ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ilovecgf

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ

โพสต์แนะนำ

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 12 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,655 - 1,666 1,645 แนวต้านที่ 1,705 ภาพกราฟราย 60 นาที ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ Side way Up โดยสร้างฐานราคาที่บริเวณ 1,655 ( MA200) – 1,666 ของกราฟราย 60 นาทีอย่างแข็งแรง แนะนำเปิด Long ที่แนวรับ และ ปิดทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน

 

ซื้อขายเบาบาง รอความชัดเจน

 

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 12 ต.ค. อยู่ที่ 1, 664.50 USDต่อออนซ์ เคลื่อนไหวในกรอบ ระหว่าง 1,663 - 1,679 USD ต่อออนซ์ ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง ราคาปรับตัวลดลง หลังจากปรับเพิ่มขึ้นในช่วงก่อนหน้าติดต่อกัน 3 วัน อย่างไรก็ตามราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นในเวลาต่อมา คาดว่าเป็นแรงซื้อกลับหลังจากราคาปรับลดลง แต่ยังคงมีปัจจัยลบจากเรื่องปัญหาหนี้ยุโรป ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ หากปัญหาหนี้ในกลุ่มอียูยังคงมีอยู่ ราคาทองคำอาจยังคงถูกกดดันต่อไป ดังนั้นการพิจารณาเข้าลงทุนในตลาดทองคำรอบต่อไป ควรประเมินจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาหนี้ในกลุ่มประเทศยุโรป ซึ่งล่าสุดแม้ว่าฝรั่งเศสกับเยอรมนี จะเสนอความช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาหนี้ภาคการเงินในยุโรป แต่ในระยะถัดไป กลุ่มสหภาพยุโรป(อียู) จะต้องหาข้อสรุปให้ได้ว่า จะทำให้ปัญหาดังกล่าวไม่ลุกลามต่อไปได้อย่างไร รวมถึงการเพิ่มทุนให้กับธนาคารของยุโรป ในระยะต่อไป เพียงพอที่จะไม่ทำให้เกิดปัญหาในอนาคตหรือไม่ อย่างไรก็ตาม คาดว่าประเด็นทั้งหมดนี้ น่าจะมีความชัดเจนขึ้นภายใน 4-5สัปดาห์ข้างหน้า เนื่องจากในต้นเดือนหน้า จะมีการประชุมของกลุ่มประเทศ จี 20 ซึ่งคาดว่า จะมีการกดดันให้กลุ่มประเทศในยุโรป ระบุถึงวิธีที่จะแก้ไขปัญหาหนี้ให้ชัดเจน

 

สำหรับความคืบหน้าในการขยายอำนาจและบทบาทของกองทุน EFSF ได้สะดุดลงเมื่อวานนี้ (11 ต.ค.) เมื่อรัฐสภาสโลวาเกียลงมติไม่เห็นชอบต่อการขยายอำนาจดังกล่าว และส่งผลให้รัฐบาลของนางอิเวตา ราดิโคต้องปิดฉากลง โดยขณะนี้สโลวาเกียนับเป็นประเทศเดียวในบรรดาสมาชิกยูโรโซน 17 ประเทศที่ยังไม่ได้ให้สัตยาบันต่อมาตรการขยายอำนาจแก่กองทุน EFSF อย่างไรก็ตามรัฐสภาสโลวาเกียจะจัดการลงคะแนนเสียงอีกครั้งอย่างเร็วสุดในสัปดาห์นี้

 

ขณะที่ S&P และฟิทช์ เรทติ้งส์ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารสเปนและอิตาลีหลายแห่ง หลังจากที่เคยได้ปรับลดอันดับเครดิตระยะยาวของพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีและสเปนไปเมื่อวันที่ 10 ต.ค. ซึ่งเป็นการตอกย้ำความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่ภาคธนาคารในยูโรโซนได้รับจากวิกฤติหนี้สาธารณะ การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารในครั้งนี้สอดคล้องกับถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในช่วงก่อนหน้านี้ว่า วิกฤติหนี้ยุโรปได้ลุกลามออกไปทั้งระบบ ทั้งนี้ S&P ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารสเปน 10 แห่งลง 1 ขั้นซึ่งรวมถึงธนาคารยักษ์ใหญ่อย่างเช่น ซานตานเดร์ และ BBVA ส่วนในอิตาลีนั้น ฟิทช์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารอินเตซาซานเปาโล, ยูบีไอ บังกา และบังกา มอนเต เดอี ปาสชี ดิ ซีนา (MPS)

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตาม

- 01.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) FOMC เปิดเผยการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 20-21ก.ย.

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,655 - 1,666 1,645 แนวต้านที่ 1,705 ภาพกราฟราย 60 นาที ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ Side way Up โดยสร้างฐานราคาที่บริเวณ 1,655 ( MA200) – 1,666 ของกราฟราย 60 นาทีอย่างแข็งแรง แนะนำเปิด Long ที่แนวรับ และ ปิดทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 32.0 31.0 แนวต้านที่ 32.9 33.5 ภาพกราฟราย 240 นาที ราคาผ่านเส้น MA 75 ที่บริเวณ 32.3 ได้ส่งสัญญาณบวกมากขึ้น คาดว่าราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 31.0 – 33.5 แนะนำ Trading ในกรอบ

 

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 13 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 21.60 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,682.60 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองในทางบวกต่อแนวทางแก้ปัญหาหนี้ยุโรป และการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 21.60 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,676.10 – 1,685.40 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำใน COMEX ปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่ดีในเรื่องการแก้ปัญหาหนี้ยุโรป หลังจากประธานอีซีได้ประกาศแผนการเพิ่มทุนให้กับธนาคารในยุโรปที่ประสบปัญหา รวมถึงรัฐสภาของสโลวาเกียมีแนวโน้มลงมติเห็นชอบแผนเพิ่มเงินกองทุนใน EFSF ในครั้งต่อไป

 

o นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ โดยดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ ปรับตัวลดลง 0.8% มาอยู่ที่ระดับ 76.98% ซึ่งการอ่อนค่าจะทำให้สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์มีราคาถูกลงสำหรับ นักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ

 

o รายงานการประชุมของเฟด ที่ระบุว่าจะให้มีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพมากกว่า Operation Twist หากเฟดใช้มาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมก็จะส่งผลให้สภาพคล่องสกุลเงินดอลลาร์สูงขึ้น และจะทำให้มูลค่าของสกุลเงินดอลลาร์ปรับตัวลดลง คาดว่า ตลาดจะตอบรับต่อข่าวนี้ในทางบวกทั้งในการซื้อขายในตลาดเอเชีย ยุโรป และตลาด COMEX

 

o คาดว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น (Side way up) เนื่องจากราคามาปิดใกล้จุดสูงสุดของวัน และแตะสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ประกอบกับหากดูจากกราฟในราย 60 นาที ราคาสามารถยืนเหนือเส้น MA 34 ส่งสัญญาณที่ดีขึ้น มีแนวรับบริเวณ 1,655 และถัดไป 1,645 ส่วนแนวต้านบริเวณ 1,686 และถัดไป 1,705 ซึ่งถ้าราคาทองคำยืนเหนือ 1,705 ได้ อาจมีแนวโน้มกลับเป็นขาขึ้น โดยยังคงมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการทองคำในตลาด physical จากเอเซียและอินเดีย เนื่องจากเข้าสู่เทศกาลแต่งงานของชาวอินเดียและความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวเริ่มคลายลง แนะนำเปิด Long ที่แนวรับ 1,655/1,645 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณ 1,686/1,705

 

o ดัชนีค่าเงิน USD อ่อนค่าลงมาที่ระดับ 76.98 และเทียบกับเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3784 USDต่อยูโรในเช้าวันนี้ ราคาน้ำมันดิบ Nymex ปรับลดลงเล็กน้อย 0.24 USDต่อบาร์เรล ปิดที่ 85.57 USDต่อบาร์เรล ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปรับเพิ่มขึ้น 102.5 จุด แรงหนุนจากการประชุมของเฟดที่จะให้มีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ( +)

o ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ตัองจับตาในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันพฤหัสมี การค้าระหว่างประเทศเดือนส.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ และสต๊อกน้ำมัน วันศุกร์ ยอดค้าปลีก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย.

