ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

'เซียน' แนะกลยุทธ์ Wait and See

 

เปิดศักราชปีกระต่าย 'ต่างชาติ-กองทุนในประเทศ' ถล่มขายหุ้นไทยอย่างหนัก 'ห้าเซียน' มองภาพรวมยังโอเค แต่ช่วงนี้ผันผวนสูง

 

ยุทธพงษ์ เสรีดีเลิศ นักลงทุนรายใหญ่ เปิดเผยว่า ช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมาเห็นแนวโน้มแล้วว่าอาการหุ้นไทยจะ “สาหัส” จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯและยุโรปยังไม่ฟื้นรวมถึงพวกนักลงทุนรายใหญ่และกองทุนต่างประเทศต่างหันมา “ชอร์ตหุ้น” ขายล่วงหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน ส่วนตัวจึงได้ทยอยลดน้ำหนักการถือหุ้นในพอร์ตไปล็อตใหญ่

 

“ที่ต้องระวังตอนนี้ข่าวลือว่อนเต็มตลาดไปหมดแม้แต่เรื่องจะมีปฏิวัติเป็นโอกาสของรายใหญ่ที่จะทำกำไรจากข่าว (ขาย) และรายย่อยจะเป็นกลุ่มที่เข้าไปเป็นไม้สุดท้ายเห็นได้จาก 2-3 อาทิตย์ก่อนเข้าไปรับกันเยอะมาก”

 

กลยุทธ์ลงทุนช่วงนี้ ยุทธพงษ์ เตือนว่าระหว่างเดือน "กุมภาพันธ์-มีนาคม" หุ้นไทยจะเคลื่อนไหวแบบ Sideway Down จากข่าวลือที่ยังจะมีอยู่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจหรือการเมือง ทางที่ดีควรรอให้ข่าวจางลงก่อนซึ่งน่าจะประมาณ 2 เดือนแล้วค่อยซื้อหุ้น ถ้าเข้าไปรับตอนนี้อาจจะขาดทุนได้

 

ส่วนตัวมองว่าหุ้นไทยคงไม่หลุดต่ำกว่า 900 จุดแน่นอน กรอบดัชนีปี 2554 คงเคลื่อนไหวระหว่าง 920-1,400 จุด ถ้าจะเล่นหุ้นตอนนี้ลองมองหุ้น "ตัวที่มีสตอรี่" เจ้าของบริษัทมีแผนที่จะซื้อหุ้นตัวเองซึ่งมีไม่เยอะเพราะถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่ามีแต่คนอยากจะขายมากกว่า

 

กลุ่มหุ้นที่น่าลงทุนปีนี้ยังเป็น "กลุ่มคอมมูนิตี้" อย่างเช่น น้ำมัน ทองแดง ถ่านหิน รวมถึงแบงก์ก็ยังไปได้ หรืออีกทางเลือกหนึ่งลองทยอยเก็บหุ้นที่มีอัพไซด์เกนและปันผลดีๆ เพื่อเวลาที่ตลาดเป็นขาขึ้นอีกครั้งจะได้กำไรสองต่อ

 

“ถ้าให้ผมเลือกคงเป็น BANPU กับ TUF สองตัวนี้น่าสนใจ”

 

พิชัย จาวลา นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์พันล้าน เจ้าของทฤษฎี “เศรษฐศาสตร์แห่งความจริง” อธิบายปรากฏการณ์ตลาดหุ้นช่วงนี้ว่าเป็นไปตามแนวคิดที่เคยบอกไว้เมื่อคนส่วนใหญ่ (รายย่อย) มีความกล้าที่จะซื้อหุ้นก็จะมีคนกลุ่มน้อย (ต่างชาติ-กองทุน) ที่จะรอขายหุ้นอยู่ซึ่งคนกลุ่มน้อยจะเป็น “ผู้ชนะเสมอ”

 

“ลองย้อนกลับไปมองหุ้นไทยช่วง 2 ปีที่แล้ว (2552-2553) ที่ขึ้นมาได้ขนาดนี้เพราะคนส่วนใหญ่คิดว่าหุ้นมันจะไม่ขึ้นคนส่วนน้อยที่เป็นผู้ชนะก็จะเข้าไปซื้อหุ้นไว้ ตรงข้ามกับปีนี้ (2554) ที่คนส่วนใหญ่คิดว่ามันจะขึ้นคนส่วนน้อยก็พร้อมจะขายอยู่แล้ว ถ้าอธิบายด้วยแนวคิดของผมคือแบบนี้”

 

เขาขอย้อนเวลากลับไปตอนที่ให้สัมภาษณ์กรุงเทพธุรกิจ BizWeek เมื่อปี 2552 ตอนนั้นหุ้นไทยยังอยู่ที่ระดับ 600-700 จุด เขาชี้ว่าหุ้นไทยจะวิ่งไปถึง 1,000 จุดได้ เพราะคนส่วนใหญ่คิดว่าหุ้นจะไม่ขึ้น สุดท้ายก็เป็นตามนั้น พอปีนี้คนส่วนใหญ่คิดเหมือนกันว่าหุ้นไทยจะไปถึง 1,200 จุด หุ้นมันก็จะ "ลง"

