คิดต่างเกี่ยวกับทอง

[Pete 15,187]

สวัสดีครับ คุณ Zagio และ เพื่อนๆ ที่แวะเข้ามาอ่าน ทุกๆ ท่าน

 

เริ่มต้นด้วยเรื่องเบาๆ ก่อนนะครับ น้

เช้าวันนี้ เวลา 08.00 น. เด็กขายของ เข็นรถ ผ่าน ห้างค้าส่งมีชื่อประเภทซื้อของแล้วไม่มีถุงใส่สินค้า

ประชาชน หลากหลายอาชีพ เช่น คนทำงานสำนักงานฯ, พ่อค้าแม่ค้า, ผู้สูงอายุ, เจ้าของร้านค้า ทุกคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน

คือมุ่งหน้าสู่ บันไดเลื่อนเข้าห้างฯ บางคน เดิน บางคน วิ่งเหยาะๆ บางคน วิ่งอย่างรวดเร็ว เกิดอะไรขึ้นเหรอ บรรยากาศเหมือน

ถนนเยาวราชเวลาราคาทอง ตกมากๆ หรือ ขึ้นมากๆ ไม่มีผิด หรือว่า จะมีร้านทองชื่อดังมาเปิดบริการที่นี่

คิดไปสารพัด ต่างๆ นานา

 

ไหน ลองเดินตามฝูงชนไปดูสักหน่อยว่า มีอะไรกันแน่

ผู้คนทั้งหมด มุ่งหน้าสู่ชั้นโชว์สินค้า ประเภท น้ำมันพืชปาลม์ เพราะวันนี้ มี น้ำมันพืชปาลม์บรรจุ

ขวดจุกสีฟ้ามาจำหน่าย ราคาขวดละ 47 บาท จำกัดคนซื้อ ไม่เกิน 3 ขวด

 

สภาพบรรยากาศทั่วๆ ไป เหมือนกับ ผู้คนที่ไปซื้อทองคำแท่ง แตกต่างกันก็ตรงที่ ไม่มี รับบัตรคิว,

สินค้าหมดแล้วหมดเลย ไม่มีออกตั๋วน้ำมันพืชปาล์ม ให้, ไม่ต้องลุ้นราคาว่า ขึ้นหรือลง ราคา 47 บาท

ตลอด ไม่ใช่ ถึงคิวกูแล้ว อ้าว ราคาขึ้น หรือ ถึงคิวข้าแล้ว ดีใจจัง ราคาลง

 

และอีกอย่างที่เหมือนกัน ที่สังเกตุเห็น คือ เก็งกำไร เขาประกาศว่า คนละ 3 ขวด พี่ท่านยึด 10 ลัง

คุมเชิงด้านใน ส่งคนไปจ่ายเงินทีละ 3 ขวด แล้วออกมาส่งด้านนอก แล้วเวียนเข้าไปใหม่ มากัน 4 คน

เที่ยวหนึ่ง 12 ขวด

 

ทำไปได้ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว แต่ทำให้เกิดภาวะน้ำมันพืชขาดตลาด

 

 

 

[Jaiy 1]

ทำกับข้าวไม่เป็นอะ.. แล้วเค้าใช้นำ้มันแบบอื่นไม่ได้หรือครับ

[Pete 15,187]

ขออภัยที่เด็กขายของ คืนนี้ ขอเริ่มต้นด้วยความหมายของ เงินเฟ้อ ที่เกิดในประเทศจีน และจีน ได้ประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย

โดยบอกว่า เป็นการสกัดไม่ให้ตัวเลขเงินเฟ้อของปี 2554 เพิ่มสูงขึ้น เพื่อเข้าใจก่อน

เงินเฟ้อ หมายถึง ภาวะที่ระดับราคาสินค้าสูงขึ้นเรื่อยๆ (rising prices) => ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index)

