ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ilovecgf

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ

โพสต์แนะนำ

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 8 กรกฎาคม 2554

โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานปิดเพิ่มขึ้น 1.40 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,530.60 USDต่อออนซ์ เมื่อราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น แต่ราคาทองคำปรับเพิ่มไม่มาก เนื่องจากนักลงทุนเริ่มหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 4 อีก 1.40 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,522.20 – 1,534.90 USDต่อออนซ์ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากราคาน้ำมัน แต่ราคาทองปรับขึ้นไม่มาก เนื่องจากนักลงทุนเริ่มหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น เมื่อมีความเชื่อมั่นมากขึ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดีกว่าคาด เช่น จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานลดลงมากกว่าคาด ตัวเลข ADP Employer Services รายงานการจ้างงานออกมาดีกว่าคาด

 

o ราคาทองคำในตลาดโลกยังยืนเหนือ 1,520 โดยมีราคาสูงสุดและต่ำสุดยกตัวสูงขึ้นกว่าวันก่อน แต่ราคาปิด และราคาสูงสุดของวันเพิ่มขึ้นไม่มาก โดยได้รับแรงกดดันจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป แต่ได้รับแรงสนับสนุนจากปัญหาวิกฤตหนี้ของกรีซและการปรับขึ้นของราคาน้ำมัน คาดแนวต้านถัดไปอยู่ที่บริเวณ 1,536/1,540 สำหรับในวันนี้คาดว่าราคาทองคำในตลาดโลกจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1,524 – 1,536 USDต่อออนซ์ สำหรับราคาโกลด์ฟิวเจอร์ในประเทศวันนี้ คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยธนาคารกลางยุโรป รวมถึงนักลงทุนมีความสนใจลงทุนในทองคำลดลง และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น คาดกรอบความเคลื่อนไหว GFQ11 มีแนวรับบริเวณ 22,150 ส่วนแนวต้านบริเวณ 22,340 คำแนะนำ Trading ในกรอบ 22,150 – 22,340 บาท

 

o ราคาน้ำมัน Nymex ปิดที่ 98.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากสำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ( + )

 

o ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 1.436 ดอลลาร์สหรัฐต่อยูโร เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย หลังจาก ECB ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย (+ )

 

o ราคา Silver ในตลาด COMEX ปิดที่ 36.54 USDต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 0.62 USDต่อออนซ์ (+1.73%) มีความเคลื่อนไหวระหว่าง 35.70 – 36.65 USDต่อออนซ์ ราคา Silver ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันและโลหะพื้นฐาน ราคาได้ผ่านแนวต้านบริเวณ 36.0 และทะลุผ่านเส้น down trend line ขึ้นมาได้ และได้ขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 36.5/36.7 ไปแล้วเมื่อคืนนี้ คาดแนวรับวันนี้บริเวณ 35.8 ส่วนแนวต้านบริเวณ 36.7/37.0 แนวโน้มในระดับสัปดาห์คาดว่าแกว่งตัว 34.0 – 37.7 USDต่อออนซ์ iShares Silver Trust ถือครองโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,532.40 ตัน คำแนะนำ Trading ในกรอบ 35.8 – 37.0

 

o SPDR ถือทองคำจำนวนเท่าเดิม 1,205.81 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,464 – 1,558 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,524 – 1,536 รอเปิด Long บริเวณ 1,515/1,510 โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,540/1,550 มีจุด Stop Loss บริเวณ 1,500

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,400 – 1,600 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 8 กรกฎาคม 2554

โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

ฝ่ายวิจัยคาดว่า กรอบความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงสัปดาห์หน้าจะอยู่ในช่วง 1,506 – 1,540 แนะนำ ให้รอเพื่อเปิด Long ที่แนวรับ ราคาทองคำในสัปดาห์หน้ายังมีแนวโน้มแกว่งตัวผันผวน ราคาอาจปรับลดลงในช่วงต้นสัปดาห์ จากแรงขายทำกำไร ส่วนราคาโลหะเงินในช่วงสัปดาห์หน้าคาดว่าเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 35.0- 37.0 แนะนำ Trading ในกรอบ 35.0 – 37.0 โดยรอเปิด Long ที่แนวรับ และขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน

 

ช่วงสัปดาห์ทีผ่านมามีหลายปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำทั้งปัจจัยจากภายในและภายนอกประเทศ เริ่มจากผลของการเลือกตั้งที่พรรคเพื่อไทยชนะพรรคประชาธิปัตย์ไปด้วยคะแนนเสียง 264 ต่อ 160 ส่งผลให้มีเม็ดเงินจำนวนมากไหลเข้ามาในตลาดหลักทรัพย์ทั้งจากต่างประเทศและในประเทศในช่วงต้นสัปดาห์ ส่งผลทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นและทำให้ราคาทองในประเทศขึ้นน้อยกว่าราคาทองคำตลาดโลก ส่วนปัจจัยทางยุโรปก็มีมาจากการที่รัฐมนตรีคลังของยูโรโซนร่วมกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เห็นชอบให้มีการปล่อยเงินกู้ให้ความช่วยเหลือแก่กรีซ ในวงเงิน 1.2 หมื่นล้านยูโร ส่งผลให้ราคาทองคำมีราคาสูงขึ้นจากความกังวลในเรื่องปัญหาหนี้ของยุโรปกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ส่วนด้านกรีซเองก็พร้อมที่จะเดินหน้ามาตรการรัดเข็มขัดเพื่อให้ประเทศหลุดพ้นจากวิกฤตหนี้สิน ขณัที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ ( S&P) ออกมาเตือนว่า กรีซอาจถูกพิจารณาอันดับเครดิตในระดับ ผิดนัดชำระหนี้บางส่วน (SD) หากธนาคารต่างๆซื้อพันธบัตรชุดใหม่ของรัฐบาลกรีซเมื่อพันธบัตรชุดปัจจุบัน ครบกำหนดไถ่ถอน (หรือการทำ rollover) ตามที่ฝรั่งเศสเสนอ ส่วนฟิทซ์อาจจะปรับเพิ่มเครดิตเรทติงให้กับพันธบัตรกรีซให้อยู่เหนือระดับ default หลังจากมีการทำ roll over พันธบัตร

 

ส่วนประเด็นสำคัญที่มีผลให้ราคาทองปรับสูงขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์คือ การที่มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของโปรโตเกสลงสู่ระดับขยะ (Junk Bond) เพราะกังวลว่ารัฐบาลโปรตุเกสจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการลดยอดขาดดุลงบประมาณส่งผลให้ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงในช่วงกลางสัปดาห์ และการประกาศตัวเลข GDP ของยุโรปที่ยังทรงตัวที่ 0.8 % ซึ่งเท่ากับไตรมาสก่อน ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อในเดือนมิ.ย.ของสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นเป็น 2.7% YoY เทียบกับระดับเงินเฟ้อเป้าหมายที่ 2.0% YoY ทำให้ธนาคารกลางยุโรปปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นเป็น 1.5% เพราะทางธนาคารยุโรปให้ความสำคัญกับเงินเฟ้ออย่างมาก การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อต่อต้านเงินเฟ้อนี้ แต่ตลาดให้ความสำคัญต่ออัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผลกระทบในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่ทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง แต่กลับทำให้ราคาทองคำสูงขึ้น เนื่องจากมีความต้องการทองคำเพื่อป้องกันเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น

 

ในวันศุกร์ที่ 8 ก.ค.ราคาทองคำมีแนวโน้มอ่อนตัวลง จากกการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐออกมาดีกาว่าคาด เช่น จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน การจ้างงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาด ทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น และเริ่มชะลอการลงทุนในทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

 

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศในสัปดาห์หน้าของสหัรฐ จะมีดัชนีการจ้างงานเดือนมิ.ย.ในวันจันทร์ ส่วนวันอังคารจะมีเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนพ.ค. คาดว่า สหรัฐจะขาดดุลการค้า 4.40 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้นจาก 4.37 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย. วันพุธ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนมิ.ย.และกระทรวงการคลังสหรัฐจะมีการเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนมิ.ย มีการคาดว่า ราคานำเข้าจะลดลง 0.5% ในเดือนมิ.ย. หลังเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ค. ขณะที่ราคาส่งออกจะเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย. หลังเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ค.ส่วนสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) จะมีการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ ในวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.ในวันพฤหัสบดีที่14 ก.ค.คาดว่า ยอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย. หลังจากลดลง 0.2% ในเดือนพ.ค. กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย.ในวันพฤหัสบดีที่โดยคาดว่า ดัชนี PPI ทั่วไปจะลดลง 0.1% ในเดือนมิ.ย. หลังเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ค. ส่วนดัชนี PPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานจะเพิ่มขึ้น0.2% ในเดือนมิ.ย. หลังเพิ่มขึ้น 0.2% เช่นกันในเดือนพ.ค.กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์. ในวันศุกร์กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย. ธนาคารกลางสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนมิ.ย.