 

พิชัย บอกอีกว่า สองเดือนที่แล้วได้พยากรณ์ผ่านรายการวิเคราะห์หุ้น (มันนี่แชนแนล) ว่า ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนตัวลงเพราะเงินบาทขึ้นไปแข็งค่าที่ระดับ 30 เหรียญผู้คนส่วนใหญ่พากันคิดว่าจะแข็งค่าขึ้นไปอีกถึงตอนนี้ค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าอีกครั้งตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์แห่งความจริง

 

“ตอนนี้ผมคิดว่าหุ้นไทยจะยังไม่ไปไหนในปีนี้ น่าออกจากตลาดหุ้นไปซื้อดอลลาร์เก็บไว้ดีกว่าจนค่าเงินบาทอ่อนตัวลงแตะ 40 เหรียญ ซึ่งหุ้นไทยอาจจะอยู่ที่ 900 จุด ค่อยเข้าไปซื้อหุ้นอีกครั้ง อาจจะเป็นครึ่งปีหลังหรือปี 2555 ก็เป็นได้”

 

อย่างไรก็ตาม พิชัย มองว่าภาพใหญ่ 3 ปียังดีอยู่ อีก 5-10 ปี SET Index อาจจะไปถึง 2,000 จุดก็เป็นได้ โดยย้ำว่านี่เป็นความเห็นเฉพาะบุคคล นักลงทุนควรพินิจพิเคราะห์ด้วยตัวเองก่อนตัดสินใจ

 

มุมมองของผู้จัดการกองทุน ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการลงทุน บลจ.อยุธยา ให้ความเห็นว่าการเทขายหุ้นครั้งใหญ่มาจากนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาซื้อหุ้นประเทศกลุ่ม TIP (ไทย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์) ตลาดหุ้นสามประเทศนี้ปีที่แล้วขึ้นมาเยอะมาก จึงต้องมีการปรับพอร์ตบ้าง แต่พื้นฐานของภูมิภาคยังดีอยู่

 

ส่วนตัวมองว่าเงินที่ขายหุ้นออกไปอาจจะไปลงทุนในตลาดหุ้นที่ใหญ่ขึ้นเช่นไต้หวัน ญี่ปุ่น จีน เช่นเดียวกับเงินที่มาจากแผน QE2 ไม่น่าจะมาหุ้นไทยแต่จะไปลงในตลาดหุ้นที่ปีที่แล้วยังขึ้นมาไม่เยอะ อย่างไรก็ตาม บลจ.อยุธยา ยังไม่ปรับเป้าดัชนีหุ้นไทยที่เคยตั้งไว้ 1,200 จุด แต่ปีนี้หุ้นจะมีความผันผวนมากอาจขึ้นๆ ลงๆ 20-30% หรือประมาณ 300 จุด โดยมีจุดต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 900 จุด

 

ประภาส กล่าวว่า เริ่มเห็นนักลงทุนหันมาซื้อ LTF ตั้งแต่ต้นปีเพราะตลาดหุ้นลงมามาก บลจ.อยุธยา ก็เริ่มมองหาจังหวะเข้าเก็บหุ้นด้วยเพราะนานๆ ทีตลาดจะลงหนักๆ แบบนี้ พื้นฐานเศรษฐกิจที่ดีจะช่วยหนุนตลาดหุ้นขึ้นได้อีก

 

ทางฝั่งโบรกเกอร์ ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวย บล.บัวหลวง มองว่า สองอาทิตย์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงไปกว่า 10% ในแง่ทฤษฎีการลงทุนถึงเวลาต้องหยุดขายแล้ว ยกเว้นแต่มีอะไรที่ช็อกตลาดรุนแรงเช่นเกิดวิกฤติเศรษฐกิจอีกรอบซึ่งไม่น่าจะเกิด สรุปคือคิดว่าดัชนีระดับนี้คงไม่ปรับตัวลงแรงอีก

 

ถ้ามองในแง่ดีสามารถบอกได้ว่าแบงก์ชาติปรับขึ้นดอกเบี้ยรอบที่ผ่านมาเพื่อป้องกันเงินเฟ้อล่วงหน้าทั้งที่ยังไม่เห็นสัญญาณว่าจะรุนแรง ขณะที่ธนาคารกลางประเทศกลุ่ม TIP อีกสองแห่งคืออินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ขึ้นดอกเบี้ยช้ากว่า หมายความว่าการปรับพอร์ตครั้งนี้รับปัจจัยลบเรื่องเงินเฟ้อไปหมดแล้ว ส่วนค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงรอบนี้คาดว่าจะเป็นแค่ชั่วคราวจากการไหลออกของเงินในตลาดบอนด์กับตลาดหุ้น ทั้งปียังเชื่อว่าเงินบาทน่าจะแข็งต่อ

