ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ilovecgf

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ

โพสต์แนะนำ

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 3 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 5.00 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,622.30 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นเมื่อนักลงทุนมีความกังวลต่อการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้นักลงทุนหันกลับมาลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 5.00 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,607.80 – 1,642.50 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นเมื่อนักลงทุนมีความกังวลต่อการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้นักลงทุนหันกลับมาลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น ดัชนีตลาดหุ้นในสหรัฐและยุโรปปรับลดลงแรงอีกครั้งกว่า 2% จากความกังวลเพิ่มขึ้นต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก เมื่อตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนปรับลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน

 

o กรีซไม่สามารถลดการขาดดุลงบประมาณได้ตามที่ตกลงไว้กับ IMF และ EU ในการขอความช่วยเหลือ จากการคาดการณ์งบประมาณขาดดุลของรัฐบาลกรีซในปีนี้และปีหน้า คาดว่า กรีซจะขาดดุลงบประมาณ 8.5% ของ GDP ในปีนี้ซึ่งสูงกว่า 7.6% ตามเป้าหมายเดิม และจะขาดดุล 14.6 พันล้านยูโรหรือ 6.8% ของ GDP สูงกว่า 6.5% ของเป้าหมายเดิม ซึ่งเรื่องนี้คณะตรวจสอบของ IMF EU และธนาคารกลางยุโรปรับทราบแล้ว มีการคาดการณ์ว่า กรีซจะไม่มีเงินสดในการใช้จ่ายและชำระหนี้ ถ้าหากไม่ได้รับความช่วยเหลือภายในเดือนนี้ และหนี้ของกรีซจะถูก hair cut ให้ลดลงเหลือ 50% ของหนี้ทั้งหมด ผลกระทบจากปัญหาของกรีซ ทำให้ค่าเงินยูโรกลับมาอ่อนค่าอย่างหนักอีกครั้ง และทำให้ค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้นมากมาที่ระดับ 1.335 USDต่อยูโรและราคาทองคำมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (+)

 

o ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ตัองจับตาในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ปัญหาหนี้สินของกรีซ การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิคเดือน ก.ย.ในวันจันทร์ ยอดสั่งซื้อสินค้าโรงงานวันอังคาร ส่วนวันพุธมี การจ้างงานทั่วประเทศ ดัชนีภาคบริการเดือนก.ย. และสต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันพฤหัสมีดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจและจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ วันศุกร์ การจ้างงานนอกภาคเกษตร

 

 

o แนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้คาดว่าจะ มีความเคลื่อนไหวเป็น side way up หลังจากที่ราคาปรับลดลงติดต่อกัน 4 สัปดาห์ กราฟราคาในระดับวันเริ่มทรงตัวได้ยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน โดยมีแนวต้านบริเวณ 1,679/1,704/ 1,750 USDต่อออนซ์ ส่วนแนวรับในสัปดาห์คาดว่าที่บริเวณ 1,580/1,530 USDต่อออนซ์ แนะนำ เปิด Long เมื่อผ่านแนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 25 วันบริเวณ 1,631 USDต่อออนซ์ โดยมีเป้าหมายทำกำไรเป้าหมายแรกบริเวณ 1,679/1,704

 

o ราคาโลหะเงินปิดลดลง 0.44 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 30.08 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 29.66 – 31.34 USDต่อออนซ์ คาดว่าสัปดาห์นี้ความเคลื่อนไหวเป็นลักษณะ side way down โดยมีกรอบความเคลื่อนไหวระหว่าง 28.7 – 33.0 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ขายโลหะเงินออก 51.47 ตัน เหลือถือโลหะเงินจำนวน 9,995.68 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 31.20 และแนวรับบริเวณ 29.2 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 29.2 – 31.2 USDต่อออนซ์

 

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,580 – 1,679 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,580 - 1,679

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,500 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 3 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,631 /1,610 แนวต้านที่ 1,690 /1,725 สัญญาณในราย 240 นาที ราคาสามารถผ่าน MA 25 และ MA 34 มาได้ ระยะสั้นคาดวิ่งขึ้นไปทดสอบ แนวต้าน 1,690 ที่ MA 75 และแนวต้าน 1,725 ซึ่งถ้าผ่าน 1,725 – 1,730 (MA 200 วัน) จะเริ่มเปลี่ยนแนวโน้มเป็น Up Trend

 

เริ่มสะสมทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

 

ราคาทองคำในตลาดเอเชียเปิดตลาดตอนเช้าวันที่ 03 ต.ค.ที่บริเวณ 1,617 USDต่อออนซ์ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 1,617 – 1,656 USD ต่อออนซ์ ราคาทะลุผ่านเส้น Moving Average 25 ในกราฟราย 4 ช.ม.ขึ้นมาได้ ทำให้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเริ่มยืนเหนือ 1,600 USDต่อออนซ์ได้ตั้งแต่วันศุกร์จากการที่นักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาลงทุนในทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น ส่วนประเด็นที่ต้องติดตามในช่วงนี้ ได้แก่ การชะลอตัวเศรษฐกิจยุโรป ปัญหาหนี้สินกรีซ การชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีน ซึ่งประเด็นต่าง ๆ ก็มีผลต่อต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดหุ้น และนักลงทุนเริ่มเข้าสะสมทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น

 

เศรษฐกิจยุโรป นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และรมว.คลังเยอรมนี ไม่เห็นด้วยกับการที่กรีซจะออกจากยูโรโซน และนายกเยอรมันยังกล่าวเตือนว่า การผิดนัดชำระหนี้ของกรีซอาจก่อให้เกิดผลกระทบแบบโดมิโนต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ นอกจากนี้ธนาคารในยุโรปเริ่มมีปัญหาสภาพคล่อง ธนาคารเด็กเซีย ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสัดส่วนการลงทุนจำนวนมหาศาลในกรีซ ทำให้รัฐบาลของฝรั่งเศสและเบลเยี่ยมจะประชุมกันเพื่อเพิ่มทุนให้กับธนาคารเด็กเซีย

 

ในด้านภาวะเศรษฐกิจของเยอรมัน ตัวเลขยอดค้าปลีกของเยอรมนีบ่งชี้ถึงแนวโน้มที่ซบเซาของเศรษฐกิจ ทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงมามากมาอยู่ที่ระดับ 1.33 USDต่อยูโร ราคาของสินทรัพย์เสี่ยงและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตกต่ำลง เช่น ดัชนีตลาดหุ้นในเอเชียปรับลดลงแรงกว่า 4% ในวันจันทร์ เช่นเดียวกับราคน้ำมันที่ปรับลดลงมากกว่า 1% โดยนักลงทุนหันเข้าไปถือสินทรัพย์ปลอดภัย คือ เงินดอลลาร์ และทองคำมากขึ้น ในขณะที่ผู้จัดการกองทุนนอกสหรัฐจำเป็นต้องเข้าซื้อดอลลาร์ เพราะว่าการดิ่งลงของตลาดหุ้นสหรัฐในเดือนก.ย. ส่งผลให้ผู้จัดการกองทุนนอกสหรัฐจำเป็นต้องปรับสมดุลการทำประกันความเสี่ยงด้านสกุลเงินของตนเอง

 

ประเด็นหนี้สินกรีซ กรีซจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการขาดดุลในปีนี้และปีหน้า ซึ่งอาจทำให้กรีซต้องขอเงินกู้ช่วยเหลือเพิ่มเติมจากกลุ่มเจ้าหนี้ระหว่างประเทศ ส่วนรัฐบาลอื่นๆในยูโรโซนอาจจะไม่ต้องการเข้ามาช่วยลดยอดขาดดุลของกรีซ ทำให้มีแนวโน้มว่าผู้ถือพันธบัตรของกรีซ อาจจำเป็นต้องทำการปรับลดมูลค่าพันธบัตร (hair cut) มากขึ้น ยอดขาดดุลกรีซจะอยู่ที่ 8.5 % GDP ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ 7.6 % ส่วนยอดขาดดุลในปีหน้าคาดว่าจะเท่ากับ 6.8 % ของ GDPในปีหน้า ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ 6.5 % มีกาคาดการณ์ว่า การผิดนัดชำระหนี้ของกรีซและการออกจากยูโรโซนเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เพื่อป้องกันการลุกลามไปยังประเทศที่อ่อนแออื่นๆ โดยช่วงเข้า – บ่ายตลาดหุ้นเอเชีย ยุโรป และดาวนโจนส์ฟิวเจอร์ ได้ปรับตัวอย่างรุนแรง เนื่องจากมีความวิตกเกี่ยวกับ การผิดนัดชำระหนี้ของกรีซ

 

