ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

สวัสดีครับ คุณ tiny เนื้อหาที่เล่า ของคุณ tiny ก็ถูกต้องครับ เป็นเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมา

ตลาด ณ. จุดนั้น ถือว่า เป็นจุดเริ่มนับหนึ่งของการเดินหน้าขึ้นของราคาทองคำทุกๆ ปี

ราคา ณ. ตอนนั้น ถือว่า เป็นราคาที่ไม่สูง US$850-US$900 เท่านั้น และก็ไม่มีใครคาดคิด

ว่า ราคาทอง จะมาได้ถึงขนาดนี้ได้

 

ทุกๆ ปีจะมี New High ให้ได้เห็นตลอด แต่ คุณ tiny ต้องอย่าลืมนะครับ ว่า ปัจจุบันนี้ ถ้าพูดถึงเล่นทอง ไม่ใช่เฉพาะ ทองแท่ง อย่างเดียวนะครับ มี Gold Future, Gold Spot ซึ่งเป็น Paper Gold

มาร่วมด้วยในยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นสาเหตุของความสามารถในการสร้างราคาให้สูงขึ้น หรือต่ำลง

ก็ได้ ตามความต้องการของ กลุ่มกองทุน

 

ปัจจุบัน ราคาทอง 19,700 บาท ถือว่า สูงไหม สูง ถามว่ามีโอกาสไปต่อได้มั้ย ได้ ถามว่ามี

โอกาสลงแบบหนักๆ ปรับฐานไหม มี ถามว่า ราคาจะขึ้นไหมในอนาคต มี แต่ก็เป็นคำตอบที่

คาด และ คิด เท่านั้นนะครับ

 

เด็กขายของ เห็น นักลงทุนทอง ไปซื้อทอง ช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ครั้ง 1 ราคา 19,750 บาท

ครั้งที่ 2 ราคา 19,650 บาท ทั้ง 2 ครั้ง มีนักลงทุนจำนวนมาก มาเข้าแถวรอซื้อ ดีใจครับที่เขา

ได้ซื้อทองราคาที่ได้ลดลงมาแล้ว แต่ประเด็นหลักๆ ที่เขียน เพราะ หลายๆ คนที่ไปซื้อทอง

(ก็อย่างที่เด็กขายของเคยเขียนบ่อยๆ) เป็นนักลงทุนหน้าใหม่ ซึ่งทราบข่าวถึงผลตอบแทนที่สูง

มากกว่ากินดอกเบี้ยในการลงทุนซื้อทองแท่ง สังเกตุจาก จะสักถามคนขายว่า มีทองแท่งราคา

เท่าไหร่มั่ง มีค่ากำเหน็จไหม เวลามาขายได้ราคาไหน ก็เป็นที่รู้กันว่า เป็นนักลงทุนหน้าใหม่

เด็กขายของเห็น เขาซื้อครั้งที่ 1 พอเขาถามคนขายเสร็จ เขาบอกว่า ซื้อ 150 บาท ในราคา

19,750 บาท แล้วเขาก็มาเป็นกลุ่ม คุยกันว่า ฉันเอาเงินฝากทั้งหมดมาซื้อทองเลยนะ ได้ผลตอบแทน

มากกว่าฝากธนาคารฯ อีก เด็กขายของไม่กล้าเข้าไปบอกให้ทยอยซื้อดีกว่า กลัวคนขายด่า

เอา ก็เลยเห็นโอกาศในเวป มาฝากเตือนๆ การแบ่งเงินทุนเข้าซื้อเป็นส่วนๆ เป็นสิ่งที่ปลอดภัย

กว่า ซื้อเป็นชุดใหญ่ แล้วต้องมาแบ่งทองที่ซื้อเป็นส่วนๆ ตามหลักวิชา อาจารย์ ซีซาร์ ภายหลัง

 

เด็กขายของ ทั้งดอยสูง ดอยต่ำ เคยมาหมดแล้ว ตั๋วขึ้นดอยคราวก่อน ปล่อยทองไปแล้วมีกำไร

ยังไม่คืนตั๋วก็ยังมี นี่ขนาดมีการแบ่งเป็นสัดส่วนการเข้าซื้อ

 

สำหรับเรื่องเงินฝากประจำ คนรู้จักเขาคำนวณให้ฟังว่า เงื่อนไข ฝากได้แค่ 500,000 บาท

ระยะเวลา 1 ปี ดอกเบี้ย 4% รับ 20,000 บาททันที วันที่เปิดบัญชี

### เขาพูดว่า 500,000 บาท ซื้อทองแท่ง ได้ 25 บาท เขาบอกไม่อยากลุ้นหัวใจจะวายเวลา

ลง ขึ้น ก็ดีใจ ขอแบบนี้ดีกว่า ถือว่า 1 บาททอง ได้กำไร 800 บาท ก้อน 10 บาท ได้กำไร

8,000 บาท ต่อปี ครบกำหนด เงินต้นอยู่ครบ 500,000 บาท ####

 

ก็ขอให้ทุกคน เฮงๆ รับตรุษจีนแล้วกันครับ

ขอบคุณนะคะพี่เด็กขายของที่เตือนให้ระวัง . แล้วน้องเล็กจะคอยระวังให้ทองที่ออมไม่กลายเป็นที่ทับกระดาษ

 

หนูจะคอยสังเกตอีกว่าจีน (มังกรตัวใหม่ของโลก) เลิกเก็บทองแท่ง แล้วหันมาขายทองแท่งออกนอกประเทศเมื่อไหร่

 

เมื่อนั้นหนูจะเทหมดหน้าตักเลย อิอิ !thk !thk !thk

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ผมเป็นมือใหม่ที่ซื้อแบบชุดใหญ่ (โลภมากครับ ยอมรับ) วันต่อมาลงเยอะเลย 875328cc.gif ติดดอยสูงเลยครับ โดนเพื่อนด่าอยู่เหมือนกัน ต่อไปจะเข้าซื้อเป็นชุดๆครับ onion5003.gif

 

 

สวัสดีครับ คุณ Treesit

 

เด็กขายของ เป็นกำลังใจให้ลงดอยนะครับ ถ้าอาทิตย์หน้ามีโอกาส ก็.....นะครับ เพราะเหตุการณ์

จลาจลในประเทศอียิปต์ ซึ่งเป็นประเทศที่เรือบรรทุกน้ำมัน ต้องผ่านคลองสุเอซ ทำให้ สหรัฐ

เครียด และ สหรัฐฯ ลงทุนไปมากกับ ประเทศอียิปต์ ผ่าน นายมูบารัค

 

ซื้อครั้งต่อไป คุณ treesit คงเข้าใจความรู้สึกของคนอยู่บนดอย แล้วจะระมัดระวังมากๆ ด้วยนะครับ

เพื่อนๆ หลายๆคนของเด็กขายของ ปากบอกว่า ไม่เครียด แต่เห็นสีหน้าที่ปรากฎ โคตรเครียด เลย

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณนะคะพี่เด็กขายของที่เตือนให้ระวัง . แล้วน้องเล็กจะคอยระวังให้ทองที่ออมไม่กลายเป็นที่ทับกระดาษ