 

ฝ่ายวิจัยคาดว่า กรอบความเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงสัปดาห์หน้าจะอยู่ในช่วง 1,506 – 1,540 แนะนำ ให้รอเพื่อเปิด Long ที่แนวรับ ราคาทองคำในสัปดาห์หน้ายังมีแนวโน้มแกว่งตัวผันผวน ราคาอาจปรับลดลงในช่วงต้นสัปดาห์ จากแรงขายทำกำไร ส่วนราคาโลหะเงินในช่วงสัปดาห์หน้าคาดว่าเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 35.0- 37.0 แนะนำ Trading ในกรอบ 35.0 – 37.0 โดยรอเปิด Long ที่แนวรับ และขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 11 กรกฎาคม 2554

โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวันศุกร์ปิดเพิ่มขึ้น 11.0 USDต่อออนซ์ปิดที่ 1,541.60 USDต่อออนซ์ เนื่องจากการประกาศตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้มีความต้องการทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวันศุกร์มีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,525.0 – 1,546.0 โดยมีราคาเปิดลดลงที่ระดับ 1,526 USDต่อออนซ์ และได้ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อมีการประกาศตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ราคาทองคำขึ้นไปทำจุดสูงสุดระหว่างวันที่ 1,546.0 USDต่อออนซ์ จากนั้นราคาอ่อนตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,541.60 USDต่อออนซ์ นักลงทุนได้เข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น เมื่อมีความกังวลต่อปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ภาวะเงินเฟ้อ และปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐ สำหรับปัจจัยที่จะมีผลต่อราคาทองคำในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ความกังวลต่อปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ภาวะเงินเฟ้อ และความผันผวนของค่าเงิน USD และเงินยูโร คาดการณ์แนวต้านบริเวณ 1,550/1,557 และแนวรับบริเวณ 1,532/1,524 แนวโน้มราคาทองคำในประเทศวันนี้คาดว่าจะมี Upside ที่จำกัด เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และมีแนวโน้มจะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ คำแนะนำ Trading ในกรอบ 1,524 – 1,550

 

o ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นเพียง 18,000 ราย น้อยกว่าคาดที่ 105,000 ราย ส่วนอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น 9.2% สูงกว่าคาดที่ 9.0% และสูงกว่าเดือนก่อนที่ 9.1% ( + )

 

o อัตราเงินเฟ้อของจีนในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 6.4% YoY สูงขึ้นมากที่สุดในรอบ 3 ปี ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าเป็นอัตราเงินเฟ้อที่สูงสุดในปีนี้ ( + )

 

o สำหรับในสัปดาห์นี้จะมีการประกาศ ตัวเลขขาดดุลการค้า ดุลบัญชีเดินสะพัด ดัชนีราคาผู้ผลิต และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐ

o ค่าเงิน USD ทรงตัวที่ระดับ 1.426 USDต่อยูโร ดัชนีค่าเงินดอลล่าร์อยู่ที่ระดับ 75.0 ( +/- )

 

o ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิดลดลง 62.29 จุดปิดที่ 12,657.20 จุด เนื่องจาก ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ประกาศแย่กว่าคาด เช่น ยอดการจ้างงานของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด

 

o ราคา Silver ปิดเพิ่มขึ้น 0.01 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 36.54 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 36.01 – 36.90 USDต่อออนซ์ ราคา Silver ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาทองคำ แต่เมื่อราคาขึ้นมาใกล้แนวต้านบริเวณ 36.8 – 37.0 มีแรงขายทำกำไรทำให้ราคาปิดอ่อนตัวลงมาระดับ 36.54 คาดว่าราคา Silver ในสัปดาห์นี้แกว่งตัวในกรอบ 33.4 – 37.7 USDต่อออนซ์ iShares Silver Trust ถือครองโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,532.40 ตัน คาดว่า Silver มีแนวรับบริเวณ 35.6 แนวต้านบริเวณ 37.0 คำแนะนำ Trading ในกรอบ 35.8 – 37.0

 

o SPDR ขายทองคำออก 0.4 ตันเหลือถือครองทองคำจำนวน 1,205.41 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,464 – 1,558 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,524 – 1,550

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,400 – 1,600 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 12 กรกฎาคม 2554

โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานปิดเพิ่มขึ้น 7.60 USDต่อออนซ์ปิดที่ 1,549.20 USDต่อออนซ์ เนื่องจากความกังวลในเรื่องหนี้ของยุโรปจะแผ่ขยายออกไปในประเทศอื่นๆ และอิตาลีอาจเป็นรายต่อไปที่ต้องขอความช่วยเหลือจาก IMF ทำให้มีความต้องการทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวันศุกร์มีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,542.10 – 1,557.60 นักลงทุนได้เข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น เมื่อมีความกังวลต่อปัญหาหนี้ของยุโรปจะแผ่ขยายออกไปในประเทศอื่นๆ อิตาลีซึ่งมีหนี้สาธารณะต่อ GDP สูงมากและอาจเป็นรายต่อไปที่ต้องขอรับความช่วยเหลือจาก IMF และ EU นอกจากนี้เป็นปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ และปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐซึ่งเมื่อวานรัฐบาลยังไม่สามารถขอการขยายเพดานหนี้จากรัฐสภาสหรัฐได้ ฝ่ายวิจัยคาดการณ์แนวต้านบริเวณ 1,557/1,577 ส่วนแนวรับบริเวณ 1,540/1,532 คำแนะนำ Trading ในกรอบ 1,532 – 1,577

 

o การประชุมระหว่างคณะทำงานของประธานาธิบดี บารัค โอบามาและ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าสถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้สหรัฐเผชิญกับการผิดนัด ชำระหนี้ในเร็วๆนี้ ( + )

 

o ปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรปอาจลุกลามไปยังประเทศอื่นๆ เช่น อิตาลีซึ่งมีสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP สูงและเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของยุโรป ( + )

 

o ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งขึ้นมาที่ระดับ 1.402 ดอลลาร์สหรัฐต่อยูโร ดัชนีค่าเงินดอลล่าร์อยู่ที่ระดับ 75.98 เมื่อเงินยูโรลดลงเทียบกับดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรป ( +/- )

 

o ราคา Silver ปิดลดลง 0.85 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 35.70 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 35.54 – 36.95 USDต่อออนซ์ ราคา Silver ปรับลดลงตามราคาน้ำมันและโลหะพื้นฐาน คาดว่าราคา Silver ในสัปดาห์นี้แกว่งตัวในกรอบ 33.4 – 37.7 USDต่อออนซ์ สำหรับในวันนี้คาดว่า Silver มีแนวรับบริเวณ 34.8 แนวต้านบริเวณ 37.0 iShares Silver Trust ขายโลหะเงินออก 31.83 ตัน เหลือถือครองโลหะเงินจำนวน 9500.57 ตัน คำแนะนำ Trading ในกรอบ 34.8 – 37.0

 

o SPDR ถือครองทองคำจำนวนเท่าเดิม 1,205.41 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,464 – 1,600 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,540 – 1,577 แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,400 – 1,600 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com/

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 12 กรกฎาคม 2554

โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

คาดว่าราคาทองคำมีแนวรับที่บริเวณ 1,542/1,533 โดยมีแนวต้านที่ 1,558/ 1,575 ราคาทองช่วงกลางวันมีสัญญาณ indicator แสดงแนวโน้มที่จะลดลง แต่คาดว่าราคาในช่วงกลางคืนจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปัจจัยพื้นฐาน เช่น ปัญหาการขยายเพดานหนี้ของสหัรฐ และปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรป แนะนำ เปิด Long บริเวณ 1,542/ 1,533 โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,557/ 1,577 และ stop loss ที่ 1,539