ตัวเลขเศรษฐกิจของจีน ภาคการผลิตของจีนหดตัวลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันในเดือนก.ย. ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อในภาคโรงงานทวีความเร็วขึ้น ทั้งนี้ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของจีนอยู่ที่ 49.9 ในเดือนก.ย.ซึ่งเท่ากับเดือนส.ค. การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจและการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ ส่งผลให้ตลาดหุ้นกับตลาดสินค้าโภคภัณร่วงลง ทำให้นักเก็งกำไรปรับลดการถือครองสถานะซื้อสุทธิในสัญญาล่วงหน้าและออปชั่นน้ำมันดิบสหรัฐลง ราคาน้ำมันร่วงอย่างมากเกือบ 3% ในวันศุกร์ ซึ่งสาเหตุมาจากความตัวเลขภาคการผลิตของจีนที่หดตัวลงและกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินกรีซ การชะลอตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซน และการถดถอยของเศรษฐกิจโลก

การประชุมที่เศรษฐกิจและตัวเลขที่สำคัญของสหรัฐ

1 ยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือน ส.ค. ของสหรัฐ วันที่ 04 ต.ค. 54

2 สหรัฐประกาศตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศเดือน ก.ย. วันที่ 05 ต.ค. 54

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,631 /1,610 แนวต้านที่ 1,690 /1,725 สัญญาณในราย 240 นาที ราคาสามารถผ่าน MA 25 และ MA 34 มาได้ ระยะสั้นคาดวิ่งขึ้นไปทดสอบ แนวต้าน 1,690 ที่ MA 75 และแนวต้าน 1,725 ซึ่งถ้าผ่าน 1,725 – 1,730 (MA 200 วัน) จะเริ่มเปลี่ยนแนวโน้มเป็น Up Trend

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 29.6 / 28.5 และแนวต้านที่ 31.5 / 32.8 / 33.3 ในราย 240 นาที มีเส้น MA 25 กดไว้ คาดราคาวิ่งไปทดสอบแนวต้าน 31.5 (MA 34) แนวต่อไป 33.3 (MA 75 และ High เดิม)

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 4 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 35.40 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,657.70 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นเมื่อนักลงทุนมีความกังวลต่อความเสี่ยงที่กรีซจะผิดนัดชำระหนี้

 

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 35.40 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,620.00 – 1,667.00 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นเมื่อนักลงทุนมีความกังวลต่อความเสี่ยงที่กรีซจะผิดนัดชำระหนี้ เนื่องจากกรีซไม่สามารถลดการขาดดุลงบประมาณได้ตามเงื่อนไขที่จะได้รับเงินช่วยเหลือจาก IMF และ EU ทำให้อาจมีความล่าช้าในการปล่อยเงินกู้ 8 พันล้านยูโรให้แก่กรีซ ทำให้นักลงทุนหันกลับมาลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำเพิ่มขึ้น ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงแรงต่อเนื่อง 2 - 5% แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐจะออกมาดี ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ย.ปรับเพิ่มขึ้นที่ระดับ 51.6 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนส.ค.ที่ระดับ 50.6 จุด ขณะที่ยอดการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนส.ค.ของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.4% สู่ระดับ 7.9915 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี

 

o มูดีส์ระบุว่าบริษัทอยู่ในระหว่างการทบทวนความเป็นไปได้ที่จะลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารเด็กเซีย ซึ่งเด็กเซียได้ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลกรีซรวม 3.4 พันล้านยูโร สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของธนาคาร ทั้งนี้ฝรั่งเศสและเบลเยียมเตรียมพร้อมรับมือและหามาตรการปรับปรุงดุลบัญชีของเด็กเซีย (+)

 

o เฟดเตรียมปรับนโยบายการเงินเพื่อใช้รับมือสถานการณ์อย่างเหมาะสม ขณะเดียวกันจำเป็นต้องชั่งน้ำหนักระหว่างเงินเฟ้อกับการสนับสนุนการฟื้น ตัวของเศรษฐกิจ

 

o แนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้คาดว่าจะ มีความเคลื่อนไหวเป็น side way up หลังจากที่ราคาปรับลดลงติดต่อกัน 4 สัปดาห์ กราฟราคาในระดับวันเริ่มทรงตัวได้ยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน โดยมีแนวต้านบริเวณ 1,679/1,705/ 1,750 USDต่อออนซ์ ส่วนแนวรับในสัปดาห์คาดว่าที่บริเวณ 1,580/1,530 USDต่อออนซ์ ส่วนวันนี้คาดว่ามีแนวรับบริเวณ 1,631/1,600 แนวต้าน 1,679/1,705 แนะนำ เปิด Long ไว้ถือต่อ โดยมีเป้าหมายทำกำไรเป้าหมายแรกบริเวณ 1,679/1,705

 

o ราคาโลหะเงินปิดเพิ่มขึ้น 0.71 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 30.80 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 29.67 – 31.43 USDต่อออนซ์ คาดว่าสัปดาห์นี้ความเคลื่อนไหวเป็นลักษณะ side way โดยมีกรอบความเคลื่อนไหวระหว่าง 28.7 – 33.0 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,995.68 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 31.90 และแนวรับบริเวณ 29.0 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 29.2 – 31.2 USDต่อออนซ์

 

o SPDR ซื้อทองคำเพิ่มขึ้น 0.3 ตัน ถือทองคำจำนวน 1,232.23 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,600 – 1,705 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,600 - 1,705 แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,500 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 4 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,645 / 1,630 แนวต้านที่ 1,690 / 1,725 สัญญาณในราย 240 นาที ราคาระยะสั้นคาดวิ่งขึ้นไปทดสอบ แนวต้าน 1,690 ที่ MA 75 และแนวต้าน 1,725 ซึ่งถ้าผ่าน 1,725 – 1,730 (MA 200 วัน) จะเริ่มเปลี่ยนแนวโน้มเป็น Up Trend โดยระยะสั้นเคลื่อนไหวในกรอบ 1,645 – 1,690

 

 

วิกฤตหนี้ของกรีซส่งผลบวกต่อทองคำ

 

ราคาทองคำในตลาดเอเชียเปิดตลาดตอนเช้าวันที่ 04 ต.ค.ที่บริเวณ 1,660 USDต่อออนซ์ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 1,656 – 1,675 USD ต่อออนซ์ กราฟราคาราย 4 ชั่วโมง ราคาในช่วงเช้า – บ่ายสามารถยืนอยู่เหนือเส้น Moving Average 5 วันได้ ทำให้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากการที่นักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาลงทุนในทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น ส่วนประเด็นที่ต้องติดตามในช่วงนี้ ได้แก่ การชะลอตัวเศรษฐกิจยุโรป ปัญหาหนี้สินกรีซ ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ มุมมองของเครดิตสวิสต่อราคาทองคำ ซึ่งประเด็นต่าง ๆ ก็มีผลต่อต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดหุ้น และน้ำมัน ทำให้นักลงทุนเริ่มเข้าสะสมทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยแทน

 

การชะลอตัวของเศรษฐกิจยุโรป สถานะเงินทุนของธนาคารเด็กเซียอาจได้รับผลกระทบจากการลงทุนในกรีซ และอาจเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลให้พิจารณามาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินรอบสองสำหรับเด็กเซีย นอกจากนี้ มูดี้ส์กำลังทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารเด็กเซีย จากผลการประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซนในการแก้ไขปัญหาหนี้สินกรีซเมิอวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมก็ไม่ได้ประกาศมาตรการที่ชัดเจนออกมา โดยมีแนวโน้มว่าการประชุมในครั้งนี้จะทำให้นักลงทุนมองว่าสถานการณ์มีความไม่แน่นอนมากยิ่งขึ้น โดยนักลงทุนบางรายคาดว่ากรีซอาจจะผิดนัดชำระหนี้วงเงิน 3.57 แสนล้านยูโรในอนาคต ซึ่งเป็นปัจจัยลบต่อการชลอตัวของเศรษฐกิจโลก

 

ปัญหาหนี้สินกรีซ รัฐมนตรีคลังยูโรโซน ได้การประชุมวานนี้ที่ลักเซมเบิร์กว่า กรีซสามารถรอจนถึงกลางเดือนพ.ย.สำหรับการรับเงินช่วยเหลือ ส่งผลให้การประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซนครั้งถัดไปที่กำหนดไว้ในวันที่ 13 ต.ค.ได้ถูกยกเลิก โดยการตกลงกันในเรื่องนี้ถือเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลกรีซให้แก้ไขปัญหาหนี้สินของตนเอง โดยตัวเลขที่ผ่านการทบทวนแล้วระบุว่าเศรษฐกิจกรีซอาจหดตัวลง 5.5 % ในปีนี้ และ 2.5 % ในปีหน้า ซึ่งจะเป็นการหดตัว 4 ปีติดต่อกัน ซึ่งนักลงทุนกังวัลต่อปัญหาหนี้ของกรีซอาจทำให้สถาบันการเงินรายใหญ่ของยุโรปล้มละลายซึ่งจะส่งผลต่อการชลอตัวทางเศรษฐกิจโลก โดยเกิดแรงเทขายในตลาดหุ้นทั่วโลกและ ราคาน้ำมัน

