ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ilovecgf

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ

โพสต์แนะนำ

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 9 ธันวาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,705 1,700 แนวต้านที่ 1,725 1,735 1,755 ภาพกราฟราย 240 นาที มีแรงซื้อที่บริเวณ 1,700 แนะนำทยอยสะสม เมื่อราคาอ่อนตัวที่บริเวณแนวรับ 1,705 1,700 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,725 1,735 1,755 Trading ในกรอบ 1,700 – 1,755

รอสรุปผลประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 9 ธ.ค. อยู่ที่ 1,713.95 USD ต่อออนซ์ เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,703 – 1,714 USD ต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับตัวลดลงเล็กน้อยในช่วงเช้าก่อนที่จะมีแรงซื้อเข้ามาในช่วงบ่าย เช่นเดียวกับตลาดหุ้นเอเชีย และตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวลดลงประมาณ 1 – 2 % เนื่องจากการที่เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ECB ลดดอกเบี้ย 0.25 % โดยดอกเบี้ยลดลงไปที่ระดับ 1.0 % ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของยูโรโซน โดยประธานอีซีบีได้สร้างความผิดหวังให้แก่ตลาด จากการที่ ECB จะไม่ปรับเพิ่มปริมาณการซื้อพันธบัตรในเร็วๆนี้ โดยกล่าวว่า "แนวโน้มยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนในระดับสูงและเผชิญกับความเสี่ยงช่วงขาลงครั้งใหญ่" ซึ่งตัวเลขคาดการณ์ใหม่ของ ECB ระบุว่า GDP ของยูโรโซนอาจหดตัวลงไม่เกิน 0.4 % ในปีหน้า แต่ก็มีความเป็นไปได้เช่นกันที่ GDP อาจเติบโตขึ้น 0.1 % ในปีหน้า มีการคาดการณ์กันว่า อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนอาจอยู่ที่ 1.5-2.5 %ในปีหน้า โดย ECB ตั้งเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อไว้ที่ระดับต่ำกว่า 2 % เล็กน้อย อย่างไรก็ตามนักลงทุนกำลังจับตาผลการประชุมสุดยอดของผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ในวันนี้ (9 ธ.ค.) ถ้ามีมาตรการแก้ไขปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรปที่ชัดเจน จะส่งผลบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงทองคำ คาดว่าถ้าราคาทองคำยืนเหนือ 1,700 – 1,710 ได้มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อได้ สำหรับประเด็นอื่นๆที่น่าติดตาม ได้แก่

 

มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ของธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์, โซซิเอเต้ เจเนอราล และเครดิต อะกริโคล ของประเทศฝรั่งเศสในวันนี้ โดยระบุว่าความน่าเชื่อถือของธนาคารดังกล่าวได้รับผลกระทบจากสภาวะการดำเนินงานที่เปราะบางสำหรับธนาคารในยุโรป ทั้งนี้ มูดี้ส์ลดอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้ระยะยาวของบีเอ็นพีและเครดิต อะกริโคลลง 1 ขั้น สู่ระดับ Aa3 โดยเป็นการสรุปผลการทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้เริ่มขึ้นในเดือนมิ.ย. และต่อเนื่องในเดือนก.ย. และได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้ระยะยาวของโซซิเอเต้เจเนอราลลง 1 ขั้น สู่ระดับ A1

สำนักงานสถิติรัฐบาลกลางเยอรมนีเปิดเผยว่า ยอดส่งออกของเยอรมนีลดลงมากที่สุดในรอบครึ่งปีในเดือนต.ค. ส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าลดลงอย่างมาก ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจเยอรมนีชะลอตัวลงในไตรมาส 4 ทั้งนี้ ยอดเกินดุลการค้าที่ปรับค่าตามฤดูกาลลดลงสู่ 1.26 หมื่นล้านยูโร จาก 1.51 หมื่นล้านยูโรในเดือนก.ย. ขณะที่โพลล์รอยเตอร์คาดไว้ที่ 1.43 หมื่นล้านยูโร การส่งออกลดลง 3.6% จากเดือนก.ย. ซึ่งเป็นอัตราการลดลงมากที่สุด นับตั้งแต่เดือนเม.ย. ขณะที่การสำรวจคาดว่าจะลดลง 1% ส่วนการนำเข้าหดตัวลงมากที่สุดในรอบ 6 เดือนเช่นกัน โดยลดลง 1.0% ขณะที่โพลล์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5%

 

สำนักงานการธนาคารยุโรป (EBA) ระบุว่า ธนาคารพาณิชย์ในยุโรป จำเป็นต้องเพิ่มทุน 1.147 แสนล้านยูโร เพื่อทำให้ธนาคารมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะรับมือกับวิกฤติหนี้ยูโรโซน และเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยระดับการเพิ่มทุนดังกล่าวสูงกว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้เมื่อสองเดือนก่อน EBA ระบุว่า ระดับการขาดแคลนเงินทุนในธนาคาร 71 แห่งที่เข้ารับการทดสอบในครั้งนี้ เพิ่มขึ้นเกือบ 8 % จากระดับ 1.064 แสนล้านยูโร (1.42 แสนล้านดอลลาร์) ที่เคยประเมินไว้ในเดือนต.ค. โดย EBA ระบุว่าธนาคาร ในเยอรมนี, อิตาลี, ออสเตรีย และเบลเยียมต้องระดมเงินสดมากยิ่งขึ้น

ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) รายงานข้อมูลเกี่ยวกับวงเงินเสริมสภาพคล่องว่า ตัวเลขการขอกู้เงินฉุกเฉินประเภทข้ามคืนของธนาคารพาณิชย์พุ่งขึ้นสู่ระดับ 9,360 ล้านยูโร ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค. อีซีบีได้ดำเนินโครงการซื้อพันธบัตร covered bond มูลค่า 6.0 หมื่นล้านยูโรที่ดำเนินเป็นปีแรกแล้วเสร็จในเดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว อีซีบีได้เริ่มโครงการซื้อพันธบัตรครั้งที่ 2 คิดเป็นมูลค่า 4.0 หมื่นล้านยูโร ในช่วงต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่

1. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนต.ค. ในวันนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย

2. รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนธ.ค.ในวันนี้เวลา 21.55 น.ตามเวลาไทย

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,705 1,700 แนวต้านที่ 1,725 1,735 1,755 ภาพกราฟราย 240 นาที มีแรงซื้อที่บริเวณ 1,700 แนะนำทยอยสะสม เมื่อราคาอ่อนตัวที่บริเวณ

แนวรับ 1,705 1,700 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,725 1,735 1,755 Trading ในกรอบ 1,700 – 1,755

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 31.0 30.4 แนวต้านที่ 32.5 33.2 ภาพกราฟราย 240 นาที ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 30.4 – 33.2 แนะนำ Trading ในกรอบ

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

https://plus.google.com/?gpcaz=d6206a6b#114919553661509313835/posts

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 13 ธันวาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

ราคาทองคำปิดลดลง 56.5 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,660.30 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับลดลงแรงจากแรงขายทำกำไรเมื่อหลุดแนวรับสำคัญบริเวณ 1,700 เมื่อนักลงทุนไม่มั่นใจในการประสานนโยบายการคลังของยุโรปจะแก้ไขปัญหาหนี้ของยุโรปได้

o ราคาทองคำปิดลดลง 56.5 USDต่อออนซ์จากราคาปิดเมื่อวันศุกร์ โดยมีความเคลื่อนไหวในระหว่าง 1,660.30 – 1,718.60 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับลดลงแรงที่สุดในรอบ 3 เดือนถึง 3.29% จากแรงขายทางเทคนิคเมื่อหลุดแนวรับสำคัญ 1,700 นอกจากนี้ค่าเงินยูโรที่อ่อนค่าลง ทำให้เงิน USD แข็งค่าขึ้น นักลงทุนขายทองคำเพื่อชดเชยการขาดทุนในตลาดหุ้น เนื่องจากไม่มั่นใจในการถือสินทรัพย์เสี่ยง โดยหันไปถือเงินสด ทำให้ทั้งราคาหุ้นและดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับลดลงแรง

o ราคาทองคำหลุดกรอบแนวรับของลักษณะ price pattern ที่เป็นสามเหลี่ยม ทำให้ปรับตัวลดลงแรง โดยมีเป้าหมายในการปรับลดอยู่ที่บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันบริเวณ 1,620 โดยมีกรอบแนวต้านสำคัญบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 34 วันบริเวณ 1,730 ส่วนแนวรับในวันนี้คาดว่าที่บริเวณ 1,630/1,620 และมีแนวต้านในระดับวันที่บริเวณ 1,680 นักลงทุนที่ปิดสถานะ Long ป้องกันความเสี่ยงเมื่อหลุด 1,700 ไปแล้ว แนะนำ รอให้ราคา rebound บริเวณแนวต้าน 1,680 / 1,700 แล้วเปิด Short โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,620