 

ปัจจัยพื้นฐานยังสนับสนุน รอเปิด Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

ราคาทองคำในตลาดเอเชีย วันที่ 12 กค. เปิดช่วงเช้าที่ 1,553 ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 1,548-1,553 USD ต่อออนซ์ แนวโน้มของราคาทองคำคาดว่ายังมีโอกาสเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าราคาในช่วงกลางวันจะทำการปรับตัวลงเล็กน้อย ทั้งนี้มีปัจจัยที่สนับสนุนราคาทองคำ ยังคงเป็นปํญหาหนี้ยุโรป โดยที่อิตาลีมีแนวโน้มจะถูกลดอันดับเครดิตลง และ การประชุมของประธานาธบดีสหรัฐ นายโอบามากับสภาคองเกรสยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ในวันจันทร์ ส่งผลให้การประชุมยังคงยืดเยื้อมาถึงวันอังคาร

 

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา และสมาชิกสภานิติบัญญัติระดับสูงยังไม่สามารถตกลงกันได้ในการตัดลดงบประมาณรายจ่ายเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สหรัฐมีการผิดนัดชำระหนี้ ด้านพรรคฝ่ายค้านเองก็เผชิญกับแรงกดดันครั้งใหม่ให้เห็นพ้องกับการขึ้นภาษี โดยมีการกำหนดจัดการประชุมอีกครั้ง ในวันที่ 12 ก.ค. ปธน.โอมาบามีความเห็นว่า ถ้าไม่มีการขึ้นภาษี มาตรการลดงบประมาณรายจ่ายที่รัฐบาลเสนอก็จะลดยอดขาดดุลงบประมาณ ได้มากกว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์เล็กน้อย ซึ่งยังไม่เพียงพอ ทำให้จำเป็นต้องขยายเพดานหนี้เพิ่มขึ้น ก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังเตือนว่า สหรัฐจะไม่มีเงินไปชำระหนี้ ถ้าสภาคองเกรสไม่เพิ่มเพดานหนี้ที่กำหนดไว้ที่ ระดับ 14.3 ล้านล้านดอลล่าร์ ภายในวันที่ 2 ส.ค. ขณะที่ความล้มเหลวในการขยายเพดานหนี้อาจทำให้สหรัฐกลับเข้าสู่ภาวะถดถอย ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆและเศรษฐกิจโลก และเป็นอันตรายต่อสถานะการเป็นสกุลเงินที่ประเทศอื่นๆใช้เป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ

 

ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงมากที่สุดเมือวันที่ 12 ก.ค. นับว่าเป็นการลดลงมากสุดในรอบเกือบ 1 เดือน จากความวิตกของนักลงทุนเกี่ยวกับภาวะชะงักงันในสหรัฐ และปัญหาหนี้ที่เพิ่มขึ้นในยูโรโซน อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังคงมองว่ามีความเป็นไปได้ที่จะสามารถบรรลุข้อตกลงในเรื่องการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐได้

 

ขณะที่ตลาดแรงงานของสหรัฐจะต้องใช้เวลาอีกนานจึงจะฟื้นตัวอย่างเต็มที่ และตัวเลขจ้างงานเดือนมิ.ย.ที่มีการเปิดเผยเมื่ออาทิตย์ก่อนหน้านี้ สะท้อนให้เห็นว่า การฟื้นตัวของตลาดแรงงานเป็นไปอย่างเชื่องช้าและยากลำบาก

 

สำหรับความต้องการทองคำในประเทศจีนเพิ่มขึ้นมาก โดยจีนมีการผลิตทองคำในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 132.02 ตัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 3.67%จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จีนเป็นผู้ผลิตทองรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีการผลิต 340.880 ตันในปีที่แล้วเพิ่มขึ้น 8.6% จากปี 2009

 

ส่วนปัญหาหนี้ยุโรปซึ่งทาง S&P กับ Moody’s มีแนวโน้มจะปรับลดอันดับเครดิตของอิตาลีลง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับโปรตุเกสเมือกลางอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยที่ Moody’s ได้ทำการปรับลดเครดิตของโปรตุเกส จาก Baa1 เป็น Ba2 และมีมุมมองเชิงลบซึ่งอาจมีการปรับลดอันดับเครดิตได้อีกในอนาคต ทำให้ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นแรงถึง 2.03% ในเช้าวันถัดมาที่ 5 ก.ค. สาเหตุที่อิตาลีมีแนวโน้มจะถูกปรับลดอันดับเป็นเพราะอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของอิตาลีมีการขยายตัวเพียงเล็กน้อย เมือเทียบกับตัวเลขหนี้สาธารณะของ อิตาลีซึ่งมีค่าสูงกว่า 120% ของGDP ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากเมือเทียบกับประเทศยุโรปอื่นๆ

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

ฝ่ายวิจัยCGF คาดว่าราคาทองคำมีแนวรับที่บริเวณ 1,542/1,533 โดยมีแนวต้านที่ 1,558/ 1,575 ราคาทองช่วงกลางวันมีสัญญาณ indicator แสดงแนวโน้มที่จะลดลง แต่คาดว่าราคาในช่วงกลางคืนจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปัจจัยพื้นฐาน เช่น ปัญหาการขยายเพดานหนี้ของสหัรฐ และปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรป แนะนำ เปิด Long บริเวณ 1,542/ 1,533 โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,557/ 1,577 และ stop loss ที่ 1,539 ส่วนโลหะเงินคาดว่ามีแนวรับบริเวณ 34.8 แนวต้านบริเวณ 36.0 แนวโน้มคาดว่าจะปรับตัวลงลงสู่แนวรับบริเวณ 34.8 จึงแนะนำเปิด Short บริเวณ 35.6 มีเป้าหมายทำกำไร บริเวณ 34.8 โดยมี จุด stop loss บริเวณ 36.1

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com/

ถูกแก้ไข โดย ilovecgf

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 13 กรกฎาคม 2554

โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานปิดเพิ่มขึ้น 13.10 USDต่อออนซ์ปิดที่ 1,562.30 USDต่อออนซ์ เมื่อนักลงทุนกังวลต่อวิกฤติหนี้ของยุโรปจะลุกลาม ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงในเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐยังไม่มีความคืบหน้า

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,541.10 – 1,562.30 นักลงทุนได้เข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น เมื่อนักลงทุนกังวลต่อวิกฤติหนี้ของยุโรปจะลุกลาม ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงในเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐยังไม่มีความคืบหน้า ฝ่ายวิจัยคาดการณ์แนวโน้มราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,577 ส่วนแนวรับบริเวณ 1,557/1,540/1,532 คำแนะนำ Trading ในกรอบ 1,540 – 1,577 แต่ขอให้นักลงทุนระมัดระวังในการลงทุน เพราะอาจเผชิญกับแรงขายทำกำไร เมื่อถึงแนวต้าน และราคาอาจปรับลดลงแรงได้

 

o วิกฤติหนี้ของกรีซ ธนาคารกลางยุโรปจะยอมรับพันธบัตรรัฐบาลของกรีซที่ผิดนัดชำระหนี้เป็นหลักประกัน โดยเงินช่วยเหลือฉุกเฉินจะให้แก่เจ้าหนี้ของกรีซ เมื่อกรีซผิดนัดชำระหนี้ ทำให้ธนาคารกลางของกรีซต้องเผชิญกับวิกฤติของระบบธนาคารและการเงิน และอาจแผ่ขยายไปยังประเทศอื่นๆ เช่น อิตาลี และโปรตุเกส อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของอิตาลีและโปรตุเกส ปรับตัวสูงชึ้นมาก ( + )

 

o ราคาน้ำมัน Nymex ปิดที่ 97.4.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับเพิ่ม 2.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจาก IEA คาดการณ์ว่า ความต้องการน้ำมันดิบทั่วโลกจะพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ( + )

 

o ค่าเงินยูโรและเงิน USD ผันผวนทำให้นักลงทุนไม่เชื่อมั่นและหันมาลงทุนในทองคำเพิ่มขึ้น ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงหลังจาก รมว.คลังของสหภาพยุโรปไม่สามารถทำให้สถานการณ์การขาดดุลการคลังของยุโรปดีขึ้นได้ ค่าเงิน USD อ่อนค่าลงหลังจากการประกาศยอดขาดดุลการค้ามากกว่าที่คาด ( + )