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่า ดัชนีกิจกรรมภาคโรงงานปรับขึ้นสู่ 51.6 ในเดือนก.ย. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ 50.5 โดยจะเห็นว่ากิจกรรมภาคโรงงานขยายตัวเป็นเดือนที่ 26 ติดต่อกัน ดัชนีได้รับแรงหนุนจากปริมาณการผลิตและการจ้างงานที่เพิ่มสูงขึ้นในเดือนก.ย. ค่าใช้จ่ายทางการก่อสร้างในสหรัฐพุ่งขึ้น 1.4 % สู่ 7.9915 แสนล้านดอลลาร์ต่อปีในเดือนส.ค. หลังจากร่วงลง 1.4 % ในเดือนก.ค.ยอดขายรถในสหรัฐพุ่งขึ้นเกือบ 10 % ในเดือนก.ย. ดัชนีการผลิตของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาดหนุนตลาดหุ้นดาวน์โจนส์ขึ้นในช่วงสั้นๆแต่การผลิตทั่วโลกที่หดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปีในเดือนก.ย. ได้ตอกย้ำความวิตกเกี่ยวกับการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยอีกครั้ง

 

เครดิต สวิสได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองในปีหน้า ซึ่งราคาทองได้ปรับตัวขึ้นจากความผันผวนและการดิ่งลงของตลาดหุ้นและน้ำมัน โดยมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นอีก ขณะที่วิกฤติยังคงดำเนินต่อไป จึงคาดว่าราคาทองจะยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง เครดิต สวิสคาดว่าราคาทองจะอยู่ที่ 1,850 ดอลลาร์/ออนซ์ในปีหน้าจาก 1,540 ดอลลาร์ที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ และคาดว่าราคาจะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 1,790ดอลลาร์/ออนซ์ในปี 2013 และ 1,425 ดอลลาร์ในปี 2014 ซึ่งส่งผลในระยะนี้ต่อทองคำทำให้นักลงทุนเริ่มเข้าสะสมทองคำอีกครั้ง

 

ผลการประชุมที่ต้องติดตาม

1.ประการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง ยุโรป (อีซีบี) ในวันพฤหัสบดีที่ 6 ต.ค.54

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,645 / 1,630 แนวต้านที่ 1,690 / 1,725 สัญญาณในราย 240 นาที ราคาระยะสั้นคาดวิ่งขึ้นไปทดสอบ แนวต้าน 1,690 ที่ MA 75 และแนวต้าน 1,725 ซึ่งถ้าผ่าน

1,725 – 1,730 (MA 200 วัน) จะเริ่มเปลี่ยนแนวโน้มเป็น Up Trend โดยระยะสั้นเคลื่อนไหวในกรอบ 1,645 – 1,690

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 29.6 / 28.5 และแนวต้านที่ 31.5 / 32.8 / 33.3 ในราย 240 นาที มีเส้น MA 34 กดไว้ คาดราคาวิ่งไปทดสอบแนวต้าน 31.5 (MA 34) แนวต่อไป 33.3 (MA 75 และ High เดิม)

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 5 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดลดลง 41.70 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,616.00 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับลดลงแรงและมีความผันผวนสูง และเทรดเดอร์กลับมาขายทองคำอีกครั้ง เมื่อแถลงการณ์ของเฟดกล่าวว่าเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดลดลง 41.70 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,597.60 – 1,681.50 USDต่อออนซ์ เทรดเดอร์กลับมาขายทองคำอีกครั้ง จากแถลงการณ์ของเฟดว่า นโยบายการเงินไม่ใช่ "ยาวิเศษ" ที่จะสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐได้ทั้งหมด นอกจากนั้นยังกล่าวว่าสถานการณ์ว่างงานในสหรัฐถือเป็นเรื่องที่น่ากังวลมากกว่าเงินเฟ้อ ทำให้เทรดเดอร์ตีความแถลงการณ์ของเฟดว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังชะลอตัวลง ในขณะที่เฟดจะไม่มี QE3 ออกมาในเร็วๆนี้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐปรับบวกขึ้น 153.41 จุดหรือ 1.44% จากแถลงการณ์ของเฟดว่า พร้อมจะกระตุ้นเศรษฐกิจ และรมว.คลังของยุโรปจะร่วมกันปกป้องภาคธนาคารของตน ค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้นกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์และราคาทองคำ

 

o มูดีส์ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรของอิตาลีลง 3 ขั้น สู่ระดับ A2 จากระดับ Aa2 พร้อมกับคงแนวโน้มความน่าเชื่อถือไว้ที่ "เชิงลบ" โดยมูดีส์ระบุว่าประเทศในยูโรโซนที่มีหนี้สาธารณะอยู่ในระดับสูง รวมถึงอิตาลีด้วยนั้น มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในด้านการระดมทุนในระยะยาว (+)

 

o รมว.คลัง แองเจล่า เมอร์เก้ล ไม่เห็นด้วยกับการออกพันธบัตรยูโรโซน และเห็นว่าวิธีนี้ไม่ใช่การแก้ปัญหาหนี้ของกรีซ ( - )

 

o แนวโน้มราคาทองคำในวันนี้หลังจากที่ปรับตัวลดลงแรงไปทำ low ที่ระดับ 1,597 USDต่อออนซ์ ได้ rebound ขึ้นมาที่ 1,634 USDต่อออนซ์ และกลับอ่อนตัวลงอีกครั้ง ทิศทางความเคลื่อนไหวในช่วงนี้เป็น side way สร้างฐานบริเวณ 1,600 USDต่อออนซ์ แต่มีความผันผวนระหว่างวันสูง คาดว่าวันนี้มีแนวรับบริเวณ 1,580 โดยมีแนวต้านบริเวณ 1,679 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ รอเปิด Long บริเวณ 1,580 – 1,679

 

o ราคาโลหะเงินปิดลดลง 0.96 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 29.84 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 28.67 – 31.36 USDต่อออนซ์ คาดว่าสัปดาห์นี้ความเคลื่อนไหวเป็นลักษณะ side way down โดยมีกรอบความเคลื่อนไหวระหว่าง 28.0 – 33.0 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ขายโลหะเงินออก 5.08 ตันถือโลหะเงินจำนวน 9,990.60 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 31.50 และแนวรับบริเวณ 28.0 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 28.0 – 31.5 USDต่อออนซ์

 

o SPDR ขายทองคำออก 2.72 ตัน ถือทองคำจำนวน 1,229.51 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,580 – 1,679 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,580 - 1,679

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,500 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 5 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,580 / 1,530 แนวต้านที่ 1,631 / 1,645 สัญญาณในราย 60 นาที ราคาติดแนวต้านที่ 1,630 (MA 25) และ MACD มีค่าติดลบเพิ่มมากขึ้น ระยะสั้นคาดราคาลดลง โดยเคลื่อนไหวในกรอบ 1,580 – 1,630 ทะยอย Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

 

แกว่งตัวในแดนลบ

 

 

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 05 ต.ค. อยู่ที่ 1,620 USDต่อออนซ์ ราคามีแนวโน้มปรับตัวลดลงเคลื่อนไหวในกรอบ ระหว่าง 1,618 – 1,630 USD ต่อออนซ์ ทั้งนี้เป็นผลจากปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปและสหรัฐยังก่อให้เกิดผลกระทบที่สำคัญต่อตลาดการเงินโลก วิกฤติหนี้สินในประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลกทำให้ประเทศหลายประเทศต้องควบคุมด้านการคลัง ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะการขาดแคลนมาตรการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ และส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนมากยิ่งขึ้น ปัญหาหนี้สินของสหรัฐและยุโรปอาจทำให้เกิดความผันผวนขึ้นในตลาดการเงินโลก

 

ประเทศที่แข็งแกร่งที่สุดในยูโรโซนเกือบทุกประเทศมีโอกาสที่จะเผชิญกับแรงกดดันด้านลบที่จะมีผลต่ออันดับเครดิตในประเทศ มูดีส์คาดว่าบางประเทศในยุโรปที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่า Aaa อาจจะประสบกับความยากลำบากในการรักษาอันดับความน่าเชื่อถือเอาไว้ อย่างไรก็ตาม ประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูงกว่า Aaa นั้นยังไม่พบว่ามีแรงกดดันอย่างฉับพลันที่จะทำให้ต้องลดอันดับความน่าเชื่อ ถือลง

 

เยอรมนี ภาคบริการหดตัวลงครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปีในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นสัญญาณล่าสุดที่แสดงว่าเศรษฐกิจเยอรมนีกำลังจะชะลอตัวลง ทั้งนี้ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของ Markit ร่วงลงสู่ระดับ 49.7 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2009 และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ค.2009 ที่ดัชนีร่วงต่ำกว่าระดับ 50 (ซึ่งแบ่งแยกระหว่างการขยายตัวและการหดตัว) ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจทำให้อุปสงค์ของลูกค้าลดลงในเดือนก.ย.

