ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ilovecgf

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ

โพสต์แนะนำ

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 16 สิงหาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานปิดเพิ่มขึ้น 15.40 USDต่อออนซ์ปิดที่ 1,758.00 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำอ่อนตัวลงในช่วงเปิดตลาด แต่กลับ rebound และปรับบวกได้เมื่อปิดตลาด เนื่องจากค่าเงิน USD อ่อนค่าลงสนับสนุนราคาทองคำ

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวันศุกร์มีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,730.80 – 1,769.30 ราคาทองคำอ่อนตัวลงในช่วงเปิดตลาด เมื่อตลาดหุ้นฟื้นตัวทำให้มีความต้องการทองคำลดลง แต่ราคาทองคำกลับ rebound และปรับบวกได้เมื่อปิดตลาด เมื่อค่าเงิน USD อ่อนค่าลงสนับสนุนราคาทองคำ การปรับเพิ่ม Initial Margin ในตลาด COMEX ทำให้ราคาทองคำลดความร้อนแรงลง แต่ยังเดินหน้าปิดบวกได้ เนื่องจากสินทรัพย์ปลอดภัยอื่น เข่น เงินฟรังค์สวิส และเงินเยน ถูกแทรกแซง โดยทางการ สวิสได้ตรึง (Peg) เงินสวิสให้เคลื่อนไหวไปตามค่าเงินยูโร ส่วนเงินเยนธนาคารกลางญี่ปุ่นได้เข้าขายเงินเยน เพื่อป้องกันการแข็งค่า ส่วนค่าเงิน USD เมื่อวานนี้ได้อ่อนค่าลง เนื่องจากความกังวลในเรื่องภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงของสหรัฐ ส่วนเศรษฐกิจญี่ปุ่นปรับตัวลดลงน้อยกว่าคาด และมีโอกาสฟื้นตัวได้เร็ว ในขณะที่ฝรั่งเศสและเยอรมันประชุมกันเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาหนี้ในยุโรป

 

o ราคาทองคำปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน และการอ่อนค่าของเงิน USD สำหรับแนวโน้มในวันนี้คาดว่ามีกรอบความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,730 – 1,783 ส่วนราคาทองคำในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มแกว่งตัว และอาจปรับตัวลดลงได้ จากแรงขายทำกำไร และการขายทองคำออกเพื่อเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง ส่วนปัจจัยบวกที่สนับสนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น คือ ความต้องการถือทองคำเพื่อเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย จากความกังลวในเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัว และปัญหาหนี้ของยุโรป คาดกรอบความเคลื่อนไหวในสัปดาห์นี้อยู่ระหว่าง 1,690 – 1,814

 

o ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ 11,482.9 จุด ปรับเพิ่ม 213.88 จุด ซึ่งเป็นการปิดบวกติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวควบรวมกิจการของบริษัทหลายแห่ง ( - )

 

o ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐลดอ่อนตัวลงอยู่ที่ระดับ 1.443 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อยูโร ( + )

 

o ราคาน้ำมัน Nymex ปิดที่ 87.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับเพิ่ม 2.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากการอ่อนค่าของเงิน USD และการปรับตัวเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้น ( + )

 

o ราคา Silver ปิดเพิ่มขึ้น 0.19 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 39.31 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 38.69 – 39.99 USDต่อออนซ์ ราคา Silver ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันและโลหะพื้นฐาน คาดว่าราคา Silver ในสัปดาห์นี้แกว่งตัวในกรอบ 37.20 – 41.3 USDต่อออนซ์ iShares Silver Trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,705.89 ตัน สำหรับวันนี้คาดว่า Silver มีแนวรับบริเวณ 38.9 แนวต้านบริเวณ 40.3 คำแนะนำ Trading ในกรอบ 38.9 – 40.3

 

o SPDR ถือครองทองคำจำนวนเท่าเดิม 1,260.17 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,720 – 1,783 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,720 – 1,783 แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,640 – 1,850 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 16 สิงหาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

ฝ่ายวิจัย CGF คาดว่าราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,738 แนวต้านที่ 1,783 แนวโน้มราคาผ่านช่วงปรับฐานแล้ว จาก MACD คาดว่าราคามีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น

 

การแข็งค่าของ ยูโรในรอบ 3 สัปดาห์และแนวโน้มทางการออกพันธบัตรยุโรป

 

ราคาทองคำในตลาดเอเชียเปิดตลาดตอนเช้าที่บริเวณ 1,762 USDต่อออนซ์ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 1,763-1,777 USDต่อออนซ์ โดยปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำในช่วงนี้ได้แก่ การแข็งค่าของค่าเงินยูโรดอลลาร์ การออกพันธบัตรยูโรเพือปัญหาหนี้ยุโรป แนวโน้มเงินเฟ้อจีนที่ปรับสูงขึ้น

 

ปัจจัยที่สนับสนุนราคาทองคำให้ขึ้นสูงในช่วงนี้ คาดว่าเป็นผลจากการอ่อนค่าของเงิน USD เนื่องจากการแข็งค่าของค่าเงินยูโร โดยเงินยูโรปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์เกี่ยวกับผลการประชุมในเชิงบวกในวันอังคารที่ 16 ส.ค.นี้ ระหว่างประธานาธิบดีนิโคลาส์ ซาร์โคซีของฝรั่งเศสและนางแองเจลา เมอร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีเพื่อหารือเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ยูโรโซน นักวิเคราะห์กล่าวว่า มีสัญญาณที่บ่งชี้ว่า เยอรมนีอาจผ่อนคลายจุดยืนต่อการคัดค้านการออกพันธบัตรยูโรโซน โดยก่อนหน้านี้กลุ่มธุรกิจชั้นนำของเยอรมนีเรียกร้องให้มีการออกพันธบัตรยูโรโซนร่วมกัน แม้รัฐบาลเยอรมนีจะคัดค้านก็ตาม ในด้านธนาคารกลางยุโรปแสดงความตั้งใจ ที่จะปกป้องอิตาลีและสเปน

 

นายสติกลิทซ์ ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ในปี 2001 วิเคราห์ว่า พันธบัตรยูโรสามารถเกิดขึ้นได้โดยมีข้อจำกัดและเงื่อนไขเพื่อยุติความล้มเหลวของระบบปล่อยกู้ในปัจจุบัน แนวคิดการออก "พันธบัตรยูโร" ถูกคัดค้านอย่างหนักจากเยอรมนีซึ่งวิตกว่า มาตรการดังกล่าวจะทำให้ต้นทุนการกู้ของเยอรมนีพุ่สูขึ้น และลดแรงจูงใจสำหรับประเทศในยูโรโซน อาทิ กรีซ ที่จะทำการปฏิรูปเศรษฐกิจ นายสติกลิทซ์ระบุว่า เยอรมนีจะได้รับ "ผลที่ร้ายแรงในภายหลัง"ถ้าประเทศที่มีปัญหาในยูโรโซนไม่สามารถชำระคืนเงินกู้ได้ และจะเป็นประโยชน์มากกว่าสำหรับการดำรงอยู่ของสกุลยูโร ถ้าเยอรมนีถอนตัวออกจากยูโร แทนที่จะเป็นประเทศที่มีปัญหา

 

ศูนย์สารนิเทศของรัฐบาลจีน คาดการณ์ อัตราเงินเฟ้อโดยเฉลี่ยของจีนมีแนวโน้มที่จะขยายตัวในไตรมาส 3 สู่ 6.2% จาก 5.7% ในไตรมาส 2 โดยเตือนว่า แรงกดดันด้านราคาอาหารจะยังคงดำเนินต่อไป เศรษฐกิจของจีนขยายตัว 9.5% ในไตรมาส 2 จากปีที่แล้ว ใกล้เคียงกับการขยายตัว 9.7% ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ อัตราเงินเฟ้อรายปีของจีนขยายตัวเกินคาด 6.5% ในเดือนก.ค.จาก 6.4%ในเดือนมิ.ย.