 

o ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปรับลดลง 162.87 จุดปิดที่ 12,021.30 จุด ในขณะที่การซื้อขายเบาบาง เมื่อผู้นำยุโรปไม่ได้ดำเนินการมากพอในการรับมือกับปัญหาหนี้ของยุโรป

o ราคาน้ำมันปิดลดลง 1.64 USDต่อบาร์เรล เมื่อนักลงทุนกังวลว่ามาตรการรัดเข็มขัด จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตช้าลง

o ค่าเงินยูโรร่วงลงหนักสุดในรอบ 2 เดือน เมื่อผู้นำยุโรปไม่ได้ดำเนินการมากพอในการรับมือกับปัญหาหนี้ของยุโรป โดยในช่วงเช้าวันนี้เคลื่อนไหวระหว่าง 1.316 – 1.317 USDต่อยูโร ดัชนีค่าเงิน USD แข็งคาขึ้นมาที่ระดับ 79.59

o ที่ประชุมอียู (9 ธ.ค.) มีมติให้มีการใช้บทบัญญัติทางการคลังฉบับใหม่ โดยกำหนดว่าประเทศสมาชิกควรมียอดขาดดุลงบประมาณต่อปีไม่เกิน 0.5% ของจีดีพี

o ธนาคารกลางเยอรมนีปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของจีดีพีปี 2555 ลงมาอยู่ที่ระดับ 0.6% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 1.8%

o รายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันอังคารยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค. FED ประกาศมติการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ย วันพุธ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย.ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันพฤหัสบดี ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย.ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม(Empire State Index) เดือนธ.ค.ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 3/2011จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ เงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของต่างชาติเดือนต.ค. การผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิตเดือนพ.ย.ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนธ.ค. วันศุกร์ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.

o ราคาโลหะเงินปิดลดลง 0.54 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 31.00 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 30.92 – 32.30 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,769.12ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 31.5/ 32.0 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 30.6 / 30.5 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 30.5 – 32.0 USDต่อออนซ์

o SPDR ขายทองคำออก 1.01 ตันถือทองคำจำนวน 1,294.80 ตัน

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,600 – 1,730 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,600 – 1,730

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,600 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

https://plus.google.com/?gpcaz=d6206a6b#114919553661509313835/posts

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สัมมนาพิเศษ ส่งท้ายปี กับ กลุ่มบริษัท คลาสสิก โกลด์ "เจาะเทคนิคลงทุนทองชั้นเซียน พร้อมรับปีมังกรทองพ่นไฟ"

ในงาน Thailand Smart Money 2011-2012

วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม 54 เวลา 14.00-16.00 น. ห้อง Meeting room 2 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

หรือ www.classicgoldfutures.co.th

_ThailandSmart01.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โปรโมชั่นเด็ด !!! ส่งท้ายปลายปี กับ ในงาน Thailand Smart Money 2011-2012 กับ กลุ่ม บริษัท คลาสสิก โกลด์ จำกัด

บูธ V (Plenary Hall) ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์

ไม่ว่าจะเปิดบัญชีทองแท่ง,Gold Futures,Silver Futures,Gold ETF

มีสิทธิ์ ลุ้นรางวัล ทั้ง จี้ทองคำแท้ สุดคลาสสิ๊ก คลาสสิก หรือ Gift Voucher และตั๋วชมภาพยนตร์ในเครือ เมเจอร์

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

หรือ www.classicgoldfutures.co.th

Promotion_ThailandSmart-02.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 13 ธันวาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,630, 1,620 แนวต้านที่ 1,680, 1,700, 1,730 ภาพกราฟรายวัน พบแรงขายต่อเนื่องหลังจากหลุดบริเวณ 1,700 แนะนำรอให้ราคา rebound บริเวณแนวต้าน 1,680, 1,700 แล้วเปิด Short โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,620

Rebound เพื่อลงต่อ

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 13 ธ.ค. อยู่ที่บริเวณ 1,654 USD ต่อออนซ์ เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,651– 1,663 USD ต่อออนซ์ ราคาทองคำมีแนวโน้มจะ rebound ขึ้นได้หลังจากปรับตัวลดลงแรงในวันจันทร์ถึง 48.60 USDต่อออนซ์ ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงแรงหลังจากหลุดกรอบแนวรับของ price pattern ที่เป็นรูปสามเหลี่ยม แสดงถึงการ break ลง โดยมีแนวรับสำคัญถัดไปที่บริเวณ 1,650 / 1,620 โดยคาดว่าการ rebound อาจเกิดขึ้นได้ แต่ในที่สุดราคาทองคำจะปรับตัวลดลงต่อ เนื่องจากค่าเงิน USD มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ส่วนราคาทองคำ และตลาดหุ้นในช่วงนี้มีทิศทางไปในทางเดียวกัน โดยนักลงทุนไม่มั่นใจในการแก้ปัญหาหนี้ของยุโรป แม้ว่าจะมีการใช้กองทุนถาวร ESM จำนวน 5 แสนล้านยูโร เริ่มต้นในปี 2555 เร็วขึ้นจากเดิม 1 ปี โดยกำหนดว่าจะเปิดใช้ ESM ในเดือนก.ค. 2555 ส่วนกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) จะยังคงดำเนินงานต่อไปจนถึงกลางปี 2556 แต่การที่ไม่ให้กองทุน ESM สามารถประกอบธุรกิจธนาคารได้ ทำให้ไม่มีสิทธิได้รับการกู้ยืมเงินจากธนาคารกลางยุโรป ทำให้นักลงทุนผิดหวัง และสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ 3 แห่งได้แก่ มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส, ฟิทช์ เรทติงส์ และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ได้แสดงมุมมองในด้านลบต่อผลการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) โดยมูดีส์ประกาศว่าจะทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของ 27 ประเทศสมาชิกอียูในช่วงไตรมาสแรกของปี 2555 หลังจากผู้นำอียู "แทบจะไม่ได้ประกาศใช้มาตรการใหม่ๆ" ในการแก้ไขวิกฤตหนี้ยุโรป ในการประชุมครั้งนี้

ส่วนด้านเศรษฐกิจสหรํฐ ตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศมีแนวโน้มดีขึ้นเกินคาดจาก จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ที่ปรับลดลงถึง 23,000 ราย ดัชนีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น 67.7 ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ คาดว่าส่วนใหญ่จะออกมาดี ทำให้ค่าเงิน USD มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นกดดันราคาทองคำ ในขณะที่ทางด้านยุโรป เงินยูโรอ่อนค่าลงมาก หลังจากที่นักลงทุนผิดหวังจากผลการประชุมผู้นำยุโรป และการประกาศปรับลดการคาดการณ์ GDP ในปี 2555 ของเยอรมันปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 0.6% จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 1.8% เนื่องจากเศรษฐกิจเยอรมันได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตหนี้ของยุโรป ส่วนมาตรการรัดเข็มขัดที่มีข้อตกลงร่วมกันไม่ให้มีการขาดดุลงบประมาณต่อปีเกิน 0.5% ของ GDP อาจทำให้เศรษฐกิจของประเทศที่มีปัญหาชะลอตัวอย่างรุนแรง

ผลการสำรวจการจ้างงานของบริษัทแมนเพาเวอร์กรุ๊ป พบว่า การจ้างงานในอังกฤษลดลงต่ำสุดในรอบ 3 ปี ลงมาสู่ระดับ 0% ในไตรมาสที่ 1 / 2555 ซึ่งปรับลดลงจาก +1% ในไตรมาสที่ 4/2554 ส่วนการจ้างงานในประเทศเศรษฐกิจชั้นนำอื่นๆมีแนวโน้มลดลงเช่นกัน

 

การประชุมโอเปคที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 ธ.ค. มีการคาดการณ์กันว่าจะกำหนดปริมาณการผลิตน้ำมันที่ 30 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้โอเปกจะจัดการประชุมในการกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันในปี 2555 ซึ่งเป็นปีที่เศรษฐกิจโลกอาจเติบโตอย่างเฉื่อยชา และส่งผลกระทบต่อปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและราคาน้ำมันดิบเบรนท์อาจดิ่งลงต่ำกว่า 107 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรลในปัจจุบัน

นักลงทุนจับตาการแถลงการณ์เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ และการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าจะไม่มี QE3 เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มมีสัญญาณดีขึ้น และธนาคารกลางสหรัฐคงใช้มาตราการอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปจนกระทั่งถึงกลางปี 2556 การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่คาดว่าจะออกมาดี อาจทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจในการลงทุนในตลาดหุ้น และตลาดทองคำ ซึ่งอาจมีผลทำให้ทั้งราคาหุ้น และราคาทองคำ สามารถ rebound ขึ้นได้ โดยฝ่ายวิจัยคาดว่า แนวต้านของราคาทองคำอยู่ที่บริเวณ 1,680/1,700 USDต่อออนซ์ นักลงทุนที่ไม่มีสถานะ แนะนำให้เปิด สถานะ Short ช่วง rebound ขึ้น โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,640 / 1,620 USDต่อออนซ์ แต่ถ้าราคายืนเหนือ 1,710 – 1,713 ได้ให้ปิดสถานะ short ป้องกันความเสี่ยง

การประชุม และตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่

1. ยอดค้าปลีกเดือน พ.ย.วันที่ 13 ธ.ค.เวลา 20.30 น.

2. ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ วันที่ 14 ธ.ค. เวลา 02.15 น.

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,630, 1,620 แนวต้านที่ 1,680, 1,700, 1,730 ภาพกราฟรายวัน พบแรงขายต่อเนื่องหลังจากหลุดบริเวณ 1,700 แนะนำรอให้ราคา rebound บริเวณแนวต้าน 1,680, 1,700 แล้วเปิด Short โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,620

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 30.6 แนวต้านที่ 32.0 แนะนำ Trading ในกรอบ 30.5 – 32.0 USDต่อออนซ์

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

https://plus.google....509313835/posts

ถูกแก้ไข โดย ilovecgf

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 14 ธันวาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดลดลง 5.10 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,663.10 USDต่อออนซ์ แต่ในช่วงเช้าวันนี้ปรับตัวลดลงมาเคลื่อนไหวบริเวณ 1,637 USDต่อออนซ์ หลังจากที่ขึ้นไปแตะบริเวณแนวต้านบริเวณ 1,680 จากนั้นมีแรงขายทำกำไร เนื่องจากเฟดไม่มีมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติม

o ราคาทองคำในตลาด COMEX มีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,625.50 – 1,681.70 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำเปิดตลาดบริเวณ 1,664 แล้วขึ้นไปทำ high ระหว่างวันบริเวณ 1,677 จากนั้นมีแรงขายทำกำไร เมื่อเฟดไม่มีมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติม และยังกล่าวถึงเศรษฐกิจสหรัฐว่าได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้ของยูโรโซน หลังจากตลาด COMEX ปิดแล้วราคาได้ปรับตัวลดลงต่อโดยมาทำ low ในช่วงเช้าวันนี้บริเวณ 1,620 จากนั้นได้ rebound ขึ้นมาที่บริเวณ 1,637 คาดว่าราคามีโอกาส rebound ขึ้นต่อโดยมีแนวต้านแรกบริเวณ 1,655 และถัดไปบริเวณ 1,677 แต่จะมีแรงขายทำกำไรเมื่อถึงแนวต้านอีกครั้ง โดยภาพทางเทคนิคในรายวันแสดงถึงความอ่อนแอของราคา โดย MACD ติดลบเพิ่มขึ้น คาดว่าวันนี้มีแนวรับบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันบริเวณ 1,617 เป็นแนวรับแรก และถัดไปบริเวณ 1,600 คำแนะนำ นักลงทุนที่มีสถานะ Short ปิดทำกำไร และรอ rebound ขึ้นบริเวณแนวต้าน 1,655/1,666 เปิด Short อีกโดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,617/1,600

o ภาพการฟทางเทคนิคในระยะกลางดูจาก กราฟในรายสัปดาห์ ราคาหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 34 สัปดาห์ แสดงทิศทางการเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาลงในระยะกลาง โดยมีแนวรับในระยะกลางบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 50 บริเวณ 1,574 และกรอบล่างของเส้น trend line บริเวณ 1,530 แต่ถ้าหากเกิดวิกฤตหนี้ยุโรปรุนแรงและลุกลามไปสู่สถาบันการเงินชั้นนำต่างๆ สภาพคล่องตึงตัวมาก อาจลงไปทดสอบแนวรับบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 75 สัปดาห์บริเวณ 1,473 นักลงทุนระยะกลาง เน้นการเปิด Short เมื่อราคา rebound ขึ้นสู่แนวต้านในแต่ละรอบ ส่วนนักลงทุนระยะยาวปิด Long ป้องกันความเสี่ยง

o ความผันผวนของราคาทองคำในช่วงนี้มีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกับสินทรัพย์เสี่ยง แต่ในช่วงนี้มีการปรับตัวลดลงแรงกว่าตลาดหุ้น คาดว่า นักลงทุนขายทำกำไรทั้งในตลาดหุ้นและตลาดทองคำก่อนช่วงหยุดยาวในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ และพักเงินในพันธบัตรสหรัฐและถือเงินสด หรืออาจลงทุนในตลาดน้ำมันแทน

o ปัจจัยลบของราคาทองคำในช่วงนี้ ได้แก่ ตัวเลขยอดค้าปลีกขอวสหรัฐออกมาน่าผิดหวังโดยลดลงมากกว่าคาด และการแถลงการณ์ของเฟดเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้ยูโรโซน นอกจากนี้นายเดนิส การ์ทแมน Trader ชื่อดังได้กล่าวว่าเขาปิดสถานะการลงทุนในทองคำหมดแล้ว และตลาดทองคำจะเข้าสู่ภาวะ bearish

o ค่าเงินยูโรร่วงลงหนักมาอยู่ที่ระดับ 1.30 USDต่อยูโร ดัชนีค่าเงิน USD แข็งคาขึ้นมาที่ระดับ 80.30 แข็งค่ามากที่สุดในรอบ 11 เดือน

o ราคาน้ำมันดิบ Nymex ปิดเพิ่มขึ้น 2.37 USDต่อบาร์เรลปิดที่ 100.14 USDต่อบาร์เรล จากความตึงเครียดระหว่างชาติตะวันตกกับอิหร่าน เมื่อนักลงทุนกังวลว่ามาตรการรัดเข็มขัด จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตช้าลง

o รายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันพุธ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย.ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันพฤหัสบดี ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย.ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม(Empire State Index) เดือนธ.ค.ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 3/2011จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ เงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของต่างชาติเดือนต.ค. การผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิตเดือนพ.ย.ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนธ.ค. วันศุกร์ ดัชนีราคาผู้บริโภค เดือนพ.ย.

o ราคาโลหะเงินปิดเพิ่มขึ้น 0.26USDต่อออนซ์ ปิดที่ 31.26 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 30.46 – 32.04 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,769.12ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 31.5/ 32.0 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 30.3 / 30.0 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 30.0 – 32.0 USDต่อออนซ์

o SPDR ถือทองคำจำนวนเท่าเดิม 1,294.80 ตัน

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

https://plus.google.com/?gpcaz=d6206a6b#114919553661509313835/posts

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 14 ธันวาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,617/1,600 แนวต้านที่ 1,655/1,666 ภาพกราฟรายวัน พบแรงขายต่อเนื่อง จนราคาลงมาแตะเส้น MA 200 วัน คาดว่าราคาจะ rebound กลับขึ้นมาบริเวณแนวต้าน 1,655/1,666 และมีแนวโน้มอ่อนตัวลงต่อ แนะนำเปิด Short เมื่อราคา rebound ขึ้นบริเวณแนวต้าน โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณแนวรับ

ภาพทางเทคนิคยังคงส่งสัญญาณลบ

 

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 14 ธ.ค. อยู่ที่บริเวณ 1,639.51 USD ต่อออนซ์ เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,635 – 1,641 USD ต่อออนซ์ ราคาทองคำ Rebound ขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากร่วงลงไปแรงต่อเนื่องจากวานก่อน จนต่ำสุดที่ 1,622 เมื่อคืนวานนี้ ทั้งนี้ยังได้รับปัจจัยลบจากความวิตกเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ หลังจากผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป และอียู ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (8 – 9 ธ.ค.) ไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นว่ามาตราการที่ออกมาช่วยผ่อนคลายวิกฤตหนี้เท่าทีควร ประกอบกับนายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้ออกมาคัดค้านการเพิ่มทุนทรัพย์ให้กับกองทุนยุโรป ส่งผลกดดันค่าเงินยูโรให้อ่อนตัวลงต่อเนื่อง และเมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ออกมาตรการใหม่ๆเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมเตือนว่า ภาวะปั่นป่วนในยุโรปเป็นความเสี่ยงที่สำคัญต่อเศรษฐกิจของสหรัฐ ส่งผลกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ รวมถึงทองคำด้วย ทั้งนี้ คาดว่า ราคาทองคำมีแนวโน้ม Rebound ไปแตะบริเวณ 1,655/1,666 และอาจมีแรงขายทำกำไรทำให้อ่อนตัวลงมาอีกครั้ง โดยหากหลุดเส้น MA 200 ที่บริเวณ 1,620 มีแนวโน้มเปลี่ยนเป็นขาลง

สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ระบุว่า พันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ธนาคารจำนวนมาก กำลังเผชิญความเสี่ยงจากการถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ โดยเป็นผลจากประกาศเตือนของ S&P ในช่วงก่อนหน้านี้ที่ว่า S&P อาจปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศสมาชิกยูโรโซน 15 จาก 17 เนื่องจาก กิจการในสองภาคนี้กระจุกตัวอยู่ในยุโรป ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลยุโรป 25 รายการและธนาคารยุโรป 42 แห่งมีชื่ออยู่ในรายชื่อตราสารหนี้ที่อาจปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ

เฟด ไม่ได้ประกาศมาตรการใหม่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อวานนี้ (13 ธ.ค.) เนื่องจากอัตราการว่างงานในสหรัฐได้ลดลงสู่ระดับ 8.6 % ในเดือนพ.ย. และมีการปรับทบทวนตัวเลขคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐประจำ ไตรมาส 4 ให้สูงขึ้นจากเดิม ดังนั้นแถลงการณ์ล่าสุดของเฟดจึงมุ่งเป้าไปยังปัญหา ในระดับโลก โดยเฉพาะในยุโรป อย่างไรก็ตาม แม้เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าเฟดจะกลับไปใช้มาตรการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในปริมาณมากอีกครั้งเหมือนอย่างที่นักวิเคราะห์บางรายเคยคาดการณ์กันไว้โดยปัจจัยเหล่านี้ บ่งชี้ว่าเฟดอาจจะปรับเปลี่ยนนโยบายเพียงเล็กน้อยในช่วงก่อนถึงกลางปี 2013 ซึ่งเป็นช่วงที่ภาระผูกพันของเฟดในการตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับใกล้ 0 % หมดอายุลง

กองทุนไอเอ็มเอฟ คาดว่าเศรษฐกิจกรีซอาจหดตัวลงในปีหน้าในระดับที่รุนแรงกว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้ โดยคาดว่า จีดีพี ของกรีซ จะหดตัวลง 6 % จากเดิมที่ 5.5 % เนื่องจากอุปสงค์ต่างประเทศอยู่ในภาวะที่ไม่น่าพึงพอใจมากยิ่งขึ้น,สินเชื่อธนาคารหดตัวลง และกรีซดำเนินการอย่างล่าช้าในการปฏิรูปเพื่อส่งเสริมความเชื่อมั่นของนักลงทุน อย่างไรก็ตามยังคงคาดการณ์ในทางบวกว่า การบรรลุข้อตกลงกับภาคเอกชนที่ถือครองพันธบัตรรัฐบาลกรีซจะช่วยให้กรีซมีความสามารถในการชำระหนี้อย่างยั่งยืน ขณะที่ ไอเอ็มเอฟ ปล่อยเงินช่วยเหลือวงเงิน 2.2 พันล้านยูโร (3 พันล้านดอลลาร์) ในสัปดาห์ที่แล้ว

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีปรับตัวขึ้นเมื่อวานนี้ (13 ธ.ค.) ขณะที่นักลงทุนมีความกังวลต่อความเป็นไปได้ในการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศสมาชิกยูโรโซน ก่อนที่อิตาลีจะเสนอขายพันธบัตรประเภท 5 ปีในวันนี้ (14 ธ.ค.) ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอิตาลีประเภท 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดของเมื่อวานนี้ที่ 6.78 % และนักวิเคราะห์คาดว่าอัตราดังกล่าวอาจจะทะยานขึ้นสู่7 % ในเร็วๆนี้ โดยขึ้นอยู่กับว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะเข้าซื้อพันธบัตรในปริมาณมากเพียงใด ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอิตาลีประเภท 5 ปีอยู่ที่ราว6.86 %

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่

- 20.30 น. กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย.

- 23.00 น. สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) เปิดเผย ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,617/1,600 แนวต้านที่ 1,655/1,666 ภาพกราฟรายวัน พบแรงขายต่อเนื่อง จนราคาลงมาแตะเส้น MA 200 วัน คาดว่าราคาจะ rebound กลับขึ้นมาบริเวณแนวต้าน 1,655/1,666 และมีแนวโน้มอ่อนตัวลงต่อ แนะนำเปิด Short เมื่อราคา rebound ขึ้นบริเวณแนวต้าน โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณแนวรับ

++ ราคาโลหะเงินมีแนวต้านบริเวณ 31.5/ 32.0 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 30.3 / 30.0 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 30.0 – 32.0 USDต่อออนซ์

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

https://plus.google.com/?gpcaz=d6206a6b#114919553661509313835/posts

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 15 ธันวาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดลดลง 76.20 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,586.90 USDต่อออนซ์ ในช่วงเช้าวันนี้ปรับตัวลดลงมาเคลื่อนไหวบริเวณ 1,576 USDต่อออนซ์ จากแรงขายทางเทคนิคเมื่อหลุดเส้น MA 200 วัน ทำให้ราคาปรับตัวลดลงแรง

o ราคาทองคำในตลาด COMEX มีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,565.70 – 1,645.80 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำเปิดตลาดบริเวณ 1,631 จากนั้นปรับตัวลดลงแรงเมื่อหลุดเส้น MA 200 วัน แสดงถึงการเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาลงในระยะกลางอย่างชัดเจน การขายทำกำไรเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้เป็นผลจากการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปแทบไม่มีมาตรการในการแก้ปัญหาหนี้ของยุโรป ประกอบกับเฟดไม่มีมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติม และยังกล่าวถึงเศรษฐกิจสหรัฐว่าได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้ของยูโรโซน เมื่อวานนี้ราคาแทบไม่มีการ rebound ได้เลย ส่วนการปรับตัวลดลงในครั้งนี้มีเป้าหมายในการปรับตัวลดลงที่บริเวณแนวรับถัดไปบริเวณกรอบล่างของเส้น Trend line บริเวณ 1,530 อย่างไรก็ตามอาจมีการ rebound ขึ้นได้ที่บริเวณ 1,590 นักลงทุนอาจเปิด Long เล่นสั้นในช่วงนี้เพื่อทำกำไรบริเวณ 1,590 / 1,600 จากนั้นถ้าไม่ผ่าน 1,600 ให้เปิด Short ลงมาโดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,565/1,550/1,530 ถ้าหากราคาไม่สามารถยืนเหนือ 1,574 ซึ่งเป็นแนวรับของเส้นค่าเฉลี่ย 34 สัปดาห์ได้ ให้เปิด Short โดยมีเป้าหมายกำไรบริเวณ 1,565/1,550/1,530

o ภาพการฟทางเทคนิคในระยะกลางดูจาก กราฟในรายสัปดาห์ ราคาหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 34 สัปดาห์ แสดงทิศทางการเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาลงในระยะกลาง โดยมีแนวรับในระยะกลางบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 50 บริเวณ 1,574 และกรอบล่างของเส้น trend line บริเวณ 1,530 แต่ถ้าหากเกิดวิกฤตหนี้ยุโรปรุนแรงและลุกลามไปสู่สถาบันการเงินชั้นนำต่างๆ สภาพคล่องตึงตัวมาก อาจลงไปทดสอบแนวรับบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 75 สัปดาห์บริเวณ 1,473 นักลงทุนระยะกลาง เน้นการเปิด Short เมื่อราคา rebound ขึ้นสู่แนวต้านในแต่ละรอบ ส่วนนักลงทุนระยะยาวปิด Long ป้องกันความเสี่ยง

o ความผันผวนของราคาทองคำในช่วงนี้มีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกับสินทรัพย์เสี่ยง แต่ในช่วงนี้มีการปรับตัวลดลงแรงกว่าตลาดหุ้น คาดว่า นักลงทุนขายทำกำไรทั้งในตลาดหุ้นและตลาดทองคำก่อนช่วงหยุดยาวในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ และพักเงินในพันธบัตรสหรัฐและถือเงินสด

o ปัจจัยลบของราคาทองคำในช่วงนี้ ได้แก่ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าอยู่ที่ระดับ 1.2999 USDต่อยูโร ราคาน้ำมัน Nymex ปิดที่ 94.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -5.3 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล ปรับตัวลดลง -5.29% ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ 11,823.5 จุด ปรับลดลง -131.4 จุด ลดลง -1.099% อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลของอิตาลีอายุ 5 ปีสูงขึ้น มาที่ 6.47% สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2540 และมีข่าวว่า Hedge Fund ขนาดใหญ่ระบายทองออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการไถ่ถอนทองคำก่อนสิ้นปี

o รายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันพฤหัสบดี ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย.ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม(Empire State Index) เดือนธ.ค.ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 3/2011จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ เงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของต่างชาติเดือนต.ค. การผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิตเดือนพ.ย.ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนธ.ค. วันศุกร์ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.