ประเทศจีนเกิดสภาวะ CPI ขึ้นไปที่ 5.1% เมื่อปีที่แล้ว แล้วรัฐฯ ต้องการที่จะลดตัวเลขลงมาให้ได้ เพราะ

 

 

ผลกระทบของเงินเฟ้อ

1. ผลต่อความต้องการถือเงิน ภาวะเงินเฟ้อจะทำให้ค่าของเงินลดลง เพราะเมื่อราคาสินค้าแพงขึ้น เงินเท่าเดิมจะซื้อของได้น้อยลง

 

2. ผลกระทบต่อรัฐบาล รัฐบาลมักจะได้รับประโยชน์จากภาวะเงินเฟ้อ นั่นคือ ภาวะเงินเฟ้อจะทำให้ประชาชนมีรายได้ที่เป็นตัวเงินเพิ่มสูงขึ้น ถ้ารัฐเก็บภาษีในอัตราก้าวหน้า ก็จะเก็บภาษีได้มากขึ้น มีรายได้มากขึ้น ส่วนทางด้านรายจ่ายของรัฐนั้นถ้าเป็นจำนวนที่คงที่ เช่น เงินเดือน, บำนาญ, เงินสงเคราะห์ต่าง ๆ รัฐก็จะได้ประโยชน์เพราะเงินนั้นมีค่าน้อยลง

 

3. ผลที่มีต่อการกระจายรายได้ เมื่อเกิดเงินเฟ้อจะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงในการกระจายรายได้ของบุคคล เช่น

 

1) ผู้มีรายได้เป็นจำนวนเงินคงที่ตายตัวหรือรายได้ประจำจะเสียเปรียบ เพราะค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จะสูงขึ้น เนื่องจากสินค้าแพงขึ้น แต่รายได้ที่เป็นตัวเงินยังคง

2) ลูกหนี้จะได้เปรียบในขณะที่เจ้าหนี้

3) ผู้ถือทรัพย์สินที่เป็นตัวเงินแน่นอน เช่น เงินสด เงินฝากประจำ หุ้นกู้ พันธบัตรจะเสียเปรียบ เพราะเงินลดค่าลง

 

การแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ

 

รัฐบาล (ประเทศสังคมนิยม) หรือ ธนาคารกลางฯ (ประเทศประชาธิปไตย) ต้องมีการพิจารณาดูก่อนว่าภาวะเงินเฟ้อเกิดจากสาเหตุใด

 

1. ภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากความต้องการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น ทำได้โดยลด ความอยากที่จะซื้อ โดย

ก. ลดค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคล (Consumption Expenditure)

ข. ใช้นโยบายทางการเงินโดยภาครัฐ กล่าวคือ ลดปริมาณเงินโดยการออกพันธบัตร เพื่อชักจูงให้ประชาชนหันมาสนใจออมเงิน

มากกว่าที่จะใช้จ่ายเงิน

ค. ใช้นโยบายการคลังโดยภาครัฐ กล่าวคือใช้มาตรการทางด้านภาษี การเก็บภาษีมากขึ้นจะทำให้การจับจ่ายใช้สอยลดน้อยลง

และรัฐบาลจะต้องลดค่าใช้จ่ายลง

ง. ลดค่าใช้จ่ายการลงทุน

จ. การควบคุมระดับราคาโดยตรง โดยภาครัฐบาลกำหนดราคาสินค้าและบริการไว้แน่นอน

ถูกแก้ไข กุมภาพันธ์ 10, 2011 โดย เด็กขายของ

[Pete 15,187]

ส่วนสำหรับประเทศสหรัฐอเมริกา ในขณะนี้ ต้องเรียกว่า เจอสภาวะ เงินฝืด หลังจากผ่านวิกฤติ ซัพพราม หรือ

ปัญหาหนี้เสียในระบบการกู้ยืม แล้วเกิดปัญหาตามมาในระบบสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ แล้วความหมายคืออะไร

