ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ilovecgf

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ

โพสต์แนะนำ

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 4 สิงหาคม 2554

โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

ฝ่ายวิจัย CGF คาดว่าราคาทองคำมีแนวรับที่1,657/1638 แนวต้านที่ 1,668 แนวโน้มราคาในระยะยาวยังเป็นช่วงขาขึ้น แต่แนวโน้มระยะสั้น RSI กับ Scholastic เข้าสภาวะ overbought คาดว่าราคาจะลดลงในอนาคต

 

อิตาลีกับโอกาสที่จะเป็นกรีซเบอร์ 2

 

ราคาทองคำในตลาดเอเชียเปิดตลาดตอนเช้าที่บริเวณ 1,663 USDต่อออนซ์ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 1,659- 1,669 USDต่อออนซ์ ราคาเริ่มชะลอตัวในช่วงคืนวันที่ 3 ส.ค. ขณะที่ประเด็นที่น่าจะมีผลต่อราคาทอง ได้แก่ สถานการณ์การบริหารหนี้ของรัฐบาลอิตาลี หลังจาก นายกรัฐมนตรี ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี ของอิตาลี กล่าวในสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาว่า สหภาพยุโรป (อียู) อนุมัติร่างนโยบายรัดเข็มขัดที่รัฐบาลอิตาลีเสนอไปเมื่อเดือนที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม นโยบายดังกล่าวยังไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับตลาดหุ้นได้ เนื่องจากทั่วโลกกำลังเผชิญกับสภาวะวิกฤตความเชื่อมั่นต่อการแก้ปัญหาหนี้ของยุโรป

 

ปัญหาวิกฤตยุโรปได้เริ่มแผ่ขยายไปยังอิตาลี ทำให้ตลาดหุ้นในยุโรปตอบรับข่าวอย่างรวดเร็วเมือวันพุธ 3 ส ค. ส่งผลดัชนีราคาตลาดหลักทรัพย์ในหลายๆ ประเทศในยุโรป ตกต่ำลงในวันที่ 3 สค. ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีและสเปนเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี โดยอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรอายุ 5 ปีของอิตาลีเพิ่มขึ้นสู่ระดับเดียวกับของสเปน ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าอิตาลีกำลังจะก้าวเข้ามาแทนที่สเปนในฐานะประเทศที่สร้างความวิตกกังวลต่อนักลงทุนมากที่สุดในด้านความสามารถในการชำระหนี้ ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นอิตาลีดิ่งลง 2.5 % ในวันพุธ ที่ 3 ส ค. แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 27 เดือน แม้ว่าตอนแรกมีการคาดหมายว่าปัญหายุโรปหยุดแค่สเปน และสเปนน่าจะเป็นประเทศสุดท้ายที่เผชิญปัญหาหนี้ แต่ล่าสุดดูเหมือนกับว่าประเทศอื่นๆ ที่ได้รับการช่วยเหลือไปแล้ว เช่น กรีซ ไอร์แลนด์ โปรตุเกส ก็ยังวนกลับมาเป็นปัญหาให้แก้อีกรอบ

 

จากข้อเท็จจริงที่ว่าอิตาลีมีหนี้ภาครัฐสูงถึง 120% ของGDP นับว่าเป็นประเทศที่มีหนี้ภาครัฐสูงเป็นอันดับสองรองจากกรีซ ซึ่งการที่มีหนี้สูงขนาดนี้ หมายความว่า ถ้าเกิด อิตาลีมีปัญหาในการจ่ายหนี้คืนให้กับเจ้าหนี้หรือมีปัญหาสภาพคล่องผลกระทบที่ตามมาก็จะเป็นวงกว้าง เนื่องจากอิตาลีเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของสหภาพยุโรป และเป็นประเทศที่มีตลาดพันธบัตรใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก

 

ขณะที่อิตาลีเองก็มีแนวโน้มที่จะไม่สามารถแก้ ปัญหาด้านการคลังและเพิ่มวินัยทางการเงินให้ดีขึ้นได้ ส่งผลให้ นักลงทุนเริ่มขาดความเชื่อมั่นในการบริหารการคลังของรัฐบาลอิตาลี ยิ่งมีกรณีที่รัฐมนตรีคลังกับนายกรัฐมนตรีของอิตาลีมีความขัดแย้งกันและ ภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมืองในแนวร่วมรัฐบาลฝ่ายกลาง-ขวาของอิตาลีทำให้ความกังวลในตลาดเพิ่มสูงขึ้นในช่วงนี้ นอกจากนี้พฤติกรรมส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีเบอร์ลุสโคนีของอิตาลีทำให้ขาดความน่าเชื่อถือในฐานะเป็นผู้นำประเทศและกำลังถูกเรียกร้องให้ลาออก โดยเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีหลีกเลี่ยงภาษีและคดีพรากผู้เยาว์ เมื่อรวมกับความเสี่ยงในการถูกปรับลดอันดับเครดิตของประเทศอื่นๆ ในสหภาพยุโรป สถานการณ์ที่ล่อแหลมก็เลยกลายเป็นปัญหาที่รุนแรงขึ้น ทำให้ดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล 10 ปีของอิตาลีปรับเพิ่มขึ้นจากประมาณ 4.6% มาเป็นประมาณ 6%

 

อย่างไรก็ตามในอีกด้านหนึ่งอิตาลีจะต่างจากประเทศที่ประสบปัญหาวิกฤตหนี้อื่นๆ กล่าวคือ เมื่อย้อนกลับไปดูในอดีตพบว่า ปัญหาหนี้ของอิตาลีเป็นปัญหาที่เกิดมานานแล้ว ตั้งแต่ปี 2002 ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเดิมที่เคยสูงถึง 122% ของ GDP และ อิตาลีเองก็ไม่ได้มีการขาดดุลการคลังสูงมากนัก ประมาณ 4.5% ขณะที่การขาดดุลส่วนมากมาจากภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายไป ถ้าหักดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายออกไป รัฐบาลก็อยู่ในระดับเกินดุลเล็กน้อย ประกอบกับการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของอิตาลีก็ไม่สูงมากนักแค่เพียง 3% เท่านั้น นอกจากนี้แบร์ลุสโคนี ยังออกมาแสดงความมั่นใจในระบบเศรษฐกิจของอิตาลีโดยกล่าววว่า ตลาดยังไม่เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของอิตาลีมีความแข็งแกร่ง แต่โดยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศอิตาลีนั้นแข็งแกร่ง เพราะธนาคารในอิตาลีได้ผ่านการทดสอบสภาวะวิกฤต (stress test) ของอียูเรียบร้อยแล้วและยังมีสภาพคล่องและมีความสามารถในการชำระหนี้ ขณะที่ความมั่งคั่งของชาวอิตาเลียนก็มีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจของประเทศด้วย

 

ส่วนตัวเลขเศรษฐกิขของสหรัฐที่เพิ่งประกาศออกมา ได้แก่ ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานร่วงลง 0.8% ในเดือนมิ.ย.อันเป็นผลจากอุปสงค์ที่อ่อนแอสำหรับอุปกรณ์ด้านการขนส่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนพ.ค. สหรัฐเปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 29 ก.ค. เพิ่มขึ้น 950,000 บาร์เรลสู่ 355.0 ล้านบาร์เรล

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

ฝ่ายวิจัย CGF คาดว่าราคาทองคำมีแนวรับที่1,657/1638 แนวต้านที่ 1,668 แนวโน้มราคาในระยะยาวยังเป็นช่วงขาขึ้น แต่แนวโน้มระยะสั้น RSI กับ Scholastic เข้าสภาวะ overbought คาดว่าราคาจะลดลงในอนาคต ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 40.8 และแนวต้านที่ 42.5 แนวโน้มระยะสั้นราคาคาดว่าจะปรับตัวลดตัวลง

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 5 สิงหาคม 2554

โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานปิดลดลง 7.30 USDต่อออนซ์ปิดที่ 1,659.00 USDต่อออนซ์ ท่ามกลางการตกต่ำของตลาดหุ้นในสหรัฐและยุโรป ทำให้มีแรงขายทำกำไรทองคำเพื่อชดเชยการขาดทุนในตลาดหุ้น