 

o ราคาโลหะเงินปิดเพิ่มขึ้น 0.79 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 32.79 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 32.51 – 32.76 USDต่อออนซ์ คาดการณ์กรอบความเคลื่อนไหวในสัปดาห์นี้อยู่ระหว่าง 29.0 – 33.5 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,954.27 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 32.9 / 33.3 และแนวรับบริเวณ 31.0 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 31.0 – 33.3 USDต่อออนซ์

 

o SPDR ถือทองคำจำนวนเท่าเดิม 1,227.99 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,645 – 1,705 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,645- 1,705

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,500 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 13 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,662 - 1,669 1,655 แนวต้านที่ 1,686 1,705 ภาพกราฟราย 60 นาที ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ Side way Up โดยมีแรงเทขายที่บริเวณ 1,680 – 1,685 แต่ก็มีแรงซื้อที่บริเวณ 1,669 MA 75 แนะนำเปิด Long ที่แนวรับ และ ปิดทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน

 

พักฐานรอผลประชุม G20

 

 

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 13 ต.ค. อยู่ที่ 1, 676.20 USDต่อออนซ์ เคลื่อนไหวในกรอบ ระหว่าง 1,669 - 1,681 USD ต่อออนซ์ ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง ราคาปรับตัวลดลงเล็กน้อย และเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ หลังจากที่เมื่อวานราคาทำ High สูงสุดแตะที่ 1,690 การที่ราคาปรับลดลงคาดว่าจากแรงขายทำกำไร อย่างไรก็ตามราคาทองยังคงได้รับปัจจัยบวกจากการคลี่คลายเรื่องปัญหาหนี้ยุโรป ประกอบกับพรรคการเมืองในสโลวาเกียมีแนวโน้มยอมรับแผนขยายบทบาทกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าวิกฤติหนี้ยูโรโซนจะได้รับการแก้ไข แต่นักลงทุนควรจับตาประเด็นยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกรีซ เนื่องจากหากกรีซไม่สามารถลดยอดขาดทุนได้ตามที่ IMF กำหนด อาจส่งผลให้ไม่ได้รับความช่วยเหลือจาก IMF

 

ปัจจุบันยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกรีซปรับตัวเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 1.916 หมื่นล้านยูโร ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2553 ที่ระดับ 1.65 หมื่นล้านยูโร ขณะที่กรีซกำลังเผชิญกับการชุมนุมประท้วงต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดระลอกใหม่ กลุ่มทรอยก้า (troika) ซึ่งประกอบไปด้วย อีซี, อีซีบี และไอเอ็มเอฟ คาดว่า กรีซจะสามารถบรรลุเป้าหมายการลดยอดขาดดุลงบประมาณในปี 2555 ได้ หากกรีซสามารถบังคับใช้มาตรการรัดเข็มขัดและการปฏิรูปเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว

 

ขณะที่สหรัฐระบุว่า ประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่ง เช่น เยอรมนีควรจะลดการใช้มาตรการรัดเข็มขัด และควรจะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ แต่รัฐบาลเยอรมนีไม่ได้แสดงท่าทีเห็นด้วยกับเรื่องนี้ นอกจากนี้สหรัฐเองก็ไม่พร้อมที่จะเรียกร้องให้ประเทศอื่นๆกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากร่างกฎหมายกระตุ้นการจ้างงานวงเงิน 4.47 แสนล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีบารัค โอบามาก็ไม่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาในวันอังคารที่ผ่านมา

 

สำหรับการประชุมกลุ่มจี-20 มีแนวโน้มที่จะอนุญาตให้ผู้ควบคุมกฎระเบียบออกกฎใหม่ในการควบคุมธนาคารที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าจะปล่อยให้ล้มละลาย ซึ่งรวมถึงกฎการดำรงเงินกองทุนเพิ่มเติม โดยกฎเหล่านี้จะได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากผู้นำกลุ่มจี-20 ในการประชุมสุดยอดที่เมืองคานส์ในวันที่ 3-4 พ.ย. ซึ่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสและนายกรัฐมนตรีเยอรมนีเคยให้การสนับสนุนกับการประชุมว่าด้วยเรื่องการหาวิธีการแก้ปัญหาหนี้ยุโรปแบบถาวรก่อนหน้าการประชุมที่จะถึงนี้ อย่างไรก็ดี ในขณะที่เยอรมนีมีแนวโน้มสนับสนุนให้ผู้ถือครองพันธบัตรรัฐบาลกรีซยอมรับการปรับลดหนี้กรีซรอบสอง แต่ฝรั่งเศสกลับไม่เห็นด้วยกับประเด็นดังกล่าว

การประชุมและตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตาม

1. การประชุมสหภาพยุโรป (จี-20) ในวันศุกร์และวันเสาร์นี้ ซึ่งจะมีการหารือเรื่องวิกฤติหนี้ยูโรโซน

2. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนส.ค.ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย

3. กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย

4. สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) ของสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 7 ต.ค.ในวันนี้เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,662 - 1,669 1,655 แนวต้านที่ 1,686 1,705 ภาพกราฟราย 60 นาที ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ Side way Up โดยมีแรงเทขายที่บริเวณ 1,680 – 1,685 แต่ก็มีแรงซื้อที่บริเวณ 1,669 MA 75 แนะนำเปิด Long ที่แนวรับ และ ปิดทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 32.0 31.0 แนวต้านที่ 32.5 33.5 คาดว่าราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 31.0 – 33.5 แนะนำ Trading ในกรอบ

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 14 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดลดลง 14.10 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,668.50 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับลดลง เนื่องจากความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เมื่อตัวเลขเกินดุลการค้าของจีนลดลงมากกว่าคาด

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดลดลง 14.10 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,654.30 – 1,686.10 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำใน COMEX ปรับลดลงอีกครั้งหลังจากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านบริเวณ 1,686 ได้ และมีแรงขายทำกำไรลงมา โดยกลับมาเคลื่อนไหวบริเวณ 1,660 – 1,663 อีกครั้งในเช้าวันนี้ ราคาที่ปรับลดลงเป็นผลจากความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เมื่อตัวเลขเกินดุลการค้าของจีนลดลง 12.4% YoY มากกว่า

 

o รัฐสภาของสโลวาเกียผ่านความเห็นชอบแผนเพิ่มประสิทธิภาพเงินกองทุน EFSF แล้ว เป็นประเทศสุดท้ายใน 17 ประเทศของกลุ่มยูโรโซนที่ให้ความเห็นชอบผ่านแผนดังกล่าว ซึ่งจะทำให้สพภาพยุโรปเดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้ของยุโรปให้ดีขึ้น ( + )

 

o สเปนถูก S&P ปรับลดอันดับเครดิตของสเปนลง 1 ขั้นสู่ระดับ AA- โดยมีแนวโน้มเชิงลบ โดย S&P ระบุว่าสเปนมีความเสี่ยงที่เกิดจากปัญหาหนี้เพิ่มขึ้น โดยการถูกปรับลดอันดับเครดิตในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 3 ปี ( - )

 

o ราคาทองคำถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์เสี่ยง เนื่องจากการคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของราคาทำได้ยากขึ้น และมีแนวโน้มถูกกดดันจากภาพทางเทคนิคที่เป็น double top ทำให้ราคาไม่สามารถปรับขึ้นยืนเหนือ 1,700 USDต่อออนซ์ ได้ในช่วงนี้ ถ้าดูจากกราฟในราย 60 นาที มีแนวรับบริเวณ 1,655 และถัดไป 1,645 ส่วนแนวต้านมีที่บริเวณ 1,686 และถัดไป 1,705 แนะนำเปิด Long ที่แนวรับ 1,655/1,645 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณ 1,686/1,705

 

o ดัชนีค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้นมาที่ระดับ 77.23 และเทียบกับเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.374 USDต่อยูโรในเช้าวันนี้ ราคาน้ำมันดิบ Nymex ปรับลดลง 1.34 USDต่อบาร์เรล ปิดที่ 84.23 USDต่อบาร์เรล ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปรับลดลง 40.72 จุด ปิดที่ 11,478.13 จุด ( - )

 

o ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ตัองจับตา ได้แก่ วันศุกร์ ยอดค้าปลีก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย.