เงินฝืด หมายถึง สถานการณ์ตรงข้ามกับเงินเฟ้อ นั่นคือ ภาวะที่ระดับราคาสินค้าและบริการทั่วไปลดลงเรื่อยๆ เกิดปัญหาการว่างงาน แต่ไม่ได้หมายความว่า สินค้าทุกชนิดราคาจะถูกลง และในสัดส่วนเดียวกัน อาจเป็นไปได้ว่าสินค้าบางชนิดมีราคาสูงขึ้น แต่เมื่อรวมราคาสินค้าทุกชนิดแล้ว คือราคาถัวเฉลี่ยจะลดลงจากเดิม เช่น ราคาบ้าน ที่ลดลง

 

สาเหตุของภาวะเงินฝืด1. ธนาคารกลางพิมพ์ธนบัตรออกมาหมุนเวียนในตลาดน้อยเกินไป แต่อุปสงค์มีมาก2. ประชาชนนิยมเก็บเงินไว้กับตัวมากเกินไป3. การส่งเงินตราออกนอกประเทศมากเกินไป4. นโยบายธนาคารกลางออกกฎหมายเรียกเก็บเงินสำรองตามกฎหมายจากธนาคารพาณิชย์มากเกินไป จนไม่มีเงินที่จะสร้างเงินฝากหรือขยายเครดิต5. นโยบายของธนาคารพาณิชย์ไม่ขยายเครดิต ให้กู้ยืมสำหรับการลงทุนทั้งระยะสั้น ระยะยาว6. รัฐบาลควบคุมการซื้อสินค้าเงินผ่อน7. รัฐบาลเปลี่ยนแปลงเก็บภาษีในอัตราสูงขึ้น ทำให้รายได้ประชาชนลดลง เงินใช้สอยลดลง8. อัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศค่อนข้างสูง ทำให้ธนาคารพาณิชย์ประสบปัญหาในการกู้ยืมมาขยายเครดิต จำเป็นต้องกู้ยืมจากธนาคารกลาง9. เงินฝืดมักจะเป็นผลพวงมาจากภาวะฟองสบู่แตก ทำให้เกิดปัญหาเกิดหนี้เสีย และความเชื่อมั่นต่อการลงทุนลดน้อยลง ทำให้ภาคการเงินระมัดระวังในการปล่อยสินค้าเชื่อมากขึ้น

 

ดังนั้น ตั้งแต่นั้นมา สหรัฐฯ ก็หาวิธีที่จะแก้ไขปัญหา

 

การแก้ไขภาวะเงินฝืด

 

1.ใช้นโยบายทางการเงิน ได้แก่1.1 ธนาคารกลางจะต้องพิมพ์ธนบัตรออก มาหมุนเวียนในตลาดให้สอดคล้องกับปริมาณของอุปสงค์และอุปทาน1.2 ธนาคารจะต้องลดอัตราเงินสดสำรองตามกฏหมายแก่ธนาคารพาณิชย์ เพื่อที่จะทำให้มีการขยายเครดิตเพิ่มขึ้น1.3 ประกาศควบคุมกำหนดราคาสินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าประเภทจำเป็น เช่น ข้าว เนื้อสัตว์ น้ำมัน การขนส่ง

ฯลฯ

 