 

สำหรับ บล.บัวหลวง ยังไม่คิดที่จะปรับเป้า SET Index จากที่ทำนายไว้ว่าจะอยู่ที่ 1,200 จุด เพราะปัจจัยพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตามคงจะไม่ได้เห็นในครึ่งปีแรกแต่จะเห็นในครึ่งปีหลังเพราะดัชนีจะขึ้นลงผันผวนมาก เมื่อต่างชาติเห็นแล้วว่าเงินเฟ้อเราไม่น่าเป็นห่วงจะกลับเข้ามาหุ้นไทยอีก

 

"นักลงทุนระยะสั้นช่วงนี้ควรเน้นเทรดดิ้งไปก่อนจับจังหวะหุ้นรีบาวด์โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร ส่วนนักลงทุนระยะกลางถึงยาวระดับดัชนี 950 จุด ถือว่าลงมาในระดับสบายใจแล้วราคาไม่ถือว่าแพงมากแถมอาจจะได้ Yield ปันผลที่สูงขึ้น เราแนะนำหุ้นกลุ่มคอมมูนิตี้ เช่น ปิโตรเคมี โรงกลั่น อาหาร น่าสนใจ โดยเฉพาะครึ่งปีหลัง"

 

ไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ และนายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ให้เหตุผลที่หุ้นไทยถูกขายหนักเพราะปีที่แล้ว Perform เป็นอันดับต้นๆ ของโลกคิดเป็นผลกำไรกว่า 50% รวมอัตราแลกเปลี่ยนด้วยจึงถูกเทขายเพื่อทำกำไรประกอบกับความวิตกเรื่องดอกเบี้ยขาขึ้นจนกดดันต่อว่าจะเกิดอัตราเงินเฟ้อสูง

 

“ปกติตลาดหุ้นไทยจะเทรดที่ P/E Discount เทียบกับตลาดอื่นในภูมิภาคมาตลอดพอมาถึง 1,000 จุด มันพรีเมียมแล้วทำให้ความน่าสนใจลดลง อีกอย่างต่างชาติอยากลองดูความชัดเจนเรื่องเงินเฟ้อก่อนถึงค่อยซื้อใหม่”

 

มุมมองส่วนตัวคิดว่าต่างชาติยังมีโอกาสขายหุ้นไทยได้อีก ถ้าดูจากแนวโน้มค่าเงินบาทยังจะอ่อนตัวลงอีกฝรั่งก็พร้อมจะขายต่อ อีกเหตุผลหนึ่งคือปีที่แล้วตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่อย่างเช่นไทยขึ้นมาเยอะแล้ว โอกาสที่ฟันด์โฟลว์จะไหลไปทางตลาดหุ้นเอเชียที่พัฒนาแล้วอย่าง จีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน ญี่ปุ่น ก็มีสูง เพราะกลุ่มนี้ยังขึ้นมาน้อย

 

ไพบูลย์ คาดว่าหุ้นไทยคงซึม 2-3 เดือนถ้าไม่มีข่าวดีใหม่มากระตุ้น เพราะราคาปัจจุบันมันสะท้อนข่าวไปหมดแล้ว ประเด็นที่น่าสนใจคือเม็ดเงินจากกองทุน LTF ที่จะไหลออกอย่างมากเพราะนับตั้งแต่ปี 2550 มีเงินเข้าซื้อกองทุนประหยัดภาษีรวม 21,000 ล้านบาท ตอนนี้ถึงกำหนดขายออกได้แล้ว อย่างไรก็ตาม บล.ทิสโก้ ยังไม่ปรับเป้าดัชนีที่ 1,130 จุด ซึ่งเทรดที่พี/อี 14 เท่า ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปี คาดว่าครึ่งปีหลังจะเห็นภาพของเงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่ชัดเจนกว่านี้

 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน หุ้นที่น่าสนใจยังเป็นกลุ่ม "บิ๊กแคป" เช่น ธนาคารพาณิชย์ สำหรับนักลงทุนระยะยาวค่อยๆ ทยอยสะสมหุ้นได้ ส่วนนักลงทุนระยะสั้นรอดูทิศทางตลาดให้ชัดและซื้อหุ้นรอรีบาวด์

 

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การปรับลดอันดับเครดิตของญี่ปุ่น ใครคือรายต่อไป

เป็นที่ทราบว่าเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2554 บริษัทจัดอันดับเครดิตชั้นนำของโลก คือ สแตนดาร์ท แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ปรับลดอันดับเครติดเรทติ้งตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินตราต่างประเทศของญี่ปุ่นลง 1 อันดับ จาก AA มาสู่ AA- (สูงกว่า Investment Grade อยู่ 6 ขั้น) ซึ่งการปรับลดดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่นโดยเฉพาะในภาคการคลัง รวมทั้งคะแนนนิยมของ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนปัจจุบัน คือ นายนาโอโตะ คัง