 

หนูจะคอยสังเกตอีกว่าจีน (มังกรตัวใหม่ของโลก) เลิกเก็บทองแท่ง แล้วหันมาขายทองแท่งออกนอกประเทศเมื่อไหร่

 

เมื่อนั้นหนูจะเทหมดหน้าตักเลย อิอิ 5fc0f220.gif 5fc0f220.gif 5fc0f220.gif

 

ถึงเวลานั้น รับรองว่า ต้องมีของอย่างอื่นมาให้ซื้อ ขาย แทน ทอง แน่ๆ

 

ปล. แต่ห่วงว่า ร้านทองจะรับซื้อทองคืน หรือเปล่า (ล้อเล่นนะ)

ติดตามต่อปาย

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไม่เป็นไรครับ ถ้าตอบได้

 

15 % อยู่ที่เงินฝากประจำระยะไม่เกิน 1 ปี เช่น ตอนนี้ ธ ไทยเครดิตก็ให้ดอกเบี้ย 4% ฝาก 5 แสนรับดอกฯ 20,000 ทันที net

ไม่หักภาษี แช่แข็งเงิน 1 ปี.

 

15 % ออมทรัพย์พิเศษ ดอกฯ 1.5% ไว้ใช้หมุนเวียนชีวิตประจำวัน สำรองเพื่อความจำเป็นเร่งด่วน

20%. ซื้อที่ดินเก็บไว้เผื่อไปเป็นชาวสวนชาวไร่ ช่วงนี้ก็ปลูกผลไม้ จ้างชาวบ้านดูแล ถึงหน้าออกผลก็แวะไปทาน หรือหลบพักผ่อน

5% ประกันชีวิตสะสม ครกกำหนดรับเงิน

5% LTF. RMF ไว้ลดภาษี

10% ซื้อหุ้น พลังงานบ้าง ธนาคารบ้าง LPN บ้าง

10% เพื่อการศึกษาลูกโดยเก็บเป็นพันธบัตร

10% คอนโดหรือจะเรียกว่าหอพักให้เช่ารายปี

10% เป็นเงินสดไว้บำเรอความสุข เช่น ซื้อหวย ทานอาหาร รถยนต์

 

เด็กขายของลงทุนทอง ซื้อเข้าขายออกทำรอบ 10% ครับ.

 

ขอบคุณสำหรับมุมมองที่แตกต่าง และที่เอาผังการจัดการเงินมาแบ่งปันครับ

ผมเองยังไม่มีการแบ่งสัดส่วนรายได้ที่ดี เลยต้องคอยดูของหลายๆคนมาเป็นแนวทาง

 

จากที่ดูผัง คุณเด็กขายของไม่เน้นลงทุนทองแบบระยะยาวใช่หรือเปล่าครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

คุณเด็กขายของไม่เน้นลงทุนทองแบบระยะยาวใช่หรือเปล่าครับ

 

ตอบคุณ mdaddy นะครับ

 

ในคำถามของคุณ mdaddy ถ้าจะตอบแบบที่ เด็กขายของ เข้าใจถึงจุดประสงค์ ก็จะขอบอกว่า

1. ลงทุนทองแบบระยะยาว ตอนที่ทองราคาไม่แพงมากเหมือนปัจจุบัน เด็กขายของซื้อทองเก็บประเภท สร้อย แหวน ตลับพระ พระทองคำ

ซึ่งทรัพย์สินเหล่านี้ ก็จะเก็บอยู่ ไม่ได้มีการขาย ถ้ามีการซื้อเข้ามาเพื่อลงทุนระยะยาวจริงๆ จะเป็น พระทองคำ ครับ

2. ถ้าหมายถึง ทองแท่ง ปัจจุบัน จะเป็นประเภท ซื้อต่ำ ขายสูง ส่วนต่างของกำไร จะขึ้นอยู่ตามสถานการณ์ ณ.เวลานั้น แต่ก่อน ก็ 200 บาท

ถัดมาอีกหน่อย ก็ลดเหลือแค่ 100 บาท ถัดมาเมื่อเร็วๆ นี้ ก็ลดเหลือ 50 บาท มาวันนี้ เท่าทุน (ผมซื้อเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว 19,650 บาท วันนี้

เปิดราคามาตอนเช้า 19,650/19,750 ผิดหวังนิดๆ กับราคาประกาศฯ ) ยังเผ่นออกมาริมขอบสนามก่อนเลยครับ เพราะดูจากปัจจัยรอบข้าง

ไม่เอื้ออำนวยครับ

 

ถ้าคุณ mdaddy ยังกังขา ก็ถามมาอีกได้นะครับ ขอบคุณมากครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขออ้างถึง : "พินัยกรรมหลวงตามหาบัว" "เมื่อข้าพเจ้ามรณภาพ ส่วนที่เป็นทองคำให้หลอมเป็นทองคำแท่ง ส่วนที่เป็นเงินไม่ว่าจะเป็นเงินสกุลใดให้นำเข้าซื้อทองคำแท่ง แล้วให้นำทองคำแท่งทั้งหมด ไปมอบให้ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำรองเงินตราของฝ่ายออกบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยข้าพเจ้าไม่มีเจตนาที่ใช้บุคคลใดหรือคณะบุคคลใดนำไปใช้ในงานอันใด นอกจากใช้เป็นเงินทุนสำรองของประเทศ

เด็กขายของ อ่านพินัยกรรมของหลวงตาฯ ยิ่งเห็นถึงความมีเมตตา ความปรารถนาดีอย่างแรงกล้า ของท่านหลวงตา มหาบัว ยิ่งนัก

ที่ท่านเป็นห่วง คนรอบข้าง และ ความเลื่อมใสศรัทธาในตัวของท่านหลวงตา มหาบัว

 

ท่านทราบเป็นอย่างดีว่า "เงินตรา" มีคุณค่าแต่แฝงด้วยกิเลสความชั่วร้ายในใจ คือ ความโลภ ของ มนุษย์ ซึ่งท่านหลวงตาฯ ได้ละทิ้งกิเลส

ใน จุดนี้มาแล้ว และเมื่อท่านฯ ไม่อยากให้เกิดปัญหาอะไรตามมาภายหลัง สิ่งที่ดี ที่สร้างเกียรติประวัติของท่านฯ ให้เลื่องลือ ก็คือ

" ผ้าป่าช่วยชาติ โดยขอรับบริจาคทอง หรือ นำเงินที่รับบริจาคมาซื้อทอง เพื่อเก็บรักษาไว้ที่ พระคลังหลวง โดย ธนาคารแห่งประเทศไทย

ตั้งคณะกรรมการขึ้นมารับผิดชอบ หลายๆ ทั้งที่ บุคคลบางคน พยายามที่จะนำทองคำแท่งของท่านฯ มารวมบัญชี เพื่อล้างขาดทุน ก็จะต้อง