 

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการณ์ถูกคาดการณ์และจะเปิดเผยในรอบสัปดาห์ได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านจะอยู่ที่ 0.600 ล้านยูนิตในเดือน ก.ค. ลดลงจาก 0.629 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย. และตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างจะอยู่ที่ 0.605 ล้านยูนิตในเดือน ก.ค.ลดลงจาก 0.617 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย. ดัชนี PPI ทั่วไปจะเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือน ก.ค. หลังลดลง 0.4% ในเดือน มิ.ย. ส่วนดัชนี PPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานจะเพิ่มขึ้น 0.2%ในเดือน ก.ค. หลังเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือน มิ.ย. ราคานำเข้าจะลดลง 0.1% ในเดือนก.ค. หลังจากลดลง 0.5% ในเดือนมิ.ย. ขณะที่ราคาส่งออกจะเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.ค. หลังเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย. ยอดขายบ้านมือสองจะอยู่ที่ 4.90 ล้านยูนิตในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้นจาก 4.77 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย. ดัชนีแนวโน้มธุรกิจจะอยู่ที่ระดับ 3.7 ในเดือนส.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 3.2 ในเดือนก.ค. ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านจะอยู่ที่ 0.600 ล้านยูนิตในเดือนก.ค. ลดลงจาก 0.629 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย. และตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างจะอยู่ที่ 0.605 ล้านยูนิตในเดือนก.ค.ลดลงจาก 0.617 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย. โพลล์รอยเตอร์คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจลดลง 300,000 บาร์เรล,สต็อกน้ำมันกลั่นอาจเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล, สต็อกน้ำมันเบนซินอาจลดลง1 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจลดลง 0.5% จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 13 ส.ค.จะอยู่ที่ 400,000 รายเพิ่มขึ้นจาก 395,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไปจะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. หลังลดลง 0.2% ในเดือนมิ.ย. และดัชนี CPI พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานจะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. หลังเพิ่มขึ้น 0.3%ในเดือนมิ.ย.

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

 

ฝ่ายวิจัย CGF คาดว่าราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,738 แนวต้านที่ 1,783 แนวโน้มราคาผ่านช่วงปรับฐานแล้ว จาก MACD คาดว่าราคามีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น

ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 38.9 และแนวต้านที่ 40.3 ราคามีแนวโน้มลดลงเข้าสู่ช่วงการปรับฐาน แต่หลังจากปรับฐานแล้ว คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นแบบ side way up

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 17 สิงหาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด

 

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานปิดเพิ่มขึ้น 27.0 USDต่อออนซ์ปิดที่ 1,785 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 1% เมื่อนักลงทุนกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจของยูโรโซน หลังจากประกาศตัวเลข GDP ของเยอรมันแย่กว่าคาด

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,763.60 – 1,790.00 ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้น 1.54% เมื่อนักลงทุนกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจของยูโรโซน หลังจากประกาศตัวเลข GDP ของเยอรมันลดลงเหลือ 0.1% เทียบกับ 1.3% ในไตรมาสก่อน และแย่กว่าคาด ในขณะที่ผลการประชุมของผู้นำฝรั่งเศสและเยอรมันประชุมกันเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาหนี้ในยุโรป ยังไม่เพิ่มวงเงินช่วยเหลือที่กำหนดไว้ที่ 440 พันล้านยูโรที่จะให้แก่ประเทศที่ประสบปัญหาหนี้ โดยจะให้ประเทศในยูโรโซนร่วมมือกันมากขึ้นในเรื่องการต้องทำตามกฎการเข้ารวมกลุ่มยูโรโซน เช่น การลดการขาดดุล และการเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล ทำให้นักลงทุนผิดหวังต่อผลการประชุม และเข้าซื้อทองคำในฐานะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น

 

o ราคาทองคำทองคำทะยานขึ้นอีกครั้งจากปัจจัยความกังวลในภาวะเศรษฐกิจของยูโรโซนและเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว รวมถึงความต้องการถือทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น สำหรับแนวโน้มในวันนี้คาดว่ามีกรอบความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,767 – 1,799

 

o ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ 11,405.93 จุด ปรับลด 76.97 จุด เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังผลการประชุมของผู้นำเยอรมนีและฝรั่งเศส ( + )

 

o ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งตัวอยู่ที่ระดับ 1.437 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อยูโร ( + )

 

o ราคาน้ำมัน Nymex ปิดที่ 86.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับลดลง -1.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อนักลงทุนยังผิดหวังต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงตัวเลขการสร้างบ้านที่หดตัวลงของสหรัฐ และเศรษฐกิจเยอรมนีที่ขยายตัวช้าลงในไตรมาส 2 ( - )

 

o ราคา Silver ปิดเพิ่มขึ้น 0.51 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 39.82 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 39.29 – 40.18 USDต่อออนซ์ ราคา Silver ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาทองคำ iShares Silver Trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,705.89 ตัน สำหรับวันนี้คาดว่า Silver มีแนวรับบริเวณ 39.0 แนวต้านบริเวณ 40.3 คำแนะนำ Trading ในกรอบ 39.0 – 40.3

 

o SPDR ซื้อทองคำเพิ่มขึ้น 2.73 ตัน ถือครองทองคำจำนวนเท่าเดิม 1,262.90 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,767 – 1,799 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,767 – 1,799 แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,640 – 1,850 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 17 สิงหาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,767 แนวต้านที่ 1,799 แนวโน้มราคาผ่านช่วงปรับฐานแล้ว จาก MACD และ Moving average ที่มีการตัดกันในทิศขึ้นทั้ง 3 เส้น คาดได้ว่าราคามีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น

 

Side way up

 

ราคาทองคำในตลาดเอเชียเปิดตลาดตอนเช้าที่บริเวณ 1,784 USDต่อออนซ์ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง1,782 -1,794 USDต่อออนซ์ โดยปัจจัยในช่วงนี้ได้แก่ ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ใช้เงินถึง 2.2 หมื่นล้านยูโรในการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล ข้อสรุปการประชุมระหว่างสองผู้นำฝรั่งเศสและเยอรมนี บริษัทฟิทช์ เรทติงส์ คงอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ

 

ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ใช้เงินถึง 2.2 หมื่นล้านยูโรในการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลในสัปดาห์ที่แล้วหลังจากไม่ได้เข้าซื้อพันธบัตรมานานหลายสัปดาห์ โดยการเข้าซื้อในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อสกัดกั้นวิกฤติหนี้ยูโรโซนไม่ให้ลุกลามไปถึงสเปนและอิตาลี อีซีบีเปิดเผยปริมาณการซื้อพันธบัตรเมื่อวันอังคารว่า ปริมาณการซื้อในสัปดาห์ที่แล้วสูงที่สุดนับตั้งแต่อีซีบีเริ่มเปิดโครงการนี้ในเดือนพ.ค.2010 เป็นต้นมา โดยทำลายสถิติสูงสุดเดิมที่ 1.65 หมื่นล้านยูโรที่ทำไว้ในสัปดาห์แรกของโครงการซึ่งเป็นช่วงที่อีซีบีเน้นการซื้อพันธบัตรกรีซ การเข้าซื้อพันธบัตรของ ECB ช่วยทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของสเปนและอิตาลีลดลง แต่ขาดความชัดเจนในการดำเนินการต่อไป ภายหลังการประชุมของผู้นำเยอรมันและฝรั่งเศสทำให้ราคาทองกลับมาทะยานขึ้นอีก

 

ข้อสรุปการประชุมระหว่างสองผู้นำฝรั่งเศสและเยอรมนีได้เปิดเผยแผนการในการประชุมกันระหว่างประเทศสมาชิกยูโรโซน ผู้นำทั้งสองประกาศว่า การออกพันธบัตรยูโรโซนร่วมกันไม่ใช่วิธีการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ประธานาธิบดีนิโคลาส์ ซาร์โคซีของฝรั่งเศสและนายกรัฐมนตรีแองเจลาเมอร์เคลของเยอรมนีไม่ได้ประกาศปรับเพิ่มขนาดวงเงินในกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) แต่ยืนยันว่าจะร่วมมือกันในการปกป้องสกุลเงินยูโรและวางพื้นฐานสำหรับการรวมตัวกันทางการคลังในอนาคตถ้อยแถลงของผุ้นำทั้งสองบ่งชี้ว่า ควรมุ่งจุดสนใจไปยังการรวมตัวกันทางเศรษฐกิจแทนที่จะเป็นการจ่ายเงินเพื่อให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจแก่ประเทศต่างๆ

 