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,642.20 – 1,684.90 ท่ามกลางการตกต่ำของตลาดหุ้นในสหรัฐและยุโรป ทำให้มีแรงขายทำกำไรทองคำเพื่อชดเชยการขาดทุนในตลาดหุ้น ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลดลงแรงถึง 512.76 จุดหรือ 4.31% ดัชนี DAX ของเยอรมัน 225.24 จุดหรือ 3.3% ดัชนีนิคเคอิตลาดหุ้นโตเกียวเช้านี้ลดลง 3% เนื่องจากความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐแสดงถึงความอ่อนแอ เศรษฐกิจสหภาพยุโรปเผชิญวิกฤตหนี้สินที่ยังไม่คลี่คลาย และกำลังแผ่ขยายไปประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เช่น อิตาลีและสเปน ญี่ปุ่นประสบปัญหาเศรษฐกิจกังวลในเรื่องการส่งออกเมื่อค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้น และเข้าแทรกแซงในอัตราแลกเปลี่ยนป้องกันการแข็งค่าของเงินเยน ทำให้มีแรงขายหุ้นในตลาดทั่วโลก และมีแรงขายทองคำเพื่อชดเชยการขาดทุนในตลาดหุ้น

 

o ราคาทองคำปรับขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 1,684.90 USDต่ออออนซ์ ราคามีความผันผวนตลอดการซื้อขาย จากนั้นได้ลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1,642 USDต่อออนซ์ จากแรงขายทำกำไรและผลกระทบจากการตกต่ำของตลาดหุ้นทั่วโลกจากความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัว คาดว่าแนวโน้มในระยะสั้นจะปรับตัวลดลงต่อ โดยมีแนวรับบริเวณ 1,630/ 1,625 อย่างไรก็ตามสำหรับการซื้อขายในช่วงกลางวัน (ในตลาดเอเชีย)อาจมี rebound ขึ้นได้ โดยมีแนวต้านบริเวณ 1,660 ส่วนช่วงกลางคืนคาดว่าจะปรับลดลงต่อได้

 

o ราคาน้ำมันดิบ Nymex ปิดที่ 86.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับลดลง 5.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากความวิตกกังวลจาก วิกฤตหนี้ยุโรปและความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยรอบใหม่ ( - )

 

o ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ 11,383.68 จุด ปรับลดลง 512.76 จุด ตลาดร่วงลงหลังจากเศรษฐกิจชะลอลงจากที่ซบเซาอยู่แล้วในช่วงครึ่งปีแรก และวิกฤติหนี้ยุโรปกำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสเปนและอิตาลี ( - )

 

o ราคา Silver ปิดลดลง 2.33 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 38.47 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 38.47 – 42.30 USDต่อออนซ์ ราคาปรับลดลงแรงถึง 5.57% ตามราคาโลหะพื้นฐานและราคาน้ำมัน iShares Silver Trust ซื้อโลหะเงินเพิ่มขึ้น 151.93 ตัน ถือโลหะเงินจำนวน 10,010.45 ตัน สำหรับวันนี้คาดว่า Silver มีแนวรับบริเวณ 38.2/37.3 แนวต้านบริเวณ 40.2/40.8 คำแนะนำ Trading ในกรอบ 37.3 – 40.8

 

o SPDR ถือทองคำจำนวนเท่าเดิม 1286.30 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,600 – 1,680 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,625 – 1,660

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,550 – 1,700 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

New Promotion เทรดมั่นใจ ไปกับคลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส

AWPromotionQ3-4_01.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 5 สิงหาคม 2554

โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

ราคาทองคำมีแนวรับที่1,630/1625 แนวต้านที่ 1,672 แนวโน้มราคาระยะยาวยังเป็นช่วงขาขึ้น แต่แนวโน้มระยะสั้น RSI กับ Scholastic ตัดกันที่สภาวะ overbought คาดว่าราคาจะลดลงเพิ่มอีกในอนาคต

 

เปิด short บริเวณแนวต้าน

 

ราคาทองคำในตลาดเอเชียเปิดตลาดตอนเช้าที่บริเวณ 1649 USDต่อออนซ์ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 1649-1663 USDต่อออนซ์ ราคาในช่วงคืนวันที่ 4 สค มีการทำยอดสูงสุดใหม่ที่ 1684.90 USDต่อออนซ์ แล้วปรับตัวลดลงที่ระดับ 1642.2 และปิดที่ 1659.0 USDต่อออนซ์ ประเด็นที่น่าจะมีผลต่อราคาทองในช่วงนี้ ได้แก่ สถานการณ์การบริหารหนี้ของรัฐบาลอิตาลี การที่ธนาคารกลางหลายๆประเทศเริ่มเข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้น และ การที่ ECB จะดำเนินโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลในยูโรโซนอีกครั้ง

 

จากประเด็นเศรษฐกิจของอิตาลี นายกรัฐมนตรีซิลวิโอ เบอร์ลุสโคนีของอิตาลีออกมาให้สัญญาว่า เขาจะเร่งรัดการปฏิรูปเศรษฐกิจ และเรียกร้องให้หลายฝ่ายร่วมมือกันในการรับมือกับภาวะตลาดที่ผันผวน หลังจากอาจส่งผลให้อิตาลีเผชิญกับวิกฤติการเงินในแบบเดียวกับกรีซ อย่างไรก็ดี ฝ่ายค้านเรียกร้องให้นายเบอร์ลุสโคนีลาออกจากตำแหน่ง ในขณะที่ความสนใจมุ่งไปที่ความแตกแยกในรัฐบาลฝ่ายกลาง-ขวาของอิตาลี และความขัดแย้งระหว่างนายเบอร์ลุสโคนีกับนายจูลิโอ เตรมอนติ รมว.เศรษฐกิจอิตาลี

 

ธนาคารกลางของประเทศตลาดเกิดใหม่ได้ทำการซื้อทองคำเพิ่มมีมูลค่ามากกว่า1 หมื่นล้านดอลลาร์เพิ่อเป็นทุนสำรองของธนาคารกลางในปีนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณความเชื่อมั่นที่ปรับตัวลดลงในการถือครองพันธบัตรและสกุลเงิน ดอลลาร์และยูโร ทั้งนี้ข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) สำหรับเดือนมิ.ย.บ่งชี้ว่าไทยซื้อทองเป็นครั้งที่สองในปีนี้โดยเพิ่มการถือทองคำสำรองอีกเกือบ 19 ตันสู่ระดับสูงกว่า 127 ตัน ขณะที่รัสเซียซื้อทองอีก 5.85 ตัน ซึ่งทำให้ปริมาณทองคำสำรองอยู่ที่ 836.7 ตันซึ่งเป็นการถือครองทองคำระดับสูงสุดอันดับ 8 ของโลกนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ ธนาคารกลางของประเทศตลาดเกิดใหม่ได้ซื้อทองคำไปแล้วเกือบ 180 ตัน มากกว่า 2 เท่าของปริมาณราว 73 ตันที่ซื้อโดยธนาคารกลางทั่วโลกของทั้งปี 2010

 

กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีนเปิดเผยบนเว็บไซท์ว่า การผลิตทองของจีนในปีนี้พุ่งแตะระดับ 32,394 ตันในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น12.5% จากเดือนพ.ค.กระทรวงอุตสาหกรรมระบุว่า การผลิตทองทั้งหมดในช่วงครึ่งแรกของปีนี้เพิ่มขึ้น 3.25% สู่ 164.416 ตันจากปีก่อนจีนเป็นผู้ผลิตทองรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยผลิตทอง 340.880 ตันในปี 2010เพิ่มขึ้น 8.6% จากปี 2009

 

ภายหลังการประชุมเมื่อคืนวันพฤหัสบดี ECB จะดำเนินโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลในยูโรโซนอีกครั้ง หลังจากที่ได้ยุติโครงการดังกล่าวไปเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว โดยมีเป้าหมายที่จะยับยั้งการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป นอกจากนี้ ECB ยังประกาศขยายโครงการสินเชื่อระยะสั้นให้กับธนาคารพาณิชย์ในยูโรโซนออกไปอีก 6 เดือน โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะเสริมสร้างสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์