พ่ายแพ้ทุกครั้ง จนกระทั้ง พณ.ท่าน ไตรรงค์ สุวรรณคีรี รมช.คลัง รับปากว่า ถ้าเขายังอยู่ในตำแหน่งมีอำนาจ จะไม่ให้มีใครมา แตะต้อง

ทองคำแท่ง ของ หลวงตามหาบัว เด็ดขาด

 

 

เด็กขายของมีความคิดเป็นการส่วนตัว ว่า หลวงตาท่านไม่สนใจ เงินตรา, ทรัพย์สินต่างๆที่มีค่า หรือ ทองคำ

 

แต่ท่าน ไม่อยากให้ กิเลสความโลภ ของคน มาทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง หรือ กระทำอะไรให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เหมือนในอดีตที่

ลูกศิษย์ใกล้ชิดคนหนึ่งได้กระทำลงไป เลยเขียนพินัยกรรม ยก ทรัพย์สินมีค่าทุกอย่างๆ ไปซื้อทองแท่ง เพื่อเก็บเป็น

เงินทุนสำรองของชาติ ตลอดกาล

 

นับเป็นการมองการณ์ไกล ของ หลวงตามหาบัง ต่อ ลูกศิษย์และพี่น้องประชาชนชาวไทยโดยแท้

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับ...เจ้านายยย

 

อิอิ...เชวเล่น แวะมากอ่านทุกๆ เม้น

 

แหล่ม ครับ..

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:unsure: ถ้าทองในระยะยาวจริง ก็คือ ขึ้นอยู่ดี

 

แต่การที่มันลงคงมีจุดประสงค์

 

อย่างไรก็ตามถ้าหากถือเป้น physical gold ย่อมจะดีกว่า paper gold แน่นอน

 

เดาว่าทองรอบนี้น่าจะลงมาเพือทำ 4 ยักษ์ แล้วต่อไปก็เจอกับ super 5

 

 

เพราะถ้าเรามองว่า us dollar ไม่มีค่าจริง ๆ ตอนนี้เรามีทุนสำรองเป็นทองคำประมาณ 5%

 

ราคาทองจริง ๆ = 20X20000 = 400000 ต่อ 1 บาท

 

ก็คงเป็นราคาที่สุด ๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับ คุณ Zagio และ เพื่อนๆ ทุกท่าน

 

http://www.bot.or.th...ages/index.aspx

 

คืนนี้ เด็กขายของ คงขอเข้ามาเขียน หรือ เพื่อนๆ สามารถ หาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งมีรายละเอียดต่างๆ ที่ดี เพื่อให้เกิดความเข้าใจอันมากขึ้น

และถูกต้อง ว่า ภาวะเงินเฟ้อ แท้จริงแล้วคืออะไร มีผลกระทบอย่างไร

 

ต้นเหตุหลักๆ ของภาวะเงินเฟ้อ ก็คือ คนไทยจะมีภาระค่าใช้จ่ายด้านอุปโภคบริโภค ที่สูงขึ้น โดยมีปัจจัยจาก ราคาน้ำมัน

ราคาสินค้าขั้นพื้นฐานต่างๆ เช่น ข้าว ผักผลไม้ เมื่อราคาของต่างๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวันสูงขึ้น ก็ต้องกระทบกับวิถีทางดำเนินชีวิต

ของเราทุกๆ คน ตั้งแต่ตื่นนอน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (รายรับ ) ก็เป็นวิธีหนึ่ง เพื่อแก้ไขเงินเฟ้อ เพื่อสอดรับกับรายจ่าย

 

อัตราเงินเฟ้อในประเทศต่างๆ ทั่วโลก แตกต่างกันไป โดยมีธนาคารกลางของแต่ละประเทศ คอยดูแลและควบคุม หรือหามาตราการณ์

ต่างๆ มาเพื่อป้องกันหรือแก้ไข ไม่ให้ลุกลาม หรือ ชลอการเกิดให้ช้าลง หรือ ลดลงของตัวเลขเงินเฟ้อ ซึ่งส่วนมากๆ จะไม่เกิน 9%

เพราะกว่าจะถึงตัวเลขเงินเฟ้อหลัก 10% 20% หรือ 30% ก็คงใช้เวลาเป็นหลายๆ ปี

 

การขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ก็เป็นวิธีหนึ่งในการให้ผลตอบแทนเพื่อลดมูลค่าเงินที่ลดลงไปได้ส่วนหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะไม่ครอบคลุมทั้งหมดก็ตาม

แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของวิธีการสกัดเงินเฟ้อได้

 

ขอวกกลับมาที่ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับนักลงทุนทองคำ ราคาทองคำ เป็นราคาซื้อขายในตลาดทั่วโลก ไม่เกี่ยวข้องกับเงินเฟ้อของประเทศไทย

( ปัจจุบันที่เกี่ยวข้องในกรณีของ นักปั่นทอง นำมาเป็นข้ออ้าง ของเงินเฟ้อ เพื่อ ลด หรือ ขึ้น ราคาทองตลาดโลก ตามความต้องการของ

นักปั่นราคาเวลานั้น ว่ามีจุดประสงค์จะ Short หรือ Long มากกว่า ) ในประเทศไทยเป็นเรื่องของนักลงทุนที่แสวงหาผลตอบแทนที่ดีกว่า

ฝากเงินธนาคารฯ รับดอกเบี้ย การปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ก็จะเป็นค่อยๆ ก้าวขึ้นไปทีละก้าว ทีละขั้น มีการพิจารณาทุกๆ 3 เดือน

ความหวังที่จะให้มีการปรับดอกเบี้ยนโยบายทีเดียว 10% เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น การที่จะให้นักลงทุน หันพลิกกลับ

มาฝากเงินธนาคารฯ รับดอกเบี้ย แทนที่จะซื้อขาย ทองคำแท่ง เป็นไปอย่างมีเหตุและมีผล คือ นักลงทุน จะดู หรือ คาด หรือ คิด ว่า

ผลตอบแทนที่จะได้รับจากการลงทุนทองคำแท่ง สูงกี่ % ในระยะเวลาที่กำหนด แล้วเปรียบเทียบกับอัตราดอกเบี้ยธนาคารฯ ว่าเป็นอย่างไร

อย่างไรก็ตาม เด็กขายของ ขอรบกวนเพื่อนๆ เพื่อความเข้าใจ เปิดหน้าเวปที่ ระบุไว้ข้างบน นะครับ

 

เป็นรายงานตัวล่าสุดของ ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อความเข้าใน คำว่า เงินเฟ้อ มีที่มาที่ไปอย่างไร

 

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อั่นแน่ พี่ขายของมาประจำอยู่ห้องนี้ เอง ดีคะ ได้อ่านบทความมัน ๆ คุยนอกรอบได้อีกตังหาก วันหลังน้องถามคุยมาบ้างนะคะ เอออ่านถึงตรงที่พี่ขายของจัดสรรเงิน แบ่งการลงทุนกับการเก็บออมแล้ว ค่อนข้างเป็นห่วงตัวเองอ่ะ เพราะตอนแรกก็50-50% ลงทุนในทองแท่งกับเก็บเงินสด นอกนั้นไม่เอาเลย อ้อมีประกันชีวิตอยู่ มา ช่วงปลายปี ลงในทองคำหมดเลยกะถือยาวครึ่ง เอาไว้ทำกำไรครึ่ง แบบนี้น้องคิดถูกไม้คะเนี่ย หุหุ .