 

o ราคา Silver ปิดลดลง 0.06 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 35.63 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 34.8 – 36.45 USDต่อออนซ์ ราคา Silver ในระหว่างการซื้อขายปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันและขึ้นไปทำ high ระหว่างวันที่ 36.45 แต่ปิดลดลงที่ระดับ 35.63 ต่ำกว่าราคาปิดวันก่อนเล็กน้อย ราคามีแนวโน้มแกว่งตัว side way คาดว่าราคา Silver ในสัปดาห์นี้แกว่งตัวในกรอบ 33.4 – 37.7 USDต่อออนซ์ สำหรับในวันนี้คาดว่า Silver มีแนวรับบริเวณ 35.2 แนวต้านบริเวณ 37.0 iShares Silver Trust ถือครองโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9500.57 ตัน คำแนะนำ Trading ในกรอบ 35.2 – 37.0

 

o SPDR ซื้อทองคำเพิ่มขึ้น 20 ตันรวมถือครองทองคำจำนวน 1,225.41 ตัน ( + )

 

แนวโน้มระยะสั้น :อยู่ในกรอบ1,464 –1,600 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,540 – 1,577

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,400 – 1,600 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

 

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12 สนใจติดต่อสอบถามได้ที่

บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 14 กรกฎาคม 2554

โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานปิดเพิ่มขึ้น 23.20 USDต่อออนซ์ปิดที่ 1,585.50 USDต่อออนซ์ หลังจากแถลงการณ์ของ FED พิจารณาจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งอาจจะเป็น QE3

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,564.60 – 1,588.90 นักลงทุนได้เข้ามาลงทุนในทองคำเพิ่มขึ้นมาก หลังจากแถลงการณ์ของ FED พิจารณาจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งอาจจะเป็น QE3 Moody’s จะทบทวนเครดิตเรทติ้งของสหรัฐ และมีแนวโน้มจะปรับลดลงถ้าสหรัฐไม่สามารถขยายเพดานหนี้ได้ ราคาทองคำได้ปรับตัวสูงขึ้นมากและได้ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 1,588.90 USDต่อออนซ์ จากนั้นมีแรงขายทำกำไรทำให้ราคาอ่อนตัวลงมาที่ 1,577 มีแรงซื้อกลับเข้ามาทำให้มาปิดที่ระดับ 1,585.50 ฝ่ายวิจัยคาดการณ์แนวโน้มราคาทองคำจะเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง เมื่อมีปัจจัยสนับสนุนจากการใช้มาตรการ QE3 ของ FED ซึ่งจะสนับสนุนทั้งราคาทองคำและดัชนีตลาดหลักทรัพย์ นอกจากนี้ความกังวลในเรื่องวิกฤตหนี้ของยุโรปยังเพิ่มสูงขึ้น เมื่ออิตาลีและสเปนอาจเป็นรายต่อไปที่ต้องขอความช่วยเหลือจาก EU และ IMF ซึ่งวงเงินช่วยเหลืออาจไม่เพียงพอ และการถูกปรับลดอันดับเครดิตของประเทศต่างๆในยุโรปจะมีผลสนับสนุนราคาทองคำ ฝ่ายวิจัยคาดว่าราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นทำ high ใหม่บริเวณ 1,600 ส่วนแนวรับคาดว่าที่บริเวณ 1,572/1,558/1,545/1,530 คำแนะนำ Trading ในกรอบ 1,558 – 1,600 แต่ขอให้นักลงทุนระมัดระวังในการลงทุน เพราะอาจเผชิญกับแรงขายทำกำไร เมื่อถึงแนวต้าน และราคาอาจปรับลดลงแรงได้

 

o ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐลดลงอย่างแรงมาอยู่ที่ระดับ 1.423 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อยูโร หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธาน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดพร้อมที่จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งอาจจะรวมถึงมาตรการ QE3 ( + )

 

o เงินบาทแข็งค่าขึ้นมากมาอยู่ที่ระดับ 30.04 บาทต่อดอลล่าร์ เนื่อง กนง.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ( - )

 

o ราคาน้ำมัน Nymex ปิดที่ 98.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับเพิ่ม 0.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มีการเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วลดลงเกินคาด ( + )

 

o Moody’s จะทบทวนเครดิตเรทติ้งของสหรัฐซึ่งอยู่ที่ระดับ Aaa และมีแนวโน้มจะปรับลดลงมาที่ระดับ Aa ถ้าสหรัฐไม่สามารถขยายเพดานหนี้ได้ ( + )

 

o ราคา Silver ปิดเพิ่มขึ้น 2.52 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 38.15 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 36.02 – 38.34 USDต่อออนซ์ ราคา Silver ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันและโลหะพื้นฐาน ราคาปรับตัวขึ้นมาแรงและมีแนวโน้มจะขึ้นต่อ สำหรับวันนี้คาดแนวต้านที่ 38.8 และถัดไปที่ 40.7/42.7 ส่วนแนวรับคาดที่บริเวณ 37.0/36.3/35.6 iShares Silver Trust ซื้อโลหะเงินเพิ่มขึ้น 133.38 ตัน รวมถือครองโลหะเงินจำนวน 9,633.95 ตัน คำแนะนำ เปิด Long บริเวณ 37.0 โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 40.7 และมีจุด Stop Loss บริเวณ 36.0

 

o SPDR ถือครองทองคำจำนวนเท่าเดิม 1,225.41 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,530 – 1,650 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,5

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,433 – 1,700 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 14 กรกฎาคม 2554

โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

ราคาทองคำมีแนวรับที่1,577 แนวต้านที่1,600 แนวโน้มราคายังเป็นช่วงขึ้นต่อเนื่อง โดยคาดว่าราคายังมีแนวโน้มขึ้นต่อเนื่องทั้งช่วงกลางวันและกลางคืนจากปัจจัยพื้นฐานสหรัฐ เช่น การประกาศ QE3ของเฟด การโดนขู่จะลดเครดิตของสหรัฐ และการโดนลดเครดิตของประเทศฝั่งยุโรปเช่น ไอร์แลนด์

 

New High for Gold

 

ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 2 สัปดาห์ และได้ทำจุดสูงสุดใหม่ใกล้ 1,600 USDต่อออนซ์ โดยมีปัจจัยบวกทีส่งผลต่อราคาทองคำในช่วงนี้ ได้แก่ วิกฤติหนี้ของยุโรป การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งอาจจะรวมถึงมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม (QE3) และ มูดี้ส์อาจให้แนวโน้มเชิงลบแก่อันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐในเร็วๆนี้

 

ธนาคารกลางสหรัฐหรือ FED พร้อมที่จะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม (QE3) หากพบว่าภาวะอ่อนแอของเศรษฐกิจสหัรฐยังคงยืดเยื้อยาวนานและมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลง อันน่าจะส่งผลกระทบอย่างแรงกับค่าเงินดอลลาร์ทำให้ค่าเงินอ่อนลง ซึ่งทำให้นักลงทุนหันมาถือทองคำเพิ่มมากขึ้น และส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นมากขึ้น

 

มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสกล่าวว่าแม้ว่าสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ในเดือนหน้า แต่แรงกดดันที่มูดี้ส์จะมีการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงจากระดับ Aaa ในปัจจุบันก็อาจจะยังมีสูง ถ้าสหรัฐไม่สามารถบรรลุข้อตกลงตัดลดงบประมาณในระยะยาว ซึ่งจะทำให้หนี้ของประเทศลดลง ทั้งนี้ มูดี้ส์อยู่ในระหว่างการทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐโดยมีแนวโน้มปรับลดลง เนื่องจากมีความเสี่ยงมากขึ้นที่รัฐบาลสหรัฐอาจผิดนัดชำระหนี้ในเดือนหน้า ถ้าหากสภาคองเกรสไม่อนุมัติการเพิ่มเพดานหนี้ของประเทศ มูดี้ส์หวังที่จะสรุปการทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือดังกล่าวทันทีที่มีความชัดเจนว่าสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้หรือไม่ การเจรจากันระหว่างพรรคเดโมแครต และพรรครีพับลิกัน แสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญในการทำข้อตกลงงบประมาณที่จะเปลี่ยนแปลงทิศทางการเพิ่มขึ้นของภาระหนี้ มูดี้ก็จะพิจารณาให้แนวโน้มที่มีเสถียรภาพ จนถึงขณะนี้ มีเพียงสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ที่ได้ปรับทบทวนแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ โดยให้แนวโน้มเชิงลบ ซึ่งหมายความว่าสหรัฐอาจถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือภายในเวลา 12-18 เดือน ขณะที่การเจรจาปรับเพดานหนี้ระหว่างประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐกับผู้นำสภาคองเกรสมีความคืบหน้าและทั้งพรรครัฐบาลและฝ่ายค้าน ซึ่งทั้ง 2ฝ่ายจำเป็นต้องมีการประนีประนอมเพื่อให้ได้ข้อตกลงก่อนวันที่ 7 ส.ค.นี้