o ราคาโลหะเงินปิดลดลง 2.33 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 28.94 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 28.53 – 31.07 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,769.12ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 30.0/ 31.0 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 28.5 / 27.7 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 27.7 – 31.0 USDต่อออนซ์

o SPDR ถือทองคำจำนวนเท่าเดิม 1,294.80 ตัน

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,530 – 1,615 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,530 – 1,615

แนวโน้มระยะกลาง : อยู่ในกรอบ 1,530 – 1,725 แนะนำ Trading ในกรอบ หรือเปิด Short เมื่อราคา rebound ขึ้นสู่แนวต้าน

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,473 - 1920 ปิด Long และเปิด Short เมื่อราคา rebound ขึ้น

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

https://plus.google.com/?gpcaz=d6206a6b#114919553661509313835/posts

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 15 ธันวาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

++ ราคาทองคำมีแนวต้านที่ 1,590/1,600/1,615 และแนวรับที่ 1,565/1,550/1,530 ภาพกราฟรายวัน พบแรงขายต่อเนื่อง จนราคาต่ำกว่าเส้น MA 200 วัน คาดว่าราคามีแนวโน้มอ่อนตัวลงต่อ แนะนำ ให้เปิด Short โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,565/1,550/1,530

ปรับตัวสูงขึ้นในระยะสั้น

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 15 ธ.ค. อยู่ที่บริเวณ 1,572.95 USD ต่อออนซ์ เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,564 – 1,587 USD ต่อออนซ์ ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้น หลังการลดลงต่อเนื่องอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา แต่ตลาดกำลังขาดทิศทาง และแรงบวกในช่วงแรกก็อาจจางหายไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่ความวิตกกังวลในวิกฤติหนี้ยุโรป ยังคุกคามราคาทองคำ และสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ซึ่งขณะนี้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือหลายๆ แห่ง มีแนวโน้มปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือในประเทศกลุ่มยูโรโซน นอกจากนั้นต้นทุนการกู้ยืมเงินของประเทศในยุโรป อาทิ กรีซ อิตาลี สเปน อาจทำให้โอกาสการผิดนัดชำระหนี้มีสูงขึ้น ส่งผลให้การปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองคำ คาดว่าเป็นการปรับเพิ่มขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งหากราคาไม่สามารถกลับมายืนเหนือเส้น MA 200 อีกครั้ง ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อ

เครดิต อากริโคล ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส วางแผนลดจำนวนพนักงาน เพื่อเพิ่มปริมาณทรัพย์สินให้เพียงพอต่อการรับมือกับวิกฤตหนี้สาธารณะ ทั้งนี้ธนาคารพาณิชย์ในฝรั่งเศสกำลังเผชิญกับปัญหาทางการเงินในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากผลกระทบของวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป นอกจากนี้ กระแสความวิตกกังวลที่ว่าธนาคารฝรั่งเศสจะประสบกับความยากลำบากในการระดมทุน ยังได้ฉุดราคาหุ้นของธนาคารดิ่งลง และทำให้ธนาคารหลายแห่งของยุโรปถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือด้วย ก่อนหน้านี้ธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส และธนาคารโซซิเอเต เจเนอราล (ซอคเจน) ประกาศว่า ธนาคารวางแผนลดการจ้างงานลงเช่นกัน เพื่อที่จะรักษาฐานเงินทุนของธนาคารไว้ ขณะเดียวกันฟิทช์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ของยุโรป 5 แห่ง โดยได้ปรับลดอันดับเครดิตสากลระยะยาว (long-term issuer-default) ของธนาคาร Banque Federative du Credit Mutuel และธนาคาร Credit Agricole ฝรั่งเศส และธนาคาร OP Pohjola Group ของฟินแลนด์ ลง 1 ขั้น สู่ระดับ A+ จาก AA- และ ฟิทช์ปรับลดอันดับเครดิตสากลระยะยาวของธนาคาร Danske Bank ของเดนมาร์ค ลงสู่ระดับ A จาก A+ และลดเครดิตของธนาคาร Rabobank Group ของเนเธอร์แลนด์ สู่ AA จาก AA+

อิตาลีเปิดประมูลพันธบัตรประเภท 5 ปีในวงเงิน 3 พันล้านยูโรเมื่อวานนี้ (14 ธ.ค.) โดยรัฐบาลอิตาลีจำเป็นต้องจ่ายอัตราผลตอบแทนสูงถึง 6.47 % ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุด นับตั้งแต่มีการใช้เงินยูโรในปี 1999 และสิ่งนี้ตอกย้ำให้เห็นว่าอิตาลีได้รับแรงกดดันในตลาดอย่างรุนแรง ก่อนที่อิตาลีจำเป็นต้องระดมเงินทุนครั้งใหม่ราว 4.40 แสนล้านยูโรในปี 2012 โดยการระดมทุนจะเริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายเดือนม.ค. ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอิตาลีประเภท 10 ปีขยับขึ้นเล็กน้อยสู่ 7.22 % เมื่อวานนี้ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอิตาลีที่ครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนก.ย.2016 ขยับลง 0.03 % สู่ 6.828 %

เศรษฐกิจของเยอรมนีอาจชะลอตัวในช่วงฤดูหนาว และจะขยายตัวเพียง 0.4% ในปีหน้า ขณะที่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ยูโรโซน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะทำให้บริษัทต่างๆ ลดการลงทุน และจะส่งผลกระทบต่อการส่งออก ทั้งนี้ ตัวเลขคาดการณ์ที่ 0.4% ดังกล่าวอยู่ที่เพียงระดับครึ่งหนึ่งของการขยายตัวที่ 0.8% ซึ่งคาดไว้สำหรับปี 2012 เช่นเดียวกับสถาบันเศรษฐกิจชั้นนำอื่นๆในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงการร่วงลงอย่างรุนแรงของแนวโน้มเศรษฐกิจเยอรมนีในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

ประธานธนาคารกลางเยอรมนี เรียกร้องให้ยุโรปปฏิบัติตามวินัยด้านงบประมาณอย่างเคร่งครัด และล้มเลิกความหวังที่ว่าจะมีการออกมาตรการขนาดใหญ่ที่สามารถแก้ไขวิกฤติหนี้ยูโรโซนได้ภายในครั้งเดียว หลังจากตลาดการเงินประเมินว่า การประชุมสุดยอดของสหภาพยุโรป ในวันศุกร์ที่แล้ว (9 ธ.ค.) ประสบความล้มเหลวในการคลี่คลายวิกฤติหนี้

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่

- 20.30 น. กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย.

- 20.30 น. กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยข้อมูลดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 3/2554

- 20.30 น. กระทรวงแรงงานสหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

- 21.15 น. ธนาคารกลางสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

++ ราคาทองคำมีแนวต้านที่ 1,590/1,600/1,615 และแนวรับที่ 1,565/1,550/1,530 ภาพกราฟรายวัน พบแรงขายต่อเนื่อง จนราคาต่ำกว่าเส้น MA 200 วัน คาดว่าราคามีแนวโน้มอ่อนตัวลงต่อ แนะนำ ให้เปิด Short โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,565/1,550/1,530

++ ราคาโลหะเงินมีแนวต้านบริเวณ 30.0/ 31.0 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 28.5 / 27.7 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 27.7 – 31.0 USDต่อออนซ์

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

https://plus.google....509313835/posts

ถูกแก้ไข โดย ilovecgf

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 16 ธันวาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

ราคาทองคำมีแนวต้านที่ 1,590/1,600/1,620 และแนวรับที่ 1,565/1,550/1,530 ภาพกราฟรายวัน มีแนวโน้ม rebound ขึ้นได้ แต่มีแนวต้านสำคัญบริเวณเส้น MA 200 วันที่ระดับ 1,620 และแนวต้านในระยะสัปดาห์ที่บริเวณ 1,650 คาดว่าจะไม่สามารถผ่านได้ แนะนำ Trading ในกรอบ 1,565 – 1,620 หรือรอเปิด Short บริเวณ 1,620 / 1,650 โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,565/1,550/1,530