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อั่นแน่ พี่ขายของมาประจำอยู่ห้องนี้ เอง ดีคะ ได้อ่านบทความมัน ๆ คุยนอกรอบได้อีกตังหาก วันหลังน้องถามคุยมาบ้างนะคะ เอออ่านถึงตรงที่พี่ขายของจัดสรรเงิน แบ่งการลงทุนกับการเก็บออมแล้ว ค่อนข้างเป็นห่วงตัวเองอ่ะ เพราะตอนแรกก็50-50% ลงทุนในทองแท่งกับเก็บเงินสด นอกนั้นไม่เอาเลย อ้อมีประกันชีวิตอยู่ มา ช่วงปลายปี ลงในทองคำหมดเลยกะถือยาวครึ่ง เอาไว้ทำกำไรครึ่ง แบบนี้น้องคิดถูกไม้คะเนี่ย หุหุ .

 

ถามว่า อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน วันดีคืนดี ต้องการใช้เงินขึ้นมา แล้วเงินส่วนที่เก็บเป็นเงินสดไม่พอ คุณ Raty จะทำอย่างไร

 

1. กรณี ราคาทองต่ำกว่าที่ซื้อมา จะต้องยอมตัดใจขาย นะครับ

2. การลงทุนทองคำแท่ง ทุกวันนี้ มีความเสี่ยง และรู้สึกว่า ช่วงนี้ มีกำแพงหลายชั้นเหลือเกินที่จะทำให้ได้กำไร

3. ส่วนที่คิดว่า จะถือยาว ถามว่า ซื้อมาราคาเท่าไหร่ ถ้า 19,300 ขึ้น เป็นเด็กขายของ ปล่อยมาทำกำไรบางส่วนก่อน แต่ต้องดู

ด้วยนะว่า เป็นขาลง หรือ มีเหตุการณ์ว่า จะลง หรือเปล่า ( คุณ Raty เข้าเวปดูกระทู้หลายๆ อยู่แล้ว สบายแฮ)

 

ปล. เงิน Raty ไม่ใช้เงิน เด็กขายของ อ่านแล้ว ตัดสินใจเองดีกว่าครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"อาบพร รอดบุญ" พอเพียงไม่ใช่ประหยัด..แต่ใช้เงินอย่างเหมาะสม

 

โดย : กาญจนา หงษ์ทอง

ทุกวันนี้เราอาจจะเห็นผู้คนในปัจจุบันที่มักใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เกินตัวกันเยอะ

และบางคนนิยมซื้อของแบรนด์เนม มากเกินกำลังของตัวเอง จนเป็นหนี้เป็นสิน เหล่านี้เป็นค่านิยมที่ผิด

***

 

"อาบพร รอดบุญ" ประธานบริหาร บริษัทพรีมา ไลฟ์ ไทม์ ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงระบบเครือข่าย เล่าถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ ของเธอว่า เมื่อมีรายได้เข้ามาแล้วเธอมีวิธีจัดสรรเอาไว้ 3 ส่วนคือ ส่วนแรกคือเงินออมได้จัดสรรไว้แล้ว โดยลงทุนกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและมีผลตอบแทนสูงกว่าการฝากประจำ อีกส่วนหนึ่งเตรียมไว้สำหรับการใช้จ่ายเฉพาะที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ซื้อของเพื่อเสริมสร้างบุคลิกภาพในการทำงานเท่านั้น ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย และไม่เที่ยวกลางคืน

"ส่วนที่ 3 เป็นเงินที่จัดสรรไว้สำหรับการลงทุน แบบเงินต่อเงิน โดยเน้นการสร้างนวัตกรรมทางธุรกิจ ไม่ตกเทรนด์ ซึ่งตอนนี้กำลังดำเนินธุรกิจทั้งแบบชั้นเดียว (ผู้ผลิตและส่งออก) และแบบหลายชั้น (ผู้ผลิตและทำการตลาดเครือข่าย) และยังเน้นการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรให้ทำงานมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ รวมถึงตอนนี้ได้ลงทุนซื้อสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ ของบริษัท พรีมา ไลฟ์ ไทม์ ซึ่งในขณะนี้บริษัทฯมีการขายตัวเพิ่มขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์ในทุกๆ เดือน คาดว่าจะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 1 แสนคนในต้นปีหน้า ถ้าพูดถึงภาพรวมก็ต้องบอกว่า บริษัทฯ มีโรงงานของตัวเอง ชื่อ WE LABS ซึ่งทำส่งออกถึง 90% ทำสัญญาขายส่งออกเป็นเงินบาท จึงไม่ต้องวิตกกับปัญหาค่าเงินบาทอ่อนตัว"

เธอยังเล่าถึงการลงทุนต่ออีกว่า ปัจจุบันยังมีการลงทุนที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในอพาร์ตเมนต์ให้เช่า ซึ่งตรงนี้ต้องบอกว่ารายได้เหมือนน้ำซึมบ่อทราย นอกจากนี้ยังซื้อเพชรเก็บเอาไว้ เวลาเลือกซื้อจะแบบต้องมีใบรับประกันเท่านั้น และยังมีการลงทุนในกองทุนรวม ที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่มีผลตอบแทนสูงกว่าการฝากประจำ ขณะเดียวกัน ได้ซื้อประกันสุขภาพ ระยะยาว ยี่สิบปีขึ้นไป แต่ได้ผลตอบแทนคืนเป็นช่วงๆ ให้โอกาสลงทุนน้อยตอบแทนสูงเอาไว้ด้วย

"ในส่วนของการลงทุนในอพาร์ตเมนต์ให้เช่านั้น ถ้าต้องกู้เพื่อมาทำทั้งหมดจะไม่คุ้มเลย แต่ถ้ามีที่ดินเองก็โอเค เพราะมันเป็นธุรกิจที่เหมือนน้ำซึมบ่อทราย แต่ว่าจะได้คืนประมาณ 10 ปีขึ้นไป สำหรับการลงทุนในทองคำ ต้องบอกว่าเป็นคนที่ไม่ลงทุนในทองคำ เพราะเวลาที่ราคาขึ้นลงต้องบอกว่าน่ากลัว ส่วนที่ลงทุนในเพชร ก็เลือกแบบมีใบรับประกัน จะราคาดีไม่มีตก ที่จริง เดี๋ยวนี้คนฮิตซื้อคอนโดปล่อยเช่าหรือปล่อยขาย แต่โดยส่วนตัวคิดว่าไม่คุ้มเลยถ้าไม่ได้มีเงินเย็นรอไว้ เพราะเป็นการลงทุนที่ใช้เงินสูงแต่ผลตอบแทนน้อยมาก ได้ไม่คุ้มเสีย เพราะมีค่าซ่อมบำรุงจุกจิกอยู่ร่ำไป พอ 4-5 ปี ก็ต้องปรับปรุงซ่อมแซมใหม่อีก เสี่ยงเพราะไม่รู้แน่ว่าคนเช่าไปแล้ว ทำอะไรในสถานที่ไปทำอะไรผิดกฎหมายหรือเปล่า เดี๋ยวนี้ชาวต่างชาติที่มาทำงานหรือพักอาศัย นิยมอยู่เป็นบ้าน มากกว่าคอนโด ถ้าซื้อขนาดเล็กไป คนก็ไม่เช่า ซื้อขนาดที่เขาอยากเช่า ก็ลงทุนสูงเกินไป ทุกวันนี้ก็คิดว่าลงทุนเยอะแล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรที่อยากจะลงทุนเพิ่ม โดยรวมคิดว่าตัวเองเป็นนักลงทุนแบบกลางๆ ไม่เสี่ยงมากไปหรือน้อยไป เวลาลงทุนประเภทต้องมีคนที่น่าเชื่อถือช่วยดูให้ "

