ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

ตอบคุณ mdaddy นะครับ

 

ในคำถามของคุณ mdaddy ถ้าจะตอบแบบที่ เด็กขายของ เข้าใจถึงจุดประสงค์ ก็จะขอบอกว่า

1. ลงทุนทองแบบระยะยาว ตอนที่ทองราคาไม่แพงมากเหมือนปัจจุบัน เด็กขายของซื้อทองเก็บประเภท สร้อย แหวน ตลับพระ พระทองคำ

ซึ่งทรัพย์สินเหล่านี้ ก็จะเก็บอยู่ ไม่ได้มีการขาย ถ้ามีการซื้อเข้ามาเพื่อลงทุนระยะยาวจริงๆ จะเป็น พระทองคำ ครับ

2. ถ้าหมายถึง ทองแท่ง ปัจจุบัน จะเป็นประเภท ซื้อต่ำ ขายสูง ส่วนต่างของกำไร จะขึ้นอยู่ตามสถานการณ์ ณ.เวลานั้น แต่ก่อน ก็ 200 บาท

ถัดมาอีกหน่อย ก็ลดเหลือแค่ 100 บาท ถัดมาเมื่อเร็วๆ นี้ ก็ลดเหลือ 50 บาท มาวันนี้ เท่าทุน (ผมซื้อเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว 19,650 บาท วันนี้

เปิดราคามาตอนเช้า 19,650/19,750 ผิดหวังนิดๆ กับราคาประกาศฯ ) ยังเผ่นออกมาริมขอบสนามก่อนเลยครับ เพราะดูจากปัจจัยรอบข้าง

ไม่เอื้ออำนวยครับ

 

ถ้าคุณ mdaddy ยังกังขา ก็ถามมาอีกได้นะครับ ขอบคุณมากครับ

 

รับทราบครับ จริงๆแล้วผมพลาดเองไม่ได้อ่านคำตอบของคุณเด็กขายของอันหลังๆ ซึ่งตอบคำถามผมไปแล้ว

กำลังสนใจเรื่องการลงทุน เลยพยายามศึกษาคนอื่นๆว่าทำกันอย่างไรน่ะครับ ขอบคุณครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กราบขอบคุณงาม ๆ พี่ขายของนะคะ วันนี้คอลัมภ์แบบนี้ เป็นสัจธรรมจริจริงคะ ต้องเก็บไว้อ่านเตือนใจตัวเองบ่อย ๆ ติดตามต่อปาย.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขออ้างถึง : "พินัยกรรมหลวงตามหาบัว" "เมื่อข้าพเจ้ามรณภาพ ส่วนที่เป็นทองคำให้หลอมเป็นทองคำแท่ง ส่วนที่เป็นเงินไม่ว่าจะเป็นเงินสกุลใดให้นำเข้าซื้อทองคำแท่ง แล้วให้นำทองคำแท่งทั้งหมด ไปมอบให้ธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำรองเงินตราของฝ่ายออกบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยข้าพเจ้าไม่มีเจตนาที่ใช้บุคคลใดหรือคณะบุคคลใดนำไปใช้ในงานอันใด นอกจากใช้เป็นเงินทุนสำรองของประเทศ

เด็กขายของ อ่านพินัยกรรมของหลวงตาฯ ยิ่งเห็นถึงความมีเมตตา ความปรารถนาดีอย่างแรงกล้า ของท่านหลวงตา มหาบัว ยิ่งนัก

ที่ท่านเป็นห่วง คนรอบข้าง และ ความเลื่อมใสศรัทธาในตัวของท่านหลวงตา มหาบัว

 

ท่านทราบเป็นอย่างดีว่า "เงินตรา" มีคุณค่าแต่แฝงด้วยกิเลสความชั่วร้ายในใจ คือ ความโลภ ของ มนุษย์ ซึ่งท่านหลวงตาฯ ได้ละทิ้งกิเลส

ใน จุดนี้มาแล้ว และเมื่อท่านฯ ไม่อยากให้เกิดปัญหาอะไรตามมาภายหลัง สิ่งที่ดี ที่สร้างเกียรติประวัติของท่านฯ ให้เลื่องลือ ก็คือ

" ผ้าป่าช่วยชาติ โดยขอรับบริจาคทอง หรือ นำเงินที่รับบริจาคมาซื้อทอง เพื่อเก็บรักษาไว้ที่ พระคลังหลวง โดย ธนาคารแห่งประเทศไทย

ตั้งคณะกรรมการขึ้นมารับผิดชอบ หลายๆ ทั้งที่ บุคคลบางคน พยายามที่จะนำทองคำแท่งของท่านฯ มารวมบัญชี เพื่อล้างขาดทุน ก็จะต้อง

พ่ายแพ้ทุกครั้ง จนกระทั้ง พณ.ท่าน ไตรรงค์ สุวรรณคีรี รมช.คลัง รับปากว่า ถ้าเขายังอยู่ในตำแหน่งมีอำนาจ จะไม่ให้มีใครมา แตะต้อง

ทองคำแท่ง ของ หลวงตามหาบัว เด็ดขาด

 

 