 

o ราคาโลหะเงินปิดลดลง 1.12 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 31.67 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 31.46 – 32.80 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,954.27 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 32.9 / 33.3 และแนวรับบริเวณ 31.25 / 30.6 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 31.0 – 33.3 USDต่อออนซ์

 

o SPDR ขายทองคำออก 0.48 ตัน ถือทองคำจำนวนเท่าเดิม 1,227.51 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,645 – 1,705 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,645- 1,705

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,500 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 14 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,655 1,645 แนวต้านที่ 1,686 1,705 ภาพกราฟราย 60 นาที ราคา เคลื่อนไหวในกรอบ Side way แนะนำเปิด Long ที่แนวรับ และ ปิดทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน

 

 

ยังคงมีปัจจัยลบ อาจกดดันไม่ให้ราคาไปต่อ

 

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 14 ต.ค. อยู่ที่ 1,664.75 USDต่อออนซ์ เคลื่อนไหวในกรอบ ระหว่าง 1,663 - 1,675 USD ต่อออนซ์ ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น จากแรงซื้อกลับหลังจากราคาปรับลดลงไปเมื่อวาน ประกอบกับมีปัจจัยบวกจากกลุ่มประเทศ BRIC ซึ่งประกอบด้วยบราซิล, รัสเซีย, อินเดียและจีน กำลังหารือกันในการสมทบเงินทุนแก่ไอเอ็มเอฟ เพื่อสกัดการลุกลามของวิกฤติหนี้ยูโรโซน นอกจากนั้นนักลงทุนมีความคาดหวังว่าผลการประชุม G20 ที่จะมีขึ้นในวันนี้ (14 ต.ค.) และพรุ่งนี้ จะมีแนวทางช่วยเหลือวิกฤติหนี้ยูโรโซนที่ชัดเจนมากขึ้น รวมถึงสามารถกดดันกลุ่มยูโรโซนให้เร่งแก้ปัญหาให้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตามยังคงมีปัจจัยลบกดดันให้ราคาอาจไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้นต่อได้ มีแนวโน้มเป็น Side way ต่อไปอีกระยะหนึ่ง

 

ซึ่งปัจจัยลบดังกล่าว เป็นผลจากกลุ่มจี-20 เผชิญกับความเห็นที่ขัดแย้งกันในช่วงนี้ ในขณะที่หลายประเทศแสดงความไม่พอใจต่อความล้มเหลวของยุโรปในการแก้ไขวิกฤติหนี้สาธารณะ ซึ่งอาจส่งผลให้ผลการประชุมที่จะช่วยเหลือวิกฤตหนี้ดังกล่าวล้มเหลว โดยญี่ปุ่น มีความเห็นว่าในขั้นแรกควรรอดูก่อนว่าผู้นำยุโรปจะประกาศแผนแก้วิกฤติแบบใดในการประชุมสุดยอดของสหภาพยุโรป(อียู) ในวันที่ 23 ต.ค. ขณะที่เยอรมนีและฝรั่งเศสมีความเห็นขัดแย้งกันในเรื่องแผนการออกพันธบัตรร่วมกันของยูโรโซน เนื่องจากเยอรมนีไม่ต้องการแบกรับภาระหนี้มากยิ่งขึ้น จึงมีแนวโน้มว่าแผนแก้วิกฤติของฝรั่งเศส-เยอรมนีอาจระบุว่า ธนาคารพาณิชย์ควรยอมรับผลขาดทุนครั้งใหญ่ในพันธบัตรรัฐบาลกรีซที่ทางธนาคารถือครอง

 

ขณะที่การปรับเพิ่มประสิทธิภาพกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ถึงแม้ EFSF มีทุนทรัพย์มากพอในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินต่อกรีซและโปรตุเกส แต่ EFSF ก็อาจมีทุนทรัพย์น้อยเกินกว่าที่จะให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่อิตาลีหรือสเปน ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 และ 4 ในยูโรโซนตามลำดับ

 

นอกจากนั้นฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ลดอันดับความน่าเชื่อธนาคารของยุโรป 4 แห่ง และยังได้ให้แนวโน้มจะถูกลดอันดับ (negative watch) แก่สถาบันการเงินอีก 7 แห่ง สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือได้ลดอันดับเครดิตระยะยาวของยูบีเอสลงสู่ ระดับ A จากระดับ A+ โดยระบุว่า ตราสารหนี้ของยูบีเอสไม่สามารถรับประกันได้อีกต่อไป และยังได้ลดอันดับเครดิตลอยด์ส แบงกิ้ง กรุ๊ป และโรบัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ กรุ๊ป จากระดับ AA- สู่ระดับ A เนื่องจากรัฐบาลอังกฤษมีแนวโน้มว่าจะให้การสนับสนุนน้อยลงในอนาคตนอกจากนี้ ฟิทช์ ยังได้ลดอันดับความน่าเชื่อของธนาคารแลนเดสแบงก์ของเยอรมนีลง 1 ขั้น สู่ระดับ A+ จากระดับ AA- ทั้งนี้ ฟิทช์ได้ให้แนวโน้มที่จะถูกลดอันดับสถาบันการเงินต่างประเทศ 7 แห่ง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับหนี้ยุโรป

 

ไอเอ็มเอฟ ระบุว่า เศรษฐกิจเอเชียเผชิญกับความเสี่ยงระยะใกล้ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเป็นผลมาจากวิกฤติหนี้ยุโรปและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในสหรัฐ ซึ่งส่งผลให้ผู้กำหนดนโยบายของเอเชียต้องพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนทิศทางนโยบายได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งปัญหาทางการเงินที่ทวีความรุนแรงขึ้นในยูโรโซนและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในสหรัฐอาจส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงในทางการเงินและในทางเศรษฐกิจมหภาคต่อเอเชีย

การประชุมและตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตาม

1. รัฐมนตรีคลังและผู้นำธนาคารกลางของกลุ่มจี-20 กำลังจะประชุมกันในวันนี้ที่กรุงปารีสเพื่อหาทางออกอย่างเร่งด่วนในการ คลี่คลายวิกฤติหนี้สาธารณะ

2. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ย.ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย

3. กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย.ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย

4. รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนต.ค.ในวันนี้เวลา 20.55 น.ตามเวลาไทย

5. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนส.ค.ในวันนี้เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,655 1,645 แนวต้านที่ 1,686 1,705 ภาพกราฟราย 60 นาที ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ Side way แนะนำเปิด Long ที่แนวรับ และ ปิดทำกำไร

ที่บริเวณแนวต้าน

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 31.25 30.6 แนวต้านที่ 32.9 33.3 ภาพกราฟราคาราย 240 มีแรงขายที่ ราคา 32.9 ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 30.6 – 33.3 แนะนำ Trading ในกรอบ

 

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

ถูกแก้ไข โดย ilovecgf

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 17 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 14.50 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,683.00 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น เมื่อฝรั่งเศสและเยอรมันมีแนวโน้มจะสามารถสรุปแผนการแก้ปัญหาหนี้ของยุโรปได้

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 14.50 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,662.50 – 1,683.00 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำเมื่อเปิดตลาด COMEXปรับตัวสูงขึ้นพร้อมกับการเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ประกาศออกมาดีกว่าคาด และความหวังว่าในการประชุม G20 จะมีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาหนี้ยุโรป โดยคาดว่าเยอรมันและฝรั่งเศสจะสามารถสรุปแผนการดำเนินการได้ รวมถึงรัฐสภาสโลวาเกียมีมติผ่านแผนเพิ่มประสิทธิภาพของกองทุน EFSF ถ้าดูภาพกราฟราคาทองคำในรายสัปดาห์ จะเห็นว่าหลังจากปรับลดลงแรง 4 สัปดาห์ติดต่อกัน จากนั้นราคาได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน แนวโน้มในสัปดาห์คาดว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อเนื่องเป็นลักษณะ side way up

 

o ในสัปดาห์นี้คาดว่า ตลาดยังให้น้ำหนักกับปัญหาหนี้ในยุโรป และการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ประกาศออกมาดีกว่าคาดในสัปดาห์แล้วและมีแนวโน้มจะดีต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ ซึ่งมีประเด็นที่ต้องติดตามได้แก่ ผลการประชุม G20 ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา การประชุมของธนาคารพาณิชย์ซึ่งเป็นผู้ให้กู้ยืมเงินแก่กรีซยอมรับความเสียหายมากขึ้น ส่วนความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวเริ่มคลายลง หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศในสัปดาห์ที่แล้วออกมาดีและมีแนวโน้มออกมาดีต่อเนื่อง โดยรวมมีปัจจัยสนับสนุนให้ราคาทองคำมีความเคลื่อนไหวเป็น side way up ได้ และมีแนวโน้มจะยืนเหนือ 1,680 USDต่อออนซ์ได้ โดยคาดการณ์แนวต้านบริเวณ 1,705/ 1,725 /1,772 และมีแนวรับบริเวณ 1,665/1,625/1,600 คำแนะนำ หาจังหวะเปิด Long เมื่อราคาอ่อนตัว เข้าใกล้แนวรับ และปิดทำกำไรบริเวณแนวต้าน 1,725/1,772 สำหรับวันนี้คาดว่ามีแนวรับบริเวณ 1,665 ส่วนแนวต้านคาดว่ามีที่บริเวณ 1,705

 

o ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ตัองจับตาในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนต.ค. ข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิตเดือนก.ย. ในวันจันทร์ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนต.ค. ในวันอังคาร ส่วนวันพุธมี ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย. ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และในวันพฤหัสมีจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนก.ย. และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย.