อาบพรบอกว่า ทุกวันนี้เธอใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ซึ่งไม่ได้หมายถึงการประหยัด แต่เป็นการใช้ของทั้งในและนอกประเทศแบบเท่าที่เรามีกำลังหามาได้และเหมาะสมกับฐานะ ไม่ถึงกับต้องกู้ยืมคนอื่นมาเพื่อซื้อใช้

"ทุกวันนี้เราอาจจะเห็นผู้คนในปัจจุบันที่มักใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เกินตัวกันเยอะ และบางคนนิยมซื้อของแบรนด์เนม มากเกินกำลังของตัวเอง จนเป็นหนี้เป็นสิน เหล่านี้เป็นค่านิยมที่ผิด การใช้ชีวิตแบบพอเพียงนั้น ถ้าต้องการใช้แบรนด์เนม ก็ใช้ของมือสองก็ได้ หรือซื้อของแบบไม่มีแบรนด์เนม แต่เหมาะสมกับฐานะ จะได้มีชีวิตที่ดีไม่เป็นหนี้สิน"

เธอบอกว่า คนเราควรวางแผนการเงิน เพราะการวางแผนที่ดีและทำงานหนักในตอนนี้ จะสบายยามชราหรือยามที่ทำมาหากินไม่ได้ หากไม่วางแผน เอาไว้ เมื่อถึงคราวเจ็บป่วย อุบัติเหตุ หรือชรา จะลำบากมาก เพราะในชีวิตจริง เราไม่ต้องหวังพึ่งพาผู้อื่นหรือลูกหลาน ให้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

"ทุกวันนี้คนอยากรวยเยอะ แต่ยังวางแผนน้อยมาก ซึ่งจริงๆ แล้วควรจดค่าใช้จ่าย และรายรับทุกอย่าง แต่ก็มักไม่ค่อยทำกัน คนไทยส่วนใหญ่คือเกษตรกรที่เป็นหนี้ แค่ปลดหนี้ได้ก็มีชีวิตดีขึ้นแล้ว ทุกวันนี้โดยส่วนตัวก็พยายามไม่เป็นหนี้เครดิตการ์ด รูดเท่าไหร่ต้องมีกำลังจ่ายเต็มจำนวน"

อาบพรยังแชร์ประสบการณ์การลงทุนที่ผ่านมา ว่าคนเราย่อมมีเรื่องผิดพลาดในชีวิตเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เธอเองก็เช่นกัน เคยเล่นหุ้นแล้วขาดทุน เนื่องจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งนอกจากเสียเงิน แล้วยังเสียสุขภาพจิตต้องคอยนั่งเฝ้าและติดตามสถานการณ์ เข็ดมาก อีกเรื่องหนึ่งคือ จะไม่ขายของเป็นเครดิตเงินเชื่ออีกแล้ว เพราะเคยคิดว่าจะทำให้เขากลับมาซื้อสินค้าอีก แต่กลับกลายเป็นหนี้สินดินพอกหางหมูจนไม่สามารถชำระหนี้ได้และสุดท้ายก็โกงเราไปเลย

ทั้งหมดนี้เป็นมุมมองเรื่องเงินๆ ทองๆ ของสาวนักบริหารที่ชื่ออาบพร รอดบุญ

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

“อริยา ติรณะประกิจ” ลงทุนตราสารหนี้...เพราะไม่ถูกโฉลกกับหุ้น

 

โดย : สรวิศ อิ่มบำรุง

ตอนนี้พยายามบอกตัวเองว่าอย่าไปอ่อนไหวกับความผันผวนในระหว่างทางที่ลงทุน ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นแมงเม่าตัวหนึ่งเท่านั้นเอง

ไม่มีคำว่าสายเกินไป สำหรับการเริ่มต้นใหม่ในสิ่งที่ถูกต้อง” คำกล่าวนี้คงไม่ต่างอะไรกับเส้นทางสายการลงทุนของ “อริยา ติรณะประกิจ” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ที่หลังจากมั่นใจว่า “หุ้น” ไม่น่าจะใช่การลงทุนที่เหมาะกับตัวเอง เธอก็ขยับมาหา “ตราสารหนี้” ที่ใช่ พร้อมปรับเปลี่ยนสไตล์การลงทุนในหุ้นที่เหลืออยู่ ให้เหมาะกับบุคลิกของตัวเองไปด้วยในตัว

อริยา บอกว่า ปกติเป็นคนอนุรักษนิยมไม่ค่อยชอบความเสี่ยงเท่าไรนักบุคลิกค่อนข้างจะเหมาะกับการลงทุนในตราสารหนี้มากกว่า ซึ่งปัจจุบันพอร์ต การลงทุนประมาณ 70 - 75% ก็จะลงทุนในตราสารหนี้เป็นหลัก โดยมีหุ้นประมาณ 20% และทองคำอีกประมาณ 5 - 10% แต่ถ้าย้อนไปช่วงที่อายุน้อยๆ ช่วงที่เริ่มต้นทำงาน ก็จะมีการลงทุนในหุ้นมากหน่อยประมาณ 50% แต่ช่วงนั้นเงินลงทุนก็น้อยด้วยเช่นกัน โดยคาดหวังกำไรจากหุ้นสมัยที่ใครๆ ก็เล่นหุ้นกัน จนมาเจอวิกฤติต้มยำกุ้งปี 40 ทุกคนเจ็บตัวหมด รู้สึกเหมือนดวงตัวเองไม่ค่อยถูกกับหุ้น เวลาซื้อหุ้นตัวไหนก็มักจะลง เวลาขายหุ้นตัวไหนก็มักจะขึ้น