เด็กขายของมีความคิดเป็นการส่วนตัว ว่า หลวงตาท่านไม่สนใจ เงินตรา, ทรัพย์สินต่างๆที่มีค่า หรือ ทองคำ

 

แต่ท่าน ไม่อยากให้ กิเลสความโลภ ของคน มาทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง หรือ กระทำอะไรให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เหมือนในอดีตที่

ลูกศิษย์ใกล้ชิดคนหนึ่งได้กระทำลงไป เลยเขียนพินัยกรรม ยก ทรัพย์สินมีค่าทุกอย่างๆ ไปซื้อทองแท่ง เพื่อเก็บเป็น

เงินทุนสำรองของชาติ ตลอดกาล

 

นับเป็นการมองการณ์ไกล ของ หลวงตามหาบัง ต่อ ลูกศิษย์และพี่น้องประชาชนชาวไทยโดยแท้

 

" โครงการผ้าป่าช่วยชาติ " โดยในปี 2540 ประเทศไทยประสบกับปัญหาวิกฤติทางเศรษฐกิจอย่างหนัก ด้วยความเมตตา

สงสารอย่างบริสุทธิ์ใจต่อพี่น้องชาวไทย หลวงตามหาบัว จึงได้เชิญชวนประชาชนช่วยกันบริจาคทองคำ เงินดอลลาห์

เงินสกุลต่างประเทศ และ เงินบาท นำเข้าคลังหลวง โดย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี

ทรงเป็นประธานเปิดโครงการผ้าป่าช่วยชาติอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2541

 

ล่าสุด ได้มอบทุนช่วยชาติ ครั้งที่ 15 โดยนำทองคำเข้าคลังหลวงแล้ว กว่า 12 ตัน และ เงินดอลลาห์สหรัฐ 10,803,600 ดอลลาห์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดียามเย็นครับ คุณ Zagio และเพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่าน :

 

หลายๆ คนช่วงนี้ พูดเป็นอย่างมากเกี่ยวกับ ค่าเงิน US$ และ Euro จะไร้ค่า หรือ ด้อยค่า หรือ มึมูลค่าลดลง หรืออาจ ไม่มีค่าเลย

เพราะพิมพ์ออกมามากมาย หรือ การสร้างหนี้สินมากมาย อนาคตอันใกล้นี้ จะเหมือนเพียงแค่ กระดาษพิมพ์ เท่านั้น ค่าเงินทั่วโลก

จะลดมูลค่าลงอย่างมากมายมหาศาล ที่เกิดจากการสร้างหนี้สิน

 

พอเขียนว่า ค่าเงินจะด้อยค่า ก็ไปเชื่อมโยงว่า ทองจะราคาพุ่งสูงจนเหลือเชื่อ

 

เรื่องในกรณีของ ทองคำ เด็กขายของมีความเห็นแบบนี้นะครับ ถ้า ประเทศสหรัฐอเมริการักษาเสถียรภาพของค่าเงินไม่ได้

มีแต่อ่อนลงและหมดความน่าเชื่อถือ ตลาดทองคำก็น่าหยุดซื้อขายด้วยสกุลเงิน US Dollar อาจไปใช้เงินสกุลอื่นๆ หรือมี

เงินสกุลกลางใหม่เป็น World Currency ที่ประชาคมคนทั่วโลกยอมรับ และ ถูกยกขึ้นมาเพื่อทดแทน หรือ แทนที่ เงิน US Dollar

 

มันจะต้องเป็นไปตามกลไกของตลาด และ ความตกลงของทุกๆ ฝ่ายในโลก ถ้าตกลงกันได้ หรือ จบได้สวยเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย

ก็ไม่มีเรื่องหวาดเสียวไม่มีสงคราม แต่ถ้ามีบางประเทศ บางกลุ่มกองทุนผู้มีอำนาจฯ หรือ กลุ่มคนอื่นๆ ไม่เอาด้วย หรือยังต้องการ

รักษาฐานอำนาจของตัวเอง ก็คงเป็นเรื่องยาว มันมี ส่วนประกอบแฝงเร้นซ่อนเงื่อนหลายๆ อย่าง อาจทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง

ที่คาดไม่ถึงได้

 

เพื่อนๆ ลองคิดนะครับว่า เราใช้สกุลเงิน US Dollar เป็นราคากลางของทองคำ ถ้าเสื่อมค่าเร็วมากก็คงไม่มีใครเอามาเป็นตัวกลางซื้อขายทอง

หรือน้ำมัน หรือตลาดอื่นๆ ตลอดไปหรอก คนคุมเกมส์เขาฉลาดจะตาย ป่านนี้พวกกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ หรือ ประเทศต่างๆ ที่มีเงินทุนสำรอง

ประเทศเป็นเงิน US Dollar พี่แกไม่ปล่อยเงินดอลล่าหมดแล้วหรือ เพื่อที่จะรอวันเปิดเกมส์เงินสกุลกลางของโลกตัวใหม่

 