 

อย่างไรก็ตาม ECBไม่ได้เปิดเผยแผนการเข้าซื้อพันธบัตรอิตาลีและสเปน แม้ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของอิตาลีอยู่ในระดับสูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของเยอรมนีก็ตาม โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของอิตาลีพุ่งขึ้นแตะระดับ 6.26% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มใช้สกุลเงินยูโรในปี 2542

 

ส่วนปัญหาเงินเฟ้อในยูโรโซน อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนที่พุ่งขึ้นถึง 2.5% ในเดือนก.ค.ทำให้ECBต้องจับตาสถานการณ์เงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจยูโรโซนมีความเสี่ยงมากขึ้น การแถลงโครงการซื้อพันธบัตรของECBมีขึ้นหลังจากคณะกรรมการบริหารของอีซี บีมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.5% เนื่องจากเศรษฐกิจยูโรโซนชะลอตัวลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

 

การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์หน้า (8-12 ส.ค.) มีตัวเลขได้แก่ วันจันทร์ มีดัชนีแนวโน้มการจ้างงานเดือนก.ค. วันอังคาร มีข้อมูลที่มีการปรับทบทวนสำหรับประสิทธิภาพการผลิตและ ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยประจำไตรมาส 2/2011 ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ประกาศมติการประชุม กำหนดอัตราดอกเบี้ย ในวันพุธ มีข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนมิ.ย. งบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนก.ค. ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ ในวันพฤหัสบดีมีรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนมิ.ย.ในวันศุกร์มียอดค้าปลีกเดือนก.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนส.ค. ตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย.

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

 

ราคาทองคำมีแนวรับที่1,630/1625 แนวต้านที่ 1,670 แนวโน้มราคาระยะยาวยังเป็นช่วงขาขึ้น แต่แนวโน้มระยะสั้น RSI กับ Scholastic ตัดกันที่สภาวะ overbought คาดว่าราคาจะลดลงเพิ่มอีกในอนาคต ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 38.2 และแนวต้านที่ 40.2 แนวโน้มระยะสั้นคาดว่าจะปรับตัวลดตัวลงต่อเนื่อง

 

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 8 สิงหาคม 2554

โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวันศุกร์ปิดเพิ่มขึ้น 6.80 USDต่อออนซ์ปิดที่ 1,665.80 USDต่อออนซ์ แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรออกมาดีกว่าคาด แต่นักลงทุนยังกังวลต่อภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาวของสหรัฐและสหภาพยุโรป

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวันศุกร์มีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,651.80 – 1,673.00 ส่วนการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดีกว่าคาด เช่น การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 117,000 รายมากกว่าคาด การจ้างงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 154,000 ราย อัตราการว่างงานลดลงเหลือ 9.1% แต่นักลงทุนยังกังวลต่อภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาวของสหรัฐและสหภาพยุโรป ทำให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ ส่วนผลกระทบต่อราคาทองคำในสัปดาห์นี้คาดว่า ราคามีแนวโน้มเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง แต่อาจมีความผันผวนรุนแรงจากการขายทำกำไร โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่ S&P ปรับลดอันดับเครดิตของสหรัฐจากระดับ AAA ลงมา 1 ขั้นสู่ระดับ AA+ การประชุมของ FED ในการดำเนินนโยบายการเงิน มีการคาดการณ์ว่าจะผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป การดำเนินนโยบายการซื้อพันธบัตรรัฐบาลของสหภาพยุโรป เป็นปัจจัยที่สนับสนุนราคาทองคำ ส่วนปัจจัยลบได้แก่ แรงขายทำกำไรของนักลงทุนเนื่องจากราคาปรับขึ้นมาแรง และการขายชดเชยการขาดทุนในตลาดหุ้น คาดกรอบความเคลื่อนไหวในสัปดาห์นี้อยู่ระหว่าง 1,644 – 1,725

 

o ราคาทองคำในช่วงเช้าวันนี้ในตลาดเอเชียได้ขึ้นไปทำ high ที่ระดับ 1,694 USDต่อออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนกังวลในเรื่องสหรัฐถูกปรับลดอันดับเครดิตลงจาก AAA เป็น AA+ ทำให้มีแรงซื้อทองคำเพิ่มขึ้นมากในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ราคาได้ถูกขายทำกำไรและมีราคาลดลงมาอยู่ในช่วง 1,685 – 1,694 USDต่อออนซ์ คาดกรอบความเคลื่อนไหววันนี้อยู่ระหว่าง 1,667 – 1,700 ( + )

 

o ผู้นำของ G-7 จะประชุมกันเพื่อแก้ปัญหาการขาดความเชื่อมั่น และการตกต่ำในตลาดเงินและตลาดทุน ( +/- )

 

o ธนาคารกลางยุโรปจะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลของอิตาลีและสเปน เพื่อป้องกันวิกฤตหนี้ไม่ให้ลุกลามออกไป (+/-)

 

o สำหรับในสัปดาห์นี้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ต้องติดตาม ไดแก่ การประชุมกำหนดนโยบายการเงินของสหรัฐในวันอังคาร ยอดขาดดุลการค้า และยอดขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ในวันพฤหัส และยอดค้าปลีกในวันศุกร์

 

o ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่ามาอยู่ที่ระดับ 1.432 USD ต่อยูโรเนื่องจากตลาดยังมีความกังวลถึงความเป็นไปได้กรณีการปรับลดอันดับ ความน่าเชื่อถือของสหรัฐ ( + )

 

o ราคา Silver ปิดลดลง 0.6 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 38.21 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 37.5 – 39.5 USDต่อออนซ์ ราคา Silver ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันและโลหะพื้นฐาน คาดว่าราคา Silver ในสัปดาห์นี้แกว่งตัวในกรอบ 37.5 – 42.2 USDต่อออนซ์ iShares Silver Trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 10,010.45 ตัน สำหรับวันนี้คาดว่า Silver มีแนวรับบริเวณ 39.0 แนวต้านบริเวณ 41.4 คำแนะนำ Trading ในกรอบ 39.0 – 41.4

 

o SPDR ถือทองคำจำนวนเท่าเดิม 1286.30 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,645 – 1,725 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,667 – 1,700

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,600 – 1,800 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th/

http://www.classicgold.co.th/

http://www.chiabsengheng.co.th/

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พบกับบูธคลาสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส B23-B24 พร้อมโปรโมชั่นมากมาย ในงาน Money Expo 19-21 สิงหาคม ที่ The Mall Korat Mcc Hall

postermoneykoratupdate.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 8 สิงหาคม 2554

โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

ฝ่ายวิจัย CGF มองว่าราคาทองคำมีแนวรับที่1680/1,667 แนวต้านที่1,720 แนวโน้มราคายังเป็นช่วงขึ้นต่อเนื่องจากปัจจัยพื้นฐานสหรัฐ ที่S&P ปรับเครดิตสหรัฐ แนวโน้มสัญญาณระยะสั้นยังคงปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

 

ทองคำและผลการทบจากการที่สหรัฐถูกปรับลดอันดับเครดิต

 

ราคาทองคำในตลาดเอเชียเปิดตลาดตอนเช้าที่บริเวณ 1,692 USDต่อออนซ์ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง1,691-1,715 USDต่อออนซ์ ราคาในช่วงกลางวัน วันที่ 8 ส.ค.มีการทำยอดสูงสุดใหม่ที่ 1,715 USDต่อออนซ์ แล้วปรับตัวลดลงที่ระดับ 1705 USD ต่อออนซ์ ราคามีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากจากประเด็น สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลง รวมถึงแนวโน้มการถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐ

 

ปัจจัยที่ผลักดันราคาทองให้เพิ่มขึ้นเหนือ 1,700 USD ต่อ ออนซ์ ในวันจันทร์ มาจาก การที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของสหรัฐลง 1 ขั้นจาก AAA สู่ AA+ อันเป็นผลจากความวิตกเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณและภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐ ซึ่งการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือดังกล่าว คาดว่าจะมีผลต่อการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาล, บริษัท และผู้บริโภค นอกเหนือจากการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงแล้วนั้น S&P ยังระบุถึงแนวโน้มในเชิงลบ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า อาจจะมีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลงอีกในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า