 

ขณะที่ธนาคารเด็กเซียก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤติหนี้ยูโรโซนเช่นกัน แม้ว่าราคาหุ้นเด็กเซียจะ rebound ปรับเพิ่มขึ้น 10% หลังจากปรับตัวลดลงมากเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตามรัฐบาลฝรั่งเศสและเบลเยียมจำเป็นต้องเร่งให้ความช่วยเหลือแก่ธนาคารเด็กเซีย ซึ่งนับเป็นการให้ความช่วยเหลือของรัฐเป็นครั้งแรกต่อธนาคารยุโรปที่เผชิญกับวิกฤติหนี้ยูโรโซน ทั้งนี้แผนการช่วยเหลือดังกล่าวจะส่งผลให้เด็กเซียแยกกิจการโดยการขายธุรกิจที่แข็งแกร่ง อาทิ ธุรกิจธนาคารในเบลเยียมและตุรกี รวมถึงการแยกสินทรัพย์ด้อยคุณภาพโดยได้รับการค้ำประกันจากรัฐบาล ขณะที่ความเชื่อมั่นในธนาคารทรุดลง เนื่องจากธนาคารปล่อยกู้จำนวนมากให้กับกรีซ และเผชิญปัญหาในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เด็กเซียมีแนวโน้มที่จะขาดทุนมากขึ้น หากรมว.คลังของยุโรปตัดสินใจที่จะบังคับให้ภาคธนาคารแบกรับการขาดทุนจากหนี้กรีซมากกว่าที่ได้ตกลงกันไว้

 

เฟดพยายามดำเนินมาตรการต่อไปตามความเหมาะสม เพื่อส่งเสริมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลอาจจะถ่วงเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่ำกว่า 1.0% ในช่วงครึ่งปีแรก ดังนั้นอาจมีการหลีกเลี่ยงการดำเนินการทางการคลังที่อาจขัดขวางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เฟดได้ผ่อนคลายนโยบายการเงินครั้งล่าสุดในเดือนที่แล้ว โดยประกาศว่าจะขายพันธบัตรระยะสั้นมูลค่า 4.00 แสนล้านดอลลาร์เพื่อไปซื้อพันธบัตรระยะยาว นายเบอร์นันเก้คาดว่า มาตรการใหม่ดังกล่าวจะทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวลดลงราว 0.20% ซึ่งเขากล่าวว่า เทียบเท่ากับการลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟด 0.5% ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบหลายปีที่ 1.83%ซึ่งช่วยทำให้ต้นทุนสินเชื่อจำนองและสินเชื่อภาคเอกชนอยู่ในระดับต่ำเป็นพิเศษ

 

ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตาม

ตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศเดือน ก.ย., ดัชนีภาคบริการเดือน ก.ย. และตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ในวันพฤหัสบดีที่ 6 ต.ค.54

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,580 / 1,530 แนวต้านที่ 1,631 / 1,645 สัญญาณในราย 60 นาที ราคาติดแนวต้านที่ 1,630 (MA 25) และ MACD มีค่าติดลบเพิ่มมากขึ้น ระยะสั้นคาดราคาลดลง โดยเคลื่อนไหวในกรอบ 1,580 – 1,630 ทะยอย Long เมื่อราคาอ่อนตัว

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 28.20 / 26.1 และแนวต้านที่ 30.3 / 30.8 / 31.6 ในราย 240 นาที มีเส้น MA 10 กดไว้ MACD มีค่าติดลบเพิ่มมากขึ้น คาดราคาลงบริเวณแนวรับ 28.2 โดยเคลื่อนไหวในกรอบ 28.2 – 31.5

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 6 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 25.60 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,641.60 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นตอบสนอง การที่ยุโรปมีมาตรการในการแก้ปัญหาสภาพคล่องของระบบสถาบันการเงินและตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดีกว่าคาด

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดลดลง 25.60 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,596.60 – 1,648.90 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับตัวบวกขึ้นจากการลดลงแรงเมื่อวันก่อน เนื่องจากที่ประชุมอียูมีมติเห็นชอบว่าจะเพิ่มทุนให้กับธนาคารใน ยูโรโซน เพื่อปกป้องภาคธนาคารก่อนที่จะลุกลามเป็นวิกฤตการณ์ และคาดการณ์ว่าธนาคารกลางอังกฤษ และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะหารือกันเรื่องการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุมซึ่งจะมี ขึ้นในช่วงเย็นวันนี้ตามเวลาไทย นอกจากนี้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดีกว่าคาด ได้แก่ ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 91,000 ตำแหน่ง ดัชนีภาคบริการเดือนก.ย.ขยายตัวที่ระดับ 53 จุดดีกว่า 52.9 ที่นักวิเคราะห์คาด

 

o ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวบวกขึ้น 131.24 จุดหรือ 1.21% ตอบสนองตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดี และยุโรปมีแนวทางแก้ไขวิกฤตหนี้และปัญหาสภาพคล่องของระบบธนาคาร (+)

 

o ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าอยู่ที่ระดับ 1.3339 USDต่อยูโร เนื่องจากค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.46% จากมาตรการแก้ไขสภาพคล่องในระบบธนาคาร และอาจมีการนำเงินจากกองทุน EFSF มาใช้เพื่อแก้ปัญหาให้กับธนาคารในยูโรโซน ( + )

 

o ราคาน้ำมัน Nymex ปิดที่ 79.68 USDต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +4.01 USDต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้ +5.30% เนื่องจากสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วลดลงเกินคาด ( + )

 

o แนวโน้มราคาทองคำในวันนี้หลังจากที่เมื่อคืนนี้ระหว่างการซื้อขายขึ้นไปทำ high ที่บริเวณ 1,645 แล้วยังไม่สามารถผ่านได้มีการปรับตัวลดลง โดยในเช้าวันนี้เคลื่อนไหวบริเวณ 1,641 USDต่อออนซ์ คาดว่าวันนี้จะมีแนวต้านบริเวณ 1,645/1,679 และแนวรับบริเวณ 1,600 /1,580 ทิศทางความเคลื่อนไหวในช่วงนี้เป็น side way สร้างฐานบริเวณ 1,600 USDต่อออนซ์ แต่มีความผันผวนระหว่างวันสูง แนะนำ Trading ในกรอบ 1,580 – 1,679 หรือรอเปิด Long เมื่อย่อตัวบริเวณแนวรับ 1,600/1,580

 

o ราคาโลหะเงินปิดเพิ่มขึ้น 0.51 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 30.35 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 28.44 – 30.64 USDต่อออนซ์ คาดว่าสัปดาห์นี้ความเคลื่อนไหวเป็นลักษณะ side way down โดยมีกรอบความเคลื่อนไหวระหว่าง 28.0 – 32.8 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,990.60 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 30.5/31.0 และแนวรับบริเวณ 28.5/28.0 USDต่อออนซ์ คาดว่าอาจจะไม่ผ่านแนวต้านบริเวณ 30.5/31.0 ไปได้ และมีแนวโน้มจะลงไปที่แนวรับบริเวณ 28.5/28.0 แนะนำ เปิด Short โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 28.5 และมีจุด Stop loss บริเวณ 30.6

 

o SPDR ถือทองคำจำนวนเท่าเดิม 1,229.51 ตัน

 

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,580 – 1,679 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,580 - 1,679

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,500 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.แนท/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

.