ขณะที่บริษัทฟิทช์ เรทติงส์ ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐที่ AAA รวมทั้งคงแนวโน้มที่มีเสถียรภาพโดยขานรับความพยายามของรัฐบาลสหรัฐในการลดยอดขาดดุลของประเทศ การดำเนินการด้านอันดับความน่าเชื่อถือที่มีต่อสหรัฐของฟิทช์ในครั้งนี้มีขึ้นแม้ว่าสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ระยะยาวของสหรัฐลง 1 ขั้นจาก AAA สู่ AA+ และให้แนวโน้มเชิงลบเมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมาฟิทช์ระบุว่าอันดับความน่าเชื่อถือที่ AAA ของสหรัฐได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยหลักๆได้แก่ บทบาทที่สำคัญของสหรัฐในระบบการเงินโลก รวมถึงเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่น, มีความหลากหลาย และมั่งคั่งซึ่งเป็นฐานรายได้ของประเทศ ฟิทช์ระบุว่า ความยืดหยุ่นทางการเงินและอัตราแลกเปลี่ยน ได้สนับสนุนความสามารถทางเศรษฐกิจในการดูดซับและปรับตัวรับกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด จากปัจจัยข้างต้นคาดว่าราคาทองเป็นขาขึ้นต่อไป เนื่องจากยังมีแรงส่งจากการชะลอทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่ยังไม่มีแนวโน้มดีขึ้น

 

รัฐบาลเยอรมนีเปิดเผยว่า การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของเยอรมนีชะลอลงมากเกินคาดในไตรมาส 2 โดยลดลงสู่ 0.1%เมื่อเทียบรายไตรมาส จาก 1.3% ในไตรมาสแรกของปีนี้

 

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ประกาศออกมา ได้แก่ ราคานำเข้าเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค.อันเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของราคาเชื้อเพลิง, อาหารและวัสดุอุตสาหกรรม หลังจากลดลง 0.6% ในเดือนมิ.ย. และราคาส่งออกลดลง 0.4% ในเดือนก.ค.โดยลดลง กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านลดลงน้อยกว่าคาด 1.5% สู่ 604,000 ยูนิตในเดือนก.ค. จาก 613,000 ยูนิตในเดือนมิ.ย.และการอนุญาตก่อสร้างลดลง 3.2% สู่ 597,000 ยูนิตในเดือนก.ค.

 

บทวิเคราะห์ทางเทคนิค

 

ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,767 แนวต้านที่ 1,799 แนวโน้มราคาผ่านช่วงปรับฐานแล้ว จาก MACD และ Moving average ที่มีการตัดกันในทิศขึ้นทั้ง 3 เส้น คาดได้ว่าราคามีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น

ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 38.9 และแนวต้านที่ 40.3 แนวโน้มราคาเป็นช่วง side way ออกข้างและจาก indicator คาดว่าราคามีโอกาสปรับตัวลดลง

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 19 สิงหาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานปิดเพิ่มขึ้น 28.20 USDต่อออนซ์ปิดที่ 1,822.00 USDต่อออนซ์

ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากความกังวลในเรื่องภาวะเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาแย่กว่าคาด และการตกต่ำของตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรป ทำให้นักลงทุนหันมาซื้อทองคำเพิ่มขึ้น

 

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,786.80 – 1,832.00 USDต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 28.20 USDต่อออนซ์

หรือ 1.57% โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลในเรื่องภาวะเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาแย่กว่าคาด และการตกต่ำของตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรป

ทำให้นักลงทุนหันมาซื้อทองคำเพิ่มขึ้น ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาแย่กว่าคาด ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 408,000 ราย ดัชนี CPI

เพิ่มขึ้น 0.5%MoM เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดที่ 0.2% ดัชนีกิจกรรมการผลิตในภาคอุตสาหกรรมในเขตฟิลาเดเฟียลดลงเป็น -30.7 ต่ำสุดตั้งแต่ มี.ค. 52 คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ในขณะที่เงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ทำให้เฟดมีความยากลำบากมากขึ้นในการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

o Morgan Stanley ปรับลดอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกลดลงเหลือ 3.9% จากเดิมที่ 4.2%

ทำให้ตลาดหุ้นดาวโจนส์และตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงมากถึง 4 – 5%

 

o ราคาทองคำปรับตัวทะยานขึ้นแรงอีกครั้ง คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 1,850 แนวรับบริเวณ 1,807 แนวโน้มเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง

 

o ราคาน้ำมัน Nymex ปิดที่ 82.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับลด 5.2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าความต้องการพลังงานจะชะลอตัวลง ( - )

 

o ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ 10990.58 จุด ปรับลด 419.63 จุด เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งใหม่ ( + )

 

o ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งขึ้นอยู่ที่ระดับ 1.431 ดอลลาร์สหรัฐต่อยูโร เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรปอาจลุกลามไปยังระบบการธนาคาร ( - )

 

o ราคา Silver ปิดเพิ่มขึ้น 0.34 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 40.69 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 40.00 – 40.95 USDต่อออนซ์ ราคา Silver ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาทองคำ iShares Silver Trust ซื้อโลหะเงินเพิ่มขึ้น 18.18 ตัน ถือโลหะเงินจำนวน 9,745.28 ตัน แนวโน้มราคา Silver เป็นแนวโน้มขาขึ้น สำหรับวันนี้คาดว่า Silver มีแนวรับบริเวณ 40.1 แนวต้านบริเวณ 41.2 คำแนะนำ Trading ในกรอบ 40.1 – 41.2

 

o SPDR ซื้อทองคำเพิ่มขึ้น 15.65 ตัน ถือครองทองคำจำนวน 1,286.83 ตัน

 

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,770 – 1,804 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,770 – 1,804

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,640 – 1,850 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

 

อบรมทุกวัน​อังคารและพ​ฤหัส ที่ออฟฟิศอา​คารจตุรัสจา​มจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blog​spot.com/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 19 สิงหาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

 

ฝ่ายวิจัย CGF คาดว่าราคาทองคำมีแนวรับที่1820 แนวต้านที่ 1880 จากMACD, ADX คาดว่าจะปรับเพิ่มต่อเนื่อง

 

 

ทองคำ new high อีกครั้ง

 

 

ราคาทองคำในตลาดเอเชียเปิดตลาดตอนเช้าที่บริเวณ 1833.7 USDต่อออนซ์ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 1830.7 – 1867.9 USDต่อออนซ์ ราคามีการทำ new high ใหม่อีกครั้ง

ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ผันผวน และการตกต่ำของตลาดหุ้นในหลายๆประเทศ โดยที่ประเด็นที่น่าจะมีผลต่อราคาทองยังคาดว่าเป็นปัจจัยเดิมๆ ได้แก่ การชะลอตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐและตัวเลข

เศรษฐกิจที่ประกาศออกมาแย่กว่าที่คาดการณ์ รวมถึงการที่มอร์แกน สแตนเลย์ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกอันเนื่องมาจากปัญหาหนี้ทางยุโรปและสหัรฐ

 

 

 

โดยมีตัวเลขที่กดดันตลาดหุ้นสหรัฐและส่งเสริมตลาดทองให้ปรับตัวสูงขึ้นอาทิ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 9,000 ราย สู่ 408,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 13 ส.ค.

จาก 399,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งยังคงประเมินได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจนหรือยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง ทำให้หลายฝ่ายคาดว่าจะใกล้เข้าสู่ยุค recession ครั้งใหม่ของสหรัฐ

ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค. โดยดัชนี CPI ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค.ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. หลังลดลง 0.2% ในเดือนมิ.ย. และดัชนี CPI

พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้น 0.2%ในเดือนก.ค. หลังเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย. การปรับเพิ่มขึ้นของ CPI ทำให้อัตราเงินเฟ้อสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นทำให้นักลงทุนโยกย้ายเงินทุนเข้า

สินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำเช่นทองคำมากขึ้นอันทำให้ราคาทองปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

 

การประกาศของมอร์แกน สแตนเลย์ที่ปรับลดตัวเลขคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลก พร้อมทั้งระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐและยูโรโซน "ใกล้จะเข้าสู่ภาวะถดถอย"รวมทั้งคาดการณ์

ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จำเป็นต้องปรับนโยบายอัตราดอกเบี้ยไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับปัจจุบันทั้งนี้ การที่มอร์แกน สแตนเลย์ปรับลดตัวเลขคาดการณ์อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวล

รวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐลงสู่ 3.9 % สาหรับปี 2011จากเดิมที่เคยคาดไว้ที่ 4.2 % และปรับลดตัวเลขคาดการณ์สาหรับปี 2012 ลงสู่ 3.8 % จากเดิมที่ 4.5 % ส่วนอัตราการเติบโตทาง

เศรษฐกิจในประเทศตลาดเกิดใหม่อาจลดลงสู่ 6.4 % ในปีนี้จาก 7.8 % ในปี 2010 ส่งผลให้นักลงทุนในตลาดหุ้นมีการเทขายหุ้นออกจากตลาดในยุโรปและและตลาดหุ้นสหรัฐอย่างมากซึ่งสามารถ

สังเกตได้จาก ตลาดหุ้นสหรัฐทรุดตัวลงในวันพฤหัสบดีทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดทรุดลง 419.63 จุดหรือ 3.68%สู่ 10,990.58, ดัชนี S&P 500 ปิดดิ่งลง 53.24 จุดหรือ 4.46% สู่

1,140.65และดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 131.05 จุดหรือ 5.22% สู่ 2,380.43 ทั้งทาให้ราคาทองในช่วงนี้เกิดความผันผวนมากขึ้นจากเงินลงทุนที่ไหลออกจากตลาดหุ้นเข้าสู่ตลาดทองคำและโลหะมีค่า

ดังจะเห็นได้ว่าราคาทองคำ เมือวันที่ 19 สค.ได้ปรับเพิ่มทา high ใหม่ที่ 1867.9 USDต่อออนซ์

 

 

จากปัญหาวิกฤติหนี้ยูโรโซนได้กดดันตลาดการกู้ยืมเงินระยะสั้นและส่งผลให้ธนาคารบางแห่งของยุโรปต้องจ่ายอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในการกู้ยืมสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ผ่านมา ธนาคาร

พาณิชย์มักกู้ยืมเงินสดจากตลาดเงินเพื่อนามาใช้ในการทำการค้าและการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่ตลาดกังวลว่าธนาคารพาณิชย์อาจมีความเสี่ยงจากการลงทุนในประเทศที่มี

หนี้สินสูง ตลาดก็จะไม่ปล่อยกู้ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ หรือเรียกอัตราดอกเบี้ยในระดับสูง เห็นได้จากเมือคราวที่ตลาดเงินเคยเผชิญวิกฤติในช่วงที่วาณิชธนกิจเลห์แมนบราเธอร์สของสหรัฐล้มละลายใน

เดือนก.ย.2008 โดยในช่วงนั้นประชาชนแห่ถอนเงินฝากจากธนาคารทำให้ธนาคารขาดสภาพคล่องอย่างหนัก ซึ่งสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจในสหรัฐและหลายๆประเทศ อีกสัญญาณหนึ่งที่

บ่งชี้ว่าตลาดการเงินอยู่ในภาวะผิดปกติ คือข่าวที่ว่าธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ (SNB) กู้เงินดอลลาร์เพิ่มเติมจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยเฟดสาขานิวยอร์คเปิดเผยว่า SNB ได้ใช้วงเงินสว็อป

พิเศษที่เฟดเปิดไว้ให้ธนาคารกลางต่างประเทศการที่ SNB กู้เงิน 200 ล้านดอลลาร์จากเฟดในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ SNB ใช้วงเงินสว็อปนับตั้งแต่มีการเปิดวงเงินดังกล่าวในเดือนพ.ค.2010 และเป็น

ครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค. ที่เฟดอัดฉีดสภาพคล่องให้แก่ธนาคารกลางต่างประเทศ

 

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์หน้า 22 สค.- 26 สค. ได้มีการคาดว่ายอดขายบ้านใหม่จะอยู่ที่ 0.315 ล้านยูนิตในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้นจาก 0.312 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย.คาดว่า ยอดสั่งซื้อ

สินค้าคงทนจะเพิ่มขึ้น 2.0% ในเดือนก.ค. หลังจากลดลง 1.9% ในเดือนมิ.ย.คาดว่า จีดีพีสหรัฐจะขยายตัว 1.2% ในไตรมาส 2/2011 ลดลงจาก 1.3% ในการประมาณการครั้งแรก

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

 

ราคาทองคำมีแนวรับที่1820 แนวต้านที่ 1880 จากMACD, ADX คาดว่าจะปรับเพิ่มต่อเนื่อง

 

 

ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 40.1 และแนวต้านที่ 42.0 แนวโน้มราคา จาก MACD,ADX คาดว่าราคามีแนวโน้มเพิ่มต่อเนื่อง

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 22 สิงหาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด

 

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวันศุกร์ปิดเพิ่มขึ้น 30.20 USDต่อออนซ์ปิดที่ 1,852.20 USDต่อออนซ์ ราคาปรับตัวขึ้นแรงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน เป็นสัปดาห์ที่ราคาทองเพิ่มขึ้นมากถึง 106 USDต่อออนซ์ จากความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยและปัญหาหนี้ของยุโรป

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวันศุกร์มีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,824.50 – 1,881.40 เมื่อวันศุกร์นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย และปัญหาหนี้ยุโรปอาจทำให้ยุโรปต้องใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย เช่น QE เหมือนกับสหรัฐในช่วงที่ผ่านมา

 

o ปริมาณการซื้อขายสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าในตลาด COMEX เพิ่มขึ้นมากเป็น 270,000 สัญญาในสัปดาห์ที่ผ่านมา (15 – 19 ส.ค) แม้ว่านักลงทุนต้องจ่าย Initial Margin เพิ่มขึ้นตาม 22% การปรับเพิ่มชึ้นเร็วและแรง ทำให้เริ่มมีความกังวลว่า ราคาทองคำอาจมีการปรับลดแรงได้เช่นกัน

 

o ราคาทองคำในสัปดาห์นี้คาดว่า ราคามีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น แต่ในบางช่วงอาจมีแรงขายทำกำไรทำให้ราคาปรับลดลงแรง ส่วนปัจจัยที่จะมีผลกระทบต่อราคาทองคำในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสินค้าคงทน ยอดขอสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ และที่จะเป็น Hi light ในสัปดาห์นี้ คือ การประกาศ GDP ไตรมาสที่ 2 ในวันศุกร์ ซึ่งคาดว่าจะอ่อนตัวลงกว่าการประกาศครั้งก่อนที่ 1.3% คาดว่าในช่วงต้นสัปดาห์ราคาอาจอ่อนตัวลงจากแรงขายทำกำไร แต่ในปลายสัปดาห์อาจปรับขึ้นแรงได้อีก จึงแนะนำ นักลงทุนรอเปิด Long เมื่อราคาอ่อนตัวลง ( + )

 

o ค่าเงิน USD อ่อนตัว ที่ระดับ 1.438 USDต่อยูโร (+)

 

o ราคาน้ำมัน Nymex ปรับลด 0.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (- )

 

o ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปรับลด 172.93จุด จากความวิตกเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินยุโรป (+)

 

o เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ประกาศปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 4 ลงมาอยู่ที่ระดับ 1% ( +)

 

o ราคา Silver ปิดเพิ่มขึ้น 1.43 USDต่อออนซ์หรือ +4.29% ปิดที่ 42.43 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 40.56 – 42.97 USDต่อออนซ์ ราคา Silver ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาทองคำและโลหะพื้นฐาน คาดว่าราคา iShares Silver Trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,745.28 ตัน สำหรับวันนี้คาดว่า Silver มีแนวรับบริเวณ 42.2 แนวต้านบริเวณ 44.2 คำแนะนำ Trading ในกรอบ 42.2 – 44.2

 

o SPDR ซื้อเพิ่ม 3.93 ตันอยู่ทีระดับ 1290.76 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,845 – 1,900 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,845 – 1,900 แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,700 – 1,960 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 23 สิงหาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานปิดเพิ่มขึ้น 39.7 USDต่อออนซ์ หรือ 2.1% ปิดที่ 1,891.9 USDต่อออนซ์ ราคาปรับตัวขึ้นแรงเป็นวันทำการที่ 3 ติดต่อกัน เป็นผลจากนักลงทุนหันมาถือทองคำมากขึ้นเพื่อป้องกันเงินเฟ้อ