2.ใช้นโยบายทางการคลัง ได้แก่2.1 รัฐบาลจะต้องกระจายรายได้ไปสู่ชนบท ทำให้ประชาชนมีงานทำ มีรายได้เพิ่มขึ้น และเป็นการลงทุนให้ชนบท เช่น จัดให้มีโครงการสร้างงานในชนบท สหรัฐ ต้องการให้ ประชาชนหันไปทำงานภาคการเกษตรมากขึ้น ส่งผลให้ประชาชนในชนบทมีงานทำมากเพิ่มขึ้นมีแหล่งน้ำ มีถนน ทำให้เพิ่มผลผลิตตามไปด้วย2.2 งบประมาณรายจ่ายรายจ่ายของรัฐบาลจะต้องจ่ายให้มีสภาพคล่องตัวยิ่งขึ้น จะทำให้เงินหมุนเวียนในตลาดรวดเร็วขึ้น เช่น รัฐบาลจ้างทำของ ( ถนน เขื่อนกั้นน้ำ ชลประทาน ฯลฯ ) สั่งซื้อสินค้า เมื่อธุรกิจได้รับเงินของทางรัฐบาล จะทำให้เกิดการสร้างงานต่อไป2.3 ลดอัตราภาษีของรายได้บุคคลของประชาชน ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น เมื่อประชาชนมีรายได้เพิ่มมากขึ้น การใช้จ่ายก็มีมากขึ้นตามลำดับ2.6 ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ ผืนดินอันกว้างใหญ่ของอเมริกาถูกนำขึ้นมาใช้ เช่น พืชผลทางเกษตร เท่ากับเป็นการสร้างงาน ทำให้ระบบเศรษฐกิจขยายตัวทำให้ภาวะเงินฝืดเบาบางลง2.7 ส่งเสริมผลผลิตทางด้านการเกษตร อุตสาหกรรมออกสู่ต่างประเทศ โดยใช้การตลาดเป็นแกนนำ ทำให้เงินตราไหลเข้าสู่ประเทศมากขึ้น

[MISS K 4]

ขอบพระคุณค่ะคุณเด็กขายของ

[Pete 15,187]

ทำกับข้าวไม่เป็นอะ.. แล้วเค้าใช้นำ้มันแบบอื่นไม่ได้หรือครับ

น้ำมันปาล์ม เหมาะสำหรับ ของทอด เช่น ทอดไก่ ปาท่องโก๋ ไข่ดาว เป็นต้น และราคาถูกที่สุดใน ระดับน้ำมันพืช ครับ

พ่อค้าแม่ค้า จำเป็นจะต้องใช้ในกิจการทำมาหากิน ครับ วันไหน ไม่สามารถหามาได้ ก็ไม่สามารถนำน้ำมันดำๆ มาทอด

ของขายได้ เพราะผู้บริโภคเห็นหน้าตาที่ออกมาแนวคล้ำ ก็ไม่ซื้อรับประทานแล้วครับ ( เหมาะสำหรับของทอด )

ข้างล่างนี้ เหมาะสำหรับผัด

 

น้ำมันถั่วเหลือง และ น้ำมันทานตะวัน เป็นสินค้าระดับต่อมา ซึ่งตอนนี้ ก็ไม่สามาถหาซื้อได้ในตลาดแล้ว เนื่องจากเกิดการกักตุน

สินค้าเกิดขึ้น ถ้าลองคิดว่า ครอบครัวต่างๆ ผู้มีฐานะ เก็บบ้านละ 6 ขวด จะมีสต็อคเก็บไว้ที่บ้านเหล่านั้นกี่ขวด

ขนาดราคาตอนนี้ 67-75 บาท ไปแล้วครับ

 

น้ำมัน รำข้าว แต่ก่อนก็สามารถหาซื้อทานได้ แต่ปัจจุบัน ได้มีการ Re-pack เปลี่ยน Packing หน้าตาใหม่หมด มีการอ้างเพิ่ม

คุณค่าทางบริโภคเข้าไปด้วย ทำให้ราคาตอนนี้ ก็ประมาณ 110 บาท

 

น้ำมันข้าวโพด ก็อยู่ที่ราคาระดับสูง 100 บาท เหมือนกัน

[hammaki 6]

!gd !gd !gd

[zagio 163]

ค่าเงินเราน่าจะผันผวนตามหุ้น หากหุ้นขึ้นค่าเงินน่าจะแข็งขึ้น หุ้นลงค่าเงินน่าจะอ่อน

 

ปีนี้่น่าจะอ่อนไปแถว ๆ 31.xx ช่วงครึ่ง จากนั้นค่อยแข็งกันใหม่ จนปลายปี ถ้า เซ้ท 1100 ก็คงแถว ๆ 28