 

ราคาน้ำมันดิบ Nymex ได้ปรับตัวลดลงในช่วงต้นสัปดาห์จากค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้น แต่หลังจากนั้นราคามีการปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อมีการคาดการณ์ว่าสต๊อกน้ำมันปรับลดลง และในวันพุธที่ 13 ก.ค.มีการเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วลดลงอย่างมาก ซึ่งแสดงถึงความแข็งแกร่งของอุปสงค์พลังงานในสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันสหรัฐยังได้ปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีน รวมถึงแนวโน้มการที่เฟดจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ QE3 หากเศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลง ด้านสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) ของสหรัฐเปิดเผยข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 8 ก.ค.ลดลง 3.1 ล้านบาร์เรล สู่ 355.5 ล้านบาร์เรล สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 3 ล้านบาร์เรล สู่ 145.0 ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 800,000 บาร์เรล สู่ 211.7 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 0.4% สู่ 88.0%

 

ขณะที่เศรษฐกิจในประเทศไทย การแข็งค่าของเงินบาทในช่วงนี้ เป็นผลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ของ กนง. มาอยู่ที่ระดับ 3.25% เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ และการอ่อนค่าของเงิน USD จากกระแสข่าวที่สหรัฐอาจจะมีการออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม (QE3) รวมถึงความกังวลว่า สหรัฐอาจถูกลดอันดับเครดิตลงของมูดี้ส์ มีโอกาสปรับเครดิตของสหรัฐลง ทำให้มีเงินไหลเข้ามาในประเทศเกิดใหม่ในเอเชียมากขึ้น รวมถึงไทยด้วย

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

ราคาทองคำมีแนวรับที่1,577 แนวต้านที่1,600 แนวโน้มราคายังเป็นช่วงขึ้นต่อเนื่อง โดยคาดว่าราคายังมีแนวโน้มขึ้นต่อเนื่องทั้งช่วงกลางวันและกลางคืนจากปัจจัยพื้นฐานสหรัฐ เช่น การประกาศ QE3ของเฟด การโดนขู่จะลดเครดิตของสหรัฐ และการโดนลดเครดิตของประเทศฝั่งยุโรปของ ไอร์แลนด์ แนะนำ Trading ในกรอบ 1,558 – 1,600 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 37.0/ 36.3 และแนวต้านที่ 40.7/42.6 แนวโน้มราคาเป็นช่วงขาขึ้นและน่าจะขึ้นต่อไปได้อีก สัญญาณ MACD แสดงแนวโน้มการขึ้นต่ออีกเล็กน้อย

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 18 กรกฎาคม 2554

โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวันศุกร์ปิดเพิ่มขึ้น 0.80 USDต่อออนซ์ปิดที่ 1,590.10 USDต่อออนซ์ หลังจากไม่มีความคืบหน้าในการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐ ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น และความกังวลในผลการทดสอบ Stress Test ของธนาคารพาณิชย์ยุโรป

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวันศุกร์มีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,576.00 – 1,594.50 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 10 นักลงทุนได้เข้ามาลงทุนในทองคำเพิ่มขึ้นมาก หลังจากไม่มีความคืบหน้าในการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐ ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น และความกังวลในผลการทดสอบ Stress Test ของธนาคารพาณิชย์ยุโรปที่มี 8 ใน 90 ธนาคารที่ไม่ผ่าน Stress Test ราคาทองคำเมื่อวันศุกร์ไม่ได้ทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ราคาปิดสูงขึ้นกว่าวันก่อนเล็กน้อย แนวโน้มราคามี Up side gain เริ่มจำกัดมากขึ้น แต่ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ว่าจะมี QE3 และปัญหาหนี้ของยุโรป รวมถึงเรื่องการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐ แนวโน้มคาดว่าจะไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,600 – 1,620 คำแนะนำ Trading ในกรอบ 1,564 – 1,600 แต่ขอให้นักลงทุนระมัดระวังในการลงทุน เพราะอาจเผชิญกับแรงขายทำกำไร เมื่อถึงแนวต้าน และราคาอาจปรับลดลงแรงได้

 

o ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐเดือนมิ.ย.ลดลง 0.2% MoM เป็นไปตามคาด ดัชนีผลผลิตภาคอุตสหากรรมเพิ่มขึ้น 0.2% MoM เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด ส่วนอัตราใช้กำลังการผลิตเท่ากับ 76.7% เท่ากับเดือนก่อน แต่ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.ลดลงมาที่ระดับ 63.8 ซึ่งต่ากว่าเดือนก่อนที่ระดับ 71.5 ( + )

 

o ปัญหาเรื่องการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐ และการแก้ปัญหาการขาดดุลการคลัง ปธน.โอบาม่ากล่าวว่า ทางรัฐสภาต้องการแก้ปัญหาการขาดดุลการคลังด้วยการเพิ่มรายได้ของรัฐบาล และลดการใช้จ่ายลง ซึ่งการเจรจายังดำเนินอยู่ ซึ่งการขยายเพดานหนี้ต้องทำให้สำเร็จภายในวันที่ 2 ส.ค. ( + )

 

o ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าขึ้นมาที่ 1.407 ดอลลาร์สหรัฐต่อยูโร เมื่อเงินยูโรอ่อนค่าลงภายหลังผลของ Stress Test มีธ.พ. 8 แห่งไม่ผ่าน Stress Test ( + )

 

o เงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยมาอยูที่ระดับ 30.12 บาทต่อดอลล่าร์ ( - )

 

o ราคาน้ำมัน Nymex ปิดที่ 97.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับเพิ่มขึ้น 1.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น หลังจากที่บริษัทหลายแห่งในสหรัฐมีผลประกอบการแข็งแกร่งเกินคาด( + )

 

o ราคา Silver ปิดเพิ่มขึ้น 0.38 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 39.07 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 37.89 – 39.33 USDต่อออนซ์ ราคา Silver ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันและโลหะพื้นฐาน ราคา Silver ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มจะขึ้นต่อ สำหรับวันนี้คาดแนวต้านที่ 40.7 และถัดไป 42.7 ส่วนแนวรับคาดที่บริเวณ 37.4/36.3 iShares Silver Trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,633.95 ตัน คำแนะนำ เปิด Long ไว้ถือต่อ โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 40.7 และมีจุด Stop Loss บริเวณ 37.2

 

o SPDR ซื้อทองคำเพิ่มขึ้น 10.6 ตัน โดยถือครองทองคำจำนวน 1,236.01 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น :อยู่ในกรอบ 1,530 – 1,650 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,564 – 1,600 แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,433 – 1,700 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 18 กรกฎาคม 2554

โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

 

ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,588/1,577 แนวต้านที่ 1,608 แนวโน้มราคามี up side gain ที่จำกัด ขณะที่ Scholastic เข้าสู่สภาวะ Overboughtแล้ว รวมทั้ง RSI ก็ใกล้เข้าเขต Overbought เช่นกัน ส่วน MACD ยังแสดงสภาวะ Bullish โดยรวมๆสัญญาณทางเทคนิคแสดงถึงแนวโน้มราคาน่าชะลอตัวและมีการใกล้จะพักฐาน แนะนำ trading ในกรอบ 1,564 – 1,600 USDต่อออนซ์ ระวังจะมีแรงเทขายบริเวณ 1,600 USDต่อออนซ์

 

QE3 มีหรือไม่?