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,858 – 1,904 USDต่อออนซ์ราคาขึ้นไปทำ new high ที่ 1,900 USDต่อออนซ์ราคาปรับตัวขึ้นแรงเป็นวันทำการที่ 3 ติดต่อกัน เป็นผลจากนักลงทุนหันมาถือทองคำมากขึ้นเพื่อป้องกันเงินเฟ้อ เมื่อตลาดคาดการณ์ว่าอาจมีการใช้มาตรการ QE หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐแสดงถึงการชะลอตัวลง และอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง

 

o ตลาดจับตาการแถลงการณ์ของประธานเฟด นายเบน เบอร์นันเก้ในวันศุกร์นี้ โดยคาดการณ์กันว่า ธนาคารกลางสหรัฐอาจใช้ มาตรการอัดฉีดเงินอีกครั้งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามหากแถลงการณ์ของเฟดไม่เป็นไปตามความคาดหมาย ราคาทองคำอาจปรับตัวลดลงแรงได้ เพราะราคาได้ปรับขึ้นเร็วและแรงกว่า 400 USDต่อออนซ์ ภายในเวลาไม่ถึง 2 เดือน

 

o ด้านปัญหาหนี้ยุโรปยังไม่มีมาตรการใหม่ๆออกมา แต่ตลาดจับตาความคืบหน้าที่จะเกิดขึ้น รวมถึงการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของเยอรมันในวันอังคารและวันพุธนี้

o ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งตัวอยู่ที่ระดับ 1.437 ดอลลาร์สหรัฐต่อยูโร เนื่องจากนักลงทุนยังคงขาดความเชื่อมั่นในเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการคลัง ของยุโรป ( + )

 

o ราคาน้ำมัน Nymex ปิดที่ 84.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับเพิ่ม 1.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

o ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ 10,854.6 จุด ปรับเพิ่ม 37 จุด ได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ (+)

 

o ราคา Silver ปิดเพิ่มขึ้น 0.89 USDต่อออนซ์หรือ +2.05% ปิดที่ 43.32 USDต่อออนซ์ มีความเคลื่อนไหวระหว่าง 42.48 – 44.09 USDต่อออนซ์ ราคา Silver ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาทองคำและโลหะพื้นฐาน iShares Silver Trust ซื้อโลหะเงินจำนวน 18.18 ตัน ถือโลหะเงินจำนวน 9,763.46 ตัน สำหรับวันนี้คาดว่า Silver มีแนวรับบริเวณ 42.9 แนวต้านบริเวณ 44.3 คำแนะนำ Trading ในกรอบ 42.9 – 44.3

 

o SPDR ขายทองคำออก 6.36 ตันอยู่ทีระดับ 1284.40 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,865 – 1,930 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,865 – 1,930 แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,700 – 1,960 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 23 สิงหาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

ปรับฐานรอขึ้นต่อเนื่อง

 

ราคาราคาทองคำในตลาดเอเชียเปิดตลาดตอนเช้าที่บริเวณ 1896 USDต่อออนซ์ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง -1868- 1905 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับตัวลดลงไปสู่ระดับ 1868 หลังตลาดหุ้นในยุโรปเปิด โดยมีประเด็นสำคัญที่น่าสนใจได้แก่

 

การปรับตัวลดลงของราคาทองคำในช่วงบ่ายวันที่ 23 สค. จากระดับ 1900 สู่ระดับ 1868 เนื่องจากการปรับตัว rebound ของตลาดหุ้นต่างประเทศ ส่งผลให้มีการทำกำไรจากการขายทองคำออกเพื่อนำเงินกลับไปช้อนซื้อหุ้นในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น เมิ่อราคาหุ้นปรับตัวลดลงหลายวันติดต่อกัน ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นในการซื้อขายช่วงบ่ายของวันที่ 23 สค. จากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่เพิ่มขึ้นตามราคาโลหะมีค่าที่เพิ่มขึ้นหลังการเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตของจีน ขณะที่นักลงทุนคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะส่งมีมาตรการใหม่เพื่อพยุงเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ ณ เวลา 14.23 น.ตามเวลาไทย ดัชนี FTSEurofirst 300 เพิ่มขึ้น 1.76% อยู่ที่ 932.88 หลังจากปิดบวก 0.8% เมื่อวานนี้ ดัชนี STOXX Europe 600 สำหรับกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานดีดตัวขึ้นมากที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 2.6%

 

มีรายงานว่า นายเดเวน ชาร์มาประธานกรรมการบริษัทสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ จะลาออกจากตำแหน่ง ผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งแทนนายชาร์มาคือนายดักลาส ปีเตอร์สัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของซิตี้แบงก์ ซึ่งอยู่ในเครือซิตี้กรุ๊ป หลังจากที่ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่สัปดาห์ S&P เพิ่งประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้รัฐบาลสหรัฐลงจากระดับสูงสุด AAA สู่ AA+ ซึ่งส่งผลตลาดหุ้นทั่วโลกทรุดตัวลง และก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างทางบริษัท S&P และกระทรวงการคลังสหรัฐเกี่ยวกับวิธีการคำนวณตัวเลขของ S&P

 

มีการคาดการณ์ถึงการปรับอัตราดอกเบี้ย RP ในไทยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (อาร์/พี) ระยะ 1 วันอีก 0.25% สู่ 3.50% ในวันพุธ 24 สค. ซึ่งจะเป็นระดับสูงสุด ในรอบ 3 ปี ในความพยายามควบคุมอัตราเงินเฟ้อ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้เป็นการปรับขึ้นเป็นครั้งที่ 9 ในการประชุมกนง. 10 ครั้งนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว จากระดับ 1.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เพื่อลดแรงกดดันด้านราคา กนง.มีแนวโน้มที่จะระบุย้ำถึงความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีรัฐบาลใหม่นำโดย พรรคเพื่อไทย ซึ่งต้องการที่จะกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจและ เพิ่มรายได้ โดยกนง.อาจส่งสัญญาณการคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไปในปีนี้ และย้ำว่ากำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิดต่อนโยบายการใช้จ่ายในระดับสูงของ รัฐบาล ตลาดพันธบัตรได้ปรับตัวรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ไปแล้ว ดังนั้น ผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรหรือค่าเงินบาทจึงมีแนวโน้มที่จะเป็นไป อย่างจำกัด แต่หากกนง.ตัดสินใจที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยก็อาจกระตุ้นแรงซื้อ พันธบัตร และหากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าคาด ก็อาจทำให้มีแรง ขายพันธบัตรและหุ้นออกมา และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะหนุนเงินบาทให้แข็งค่าขึ้นอีกด้วย

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

 

ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,865 แนวต้านที่ 1,930 แนวโน้มราคาระยะสั้นคาดว่าราคาอาจปรับฐาน จากแรงขายทำกำไร และคาดว่าหลังจากปรับฐานแล้วมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นต่อได้อีก

 

ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 42.9 และแนวต้านที่ 44.3 แนวโน้มราคาระยะสั้นคาดว่า จะปรับฐาน

 

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 24 สิงหาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานปิดลดลง 39.7 USDต่อออนซ์ หรือ 1.62% ปิดที่ 1,861.30 USDต่อออนซ์ ราคาปรับตัวลดลแรงหลังจากขึ้นไปทำ New high ที่ระดับ 1,917 USDต่อออนซ์ นักลงทุนเริ่มกังวลว่าราคาทองคำเข้าสู่ช่วงซื้อมากเกินไป ทำให้มีแรงขายทำกำไรออกมาแรง

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,826 – 1,917 USDต่อออนซ์ราคาขึ้นไปทำ new high ที่ 1,917 USDต่อออนซ์นักลงทุนเริ่มกังวลว่าราคาทองคำเข้าสู่ช่วงซื้อมากเกินไป ทำให้มีแรงขายทำกำไร ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐออกมาแย่กว่าคาด เช่น ยอดขายบ้านใหม่ลดลง -0.7% ตัวเลขเศรษฐกิจของเยอรมัน เช่น PMI ภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 52.0 ดีกว่าคาด ส่วนดัชนี PMI ภาคอุตสาหกรรมของจีนเพิ่มขึ้นเป็น 49.8 ในเดือนส.ค.ดีกว่า 49.3 ในเดือน ก.ค.ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น เนื่องจาก ดัชนี PMI ของจีนและเยอรมันออกมาดีกว่าคาด ทำให้คลายความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และคาดว่า เฟดจะใช้มาตรการใหม่ๆเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

o ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงมาที่ระดับ 1.442 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อยูโร เนื่องจากค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น ( + )