 

นายลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส อดีตรมว.คลังสหรัฐ ระบุว่า มีโอกาส 1 ใน 3 ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะกลับเข้าสู่ภาวะถดถอย หากการคาดการณ์นี้เป็นจริงก็จะเกิดความตื่นตระหนกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและการคลังของสหรัฐในอนาคต ผลของความกังวลจากทั้งปัจจัยจากความวิตกต่อภาวะถดถอยในสหรัฐการลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ และปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรปทำให้ตลาดการเงินทรุดตัวลงอย่างหนัก ซึ่งนับว่าเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดครั้งหนึ่งนับตั้งแต่เลห์แมน บราเธอร์สล้มละลายในปี 2008 อันทำให้นักลงทุนพากันเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่เกิดความผันผวนทางการเงิน ได้แก่ ทองคำและ เงิน ฟรังก์สวิส ซึ่งทำให้ฟรังก์สวิสแข็งค่าแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับดอลลาร์ และทำให้ราคาทองพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ที่เหนือระดับ 1,700 ดอลลาร์/ออนซ์ในวันนี้

 

ข้อมูลของโกลด์แมนแซคส์บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐใกล้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้วขณะที่แทบไม่มีสัญญาณที่ดีขึ้นในประเทศอื่นๆ โดยอิตาลีและสเปนใกล้เข้าสู่ภาวะอันตราย เศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัวลง และญี่ปุ่นอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวในเดือนมี.ค.ภาวะที่ซบเซากำลังส่งผลกระทบต่อธุรกิจทั่วโลก ขณะที่นักวิเคราะห์ได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออก

 

ขณะที่ รมว.คลังจากกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ หรือจี-7ประกาศว่าจะดำเนินทุกมาตรการเพื่อรักษาให้ตลาดการเงินทรงตัว หลังจากที่เกิดความตื่นตระหนกต่อความขัดแย้งทางการเมืองในสหรัฐและยุโรป เกี่ยวกับการลดยอดขาดดุลงบประมาณจำนวนมหาศาล จากวิกฤติหนี้ที่รุนแรงขึ้น และตลาดหุ้นทรุดตัวลง ผู้นำกลุ่มจี-7ก็ได้ออกแถลงการณ์หลังการประชุมทางไกลว่า พร้อมจะดำเนินการเพื่อรับรองเสถียรภาพและสภาพคล่องในตลาดการเงิน

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

 

ราคาทองคำมีแนวรับที่1680/1,667 แนวต้านที่1,720 แนวโน้มราคายังเป็นช่วงขึ้นต่อเนื่องจากปัจจัยพื้นฐานสหรัฐ ที่S&P ปรับเครดิตสหรัฐ แนวโน้มสัญญาณระยะสั้นยังคงปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

 

ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 39.0 และแนวต้านที่ 41.4 แนวโน้มราคากลับมาเป็นช่วงขาขึ้น

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th/

http://www.classicgold.co.th/

http://www.chiabsengheng.co.th/

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 9 สิงหาคม 2554

โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด

 

ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นทำ high ใหม่ต่อเนื่อง ในช่วงเช้าวันนี้ขึ้นไปที่ระดับ 1,740 USDต่อออนซ์ เป็นผลจากสหรัฐถูกปรับลดอันดับเครดิต ปัญหาวิกฤตหนี้ของยุโรป และความกังวลต่อภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาวของโลก ทำให้นักลงทุนหันมาถือทองคำเพิ่มขึ้น

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานปิดที่ระดับ 1,710 USDต่อออนซ์ มีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,692 – 1,720 เป็นผลจากสหรัฐถูกปรับลดอันดับเครดิต ปัญหาวิกฤตหนี้ของยุโรป และความกังวลต่อภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาวของโลก ทำให้นักลงทุนหันมาถือทองคำเพิ่มขึ้น แนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้คาดว่า ราคามีแนวโน้มเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก การประชุมของ FED ในการดำเนินนโยบายการเงิน มีการคาดการณ์ว่าจะผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป การดำเนินนโยบายการซื้อพันธบัตรรัฐบาลของสหภาพยุโรป เป็นปัจจัยที่สนับสนุนราคาทองคำ ส่วนปัจจัยลบได้แก่ แรงขายทำกำไรของนักลงทุนเนื่องจากราคาปรับขึ้นมาแรง และการขายชดเชยการขาดทุนในตลาดหุ้น คาดกรอบความเคลื่อนไหวในสัปดาห์นี้อยู่ระหว่าง 1,650 – 1,750

 

o ราคาทองคำในช่วงเช้าวันนี้ในตลาดเอเชียได้ขึ้นไปทำ new high ที่ระดับ 1,740 USDต่อออนซ์ โดยผลจากการปรับลดอันดับของสหรัฐจาก AAA เป็น AA+ ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงอย่างรุนแรง ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปรับลดลง 634.76 จุดหรือ 5.5% ดัชนีหุ้น DAX ของเยอรมันลดลง 312.89 จุดหรือ 5.02% ดัชนีตลาดหุ้นในเอเชียลดลง 2 – 3% การตกต่ำในตลาดหุ้นทำให้มีแรงซื้อทองคำเพิ่มขึ้นมากในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย คาดกรอบความเคลื่อนไหววันนี้อยู่ระหว่าง 1,698 – 1,750 ( + )

 

o สถาบันจัดอันดับเครดิต Moody’s ออกมาย้ำว่า อาจปรับลดอันดับเครดิตของสหรัฐก่อนปี 2013 ( + )

 

o สำหรับในสัปดาห์นี้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมกำหนดนโยบายการเงินของสหรัฐในวันนี้ ยอดขาดดุลการค้า และยอดขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ในวันพฤหัส และยอดค้าปลีกในวันศุกร์

 

o ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าอยู่ที่ระดับ 1.416 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อยูโร เนื่องจากเงินยูโรอ่อนตัวลง ( - )

 

o ราคาน้ำมัน Nymex ปิดที่ 81.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับลด 5.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ( - )

 

o ราคา Silver ปิดเพิ่มขึ้น 1.1 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 39.3 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 38.5 – 39.7 USDต่อออนซ์ ราคา Silver ในเช้าวันนี้แกว่งตัวลดลงอยู่ที่บริเวณ 38.7 หลังจากที่ไปทำ high บริเวณ 40.3 ได้ปรับตัวลดลงแรง คาดว่า ราคา Silver ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันและโลหะพื้นฐาน ราคา Silver ในสัปดาห์นี้คาดว่าแกว่งตัวในกรอบ 37.5 – 42.2 USDต่อออนซ์ iShares Silver Trust ขายโลหะเงินออก 119.71 ตัน ถือโลหะเงินจำนวน 9,890.74ตัน สำหรับวันนี้คาดว่า Silver มีแนวโน้มปรับตัวลดลง โดยมีแนวรับบริเวณ 37.5 แนวต้านบริเวณ 40.3 คำแนะนำ Trading ในกรอบ 37.5 – 40.3

 

o SPDR ซื้อทองคำเพิ่มขึ้น 23 ตัน ถือทองคำจำนวน 1309.92 ตัน

 

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,650 – 1,750 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,675 – 1,735

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,600 – 1,800 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 9 สิงหาคม 2554

โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงบ่าย)

 

ฝ่ายวิจัย CGF คาดว่าราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,698/1,675 แนวต้านที่1,770 แนวโน้มราคายังเป็นช่วงขึ้นต่อเนื่องจากปัจจัยพื้นฐานสหรัฐที่S&P ปรับเครดิตสหรัฐ แนวโน้มสัญญาณระยะสั้นน่าจะปรับฐานและปรับเพิ่มขึ้นต่อ

 

ทองคำสร้างจุดสูงสุดใหม่ในรอบปี

 