 

สแตนดาร์ท แอนด์ พัวร์ ได้ระบุถึงสาเหตุสำคัญที่ปรับลดอันดับเครดิตของญี่ปุ่น คือ การดำเนินงานที่ไม่คืบหน้าของรัฐบาลในทำการแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะที่มีอยู่ในระดับสูงถึงร้อยละ 200 ต่อจีดีพี (5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเป็นผลจากการที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดทำงบประมาณแบบขาดดุลอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ช่วงต้นปี ค.ศ. 1990 ประกอบกับญี่ปุ่นมีจำนวนประชากรผู้สูงวัยเพิ่มสูงขึ้นและมีอัตราการเกิดที่ลดลง ด้วยเงื่อนไขดังกล่าวทำให้รายจ่ายของภาครัฐทางด้านสวัสดิการทางสังคมอยู่ในระดับสูงถึงร้อยละ 31 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายในปี 2554

 

ดังนั้น จากการปรับลดอันดับเครดิตของญี่ปุ่นของ S&P ได้ส่งสัญญาณไปยังประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกที่ปัจจุบันมียอดหนี้สาธารณะคงค้างที่อยู่ในระดับสูงกว่าร้อยละ 100 ของจีดีพี ได้แก่ อิตาลี และสหรัฐอเมริกา สำหรับกรณีสหรัฐฯ ล่าสุดบริษัทมูดี้ส์ฯ ได้เตือนว่าอาจจะปรับอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐฯที่อยู่ในระดับสูงสุด คือ Aaa จากระดับที่มีเสถียรภาพ (Stable Outlook) มาสู่ระดับที่เป็นลบ (Negative Outlook) หากรัฐบาลสหรัฐฯ ยังไม่เริ่มดำเนินการออกมาตรการเพื่อลดระดับการขาดดุลงบประมาณรายจ่ายประจำปีอย่างเป็นรูปธรรมได้

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับสำหรับข่าวเช้านี้ครับ คุณเด็กขายของ

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กลยุทธ์การลงทุน - รีบาวด์แบบระมัดระวัง

 

ภาวะตลาดวานนี้ ราคาทองคำเมื่อวานลดลง US$4 กลับมาฟื้นตัว หรือเปล่า ตามสถานการณ์ตลาดการเงินโลก

หลังตลาดทองคำ เริ่มคลายความกังวลกับสถานการณ์ ผลการประชุมของ FED และ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ

ธนาคารกลางยุโรป ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง คงเดิมที่ 1% สถานการณ์ในอียิปต์ ว่าจะยุติเมื่อไหร่ สหรัฐได้เข้าไปเป็น

คนกลางในการเจรจา ซึ่งปีที่แล้ว สหรัฐให้เงิน อียิปต์ 140,000 ล้านดอลลาห์ และการดีดตัวของราคาน้ำมัน ในตลาด

เบรนท์ ทะเลเหนือ ที่ทะลุ US$100

 

แต่การดีดตัวไม่ผ่านแนวต้านที่เฮียแบทแมนให้ไว้ ส่งผลให้มีแรงขายทำกำไร ภาวะตลาดวันจันทร์ที่ 7 นี้

มีโอกาสรีบาวด์ ตามเหตุปัจจัยของสถานการณ์ความตึงเครียดของหนี้สิน และ ประท้วงขับไล่

 

นักลงทุนต่างประเทศ ขานรับดัชนีการผลิตที่ยังคงแข็งแกร่งทั่วโลก และสถานการณ์ในอียิปต์มีแนวโน้มผ่อนคลายขึ้น

หลังประธานาธิบดีมูบารัคประกาศสละอำนาจ ไม่ลงรับสมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี หลังหมดอำนาจในเดือน ก.ย นี้

(ผู้ชุมนุมยังไม่พอใจ ต้องการให้ออกจากตำแหน่งในทันที) เพราะฉะนั้น เก็บทอง ซื้อทอง ต้องเพิ่มความระมัดระวัง

อย่างมากกว่าที่แล้วมา นะครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กลยุทธ์การลงทุน - แกว่งตัว (เชิงบวกและจำกัด)

ระวังแรงขาย (แนวรับ US$1,340 / แนวต้าน US$1,358 ) และเลือกเก็งกำไรอย่างระมัดระวัง ให้เน้นราคาที่ซื้อที่คิดและคาดว่า

ราคาขายจะสามารถมีประกาศสมาคมฯ ออกมาได้ หรือมีข่าวบวกสนับสนุนหรือการเล่นสั้น 50 บาท ก็พอ

 

ภาวะตลาดวานนี้ มีแนวโน้มแกว่งตัวผันผวน (เชิงบวกในกรอบจำกัด) ด้วยแรงหนุนจากการปรับขึ้นราคาน้ำมัน นักลงทุนต่างชาติ