 

อาทิตย์หน้ามีการปิดออฟชั่น + ส่งมอบทอง น่าจะมีการทุบราคาอีกครั้งหนึ่ง คงลงกระจาย

 

ช่วงนี้น่าจะเป็นไซค์เวย์ down จุดต่ำสุดที่น่าจะได้เห็นคือแถว ๆ 1290

 

ส่วนวันนี้อาจจะมีเทกระจาด เพราะพี่เบนออกมาอีกสักรอบ แนวรับวันนี้แถว ๆ 1325-1330 อาจจะลงมาถึง

 

แต่ถ้าวันนี้ break 1370 ไปได้มีเฮ สำหรับขาขึ้น มาลุ้นกันไป

[zagio 163]

ถูกแก้ไข กุมภาพันธ์ 10, 2011 โดย zagio

[zagio 163]

ถูกแก้ไข กุมภาพันธ์ 10, 2011 โดย zagio

[zagio 163]

ถูกแก้ไข กุมภาพันธ์ 10, 2011 โดย zagio

[Pete 15,187]

 

แฉซาอุฯไม่มีน้ำมันดิบมากพอสกัดราคาน้ำมัน

หนังสือพิมพ์ เดอะ การ์เดียน ของอังกฤษ รายงานผ่านทางเว็บไซต์ว่า วิกิลีกส์ ที่นำเอกสารลับทางการทูตของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ มาเผยแพร่จนโด่งดังไปทั่วโลก เปิดประเด็นร้อนล่าสุดว่า ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก อาจจะมีน้ำมันดิบสำรองไม่เพียงพอ ที่จะป้องกันไม่ให้ราคาน้ำมันแพงขึ้นไปกว่านี้ได้

 

เอกสารลับที่ส่งจากสถานทูตสหรัฐประจำกรุงริยาร์ด ของซาอุดีอาระเบีย เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐ ใส่ใจอย่างจริงจังต่อคำเตือนของผู้บริหารบริษัทน้ำมันอารัมโก ที่อยู่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลว่า เป็นการกล่าวเกินจริงที่ว่า ซาอุดีอาระเบียมีน้ำมันดิบสำรองอยู่ถึง 3 แสนล้านบาร์เรล หรือเกือบ 40%ของน้ำมันดิบทั่วโลก

 

การเปิดเผยข้อมูลของวิกิลีกส์ มีขึ้นในช่วงที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องมาจากความต้องการในตลาดโลก และความตึงเครียดในตะวันออกกลาง

 

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้นักวิเคราะห์พากันคาดการณ์ว่า ซาอุดีอาระเบียและสมาชิกกลุ่มผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) จะเพิ่มการผลิตน้ำมัน ถ้าราคายังพุ่งไม่หยุด

 

อย่างไรก็ดี นายซาดัด อัล ฮุสเซนี นักธรณีวิทยา และอดีตหัวหน้าสำรวจทรัพยากรธรรมชาติของบริษัทอารัมโก ได้พบปะกับกงสุลใหญ่ของสหรัฐประจำกรุงริยาร์ด เมื่อเดือนพ.ย. 2550 และแจ้งว่า อารัมโกไม่มีขีดความสามารถพอที่จะผลิตน้ำมันได้วันละ 12.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งเพียงพอต่อการยับยั้งราคาน้ำมัน แต่มีความเป็นไปได้ว่า จะสามารถผลิตน้ำมันได้วันละ 12 ล้านบาร์เรลล์ ภายใน 10 ปีข้างหน้า หรือเร็วสุดคือ ปี 2555

 

นายฮุสเซนี่ กล่าวด้วยว่า ปัจจัยที่ทำให้อารัมโก ยับยั้งราคาน้ำมันไม่ได้ ก็เพราะอุตสาหกรรมด้านพลังงานของซาอุดีอาระเบีย ให้ตัวเลขที่เกินจริงเกี่ยวกับน้ำมันดิบสำรอง เพื่อหวังดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ

 

 

[Pete 15,187]

ช่วงนี้ เพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่าน คงมีความสงสัยว่า ประเทศจีนขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ทำไมราคาทองไม่ลง

ตอนคืนวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ราคาทองได้พุ่งขึ้นไปแตะ US$1,367 ก่อนที่จะลงมาในช่วงเช้า และวิ่งระหว่าง US$1,362-1,365

ถัดมาอีกคืนวันที่ 9 กุมภา ราคาทองตลาดโลก ก็วิ่งขึ้นไปที่ US$1,365 และลงไปที่ US$1,357 ก่อนที่เช้ามาที่เดิม Sideway

 

หลายๆ คนก็เกิดกังขาว่า ทำไม ขึ้นดอกฯ คราวนี้ ราคาทอง ขึ้น เด็กขายของ ขอกล่าวว่า แน่ใจเหรอว่า จะขึ้นจริงจัง ยังต้องผ่านคืนนี้

และคืนพรุ่งนี้ ให้ได้เสียก่อน จึงจะคิดได้ว่า ขึ้นจริง ส่วนที่ผ่านมา เนื่องจาก นักลงทุน และ นักปั่นราคา เริ่มชินกับข่าวที่จีนจะขึ้นดอกเบี้ย

มาตั้งแต่ กลางเดือนมกราคม 2554 เสียแล้ว และตอนปลายเดือนมกราคม ก็มีข่าวมาสมทบอีกว่า ขึ้นแน่ ก่อนตรุษจีน แต่แล้ว ก็มาขึ้น

วันชิวโหงว ต้อนรับเปิดทำงานวันแรกของคนจีน จาก กลางเดือน มกราคา 2554 ถึง วันที่ 8 กุมภา ราคาทองตลาดโลก ได้ผ่านการลง

มาตั้ง 2 ครั้งแล้วนะครับ นักลงทุนเริ่มชินกับข่าวนี้ ไปแล้ว ทำให้ ข่าวขึ้นดอกเบี้ยของจีน ลดความน่าสนใจลง นักลงทุนหันไปมองข่าว

คลองสุเอซ ทำงานไปเป็นปกติ, มองข่าวน้าเบนเนกี้ พูดเรื่องทิศทาง QE 2 สภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐ และอัตราการจ้างงานของสหรัฐ

ว่า รัฐบาลจะดำเนินการต่ออย่างไรมากกว่า และเมื่อข่าวออกมาในทิศทางที่ดี ก็ทำให้ คืนนั้น ราคาทอง ขึ้น สวนกับการขึ้นดอกเบี้ยจีน

แต่บางคน ก็บอกว่า คราวที่แล้ว จีนขึ้นดอกเบี้ยก่อนสิ้นปี ทำไม ราคาทองขึ้น ก็ต้องบอกว่า การขึ้นคราวนั้น เป็นการขึ้นดอกเบี้ยสำรอง

เงินธนาคารฯ ที่ภาระตกเป็นของ บริษัทฯ ที่กู้เงิน มากกว่า ทำให้ราคาต้นทุนสินค้าแพงขึ้น ไม่กระทบต่อ เงินของนักลงทุน แต่ไปกระทบ

เงินของประชาชนทั่วไป ที่อยากจับจ่ายซื้อของมากกว่า

 

แต่ตอนเดือนตุลาคม 2553 เป็นการขึ้นดอกเบี้ย เหมือนคราวนี้ คืนนั้น ราคาทอง ลดลง US$35 เพียงข้ามคืน เพราะการขึ้นคราวนั้น

ประเทศจีน เป็นการประกาศแบบฉับพลัน ไม่มีข่าวออกมาแม้แต่น้อย ทำให้นักลงทุน ตื่นตระหนก ไม่เหมือนกับครั้งนี้ ซึ่งนักลงทุน