มีเพื่อนของเด็กขายของพูดว่า กว่าจะหาเงินสกุลใหม่มาทดแทน US$ ราคาทองไม่ถูกปั่นขึ้นไปสูงปรี๊ดแล้วเหรอ ผมก็ งง กับการคิด อย่างนี้ เพราะการที่เงิน US$ จะหาย หรือ ลดค่าจนต้องเลิกเชื่อถือ กลไกก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่ วันดีคืนดี ประกาศ ตูม " ขอยกเลิก US$ ในการขาย ทอง " ถ้ามีจริง เศรษฐกิจโลกพังก่อนครับ เพราะ สหรัฐ คงไม่ยอมอะไรง่ายๆ หรอกครับ แต่ทุกๆ สิ่งก็เป็นเพียง คาด และ คิด ไม่รู้ว่าจะเกิด

จริงหรือไม่จริง หรือ เป็นข้อเท็จจริงประการใด ก็ต้องใช้วิจารณญานในการรับข้อมูลหลายๆ ด้าน

 

แล้วเพื่อนผม ก็โยงใยไปค่าเงินบาทอีก เด็กขายของก็บอกว่า ถ้า US Dollar มีปัญหา ค่าเงินบาทจะอ่อน

จะแข็ง ไม่ต้องไปพูดถึง ทองคำ เป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ จะต้องมีเงินที่ต่างประเทศยอมรับ

ถึงมีการซื้อขายเกิดขึ้นได้ ก็ต้องรอเงินสกุลใหม่ หรือ ตัวแทน US$ ก่อน แล้วก็ต้องมาดูว่า อัตราแลกเปลี่ยนจะเป็นอย่างไร ต่อเงินบาทไทย เป็นขั้นต่อไป เพราะพี่แกก็บอกอีกว่า ทองคำพุ่งไม่มีจุดสูงสุด ขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วจะมีคนซื้อคนขายไหมเนี่ย ถ้าทองแพงขนาดนั้น

 

 

แล้วเขาก็สรุปให้เด็กขายของ ว่า ราคาทองจะพุ่งขึ้นสวนทางกับดอลลาร์จนเราคิดไม่ถึงทีเดียว แล้วก็บอกอีกว่า เงินทุนสำรองประเทศไทยเป็นเงิน US Dollar ถ้า US$ เสื่อมค่า ค่าเงินบาท ก็เสื่อมค่าตาม

 

( อ้าว แล้วตอนแรก มันบอกว่า US Dollar จะไร้ค่า ยกเลิกเป็นสกุลเงินหลัก แล้วมันเอามาเป็นตักกะอีกแล้ว

ว่า US$ เสื่อม Baht เสื่อม Gold พุ่ง)

 

เด็กขายของก็ไม่เข้าใจ ว่า การจะเกิดอะไรเกี่ยวกับ เศรษฐกิจโลก เงินตราสกุลต่างๆ ของโลก จะเป็นเหมือน

HITACHI ( เปิดปุ๊ป ปิดปั๊ป ) ก็บอกแล้วว่า การรับฟังข้อมูลเบื้องต้นของปัญหาที่เกิด เท่านั้น แต่ไม่ได้เปิดใจเพื่อรับข้อมูลว่า มีการแก้ไข ปรับปรุง ออกมาตราการ หรือ วิธีการต่างๆ เพื่อแก้ไข หรือเปล่า รับฟังแต่ปัญหาอย่างเดียว เท่านั้น

 

แล้ว เพื่อนๆ ที่อ่าน จะรับฟังแบบไหนดีครับ

 

 

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เด็กขายของ อยากให้เพื่อนๆ ได้มองย้อนไปในอดีตของทองคำ จะพบว่าสิ่งที่ผ่านมาแล้วเต็มไปด้วยความคลั่งไคล้

ที่นำไปสู่ฟองสบู่ระดับโลก เรามาลองดูสิว่า ถ้าเกี่ยวกับ ฟองสบู่ทองคำ มีกี่ครั้งมาแล้ว

 

ปี 1848 คลั่งทอง 1

หลังจากที่มีการพบทองในตอนเหนือของรัฐแคลิฟฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้คนหลั่งไหลเข้าไปแสวงโชค เข้าไปแสวงหาความมั่งมี

ผลักดันให้ประชากรรัฐแคลิฟฟอร์เนียพุ่งจาก 15,000 คน เป็นมากกว่า 300,000 คน ในปี 1854

 

ปี 1974-1980 คลั่งทอง 2

หลังยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ( Great Depression ) เงินเฟ้อพุ่งสูง ชาวอเมริกันได้รับอนุญาตให้ลงทุนในทองเป็นรายบุคคลได้เป็นครั้งแรก ราคาทองพุ่งจาก 100 เหรียญต่อออนซ์ในปี 1974 ไปเป็น 850 เหรียญในปี 1980 และร่วงไม่เป็นท่าในเวลาต่อมา

 

ปี 2008-ปัจจุบัน คลั่งทอง 3

นักลงทุนหันมาลงทุนในทองคำ เมื่อพวกเขาเห็นว่าเศรษฐกิจโลกมีปัญหา และตราบใดที่วิกฤติเศรษฐกิจยังไม่ยุติ ราคาทองก็ยังคงไต่ระดับสูงขึ้น และราคาทองคำล่าสุด สูงกว่า 1,425 เหรียญต่อออนซ์

 