แกว่งตัวในกรอบ 1,565 – 1,620

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 16 ธ.ค. อยู่ที่บริเวณ 1,579 USD ต่อออนซ์ เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,575 – 1,594 USD ต่อออนซ์ ราคาทองคำ rebound ขึ้น หลังจากการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรํฐแสดงแนวโน้มที่ดีขึ้น สเปนขายพันธบัตรได้ครบจำนวน 2.5 พันล้านยูโร โดยมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าพันธบัตรของอิตาลี ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น และ ค่าเงิน USD อ่อนค่าลงจากแรงขายทำกำไร อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบยังกดดันราคาทองคำ จากภาพทางเทคนิคที่หลุดเส้น MA 200 วัน ความกังวลในเรื่องวิกฤตหนี้ของยุโรปที่ยังไม่มีมาตราการเพิ่มสภาพคล่องเพิ่มเติม การปรับลดอันดับเครดิตของธนาคารชั้นนำทั้งในสหรัฐ ยุโรป และเอเชีย รวมถึงการขายทำกำไรในสินทรัพย์เสี่ยงและทองคำเพื่อถือเงินสดในช่วงปลายปีของกองทุนต่างๆ และรอซื้อเมื่อราคาต่ำลง

ตลาดหุ้นในเอเชียวันศุกร์ที่ 16 ธ.ค. ปรับตัวสูงขึ้น จากสัญญาณและแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาดีขึ้น เช่น จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ปรับลดลงต่อเนื่องอีก 19,000 ราย แสดงว่าจำนวนผู้ว่างงานกำลังลดลง กิจกรรมภาคการผลิตที่เพิ่มขึ้นเกินคาด ตลาดหุ้นจีนปรับบวกขึ้น 2 % จากข่าวว่าจะมีมาตรการกระตุ้นตลาดหุ้น และธนาคารขนาดใหญ่ของจีนขายเงิน USD ออกมาจำนวนมากเพื่อพยุงค่าเงินหยวน และจะให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป

มีข่าวจากสื่อของกรีซว่า พันธบัตรของกรีซที่จะออกใหม่เพื่อ swap กับพันธบัตรเดิมจะได้รับอันดับเครดิตที่ดีขึ้น ตามข้อตกลงการลดหนี้กับเจ้าหนี้ตามที่ตกลงกันในเดือน ต.ค.โดยกรีซมีแผนที่จะแลกเปลี่ยนพันธบัตรจำนวน 2.06 แสนล้านยูโร โดยจะลดหนี้ลงครึ่งหนึ่งเหลือ 1.0 แสนล้านยูโร เป็นการออกพันธบัตรใหม่มูลค่า 7.0 หมื่นล้านยูโร และเงินสด 3.0 หมื่นล้านยูโร โดยเจ้าหน้าที่การคลังของกรีซมีความเห็นในทางบวกว่าจะได้ข้อสรุปภายในไม่กี่สัปดาห์นี้ และจะมีการเจรจาระหว่างกรีซกับเจ้าหนี้มีกำหนดจะดำเนินต่อไปที่กรุงปารีสในวันศุกร์ที่ 16 ธ.ค.นี้

ความกังวลในเรื่องวิกฤตหนี้ยุโรปจะทำให้สภาพคล่องตึงตัว โดยที่ฟิทช์ เรทติงส์ ประกาศลดอันดับเครดิตระยะยาวของธนาคารรายใหญ่ 7 แห่งของสหรัฐและยุโรป โดยระบุว่าภาคธนาคารกำลังเผชิญกับความเสี่ยงมากขึ้น อันเนื่องมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการใช้กฎข้อบังคับที่เข้มงวด ในขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) วิตกว่า สัดส่วนการกันสำรองของธนาคารที่เพิ่มขึ้นอาจจะทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากกฎดังกล่าวจะกระทบการปล่อยสินเชื่อของภาคธนาคาร ทั้งนี้ สำนักงานการธนาคารยุโรป (EBA) เปิดเผยว่า ธนาคารต่างๆ ควรจะดำรงเงินกองทุนหลักขั้นที่ 1 ที่ระดับ 9% ของสินทรัพย์ที่มีการถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง ซึ่งมากกว่าระดับขั้นต่ำที่ 7% ที่ธนาคารทั่วโลกเห็นพ้องว่าจะค่อยๆดำเนินการตั้งแต่ปี 2013

นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และประธานธนาคารกลางเยอรมนี เรียกร้องให้ยุโรปปฏิบัติตามวินัยด้านงบประมาณอย่างเคร่งครัด และล้มเลิกความหวังที่ว่าจะมีการออกมาตรการขนาดใหญ่ที่สามารถแก้ไขวิกฤติหนี้ยูโรโซนได้ภายในครั้งเดียว หลังจากตลาดการเงินประเมินว่า การประชุมสุดยอดของสหภาพยุโรป (อียู) ในวันศุกร์ที่แล้ว (9 ธ.ค.) ประสบความล้มเหลวในการคลี่คลายวิกฤติหนี้

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตามในวันศุกร์ ได้แก่

- 20.30 น. กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.

การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์หน้า (19-23 ธ.ค.) วันจันทร์ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค. วันอังคาร ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย.วันพุธยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย.ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันพฤหัสบดี ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 3/2011 จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีการผลิตทั่วประเทศเดือนพ.ย.ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงปลายเดือนธ.ค.ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนพ.ย. วันศุกร์ รายได้ส่วนบุคคลเดือนพ.ย. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย.ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

++ ราคาทองคำมีแนวต้านที่ 1,590/1,600/1,620 และแนวรับที่ 1,565/1,550/1,530 ภาพกราฟรายวัน มีแนวโน้ม rebound ขึ้นได้ แต่มีแนวต้านสำคัญบริเวณเส้น MA 200 วันที่ระดับ 1,620 และแนวต้านในระยะสัปดาห์ที่บริเวณ 1,650 คาดว่าจะไม่สามารถผ่านได้ แนะนำ Trading ในกรอบ 1,565 – 1,620 หรือรอเปิด Short บริเวณ 1,620 / 1,650 โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,565/1,550/1,530

++ ราคาโลหะเงินมีแนวต้านบริเวณ 31.0 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 27.7 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 27.7 – 31.0 USDต่อออนซ์

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

https://plus.google.com/?gpcaz=d6206a6b#114919553661509313835/posts

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 19 ธันวาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 20.7 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,597.90 USDต่อออนซ์ ในช่วงเช้าวันนี้ปรับตัวสูงขึ้นมาเคลื่อนไหวบริเวณ 1,598 USDต่อออนซ์ ราคามีแนวโน้ม rebound ขึ้นสู่แนวต้านบริเวณ 1,620 ซึ่งเป็นเส้น MA 200 วัน แต่อาจมีแรงขายทำกำไร

o ราคาทองคำในตลาด COMEX มีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,572.1 – 1,603.5 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำ rebound ขึ้นได้ จากการที่ค่าเงิน USD อ่อนค่าลง และแรงซื้อเมื่อราคาปรับตัวลดลงแรง 4 วันติดต่อกันกว่า 8% การปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ยังไม่สามารถยืนเหนือ 1,600 ได้ เนื่องจากภาพทางเทคนิคที่ราคาหลุดเส้น MA 200 วัน ลงมาทำให้ในระยะกลางเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาลง แต่การปิดสูงใกล้จุดสูงสุดของวันทำให้แนวโน้มในสัปดาห์นี้ แกว่งตัวเป็น side way โดยมีแนวต้านบริเวณเส้น MA 200 วันบริเวณ 1,620 ในช่วงต้นสัปดาห์ และถ้าหากผ่านไปได้ในปลายสัปดาห์อาจไปถึงระดับ 1,640 – 1,650 การขึ้นชนแนวต้านในแต่ละระดับจะมีแรงขายทำกำไร ทำให้นักลงทุนสามารถซื้อ ขาย Trading ได้ในกรอบ 1,565 – 1,620 .ในช่วงต้นสัปดาห์ ส่วนในปลายสัปดาห์ ถ้าไม่หลุดเส้น MA 50 สัปดาห์บริเวณ 1,573 มีแนวโน้มสร้างฐานบริเวณเหนือ 1,600 เพื่อไปสู่แนวต้าน 1,620 / 1,640 โดยมีเป้าหมายของสัปดาห์ที่บริเวณ 1,640 ส่วนการหลุดแนวรับบริเวณ1,565/ 1,573 อาจลงไปที่ระดับ 1,540/1,530/1,485

o สัญญาณทางเทคนิคในราย 4 ช.ม. และราย 60 นาที ยังเป็นลบ นักลงทุนอาจเปิด Short บริเวณ 1,600/1,610 เพื่อทำกำไรบริเวณ 1,585 หรือถ้าจะเปิด Long รออ่อนตัวบริเวณ 1,585 โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,620 โดยมีจุด Stop Loss บริเวณ 1,580/1,573

o ปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ค่าเงิน USD ถ้ายืนบริเวณ 1.30 USDต่อยูโรได้และมีแนวโน้มอ่อนค่าลงราคาทองคำน่าจะยืนเหนือ 1,600 / 1,620 ได้ในปลายสัปดาห์ ในทางกลับกันค่าเงิน USD ที่แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.29 USDต่อยูโร จะเป็นปัจจัยลบ ที่กดดันราคาทองคำ และแสดงว่านักลงทุนยังคงขายสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึงทองคำ เพื่อถือเงินสด ส่วนปัจจัยบวก คือ การเข้าซื้อของนักลงทุนระยะยาว ที่มองเห็นว่า ระดับราคาบริเวณนี้อยู่ในเกณฑ์ที่เป็น fair price แต่อาจถูกถ่วงด้วยความต้องการซื้อของนักลงทุนที่เก็งกำไรผิดทางมีผลขาดทุนและออกจากตลาด และเห็นว่าการลงทุนในทองคำมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น

o ภาพการฟทางเทคนิคในระยะกลางดูจาก กราฟในรายสัปดาห์ ราคาหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 34 สัปดาห์ แสดงทิศทางการเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาลงในระยะกลาง โดยมีแนวรับในระยะกลางบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 50 สัปดาห์ที่บริเวณ 1,573 และกรอบล่างของเส้น trend line บริเวณ 1,530 แต่ถ้าหากเกิดวิกฤตหนี้ยุโรปรุนแรงและลุกลามไปสู่สถาบันการเงินชั้นนำต่างๆ สภาพคล่องตึงตัวมาก อาจลงไปทดสอบแนวรับบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 75 สัปดาห์บริเวณ 1,485 นักลงทุนระยะกลาง เน้นการเปิด Short เมื่อราคา rebound ขึ้นสู่แนวต้านในแต่ละรอบ ส่วนนักลงทุนระยะสั้น Trading ในกรอบ 1,565 – 1,620

o รายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันจันทร์ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค. วันอังคาร ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย.วันพุธยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย.ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันพฤหัสบดี ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 3/2011 จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีการผลิตทั่วประเทศเดือนพ.ย.ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงปลายเดือนธ.ค.ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนพ.ย. วันศุกร์ รายได้ส่วนบุคคลเดือนพ.ย. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย.ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.

o ราคาโลหะเงินปิดบวก 0.397 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 29.67 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 29.12 – 29.93 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าดิม 9,743.41ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 30.3/ 30.9 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 28.4 / 27.7 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 27.7 – 30.9 USDต่อออนซ์

o SPDR ถือทองคำเท่าดิมจำนวน 1,279.98 ตัน

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,565 – 1,620 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,565 – 1,620

แนวโน้มระยะกลาง อยู่ในกรอบ 1,530 – 1,725 แนะนำ Trading ในกรอบ หรือเปิด Short เมื่อราคา rebound ขึ้นสู่แนวต้าน

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

https://plus.google.com/?gpcaz=d6206a6b#114919553661509313835/posts

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 19 ธันวาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

ราคาทองคำมีแนวต้านที่ 1,600/1,620 และแนวรับที่ 1,585/1,580 สัญญาณทางเทคนิคในราย 4 ช.ม. มีแรงซื้อบริเวณ 1,580 และมีแรงขายทำกำไรบริเวณ 1,605 นักลงทุนอาจเปิด Short บริเวณ 1,600/1,610 เพื่อทำกำไรบริเวณ 1,585หรือถ้าจะเปิด Long รออ่อนตัวบริเวณ 1,585 โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,620 โดยมีจุด Stop Loss บริเวณ 1,580

รอผลการประชุมรมว.คลังยูโรโซน

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 19 ธ.ค. อยู่ที่บริเวณ 1,598 USD ต่อออนซ์ โดยเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,584 – 1,604 USD ต่อออนซ์ ราคาทองคำ rebound ขึ้นตั้งแต่วันศุกร์แต่เมื่อชนแนวต้านบริเวณ 1,600 / 1,605 ในวันจันทร์มีแรงขายทำกำไรทำให้ยังไม่สามารถยืนเหนือ 1,600 USDต่อออนซ์ได้ ตลาดมีเคลื่อนไหวในลักษณะ side way ในกรอบ โดยนักลงทุนรอความชัดเจนของการประชุมของ รมว.คลังยูโรโซนทางไกลผ่านโทรศัพท์ในเวลา 21.30 น.ของวันจันทร์ โดยที่ประชุมจะหารือกันเกี่ยวกับเงื่อนไขและกำหนดเวลาในการให้เงินช่วยเหลือ เพิ่มเติมแก่ประเทศที่ประสบปัญหาหนี้สาธารณะ โดยผ่านการอัดฉีดเงินทุนเพิ่มอีก 2 แสนล้านยูโร หรือ 2.61 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และใช้กองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) เป็นเครื่องมือในการกู้วิกฤตหนี้ยุโรป ตามมติที่ประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมาในการประชุมอียูครั้งล่าสุดนั้น ที่ประชุมมีมติให้ใช้ "บทบัญญัติทางการคลัง" (fiscal compact) ฉบับใหม่ ที่ตั้งอยู่บนสนธิสัญญาระหว่างรัฐบาล (inter-governmental treaties) แทนการเปลี่ยนแปลงสนธิสัญญาของอียู พร้อมให้ร่นระยะเวลาการใช้กลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ให้เร็วขึ้นจากเดิม 1 ปี และจัดหาเงินทุนวงเงิน 2 แสนล้านยูโรให้กับไอเอ็มเอฟ เพื่อช่วยให้ไอเอ็มเอฟมีศักยภาพในการแก้ไขวิกฤติหนี้สินยูโรโซนได้มากขึ้น โดยประเทศสมาชิกอียูจะกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ภายในระยะเวลา 10 วันนับตั้งแต่การประชุมเสร็จสิ้นลง ในเบื้องต้นนั้น ที่ประชุมอียูตกลงกันว่าจะให้ธนาคารกลางของประเทศต่างๆในยุโรปเป็นผู้จัดหา เงินทุนให้กับไอเอ็มเอฟ โดยธนาคารกลางของกลุ่มยูโรโซนจะรับภาระจัดหาเงินทุนในวงเงิน 1.50 แสนล้านยูโร ส่วนที่เหลืออีก 5 หมื่นล้านยูโรจะรับภาระโดยธนาคารกลางของอังกฤษและประเทศอื่นๆนอกกลุ่มยูโร โซน

ผลการประชุมของรมว.ยูโรโซน จะมีผลกระทบต่อราคาทองคำ ถ้าหากออกมาเป็นบวก จัดหาเงินทุนให้กับ IMF ได้ 2 แสนล้านยูโร และเห็นชอบต่อการใช้บทบัญญัติทางการคลังฉบับใหม่ เป็นไปตามเป้าหมายคาดว่าจะทำให้ราคาทองคำปรับบวกได้ โดยผ่านแนวต้านบริเวณ 1,600 / 1,610 อย่างไรก็ตาม นักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยงและเห็นว่า ผลการประชุมอาจจะออกมาเป็นลบ อาจชิงขายทำกำไรทีบริเวณแนวต้านดังกล่าว ดังนั้นการยืนเหนือ 1,600/1,610 ได้ในวันนี้จะแสดงสัญญาณและทิศทางว่าจะไปต่อที่แนวต้านถัดไปบริเวณ 1,620 ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญบริเวณ MA 200 วัน และอาจขึ้นไปถึง 1,640 ได้หรือไม่ ส่วนการหลุดแนวรับบริเวณ 1,585/1,580 จะแสดงสัญญาณลบและราคาอาจจะลดลงต่อในสัปดาห์นี้ และใช้เวลามากขึ้นกว่าจะยืนเหนือ 1,600 USDต่อออนซ์ได้

ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กำลังเตรียมการในสัปดาห์นี้ เพื่อพยุงธนาคารในยูโรโซนด้วยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเป็นเวลา 3 ปีเพื่อกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อระหว่างธนาคาร และตลาดทุน ทั้งนี้ ธนาคารอาจจะได้รับเงินกู้ราว 2.50 แสนล้านยูโร (3.262 แสนล้านดอลลาร์) ในการประมูลสินเชื่อระยะ 3 ปีรอบแรกในวันพุธนี้ และหลายคนก็หวังว่าธนาคารเหล่านี้จะใช้เงินกู้ดังกล่าวไปซื้อพันธบัตรของประเทศในยูโร และทำให้อัตราผลตอบแทนลดลง

ความกังวลในเรื่องวิกฤตหนี้ยุโรปจะทำให้สภาพคล่องตึงตัว โดยที่ฟิทช์ เรทติงส์ ประกาศลดอันดับเครดิตระยะยาวของธนาคารรายใหญ่ 7 แห่งของสหรัฐและยุโรป โดยระบุว่าภาคธนาคารกำลังเผชิญกับความเสี่ยงมากขึ้น อันเนื่องมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการใช้กฎข้อบังคับที่เข้มงวด ในขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) วิตกว่า สัดส่วนการกันสำรองของธนาคารที่เพิ่มขึ้นอาจจะทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากกฎดังกล่าวจะกระทบการปล่อยสินเชื่อของภาคธนาคาร ทั้งนี้ สำนักงานการธนาคารยุโรป (EBA) เปิดเผยว่า ธนาคารต่างๆ ควรจะดำรงเงินกองทุนหลักขั้นที่ 1 ที่ระดับ 9% ของสินทรัพย์ที่มีการถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง ซึ่งมากกว่าระดับขั้นต่ำที่ 7% ที่ธนาคารทั่วโลกเห็นพ้องว่าจะค่อยๆดำเนินการตั้งแต่ปี 2013

มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือของเบลเยี่ยมลง 2 ขั้น จาก Aa1 สู่ Aa3 โดยระบุถึงความเสี่ยงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือธนาคาร อาทิ เด็กเซีย ขณะเดียวกัน ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสที่ AAA แต่ลดแนวโน้มอันดับเครดิตลงสู่ "เชิงลบ" จากเดิม "มีเสถียรภาพ" ขณะเดียวกัน ฟิทช์ยังได้เตือนว่าอาจลดอันดับเครดิตอีกหกประเทศในยูโรโซน ได้แก่ อิตาลี สเปน เบลเยียม ไอร์แลนด์ สโลวีเนีย และไซปรัส

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตามในวันจันทร์ได้แก่

- 22.00 น. สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) เปิดเผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือน ธ.ค.

- 22.30 น. ประธานธนาคารกลางยุโรป แถลงการณ์เกี่ยวกับการให้เงินช่วยเหลือแก่ธนาคารในยูโรโซน

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

++ ราคาทองคำมีแนวต้านที่ 1,600/1,620/1,640 และแนวรับที่ 1,585/1,580 สัญญาณทางเทคนิคในราย 4 ช.ม. มีแรงซื้อบริเวณ 1,580 และมีแรงขายทำกำไรบริเวณ 1,605 นักลงทุนอาจเปิด Short บริเวณ 1,600/1,610 เพื่อทำกำไรบริเวณ 1,585หรือถ้าจะเปิด Long รออ่อนตัวบริเวณ 1,585 โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,620 โดยมีจุด Stop Loss บริเวณ 1,580

++ ราคาโลหะเงินมีแนวแนวต้านบริเวณ 30.3/ 30.9 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 28.4 / 27.7 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 27.7 – 30.9 USDต่อออนซ์

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

https://plus.google.com/?gpcaz=d6206a6b#114919553661509313835/posts

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 20 ธันวาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดลดลง 1.20 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,596.70 USDต่อออนซ์ ในช่วงเช้าวันนี้ปรับตัวสูงขึ้นมาเคลื่อนไหวบริเวณ 1,599 USDต่อออนซ์ ราคามีแนวโน้ม rebound ขึ้นสู่แนวต้านบริเวณ 1,620 ซึ่งเป็นเส้น MA 200 วัน แต่อาจมีแรงขายทำกำไร

o ราคาทองคำในตลาด COMEX มีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,585.50 – 1,611.50 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำ rebound ขึ้นได้แต่ชนแนวต้านบริเวณ 1,600 – 1,610 โดยมีแนวโน้มจะผ่านแนวต้านบริเวณ 1,600 ได้ และกำลังสร้างฐานเพื่อขึ้นสู่แนวต้านถัดไปบริเวณ 1,620 ซึ่งอาจมีแรงขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน 1,610 / 1,620 แต่กรอบแนวรับยกตัวสูงขึ้น โดยแนวรับแรกอยู่ที่บริเวณ 1,585 – 1,590 และแนวรับถัดไปบริเวณเส้น MA 50 สัปดาห์บริเวณ 1,578 ราคายังยืนเหนือเส้น MA 50 สัปดาห์ได้ แสดงถึงแนวโน้มที่ดีขึ้น การปรับตัวขึ้นแนวต้านบริเวณ 1,620/ 1,650 อาจใช้เวลาสร้างฐานและแกว่งตัวอยู่ในกรอบบริเวณ 1,585 – 1,620 ก่อนถัดไปบริเวณ ภาพทางเทคนิคในระยะสั้น เส้น MA ราย 4 ช.ม. แสดงแนวโน้มราคาจะขึ้นไปทดสอบบริเวณแนวต้าน 1,610 ถ้าผ่านไปได้จะไปทดสอบเส้น MA 200 วันบริเวณ 1,620 ถ้ายืนเหนือ 1,620 ได้แสดงแนวโน้มที่ดีขึ้น ถ้าหากผ่านไปได้ในปลายสัปดาห์อาจไปถึงระดับ 1,640 – 1,650 การขึ้นชนแนวต้านในแต่ละระดับจะมีแรงขายทำกำไร ทำให้นักลงทุนสามารถซื้อ ขาย Trading ได้ในกรอบ 1,585 – 1,620 .ในช่วงต้นสัปดาห์ ส่วนในปลายสัปดาห์ ถ้าไม่หลุดเส้น MA 50 สัปดาห์บริเวณ 1,578 มีแนวโน้มสร้างฐานบริเวณเหนือ 1,600 เพื่อไปสู่แนวต้าน 1,620 / 1,640 โดยมีเป้าหมายของสัปดาห์ที่บริเวณ 1,640 ส่วนการหลุดแนวรับบริเวณ1,585/ 1,578 อาจลงไปที่ระดับ 1,550

o สัญญาณทางเทคนิคในรายวันมีแนวโน้มดีขึ้น นักลงทุนที่เปิด Long ไว้.บริเวณ 1,585 ถือต่อ โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,620 โดยมีจุด Stop Loss บริเวณ 1,578 หรือเล่น Trading ในกรอบ 1,585 – 1,620

o ผลการประชุมของรมว.ยูโรโซน ในการระดมเงินทุน 2 แสนล้านยูโรให้แก่ IMF เพื่อเป็นเงินทุนช่วยเหลือประเทศที่ประสบปัญหาหนี้ ปรากฎว่ายังไม่ได้ครบตามเป้าหมาย เนื่องจาก อังกฤษปฏิเสธที่จะให้เงินกู้ ทำให้ในขณะนี้ได้เงินเพียง 1.5 แสนล้านยูโรจากธนาคารกลางของประเทศในยูโรโซน 17 ประเทศ ส่วนประเทศอื่น นอกยูโรโซน แสดงความประสงค์ที่จะให้ความช่วยเหลือแต่ต้องรอขออนุมัติจากรัฐสภาก่อน รวมถึงมีความพยายามที่จะขอความช่วยเหลือจาก G20 และประเทศที่มีศักยภาพสูง เช่น จีน และ รัสเซีย

o ประธานธนาคารกลางยุโรป กล่าวถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของระบบธนาคารในปี 2012 ทำให้ตลาดเงินตอบรับต่อข่าวนี้ ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงอีกครั้ง และนักลงทุนยังคงขายสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น โดยมีความต้องการถือเงินสด โดยเฉพาะดอลล่าร์สรอ. เพิ่มขึ้น ทำให้ค่าเงิน USD ยังแข็งค่าอยู่ในระดับ 1.30 USDต่อยูโร

o ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปรับลดลง 100.13 จุดหรือ -0.84% ปิดที่ 11,766.26 จุด จากสถานการณ์ในยูโรโซนที่ยังไม่ดีขึ้น และการที่ธนาคารกลาง สหรัฐจะให้ธนาคารพาณิชย์ต่างๆเพิ่มทุนสำรองให้มากขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับระบบธนาคาร ทำให้หุ้นของธนาคารต่างๆ ปรับลดลงแรง

o ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาที่ระดับ 31.27 บาทต่อดอลล่าร์

 

o รายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันอังคาร ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย.วันพุธยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย.ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันพฤหัสบดี ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 3/2011 จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีการผลิตทั่วประเทศเดือนพ.ย.ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงปลายเดือนธ.ค.ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนพ.ย. วันศุกร์ รายได้ส่วนบุคคลเดือนพ.ย. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย.ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย.

o ราคาโลหะเงินปิดลดลง 0.80 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 28.68 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 28.68 – 29.80 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ขายโลหะเงินออก 45.37 ตันถือโลหะเงินจำนวน 9,698.04 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 30.0/ 30.9 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 28.5 / 27.9 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 27.9 – 30.9 USDต่อออนซ์

o SPDR ถือทองคำเท่าดิมจำนวน 1,279.98 ตัน

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,585 – 1,620 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,585 – 1,620

แนวโน้มระยะกลาง อยู่ในกรอบ 1,530 – 1,725 แนะนำ Trading ในกรอบ หรือเปิด Short เมื่อราคา rebound ขึ้นสู่แนวต้าน

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

https://plus.google.com/?gpcaz=d6206a6b#114919553661509313835/posts

ถูกแก้ไข โดย ilovecgf

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...