ราคาทองคำในตลาดเอเชียเปิดตลาดตอนเช้าที่บริเวณ 1,740 USDต่อออนซ์ ระหว่างวันมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 1,738-1,771 USDต่อออนซ์ ราคาทองยังคงเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ รวมถึงสร้างจุดสูงสุดจุดใหม่ที่ 1,771 โดยทองคำได้แรงหนุนจากการ ปรับเครดิตสหรัฐจาก S&P และ มูดี้ส์ก็มีแนวโน้มจะปรับลด เครดิตของสหรัฐถ้าสหรัฐยังไม่สามารถปฏิบัติได้ตามเงือนไข ซึ่งเป็นปัจจัย บวก กับราคาทองคำใน ช่วงนี้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง

 

มีการประกาศเตือนจาก มูดี้ส์ว่าอาจปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลงก่อนปี 2013 ถ้าแนวโน้มทางการคลังของสหรัฐหรือเศรษฐกิจเลวร้ายลงอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม มูดี้ส์ระบุถึงโอกาสที่จะมีการบรรลุข้อตกลงลดหนี้ฉบับใหม่ของสหรัฐเพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณก่อนถึงเวลาดังกล่าว ทำให้สหรัฐมีโอกาสที่จะไม่ถูกปรับลดอันดับเครดิต ในขณะที่ทางด้าน สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลงจาก AAA สู่ AA+ เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว เพราะปัญหาการขาดดุลงบประมาณและภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐ

 

แถลงการณ์มูดี้ส์ แสดงถึงการตัดสินใจคงอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ ในวันที่ 2 ส.ค. โดยเกิดขึ้นบนเงื่อนไขที่ว่า สหรัฐต้องลดยอดขาดดุลลงอีก และ สหรัฐจะต้องจัดทำมาตรการลดยอดขาดดุลเพิ่มเติม เพือปกป้องอันดับความน่าเชื่อถือที่ AAA โดยข้อตกลงลดหนี้ฉบับใหม่ในสหรัฐก็มีความเป็นไปได้ก่อนปี 2013 มูดี้ส์แถลงในวันที่ 9 สค. ว่า อาจปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลงก่อนปี 2013 ถ้าวินัยทางการคลังของสหรัฐอ่อนแอลงในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า หรือเศรษฐกิจถดถอยลงอย่างเห็นได้ชัด

 

สัญญาสว็อปความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ หรือตราสาร CDS ของรัฐบาลฝรั่งเศสพุ่งขึ้น 0.155% สู่ 1.60% ซึ่งเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ซึ่งหมายความว่าจะต้องนักลงทุนจะต้องเสียค่าใช้จ่าย160,000 ยูโรเพื่อรับประกันการลงทุน 10 ล้านยูโรในพันธบัตรฝรั่งเศส อย่างไรก็ดี S&P ระบุว่า อันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสอยู่ที่ AAA และแนวโน้มมีเสถียรภาพ

 

จีนประกาศอัตราเงินเฟ้อประจำ เดือนก.ค.พุ่งขึ้น 6.5% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 6.3% และ สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2008 ขณะที่เดือนมิ.ย.ปีนี้อยู่ที่ 6.4%

 

ส่วนการเคลื่อนไหวของอีซีบีเพื่อซื้อพันธบัตรของอิตาลีและสเปน เพื่อสร้างเสถียรภาพด้านราคาใน ยูโรโซน โดยการแทรกแซงดังกล่าวเกิดขึ้นเพื่อซื้อพันธบัตรของประเทศที่มีปัญหาหนี้สาธรารณ เช่น สเปนและอิตาลี หลังจากไม่สามารถสกัดกั้นการลุกลามของวิกฤติหนี้ยูโรโซนได้

 

มีการคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐประจำอาทิตย์นี้ไว้ว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจจะเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมิ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.0%ในเดือนพ.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 6 ส.ค.จะอยู่ที่ 400,000 รายไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า สหรัฐจะขาดดุลการค้า 4.8 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย. ลดลงจาก 5.023 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค. ยอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย. และยอดค้าปลีกที่ไม่รวมรถยนต์จะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. หลังจากทรงตัวในเดือนมิ.ย. เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ในช่วง 0-0.25% ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐจะอยู่ที่ 63.0 ในช่วงต้นเดือนส.ค. ลดลงจาก 63.7 ในช่วงท้ายเดือนก.ค.ดัชนีภาวะปัจจุบันจะอยู่ที่ 74.3 ในช่วงต้นเดือนส.ค. ลดลงจาก 75.8ในช่วงท้ายเดือนก.ค. และดัชนีคาดการณ์จะอยู่ที่ 55.3 ในช่วงต้นเดือนส.ค. ลดลงจาก 56.0 ในช่วงท้ายเดือนก.ค.

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

 

ฝ่ายวิจัย CGF คาดว่าราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,698/1,675 แนวต้านที่1,770 แนวโน้มราคายังเป็นช่วงขึ้นต่อเนื่องจากปัจจัยพื้นฐานสหรัฐที่S&P ปรับเครดิตสหรัฐ แนวโน้มสัญญาณระยะสั้นน่าจะปรับฐานและปรับเพิ่มขึ้นต่อ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 37.5 และแนวต้านที่ 40.3 แนวโน้มสัญญาณ บอกแนวโน้มราคาน่าจะปรับลดตัวลง คาดว่าราคาจะมีการปรับลดลงต่อเพือปิด Gap ที่ 38.3

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 10 สิงหาคม 2554

โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,717 – 1,782.50 ราคาทองคำแกว่งตัวผันผวน โดยในช่วงเปิดตลาดใน COMEX ปรับตัวลดลงจากจากการคาดการณ์ว่า FED จะใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายต่อเนื่อง ตลาดหุ้นดาวโจนส์ rebound ขึ้น 429.92 จุดหรือ 3.98% ทำให้มีแรงขายทำกำไรในตลาดทองคำ สำหรับแนวโน้มราคาทองคำในวันนี้คาดว่า 1,715 – 1,779

 

o ราคาทองคำในช่วงเช้าวันนี้ในตลาดเอเชียแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 1,740 – 1,766 USDต่อออนซ์ แนวโน้มในวันนี้เป็น side way คาดว่าจะไม่ทำจุดสูงสุดใหม่ ปัจจัยที่จะมีผลกระทบราคาทองคำในวันนี้ ปัจจัยลบได้แก่ คาดว่าตลาดหุ้นทั่วโลกจะ rebound ขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐ เมื่อ FED คงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปถึงปี 2013 ทำให้ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลดลง ความกังวลในเรื่องวิกฤตหนี้ของยุโรปคลี่คลาย เมื่อ ECB เข้ามาซื้อพันธบัตรรัฐบาลของอิตาลี ทำให้ yield ของพันธบัตรลดลง สหรัฐขายพันธบัตรรัฐบาลเป็นครั้งแรกหลังจากถูกปรับลดอันดับเครดิต และ yield ของพันธบัตรสหรัฐต่ำกว่าคาด มีความกังวลลดลงในภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เมื่อเงินเฟ้อของจีนพุ่งขึ้น 6.5% YoY SPDR ขายทองคำออก 13.02 ตัน ส่วนปัจจัยบวก ได้แก่ ค่าเงิน USD อ่อนค่าลง

 

o ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่ประกาศ ได้แก่ ผลิตภาพการผลิตลดลง 0.3% ดีกว่าคาดที่ -0.8% ( - )

 

o ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงมาที่ระดับ 1.435 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อยูโร หลังจาก FED ประกาศว่าจะใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษต่อไปอีก ( + )

 

o ราคาน้ำมัน Nymex ปิดที่ 79.3ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับลด 2.0 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนรู้สึกผิดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ไม่ได้ประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ( - )

 

o ราคา Silver ปิดลดลง 1.5 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 37.88 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 37.03 – 39.66 USDต่อออนซ์ ราคา Silver ในเช้าวันนี้แกว่งตัวที่บริเวณ 38.5 หลังจากที่ไปทำ Low บริเวณ 36.8 ได้ rebound ขึ้น แนวโน้มราคาคาดว่าจะ Side way ออกด้านข้าง iShares Silver Trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,890.74ตัน สำหรับวันนี้คาดว่ามีแนวรับบริเวณ 36.3 แนวต้านบริเวณ 40.3 คำแนะนำ Trading ในกรอบ 36.3 – 40.3

 

o SPDR ขายทองคำออก 13.02 ตัน ถือทองคำจำนวน 1296.90 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,700 – 1,780 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,715 – 1,779