เพื่อนๆ อ่านแล้ว คงไม่มีความคิดเห็นเหมือนกับเด็กขายของ เกี่ยวกับ ทอง เพราะคิดหวังกับการลงทุนทองคำเพื่อผลตอบแทนที่สูง

เป็นสิ่งที่น่ากลัว มุ่งใช้อารมณ์เป็นหลัก ปราศจากเหตุผลที่เพียงพอ และอะไรที่พุ่งขึ้นโดยปราศจากพื้นฐานรองรับมักร่วงหล่นลงมาที่เดิมเสมอ

ระวังอย่าเป็นเหยื่อของการเก็งกำไรก็แล้วกัน เพราะเวลาฟองสบู่แตก รัฐบาลไหนก็เข้ามาช่วยอุ้มท่านไม่ได้ครับ

 

แต่ถ้าเป็นการลงทุนระยะยาวจริงๆ เก็บเพื่อเป็นสินทรัพย์ เก็บไว้ให้ลูกหลาน เผื่อเจอวิกฤตสงครามโลกครั้งที่ 3 ค่าเงินสกุลต่างๆ ไม่มีค่า

ทุกอย่างด้อยค่าหมด แต่ทองถึงแม้จะด้อยค่าลงมาบ้าง แต่ก็คิดว่ายังสามารถนำทอง มาแลกอาหาร ประทังชีวิตในยามสงครามโลก ได้

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

http://www.youtube.com/watch?v=ei059NOF_OE

 

ถูกแก้ไข โดย ffrm328

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์วิจัยกสิกรไทย และนายกสมาคมนักวางแผนการเงินไทย

เล่าถึงเคล็ดลับการบริหารเงินให้ฟังว่า

 

หากนักลงทุนรายใดยอมรับความเสี่ยงได้น้อยให้จัดพอร์ตแบบอนุรักษนิยม ลงทุนในหุ้น 10% พันธบัตร 50% ตลาดเงิน/เงินสด 25% อสังหาริมทรัพย์ 10% ทองคำ 5% การลงทุนในลักษณะนี้เชื่อว่าผลตอบแทนสูงสุดจะอยู่ในส่วนของตลาดหุ้นประมาณ 15% รองลงมาเป็นพันธบัตร 4% ตลาดเงิน/เงินสด 1% และอสังหาริมทรัพย์ 6% ทองคำ 10%

สำหรับนักลงทุนที่พอรับความเสี่ยงได้ระดับหนึ่งให้จัดพอร์ตแบบปานกลาง ลงทุนหุ้น 20% พันธบัตร 32% ตลาดเงิน/เงินสด 20% อสังหาริมทรัพย์ 20% ทองคำ 5% และหุ้นต่างประเทศ 3% การลงทุนในลักษณะนี้จะให้ผลตอบแทนในส่วนของตลาดหุ้นประมาณ 15% พันธบัตร 4% ตลาดเงิน/เงินสด 1% อสังหาริมทรัพย์ 6% ทองคำ 10% หุ้นต่างประเทศ 15%

อุมาพันธุ์ เจริญยิ่ง ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนการเงินส่วนบุคคล ธนาคารกสิกรไทย เล่าให้ฟังว่าส่วนตัวจะจัดพอร์ตลงทุนแบบ Aggressive (เชิงรุก) เพราะเป็นคนยอมรับความเสี่ยงได้สูง โดยจะแบ่งการลงทุนออกเป็น 3 กลุ่ม 30-40% จะลงทุนในตลาดหุ้น 30% ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ที่เหลือจะลงในทองคำและเครื่องประดับ ที่ผ่านมาได้รับผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ

การลงทุนในแบบ Aggressive ส่วนใหญ่จะได้รับผลตอบแทนจากตลาดหุ้นประมาณ 15% อสังหาริมทรัพย์ราวๆ 6% และทองคำเฉลี่ย 15% ส่วนตัวมองว่า ช่วงนี้ไม่เหมาะที่จะลงทุนในพันธบัตร เพราะผลตอบแทนต่ำมาก (ลากเสียงยาว) ปีหน้าก็ไม่ควรลงทุนเช่นกัน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บางครั้ง เด็กขายของ ก็เห็นเพื่อนของเด็กขายของ พูดอยู่ตลอดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย ถือ เงินดอลลาห์สหรัฐไว้เป็นทุนสำรอง

ประเทศ จำนวนมหาศาล เดี๋ยวถ้า US Dollar ด้อยค่า หรือ ถูกลดมูลค่าลงมา เงินบาทไทย จะไร้ค่าตาม เห็นไหมครับ ว่า รับข้อมูล

แค่เบื้องต้นของปัญหา แล้วก็มาพูด ต่อๆ ปากต่อปาก จนอาจจะเป็นปัญหา ต่อตัวเอง ในการมองผิดทิศทางของการลงทุน ซึ่งถ้าได้

รับรู้ หรือ เห็นอีกข่าวหนึ่งที่ต่อเนื่องจาก เหตุการณ์แรก ว่าได้มีการออกมาตราการ มีการปรับปรุง ก็จะเป็นสิ่งที่ดียิ่ง

 

ธปท.ลดถือดอลลาร์ โดยหันมาลงทุนในพันธบัตรจีนแทน เพื่อลดความเสี่ยงของการผันผวน

 