 

o ราคาโลหะเงินปิดเพิ่มขึ้น 0.51 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 32.17 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 31.21 – 32.57 USDต่อออนซ์ คาดการณ์กรอบความเคลื่อนไหวในสัปดาห์นี้อยู่ระหว่าง 31.0 – 34.8 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,954.27 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 33.0 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 31.0 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 31.0 – 33.0 USDต่อออนซ์

 

o SPDR ถือทองคำเท่าเดิมจำนวน 1,227.51 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,655 – 1,725 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,655- 1,725

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,500 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 17ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,665 1,625 แนวต้านที่ 1,705 1,725 ภาพกราฟราย 60 นาที ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ Side way up ทำจุด Low สูงขึ้น แนะนำเปิด Long ที่แนวรับ และ ปิดทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน

 

แนวโน้มสดใส หลังผ่านผลการประชุม

 

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 17 ต.ค. อยู่ที่ 1,680.10 USDต่อออนซ์ เคลื่อนไหวในกรอบ ระหว่าง 1,668 - 1,691 USD ต่อออนซ์ ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะสูงสุดที่ 1,694 USDต่อออนซ์ สูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่ราคาทองคำลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงเดือน ก.ย. ทั้งนี้ได้รับแรงหนุนจากนักลงทุนคาดหวังว่าความตึงเครียดเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ของยุโรปครั้งนี้จะคลี่คลาด หลังจากการประชุม G20 และการประชุมสุดยอดสหภาพยุโรป ที่จะมีขึ้นในสุดสัปดาห์นี้ จะส่งผลให้ผู้นำยุโรปเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักเพื่อให้มีการนำเสนอแผนที่จะจัดการกับวิกฤติหนี้ครั้งนี้อย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ยังคาดว่าเยอรมนีและฝรั่งเศสจะสามารถจะสามารถปกป้องตัวเองเอาไว้จากวิกฤตหนี้ได้ ด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินที่มีผลกระทบในเชิงระบบ อย่างไรก็ตามในขณะนี้ หลายๆธนาคารและสถาบันการเงินในยุโรปยังเผชิญกับความเสี่ยง เนื่องจากวิกฤติดังกล่าว จะเห็นได้จากการถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของ S&P และฟิทช์ เรทติ้งส์ ที่มีอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกดดันให้ราคาอาจไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้นต่อได้มากในระยะสั้น โดยแนวโน้มเป็น Side way ต่อไปอีกระยะหนึ่ง ส่วนประเด็นอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อราคาทองคำ

 

ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ส่งสัญญาณว่าจะไม่ยุติโครงการซื้อพันธบัตรลงอย่างกะทันหัน แม้ว่าขณะนี้กองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) มีอำนาจในการแทรกแซงในตลาดรอง โดยอีซีบีจะรอจนกว่าตลาดการเงินมีเสถียรภาพต้องซื้อพันธบัตรของสเปนและอิตาลีในชข่วง 2 เดือนที่ผ่านมาเพื่อทำให้ต้นทุนการระดมทุนสำหรับสองประเทศนี้อยู่ในระดับที่ยั่งยืน และป้องกันสเปนและอิตาลีมิให้ตกอยู่ในสภาพไม่สามารถเข้าระดมทุนในตลาดได้เหมือนอย่างกรีซ, ไอร์แลนด์และโปรตุเกส ซึ่งผู้กำหนดนโยบายของยูโรโซนเรียกร้องให้มีการจำกัดการลุกลามของปัญหา ขณะนี้ EFSF มีอำนาจในการเข้าซื้อพันธบัตรของประเทศที่มีสถานะย่ำแย่ในยูโรโซนเพื่อพยุงราคาพันธบัตร ซึ่งเป็นหน้าที่ที่อีซีบีทำมาโดยตลอดเพื่อป้องกันอิตาลีและสเปนไม่ให้ประสบกับปัญหาในการระดมทุน

 

นอกจากนั้นกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจและการเงินของยุโรปกล่าวว่า อำนาจใหม่ของกองทุน EFSF ซึ่งรวมถึงการปล่อยสินเชื่อในเชิงป้องกันล่วงหน้าให้แก่รัฐบาลและปล่อยกู้เพื่อการเพิ่มทุนธนาคาร รวมทั้งการมีอำนาจมากขึ้นผ่านทางการกู้เงิน และการจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือถาวรนั้นน่าจะช่วยระงับการลุกลามของปัญหาได้ ส่วนผู้กำหนดนโยบายของยุโรปจะสามารถออกแผนการที่เป็นรูปธรรมเพื่อแก้ไขวิกฤติหนี้ของยูโรโซนซึ่งกำลังคุกคามการฟื้นตัวที่เปราะบางของเศรษฐกิจโลก

 

ในขณะเดียวกันตลาดหุ้น และตลาดทองคำก็รอดูผลประกอบการของบริษัทสหรัฐที่จะทยอยประกาศต่อในสัปดาห์นี้ หลังจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งจากกูเกิลอิงค์ช่วยหนุนหุ้นสหรัฐเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (14 ต.ค.) ซึ่งการขยายตัวของผลประกอบการในปัจจุบันอยู่ที่ 12.4% แม้ว่าสำหรับบริษัทในดัชนี S&P 500 ลดลงจากระดับสูงสุดที่17% ในเดือนก.ค.ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามคาดว่าบริษัทชั้นนำ อาทิ แอปเปิลและไอบีเอ็ม ที่จะเปิดเผยผลประกอบการออกมา จะสูงเกินคาด และอาจกระตุ้นแรงซื้อต่อไป ซึ่งหากบริษัทชั้นนำในสหรัฐมีผลประกอบการที่ดี ก็จะช่วยหนุนเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม

 

การประชุมและตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตาม

1. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์คจะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนต.ค.ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย

2. Fed จะเปิดเผยข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนก.ย.ในวันนี้เวลา 20.15 น.ตามเวลาไทย

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,665 1,625 แนวต้านที่ 1,705 1,725 ภาพกราฟราย 60 นาที ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ Side way up ทำจุด Low สูงขึ้น แนะนำเปิด Long ที่แนวรับ และ ปิดทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 31.4 30.8 แนวต้านที่ 33.3 ภาพกราฟราคาราย 60 นาที ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 31 – 33.0 แนะนำ Trading ในกรอบ

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 18 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดลดลง 6.40 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,676.60 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับตัวลดลง เมื่อเยอรมันออกมาระบุว่า จากการประชุม G20 ยังไม่มีมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ของยุโรปได้ในทันที

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดลดลง 6.40 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,665.40 – 1,696.80 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับตัวลดลง เมื่อเยอรมันออกมาระบุว่า จากการประชุม G20 ยังไม่มาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ยุโรปได้ในทันที ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐดัชนีกิจกรรมด้านการผลิตในรัฐนิวยอร์ก (Empire State Index) อยู่ที่ระดับ -8.5 จุดในเดือนต.ค. เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก.ย.ที่ระดับ -8.8 จุด ซึ่งตลาดได้ให้น้ำหนัก กับปัญหาหนี้ยุโรปมากกว่า โดยราคาทองคำได้ถูกมองเป็นสินทรัพย์เสี่ยง เช่นเดียวกับการลงทุนในหุ้น เมื่อปัญหาหนี้ยุโรปกลับมาสร้างความกังวลอีก ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นและทองคำออกมา ทำให้ความเคลื่อนไหวของราคาทองคำเป็นในลักษณะ side way โดยคาดการณ์แนวรับในวันนี้ที่บริเวณ 1,665/1,653 ส่วนแนวต้าน บริเวณ 1,705/1,725