ถูกแก้ไข โดย ilovecgf

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 6 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,600 1,580 แนวต้านที่ 1,670 1,679 1,721 ราคาติดแนวต้านที่ 1,670 (MA 75) กดไว้ และ ติดเส้น Fibo 50 % ที่ 1,678 คาดราคาเคลื่อนไหวใน กรอบ 1,600 – 1,679 Trading ในกรอบ 1,600 – 1,679

 

 

รับข่าวดีการแก้ไขปัญหาหนี้

 

 

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 06 ต.ค. อยู่ที่ 1, 640 USDต่อออนซ์ ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น เคลื่อนไหวในกรอบ ระหว่าง 1,640 – 1,650 USD ต่อออนซ์ ทั้งนี้ราคาทองปรับเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นทั่วโลกที่ต่างปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดย HangSeng ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุด 5.54% โดยตลาดอนุพันธ์ และตลาดหุ้นได้รับปัจจับบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาสดใส ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของสหรัฐ และมุมมองที่ว่า ยุโรปจะสามารถควบคุมวิกฤตหนี้ในภูมิภาคได้

 

การแก้ไขปัญหาในยูโรโซนเริ่มมีแนวโน้มในทางที่ดี หลังจากมีการยืนยันของยุโรปเตรียมให้ความช่วยเหลือกรีซต่อไป ประกอบกับ IMF ออกมาระบุว่าพร้อมเข้าร่วมมาตรการ ช่วยเหลือทางการเงินรอบ 2 ให้กับกรีซ รวมทั้งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้ออกมาให้การสนับสนุนแผนการเพิ่มทุนให้กับธนาคารที่ ประสบปัญหาด้านการเงินในยุโรป เพื่อป้องกันไม่ให้ภาคธนาคารได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้สาธารณะ โดยยังระบุอีกว่าประเทศยุโรปควรจะเห็นพ้องต้องกันในเรื่องการเพิ่มทุน ให้กับธนาคารที่ประสบปัญหา

 

รวมถึงปัจจัยบวกจากการคาดการณว่าการประชุมวันนี้ของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) จะประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง (QE2) หรือมาตรการเข้าซื้อสินทรัพย์โดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยปกป้องเศรษฐกิจอังกฤษจากวิกฤติหนี้ยูโรโซน และเพื่อช่วยให้เศรษฐกิจอังกฤษฟื้นตัวขึ้นต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม IMF ยังกังวลกับเศรษฐกิจทั่วยุโรปขณะนี้ เรื่องการชะลอตัวอย่างชัดเจน ขณะที่เศรษฐกิจโลกถดถอย นักลงทุนหลีกเลี่ยงความเสี่ยงมากขึ้น ความรุนแรงของหนี้สาธารณะในยุโรปและความผันผวนของตลาดการเงินก็ทวีความ รุนแรงขึ้น นอกจากจะกระทบประเทศยุโรปที่พัฒนาแล้ว ก็ยังจะส่งผลต่อประเทศยุโรปที่มีเศรษฐกิจเพิ่งเกิดใหม่ เมื่อพิจารณาถึงภาคการเงินและภาวะเศรษฐกิจที่มีความเกี่ยวข้องกันอย่างมาก อย่างไรก็ตามแม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกยังคงมืดมัว แต่ไอเอ็มเอฟได้ทบทวนการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจตลอดทั้งปีของประเทศตลาดเกิดใหม่ในยุโรป โดยคาดว่าเศรษฐกิจของประเทศกลุ่มนี้จะขยายตัว 4.3% จากระดับ 4.4%

 

สำหรับธนาคารกลางญี่ปุ่น จะมีการประชุมเป็นวันแรกในวันที่ 6 ต.ค. เพื่อพิจารณาว่า ธนาคารกลางจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับศูนย์ต่อไปหรือไม่ รวมทั้งหารือเรื่องสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากเงินเยนที่แข็งค่า คณะผู้บริหารของธนาคารกลางญี่ปุ่นหลายคนลังเลที่จะผ่อนปรนนโยบายการเงินเพิ่มเติมในขณะนี้ แต่คณะผู้บริหารอาจจะขยายระยะเวลาในโครงการปล่อยกู้ฉุกเฉินต่อไปอีก 6 เดือน หลังจากที่ได้เปิดใช้โครงการช่วงที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมาทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะรับมือกับความต้องการเงินทุนที่สูงขึ้น เนื่องจากญี่ปุ่นเดินหน้าฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติอย่างเต็มที่ ขณะนี้ธนาคารกลางญี่ปุ่นได้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับประมาณ 0-0.1% มาตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว

 

การประชุม และตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตาม

•ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในวันที่ 6 ต.ค.

•การเปิดเผยตัวเลขของสหรัฐ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือน ก.ย. และข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนส.ค.

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,600 1,580 แนวต้านที่ 1,670 1,679 1,721 ราคาติดแนวต้านที่ 1,670 (MA 75) กดไว้ และ ติดเส้น Fibo 50 % ที่ 1,678 คาดราคาเคลื่อนไหวใน กรอบ 1,600 – 1,679 Trading ในกรอบ 1,600 – 1,679

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 29.8 28.8 และแนวต้านที่ 32.5 33.4 ราคาติดแนวต้านที่ 32.5 (MA 75) กดไว้ ทะยอย Short ที่ต้าน ทะยอยเปิด Long ที่แนวบริเวณ 28.8

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 7ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 11.60 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,651.90 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นตอบสนอง ข่าว ECB ประกาศว่าจัดหาสภาพคล่องเพิ่มเติมให้กับตลาดการเงินในยุโรป ผ่านโครงการซื้อพันธบัตรครั้งใหม่ ประกอบกับค่าเงิน USD อ่อนค่าลง

 

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 11.60 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,632 – 1,654 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับตัวบวกขึ้น เนื่องจากผลการประชุมอียูมีมติจัดหาสภาพคล่องเพิ่มเติมให้กับตลาดการเงินในยุโรป ผ่านโครงการซื้อพันธบัตรครั้งใหม่ ประกอบกับค่าเงิน USD อ่อนค่าลง สนับสนุนให้ราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้น

 

o นอกจากนี้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดีกว่าคาด ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 1 ต.ค.เพิ่มขึ้น 6,000 ราย สู่ระดับ 401,000 ราย แต่ดีกว่าคาดที่ 410,000 ราย ทำให้ความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัวคลายลงไป ( + )

 

o ธนาคารกลางอังกฤษมีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดที่ 0.5% ต่อไปและประกาศขยายมาตรการ QE อีก 7.5 หมื่นล้านปอนด์ ( + )

 

o ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ 11,123 จุด ปรับเพิ่มขึ้น +183.3 จุด เพิ่มขึ้น +1.67% ตอบสนองตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดี และยุโรปมีแนวทางแก้ไขวิกฤตหนี้และปัญหาสภาพคล่องของระบบธนาคาร โดยจะเข้าซื้อสินทรัพย์มูลค่า 4 หมื่นล้านยูโรเป็นเวลา 1 ปี (+)

 

o ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าอยู่ที่ระดับ 1.3416 ดอลลาร์สหรัฐต่อยูโร ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น +0.57% ในวันพฤหัสบดี เนื่องจาก ECB ประกาศว่าจัดหาสภาพคล่องให้กับธนาคารในยุโรป ( + )

 

o ราคาน้ำมัน Nymex ปิดที่ 82.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +2.91 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล จากการที่ยุโรปมีแนวทางในการแก้ปัญหาของภาคธนาคาร ( + )

 

o แนวโน้มราคาทองคำในวันนี้ หลังจากที่เมื่อคืนนี้ระหว่างการซื้อขายขึ้นไปทำ high ที่บริเวณ 1,654 แล้วยังไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณเส้น MA100 ไปได้ ในเช้าวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆและกำลังสร้างฐานบริเวณ 1,650 USDต่อออนซ์ คาดว่าวันนี้จะมีแนวต้านบริเวณ 1,665/1,679 และแนวรับบริเวณ 1,630 /1,600 ทิศทางความเคลื่อนไหวในช่วงนี้เป็น side way สร้างฐาน แนะนำ Trading ในกรอบ 1,600 – 1,679 ที่เปิด Long ไว้ถือต่อโดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,679

 

o ราคาโลหะเงินปิดเพิ่มขึ้น 1.55 USDต่อออนซ์ (+5.12%) ปิดที่ 31.9 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 30.55 – 32.07 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,990.60 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 32.4/33.5 และแนวรับบริเวณ 30.5/28.5 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 30.5 – 33.5

 

o SPDR ถือทองคำจำนวนเท่าเดิม 1,229.51 ตัน

 

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,630 – 1,679 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,630 - 1,679

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,500 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 7ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,630 1,600 1,580 แนวต้านที่ 1,668 1,679 ราคาติดแนวต้าน 1,668 ( MA 75) , 1,679 (Fibo 50%) stochastic อยู่ในโซน Over bought แนะ ทยอย short บริเวณแนวต้าน และทยอย Long เมื่อราคาอ่อนตัวบริเวณแนวรับ

 

เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ

 

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 07 ต.ค. อยู่ที่ 1, 653 USDต่อออนซ์ ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น เคลื่อนไหวในกรอบ ระหว่าง 1,652 - 1,666 USD ต่อออนซ์ ราคาปรับตัวขึ้นต่อ จากปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ แผนพยุงภาคการเงินของยุโรปกำลังมีความคืบหน้า อย่างไรก็ตามปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง บ่งชี้ว่านักลงทุนยังคงระมัดระวังในการลงทุน เพื่อรอดูความชัดเจนในการแก้ปัญหาในกลุ่มยูโรโซนต่อไป ขณะที่ราคาทองคำยังไม่สามารถดีดตัวข้ามแนวต้านบริเวณ 1,679 ในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ดังนั้นคาดการณ์ว่าราคาทองคำอาจถูดกดดันให้ไม่สามารถแกว่งตัวขึ้นแรงได้ ในระยะสั้น