 

ราคาทองคำในตลาดเอเชียในเช้าวันจันทร์ที่ 18 ก.ค.เปิดตลาดที่ระดับ 1,594 USDต่อออนซ์ โดยมีความผันผวนอยู่ในกรอบ 1,592-1,599 USD ต่อ ออนซ์ ราคามี up side gain จำกัดมากขึ้น ขณะที่ประเด็นทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับราคาทองคำในรอบสัปดาห์นี้ ได้แก่

 

การแถลงการณ์ของเฟดเมือปลายสัปดาห์ก่อน โดยเป็นการแถลงระหว่างสภาคองเกรส และ นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) โดยสรุปเฟดกล่าวว่า เฟดยังไม่พร้อมที่จะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินรอบใหม่ในระยะเวลาอันใกล้นี้ เพราะตัวเลขเงินเฟ้อที่ประกาศออกมาใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางเอาไว้ ดังนั้นเฟดจึงไม่ต้องเตรียมการที่จะใช้มาตรการอะไรเพิ่มเติม เบอร์นันเก้กล่าวตอบข้อซักถามของนายทิม จอห์นสัน ประธานคณะกรรมการการธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐ และคาดว่าสหรัฐจะมีเศรษฐกิจดีขึ้นตามที่เฟดคาดการณ์ ถ้อยแถลงดังกล่าวได้ทำลายความหวังของนักลงทุนที่เพิ่งถูกจุดประกายขึ้นก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งวัน และดันราคาทองคำให้เพิ่มขึ้นในช่วงกลางสัปดาห์ จากการที่นายเบอร์นันเก้เองได้แถลงต่อรัฐสภาสหรัฐเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า เฟดพร้อมที่จะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสาม หรือ QE3 หากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจเผชิญกับภาวะขาลง ส่งผลให้การเพิ่มของราคาทองคำในวันศุกร์เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย

 

ปัจจัยจากผลการทดสอบภาวะวิกฤติ(stress test) ของธนาคารยุโรป น่าจะส่งผลเชิงบวกต่อทองคำ ทั้งนี้เพราะ ผลของ stress test ได้สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ อันจะเห็นได้จากตลาดหุ้นอังกฤษ FTSE 100 ที่ปิดลดลง 26 จุด DAX ของตลาดหุ้นเยอรมนีจะปิดลดลง 28 จุด และดัชนี CAC-40 ของตลาดหุ้นฝรั่งเศที่ปิดลดลง 25 จุด โดยผลการทดสอบภาวะวิกฤติต่อธนาคาร 90 แห่งของยุโรปพบว่า ธนาคาร 8 แห่งไม่ผ่านการทดสอบ โดยธนาคาร 8 แห่งนี้จำเป็นต้องเพิ่มทุน 2.5 พันล้านยูโร (3.5 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งน้อยกว่าระดับที่คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้ ตลาดคาดว่าธนาคาร 5-15 แห่งอาจไม่ผ่านการทดสอบและอาจจำเป็นต้องเพิ่มทุนอย่างน้อย 1 หมื่นล้านยูโร โดยรวม ผลของ stress test ต่อธนาคารในยุโรปน่าจะส่งผลดีต่อราคาทองคำในช่วงสั้นๆ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนโยกย้ายเงินลงทุนจากตลาดหลักทรัพย์มาลงทุนในทองคำช่วงสั้นๆ ถ้าหากมีปัจจัยที่มาหนุนตลาดหลักทรัพย์ ก็อาจมีการย้ายเงินลงทุนกลับเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ เพราะราคาทองคำในช่วงนี้มีราคาปรับตัวสูงขึ้นมากแล้ว คาดว่าเงินลงทุนที่เข้ามาเป็นเพียงเก็งกำไรสั้นๆเท่านั้น

 

ส่วนการประชุมระหว่างโอบาม่ากับสภาคองเกสเกี่ยวกับการปรับเพดานหนี้สหรัฐ ยังไม่ได้ข้อสรุป มีการคาดการณ์ว่า ถ้าสหรัฐสามารถขยายเพดานหนี้ได้ ความกังวลว่าสหรัฐจะผิดนัดชำระหนี้ก็จะหมดไป แต่การขยายเพดานหนี้ได้สำเร็จจะเป็นผลบวกกับทองคำในระยะต่อไป เนื่องจากสหรัฐจะมีหนี้เพิ่มขึ้น ค่าเงิน USD จะอ่อนค่าลง สนับสนุนให้ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงสั้นๆเมื่อสหรัฐบรรลุข้อตกลงในการขยายเพดานหนี้ได้ อาจมีแรงเทขายทำกำไรทองคำออกมาในลักษณะ sell on fact ได้

 

ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ค.จะออกมาในวันจันทร์คาดว่า ดัชนี อยู่ที่ระดับ 14 ในเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ 13 ในเดือนมิ.ย. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนมิ.ย. โดยรอยเตอร์คาดว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านจะอยู่ที่ 0.58 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้นจาก 0.56 ล้านยูนิตในเดือนพ.ค. และตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างจะอยู่ที่ 0.60 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย.ลดลงจาก 0.609 ล้านยูนิตในเดือนพ.ค. สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย.ในวันพุธนี้เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย โดยรอยเตอร์คาดว่า ยอดขายบ้านมือสองจะอยู่ที่ 4.90 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้นจาก 4.81 ล้านยูนิตในเดือนพ.ค.กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ในวันพฤหัสบดีนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย โดยรอยเตอร์คาดว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 ก.ค.จะอยู่ที่ 410,000 รายเพิ่มขึ้นจาก 405,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียจะเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนก.ค.ในวันพฤหัสบดีนี้เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย โดยรอยเตอร์คาดว่า ดัชนีแนวโน้มธุรกิจจะอยู่ที่ระดับ 2.0 ในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้นจากระดับ -7.7 ในเดือนมิ.ย.

 

วิเคราะห์ทางเทคนิค

 

ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,588/1,577 แนวต้านที่ 1,608 แนวโน้มราคามี up side gain ที่จำกัด ขณะที่ Scholastic เข้าสู่สภาวะ Overboughtแล้ว รวมทั้ง RSI ก็ใกล้เข้าเขต Overbought เช่นกัน ส่วน MACD ยังแสดงสภาวะ Bullish โดยรวมๆสัญญาณทางเทคนิคแสดงถึงแนวโน้มราคาน่าชะลอตัวและมีการใกล้จะพักฐาน แนะนำ trading ในกรอบ 1,564 – 1,600 USDต่อออนซ์ ระวังจะมีแรงเทขายบริเวณ 1,600 USDต่อออนซ์ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 37.4/36.7 และแนวต้านที่ 40.7/43.15 แนวโน้มราคายังเป็นช่วงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและน่าจะเพิ่มต่อไปได้อีก สัญญาณ MACD แสดงแนวโน้ม Bullish แนะนำ trading ในกรอบ 37 – 43 ให้เปิด long บริเวณแนวรับ

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 19 กรกฎาคม 2554

โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานปิดเพิ่มขึ้น 12.30 USDต่อออนซ์ปิดที่ 1,602.40 USDต่อออนซ์ หลังจากไม่มีความคืบหน้าในการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐ และความกังวลว่าวิกฤตหนี้สาธารณะอาจลุกลามไปยังภาคธนาคารของยุโรป

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,591.40 – 1,607.90 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 11 นักลงทุนได้เข้ามาลงทุนในทองคำเพิ่มขึ้นมาก หลังจากไม่มีความคืบหน้าในการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐ และความกังวลที่ว่าวิกฤตหนี้สาธารณะอาจลุกลามไปยังภาคธนาคารของยุโรป หลังจากผลการทบสอบภาวะวิกฤต (stress test) ระบุว่า ธนาคารของกรีซและสเปนมีความเสี่ยงมากที่สุด ราคาทองคำเมื่อวานทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง แนวโน้มราคามี Up side gain เริ่มจำกัดมากขึ้น แต่มีปัจจัยบวกจากปัญหาการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐ และปัญหาหนี้ของยุโรป แนวโน้มคาดว่าจะไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,612/1,620 คำแนะนำ Trading ในกรอบ 1,564 – 1,620

 

o มีรายงานข่าวว่ามีความต้องการในการถือครองทรัพย์สินของสหรัฐเพิ่มขึ้นในเดือน พ.ค. ทั้งในหุ้น พันธบัตร และทรัพย์สินทางการเงินอื่นๆ โดยที่จีน และญี่ปุ่นเข้ามาถือพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐเพิ่มขึ้น แม้ว่าสหรัฐยังไม่บรรลุข้อตกลงในเรื่องการขยายเพดานนี้แต่เจ้าหนี้ของสหรัฐยังมีความเชื่อมั่น และซื้อสินทรัพย์ของสหรัฐเพิ่มขึ้น ( - )