ในอดีตก็เคยมีประสบการณ์กับหุ้นมีข่าวเช่นกัน เคยเล่นหุ้นตามข่าว ผลปรากฏว่าขาดทุนมากกว่ากำไรเรียกว่าเหนื่อยฟรี หากจะลงทุนตามข่าว เพราะขาดทุนมากกว่ากำไร เพราะการจับจังหวะตลาด (Market Timing) ก็ไม่ดี แล้วตัดสินใจในบางครั้งก็ตามอารมณ์ตลาดมากไปหน่อย ทำให้ผลตอบแทนโดยภาพรวมเมื่อคำนวณออกมาไม่ค่อยดีนัก คิดว่าตัวเองอยู่เฉยๆ ไม่ลงทุนในหุ้นแล้วลงทุนในตราสารหนี้ยังได้ผลตอบแทนมากกว่าอีก จึงเริ่มรู้สึกแล้วว่าตัวเองคงไม่เหมาะกับการลงทุนในหุ้นเท่าไรนัก

เดิมเคยคิดว่าจะเซ็ทกำไรไว้ทุก 15% จะขาย แต่จริงๆ แล้วทำไม่ได้ อาจเพราะตัวเองไม่มีวินัยพอก็ได้ เวลาเห็นราคาหุ้นขึ้นก็อยากจะได้อีกเป็นธรรมดาของมนุษย์ทุกคน แล้วนี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราลงทุนในหุ้นด้วยตัวเองแล้วไม่ประสบความสำเร็จก็ได้ เพราะสุดท้ายก็โลภมากอยากจะได้เพิ่มเรื่อยๆ ก็ปล่อยต่อไปเรื่อยๆ เลยใช้ไม่ได้ผล สุดท้ายจึงเปลี่ยนสไตล์การลงทุนโดยลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นลงมาจนเหลือประมาณ 20% ในนี้รวมกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) อยู่ด้วย

“แม้ปัจจุบันจะพยายามมองภาพการลงทุนระยะยาวมากขึ้น ในระหว่างทางราคาหุ้นจะขึ้นหรือลงก็ปล่อยไปถือว่าลงทุนเอาปันผลในระยะยาว แต่ต้องยอมรับว่าเวลาเจอหุ้นตกหนักๆ เราก็อดตื่นตระหนก (Panic) ไม่ได้อยู่ดี อย่างวิกฤติการเงินครั้งล่าสุด เวลาที่เจอหุ้นลงเยอะๆ เราก็ขายลดความเสี่ยงไปด้วยส่วนหนึ่งซึ่งแน่นอนก็ทำให้ขาดทุนไปพอสมควร ในกองทุนหุ้นที่ไปลงทุนต่างประเทศ (FIF) เองก็ตัดใจขาย ขอขาดทุน 50% ดีกว่าไม่เหลืออะไร และจนปัจจุบันก็ยังไม่กลับไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศอีกเลย”

อริยา ยังบอกอีกว่า ปัจจุบันตราสารหนี้ที่ลงทุนส่วนใหญ่จะลงทุนผ่านกองทุนรวมโดยมีทั้งอายุสั้น-กลาง-ยาวผสมกันไป ประมาณ 60% เป็นพันธบัตรรัฐบาล แต่ก็มีหุ้นกู้ผสมเข้าไปด้วยเพื่อช่วยเพิ่มผลตอบแทนให้กับพอร์ตการลงทุน และมีการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศด้วยประมาณ 25% เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุนให้หลากหลายมากขึ้น

โดยเป้าหมายของการลงทุนในตอนนี้เป็นไปเพื่อดูแลเรื่องความเจ็บป่วยของตัวเองเป็นหลัก ในช่วงที่อายุยังน้อยเป็นคนที่ไม่ค่อยซื้อประกันคิดว่าตัวเองไปลงทุนเองน่าจะได้ผลตอบแทนมากกว่า แต่ตอนหลังๆ คิดว่าตัวเองอาจจะคิดผิดก็ได้ เพราะตอนอายุน้อยๆ ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะต้องเจ็บป่วย แต่พออายุเริ่มมากขึ้นความเจ็บป่วยก็เริ่มมาหา โรคบางอย่างปัจจุบันก็ซื้อประกันไม่ทันแล้ว เพราะเขาไม่รับทำ โดยทางสมาคมตลาดตราสารหนี้ก็มีประกันสุขภาพให้พนักงานเช่นกัน แต่เราก็ต้องมองหาประกันสุขภาพส่วนตัวเพิ่มเติมด้วย เพราะค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลปัจจุบันค่อนข้างแพงและนี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลงทุนในตราสารหนี้ค่อนข้างมาก แม้ว่า

ผลตอบแทนจะน้อยก็จริงแต่ได้แน่ๆ ไม่ต้องลุ้น เวลาที่เราเจ็บป่วยต้องการใช้เงินก็สามารถที่จะหมุนออกมาได้ทันที

“สำหรับคนทำงานที่ไม่ค่อยมีเวลาในการติดตามการลงทุน คิดว่าการให้มืออาชีพบริหารก็มีข้อดี แต่ว่าเราเองก็ต้องทำใจยอมรับด้วยเหมือนกันว่า ผลตอบแทนของมืออาชีพมักจะเป็นไปตามภาวะตลาดเช่นเดียวกัน คือเมื่อตลาดลงก็ลงด้วย เมื่อตลาดขึ้นก็ขึ้นด้วย จึงแบ่งเงินประมาณ 50% ลงทุนเองแล้วอีก 50% ให้ผู้จัดการกองทุนมืออาชีพบริหารให้แทน โดยจะมีการรีวิวการลงทุนของตัวเองปีละครั้ง จะมองภาพการลงทุนที่ยาวขึ้น ว่า จะซื้อหรือขายในเทอมของปีแล้ว ตอนนี้พยายามบอกตัวเองว่าอย่าไปอ่อนไหวกับความผันผวนในระหว่างทางที่ลงทุน ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นแมงเม่าตัวหนึ่งเท่านั้นเอง”

ส่วนตัวอริยาเองเลือกลงทุนใน บลจ. โดยดูจากจริยธรรมความน่าเชื่อถือของตัวผู้บริหาร ประกอบกับผลการดำเนินงานในอดีตด้วย เรียกว่าขอความสบายใจในการลงทุนจากจุดนี้ด้วยเช่นกัน

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับ คุณ zagio และ เพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่าน

 

ช่วงนี้ หลายๆ เวป หลายๆ กระทู้ ได้มีการ โพสท์ ข้อความเกี่ยวกับ ข่าวต่างๆ ที่อ้างถึงอดีต เลยมาถึงปัจจุบัน

แล้วก็ คาด หรือ คิดว่า จะต้องเกิดในอนาคต เร็วๆ นี้ 2011 บ้าง 2012 บ้าง แตกต่างกันไป ซึ่งเนื้อหาก็มีทั้งจริงมั่ง

ไม่จริงมั่ง เนื้อหาเล่าไม่ครบทั้งเรื่องมั่ง มีทั้งข่าวจริง และ ข่าวลวง มีทั้งทฤษฎีสมคบคิด ที่คาดว่าจะต้องเป็น

อย่างนั้น อย่างนี้ รวมถึงมีการอ้างวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น และการประท้วงต่างๆ พวกคนจน คนใต้ดิน

คนที่ถูกเอาเปรียบในสังคม คนที่ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว คนที่จ้องจองล้างจองผลาญ