 

สำหรับผลการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เมื่อวันที่ 6 ต.ค.) เป็นปัจจัยบวกให้กับราคาทองคำในวันนี้ (7 ต.ค.) โดยการประกาศขยายมาตรการ QE หลังจากที่ธนาคารได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไปแล้ว 2 แสนล้านปอนด์ ด้วยการซื้อสินทรัพย์ประเภทต่างๆ จะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์ โดยปกติแล้วตลาดทองคำจะได้ประโยชน์จากมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลาง เพราะการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้สกุลเงินมีมูลค่าลดลง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นแรงซื้อเข้ามาในตลาดทองคำ

 

ในขณะที่ มูดี้ส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและเงินฝากของสถาบันการเงิน 12 แห่งของอังกฤษ และคงอันดับความน่าเชื่อถือของสถาบัน 1 แห่ง ทั้งนี้ การดำเนินการครั้งนี้เป็นการสรุปการทบทวนคาดการณ์การสนับสนุนเชิงระบบจากรัฐบาลอังกฤษสำหรับสถาบันการเงินเหล่านี้ ซึ่งมูดี้ส์ได้เริ่มทบทวนเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา มูดี้ส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลง 1 ขั้นสำหรับธนาคาร Lloyds TSB Bank(สู่ A1 จาก Aa3), Santander UK (สู่ A1 จาก Aa3) และ Co-Operative Bank(สู่ A3 จาก A2) และลดอันดับความน่าเชื่อถือ 2 ขั้นสำหรับธนาคาร RBS (สู่ A2 จากAa3) และ Nationwide Building Society (สู่ A2 จาก A3) รวมทั้งลดอันดับความน่าเชื่อถือ 1-5 ขั้นสำหรับธนาคารขนาดเล็กอีก 7 แห่ง มูดี้ส์คงอันดับความน่าเชื่อถือของ Clydesdale Bank ที่ A2 โดยมีแนวโน้มเชิง อย่างไรก็ดี มูดี้ส์ระบุว่า การลดอันดับความน่าเชื่อถือครั้งนี้ไม่ได้สะท้อนถึงภาวะเสื่อมถอยลงของความแข็งแกร่งทางการเงินของระบบธนาคาร หรือของรัฐบาลแต่อย่างใด

 

 

ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานประจำเดือนส.ค.ในเยอรมนีลดลง 1.4% ในเดือนส.ค. ซึ่งนับเป็นการลดลงติดต่อกัน 2 เดือน หลังจากที่ลดลง 2.6% ในเดือนก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขในเดือนส.ค.จะไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจเยอรมนีในไตรมาสสามของปีนี้ ทั้งนี้ยอดสั่งซื้อภายในประเทศร่วงลง 3.2% ขณะที่ยอดสั่งซื้อจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 0.1% และเมื่อเทียบเป็นรายปี ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานขยายตัว 3.9% ในเดือนส.ค. หลังจากทะยานขึ้น 8.9% ในเดือนก.ค. อย่างไรก็ดี แม้ยอดสั่งซื้อภายในประเทศมีแนวโน้มอ่อนแอลง แต่อุปสงค์จากต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศในกลุ่มยูโรโซนมีแนวโน้มที่ดี โดยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอาจจะขยายตัว 2.6% ในปีนี้ ขณะที่ธนาคารกลางเยอรมนี คาดการณ์อัตราขยายตัวที่ 3.1%

 

การปะชุม และตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตาม (คืนนี้ (7 ต.ค.) ตามเวลาประเทศไทย)

•ธนาคารกลางญี่ปุ่นประชุมนโยบายการเงินวันสุดท้าย พร้อมแถลงมติที่ประชุม และเปิดเผยทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศเดือนก.ย.

•สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย. และข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนส.ค.

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,630 1,600 1,580 แนวต้านที่ 1,668 1,679 ราคาติดแนวต้าน 1,668 ( MA 75) , 1,679 (Fibo 50%) stochastic อยู่ในโซน Over bought แนะ ทยอย short บริเวณแนวต้าน และทยอย Long เมื่อราคาอ่อนตัวบริเวณแนวรับ

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 30.5 29.4 แนวต้านที่ 32.4 33.5 ราคาติดแนวต้านที่ 32.4 (MA 75) กดไว้ และ stochastic อยู่ในโซน Over bought แนะ Trading ในกรอบ 30.5 – 33.5

 

บทวิเคราะห์มัลติมีเดียราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 7ตุลาคม 2554 ClassicGoldFutures

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 10 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดลดลง 17.40 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,635.80 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับลดลง เมื่อสเปนและอิตาลีจะถูกฟิทซ์ เรทติ้งปรับลดอันดับเครดิตลง

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดลดลง 17.40 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,627.60 – 1,668.00 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำเมื่อเปิดตลาดใน COMEX ปรับเพิ่มขึ้น เมื่อมีการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเกินคาด แต่หลังจากสเปนถูกฟิทซ์เรทติ้งปรับลดอันดับเครดิตลง 2 ขั้นสู่ AA- และอิตาลีจถูกปรับลดอันดับเครดิตลง 1 ขั้นสู่ A+ ราคาทองคำปรับลดลงและปิดลดลง 17.40 USDต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามความต้องการทองคำในตลาด physical จากจีนและอินเดียมีมากขึ้น เมื่อราคาทองคำปรับลดลง ทำให้ราคาปรับลดลงไม่มาก และยืนเหนือ 1,630 USDต่อออนซ์ได้ ถ้าดูภาพกราฟราคาทองคำในรายสัปดาห์ จะเห็นว่าหลังจากปรับลดลงแรง 4 สัปดาห์ติดต่อกัน เริ่มยืนได้ ส่วนภาพกราฟในรายวัน แสดงความเคลื่อนไหวในช่วงนี้เป็น side way ออกด้านข้าง สร้างฐานเหนือ 1,600 USDต่อออนซ์

 

o แนวโน้มในสัปดาห์นี้คาดว่า ตลาดยังให้น้ำหนักกับปัญหาหนี้ในยุโรป และการแก้ปัญหา ส่วนความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวเริ่มคลายลง หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศในสัปดาห์ที่แล้วออกมาดี และคาดว่ารัฐบาลสหรัฐจะมีมาตรการในการกระตุ้นการจ้างงานออกมา โดยรวมมีปัจจัยสนับสนุนให้ราคาทองคำมีความเคลื่อนไหวเป็น side way up ได้ โดยคาดการณ์แนวต้านบริเวณ 1,705 และแนวรับบริเวณ 1,626/1,600/1,580 โดยหาจังหวะเปิด Long เมื่อราคาอ่อนตัว เข้าใกล้แนวรับ และปิดทำกำไรบริเวณแนวต้าน 1,679/1,705

 

o ดัชนีตลาดหุ้นในสหรัฐปรับลดลงเล็กน้อย -0.18% ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยมีทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบ ปัจจัยบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดี ทำให้ความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวเริ่มคลายลง ในขณะที่ปัญหาหนี้ของยุโรปยังอยู่ในความกังวลของนักลงทุน

 

o ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ตัองจับตาในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีการจ้างงานในวันอังคาร ส่วนวันพุธ FOMC เปิดเผยการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 20-21ก.ย. วันพฤหัสมี การค้าระหว่างประเทศเดือนส.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ และสต๊อกน้ำมัน วันศุกร์ ยอดค้าปลีก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย.

 

o ราคาโลหะเงินปิดลดลง 1.01USDต่อออนซ์ ปิดที่ 30.99 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 30.71 – 32.85 USDต่อออนซ์ คาดการณ์กรอบความเคลื่อนไหวในสัปดาห์นี้อยู่ระหว่าง 29.0 – 33.5 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ซือโลหะเงินเพิ่มขึ้น 15.14 ตัน รวมถือโลหะเงินจำนวน 10,005.74 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 32.80 และแนวรับบริเวณ 30.5 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 30.5 – 32.8 USDต่อออนซ์

 

o SPDR ถือทองคำจำนวนเท่าเดิม 1,229.51 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,626 – 1,679 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,626- 1,679

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,500 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

www.classicgoldfutures.co.th

www.classicgold.co.th

www.chaibsengheng.co.th

www.facebook.com/ClassicGoldGroup

www.youtube.com/ilovecgf

www.twitter.com/ilovecgg

www.classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple.com/th/app/classic-gold/id464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 10 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,626 1,600 แนวต้านที่ 1,665 1,679 1,705 กราฟราคาราย 4 ชั่วโมง ติดแนวต้าน 1,665 ( MA 75) , 1,679 (Fibo 50%) กราฟราคาราย 60 นาที Stochastic เริ่มเข้าสู่เขต overbought แนะนำ short บริเวณแนวต้าน และ เปิด Long เมื่อราคาอ่อนตัวบริเวณแนวรับ