เริ่มกลับมาซื้อสุทธิ 2 วันติดกัน ยังไม่สามารถวางใจได้

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยความกังวลต่อแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย (หลายประเทศในเอเชีย) เช่น ประเทศจีน หรือเปล่า ช่วงหลัง

ตรุษจีน เพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อที่เพิ่มมากขึ้น ยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันตลาดเอเชีย ส่วนประเด็นค่าเงินบาท จะต้องมีมุมมองมากขึ้น

ในปัจจัยการเมืองในประเทศที่มีความเข้มข้นขึ้นและต้องเริ่มติดตาม (ทั้งการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรนายกฯ คาดอาจมีการยุบสภาฯ เม.ย.นี้ และการปล่อยข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มทหาร) อาจเป็นปัจจัยกดดันเข้ามาผสม อีกทั้ง การปะทะระหว่าง ไทย เขมร

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ปิดด่านช่องจอม

  • 05 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 10:49 น. |

ชาวเขมรไม่ทราบว่าไทยปิดด่านช่องจอม จ.สุรินทร์ พากันมาออหน้าประตูแต่เช้า ก่อนเจ้าหน้าที่ไทยยันได้รับคำสั่งจากแม่ทัพภาค 2 ให้ปิดด่านชั่วคราว

 

ตั้งแต่เวลา 07.00 น. พ่อค้า แม่ค้า และประชาชนชาวกัมพูชา ที่ไม่ทราบข่าวการปิดด่านของไทย ได้เดินทางมาออกันที่บริเวณ ประตูด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอร์เสม็ด กันเป็นจำนวนมาก แต่เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรช่องจอม, เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองกาบเชิง,และเจ้าหน้าที่ทหาร กองกำลังสุรนารี ไม่ได้เปิดประตูด่านชายแดน ให้ชาวกัมพูชาเดินทางข้ามเข้ามาค้าขายในฝั่งประเทศไทย ทำให้เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรโอร์เสม็ด เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองโอร์เสม็ด ประเทศกัมพูชา ได้เจรจากับเจ้าหน้าที่ของไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่ของไทยยืนยันว่า กองกำลังสุรนารี ได้รับคำสั่งจาก พลโท ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ให้ทำการปิดประตูด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม เนื่องสถานการณ์การสู้รบ ระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา มีประชาชน ชาวไทยได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เพื่อความปลอดภัยของประชาชน จึงปิดด่านชายแดนถาวรช่องจอม เป็นการชั่วคราว

 

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรช่องจอม เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองกาบเชิงและเจ้าหน้าที่ทหาร กองกำลังสุรนารี ได้เปิดประตู เล็ก ขาออก ให้ชาวไทยที่ยังติดค้างในบ่อนกาสิโน เดินทางกลับเข้าประเทศไทยได้ ขณะเดียวกันชาวกัมพูชา ที่ติดค้างอยู่ที่ตลาดช่องจอม ฝั่งประเทศไทย ก็สามารถเดินทางกลับเข้าไปในฝั่งประเทศกัมพูชาได้เช่นเดียวกัน

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

บาทสัปดาห์หน้าแกว่ง

  • 05 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 10:37 น.

ศูนย์กสิกรคาดเงินบาทสัปดาห์หน้าแกว่ง 30.70-31.20 จับตาทุนนอก-ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าเงินบาทในสัปดาห์หน้า(7-11 ก.พ. 54) อาจเคลื่อนไหวในกรอบประมาณ 30.70-31.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยยังคงต้องจับตากระแสการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ประกอบด้วย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภครายงานโดยรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเดือนก.พ. (เบื้องต้น) ข้อมูลงบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนม.ค. ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ สต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนธ.ค. ตลอดจนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

 

สัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ฯ ทั้งนี้ เงินบาทได้รับแรงหนุนสำคัญจากแรงขายเงินดอลลาร์ฯ จากหลายกลุ่ม (ทั้งจากนักลงทุน และผู้ส่งออก) ในช่วงต้นสัปดาห์ ตลอดจนทิศทางของดัชนีหุ้นไทยที่ทยอยปรับตัวขึ้น นอกจากนี้ ความต้องการเสี่ยงของนักลงทุน และกระแสการแข็งค่าของสกุลเงินในภูมิภาค ก็เป็นปัจจัยหนุนค่าเงินบาทด้วยเช่นกัน

 

สำหรับในวันศุกร์ เงินบาทปิดตลาดที่ 30.77 เทียบกับระดับ 31.03 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (28 ม.ค.)