 

ซึ่งถ้าเพื่อนๆ อ่านบทความต่างๆ ข่าวต่างๆ โดยใช้วิจารณญานอย่างละเอียด หรือ ตั้งอยู่ในความเป็นกลาง เราฉลาดพอ

ก็จะรู้หลบหลีกได้เจ็บตัวน้อยหน่อย หรือ ความหมาย สูญทรัพย์สิน น้อยหน่อย ไม่มลายหายสิ้นกับภาพและคำเขียนที่

ถูกเรียบเรียงสร้างสรรขึ้นมาให้เป็นข่าว อันก่อให้เกิดความตื่นตระหนก ข่าวลวงบางข่าว อ้างว่า จะเกิดตอนนั้น ตอนนี้

พอมาถึงช่วงเวลาและผ่านไปแล้ว ก็มิได้เกิดหรือสร้างความเสียหายตามที่บ่งบอก หลังจากนั้น ก็จะมีข่าวลวง อื่นๆ

ออกมาอีก เพื่อสร้างสถานการณ์ โยงใยอิงสิ่งต่างๆ เพิ่มเข้าไปเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ โดยมีการกล่าวอ้างเพียง 50 % ของ

เนื้อหาข่าวจริง แต่อีก 50 % มิได้กล่าวถึง

 

ในส่วนข่าวจริง 50% นั้นถ้าผู้รับข้อมูล ได้พิจารณา ก็ยังถือเป็น ตัวอย่างสำหรับประเทศอื่นๆ ไว้เป็นบทเรียน ต่อนักลงทุน

ซึ่งจะได้รู้ทางหนีทีไล่ได้

 

สุดท้าย ก็ต้องใช้วิจารณญาน ในการตัดสินใจลงทุน หรือจะทำอะไร ก็ให้สุขุมรอบคอบไว้ก่อน อย่าใช้อารมณ์นำหน้า

ต้องใช้สติปัญญาที่ไม่มีอคติ ในการตัดสินใจทำ หรือ ไม่ทำอะไร และให้เห็นภัยหรือความเดือดร้อน ที่เกิดจากความโลภของคน

ส่วนตัว ของ เด็กขายของ ข่าวต่างๆ ก็ยังไม่ปักใช่เชื่อ 100% แต่ก็ต้องรอบคอบและไม่ประมาท คอยดูสถานการณ์ต่างๆ รอบโลก

คอยดูปัญหาต่างๆ ในประเทศ คอยดูสัญญาณเตือนภัยต่างๆ ในกราฟ ถ้าไม่มีอะไรก็แล้วไป ถ้ามีอะไรขึ้นมาจะได้ชิ่งหนีทัน

หรือ นั่งริมขอบสนามก่อนการลงทุน

 

ข้อความข่าวบางข่าว สมัยนี้ เขียนโดย นักเขียนรุ่นใหม่ๆ ที่นิยมการปลุกกระแสให้เกิดความตื่นเต้นเร้าใจ ต่อเหตุการณ์

ถ้าใครก็ตามที่ได้เข้ามาอ่านเนื้อหา ตามเวป ตามกระทู้ แล้ว สติแตก ตกใจ ไม่เป็นอันทำอะไร ก็โทษใครไม่ได้ ถ้า

อ่านโดยขาดการพิจารณาอย่างเป็นกลาง ว่า แนวโน้มความจริงที่จะเกิด เป็นไปได้หรือไม่ โดยเอาวันที่เคยอ้าง ว่าจะเกิด

อย่างนั้น อย่างนี้ แล้วไม่มีอะไรจะเกิด มาประเมินความน่าเชื่อถือ ความน่าจะเป็น

 

โลกมันไม่เที่ยง เศรษฐกิจมันก็ไม่เที่ยง เหตุการณ์ทั้งหลายมันก็ไม่เที่ยง ราคาทองคำก็ไม่เที่ยง ชีวิตคนเราก็ไม่เที่ยง

ไม่มีใครรู้จริงหรอกว่าจะเกิดหรือไม่ มีแต่คาดว่าจะเป็น คิดว่าจะเกิด ถ้ามันเกิดจริงตามที่ตั้งสมมุติฐานไว้ ก็เรียกว่า

คาดการณ์ได้แม่นยำ เพราะมันมีเหตุมีปัจจัยบ่งชี้ เขาถึงคาดการณ์ไว้แบบนี้

 

เรื่องจริง ก็ต้องดูตอนเกิดจริง เท่านั้น ถ้ายังไม่เกิดจริง ก็เป็นทฤษฎีสมคบคิด พยากรณ์ คาดการณ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ยกตัวอย่างดีกว่า เดี๋ยว เพื่อนๆ จะมีข้อสงสัย เรื่องข่าว เอาข่าวเก่า ย้ำนะครับว่า ของปี 2552 ถ้าเรื่องจะเกิดก็ต้อง 2553 ตอนนี้ 2554 แล้วนะ

วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 33 ฉบับที่ 4161 ประชาชาติธุรกิจ

หัวเรื่องว่า : ฟองสบู่เก็งกำไรทองใกล้แตก เตือนดีมานด์เทียมดันราคาพุ่งเกินจริง!

 

ชำแหละ จุดเสี่ยงเก็งกำไรทอง เผยราคาที่พุ่งขึ้นต่อเนื่องฉุดความต้องการทองคำที่แท้จริงลดลง สภาทองคำโลกเผยไตรมาส 3 ตกลง 34% ฟากดีมานด์ทองคำกระดาษในตลาดซื้อขายล่วงหน้าพุ่ง จับตานักลงทุนชั้นนำระดับโลกพากันขายทองออกจากพอร์ต

 

จากการประมวลบทวิเคราะห์ต่างประเทศในเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่เกาะติดตลาดทองคำโลก พบว่าหลายเว็บไซต์ได้วิเคราะห์ให้เห็นถึงสัญญาณอันตรายของตลาดทองคำโลกที่ กำลังเข้าสู่ช่วง "ราคาสูงสุด" แล้ว โดยสัญญาณประการแรกมาจากการที่ความต้องการทองคำที่แท้จริงกำลังลดลงอย่าง ฮวบฮาบสวนทางกับราคาทองคำ และถูกแทนที่ด้วยดีมานด์ทองคำที่มาจากการซื้อขายผ่านกระดาษในรูปของธุรกรรม ล่วงหน้าหลายประเภท ทั้งฟิวเจอร์และออปชั่น

 