 

Side way รอความชัดเจนการแก้ปัญหาหนี้

 

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 10 ต.ค. อยู่ที่ 1, 652 USDต่อออนซ์ เคลื่อนไหวในกรอบ ระหว่าง 1,647 - 1,661 USD ต่อออนซ์ ราคายังคงปรับตัวขึ้นต่อ แต่ปรับเพิ่มขึ้นไม่มาก และเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เนื่องจากภาวะวิกฤติหนี้ในกลุ่มยูโรโซน ยังเป็นปัจจัยที่กดดันไม่ให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นได้มากนัก อย่างไรก็ตามการแก้ปัญหาวิกฤตินี้ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง อาทิ IMF, EU และECB ประชุมกันในช่วงเช้าวันนี้ (10 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อสรุปการเจรจาและตัดสินใจในการให้เงินช่วยเหลืองวดต่อไป

 

สำหรับปัญหาหนี้ของกรีซนั้น กรีซอาจจะหมดสภาพคล่องอย่างเร็วที่สุดในกลางเดือนหน้า ถ้าไม่ได้รับเงินช่วยเหลืองวดใหม่ 8 พันล้านยูโร โดยจะเพิ่มความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ที่จะทำให้ยูโรโซนเผชิญกับวิกฤติหนี้ที่ได้สั่นคลอนตลาดการเงินไปทั่วโลก ซึ่งทางยูโรโซน และไอเอ็มเอฟ จะดำเนินการตัดสินใจเกี่ยวกับการให้เงินช่วยเหลืองวดต่อไป โดยคาดว่าจะสามารถสรุปผลการเยือนกรีซในไม่ช้านี้ แต่ก็ต้องการได้รับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินการและผลกระทบของแผนการปลดข้าราชการ และขึ้นภาษีเพื่อลดยอดขาดดุลการคลังที่สูงเกินคาดก่อน

 

ขณะที่ฟิทช์ปรับลดอันดับเครดิตระยะยาวของพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีและสเปน โดยลดเครดิตของอิตาลีลง 1 ขั้น สู่ A+ และลดเครดิตของสเปนลง 2 ขั้น สู่ AA- รัสเซียมีความพร้อมในหลักการที่จะซื้อพันธบัตร รัฐบาลสเปน ทันทีที่ประเทศสมาชิกยูโรโซนวางแผนยุทธศาสตร์เพื่อต่อสู้กับวิกฤติหนี้ของยูโรโซน เมื่อประเทศในยุโรปประกาศแผนยุทธศาสตร์ที่เป็นรูปธรรมและมีความชัดเจนเพื่อแก้ไขวิกฤติครั้งนี้ รัฐเซียและประเทศอื่นๆในกลุ่ม BRIC พร้อมให้การสนับสนุนแผนยุทธศาสตร์ต่อไป ทั้งนี้ กลุ่ม BRIC ซึ่งประกอบด้วยบราซิล, รัสเซีย, อินเดีย และจีนเป็นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ขนาดใหญ่ ซึ่งมีทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศรวมกันเป็นจำนวนมาก

 

เกี่ยวกับแผนฟื้นฟูกิจการเด็กเซีย รัฐบาลฝรั่งเศส, เบลเยียม และลักเซมเบิร์กสามารถบรรลุข้อตกลงกัน ยอมรับแผนฟื้นฟูกิจการที่ร่างโดยรัฐบาล ซึ่งแผนฟื้นฟูนี้อาจเป็นการกดดันรัฐบาลประเทศอื่นๆในยูโรโซนให้เสริมความแข็งแกร่งให้แก่ภาคธนาคารในประเทศ โดยแผนฟื้นฟูในครั้งนี้ สินทรัพย์สำคัญและหน่วยธุรกิจต่างๆของเด็กเซียที่อาจถูกแยกกิจการออกไป โดยคณะกรรมการเด็กเซียได้ยอมรับข้อเสนอวงเงิน 4 พันล้านยูโร (5.4 พันล้านดอลลาร์) ของรัฐบาลเบลเยียมเพื่อซื้อกิจการเด็กเซีย แบงก์ เบลเยียม ซึ่งเป็นธนาคารที่ให้บริการแก่ลูกค้ารายย่อยเป็นส่วนใหญ่ โดยธนาคารแห่งนี้มีพนักงาน 6,000 คน และมีเงินฝาก 8 หมื่นล้านยูโรจากลูกค้า 4 ล้านราย

 

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัสระยะนี้อยู่ในระดับที่ดีเกินคาด ซึ่งช่วยลดความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจประสบภาวะถดถอยซ้ำซ้อน อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์กล่าวว่าวิกฤติยูโรโซนยังคงเป็นอุปสรรคที่อาจขัดขวางการปรับขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐ ในสัปดาห์นี้จะมีการประกาศผลประกอบการภาคเอกชน รวมถึงการเปิดเผยรายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำวันที่20-21 ก.ย., ตัวเลขราคานำเข้า และยอดค้าปลีกประจำเดือนก.ย. นอกจากนี้จะมีการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นประจำเดือนต.ค.

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,626 1,600 แนวต้านที่ 1,665 1,679 1,705 กราฟราคาราย 4 ชั่วโมง ติดแนวต้าน 1,665 ( MA 75) , 1,679 (Fibo 50%) กราฟราคาราย 60 นาที Stochastic เริ่มเข้าสู่เขต overbought แนะนำ short บริเวณแนวต้าน และ เปิด Long เมื่อราคาอ่อนตัวบริเวณแนวรับ

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 30.5 29.4 แนวต้านที่ 32.8 33.4 ราคาติดแนวต้านที่ 32.2 (MA 75) กดไว้ และ Fibo 50 % ที่ 33.4 แนะ Trading ในกรอบ 30.5 – 33.4

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

www.classicgoldfutures.co.th

www.classicgold.co.th

www.chaibsengheng.co.th

www.facebook.com/ClassicGoldGroup

www.youtube.com/ilovecgf

www.twitter.com/ilovecgg

www.classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple.com/th/app/classic-gold/id464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 11 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 35.00 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,670.80 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำเพิ่มขึ้นแรง หลังจากมีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาหนี้ของยุโรปเมื่อเยอรมันและฝรั่งเศสพร้อมจะสนับสนุนความช่วยเหลือ

 

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 35.00 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,639.90 – 1,679.70 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำใน COMEX ปรับเพิ่มขึ้น หลังจากมีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาหนี้ของยุโรปเมื่อเยอรมันและฝรั่งเศสพร้อมจะสนับสนุนความช่วยเหลือ ราคาทองคำเพิ่มขึ้นพร้อมกับการเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้น ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 330 จุด หรือ 2.97% รับข่าวบวกจากความคืบหน้าในการแก้ปัญหาหนี้ของยุโรป ดัชนีหุ้น DAX ของเยอรมันเพิ่มขึ้น 3.02% เช่นกัน นักลงทุนกลับมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น เมื่อคลายความกังวลในเรื่องหนี้สินของยุโรป และคลายความกังวลในเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจ เมื่อมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์ที่แล้วออกมาดีกว่าคาด

 

o ความต้องการทองคำในตลาด physical จากจีนและอินเดียมีมากขึ้น เมื่อราคาทองคำปรับลดลง ทำให้ราคาปรับลดลงไม่มาก และยืนเหนือ 1,630 USDต่อออนซ์ได้ ถ้าดูภาพกราฟราคาทองคำในรายสัปดาห์ จะเห็นว่าหลังจากปรับลดลงแรง 4 สัปดาห์ติดต่อกัน เริ่มยืนได้ ส่วนภาพกราฟในรายวัน แสดงความเคลื่อนไหวในช่วงนี้เป็น side way up มีแนวต้านในระหว่างวันที่ 1,681 และถัดไปที่ 1,705 และถ้าผ่าน 1,753 ไปได้ อาจจะกลับเป็นแนวโน้มขาขึ้น ส่วนแนวรับมีที่บริเวณ 1,645 / 1,631 ที่เปิด Long ไว้ถือต่อโดยมีเป้าหมายทำกำไรที่ 1,705

 

o ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ตัองจับตาในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีการจ้างงานในวันอังคาร ส่วนวันพุธ FOMC เปิดเผยการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 20-21ก.ย. วันพฤหัสมี การค้าระหว่างประเทศเดือนส.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ และสต๊อกน้ำมัน วันศุกร์ ยอดค้าปลีก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย.