 

o ในสัปดาห์นี้คาดว่า ตลาดยังให้น้ำหนักกับปัญหาหนี้ในยุโรป และการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ประกาศออกมาดีกว่าคาดในสัปดาห์แล้วและมีแนวโน้มจะดีต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ ทำให้ความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวเริ่มคลายลง แต่ทำให้ค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้น กดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลดลงได้ อย่างไรก็ตาม มีหากว่ามีข่าวดีจากการแก้ปัญหายุโรป อาจทำให้ราคาทองคำมีความเคลื่อนไหวเป็น side way up ได้ โดยในระยะสัปดาห์คาดว่าราคาทองคำมีความเคลื่อนไหวในกรอบ แนวต้านบริเวณ 1,705/ 1,725 และมีแนวรับบริเวณ 1,665/1,625/1,600 คำแนะนำ หาจังหวะเปิด Long เมื่อราคาอ่อนตัว เข้าใกล้แนวรับ และปิดทำกำไรบริเวณแนวต้าน 1,705/1,725

 

o ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ตัองจับตาในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนต.ค. ในวันอังคาร ส่วนวันพุธมี ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย. ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และในวันพฤหัสมีจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนก.ย. และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย.

 

o ราคาโลหะเงินปิดลดลง 1.09 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 31.82 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 31.48 – 32.68 USDต่อออนซ์ คาดการณ์กรอบความเคลื่อนไหวในสัปดาห์นี้อยู่ระหว่าง 31.0 – 34.8 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,954.27 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 33.5 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 31.10 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 31.10 – 33.5 USDต่อออนซ์

 

o SPDR ถือทองคำเท่าเดิมจำนวน 1,227.51 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,653– 1,705 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,6530- 1,705

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,500 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

www.classicgoldfutures.co.th

www.classicgold.co.th

www.chaibsengheng.co.th

www.facebook.com/ClassicGoldGroup

www.youtube.com/ilovecgf

www.twitter.com/ilovecgf

www.classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple.com/th/app/classic-gold/id464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 18 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,653 1,625 1,600 แนวต้านที่ 1,690 1,725 ภาพกราฟราย 240 นาที ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ รูปแบบสามเหลี่ยมและหลุดกรอบล่างของสามเหลี่ยม MACD มีค่าติดลบแล้วหลังจากก่อนหน้านี้มีค่าบวกมา 50 แท่ง แนะนำเปิด Long ที่แนวรับ หากหลุดที่ 1,650 ให้ Stop loss และ ปิดทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน

 

มีปัจจัยลบ กดดันราคาทอง

 

 

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 18 ต.ค. อยู่ที่ 1,671.85 USDต่อออนซ์ เคลื่อนไหวในกรอบ ระหว่าง 1,664 - 1,674 USD ต่อออนซ์ ราคาปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,664 USDต่อออนซ์ ในวันนี้ หลังจากหลังจากรมว.คลังเยอรมนี เตือนไม่ให้ตลาดคาดหวังว่าจะมีมาตรการที่จะแก้ไขปัญหาหนี้ของยุโรปอย่างรวดเร็ว และข่าวที่ว่าเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงเล็กน้อยในไตรมาส 3 ได้เพิ่มความวิตกให้นักลงทุนมีความตึงเครียดเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ของยุโรปอีกครั้ง หลังจากการประชุม G20 และการประชุมสุดยอดสหภาพยุโรป ที่จะมีขึ้นในสุดสัปดาห์นี้ ทางผู้นำยุโรปไม่ได้มีแผนที่จะจัดการกับวิกฤติหนี้ครั้งนี้อย่างเด็ดขาด ทำให้นักลงทุนมีความวิตกเกี่ยวกับปัญหาหนี้ของยูโรโซนที่กำลังกระทบความเชื่อมั่น ภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจเอเชีย และการคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดคาดการณ์ผลกำไรภายใน 3-6 เดือนข้างหน้า อาจเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้น และราคาทองคำต่อไป ซึ่งส่งผลกดดันให้ราคาทองคำอาจไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้นต่อได้มากในระยะสั้น โดยแนวโน้มเป็น Side way ต่อไปอีกระยะหนึ่ง ส่วนประเด็นอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อราคาทองคำ

 

เยอรมนีเปิดเผยวานนี้ว่า การประชุมสุดยอดของผู้นำสหภาพยุโรปในวันอาทิตย์นี้จะไม่มียาวิเศษเพื่อแก้ไขวิกฤติหนี้ของยูโรโซน ซึ่งเป็นคำเตือนที่ทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกดิ่งลง หลังจากที่พุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้วจากความคาดหวังต่อมาตรการแก้ไขปัญหา รวมทั้ง รมว.คลังเยอรมนีกล่าวว่ารัฐบาลยุโรปจะไม่เปิดเผยแผนการขั้นเด็ดขาดในการแก้ไขวิกฤติหนี้ในการประชุมสุดยอดวันที่ 23 ต.ค. และเตือนว่า การประชุมครั้งนี้จะไม่มี "มาตรการที่เด็ดขาด"เพื่อแก้ไขวิกฤติซึ่งเริ่มขึ้นที่กรีซเมื่อ 2 ปีก่อน และลุกลามออกไปทั่วยูโรโซน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มการแก้ไขปัญหาของยูโรโซน โดยรัฐบาลของยุโรปจะจัดทำแผน 5 ประเด็นในการประชุมสุดยอดที่กรุงบรัสเซลส์เพื่อรับมือกับภาวะปั่นป่วนที่ทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจโลกมืดมนมีการคาดการณ์กันว่า แผนดังกล่าวจะรวมถึงการเพิ่มทุนธนาคารและลดภาระหนี้ของกรีซลงด้วยการขอให้เจ้าหนี้ภาคเอกชนของกรีซยอมรับการปรับลดมูลค่าทางบัญชีของหนี้ลงมากกว่าระดับ 21% ที่มีการตกลงกันในเดือนก.ค.ปีที่แล้ว

 

 

มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ระบุเตือนว่า มูดี้ส์อาจให้แนวโน้ม"เชิงลบ"แก่อันดับความน่าเชื่อถือที่ Aaa ของฝรั่งเศสภายในเวลา 3 เดือนข้างหน้า ถ้าค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือภาคธนาคาร และประเทศสมาชิกอื่นๆในยูโรโซน ทำให้งบประมาณของฝรั่งเศสตึงตัวมากเกินไป

 

ขณะที่จีนเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัว 9.1%ในไตรมาส 3 ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 9.2% และบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจจีนมีอัตราการขยายตัวต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปี 2009 "ภาวะชะลอตัวจนถึงขณะนี้เป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป และข้อมูลในวันนี้ก็ย้ำมุมมองของเราที่ว่า เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป

การประชุมและตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตาม

1. กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย.ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย

2. สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนต.ค.ในวันนี้เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,653 1,625 1,600 แนวต้านที่ 1,690 1,725 ภาพกราฟราย 240 นาที ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ รูปแบบสามเหลี่ยมและหลุดกรอบล่างของสามเหลี่ยม MACD มีค่าติดลบแล้วหลังจากก่อนหน้านี้มีค่าบวกมา 50 แท่ง แนะนำเปิด Long ที่แนวรับ หากหลุดที่ 1,650 ให้ Stop loss และ ปิดทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 30.30 29.5 แนวต้านที่ 31.6 33.3 ภาพกราฟราคาราย 60 นาที ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 29.5 – 33.0 แนะนำ Trading ในกรอบ

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

www.classicgoldfutures.co.th

www.classicgold.co.th

www.chaibsengheng.co.th

www.facebook.com/ClassicGoldGroup

www.youtube.com/ilovecgf

www.twitter.com/ilovecgf

www.classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple.com/th/app/classic-gold/id464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 19 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดลดลง 23.8 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,652.8 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับตัวลดลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีน และเยอรมัน รวมถึงมูดีส์เตือนว่าอาจจะปรับลดความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศส

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดลดลง 23.8 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,627.09 – 1,675.99 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อจากวันก่อน เมื่อนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ของโลก หลังจากจีนเปิดเผยว่าอัตราการขยายตัวของ GDP ชะลอตัวลงในไตรมาส 3 นอกจากนี้ทองคำกลับถูกมองเป็นสินทรัพย์เสี่ยง เช่นเดียวกับการลงทุนในหุ้น เมื่อปัญหาหนี้ยุโรปกลับมาสร้างความกังวลอีก ทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นและทองคำออกมา ทำให้ความเคลื่อนไหวของราคาทองคำเป็นในลักษณะ side way โดยคาดการณ์แนวรับในวันนี้ที่บริเวณ 1,625/1,600/1,580 ส่วนแนวต้าน บริเวณ 1,686/1,705

 

o ในสัปดาห์นี้คาดว่า ตลาดยังให้น้ำหนักกับปัญหาหนี้ในยุโรป โดยยังมีความวิตกกังวลเกี่ยวเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศยุโรป หลังจากมีรายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนเยอรมนีร่วงลงเกินคาดในเดือนต.ค. สู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบสามปี นอกจากนี้ ยูโรยังได้รับแรงกดดันหลังจากมูดีส์ เตือนว่าอาจจะปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสภายในเวลา 3 เดือนข้างหน้า ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวกดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลดลงได้ อย่างไรก็ตาม หากมีข่าวดีจากการแก้ปัญหายุโรป ในการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ อาจทำให้ราคาทองคำมีความเคลื่อนไหวเป็น side way up ได้ โดยในระยะสัปดาห์คาดว่าราคาทองคำมีความเคลื่อนไหวในกรอบระยะสั้น 1,600 – 1,705 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,600 – 1,705

 

o ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ตัองจับตาในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย. ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และในวันพฤหัสมีจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนก.ย. และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย.

 

o ราคาโลหะเงินปิดเพิ่มขึ้น 0.01 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 31.83 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 30.4 – 32.2 USDต่อออนซ์ คาดการณ์กรอบความเคลื่อนไหวในสัปดาห์นี้อยู่ระหว่าง 30.4 – 33 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวนลดลงมาอยู่ที่ 9,893.73 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 32.6 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 31.5 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 31.5 – 32.6 USDต่อออนซ์

 

o SPDR ถือทองคำเท่าเดิมจำนวน 1,227.51 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,600 – 1,705 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,600- 1,705

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,500 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 19 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,625 1,600 แนวต้านที่ 1,665 1,686 ภาพกราฟราย 240 นาที ราคาติดแนวต้านเส้น MA 75 ที่ 1,665 และ MACD อยู่ในโซนลบมีค่าลบเพิ่มขึ้น แนะนำเปิด Long ที่แนวรับ และ

ปิดทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน

 

ปัญหายูโรโซนกดดันราคาทองต่อไป

 

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 19 ต.ค. อยู่ที่ 1,662.0 USDต่อออนซ์ เคลื่อนไหวระหว่าง 1,643 - 1,663 USD ต่อออนซ์ ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะลดลงจนแตะจุดต่ำสุดที่ 1,643 USDต่อออนซ์ หลังจากนักลงทุนมีความกังวลว่าปัญหาหนี้ยุโรปมีแนวโน้มยืดเยื้อ เนื่องจากประเทศผู้นำที่สำคัญในสหภาพยุโรปอย่างเยอรมันและฝรั่งเศส ยังเกิดความสั่นคลอนทางเศรษฐกิจ จะเห็นได้จากดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนเยอรมนีร่วงลงเกินคาดในเดือนต.ค. และมูดีส์มีแนวโน้มปรับลดความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศส ประกอบกับมูดี้ส์ ยังประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปนลง 2 ขั้น จาก Aa2 สู่ A1 หลังจากที่ S&P และฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ปรับลดความน่าเชื่อถือของสเปนไปก่อนหน้า สถานการณ์ดังกล่าวกดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลดลงต่อ ถึงแม้ว่าจะมีข่าวว่าผู้นำของฝรั่งเศสและเยอรมนีเห็นพ้องต้องกันที่จะเพิ่มขนาดของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ขึ้นเป็น 2 ล้านล้านยูโร ในการประชุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 23 ต.ค.นี้ อย่างไรก็ตามยังไม่มีความชัดเจนเพียงพอที่กระตุ้นให้ตลาดกลับมาสดใสอีกครั้ง

 

โดยผู้นำยูโรโซนจะประชุมกันในวันที่ 23 ต.ค.นี้ จะหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในกรีซ และคาดว่าจะตกลงกันเกี่ยวกับรูปแบบการเพิ่มประสิทธิภาพของกองทุน EFSF โดยอาจจะเกี่ยวกับการใช้ EFSF เพื่อค้ำประกันการขาดทุนครั้งแรกสำหรับการออกตราสารหนี้ยูโรโซนครั้งใหม่ เจ้าหน้าที่อียูระบุว่า ข้อตกลงใดๆที่อาจเกิดขึ้นในการประชุมครั้งนี้ มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขนาดกองทุนราว 3-5 เท่า แต่จะไม่ใช่จำนวนทั้งหมด โดยอาจเพิ่มวงเงินสูงสุดสู่ระดับราว 1.5 ล้านล้านยูโรเท่านั้น

 

ขณะที่รัฐบาลกรีซสามารถระดมทุนครั้งล่าสุดได้ 1.625 พันล้านยูโร (2.24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากการออกพันธบัตรชุดใหม่อายุ 3 เดือน ด้วยอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 4.61% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการประมูลครั้งก่อนที่ 4.56% ในขณะที่กรีซพยายามดิ้นรนเพื่อให้ประเทศหลุดพ้นจากการล้มละลายอันเนื่อง มาจากตัวเลขหนี้สาธารณะของกรีซพุ่งขึ้นแตะระดับ 144.9% ของจีดีพีเมื่อปีที่แล้วนั้น กรีซจำเป็นต้องพึ่งพามาตรการให้ความช่วยเหลือมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่ อนุมัติโดยสหภาพยุโรป (อียู) และไอเอ็มเอฟ เมื่อเดือนพ.ค. 2553 และต้องพึ่งพาการขายพันธบัตรระยะสั้นรายเดือน เพื่อระดมทุนสำหรับการใช้จ่ายที่จำเป็น โดยมีเป้าหมายที่จะคลี่คลายวิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซน

 

ฝรั่งเศสและเยอรมนีตกลงกันว่าธนาคารพาณิชย์ในยุโรปควรเพิ่มทุนเพื่อจะได้ดำรงเงินกองทุน 9 % ตามที่สำนักงานการธนาคารยุโรป (EBA) เรียกร้อง หลังจากได้สำรวจระดับความเสี่ยงของธนาคารราว 60-70 แห่ง "ที่มีความสำคัญต่อระบบ" นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่ารัฐบาลเยอรมนีและฝรั่งเศสใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงกันในเรื่องการเพิ่มขนาดการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินรอบ 2 สำหรับกรีซ ซึ่งมีวงเงิน 1.09 แสนล้านยูโร โดยในเดือนก.ค.ที่ผ่านมาได้มีการตกลงกันว่า ธนาคารที่ถือครองพันธบัตรรัฐบาลกรีซจะสมัครใจปรับลดหนี้กรีซลง 21 % แต่สถานการณ์ทางการเงินที่ย่ำแย่ลงในช่วงต่อมาส่งผลให้เยอรมนีเรียกร้องให้ภาคเอกชนยอมปรับลดหนี้กรีซลงถึง 50 %

 

สำหรับประเทศจีนซึ่งเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ของโลก มีแนวโน้มชะลอตัวทางเศรษฐกิจ เนื่องจากอัตราการขยายตัวของ GDP ลดลงในไตรมาส 3 อย่างไรก็ตามนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ระบุว่าโอกาสที่เศรษฐกิจจีนจะถดถอยรุนแรงมีน้อยมาก โดยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของจีน (FDI) อยู่ที่ 8.67 หมื่นล้านดอลลาร์ ในช่วงไตรมาส 1-3 ของปีนี้ เพิ่มขึ้น 16.6%จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในเดือนก.ย. จีนมี FDI 9 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7.9% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว กระแสการลงทุนเข้าจีน ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงหลายปีหลังจากจีนเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) ในปี 2001 ฟื้นตัวขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมาหลังจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

การประชุมและตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตาม

1. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ย.ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย

2. กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย.ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,625 1,600 แนวต้านที่ 1,665 1,686 ภาพกราฟราย 240 นาที ราคาติดแนวต้านเส้น MA 75 ที่ 1,665 และ

MACD อยู่ในโซนลบมีค่าลบเพิ่มขึ้น แนะนำเปิด Long ที่แนวรับ และ ปิดทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 30.5 29.5 แนวต้านที่ 32.6 33.0 ภาพกราฟราย 60 นาที มีแรงขายบริเวณที่ ราคา 32.6 ราคาเคลื่อนไหว

ในกรอบ 31 – 33.0 แนะนำ Trading ในกรอบ

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 20 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดลดลง 5.8 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,647 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับตัวลดลง

เนื่องจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ และความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดลดลง 5.8 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,639 – 1,664 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเป็นวันที่ 3 เมื่อปัญหาหนี้ยุโรปยังไม่ได้รับการเยี่ยวยา อีกทั้งเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของกลุ่มยุโรโซน ก็มีแนวโน้มที่ไม่ดีนัก เห็นได้จากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือทยอยออกมาปรับลดความน่าเชื่อถือแก่ประเทศในกลุ่มยูโรโซน

โดยวานนี้มูดี้ส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปนลง 2 ขั้น ประกอบกับความผิดหวังกับการคาดการณ์ของ Fed ที่ว่าวิกฤตการเงินของสหรัฐที่เกิดขึ้นรอบล่าสุดจะรุนแรงขึ้นอีก และจะส่งผลกระทบอย่างยาวนานต่อเศรษฐกิจสหรัฐในทุกๆด้าน โดยสถานการณ์ดังกล่าวกดดันราคาทองคำให้มีแนวโน้มปรับลดลงต่อ

 

o ราคาทองคำถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์เสี่ยง เนื่องจากการคาดการณ์ความเคลื่อนไหวของราคาทำได้ยากขึ้น และมีแนวโน้มถูกกดดันจากภาพทางเทคนิคที่ไม่สามารถผ่านเส้น MA 75 ได้ ทำให้ราคาไม่สามารถปรับขึ้นยืนเหนือ 1,655 USDต่อออนซ์

ได้ในช่วงนี้ ถ้าดูจากกราฟในราย 240 นาที มีแนวรับบริเวณ 1,600 และถัดไป 1,580 ส่วนแนวต้านมีที่บริเวณ 1,645 และถัดไป 1,665 แนะนำเปิด Long ที่แนวรับ 1,600/1,580 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณ 1,645/1,665

 

o ดัชนีค่าเงิน USD อ่อนค่าลงมาที่ระดับ 77.14 และเทียบกับเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.3768 USDต่อยูโร

ในเช้าวันนี้ โดยการแข็งค่าของ US dollar เป็นปัจจัยลบกดดันการถือครองทองคำ ราคาน้ำมันดิบ Nymex ปรับลดลงเล็กน้อย 2.24 USDต่อบาร์เรล ปิดที่ 86.29 USDต่อบาร์เรล ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปรับลดลง 72.4 จุด

เนื่องจากความกังวลกับปัญหาหนี้ยุโรป และการชะลอตัวทางเศรษฐกิของสหรัฐ (-)

 

o ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ตัองจับตาในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนก.ย. และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย.

 

o ราคาโลหะเงินปิดลดลง 0.55 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 31.27 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 30.8 – 32 USDต่อออนซ์ คาดการณ์กรอบความเคลื่อนไหวในสัปดาห์นี้อยู่ระหว่าง 29.6 – 33 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิมที่ 9,893.73 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 32.6 USDต่อออนซ์

และแนวรับบริเวณ 30.5 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 30.5 – 32.6 USDต่อออนซ์

o SPDR ถือทองคำเท่าเดิมจำนวน 1,227.51 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,600 – 1,705 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,600- 1,705

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,500 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 20 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,600 1,580 แนวต้านที่ 1,645 1,665 ภาพกราฟราย 240 นาที MACD เคลื่อนไหวแดนลบต่อเนื่อง แนะนำรอปิด Long ที่แนวรับ โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,645

 

 

ปราศจากปัจจัยบวก หนุนราคาทองคำ

 

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 20 ต.ค. อยู่ที่ 1,627 USDต่อออนซ์ เคลื่อนไหวระหว่าง 1,609 - 1,630 USD ต่อออนซ์ ราคาปรับลดลงต่อเป็นวันที่ 4 ระหว่างวันแตะจุดต่ำสุดที่ 1,609 USDต่อออนซ์ เมื่อได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่าผู้นำยุโรปอาจจะไม่สามารถควบคุมวิกฤติหนี้ยุโรป เนื่องจากฝรั่งเศสและเยอรมนี ยังไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องการเพิ่มทุนให้กับกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ประกอบกับความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐ ถึงแม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจ และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐส่วนใหญ่จะออกมาดีขึ้น แต่ก็ไม่สามารถหนุนให้เศรษฐกิจโดยรวมปรับตัวดีขึ้นเท่าที่ควร ประเด็นดังกล่าวมีผลกดดันต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองในสัปดาห์นี้ต่อเนื่อง และหากพิจารณาจากการเคลื่อนไหวราคาทองคำทางเทคนิคปรากฏสัญญาณลบ จากการที่ราคาพยายามไต่ระดับเหนือเส้น MA 75 วัน แต่ยืนไม่ได้ ประกอบกับ MACD ตั้งฐานในแดนลบมากขึ้น คาดว่าจะกลับปรับฐานลงต่อ และหากไม่สามารถยืนเหนือแนวรับระยะสั้นที่ 1,600 USDต่อออนซ์ คาดว่าราคาจะปรับตัวลงไปสร้างฐานใหม่ที่แนวรับบริเวณ 1,580 USDต่อออนซ์

 

ความขัดแย้งในเรื่องแนวทางการปรับเพิ่มประสิทธิภาพกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) เป็นอุปสรรคขัดขวางการเจรจาในความพยายามหาทางคลี่คลายปัญหาก่อนที่จะถึงการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ในวันอาทิตย์นี้ ทั้งนี้ ฝรั่งเศสมองว่า วิธีการที่ดีที่สุดในการเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่กองทุนEFSF คือการแปลง EFSF ให้กลายเป็นธนาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลให้ EFSFสามารถกู้เงินจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้ อย่างไรก็ดี ทั้งอีซีบีและรัฐบาลเยอรมนีต่างก็คัดค้านแนวคิดนี้

 

เฟด เปิดเผยรายงาน Beige Book ซึ่งเป็นรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจจากเฟดทั้ง 12 เขตในสหรัฐ ระบุว่า ภาคธุรกิจในหลายเขตของสหรัฐมีแนวโน้มอ่อนแอลง แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังคงมีการขยายตัวในเดือนก.ย. แต่เศรษฐกิจในหลายเขตของสหรัฐมีการขยายตัวเพียงปานกลาง ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานในบางเขตของสหรัฐปรับตัวลดลงเนื่องจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ กิจกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป โดยตัวเลขการก่อสร้างที่อยู่อาศัยยังคงเคลื่อนไหวในระดับต่ำ และยอดขายบ้านยังคงอ่อนแอ ส่วนตัวเลขการใช้จ่ายในภาคธุรกิจปรับตัวเพิ่มขึ้นในบางเขต ขณะที่หลายเขตรายงานว่าภาคธุรกิจวางแผนลดการใช้จ่ายด้านทุนและการจ้างงาน

 

ขณะที่สถาบันวิจัยเครดิต สวิสเปิดเผยตัวเลขความมั่งคั่งทั่วโลก พบว่า เอเชีย แปซิฟิคเป็นส่วนสำคัญในการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก โดยคิดเป็น 36% ในการสร้างรายได้ให้กับโลกมานับตั้งแต่ปี 2543 และขยายตัวเป็น 54% นับตั้งแต่เดือนม.ค. 2553 และพบว่าตลาดเกิดใหม่เป็นกลไกสำคัญสู่การขยายตัวของความมั่งคั่ง โดยการเติบโตที่เร็วที่สุดอยู่ในละติน อเมริกา แอฟริกา และเอเชีย โดยมูลค่าความมั่งคั่งภาคครัวเรือนในเอเชีย แปซิฟิคเพิ่มขึ้น 23% มาแตะ 75 ล้านล้านดอลลาร์ จาก 61 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค.2553 ขณะที่ในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรปมีการขยายตัวของความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น 9.2% และ 4.8% ตามลำดับเท่านั้น

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐที่ต้องติดตาม

1. 19.30 น. กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

2. 20.33 น. คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด เปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนก.ย.