วันนี้ (24 ธ.ค.) นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.อยู่ระหว่างประสานงานทางการจีน

เพื่อนำเงินทุนสำรองไปลงทุนในพันธบัตร หรือหลักทรัพย์ในรูปเงินหยวน ในปี 2554 เพื่อลดความเสี่ยงการผันผวนของค่าเงินดอลลาร์

 

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา ธปท.ได้ลดสัดส่วนเงินสกุลดอลลาร์ในตะกร้าทุนสำรองลง โดยปัจจุบันเหลือสัดส่วนไม่ถึง 50% ของเงินทุนสำรองทั้งหมด

เพื่อลดความเสี่ยง และกระจายการลงทุนมากขึ้น

 

ส่วนการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทในช่วง 2-3 สัปดาห์ถือว่าค่อนข้างมีเสถียรภาพ และในช่วงที่ผ่านมาเงินทุนสำรองก็ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก

 

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มค่าเงินบาทในปี 2554 ยังคงต้องจับตามอง และยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าค่าเงินบาทที่เหมาะสมควรจะอยู่ที่ระดับใด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ข้อเขียนของเด็กขายของที่มาบ่นให้ฟัง ก็อยากเขียนเกริ่นไว้ว่า : การที่จะเชื่ออะไร หรือศรัทธาในตัวบุคคลใดๆ

ที่บอกอะไรแล้วก็เชื่อเขาง่ายๆ ไม่ใช่วิสัยของผู้มีปัญญา และผู้มีปัญญาที่ผู้รู้จริงย่อมก็ไม่ปรารถนาที่จะให้บุคคลอื่นๆ ทั่วไปมาเชื่อ

คำพูดของตนแบบงมงาย ดังนั้น จึงต้องหมั่นเพียรค้นคว้าข้อมูลเพื่อเป็นส่วนประกอบหรือส่วนผสมในการพิจารณา ใช้หนังสือตำรา

อ่านให้เป็น ใช้ข้อมูลอย่างถูกต้องแน่นหนา ถ้ายังไม่ได้เป็นผู้วิเศษ หรือ ผู้หยั่งรู้อนาคต รู้เรื่องราวต่างๆได้เอง รู้เรื่องรายอนาคต

ไม่มีจิตวิเศษที่มองทุกอย่างรู้ชัดรู้แจ้ง ก็ต้องอาศัยการค้นคว้าจาก บุคคลผู้รู้จริงในแขนงนั้นๆ ข่าวสารจากหลายๆแหล่ง เปิดใจดูความจริง

ของโลก ถึงแม้มันจะเหลือเชื่อหรือไม่สามารถจะเกิด หรือ วิบัติในโลกนี้ได้ ในความคิดของเรา การอ่านและค้นคว้าอย่างมีเหตุผล

จะสร้างความเข้าใจเบื้องต้น ความรู้ความเข้าใจจะเกิดจากวิจารณญาณของตนเอง เมื่อเข้าใจเรื่องราวได้ถูกต้องตามจริง

การตัดสินใจจะแม่นยำกว่าการเลือกที่เชื่อหรือไม่เชื่อ อย่างงมงาย เมื่อไม่เลือกที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อแบบงมงาย

ปัญญารู้จะเกิดกับเราได้เอง ผ่านประสบการณ์ที่เราผ่านมาต้วยตัวเอง ขึ้นดอย ลงเหว ก็ต้องเจอด้วยตัวเองผ่านการอ่านคิดวิเคราะห์

เรื่องราวต่างๆด้วยตนเอง

 

จะมีผลดีต่อตัวเอง และ เพื่อนพ้องที่ใกล้ชิด คือ รู้ทันตนเอง รู้ทันโลก รู้ทันคนอื่น ไม่ตกเป็นเหยื่อหรือเป็นเครื่องมือของคนอื่นได้ง่ายๆ

เพราะมีปัญญาเป็นของตนเอง ค่อยๆเจริญสติปัญญาของตนเองไปตามสถานการณ์ ตามความจริงที่รู้แจ้ง หรือ กาลเวลาที่ผ่านไป

แล้วว่า จากคำบอกเล่า มีความเป็นจริงเกิดได้หรือไม่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

"....ปัญญารู้จะเกิดกับเราได้เอง ผ่านประสบการณ์ที่เราผ่านมาต้วยตัวเอง ขึ้นดอย ลงเหว ก็ต้องเจอด้วยตัวเอง...."