 

o ราคาน้ำมัน Nymex ปิดที่ 84.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับเพิ่ม 1.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขานรับดัชนีภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของจีน

 

o ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ 11,176.6 จุด ปรับเพิ่ม 322.11 จุด เพราะได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งสัญญาณการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม (+)

 

o ราคา Silver ปิดลดลง 1.03 USDต่อออนซ์หรือ -2.39% ปิดที่ 42.29 USDต่อออนซ์ มีความเคลื่อนไหวระหว่าง 41.50 – 44.28 USDต่อออนซ์ ราคา Silver ปรับลดลงตามราคาทองคำ iShares Silver Trust ซื้อโลหะเงินจำนวน 133.32 ตัน ถือโลหะเงินจำนวน.9,896.78 ตัน สำหรับวันนี้คาดว่า Silver มีแนวรับบริเวณ 40.9 แนวต้านบริเวณ 43.0คำแนะนำ Trading ในกรอบ 40.9 – 43.0

 

o SPDR ขายทองคำออก 24.83 ตันอยู่ทีระดับ 1259.57 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,785 – 1,870 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,785 – 1,870แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,700 – 1,960 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 24 สิงหาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด(ช่วงเย็น)

 

ฝ่ายวิจัย CGF คาดว่าราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,815 แนวต้านที่1,870 แนวโน้มราคาระยะสั้นคาดว่าราคาจะปรับเพิ่มขึ้น หลังมีการปรับฐานลดลงในช่วงเช้า

 

คาดว่าจะสร้างฐานที่ 1800-1820

 

ราคาทองคำในตลาดเอเชียเปิดตลาดตอนเช้าที่บริเวณ 1850 USDต่อออนซ์ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง1839-1853 USDต่อออนซ์ ในช่วงนี้ราคาทองคำมีความผันผวนอย่างรุนแรง จากการเก็งกำไรและแรงขายทำกำไร โดยมี trader ต่างประเทศ ได้แนะนำให้นักลงทุนควรหันมาถือเงินสด และรอดูสถานการณ์ก่อน เพราะความผันผวนมีสูงมากและตลาดมีการเก็งกำไรสูง โดยจะเริ่มเข้าซื้อเมือสภาวะตลาดปรับอ่อนตัวลง หรือมีความผันผวนลดลง โดยปัจจัยที่ตลาดหุ้นต่างประเทศ rebound ยังต้องจับตามอง เพราะในช่วงนี้มีความสัมพันธ์ในทิศทางตรงข้ามกับราคาทองคำ โดยตลาดหุ้นสหรัฐมีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้น จากความคาดหวังในนโยบายของเฟด ที่ถูกคาดว่าจะ มีการประกาศในวันศุกร์นี้ โดยตลาดหุ้นยังมองในเชิงบวกว่า จากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ จากทั้งในตลาดอยู่อาศัยและภาคการผลิต ทำให้ นายเบอร์นันเก้ จะดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยทางเลือกของเฟดดูเหมือนจะมีไม่มากนัก ซึ่งหลายๆ ฝ่ายต่างก็คาดกันว่าจะมี QE3 ในเร็วๆนี้ การเกิด QE3 จะทำให้เงินดอลลาร่ออนตัวต่อเนื่องและเป็นปัจจัยเชิงบวกกับทองคำระยะยาว แตอย่างไรก็ดี แนวโน้มตลาดหุ้นที่ผันผวนและการเก็งกำไร น่าจะทำให้ราคาทองคำในช่วงนี้ยังคงมีการปรับตัวผันผวน

 

มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นลง 1 ขั้น จากเดิม Aa2 สู่ Aa3 โดยแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือมีเสถียรภาพ ขณะที่มูดี้ส์ระบุถึงยอดขาดดุลงบประมาณในระดับสูงและการเพิ่มขึ้นของหนี้สินนับตั้งแต่เศรษฐกิจโลกถดถอยในปี 2009 นอกจากนี้ มูดี้ส์ยังเตือนว่า การที่ญี่ปุ่นเปลี่ยนรัฐบาลบ่อยครั้งถือเป็นอุปสรรคขัดขวางการแก้ไขปัญหาหนี้สาธารณะที่กำลังเพิ่มขึ้น ในขณะที่ญี่ปุ่นกำลังจะได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 6 ภายในเวลาเพียง 5 ปี

 

สมาพันธ์สหภาพแรงงานในอิตาลี ประกาศการหยุดงานทั่วประเทศเป็นเวลา 1 วัน เพื่อประท้วงแผนรัดเข็มขัดของรัฐบาลอิตาลี ทั้งนี้ กลุ่มสหภาพแรงงานต้องการแสดงการต่อต้านแผนรัดเข็มขัด ของรัฐบาลซิลวิโอ เบอร์ลุสโคนี ขณะที่คะแนนเสียงนิยมในตัวเขาก็ดิ่งลงอย่างรุนแรงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี)ก็บังคับให้เขานำมาตรการรัดเข็มขัดวงเงิน 4.55 หมื่นล้านยูโรมาบังคับใช้ ในขณะที่อิตาลีได้รับผลกระทบจากวิกฤติหนี้ยูโรโซนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา อีซีบีก็สั่งให้อิตาลีปรับเลื่อนกำหนดเวลาเป้าหมายให้เร็วขึ้นในการทำงบประมาณให้สมดุลโดยปรับขึ้นมาเป็นปี 2013 โดยถือเป็นเงื่อนไขหนึ่งในการเข้าซื้อพันธบัตรอิตาลีเพื่อช่วยกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรให้อยู่ในระดับต่ำลง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีประเภท 10 ปีทรงตัวอยู่ที่ราว 5 %ในช่วงนี้ โดยดิ่งลงจากระดับใกล้ 6.5 % ก่อนการแทรกแซงตลาดของอีซีบี อย่างไรก็ดีระดับ 5 % นี้ยังคงถือเป็นระดับที่สูงเกินไป

 

พันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย หลบหนีออกจากกองบัญชาการใหญ่ในเขตบาบ อัล-อาซีซียา หลังจากกองบัญชาการดังกล่าวถูกนาโต้โจมตีทางอากาศถึง 64 ครั้ง

 

การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ (24-26 ส.ค.) มีดังนี้ วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 20 ส.ค.จะอยู่ที่ 405,000 รายลดลงจาก 408,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า วันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่สองของผลิตภัณฑ์มวลรวม ภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2/2011 รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนส.ค.ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐจะอยู่ที่ 56.0 ในช่วงท้ายเดือนส.ค. เพิ่มขึ้นจาก 54.9 ในช่วงต้นเดือนส.ค., ดัชนีภาวะปัจจุบันจะอยู่ที่ 69.4 ในช่วงท้ายเดือนส.ค. เพิ่มขึ้นจาก69.3 ในช่วงต้นเดือนส.ค. และดัชนีคาดการณ์จะอยู่ที่ 45.7 ในช่วงท้ายเดือนส.ค.ไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงต้นเดือนส.ค

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

 

ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,815 แนวต้านที่1,870 แนวโน้มราคาระยะสั้นคาดว่าราคาจะปรับเพิ่มขึ้น หลังมีการปรับฐานลดลงในช่วงเช้า

ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 40.9 แนวต้านที่ 43.0 แนวโน้มราคาระยะสั้นจาก ADX, MACD คาดว่าราคาปรับลดลงต่อ

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 25 สิงหาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด

 

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานปิดลดลง 104.00 USDต่อออนซ์ หรือ 5.59% ปิดที่ 1,757.30 USDต่อออนซ์ ราคาปรับตัวลดลงแรงมากที่สุดนับจากปี 1980 จากแรงขายทำกำไรออกมาแรง เมื่อมีการประกาศตัวเลขสินค้าคงทนออกมาดีกว่าคาด และการเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้าสู่ตลาดหุ้น

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,757.30 – 1,856.80 USDต่อออนซ์ ราคาปรับลดลงแรงมาก จากแรงขายทำกำไรและการเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้าสู่ตลาดหุ้น ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐออกมาดีกว่าคาด เช่น ยอดสินค้าคงทนเพิ่มขึ้น 4.0% MoM และ 5.9% YoY ดีกว่าคาด ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 143.95 จุด เมื่อนักลงทุนคลายความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัวลง ทำให้มีการขายทองคำ และย้ายเงินลงทุนเข้าตลาดหุ้น