 

o ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอยู่ที่ระดับ1.412 ดอลลาร์สหรัฐต่อยูโร เนื่องจากความกังวลที่ว่าวิกฤตหนี้สาธารณะอาจลุกลามไปยังภาคธนาคารของยุโรป ( -/+ )

 

o เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาอยูที่ระดับ 29.96 บาทต่อดอลล่าร์ ( - )

 

o ราคาน้ำมัน Nymex ปิดที่ 95.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับลดลง 1.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเรื่องความขัดแย้งในการเพิ่มเพดานหนี้สินของรัฐบาลกลางสหรัฐกับสภาคองเกรส ซึ่งอาจจะทำให้สหรัฐผิดนัดชำระหนี้ ( + )

 

o ราคา Silver ปิดเพิ่มขึ้น 1.27 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 40.34 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 39.28 – 40.74 USDต่อออนซ์ ราคา Silver ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาทองคำ ราคา Silver เมื่อคืนนี้ในตลาด COMEX ได้ขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 40.7 ส่วนแนวต้านถัดไปอยู่ที่บริเวณ 42.7 แนวรับคาดที่บริเวณ 38.8/37.4 iShares Silver Trust ซื้อโลหะเงินจำนวน 39.41 ตัน รวมถือครองโลหะเงินจำนวน 9,673.36 ตัน คำแนะนำ ที่ปิดสถานะ Long ทำกำไรไปแล้ว รออ่อนตัวบริเวณแนวรับบริเวณ 38.8/38.0 เพื่อเปิด Long เล่นรอบ โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 40.7/42.1 และมีจุด Stop Loss บริเวณ 37.2

 

o SPDR ซื้อทองคำเพิ่มขึ้น 13.33 ตัน โดยถือครองทองคำจำนวน 1,249.34 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,564 – 1,650 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,564 – 1,620 แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,464 – 1,700 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 19 กรกฎาคม 2554

โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,595/1,577 แนวต้านที่1,612 แนวโน้มราคามี up side gain ที่จำกัด โดยรวมแสดงถึงแนวโน้มอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีกเล็กน้อยและใกล้มีการพักฐาน แนะนำ Trading ในกรอบ 1,564 – 1,620 ราคาใกล้จะปรับฐานอาจมีการปรับลดตัวลง

 

สหรัฐกับปัญหาเพดานหนี้ที่ยังไม่ยุติ

ราคาทองคำในตลาดเอเชียวันที่ 19 ก.ค. ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,603 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ ในบริเวณ 1,601-1,609 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ โดยปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำในช่วงนี้ได้แก่

 

ประเด็นทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ในการปรับเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ ซึ่งยังส่งผลต่อเนื่องสนับสนุนราคาทองให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยมีการเปิดเผยจากทำเนียบขาวว่า รัฐบาลกลางกำลังจะดำเนินแผนการขั้นสุดท้ายกับสภาคองเกรสเพื่อเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ที่อาจส่งผลให้เกิดความวุ่นวายต่อตลาดการเงินโลกประเด็นทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ในการปรับเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ ซึ่งยังส่งผลต่อเนื่องสนับสนุนราคาทองให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยมีการเปิดเผยจากทำเนียบขาวว่า รัฐบาลกลางกำลังจะดำเนินแผนการขั้นสุดท้ายกับสภาคองเกรสเพื่อเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ที่อาจส่งผลให้เกิดความวุ่นวายต่อตลาดการเงินโลก

 

แม้ว่าประธานาธิบดีบารัค โอบาออกมายืนยันด้วยตัวเองว่า เขาให้ความสำคัญกับข้อตกลงการลดยอดขาดดุลของสหรัฐ แต่การเจรจาเรื่องปรับเพดานหนี้กลับต้องหยุดชะงักเพราะความขัดแย้งที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ระหว่างพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน เป็นผลให้เหลือเวลาอีกเพียง 2 สัปดาห์ ซึ่งสหรัฐกำลังจะหมดเงินที่จะใช้ชำระหนี้และจะถูกมูดี้ปรับลดอันดับเครดิต โดยแนวคิดที่เกิดความขัดแย้งระหว่างพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน คือ เรื่องเกี่ยวกับการขึ้นภาษี และงบรายจ่ายในโครงการประชานิยมต่างๆ ขณะที่แผนสำรองที่เสนอโดยนายมิทช์แมคคอนเนล ผู้นำวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน มีเนื้อหาที่ให้เพิ่มเพดานหนี้เป็น 3 ระยะจนถึงการเลือกตั้งในเดือนพ.ย.ปีหน้า อย่างไรก็ดีมีการเปิดเผยว่าพรรครีพับลิกันกำลังจะผลักดันมาตรการลดและกำหนดเพดานการใช้จ่ายของรัฐบาล และการแก้ไขรัฐธรรมนูญสหรัฐ โดยการลงมติจะทำให้พรรครีพับลิกันมีโอกาสได้เสนอเหตุผลเกี่ยวกับความจำเป็นที่ต้องลดงบรายจ่ายลงแทนที่จะยอมรับแผนการเพิ่มเพดานหนี้ขึ้นจากระดับ 14.3 ล้านล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน

 

ความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ซึ่งมองว่าการผิดนัดชำระหนี้ของรัฐบาลสหรัฐจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง และจะส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินระหว่างประเทศ เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐมองว่าการเจรจาต่อรองเรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ยังคงเผชิญกับทางตันต่อไปเพราะ พรรครีพับลิกันยังคงแสดงความเชื่อมั่นว่า การผิดนัดชำระหนี้จะไม่เกิดขึ้น และเชื่อว่าสหรัฐสามารถชำระหนี้ได้ต่อไปโดยทำเพียงแค่ปรับลดการใช้จ่ายลง ชาวสหรัฐจำนวนมากไม่เชื่อว่าจะเกิดหายนะครั้งใหญ่ โดยโพลล์ระบุว่าชาวสหรัฐส่วนใหญ่พึงพอใจที่ไม่มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ถึงแม้ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าผู้ตอบการสำรวจในครั้งนี้ตระหนักถึงผลกระทบทั้งหมดที่เกิดจากขั้นตอนดังกล่าวหรือไม่

 

ประเด็นทางเศรษฐกิจของยุโรป คือ ให้จับตาดูผลการประชุมฉุกเฉินของผู้นำอียูจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้ (21 ก.ค.) โดยที่หัวข้อในการประชุมยังคงเป็นการหาทางออกสำหรับแนวใหม่ในการให้ความช่วยเหลือกรีซรอบใหม่ และจะเป็นการยับยั้งวิกฤตหนี้กรีซไม่ให้ลุกลามไปยังประเทศอื่นๆที่ประสบกับปัญหาหนี้คล้ายๆกัน

 

ภาวะชะงักงันในการเจรจาเรื่องหนี้ของสหรัฐประกอบกับปัญหาหนี้ในยุโรป สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ตลาดการเงินทั่วโลกและส่งผลให้เห็นอย่างชัดเจนกับราคาทองคำที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมาก ท่ามกลางความวิตกว่าปัญหาเพดานหนี้ของสหัรฐ อาจจะลุกลามจนกลายเป็นวิกฤติโลกได้ในอนาคต ทั้งตลาดหุ้นที่ลดลงทั่วโลกและราคาทองพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือระดับ 1,600 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ โดยเหตุที่นักลงทุนต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยทำให้ความต้องการทองเพิ่มมากขึ้น

 

วิเคราะห์ทางเทคนิค

 

ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,595/1,577 แนวต้านที่1,612 แนวโน้มราคามี up side gain ที่จำกัด ขณะที่ Scholastic เข้าสู่สภาวะ Overboughtแล้ว รวมทั้ง RSI ก็เข้าเขต Overbought เช่นกัน ขณะที่ MACD ยังอยู่ในสภาวะ Bullish โดยรวมแสดงถึงแนวโน้มอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีกเล็กน้อยและใกล้มีการพักฐาน แนะนำ Trading ในกรอบ 1,564 – 1,620 ราคาใกล้จะปรับฐานอาจมีการปรับลดตัวลง