3. 21.00 น. ธนาคารกลางสหรัฐสาขาฟิลาเดลเฟียเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนต.ค.

4. 21.00 น. สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย.

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,600 1,580 แนวต้านที่ 1,645 1,665 ภาพกราฟราย 240 นาที MACD เคลื่อนไหวแดนลบต่อเนื่อง แนะนำรอปิด Long ที่แนวรับ โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,645

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 30.50 29.6 แนวต้านที่ 32.6 33.0 ภาพกราฟราย 240 นาที มีแรงขายบริเวณที่ ราคา 32.6 ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 29.6 – 33.0 แนะนำ Trading ในกรอบ

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 21 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดลดลง 34.10 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,612.90 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับตัวลดลง เมื่อการแก้ปัญหาหนี้ของยุโรปยังไม่มีความคืบหน้า และความกังวลในเรื่องอันดับเครดิตของฝรั่งเศส

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดลดลง 34.10 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,604.70 – 1,645.50 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำเมื่อเปิดตลาด COMEX ปรับตัวลดลง เมื่อการแก้ปัญหาหนี้ของยุโรปยังไม่มีความคืบหน้า และยังไม่มีความแน่นอนเกี่ยวกับกองทุน EFSF นอกจากนี้มีความกังวลในเรื่องอันดับเครดิตของฝรั่งเศสว่าอาจถูก S&P ปรับลดอันดับเครดิตลงจากระดับ AAA ส่วนการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาค่อนข้าง mixed ได้แก่ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือน ก.ย. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 6,000 ราย ดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานในแถบมิดแอตแลนติกพุ่งขึ้นในต.ค. แต่ยอดขายบ้านมือสองดิ่งลง 3% ในเดือน ก.ย.

 

o อย่างไรก็ตาม นักลงทุนให้น้ำหนักต่อความไม่แน่นอนในการแก้ไขปัญหาหนี้ของยุโรป และการที่ฝรั่งเศสจะถูกปรับลดอันดับเครดิตลง ทำให้ขายสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น รวมถึงทองคำซึ่งในช่วงนี้นักลงทุนเห็นว่าเป็นสินทรัพย์เสี่ยง ราคาทองคำปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน ถ้าดูภาพกราฟราคาทองคำในรายสัปดาห์ ราคาทองคำในสัปดาห์นี้ปรับตัวลดลงมาแรงหลังจากที่ราคาไม่สามารถยืนเหนือระดับ 1,680 ได้ โดยมีแนวโน้มจะไปทดสอบแนวรับที่บริเวณ 1,600 และถัดไปบริเวณ 1,575

 

o ในสัปดาห์นี้คาดว่า ตลาดยังให้น้ำหนักกับปัญหาหนี้ในยุโรป ซึ่งมีประเด็นที่ต้องติดตามได้แก่ การประชุมผู้นำยุโรปในช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยการประชุมจะพิจารณาในเรื่องการแก้ปัญหาหนี้ของกรีซ และการเพิ่มเงินกองทุน EFSF อย่างไรก็ตามข่าวที่ออกมาในช่วงนี้ ทำให้นักลงทุนมีความไม่มั่นใจเกี่ยวกับกองทุน EFSF และมีการขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาทองคำในช่วงนี้มีแนวโน้มเป็น side way down หลังจากไม่สามารถยืนเหนือ 1,680 USDต่อออนซ์ได้ โดยคาดการณ์แนวต้านบริเวณ 1,645/1,665/1,680 และมีแนวรับบริเวณ 1,600/ 1,575 คำแนะนำ หาจังหวะเปิด Short เมื่อราคาปรับตัวเข้าใกล้แนวต้าน 1,645/ 1,665 โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,600/ 1,575

 

o ราคาโลหะเงินปิดลดลง 1.00 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 30.28 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 29.94 – 31.38 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวน 9,874.05 ตัน ปรับ วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 31.10 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 29.60 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 29.6 – 31.10 USDต่อออนซ์

 

o SPDR ถือทองคำจำนวนเท่าเดิมที่ 1,227.51 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,574 – 1,680 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,575 - 1,680

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,500 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 25 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 16.20 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,652.30 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อมีความหวังว่าจะมีมาตรการเบ็ดเสร็จในการแก้ปัญหาหนี้ของยุโรป

 

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 16.20 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,636.60 – 1,663.30 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น ตั้งแต่วันศุกร์โดยปิดเพิ่มขึ้น 23.20 USDต่อออนซ์หรือเพิ่มขึ้น 1.44% และในวันจันทร์เพิ่มขึ้นอีก 0.99% เมื่อนักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้นว่าหลังการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปในวันอาทิตย์ จะส่งผลให้มีการแก้ปัญหาหนี้ของยุโรปประสบความสำเร็จได้ โดยผู้นำเยอรมันและฝรั่งเศสกล่าวว่าจะพบเจรจากันอีกครั้งในวันพุธ มีผลทำให้ราคาหุ้นดาวโจนส์ปรับบวกเพิ่มขึ้น 2.31% ในวันศุกร์ และเพิ่มขึ้นอีก 0.89%

 

o ราคาทองคำและดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องในวันจันทร์ เมื่อตัวเลขเศรษฐกิจของจีนและญี่ปุ่นปรับตัวดีขึ้น และนักลงทุนมีความหวังในการแก้ปัญหาของยุโรป ถ้าดูกราฟในรายวันหลังจากปรับตัวลดลงติดต่อกัน 4 วัน แต่ยังยืนเหนือ 1,600 USDต่อออนซ์ ทำให้คาดว่าความเคลื่อนไหวในสัปดาห์เป็น side way อยู่ในกรอบ 1,600 – 1,680

 

o ในสัปดาห์นี้คาดว่า ตลาดยังให้น้ำหนักกับปัญหาหนี้ในยุโรป ซึ่งมีประเด็นที่ต้องติดตามได้แก่ การประชุมผู้นำยุโรปซึ่งได้เลื่อนการตัดสินใจขั้นสุดท้ายมาเป็นวันพุธที่จะถึงนี้ โดยการประชุมจะพิจารณาการเพิ่มทุนให้กับธนาคาร วิธีการใช้กองทุน EFSF ในการแก้ไขปัญหา รวมถึงมาตรการเบ็ดเสร็จในการแก้ปัญหาให้ทันการประชุมสุดยอด G20 ในวันที่ 2-3 พ.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม การประชุมดังกล่าวอาจยืดเยื้อออกไปได้ ทำให้ราคาทองคำมีโอกาสแกว่งตัวเป็นลักษณะ side way ต่อไปในสัปดาห์นี้

 

o ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ได้แก่ วันอังคาร ราคาบ้านเดือนส.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนต.ค. วันพุธ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย. ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย. ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันพฤหัสบดี จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 3/2011 ดัชนีการผลิตเขตมิดเวสต์เดือนก.ย. ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย เดือนก.ย. วันศุกร์รายได้ส่วนบุคคลเดือนก.ย. ดัชนีต้นทุนการจ้างงานประจำไตรมาส 3/2011 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนต.ค.

 

o สำหรับในวันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 1,663 และถัดไป 1,680 ส่วนแนวรับคาดว่าที่บริเวณ 1,640/ 1,623 คาดว่าการปรับขึ้นของราคาทองคำในช่วงนี้จะยังไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณดังกล่าวไปได้ คำแนะนำ หาจังหวะเปิด Short เมื่อราคาปรับตัวเข้าใกล้แนวต้าน 1,663/1,680 โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,600 USDต่อออนซ์

 

o ราคาโลหะเงินปิดลดลง 0.45 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 31.64 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 31.23 – 32.04 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ขายโลหะเงินออก 33.3 ตัน ถือโลหะเงินจำนวน 9,840.75 ตัน ปรับ วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 32.2 และถัดไปที่ 32.9 และแนวรับบริเวณ 29.8 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 29.8 – 32.9 USDต่อออนซ์

 

o SPDR ซื้อทองคำเพิ่มขึ้น 6.05 ตัน รวมถือทองคำจำนวน 1,233.56 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,600 – 1,680 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,600 - 1,680

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,500 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...