 

o ราคาทองคำปรับลดลงแรงมาก โดยมีแรงขายในตลาด COMEX เป็นจำนวนมาก ปริมาณการซื้อขายพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดอีกครั้ง เหตุผลในการทำกำไร นอกจากจะเป็นเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดีแล้ว เป็นเรื่องการคาดการณ์เกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐที่จะมีแถลงการณ์ในวันศุกร์นี้ แม้ว่าจะมีนโยบายผ่อนคลายทางการเงินก็ตาม นักลงทุนเห็นว่า ถึงเวลาที่จะขายทำกำไรทองคำ เพราะราคาทองคำปรับขึ้นมากว่า 400 USDต่ออออนซ์ ภายในเวลาไม่ถึง 2 เดือน เป็นการปรับขึ้นแรงและเร็วเกินคาด

 

o ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่ามาที่ระดับ 1.439 ดอลลาร์สหรัฐต่อยูโร เนื่องจากเงินไหลเข้าซื้อดอลล่าร์สรอ. หลังจากมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของญี่ปุ่น ( - )

 

o ราคาน้ำมัน Nymex ปิดที่ 85.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับลด 0.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ( - )

 

o ราคา Silver ปิดลดลง 3.13 USDต่อออนซ์หรือ -3.13% ปิดที่ 39.16 USDต่อออนซ์ มีความเคลื่อนไหวระหว่าง 39.09 – 42.49 USDต่อออนซ์ ราคา Silver ปรับลดลงแรงตามราคาทองคำ iShares Silver Trust ขายโลหะเงินออก 60.6 ตัน ถือโลหะเงินจำนวน.9,836.18 ตัน สำหรับวันนี้คาดว่า Silver มีแนวรับบริเวณ 38.6 แนวต้านบริเวณ 41.4คำแนะนำ Trading ในกรอบ 38.6-41.4

 

o SPDR ขายทองคำออก 27.26 ตัน เหลือถือครองทองคำจำนวน 1232.31 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,692 – 1,800 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,692 – 1,800แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,600 – 1,900 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 25 สิงหาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,675 แนวต้านที่ 1,750 แนวโน้มราคาระยะสั้นจาก MACD และ CCI คาดว่าราคาจะมี rebound ขึ้นเล็กน้อยก่อนปรับตัวลงต่อเนื่อง

 

CME ปรับ Initial margin

 

ราคาทองคำในตลาดเอเชียเปิดตลาดตอนเช้าที่บริเวณ 1762 USDต่อออนซ์ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 1701-1762 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำในช่วงนี้มีความผันผวนอย่างมาก โดยมีการขายทำกำไรอย่างรุนแรงติดต่อกัน เป็นวันที่สอง โดยที่จะเห็นได้จากการปรับตัวลดลง ถึง104USD ในคืนวันที่ 24 สค โดยที่เพิงมีการปรับลดลงอย่างแรง 67 USDต่อออนซ์ ในวันที่ 23 สค จนระดับราคาช่วงบ่ายวันที่ 25 สค. ได้ลดลงมาอยุ่ที่ 1742 USDต่อออนซ์ และได้มีการทำจุดต่ำสุดในรอบวันที 1729 USDต่อออนซ์ โดยปัจจัยจากความผันผวนเกิดได้จากการขายทำกำไร อย่างรุนแรงจากราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในสัปดาห์ก่อน

 

ราคาทองในช่วงบ่ายวันที 25 สค ก็ได้รับผลจากการปรับ initial margin เพิ่มของ CME อีก 27% สำหรับการซื้อขายสัญญาทองล่วงหน้าในตลาด COMEX หลังจากที่เพิ่งมีการปรับเพิ่ม 22% ในรอบสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้ ราคาทองลดลงกว่า 1% การปรับขึ้น Initial Margin ครั้งนี้ 27% นับเป็นการปรับขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง และเป็นการปรับขึ้นครั้งที่สองภายในเวลา 1 เดือน ราคาทอง spot ลดลงแตะจุดต่ำสุดของวันที่ 1,731.89 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนราคาสัญญาทองล่วงหน้าของสหรัฐรูดลงสู่จุดต่ำสุดของวันที่ 1,735.40 ดอลลาร์ โดยราคา initial margin ของตลาด Comex ได้ปรับจาก 7,000 ดอลลาร์ สู่ 9,750 ดอลลาร์

 

ประเด็นในประเทศลิเบีย มีข่าวว่า กัดดาฟีได้มีการนำทองคำบางส่วนจากทุนสำรองของประเทศมูลค่า 1.0 หมื่นล้านดอลลาร์ ออกขาย โดยอดีตผู้ว่าการธนาคารกลางลิเบียเปิดเผยว่า พันเอกมูอัมมาร์ กัดดาฟี ได้นำทองคำสำรองของลิเบียออกขายส่วนหนึ่งเพื่อนำเงินไปจ่ายค่าคุ้มกันเขา คนของพันเอกกัดดาฟีได้ขายทอง 25 ตันให้แก่เพื่อนของเขาเมื่อไม่นานมานี้ และพันเอกกัดดาฟีอาจนำทองคำสำรองออกไปบางส่วนแล้ว

 

ส่วนในการปล่อยกู้เงินสกุลดอลลาร์ของธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) เมื่อเร็วๆนี้นั้น ผลคือไม่มีธนาคารพาณิชย์ในยุโรปขอกู้เงินจากอีซีบี และเหตุการณ์นี้ช่วยลดความกังวลจากความเสียหายจากหนี้ยูโรปและสะท้อนได้ถึง ธนาคารในยูโรโซนหลายๆแห่ง ไม่ได้ประสบปัญหาในการกู้เงินจากตลาดเงินสหรัฐ อย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ และมีแนวโน้มจะควมคุมปัญหาหนี้ยุโรปได้ โดยไม่จำเป็นต้องกู้ยืมเงินจาก ECB แม้ว่าปฏิบัติการปล่อยกู้ของอีซีบีมักจะคิดอัตราดอกเบี้ยที่แพงกว่าตลาดเปิดจากการปล่อยกู้แก่ธนาคารพาณิชย์ อย่างไรก็ดี มีธนาคารแห่งหนึ่งขอกู้เงินจาก ECB เหตุการณ์นี้ทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า ตลาดการปล่อยกู้ระหว่างธนาคาร (อินเตอร์แบงก์) อาจจะเข้าสู่เสถียรภาพ

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,675 แนวต้านที่ 1,750 แนวโน้มราคาระยะสั้นจาก MACD และ CCI คาดว่าราคาจะมี rebound ขึ้นเล็กน้อยก่อนปรับตัวลงต่อเนื่อง

ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 36.6 แนวต้านที่ 40.5 แนวโน้มราคาระยะสั้นคาดว่าราคาจะ rebound เพือปรับฐานแล้วคาดว่าปรับตัวลงต่อ

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 26 สิงหาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานปิดเพิ่มขึ้น 5.90 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,763.20 USDต่อออนซ์ ราคาปรับตัว rebound ขึ้นหลังจากปรับตัวลดลงแรง ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาแย่กว่าคาด รวมถึงการปรับลดลงของตลาดหุ้นทั่วโลก ทำให้มีแรงซื้อทองคำกลับเข้ามา

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,705.40 – 1,777.50 USDต่อออนซ์ ราคาปรับตัว rebound ขึ้นหลังจากปรับตัวลดลงแรง ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาแย่กว่าคาด เช่น ยอดขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 5,000 รายสู่ระดับ 417,000 ราย รวมถึงการปรับลดลงของตลาดหุ้นทั่วโลกจากแรงขายหุ้นในตลาดเยอรมัน เนื่องจากคาดการณ์ว่าทางการเยอรมันอาจห้ามทำ Short Selling ในเยอรมัน เหมือนกับในตลาดหุ้นฝรั่งเศส สเปน อิตาลี และเบลเยี่ยม ที่ห้ามทำ Short Selling ในหุ้นกลุ่มการเงิน ทำให้มีแรงซื้อทองคำกลับเข้ามา

