างทำให้ไม่มีการศูนย์เสียพลังงาน

 

และยังมีอีกหลายๆส่วน ในเรื่องของวัสดุศาสตร์ที่ยังเทียบกันไม่ติด

 

แต่ก็อย่างว่าเทคโนโลยีขั้นสูง ถ้าไม่ใช่สายเทคนิคก็คงไม่สนใจอะไรมาก ขอแค่พอใช้ได้ก็โอเคแล้ว

ซึ่งในส่วนนี้ผมว่าทางจีนเดินยุทธศาสตร์ถูกนะครับ โชคดีปลายปีที่แล้วได้มีโอกาศไปตรวจสอบโรงงานเมืองจีน

ทำให้ทราบว่า ยุทธศาสตร์เข้าคือ เน้น GDP รวมของประเทศเป็นหลัก มากกว่ารายได้ค่าเฉลียของตัวบุคคล

และแรงงานของจีนนี่ถูกจับใจครับ

 

shenzhen-china-shenzhen-bay-sports-center-26040196.jpg

เช่น ตัวอย่างข้างบนนี้ Shenzhen Bay Sports Center

 

เป็นการประกอบขึ้นของแผ่นเหล็ก และโครงเหล็ก ได้สอบถามจากผู้ทำการเครียร์แบบ(Fangda New Material (Jiangxi)

ซึ่งแกทำแบบก่อสร้างออกมาได้ไงก็ไม่รู้เหมือนกัน อดทนมาก ไม่มีเซ็กเม้นตัวไหนเลยที่ซ้ำกันเลย ต้องเขียนใหม่ทุกชิ้น

แต่คิดค่าใช้จ่ายเป็นตารางเมตรของโครงสร้างชิ้นนี้ ค่าของ + ค่าแรงที่ใช้ ยังราคาไม่ได้ของเฉพาะค่าวัสดุที่เมืองไทย O_o!?

 

แม้ว่าตัวงานจะไม่ได้เรียบร้อยมาก แต่เมื่อภาพรวมมันใช้ได้ก็เลยโอเคครับ

ซึ่งก็ไปตรงกับยุทธศาสตร์อีกตัวนึงที่ทางส่วนกลางวางไว้คือ

"แมวไม่ว่าจะสีไหน ถ้าจับหนูได้ก็คือแมวที่ดี"

ซึ่งหมายความว่าของถึงมันไม่สวย แต่ถ้ามันใช้ได้มันก็คือใช้ได้

 

ผมมองว่าการตลาดตัวนี้โดนประเด็นเลยครับ เพราะมีน้อยคนที่มีความรู้ทางเทคนิกในเชิงลึก

แต่ทุกคนสามารถรับรู้ถึงราคาได้เหมือนกัน จึงไม่แปลกใจว่าทำไมสินค้าจีนมันถึงขายได้มากและขายดี..

เพราะมันถูกมากนี่เอง ถูกจนสามารถชดเชยความด้วยคุณภาพได้เลย

 

ปล.แต่ตอนนี้ Shenzhen กลายเป็นเมืองหมอกไปแล้วครับ กลับมาไอไม่หยุดเลย T-T

ถูกแก้ไข โดย leo_attack

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ใครยังพอจะหาคลิปเหมือนทองคำต่างประเทศ ที่เปิดมาแล้วมีรูปอดีตนายกทักษิณหราเลย อยากได้คลิปนั้นครับ หลายปีมากแล้ว จำได้แค่ว่ามีการโพสในกระทู้นี้ อาจอยู่ที่เวปเก่าก็ได้ครับ

---ใครรู้พิกัดรบกวนหน่อยครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ท่านใดสนใจ คอร์ส อบรมสัมนา เรื่อง "บิทคอยน์ สกุลเงินดิจิตอล" ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เชิญเข้ากลุ่มนี้ได้ครับ https://www.facebook.com/groups/BitcoinSeminar/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เรื่องเหมืองทองคำในไทย ใครสนใจตามไปอ่านที่เฟซผมนะครับ ไม่สะดวกโพสในนี้เกรงใจเจ้าของเวป เนื้อหาอิงเข้าเรื่องการเมือง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไว้มาเล่าอีกนะครับคุณลีโอ ชอบอ่านครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เหมือนล่าสุด จีนเตรียมยุทธศาสตร์ใหม่ ด้วยการเน้นเพิ่มรายได้เฉลี่ยของคนในประเทศแล้วด้วยครับ จะเอา GDP รวมให้แค่ประมาณ 7% ต่อปีเท่านั้นพอ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดโคเม็ค วันแรกของเดือน ก.พ. มีสัญญาคงค้าง 8900 รอส่งมอบ

ผ่านมา ถ วัน เหลือคนรอส่งมอบ แค่ 4058 สัญญา มีการส่งมอบไปทั้งสิ้น 1336 สัญญา

แสดงว่ามีคน ยอมรับเงินกระดาษถึง 8900 - 4058 - 1336 = 3506 สัญญา

 

รอลุ้นว่าคนที่เหลือจะทนรอ จนส่งมอบได้หรือเปล่า ถ้าเป็นไปรูปการณ์นี้ ต้องมีการทุบอีกรอบ

เพื่อให้คนที่ถือสัญญารอส่งมอบ ถอดใจรับเป็นเงินกระดาษแทน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...