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,600 – 1,800 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 10 สิงหาคม 2554

โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

ฝ่ายวิจัย CGF คาดว่าราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,715 แนวต้านที่ 1,779 แนวโน้มราคายังไม่ชัดเจน ราคามีการปรับลดลงจากเมือวาน และปรับฐานช่วงเมือคืน คาดว่ายังเป็นช่วงside way ออกข้าง

 

Sideway ออกข้าง

 

ราคาทองคำในตลาดเอเชียเปิดตลาดตอนเช้าที่บริเวณ 1,754 USDต่อออนซ์ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง1,740-1,767 USDต่อออนซ์ ปัจจัยที่มีผลกระทบกับราคาทองคำในเชิงลบในช่วงนี้ได้แก่ แนวโน้มการ rebound ของตลาดหุ้นทั่วโลก นักลงทุนมีแนวโน้มจะเทขายทองออกเพือนำเงินกลับเข้าสู่ตลาดทุน ในการซื้อสินทรัพย์กลับคืนในราคาที่ต่ำ และขายเพือนำกำไรไปชดเชยส่วนขาดทุนจากตลาดหุ้น ขณะที่ความกังวลในเรื่องวิกฤตหนี้ของยุโรปเริ่มลดลง จากการที่ ECB เข้ามาซื้อพันธบัตรรัฐบาลของอิตาลี ทำให้ อัตราดอกเบี้ย ของพันธบัตรลดลง ทำให้คาดการณ์ว่าแนวโน้มที่จะสามารถควบคุมปัญหาหนี้ของอิตาลีและสเปนได้ สหรัฐขายพันธบัตรรัฐบาลเป็นครั้งแรกหลังจากถูกปรับลดอันดับเครดิต และการลดลงอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรสหรัฐ แสดงถึงความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจและปัญหนี้ของสหรัฐลดลง ขณะที่ปัจจัยที่ยังส่งเสริมราคาทองได้แก่ ค่าเงิน USD อ่อนค่าลงเรือยๆจากการชะตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐ และความคลุมเครือในการแก้ปัญหาหนี้ยุโรป

 

หุ้นยุโรปเพิ่มขึ้นในการซื้อขายช่วงแรก โดยขยายช่วงบวกต่อจากเมื่อวานนี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษต่อไปอีก 2 ปี ซึ่งช่วยยุติการทรุดตัวลงของตลาดที่ปรับลดลงไปแล้วถึง 20%หลังจาก ผู้เชี่ยวชาญทางการเงินคาดว่า ดัชนี FTSE 100 ของตลาดหุ้นอังกฤษจะเปิดตลาดเพิ่มขึ้น 42 จุด หรือ 0.8%, ดัชนี DAX ของตลาดหุ้นเยอรมนีจะเปิดตลาดเพิ่มขึ้น 33 จุด หรือ 0.6% และดัชนี CAC-40 ของตลาดหุ้นฝรั่งเศสจะเปิดตลาดบวก 13 จุดหรือ 0.4% จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ราคาทองคำในวันนี้มีการชะลอตัวและไม่ปรับเพิ่มขึ้นเพราะนักลงทุนมีการขายทำกำไรจากทองคำเพือนำไปลงทุนในตลาดหุ้น

 

ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐทั้ง 10 ปี และ 3 ปี ตกและลดลงมากเป็นประวัติการณ์ทั้งนี้ เพราะราคาของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวขึ้น จากการ ที่นักลงทุนเทขายหุ้นและนำเงินมาลงทุนในตลาดพันธบัตร ซึ่งดันราคาพันธบัตรสหรัฐให้ปรับตัวสูงขึ้น โดยอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตร 10 ปี อยู่ที่ 2.04% และพันธบัตร 3ปีอยู่ที่ 3.85% โดยจัดว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำสุดในรอบหลายปีของสหรัฐนับการปัญหา subprime crisis

 

โกลด์แมน แซคส์คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 (QE3) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเฟดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยใกล้ระดับ 0% ต่อไปอีก 2 ปี หลังจากที่ ตลาดหุ้นทรุดตัวลงทั่วโลก

 

นายแจน แฮทเซียส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์กล่าวว่า มีโอกาสมากที่เฟดจะทำดำเนินนโยบายการผ่อนคลายเชิงปริมาณอีกครั้งในปีนี้ หรือไม่ก็ต้นปีหน้า เพราะแถลงการณ์ของเฟดบ่งชี้ว่าปฏิกริยาของคณะกรรมการเฟดมีท่าทีที่เข้มงวดน้อยกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ โดยที่เฟดประกาศคงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate)อยู่ในกรอบ 0-0.25 % ในการประชุมเมื่อวันอังคาร ซึ่งเป็นระดับที่ได้กำหนดไว้ในการประชุมเดือนธ.ค.2008 และระบุว่าสภาวะเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนการใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำเป็นพิเศษต่อไปอีกอย่างน้อยจนถึงกลางปี 2013 แต่ไม่ได้เป็นผลบวกต่อราคาทองคำเท่าไรนัก เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าเฟดจะออกมาตรการใหม่ๆเพิ่มเติม

 

ขณะที่ความต้องการโลหะเงินที่เพิ่มขึ้นทั้งจากในจีนและอินเดีย และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากโดยมากกว่า 70% ของความต้องการโลหะเงินในจีนโดยที่มาจากความต้องการทางอุตสาหกรรมซะส่วนใหญ่ โดยโลหะเงินเป็นที่นิยมในการใช้ผลิตโซล่าเซล และ อิเล็กโทรนิกค์ อย่างไรก็ดีความต้องการในโลหะเงินเพิ่มขึ้น 30% ในปี 2011 ทั้งจีนและอินเดียและ เพิ่มขึ้นอีก 40 % ในปี 2012 โดยความต้องการทางอุตสหกรรมส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของราคาของ โลหะเงินอย่างมาก ขณะที่การลดค่าของค่าเงินดอลลาร์และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐ และ เงินเฟ้อที่เพิ่มอย่างมากในหลายๆ ประเทศเป็นปัจจัยผลักดันราคาโลหะเงินให้สูงมากยิ่งขึ้น

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

 

ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,715 แนวต้านที่ 1,779 แนวโน้มราคายังไม่ชัดเจน ราคามีการปรับลดลงจากเมือวาน และปรับฐานช่วงเมือคืน คาดว่ายังเป็นช่วงside way ออกข้าง

ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 36.3 และแนวต้านที่ 40.3 แนวโน้มราคาคาดว่าราคาน่าจะเริ่ม rebound สัญญาณยังไม่ชัดเจนคาดว่า side way ออกด้านข้าง

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 11 สิงหาคม 2554

โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 41.30 USDต่อออนซ์ปิดที่ 1,784.30 USDต่อออนซ์ และปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงเช้านี้เกินกว่า 1,800 USDต่อออนซ์ เมื่อมีความกังวลต่อว่าฝรั่งเศสจะถูกปรับลดอันดับเครดิต ความกังวลต่อภาวะการเงินและเศรษฐกิจของโลก ฉุดดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวลดลงอีก 520 จุด

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,740 – 1,801 ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง หลังจากพักฐานในช่วงการซื้อขายในตลาดเอเชียเมื่อวานนี้ แต่ในช่วงการซื้อขายในตลาด COMEX เมื่อคืนนี้ตลาดมีความกังวลว่าฝรั่งเศสจะถูกปรับลดอันดับเครดิต และความกังวลต่อภาวะการเงินและเศรษฐกิจของโลก ฉุดดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวลดลงอีก 520 จุดหรือ หรือ 4.62% ส่วนดัชนีตลาดหุ้นในยุโรปปรับตัวลดลง 3 – 5% ภายในวันเดียว หนุนราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นแรงอีกครั้งหนึ่ง สำหรับแนวโน้มราคาทองคำในวันนี้คาดว่า 1,750 – 1,820