เน็ด ดับเบิล ชมิดต์ อดีตนักการเงินที่เชี่ยวชาญด้านเงินทุนเคลื่อนย้ายทั่วโลก ปัจจุบันเป็นเจ้าของสิ่งพิมพ์ที่รายงานสถานการณ์ตลาดทองคำ "THE VALUE VIEW GOLD REPORT" ตั้งข้อสังเกตในบทวิเคราะห์ถึงสัญญาณอันตรายของทองคำ หลังจากทองพุ่งทะยานเหนือระดับ 1,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และส่งผลให้ความต้องการทองคำที่แท้จริงทรุดฮวบลง โดยตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งที่เหมือนกันระหว่างทองคำและน้ำมันในช่วงที่ระดับราคาพุ่งทะยานทำสถิติ สูงสุด คือ ความต้องการน้ำมันดิบได้ลดลงมา หลังจากราคาน้ำมันขึ้นไปถึงระดับ 140 เหรียญ ซึ่งสถานการณ์ของทองคำก็ไม่ต่างกัน ความต้องการทองคำได้ลดลง 34% ในช่วงที่ราคาทองคำพุ่งทะยานเหนือระดับ 1,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ชมิดต์ ได้อ้างอิงข้อมูลของสภาทองคำโลก (World Gold Council) ซึ่งระบุว่า ความต้องการทองคำที่จับต้องได้ลดลงถึง 34% ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากการพุ่งทะยานขึ้นของราคาทองคำที่ได้อานิสงส์จากการไหลเข้า เงินลงทุนต่างประเทศ แต่ขณะเดียวกันได้นำไปสู่การตกต่ำของยอดขายอัญมณีและทองรูปพรรณในตลาดสำคัญ ๆ หลายแห่ง โดยเฉพาะอินเดียและตะวันออกกลาง

 

ในบทวิเคราะห์ของชมิดต์ ยังอ้างอิงความเห็นของโรซานา วอซนิแอค ผู้จัดการฝ่ายวิจัยการลงทุนของสภาทองคำโลก ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่า กระแสเก็งกำไรในตลาดซื้อขายทองคำล่วงหน้าและการคาดการณ์ว่า จะมีการกว้านซื้อทองคำแท่งมากยิ่งขึ้นจากภาคทางการ ทำให้มีแนวโน้มปรับราคาขึ้นไปอีก ถึงแม้ว่าความต้องการทองคำจริง ๆ จะไม่มีมากนักก็ตาม

 

สัญญาณประการถัดมามาจากการไหลเข้าตลาดคอมมอดิตี้ อย่างมหาศาลของเงินทุนเพื่อการเก็งกำไร ดังปรากฏในรายงานข่าวของวอลล์สตรีต เจอร์นัล เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมาซึ่งชี้ว่า กระแสการลงทุนได้ไหลเข้าสู่ตลาดคอมมอดิตี้ในระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อน โดยอ้างข้อมูลของบาร์เคลย์ส แคปิตอล ที่ประเมินว่า มีเงินลงทุนไหลเข้าสู่ตลาดคอมมอดิตี้ในปี 2552 ราว 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าระดับสถิติ 5.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ตลอดทั้งปี 2549

 

ขณะที่ รอยเตอร์ได้อ้างข้อมูลจากคณะกรรมการกำกับดูแลตลาดล่วงหน้า (CFTC) ที่สัญญาฟิวเจอร์ทองคำประเภทให้สิทธิซื้อสุทธิในลักษณะของการเก็งกำไรมี ปริมาณลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน สวนทางกับสัญญาฟิวเจอร์ที่ให้สิทธิขายใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมาแทน

 

ข้อมูล ล่าสุดนับถึงสัปดาห์ที่แล้วสัญญาฟิวเจอร์ทองคำประเภทให้สิทธิซื้อสุทธิที่ จัดอยู่ในกลุ่มเก็งกำไรอยู่ที่ 871 ตัน ลดลง 32 ตัน เมื่อเทียบกับปริมาณธุรกรรมสูงสุด เมื่อ 1 เดือนก่อน ทั้งนี้สัญญาฟิวเจอร์ในลักษณะเก็งกำไรมีสัดส่วนประมาณ 32% ของการซื้อขายในตลาดล่วงหน้า

 

นอกจากนี้เว็บไซต์ Commodity News-Commodities Trading-Futures Market-Bullion-Gold-Crude Oil-MCX-NCDEX-NYMEX-LME-Global Markets|Commodityonline ยังตีแผ่สัญญาณการเคลื่อนไหวของบรรดานักลงทุนชั้นนำระดับโลกว่า เกือบทั้งหมดต่างพากันขายทองออกไปจากพอร์ตแล้ว หรือบางรายรวมถึงจิม โรเจอร์ ที่เคยคาดการณ์แนวโน้มราคาทองคำ จะขึ้นไปถึง 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็ไม่พบว่ามีการลงทุนในตลาดทองคำในช่วงนี้เลย เป็นเพราะมีความเป็นไปได้ว่า นักลงทุนเหล่านี้ได้เข้าสู่ตลาดทองไปก่อนหน้านี้ โดยเข้าซื้อทองตั้งแต่ราคายังอยู่ที่ 700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อประมาณปีครึ่งที่ผ่านมา และ เทขายเก็บกำไรไปเรียบร้อยแล้ว

 

เมื่อ วันจันทร์ที่ผ่านมา (23 พ.ย.) ราคาทองคำที่ตลาดโคเม็กซ์ในสหรัฐได้พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดระหว่างซื้อขายที่ ระดับ 1,174 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนลดลงมาปิดที่ 1,164 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามในตลาดฮ่องกงทองคำถูกเทขายทำกำไร จนราคาปรับลงมาปิดตลาดที่ 1,163.50-1,164.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในวันอังคาร (24 พ.ย.) ทั้งนี้ทองคำในปีนี้ได้ปรับราคาขึ้นไปทั้งสิ้น 32% ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ ทรุดลง 7.5%

 

สุดท้าย เป็นอย่างไร 2553 ทั้งปี ฟองสบู่ทองคำ ก็ยังไม่แตกอยู่ดี แต่ที่เด็กขายของเขียน ไม่ใช่ปีที่แล้ว ไม่แตก ปีนี้ จะแตก หรือ

ไม่แตก ปีหน้า แตก ไม่แตก ไม่รู้ รู้แต่ว่า ลงทุนอย่างรอบคอบ ใจเย็นๆ ดูทิศทาง ทยอยเข้าซื้อ ทยอยปล่อยออก เป็นสัดส่วน

สู้กับความผันผวนอย่างมากที่จะต้องเจอ

 

สำหรับประเด็นที่ มุ่งไปยัง เศรษฐกิจโลก EURO ล้ม US$ เจ็ง ก็ต้องฟังความหลายๆ ด้าน กลุ่มประเทศที่รวมตัวกันก็ประคับประคองกัน

เพื่อสู้วิกฤตทางการเงิน ซึ่งว่าไปแล้วเป็นเรื่องเล็กๆ น้อย มากกับมนุษย์โลก เรื่องวิกฤตภัยธรรมชาติ เป็นสิ่งที่เริ่มจะก่อตัว และน่ากลัว

เป็นอย่างมาก สำหรับรุ่นลูก รุ่นหลาน ที่จะต้องเผชิญชีวิตต่อในโลกใบนี้ ถ้าท่านดูหนัง 2012 ก็เกิดจากภัยธรรมชาติ ส่วนเรื่องเกี่ยวกับ

เงินก็ต้องช่วยๆ กัน เพื่อความอยู่รอดของสังคม ฉันใดก็ฉันนั้น แล

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...