 

o ราคาทองคำปรับลดลงประมาณ 200 USDต่อออนซ์ นับจากจุดสูงสุดที่ 1,917 USDต่อออนซ์ลงมาที่ระดับต่ำสุดเมื่อวานที่ระดับ 1,705 USDต่อออนซ์ จากนั้นมีแรงซื้อกลับเข้ามา และราคาได้เพิ่มขึ้นไปสูงสุดที่ระดับ 1,777 USDต่อออนซ์ ทำให้คลายความกังวลในเรื่องฟองสบู่แตกในตลาดทองคำไปได้บ้าง อย่างไรก็ตาม การที่ราคาทองคำปรับลดลงแรงต่ำกว่าแนวรับสำคัญบริเวณ 1,800 USDต่อออนซ์ ทำให้การคาดการณ์แนวโน้มตลาดขาขึ้นเปลี่ยนแปลงไป และมองแนวโน้มในระยะสั้นเป็นขาลง โดยคาดราคาเป้าหมายของการปรับลดลงในครั้งนี้ที่บริเวณ 1,680/1,650 USDต่อออนซ์ ส่วนการ rebound คาดว่าจะไม่ผ่านแนวต้าน 1,800 USDต่อออนซ์ ดังนั้นในระยะสั้น แนะนำ Trading ในกรอบ 1,650 – 1,800 USDต่อออนซ์ ส่วนแนวรับวันนี้คาดว่าบริเวณ 1,723/1,690 แนวต้าน 1,780/1,800 USDต่อออนซ์

 

o ราคาทองคำที่ปรับลดลงแรงเมื่อวานในตลาดเอเชีย เนื่องจาก ข่าว CME ปรับเพิ่ม Initial Margin ในตลาด COMEX อีก 27% มีผลตั้งแต่เมื่อวานนี้ แต่ราคาได้ rebound ขึ้นมาได้ในตลาด Comex จากข่าวและการคาดการณ์ว่าเยอรมันจะห้ามทำ Short Selling ในหุ้นกลุ่มการเงิน รวมถึงข่าวว่า เยอรมันอาจถูกปรับลดอันดับเครดิต ทำให้มีการขายหุ้นในตลาดเยอรมันอย่างหนัก ดัชนี้หุ้น DAX ลดลงไปต่ำสุดที่ 5,451 จุดหรือลดลง 288 จุด แต่มีการ rebound ขึ้นทำให้ปิดลดลง 96.94 จุด หรือ -1.7% ส่วนตลาดหุ้นอื่นๆปิดลดลงมากกว่า 1% (+)

 

o ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าอยู่ที่ระดับ 1.441 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อยูโร เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า ประธานธนาคารกลางสหัฐ (เฟด) อาจจะไม่ส่งสัญญาณการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม (QE3) ( - )

 

o ราคาน้ำมัน Nymex ปิดที่ 85.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับเพิ่ม 0.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากมีรายงานว่ามีโรงกลั่นน้ำมันหลายแห่งในสหรัฐปิดการดำเนินการชั่วคราว ( - )

 

o ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ 11149.82 จุด ปรับลด170.89 จุด หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานพุ่งขึ้นเกินคาด ( + )

 

o ราคา Silver ปิดเพิ่มขึ้น 1.58 USDต่อออนซ์หรือ 4.04% ปิดที่ 40.75 USDต่อออนซ์ มีความเคลื่อนไหวระหว่าง 38.76 – 41.19 USDต่อออนซ์ ราคา Silver ปรับขึ้นตามราคาทองคำ iShares Silver Trust ขายโลหะเงินออก 130.28 ตัน ถือโลหะเงินจำนวน.9,705.90 ตัน สำหรับวันนี้คาดว่า Silver มีแนวรับบริเวณ 38.6 แนวต้านบริเวณ 41.9 คำแนะนำ Trading ในกรอบ 38.6 – 41.9

 

o SPDR ถือครองทองคำจำนวนเท่าเดิม 1232.31 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,690 – 1,800 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,690 – 1,800แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,600 – 1,900 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

 

 

 

.

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 26 สิงหาคม 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

ฝ่ายวิจัย CGF คาดว่าราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,690 แนวต้านที่1,800 แนวโน้มราคาระยะสั้นคาดว่าราคาจะ rebound เพิ่มขึ้นไปถึงแนวต้านแล้วปรับตัวลงต่อ

 

Rebound หลังปรับฐาน

 

ราคาทองคำในตลาดเอเชียเปิดตลาดตอนเช้าที่บริเวณ 1762 USDต่อออนซ์ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 1760-1782 USDต่อออนซ์ โดย ประเด็นที่จะมีผลต่อราคาทองยังคาดว่าเป็นปัจจัยเดิมๆ ได้แก่ การชะลอตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐ

 

เมือดูปัจจัยของค่าเงินดอลลาร์ช่วงนี้ซึ่งยังคงอ่อนค่าลง เนื่องจากเศรษฐกิจของสหรัฐที่ชะลอตัวลง โดยดูจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาในช่วงนี้ เช่น รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นเกินคาด 5,000 ราย สู่ 417,000 ราย เทียบกับสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 412,000 ราย ทำให้นักลงทุนยังมีมุมมองเชิงลบต่อ เศรษฐกิจสหรัฐว่ายังชะลอตัวอยู่ และยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเท่าที่ควร อย่างไรก็ดีหลายๆฝ่ายยังจับตาดูท่าที นายเบน เบอร์นันเก้ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แม้ว่า นักวิเคราะห์ยังมองกันว่า นายเบน เบอร์นันเก้จะไม่ออกแผนการใหม่ๆที่จะกระตุ้น เศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าอาจจะไม่มี QE3 แต่ถ้าเบอร์นันเก้ประกาศใช้ QE3 หรือโครงการซื้อสินทรัพย์รอบสามในการประชุมที่เมืองแจ๊คสัน โฮล รัฐไวโอมิ่งในวันศุกร์นี้นั้น คาดว่าจะเป็นผลดีสำหรับดอลลาร์ ทองคำ และตลาดหุ้น ในทางตรงข้าม หากประกาศว่า ไม่มี QE3 คาดว่า ค่าเงินดอลลาร์อาจจะปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรและเยน

 

ตลาดหุ้นในเยอรมนีอาจมีการดำเนินนโยบายเหมือนกับประเทศยุโรปอื่นๆในการสั่งห้ามการทำชอร์ตเซลในตลาดหุ้น เนื่องจากการตกต่ำของตลาดหุ้นได้ฉุดค่าเงินยูโรให้ตกต่ำลงไปด้วย แม้ว่าโฆษกของกระทรวงการคลังเยอรมนีออกมาแถลงว่า ไม่มีแผนการสั่งห้ามการทำชอร์ตเซล แต่ราคาหุ้นยุโรปก็ยังร่วงลงและส่งผลกระทบถึงตลาดหุ้นสหรัฐ

 

ทั้งนี้คณะกรรมการกำหนดนโยบายของยุโรปอาจจะขยายเวลาการบังคับใช้คำสั่งห้ามทำชอร์ตเซลหุ้นกลุ่มการเงิน รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าเยอรมนีอาจจะดำเนินการตาม 4 ชาติยุโรปซึ่งประกอบไปด้วยฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และเบลเยียม ในการประกาศห้ามทำชอร์ตเซลหุ้นกลุ่มการเงินโดยมีเป้าหมายที่จะสกัดกั้นการเก็งกำไร

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์หน้า (29 ส.ค.-2 ก.ย.) มีดังนี้ ในวันจันทร์ จะมีการเปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลเดือนก.ค.ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกเปิดเผยดัชนีการผลิตเขตมิดเวสต์เดือนก.ค. และมียอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ค.ในวันอังคารมีราคาบ้านเดือนมิ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนส.ค. ในวันพุธ ตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศเดือนส.ค.สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจรัฐนิวยอร์คเดือนส.ค.มีดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขต ชิคาโกเดือนส.ค.รวมทั้งมียอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนก.ค. ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ ในวันพฤหัสบดีเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่สองของประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยประจำไตรมาส 2/2011กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์จะมีการมีข้อมูลค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ค. สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนส.ค. ในวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,690 แนวต้านที่1,800 แนวโน้มราคาระยะสั้นคาดว่าราคาจะ rebound เพิ่มขึ้นไปถึงแนวต้านแล้วปรับตัวลงต่อ

ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 38.6 แนวต้านที่ 41.9 แนวโน้มราคาระยะสั้นคาดว่าราคาจะ rebound ขึ้นอีกเล็กน้อยแล้ว side way ออกข้าง

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

ถูกแก้ไข โดย ilovecgf

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...