 

o ราคาทองคำในช่วงเช้าวันนี้ปรับตัวสูงเหนือ 1,800 USDต่อออนซ์ โดยมี ปัจจัยบวก จากการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นในสหรัฐและยุโรป และคาดว่าในเอเชียตลาดหุ้นจะปรับตัวลดลงแรงด้วยเช่นกัน ความกังวลว่าฝรั่งเศสจะถูกปรับลดอันดับเครดิตมีผลทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นแรงเมื่อคืนนี้ แต่ทางสถาบันอันดับเครดิต S&P ออกมายืนยันว่ายังไม่ปรับลดอันดับเครดิตของฝรั่งเศส การคาดการณ์ว่าฝรั่งเศสจะถูกปรับลดอันดับเครดิต เนื่องจากฝรั่งเศสได้ให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศที่มีปัญหาหนี้จำนวนมาก และถือพันธบัตรรัฐบาลของประเทศที่ประสบปัญหาหนี้ เมื่อประเทศเหล่านี้ถูกคาดว่าจะผิดนัดชำระหนี้ จึงกระทบต่ออันอับเครดิตของฝรั่งเศส ส่วนปัจจัยลบ ได้แก่ ค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้น

 

o เงินบาทแข็งอ่อนค่าขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 29.92บาทต่อ USD

 

o ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าอยู่ที่ระดับ 1.417 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อยูโร เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของภาคธนาคารในยูโรโซน หลังจากมีกระแสข่าวลือเกี่ยวกับสถานะการเงินที่อ่อนแอของธนาคารในฝรั่งเศส ( + )

 

o ราคาน้ำมัน Nymex ปิดที่ 82.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับเพิ่ม 3.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจาก EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบร่วงลงเกินคาด( - )

 

o ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ 10,719.94 จุด ปรับลด 519.83 จุดเนื่องจากนักลงทุนตื่นตระหนกกับกระแสข่าวลือที่ว่าฝรั่งเศสจะถูกปรับลด อันดับความน่าเชื่อถือ

 

o ราคา Silver ปิดเพิ่มขึ้น 1.44 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 39.33 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 37.62 – 39.58 USDต่อออนซ์ ราคา

Silver ในเช้าวันนี้แกว่งตัวที่บริเวณ 39.2 หลังจากขึ้นไป high บริเวณ 39.8 มีแรงขายทำกำไรออกมา แนวโน้มราคาคาดว่าจะ Side way ออกด้านข้าง iShares Silver Trust ขายโลหะเงินออก 118.18 ตัน ถือโลหะเงินจำนวน 9,772.56 ตัน สำหรับวันนี้คาดว่ามีแนวรับบริเวณ 36.9 แนวต้านบริเวณ 40.8 คำแนะนำ Trading ในกรอบ 36.9 – 40.8

 

o SPDR ขายทองคำออก 0.38 ตัน ถือทองคำจำนวน 1,296.52 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,700 – 1,820 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,746 – 1,820

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,600 – 1,850 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 11 สิงหาคม 2554

โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด(ช่วงเย็น)

 

ฝ่ายวิจัย CGF คาดว่า ราคาทองคำมีแนวรับที่1,750 แนวต้านที่ 1,814/1,820 แนวโน้มราคามีการปรับฐานและใกล้จะปรับตัวลดลง

 

การปรับเพิ่ม Margin ในตลาด Comex

 

ราคาทองคำในตลาดเอเชียเปิดตลาดตอนเช้าที่บริเวณ 1,796 USDต่อออนซ์ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง1,774-1,798 USDต่อออนซ์ ราคาทองลดลงจากสถิติสูงสุดในช่วงเช้าวันที่ 11 ส.ค. หลังจากบริษัทซีเอ็มอี กรุ๊ปปรับขึ้น Initial Margin สัญญาทองล่วงหน้าในตลาด COMEX แต่ว่าราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนต่อไปจากภาวะผันผวนในตลาดการเงินโลก และจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ณ เวลา 09.45 น. วันที่ 11 ส.ค. ตามเวลาไทย ราคาทองสปอตอยู่ที่ 1,782.79ดอลลาร์/ออนซ์ หลังขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1,813.79 ดอลลาร์/ออนซ์ ราคาทองสปอตและสัญญาทองล่วงหน้าต่างปรับตัวลง หลังจากซีเอ็มอี กรุ๊ปประกาศว่า ทางบริษัทได้ปรับขึ้นค่ามาร์จินในสัญญาทองล่วงหน้าของสหรัฐในอัตรา 22.2 % ส่งผลให้ราคาทองร่วงลงต่ำกว่าระดับ 1,800 ดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าน่าส่งผลให้ราคาทองคำในไทยปรับลดลงตามไปด้วยในไม่ช้า ส่วนค่าเงินดอลลาร์ก็ปรับตัวลดลง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้สัญญาว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับใกล้ 0 % ต่อไปอีก 2 ปี ขณะที่ฟรังก์ สวิสอ่อนลงเพียงเล็กน้อย หลังจากทางการสวิตเซอร์แลนด์ดำเนินมาตรการสกัดกั้น การแข็งค่าของฟรังก์สวิส

 

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะดำเนินมาตรการ QE3 ทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ถ้าหากเศรษฐกิจยังคงชะลอตัวลงต่อไป อย่างไรก็ตาม เฟดระบุว่ากำลังสำรวจทางเลือกอื่นๆเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ถ้าหากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐชะลอตัวลงต่อไปและอัตราการว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูง ก็มีแนวโน้มว่านายเบน เบอร์นันเก้ประธานเฟดจะดำเนินมาตรการใหม่ ถึงแม้ว่าสมาชิกบางคนในคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) คัดค้านเขาก็ตาม โดยเฟดได้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0 % มาเป็นเวลานานแล้วและได้เข้าซื้อพันธบัตรไปแล้ว 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงที่ผ่านมา

 

โกลด์แมน แซคส์มองว่า มีโอกาสสูงกว่า 50 % ที่เฟดจะดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 (QE3) ในช่วงต่อไปในปีนี้หรือในช่วงต้นปี 2012 และระบุเสริมว่า FOMC อาจจะผ่อนคลายนโยบายลงต่อไป ถ้าหากการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจของเฟดปรับเปลี่ยนไปในทางลบ

 

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันที่ 11 สค. – 12 สค. คาดไว้ว่าสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจจะเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมิ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.0%ในเดือนพ.ค. คาดว่าดัชนี NAHB จะอยู่ที่ระดับ 15 ในเดือนส.ค. ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับ 15 ในเดือนก.ค. คาดว่าราคานำเข้าจะลดลง 0.1% ในเดือนก.ค. หลังจากลดลง 0.5% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่ราคาส่งออกจะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. หลังเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย. คาดว่ายอดขายบ้านมือสองจะอยู่ที่ 4.90 ล้านยูนิตในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้นจาก 4.77 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย.. คาดว่าดัชนีชี้นำเศรษฐกิจจะเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย. คาดว่าดัชนี CPI ทั่วไปจะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. หลังลดลง 0.2% ในเดือนมิ.ย. และดัชนี CPI พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานจะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. หลังเพิ่มขึ้น 0.3%ในเดือนมิ.ย.