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เปิดโผโปรโมชั่น "ร้อน" ไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป 2011

 

ไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป" ที่มีกำหนดจัดตั้งแต่วันนี้-6 ก.พ.นี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กลายเป็นเวทีที่หลายคนให้ความสนใจ ดูจากการโหมโปรโมชั่นของแบรนด์มือถือทั้งค่ายใหญ่และเล็ก รวมถึงคู่แข่งหน้าใหม่ที่ประกาศลงสนามเป็นครั้งแรกปี 2553 ที่ผ่านมา ชัดเจนว่า กระแส "ไอโฟน4", "โนเกีย เอ็น8" และ "ซัมซุง กาแล็กซี่ แท็บ" ถือเป็นรุ่นที่ของมีจำนวนจำกัด แต่สำหรับปีนี้ อาจไม่ใช่ บรรทัดต่อจากนี้ คือ ไฮไลต์ที่น่าจับตา ในงาน ไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป 2011

 

ประเดิมด้วยค่ายมือถือรายใหญ่ "โนเกีย" ที่แม้จะเผชิญวิกฤติรอบด้านถึงขั้นอาจถูกเบียดตกบัลลังก์แชมป์ แต่ก็ยังกัดฟันเปิดสมาร์ทโฟน 2 รุ่นเด็ด "โนเกีย อี7" สำหรับผู้ใช้ในกลุ่มธุรกิจ และ "โนเกีย ซี6 ทัช" สมาร์ทโฟนที่เน้นดีไซน์ และการใช้งานโอวี่เต็มรูปแบบ

 

ขณะที่ค่ายคู่แข่งตลอดกาลจากถิ่นเดียวกัน "ซัมซุง" ส่ง "กาแล็กซี่ คูเปอร์" สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดออกมาต่อยอดความแรงของสินค้าในตระกูลกาแล็กซี่ พร้อมกับยังเกาะติดตลาดล่าง ซึ่งมีฐานผู้ใช้อยู่จำนวนมากด้วยการประกาศเปิดตัว "ซัมซุง พันช์ ไวไฟ" เอาใจขาแชทในราคาย่อมเยาโดยเฉพาะ

 

ส่วนไฮไลต์จากฝั่งผู้ให้บริการระบบในปีนี้ก็ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง โดยค่ายใบพัดสีฟ้า "ดีแทค" กระหน่ำโปรโมชั่นทั้งซิมการ์ด, สมาร์ทโฟน และแอร์การ์ดราคาพิเศษ รวมถึงการเปิดให้ผ่อน 0% สมาร์ทโฟนฮิต ไอโฟน4, แบล็คเบอร์รี ทอร์ช 9800, โบลด์ 9780, เคิร์ฟ3จี และเอชทีซี เอชดี7

 

 

 

ขณะที่ยักษ์ใหญ่ "เอไอเอส" ก็ขอชูโรงด้วยโปรโมชั่น "คุ้มแล้วคุ้มอีก" เรียกความสนใจด้วยไอโฟน4 จำนวน 2,000 เครื่อง รับเครื่องได้ทันที และโปรโมชั่นผ่อน 0% "ซัมซุง กาแล็กซี่ แท็บ" รวมถึงโปรโมชั่นสมาร์ทโฟน, ซิมการ์ดเบอร์สวย และแอร์การ์ด ที่จัดมาเต็มเช่นกัน

 

 

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ซินเจียอยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้ นะคะพี่ขายของ กราบขอบคุณสำหรับข่าวเช้าที่แน่นมีคุณภาพ ติดตามต่อปาย.

ถูกแก้ไข โดย raty

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตอนนี้มีข่าว QE#3 อีกแล้ว

 

QE2 เพิ่งผ่านมาหนึ่งเดือน

 

ตอนหลัง ๆ มีข้อสังเกตุเกี่ยวกับทอง

 

ถ้าพวก fed ช็อต ทองล่วงหน้าไว้มาก ๆ เพื่อกดราคาทองจริง

 

น่าจะต้องใช้เิงินมหาศาล

 

พอถึง 1450-1460 มีข่าวว่าเงินจะหมดหน้าตัก จึงต้องทุบราคา

 

และปิดช็อต เพราะว่าถ้าถือจนหมดอายุ จะต้องส่งมอบทองจริง :>

 

 

และคุณจิมมีบอกว่า พอถึงเวลาส่งมอบ พวกที่ช็อตไว้เยอะ ๆ ก็ไม่สามารถหาทองจริง ๆ มาให้ได้

ก็จะบวก premium ให้ 20-30%

 

ฟังดูแล้วตอนแรกก็คิดว่าจะเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะ

 

ก็นี่ไงพิมพ์เงินมาให้นี่เอง

 

ตั้งแต่โอบามาเข้ามา ใช้เงินไปประมาณ 5T จากหนี้ตอนแรก 9 กลายเป็น 14

 

ราคาทองจาก 700 กลายเป็น 1300 ก็ประมาณ 600 เหรียญ

 

ถ้าคิดมั่ว ๆ ก็ประมาณ 100 เหรียญ = 1T

 

แสดงว่า ถ้าอีกหน่อยทองราคา เกิน 1450 ไปได้ชัด ๆ

ก็ต้องมี QE#3 อีกสัก 3 trillion

 

ถ้าเกิน 1800 ไปได้ก็ต้องมี QE#4 อีกสัก 6 trillion

 