 

เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งคะคุณเด็กขายของ5fc0f220.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บ่นเรื่องของตัวเด็กขายของเองดีกว่า : บ่นเรื่องของทองคำ นะ

 

ในส่วนของเด็กขายของ ถ้าคิดว่าจะลงทุนระยะยาว แบบลืมๆ ไปบ้าง และมีคุณค่าทางใจ สามารถเอามาชื่นชม มาดู มาส่อง

มาอวดเพื่อนๆ เวลามาบ้าน ก็จะเก็บสะสมทองคำ ในรูปแบบ ของ พระเครื่องทองคำ, เหรียญที่ระลึกทองคำ หรือไม่ก็ทองรูปพรรณ

ไปเลย ถึงแม้ว่า จะมีค่ากำเหน็จบ้าง 300-400 บาท ต่อบาท ก็ตาม แต่ก็สามารถนำมาสวมใส่ในบางโอกาสบางลีลาได้ อาทิเช่น

เข็มขัดทองคำ, สร้อยคอ เพราะมันเป็นความสุขทางใจเล็กๆ น้อยๆ และ เด็กขายของ ก็ไม่เครียดด้วย ในเวลาที่ ราคาทองตลาดโลก

ลดลง ดิ่งเหว ขนาดไหน ก็ไม่นำมาคิด เพราะถือว่า เป็นสมบัติไว้เชยชม

 

แต่ถ้าเป็นทองคำแท่ง ก้อนหนึ่งก็ 5 บาท มูลค่าก็เกือบแสน ก้อนละ 10 บาท ก็ 196,500 บาท ก้อน 25 บาท ก็เกือบ 5 แสน

มูลค่าแต่ละชิ้นแต่ละแท่งแต่ละก้อน เมื่อราคาทองลดลงทีละ 100 หรือ 200 หรือ 300 เมื่อคูณกลับมาเป็นตัวเงิน ง่ายแสนง่าย

เพราะเรารู้ต้นทุนที่แท้จริง คูณด้วย น้ำหนักทอง เราก็รู้แล้วว่า เป็นอย่างไร ดังนั้น เวลาเด็กขายของ ซื้อ ทองแท่งเมื่อไหร่ ก็

จะมีอาการของ การลงทุนมีความเสี่ยง ทุกครั้ง

 

เด็กขายของ สะสมของผ่านมาหลายรูปแบบ ตั้งแต่ บัตรโทรศัพท์รุ่นแรกขององค์การโทรศัพท์ (ปัจจุบัน โละเป็นของที่ระลึกวันแต่งงาน

ไปหมดแล้ว เพราะไม่มีมูลค่าแล้ว ), ธนบัตรต่างๆ ( เก็บรักษายาก และ การซื้อขาย เปลี่ยนมือ เป็นไปด้วยความลำบาก), พระเครื่อง

(รุ่นใหม่ๆ ที่ออก มีความเสี่ยงสูง ในการเพิ่มมูลค่า ถ้าสนใจ ต้องยอมตัดใจซื้อ พระเครื่องเก่าๆ เกจิอาจารย์ดังๆ ถึงแม้ว่ามูลค่าจะสูง แต่

ก็จะสูงไปเรื่อยๆ ดีกว่า มาลุ้นว่า รุ่นนี้ จะดังจะฮิตไหม ) หรือ แม้แต่ นาฬิกาออโตเมติก ( ต้องย้ำว่า ออโต้ เท่านั้น ใส่ถ่าน มีสายไฟไม่กี่เส้น

ใส่ถ่านให้เครื่องเดิน ก็ไม่มีค่า ) แต่ก็มาแพ้พ่าย หลงใหลไปกับ ทองคำที่ถูกแปรรูปไปในสิ่งที่มี มูลค่าทางจิตใจ หรือ เป็นสิ่งที่สร้างไว้เป็นที่ระลึก

ไม่มีการสร้างเพิ่ม หรือ ผลิตเพิ่ม และต้องมีวัตถุดิบทำจาก ทองคำ และก็จะบอก ลูกว่า สิ่งเหล่านี้ ถือเป็นสมบัติเพื่อครอบครัว

ซึ่งคุณค่า และ มูลค่าของสิ่งนั้นๆ จะเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา และสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เป็นสิ่งที่ ต้องมี ความต้องการซื้อ และ

ความต้องการขาย มาบรรจบกันในสิ่งนั้นๆ ก็จะทำให้เพิ่มมูลค่าเป็นพิเศษ

 

จึงเล่าจึงบ่นมาให้เพื่อนๆ ได้รับเป็นข้อมูลอย่างหนึ่งครับ

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Bank Bailouts Explained

Mike Swanson (02/01/11)

 

 

http://www.wallstreetwindow.com/node/1140

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับ คุณ Zagio และ เพื่อนๆ ที่แวะเข้ามาอ่าน

 

ค่ำคืนนี้ มาบ่นเกี่ยวกับเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจโลกต่างๆ ที่ผ่านมา ว่า แท้จริงแล้ว เกิดจากการที่มีปริมาณสิ่งนั้นๆ มากในระบบ จึงทำให้เกิด

ผลกระทบของการเกิดวิกฤติ หรือ ล้ม หรือ ตกต่ำ ตามมา

 

วิกฤติ Sup-Prime (ลูกหนี้ที่ไม่ดี) ซึ่งสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://ces.in.th/PDF/A_charit.pdf

ซึ่งก็คือการปล่อยกู้เป็นจำนวนเงินมากมายผ่านอนุพันธ์ตราสารที่มีผลตอบแทนที่สูง และเหตุผลที่ผลตอบแทนสูง ก็คือความเสี่ยงสูงที่ตามมา

 

วิกฤติน้ำมัน ก็เกิดจาก ปริมาณ ความต้องการใช้ และ อัตราการผลิต ไม่สมดุล และเกิดจากปั่นราคาขึ้นไปจนสูง เมื่อราคาน้ำมันขึ้นไปจนสูง

มากๆ แล้ว ชาวโลกทุกคนก็จะหันมารณรงค์ให้ประหยัด หรือ หาพลังงานทางเลือกอื่นมาทดแทน เช่น Gasohol หรือ ดีเซล บี 5

ราคาน้ำมันก็ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นและลดลงอย่างรวดเร็ว ปรับตัวขึ้นไปสูงถึง 147 USD/bar. และลดลงเหลือ 33USD/bar.

ภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ผู้คนพากันทยอยซื้อขายน้ำมันในอนาคต (Future Trading) เพื่อไว้เก็งกำไร ด้วยความเชื่อที่ว่า

น้ำมันเป็นสิ่งจำเป็นและมีการใช้อย่างมากเมื่อเศรษฐกิจขยายตัว

ผลลัพธ์กลับออกมาในทางตรงกันข้าม ราคาสินค้ากลับลดลงอย่างกะทันหันตามหลักอุปสงค์

อุปทาน เมื่อคนมีเงินน้อยลง ราคาสินค้าย่อมต้องปรับตัวลงตาม

วิกฤติต้มยำกุ้ง ในประเทศไทย ก็เกิดจากการนำปริมาณเงินจำนวนมากในทุนสำรองระหว่างประเทศ ไปต่อสู้กับ กองทุนระหว่างประเทศ

เพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาท จนเงินทุนสำรอง เกลี้ยงคลัง

การเพิ่มขึ้นของปริมาณของอสังหาริมทรัพย์ ( บ้าน คอนโด ) เป็นจำนวนมาก จน คนก็แห่กันไปกู้เงินเยอะมากขึ้น จนเกิดภาวะฟองสบู่ที่ทุกคนมีเงินในมือ และอสังหาริมทรัพย์ก็มีราคาสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ ทำให้เกิดการเก็งราคาขึ้น ในระยะแรกที่อสังหาริมทรัพย์ยังมีราคาสูงก็ยังไม่มีปัญหา แต่ในช่วงวิกฤตราคาปรับตัวลงกว่าเท่าตัว ทำให้สินเชื่อทั้งหลายกลายเป็นหนี้เสีย (Non-Performing Loan) สุดท้ายก็ล้มระเนระนาด ต้องลดค่าเงินบาท

วกกลับมาที่ ทองคำ ซึ่งบอกกันว่า เป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ป้องกันเงินเฟ้อ หรือ มูลค่าเงินที่ลดลงไปได้ ให้กลับมามีมูลค่ามากกว่าเดิม อยู่เสมอ ใครมี ทองคำ เก็บเอาไว้ เป็นสิ่งที่ปลอดภัย เพราะมีมูลค่าของตัวมันเอง และนับวันจะยิ่งสูงขึ้น สูงขึ้น นักลงทุนทองคำพากันทยอยซื้อขายทองในอนาคต ( Gold Future ) เพื่อไว้เก็งกำไร ด้วยความเชื่อที่ว่า ทองคำเป็นสิ่งจำเป็น และมีการใช้อย่างมากในการป้องกันเงินเฟ้อ หรือ เงินด้อยค่า ถ้าผลลัพธ์กลับออกมาทางตรงกันข้ามราคาทองกลับลดลงอย่างกะทันหันตามหลักอุปสงค์อุปทาน เมื่อคนมีเงินน้อยลง ก็ต้องนำทองออกมาขาย

ถ้าจะเกิด ก็จะมาจากปริมาณ (เพื่อนๆ หลายคน สงสัยว่า ปริมาณมีจำกัดในโลก แล้วเด็กขายของเขียนได้อย่างไร ) ก็เกิดมาจาก Gold Future ไงครับ เพราะปริมาณที่เทรดกันปัจจุบันในโลก โคตรเยอะมาก ( เพื่อนๆ หลายคน สงสัยว่า แล้วทองแท่งจริงๆ ไม่เห็นเกี่ยวกับ Gold Future เลย ) ทุกวันนี้ กราฟราคาทองตลาดโลก ใช้เป็นตัวเลขอ้างอิงราคาทอง กับทุกตลาดทองคำนะครับ ไม่ใช่แยกกันเล่นเป็น 2 ตลาด ดังนั้น กราฟราคาตัวเดียวกัน ใช้ทั้ง Physical Gold และ Paper Gold

ถ้าสักวันหนึ่ง เกิดวิกฤติ......ทองคำ ขึ้น ราคาดิ่งลงทีเดียวเยอะมาก อย่าหวังแต่จะตั้งตัวรีบไปขายก่อนเลยครับ ไม่ทันเหตุการณ์แน่ๆ เพราะเหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

เพราะเทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์ (Computer Technology) และการติดต่อสื่อสารไร้พรมแดน (Globalization)การขยายตัวของเทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์ทำให้การติดต่อสื่อสารในโลก เป็นไปได้เร็วมาก ข้อมูลและเงินตราสามารถเปลี่ยนถ่ายได้อย่างรวดเร็วและไร้ขีดจำกัด

ในตลาดหุ้นและตลาดการเงิน เวลาจะเทขายหุ้นสามารถทำได้ทีละเยอะๆเพียงกดครั้งเดียว (เช่นเดียวกันกับตลาดน้ำมันและตลาดทองคำ) เกิดผลกระทบแย่งกันซื้อและแห่กันขาย เมื่อตัวเลขซื้อขายสามารถประมวลผลราคาซื้อขายและปริมาณซื้อขายอย่างรวดเร็วเป็นวินาที

ผลลัพธ์ที่จะนักลงทุนจะพบ......