 

วิเคราะห์ทางเทคนิค

 

ราคาทองคำมีแนวรับที่1,750 แนวต้านที่ 1,814/1,820 แนวโน้มราคามีการปรับฐานและใกล้จะปรับตัวลดลง

ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 36.9 และแนวต้านที่ 40.8 แนวโน้มราคามีการ rebound แต่จากสัญญาณทางเทคนิคมองว่าราคามีลักษณะ side way

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 15 สิงหาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวันศุกร์ปิดลดลง 8.90 USDต่อออนซ์ปิดที่ 1,742.60 USDต่อออนซ์ เมื่อตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐออกมาดีกว่าคาด เช่น ยอดขอสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดขายปลีก ทำให้มีแรงขายทำกำไรทองคำ

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวันศุกร์มีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,725.80 – 1,770.90 เมื่อตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐออกมาดีกว่าคาด เช่น ยอดขอสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ลดลงเหลือ 395,000 ราย ยอดขายปลีกเพิ่มขึ้น 0.5% MoM นอกจากนี้มีแรงขายทำกำไรทองคำจากการที่ตลาดหุ้นเริ่มฟื้นตัว และมีการเพิ่ม Initial Margin สำหรับการซื้อขายสัญญาทองคำล่วงหน้าในตลาด COMEX

 

o ส่วนแนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้คาดว่า ราคามีแนวโน้มแกว่งตัว และอาจปรับตัวลดลงได้ ถ้าตลาดหุ้นฟื้นตัวต่อเนื่อง เมื่อมีการห้าม Short Sell ในตลาดหุ้นฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และเบลเยี่ยม เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุน ส่วนในตลาดซื้อขายทองคำล่วงหน้าการปรับขึ้น Initial Margin 22% จะส่งผลลบต่อราคาทองคำ ส่วนปัจจัยบวกที่สนับสนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น คือ ความต้องการถือทองคำเพื่อเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย จากความกังลวในเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัว และปัญหาหนี้ของยุโรป คาดกรอบความเคลื่อนไหวในสัปดาห์นี้อยู่ระหว่าง 1,690 – 1,814 ส่วนกรอบความเคลื่อนไหววันนี้คาดว่ามีแนวรับบริเวณ 1,720 / 1,705 แนวต้านบริเวณ 1,773

 

o ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ 11,269.02 จุด ปรับเพิ่ม 125.71 จุด จากยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบสี่เดือน ซึ่งช่วยให้นักลงทุนบรรเทาความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ( - )

 

o ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐลดอ่อนตัวลงอยู่ที่ระดับ 1.43 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อยูโร ( + )

 

o สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 18 ติดต่อกัน คิดเป็นมูลค่า 1.5185 ล้านล้านดอลลาร์ ( - )

 

o ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.5% สู่ระดับ 3.904 แสนล้านดอลลาร์ ในเดือนกรกฎาคม หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมิถุนายน ( - )

 

o ราคา Silver ปิดเพิ่มขึ้น 0.45 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 39.11 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 38.22 – 39.24 USDต่อออนซ์ ราคา Silver ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาโลหะพื้นฐาน คาดว่าราคา Silver ในสัปดาห์นี้แกว่งตัวในกรอบ 37.20 – 41.3 USDต่อออนซ์ iShares Silver Trust ขายโลหะเงินออก 66.67 ตัน ถือโลหะเงินจำนวน 9,705.89 ตัน สำหรับวันนี้คาดว่า Silver มีแนวรับบริเวณ 38.0 แนวต้านบริเวณ 39.6 คำแนะนำ Trading ในกรอบ 38.0 – 39.6

 

o SPDR ขายทองคำออก 36.73 ตัน อยู่ที่ระดับ 1260.17 ตัน

 

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,705 – 1,773 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,705 – 1,773 แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,640 – 1,850 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 15 สิงหาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด(ช่วงเย็น)

 

ฝ่ายวิจัย CGF คาดว่าราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,720/1,705 แนวต้านที่ 1,773 แนวโน้มราคายังเป็นช่วงปรับตัว ลดลงจาก moving average และ MACD คาดว่าราคามีแนวโน้ม side way ทิศลง

 

การเพิ่ม Initial margin ในตลาดgold future ไทย

 

ราคาทองคำในตลาดเอเชียเปิดตลาดตอนเช้าที่บริเวณ 1,744 USDต่อออนซ์ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง1,733 -1,746 USDต่อออนซ์ โดยปัจจัยลบในช่วงนี้ได้แก่การปรับขึ้น Initial Margin สัญญาซื้อขายทองล่วงหน้าในตลาด COMEX และในประเทศ ส่วนปัจจัยหนุนราคาทองคำมาจากภาวะผันผวนในตลาดการเงินโลก และความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐ

 

ในวันศุกร์ที่ 19 ส.ค.นี้จะมีการปรับอัตราเงินหลักประกันขั้นต้น ของสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า ถ้าเป็น Gold future 50 บาท ปรับเพิ่มจากระดับเดิมที่ 47,500 บาทต่อ สัญญา เพิ่มขึ้นเป็น 62,700 บาทต่อ สญญา เพิ่ม 32% ส่วน Gold future 10 บาท ปรับเพิ่มจาก 9,500 บาทต่อสัญญา เป็น 12,540 บาทต่อสัญญา เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 19 สิงหาคม เป็นต้นไป โดยการเพิ่ม initial margin หรือ เงินหลักประกันขั้นต้น เพื่อสกัดกันการเก็งกำไรทีมีมากขึ้นในตลาดซื้อขายทองคำล่วงหน้า คาดว่าผลของการปรับเพิ่มเงินหลักประกันขั้นต้นจะมีผลทำให้ราคา Gold future ปรับตัวลดลง ทั้งนี้ เนื่องจากนักลงทุน ต้องใช้ต้นทุนในการซื้อขายมากขึ้น ทำให้มีการซื้อขายลดลง ความผันผวนของราคาจะลดลงตาม ต้นทุนที่เพิ่มยิ่งขึ้น นักลงทนควรนำเงินเข้ามาฝากเป็นหลักประกันเพิ่มเติมก่อนวันที 19 สิงหาคม การที่เพิ่มเงินประกันท้งนี้นอกจากป้องกันการเก็งกำไร ช่วยลดความผันผวนในตลาด gold future แล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงให้กับบริษัท Broker ด้วย

 

ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศที่คาดว่าจะมีผลกับราคาทองคำในช่วงนี้ ได้แก่ การประชุมหารือกันของ ประธานาธิบดีนิโคลาส์ ซาร์โคซีของฝรั่งเศสและนางแองเจลา เมอร์เคลนายกรัฐมนตรีของเยอรมนีในวันที่ 16 ส.ค.เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานของยูโรโซนเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่ใจในตลาดการเงินเกี่ยวกับความสามารถของยุโรปที่จะแก้ไขวิกฤติหนี้สาธารณะ ฝรั่งเศสประกาศจัดการประชุมดังกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังจากหุ้นกลุ่มธนาคารของฝรั่งเศสลดลงอย่างหนักในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหุ้นกลุ่มธนาคารได้รับแรงกดดันจากข่าวลือที่ว่า ฝรั่งเศสอาจสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือที่ AAA ในอนาคต นางออบรี ผู้นำพรรคสังคมนิยมของฝรั่งเศส กล่าวว่า "ฝรั่งเศสได้รับความเสียหายจากภาวะขาดดุลใน 3 ด้าน ซึ่งได้แก่การขาดดุลในภาครัฐบาล, การขาดดุลทางการจ้างงานและการขาดดุลในด้านประสิทธิภาพการแข่งขัน ซึ่งการแก้ไขภาวะขาดดุลอย่างหนึ่งโดยไม่แก้ไขภาวะขาดดุลอีกสองอย่างควบคู่ไปด้วยนั้น จะส่งผลให้ฝรั่งเศสตกที่นั่งลำบาก" รัฐบาลฝรั่งเศสจะหาทางเพิ่มรายได้ใหม่แก่รัฐบาลโดยส่วนใหญ่จะได้มาจากการยกเลิกมาตรการลดหย่อนภาษีด้านที่อยู่อาศัย การเก็บภาษีเพิ่มเติมจากผู้มีฐานะร่ำรวยมากด้วย ท่ามกลางความปั่นป่วนของตลาดหุ้นทั่วโลกซึ่งบ่งชี้ว่า นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในความสามารถของรัฐบาลทั้งในสหรัฐและยุโรปในการควบคุมวิกฤติหนี้

 

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือจากการที่ คณะรัฐมนตรีของอิตาลีมีมติรับรองแผนการรัดเข็มขัดมูลค่า 4.55 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์) หลังจากที่ประชุมกันนานเกือบสองชั่วโมง ซึ่งเป็นความพยายามของคณะรัฐบาล เพื่อช่วยให้ประเทศหลีกเลี่ยงจากวิกฤตหนี้

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

 

ฝ่ายวิจัย CGF คาดว่าราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,720/1,705 แนวต้านที่ 1,773 แนวโน้มราคายังเป็นช่วงปรับตัว ลดลงจาก moving average และ MACD คาดว่าราคามีแนวโน้ม side way ทิศลง

ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 38.0 และแนวต้านที่ 39.6 แนวโน้มราคาเป็นช่วง side way up หลังจาก มีการ break out ของสามเหลี่ยมด้านบน

 

 

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...