และถ้าเกิน 2400 เหรียญไปได้ก็ต้องมีก 10 trillion

 

พูดกันง่าย ๆ ถ้าราคาทองเกิน 2000 เหรียญ อเมริกาล้มละลายทันที

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2554 20:13

กลุ่มก่อการร้ายระเบิดท่อส่งก๊าซอียิปต์

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

สถานีโทรทัศน์อียิปต์รายงานว่า เกิดเหตุวินาศกรรมท่อส่งก๊าซที่พาดผ่านเขตนอร์ทไซนายในอียิปต์ไปยังจอร์แดน

ทำให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ มีผู้บาดเจ็บ 2 คน เจ้าหน้าที่ต้องปิดท่อคู่ที่ส่งก๊าซไปยังอิสราเอล

 

 

ปล. โดยเด็กขายของ ต้องขอย้ำนะครับ ว่า ท่อส่งก๊าซ ไม่ใช่ท่อน้ำมัน เพราะฉะนั้น คนละเรื่องกัน

เลยนะครับ ที่คาด หรือ คิดว่า เกิดอย่างนั้น อย่างนี้ ขึ้นมา จะทำให้ ราคาทอง พุ่งสูงขึ้น คิดดูนะครับ

ต่อหน่วย ทองคำ = US$1,349 แต่น้ำมัน ต่อหน่วย US$100 คิดเป็น 10 เท่า แล้วเป็นคุณ

คุณคิดว่า นักลงทุนฝรั่ง ชอบที่จะลงทุนอะไรมากกว่ากัน ล่ะครับ หลายๆ คน ก็คงบอกว่า ทองคำ

ก็โปรดใช้วิจารณญานในการติดตามข้อมูลให้ใกล้ชิดแล้วกันครับ

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2554 20:28

ภาวะแห้งแล้งในจีนกระทบทั่วโลก

 

ผู้เชี่ยวชาญเตือน ภาวะแห้งแล้งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก

 

นายหม่า เหวินเฟิง นักวิเคราะห์จาก ปักกิ่ง โอเรียนท์ อะกริบิสิเนส คอนซัลแทนท์ กล่าวว่า

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนเผชิญภาวะแห้งแล้งที่สุดในรอบ 60 ปี และหากสถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลง

ก็อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจทั่วโลก เนื่องจากจะทำให้ราคาอาหารพุ่งสูงขึ้น

 

ปล. โดย เด็กขายของ ถ้าราคาสินค้าพื้นฐานสูงขึ้น ก็จะเป็นตัวเร่งให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ในประเทศจึน

เพราะสินค้าภาคการเกษตร จะราคาสูงขึ้น จนประชาชนทั่วไป ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ในขณะที่

รายรับเท่าเดิม นั้นแหละ คือวิกฤติเงินเฟ้อ ซึ่งจะระบาดไปทั่วโลก ในเรื่อง ข้าวปลาอาหาร จะราคาสูงขึ้น

เพราะภัยพิบัติทางธรรมชาติ เป็นตัวเร่ง ส่วน ใครที่คิดว่า ทองแท่ง จะเป็นสิ่งที่ป้องกันเงินเฟ้อได้ดีที่สุด

ก็ตามแต่ใจจะคิดล่ะครับ แต่บอกได้ว่า ผลตอบแทนปัจจุบัน ไม่เป็นสิ่งที่เย้ายวนใจสำหรับนักลงทุนต่างประเทศ

เพราะต้นทุน 20,000 บาท กำไร 100 - 200 บาท เทียบเป็นกี่ % ของหน่วยลงทุน ดังนั้น นักลงทุนจะเริ่มหัน

ไปหาสิ่งอื่นๆ ที่น่าสนใจกว่า

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตอนนี้มีข่าว QE#3 อีกแล้ว

 

QE2 เพิ่งผ่านมาหนึ่งเดือน

 

ตอนหลัง ๆ มีข้อสังเกตุเกี่ยวกับทอง

 

ถ้าพวก fed ช็อต ทองล่วงหน้าไว้มาก ๆ เพื่อกดราคาทองจริง

 

น่าจะต้องใช้เิงินมหาศาล

 

พอถึง 1450-1460 มีข่าวว่าเงินจะหมดหน้าตัก จึงต้องทุบราคา

 

และปิดช็อต เพราะว่าถ้าถือจนหมดอายุ จะต้องส่งมอบทองจริง :>

 

 

และคุณจิมมีบอกว่า พอถึงเวลาส่งมอบ พวกที่ช็อตไว้เยอะ ๆ ก็ไม่สามารถหาทองจริง ๆ มาให้ได้

ก็จะบวก premium ให้ 20-30%

 

ฟังดูแล้วตอนแรกก็คิดว่าจะเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะ

 

ก็นี่ไงพิมพ์เงินมาให้นี่เอง

 

ตั้งแต่โอบามาเข้ามา ใช้เงินไปประมาณ 5T จากหนี้ตอนแรก 9 กลายเป็น 14

 