 

 

 

ถูกแก้ไข โดย เด็กขายของ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วิกฤติฟองสบู่ คือ อะไร

 

ในความคิดของเด็กขายของ ขายของเร่ไปเรื่อยๆ ที่มีถนนหนทาง ก็ต้องคิดและมองอย่างพื้นๆ ชาวบ้าน คงไม่ใช่นักวิชาการสักเท่าไหร่

ก็ทนๆ อ่านหน่อยนะครับ อุตสาห์เขียน

 

เด็กขายของคงจะให้ความหมายของคำว่า ฟองสบู่ ว่าเป็นภาวะ "เว่อร์ๆ" ของ ราคาทองคำในตลาดที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะเจาะจง

เออ แล้วเมื่อไหร่ล่ะ ที่คิดว่า ราคาทองคำตลาดโลกได้ " เว่อร์ " ใกล้ถึงจุดที่เริ่มเกิด "บุ๋มๆ ผุดๆๆพุ่ย" แล้ว ความยากก็อยู่ตรงนี้แหละ

และอาจจะสับสนลังเลมากขึ้นไปอีก เป็นระยะ หรือ เป็นช่วงๆ ว่า มันจะเอายังไงของมันว่ะ Sideway ออกหัวหรือก้อย ออกบนหรือล่าง

เพราะลีลาท่าทางช่วงเวลา มันแตกดัง บึ้ม แทบจะเหมือน "แผ่นดินไหว" แบบไหนแบบนั้น อยากมาก็มา ทันทีทันใด ตามยุคสมัย

เทคโนโลยี่คอมพิวเตอร์ กดคำสั่งซื้อขาย ประมวลผลเป็นวินาที

 

เรื่องฟองสบู่ "แตก" กองทุนต่างประเทศทั้งหลายที่เป็นขาใหญ่ๆ ที่ทำการ ซื้อและขายกันในตลาดทุนทั้งหมด "ชอบการพนัน "

เพราะฉะนั้นฟองสบู่ ของ ทองคำ หากจะเกิดก็มักจะต้องเกิดควบคู่กับการ "เก็งกำไร" ด้วยเช่นกัน ฉะนั้นให้ดูให้ดีว่า

ผีพนันเริ่มเข้าสิงตลาดทองหรือยัง หากเริ่มสิงกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันเมื่อไหร่ ก็เตรียม " นับถอยหลัง " กันได้

 

นักลงทุนที่เกี่ยวกับเงินทุน จะมีนิสัย " ตามแห่ หรือ ไทยมุง " ซ.ต.พ. ฟองสบู่ ทองคำ อาจจะเริ่มเข้าสู่จุด " บุ๋มๆ ผุดๆๆพุ่ย ของฟอง "

ก็เมื่อผู้คนเริ่มรู้สึกว่า ทองคำ ดีที่สุด ดีกว่าอะไร เป็นตัวแทนของอนาคต อนาคตสดใส ทุกคนก็แห่ตามกันไป กลายเป็น "จิตวิทยามวลชน"

ที่ชักนำแมงเม่าเข้าสู่กองไฟ เมื่อนั้นก็คือ "จุดแตกดังโพละ"ของฟองสบู่นั่นเอง

 

เด็กขายของ คาดว่า เริ่มปีใหม่ปีนี้ จนถึงตอนนี้ ส่วนใหญ่ยังไม่ "หลงใหลได้ปลื้ม " หรืออาจ " ผิดหวัง " นักลงทุนทองคำบางคน

ในตลาดทองคำ อย่างเด็กข่ายของ คงได้ฉายาว่า " แมงเม่าปีกแข็ง " (อย่างน้อยก็แข็งขึ้นกว่าเมื่อต้นปีที่แล้ว!)

 

และด้วยเหตุนี้ ฟองสบู่จึงคงยังไม่แตกในเร็วๆ นี้ แต่ที่ เด็กขายของ ข้องใจเป็นอย่างมาก ค่าเงินบาท ที่ผันผวนมากๆ อาทิตย์นี้แข็ง อีก

อาทิตย์หนึ่งอ่อน ตอนเช้าอ่อน ตอนบ่ายแข็ง ขาดเสถียรภาพเป็นอย่างมาก จากสภาพความเป็นจริงของประเทศไทย และตามท้องถนน

ที่เด็กขายของเร่ขายของจนได้สัมผัสมาในช่วง อาทิตย์ที่ผ่านมา ช่วงหวยออก สื่อหนังสือพิมพ์ลงแนวทางเดียวกันหมด ในขณะที่

ตัวเลขสลับกันแล้วนะ อย่างนี้ เด็กขายของ คาดและคิดว่า " วิญญาณนักพนัน " ของพี่ไทยเริ่มกลับมา ฮึกเฮิม ฮึ่มๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...