 

o ราคาโลหะเงินปิดเพิ่มขึ้น 0.99 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 31.98 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 31.22 – 32.36 USDต่อออนซ์ คาดการณ์กรอบความเคลื่อนไหวในสัปดาห์นี้อยู่ระหว่าง 29.0 – 33.5 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ขายโลหะเงิน 51.47 ตัน รวมถือโลหะเงินจำนวน 9,954.27 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 32.9 / 33.3 และแนวรับบริเวณ 31.0 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 31.0 – 33.3 USDต่อออนซ์

 

o SPDR ขายออก 1.52 ตัน ถือทองคำจำนวน 1,227.99 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,645 – 1,705 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,645- 1,705

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,500 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

 

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 11 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,645 1,631 1,600 แนวต้านที่ 1,681 1,705 1,753 ภาพกราฟราย 120 นาที แนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบรูปแบบ Side way Up โดยจุดต่ำยกตัวสูงขึ้น แนะนำเปิด long ที่แนวรับบริเวณ 1,645

 

วิกฤติหนี้ จะสกัดช่วงบวก

 

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 11 ต.ค. อยู่ที่ 1, 681 USDต่อออนซ์ เคลื่อนไหวในกรอบ ระหว่าง 1,653 - 1,684 USD ต่อออนซ์ ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง ราคายังคงปรับตัวขึ้นต่อเป็นวันที่3 แต่ราคาปรับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ก็ปรับตัวลดลง เนื่องจากมีแรงเทขายทำกำไรออกมา เชื่อว่าราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวเป็น side way จนกว่าราคาจะสามารถทะลุผ่านแนวต้านที่สำคัญที่ 1,681 ไปได้ ราคาทองคำจะมีสัญญาณเป็นบวกมากขึ้น โดยปัจจัยบวกที่สนับสนุนราคาทองคำ ได้แก่ ปัญหาวิกฤตหนี้ของยูโรโซนที่กำลังจะแผ่ขยายไปที่ระบบธนาคารพาณิชย์ถูกยับยั้งโดยความร่วมมือกันของประเทศในกลุ่มซึ่งนำโดยเยอรมันและฝรั่งเศสจะเพิ่มสภาพคล่องและเพิ่มทุนให้กับธนาคารพาณิชย์

 

นอกจากนั้นประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) และประธานสหภาพยุโรป (อียู) เตรียมการปฏิรูปตลาดการเงิน-ฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นวาระหลักประชุม G-20ในช่วงต้นเดือนหน้า อีกทั้งการประชุมครั้งนี้มีฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม คาดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อยุโรปมาก เนื่องจากมุ่งเน้นจะทำให้ระบบการเงินระหว่างประเทศมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และกระตุ้นการค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งวาระการประชุมดังกล่าวจะมีขึ้นในวันที่ 23 ต.ค. จากเดิม 17-18 ต.ค. โดยการเลื่อนการประชุมสุดยอดผู้นำอียูและยูโรโซนครั้งนี้ เพื่อให้คณะกรรมการยุโรปมีเวลามากขึ้นก่อนที่จะสรุปแนวทางและกลยุทธ์ต่างๆใน การรับมือกับวิกฤตหนี้สาธารณะ

 

ประกอบกับภาวะตลาดหุ้นต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน ขานรับตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ของ หลายๆ ประเทศที่ออกมาดี ที่ประกาศออกมา ได้แก่ เยอรมนีเปิดเผยว่ายอดเกินดุลการค้าขยายตัวขึ้นแตะระดับ 1.38 หมื่นล้านยูโร (1.85 หมื่นล้านดอลลาร์) ในเดือนส.ค. จากระดับ 1.06 หมื่นล้านยูโรในเดือนก.ค. เนื่องจากยอดการส่งออกของเยอรมนีขยายตัว 3.5% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้านี้ ขณะที่ฝรั่งเศส เผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของประเทศขยายตัวขึ้น 0.5% ในเดือนส.ค. เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก.ค.ที่ 1.8% เพราะได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรมการผลิตที่ขยายตัวแข็งแกร่ง และญี่ปุ่น ประกาศความเชื่อมั่นผู้บริโภคขยายตัวขึ้นมาอยู่ที่ 38.6 เป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือนในเดือนก.ย. ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสภาพการจ้างงานที่ดีขึ้น ทั้งนี้ ตัวเลขในส่วนของภาวะการจ้างงานพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 34.7 จากระดับ 31.8 ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 2 เดือน โดยชี้ว่า ตลาดแรงงานที่ดีขึ้นมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่ความเชื่อมั่นที่เป็นบวกของภาค ครัวเรือนในด้านการใช้จ่าย ขณะที่ อิตาลี เปิดเผยว่า ยอดผลผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ทำสถิติสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา ทั้งนี้ ยอดผลผลิตที่เพิ่มขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์นั้น สวนทางกับการคาดการณ์จากแหล่งต่างๆ ภาคการผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดได้แก่ ยานยนต์ เพิ่มขึ้น 31.7% จากปีก่อน ตามมาด้วยโลหะ 16.8% และ เคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์น้ำมันตามลำดับ ข้อมูลดังกล่าวถือว่าเป็นสัญญาณด้านบวกที่ได้พิสูจน์ถึงเสถียรภาพของ เศรษฐกิจอิตาลีและระบบเศรษฐกิจที่สดใสของประเทศ

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,645 1,631 1,600 แนวต้านที่ 1,681 1,705 1,753 ภาพกราฟราย 120 นาที แนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบรูปแบบ Side way Up โดยจุดต่ำยกตัวสูงขึ้น แนะนำเปิด long ที่แนวรับบริเวณ 1,645

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 31.0 แนวต้านที่ 32.9 33.3 Trading ในกรอบ 31 - 33.3

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

ถูกแก้ไข โดย ilovecgf

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 12 ตุลาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดลดลง 9.80 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,661.00 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับลดลงเล็กน้อย เนื่องจากตคลาดรอข่าวรัฐสภาของสโลวาเกียจะผ่านแผนให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศที่ประสบปัญหาหนี้หรือไม่ ในที่สุดรัฐสภาของสโลวาเกียไม่ผ่าน

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดเลดลง 9.80 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,655.40 – 1,686.70 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำใน COMEX ปรับลดลงอีกครั้งหลังจากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านบริเวณ 1,681 ไปได้ มีแรงขายทำกำไรลงมา หลังจากนั้นราคาเคลื่อนไหวในลักษณะ side way รอข่าวรัฐสภาสโลวาเกียจะผ่านแผนให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศที่ประสบปัญหาหนี้รอบที่ 2

 

o แต่ในที่สุดรัฐสภาของสโลวาเกียไม่ผ่านความเห็นรชอบแผนดังกล่าว สาเหตุจากการเมืองในประเทศของสโลวาเกีย โดยที่ฝ่ายค้านต่อรองให้รัฐบาลลาออกถึงจะยอมผ่านแผนเพิ่มเงินกองทุนใน EFSF คาดว่า ตลาดจะตอบรับต่อข่าวนี้ในทางลบทั้งในการซื้อขายในตลาดเอเชีย ยุโรป และตลาด COMEX

 

o อย่างไรก็ตาม คาดว่า ราคาทองคำจะปรับลดลงไม่มาก ถ้าดูจากกราฟในราย 60 นาที มีแนวรับบริเวณ 1,655 และถัดไป 1,645 ส่วนแนวต้านบริเวณ 1,686 และถัดไป 1,705 ซึ่งถ้าราคาทองคำยืนเหนือ 1,705 ได้จะมีสัญญาณที่ดีขึ้น แนวโน้มอาจกลับเป็นขาขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการทองคำในตลาด physical จากจีนและอินเดียมีมากขึ้น เนื่องจากเข้าสู่เทศกาลแต่งงานของชาวอินเดีย แนะนำเปิด Long ที่แนวรับ 1,655/1,645 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณ 1,686/1,705

 

o ดัชนีค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้นมาที่ระดับ 77.9 และเทียบกับเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.359 USDต่อยูโรในเช้าวันนี้ ราคาน้ำมันดิบ Nymex ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.40 USDต่อบาร์เรล ปิดที่ 85.81 USDต่อบาร์เรล ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปรับลดลง 16.88 จุด รอข่าวรัฐสภาของสโลวาเกีย ( +/- )

 

o ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ตัองจับตาในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันพุธ FOMC เปิดเผยการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 20-21ก.ย. วันพฤหัสมี การค้าระหว่างประเทศเดือนส.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ และสต๊อกน้ำมัน วันศุกร์ ยอดค้าปลีก ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย.

 

o ราคาโลหะเงินปิดเพิ่มขึ้น 0.02USDต่อออนซ์ ปิดที่ 32.00 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 31.35 – 32.58 USDต่อออนซ์ คาดการณ์กรอบความเคลื่อนไหวในสัปดาห์นี้อยู่ระหว่าง 29.0 – 33.5 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,954.27 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 32.9 / 33.3 และแนวรับบริเวณ 31.0 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 31.0 – 33.3 USDต่อออนซ์

 

o SPDR ถือทองคำจำนวนเท่าเดิม 1,227.99 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,645 – 1,705 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,645- 1,705

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,500 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...