ราคาทองจาก 700 กลายเป็น 1300 ก็ประมาณ 600 เหรียญ

 

ถ้าคิดมั่ว ๆ ก็ประมาณ 100 เหรียญ = 1T

 

แสดงว่า ถ้าอีกหน่อยทองราคา เกิน 1450 ไปได้ชัด ๆ

ก็ต้องมี QE#3 อีกสัก 3 trillion

 

ถ้าเกิน 1800 ไปได้ก็ต้องมี QE#4 อีกสัก 6 trillion

 

และถ้าเกิน 2400 เหรียญไปได้ก็ต้องมีก 10 trillion

 

พูดกันง่าย ๆ ถ้าราคาทองเกิน 2000 เหรียญ อเมริกาล้มละลายทันที

 

ประเด็นนี้ ของ คุณ Zagio เด็กขายของ คาดและคิดว่า แค่ QE 3 น้องทอง ก็ถูกเมินแล้วครับ เพราะถ้าเงินในระบบล้น

มากขนาดนั้น ราคาทองต่อหน่อยทองที่เป็นออนซ์ จะไปเท่าไหร่ ซึ่งเมื่อยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว แต่ไม่ใช่หนาวเรื่องราคานะครับ

แต่เป็นการหนาว เรื่องปริมาณสัญญาใน Gold Future และ Gold Option ที่จะมีการเล่นพนันใน ตลาดกันอย่างมากขึ้น

หลายเท่าตัว ซึ่งจะเป็นการสร้างปัญหาในการ หาทอง Physical Gold มาส่งมอบให้กับ นักลงทุนที่ขอเปลี่ยนเป็นทอง

ซึ่งเมื่อไม่สามารถหามานำส่งให้ลูกค้านักลงทุนได้ ก็ต้องมีการเพิ่มค่า Premium เข้าไปในราคาทอง

 

บางคน คิดว่า ยิ่งเป็นผลดี สิ ราคาทองจะได้ขึ้นสูง สูงขึ้นไปอีก อย่าลืมนะครับว่า นักลงทุนต่างประเทศ รวมถึง คนไทย

ด้วย ต้องการลงทุนน้อย กำไรเยอะ เสียเป็นส่วนมาก ถ้าทองต่อหน่วย ราคา US$1,460 มีกำไร 1% เท่ากับ US$14.6

แต่ถ้านักลงทุนหันไปหาอย่างอื่น เช่น น้ำมัน ราคาต่อหน่วย US$100 มีกำไร 2% เทียบเท่าทอง จะมีกำไรทั้งสิ้น US$29.2

คือว่า จำนวนต่อหน่วยมากกว่า แล้วใครล่ะ จะลงทุนในทองคำ

 

ถ้าไม่เข้าใจ ลองเปรียบเทียบกับ เงินตราต่างประเทศ บ้าง ระหว่าง US$ กับ ปอนด์อังกฤษ ต้นทุนต่อหน่วย 31 และ 48 ตามลำดับ

คุณมีเงิน 1 ล้านบาท ก็จะแลกได้ US$ มากกว่า เงินปอนด์ และถ้าผลตอบแทนเท่ากัน เมื่อคุณแลกเงิน US$ ได้มากกว่า

ก็แสดงว่า ผลตอบแทน ต่อ สกุลเงินดอลลาห์ ก็จะมากกว่า เงินปอนด์

 

ถ้าไม่เข้าใจอีก ลองเปรียบเทียบกับ ทอง และ เงิน ทอง ต้นทุน ต่อหน่วย US$1,348 เงิน ต้นทุน ต่อหน่วย 29.14

คุณมีเงิน 1 ล้านบาท คุณซื้อทองได้ 40 บาท แต่ซื้อเงินได้ เยอะมาก ผลตอบแทน คูณด้วย ปริมาณที่คุณถือ หรือ ซื้อ ก็จะมาก

ตามปริมาณที่คุณมี

 

แล้วแบบนี้ ถึงจุดๆ หนึ่ง ซึ่งไม่รู้เมื่อไหร่ ( แต่นักลงทุน ก็ไม่ควรอยู่ในความประมาท ) นักลงทุนต่างประเทศ บอกว่า ไม่เล่นแล้วทอง

ต้นทุนต่อหน่วย แพง หันไปลงทุนอย่างอื่นๆ ดีกว่า ต้นทุนต่อหน่วย น้อยกว่า ก็เสร็จแน่ๆ ( เดี๋ยวนี้ ที่บอกแล้วว่า เทคโนโลยี่ด้าน

คอมพิวเตอร์ ประมวลผลเร็วมาก กดคำสั่งแค่ 1 นาที ไม่อยากคิดนะครับ ) ปลอดภัยไว้ก่อน ดีที่สุด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
5fc0f220.gif ขอบคุณคะคุณเด็กขายของที่เอาข้อมูล ข่าวสารมาเผยแพร่ให้แก่สมาชิก ...5fc0f220.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...