ซึมซับข่าวจนเกิดอาการเงื้อมีดทิ้งขายหมู ไปแล้วไม่รู้กี่รอบ เลยเกิดอาการตรงกันข้ามในคืนนั้น

 

คืนนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่ เริ่มตั้งหลักได้แล้ว คงได้มีการออกอาการอะไรบางอย่างออกไป ดูอย่าง ตลาดหุ้นไทย วันนี้ ยังลดลง

เป็นอย่างมาก ผิดกับเมื่อวานนี้ ซึ่งลดลงไปนิดหน่อย นั้น คือ เมื่อตั้งหลัก และ มีการสอบหาข้อมูลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะมีการ

ดำเนินการของนักลงทุนเกิดขึ้น

 

 

 

 

[Pete 15,187]

ค่าเงินบาทไทย ที่วันนี้ อ่อนค่าลงมาแตะ 30.83 ก็มาจากนักลงทุนต่างชาติ ได้มีการขายสุทธิ

 

ออกเป็นจำนวนมาก ประกอบกับ วิกฤติต่างๆ ในประเทศ ที่คิดว่าจะเรียบร้อย กลับเป็นไปในทิศทาง

 

ตรงกันข้าม เช่น การเพิ่มเสริมกำลังอาวุธและทหาร ตามแนวชายแดน ไทย-เขมร, การเปลี่ยนแผน

 

การชุมนุมของม็อบจำลอง ที่เปลี่ยนใจไม่ไปศรีสะเกษ เพราะเกรงถูกขอคืนพื้นที่เดิม โดย ตำรวจ,

 

เสื้อแดง ยังไม่ยอมระบุสถานที่ชุมนุม ว่า ที่ไหน

 

เฮ้อ เหนื่อย ราคาทองลง แต่ค่าเงินบาทอ่อน ประมาณ 100 บาท แล้ว 10 สตางค์ คือ 50 บาท

[Pete 15,187]

วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2554 16:42

หุ้นดิ่ง20จุด ต่างชาติถล่มขายทั่วภูมิภาค

 

หุ้นไทยดิ่ง 20 จุด ตามตลาดในภูมิภาคเอเซีย หลังนักลงทุนต่างชาติถล่มขายหนัก กังวลปัญหาเงินเฟ้อ

บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทยวันนี้ (10 ม.ค.) ดัชนีทรุดตัวลงตามตลาดในภูมิภาคเอเซีย จากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ที่กังวลปัญหาเงินเฟ้อในภูมิภาคเอเซีย หลังจากที่ก่อนหน้าจีนได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อ ทำให้หลายวฝ่ายกังวลว่าธนาคารกลางในหลายประเทศอาจขยับขึ้นดอกเบี้ยตาม

 

ขณะปัญหาการเมืองในประเทศ การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กลุ่มนปช. และเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชาบริเวณชายแดน ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กดดันบรรยากาศการลงทุน ระหว่างชั่วโมงการซื้อขายดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ 963.28 จุด และปิดตลาดในระดับต่ำสุดที่ 949.28 จุด ลบ 20.80 จุด หรือ 2.14%

 

 

นายกัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา กรรมการผู้การ บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด กล่าวว่า การปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงของตลาดหุ้นไทยและภูมิภาคเอเซีย มาจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากกังวลปัญหาเงินเฟ้อคุกคาม ซึ่งหากเงินเฟ้อเพิ่ม สิ่งที่จะตามมาคือการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการที่จีนขึ้นดอกเบี้ยนำร่อง อาจทำให้ธนาคารกลางในประเทศอื่นๆขึ้นดอกเบี้ยกลาง

 

อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้ นักลงทุนต่างชาติยังคงพักเงินที่ตลาดเงินเพื่อประเมินสถานการณ์

 

ถูกแก้ไข กุมภาพันธ์ 10, 2011 โดย เด็กขายของ