 

 

ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 37.8 และแนวต้านที่ 42.1 แนวโน้มราคายังเป็นช่วงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและน่าจะเพิ่มต่อไปได้อีกตามการขึ้นของราคาทอง

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 20 กรกฎาคม 2554

โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานปิดลดลง 1.30 USDต่อออนซ์ปิดที่ 1,601.10 USDต่อออนซ์ มีแรงขายทำกำไรหลังจากราคาปรับตัวขึ้นมาติดต่อกันหลายวัน และความกังวลในเรื่องการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐลดลง

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,582.70 – 1,610.70 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไร เมื่อราคาขึ้นมาถึงเป้าหมายบริเวณ 1,610 และความกังวลในเรื่องการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐลดลง ปธน.โอบามากล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่จะตกลงกับพรรคฝ่ายค้านได้ในเรื่องการขยายเพดานหนี้ แนวโน้มราคาจะเข้าสู่ช่วงพักฐาน โดยมีแนวรับบริเวณ 1,577 ซึ่งถ้าราคาลงแรงต่ำกว่าระดับนี้ การพักฐานอาจใช้เวลาพอสมควร มีแนวรับถัดไปที่บริเวณ 1,558 แนวโน้มคาดว่าจะไปทดสอบแนวรับบริเวณ 1,577 คำแนะนำ รอการพักฐานก่อนเข้าเปิด Long

 

o การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐออกมาดีกว่าคาด ได้แก่ ตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างเดือนมิ.ย.อยู่ที่ 624,000 ยูนิตต่อปี เพิ่มขึ้น 6.7% YoY ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนมิ.ย.อยู่ที่ระดับ 629,000 ยูนิตต่อปี พุ่งขึ้น 14.6% YoY ( - )

 

o แผนการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐมีความเป็นไปได้มากขึ้น เมื่อวุฒิสมาชิก 6 คนของสหรัฐให้การสนับสนุนแผนของโอบามาในการลดงบประมาณการใช้จ่าย 3.7 ล้านล้านดอลลาร์ในอีก 10 ปีข้างหน้า และการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐ ( - )

 

o ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอยู่ที่ระดับ1.415 ดอลลาร์สหรัฐต่อยูโร เมื่อการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ( -/+ )

 

o เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 29.92 บาทต่อ USD เนื่องจากมีการเทขายทองคำในประเทศ ( - )

 

o ราคาน้ำมัน Nymex ปิดที่ 97.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับเพิ่ม 1.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล IEAเปิดเผยว่า IEA ยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องการระบายน้ำมันรอบที่ 2 ( + )

 

o ราคา Silver ปิดลดลง 0.12 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 40.22 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 38.61 – 40.88 USDต่อออนซ์ ราคา Silver ปรับตัวลดลง เมื่อแนวโน้มการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐมีความเป็นไปได้ คาดแนวต้านบริเวณ 40.7 แนวรับคาดที่บริเวณ 38.8/37.4 iShares Silver Trust ซื้อโลหะเงินจำนวน 190.97 ตัน รวมถือครองโลหะเงินจำนวน 9,864.33 ตัน คำแนะนำ Trading ในกรอบ 37.4 – 40.7

 

o SPDR ขายทองคำ 3.33 ตัน โดยถือครองทองคำจำนวน 1,246.01 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,558 – 1,650 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,558 – 1,610 แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,464 – 1,700 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 20 กรกฎาคม 2554

โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,577/1,558 แนวต้านที่1,595/1,610 คาดว่า แนวโน้มราคาทองคำอยู่ในช่วงพักฐาน สัญญาณทางเทคนิคอื่นๆ ไม่เด่นชัด มีแค่ Scholastic ที่ตัดลงที่ระดับ Overbought แนวโน้มระยะยาวยังเป็นขาขึ้น แต่แนวโน้มระยะสั้น ราคามีแนวโน้มปรับตัวลดลง แนะนำ เปิด Short ถ้าไม่สามารถยืนเหนือ 1,595 โดยมีจุด stop loss ที่1,600

 

ข่าวดีของสหรัฐแต่เป็นข่าวร้ายของราคาทองคำ

 

ราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 12 วัน โดยมีโอกาสย่อตัวลงต่อได้อีกเล็กน้อย ราคาทองคำ Comex ปิดปรับตัวลดลง 15.55 USD ต่อออนซ์ หรือ มาอยู่ที่ 1,587.85 USD ต่อออนซ์ โดยมีแรงเทขายทำกำไรหลังจากที่ราคาขึ้นมาแรงต่อเนื่อง 11 วันทำการมากกว่า 120 USD ต่อออนซ์ แต่เมื่อประธานาธิบดีสหรัฐฯออกมาให้ความเห็นว่าแนวทางการขอขยายเพดานการก่อหนี้มีความคืบหน้าไปในทิศทางบวกมากขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้สหรัฐฯ รอดพ้นจากปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ได้ก่อนที่จะครบกำหนดในวันที่ 2 ส.ค.นี้ไปได้ ความคืบหน้าที่กล่าวถึงมาจาก ผลสำเร็จของการเจรจาที่ทำให้กลุ่มวุฒิสมาชิก 6 คนของสหรัฐให้การสนับสนุนแผนของโอบามาในการลดงบประมาณการใช้จ่าย 3.7 ล้านล้านดอลลาร์ในอีก 10 ปีข้างหน้า และการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐซึ่งปัจจุบันยืนอยู่ที่ระดับ 14.29 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลให้ราคาทองเริ่มปรับตัวลดลง มีแรงขายทำกำไรออกมามาก เมื่อราคาทองคำขึ้นไปถึงเป้าหมาย 1,610 USDต่อออนซ์ นอกจากนี้มีข่าวการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐออกมาดีกว่าคาด เช่น ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านรวมถึงตัวเลขการขออนุญาติสร้างบ้านที่เพิ่มขึ้น 14.6% และ 6.7% ตามลำดับ ทำให้นักลงทุนเริ่มเห็นว่า แนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐอาจจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย ทำให้ความกังวลต่อปัญหาหนี้ของสหรัฐและปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวลดลง ทำให้ความต้องการทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงลดลง เกิดกระแสเงินที่ไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัยเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงต่างๆอีกครั้ง ส่วนราคาทองคำในประเทศได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินบาท ขณะที่โลหะเงิน มีแรงขายทำกำไรด้วยปัจจัยเช่นเดียวกับทองคำ คือ ความต้องการถือครองทอง และเงินลดลง หลังสถานการณ์ในสหรัฐฯ ดูมีทางออกมากขึ้น

 

ส่วนการเจรจาเพื่อที่จะลดงบประมาณการขาดดุลของสหรัฐ ระหว่างประธานฐิดี โอบาม่ากับกลุ่ม วุฒิสมาชิก 6 คน ที่มาจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน การเสนอแผนตัดลดงบประมาณรายจ่าย อาจส่งผลให้สภาคองเกรสสามารถบรรลุข้อตกลงในการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐก่อนเส้นตายวันที่ 2 ส.ค ข้อเสนอดังกล่าวจะช่วยให้สหรัฐประหยัดงบประมาณได้ 3.75 ล้านล้านดอลลาร์ภายในเวลา 10 ปี ขณะที่จะเพิ่มรายได้แก่รัฐบาลสหรัฐจำนวน 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ ทางด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามาได้ประกาศสนับสนุนข้อเสนอของกลุ่ม 6 สว.ดังกล่าว โดยกล่าวว่าข้อเสนอนี้มีความสอดคล้องกับแผนการของเขาในการปรับลดหนี้และยอดขาดดุลงบประมาณของสหรัฐ ปธน.โอบามาเรียกร้องให้ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสังกัดพรรคเดโมแครต และผู้นำวุฒิสมาชิกสังกัดพรรครีพับลิกันเริ่มต้นหารือกันอย่างจริงจังเกี่ยวกับข้อเสนอนี้

 

ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ ยอดอนุญาติก่อสร้างของสหรัฐที่ประกาศออกมาเพิ่มขึ้นเป็น 0.62 ล้านยูนิต มากกว่างวดก่อนและคาดการณ์ของโพลล์ที่ระดับ 0.61 ล้านยูนิตและ 0.60 ล้านยูนิต ส่วนยอดสร้างบ้านใหม่อยู่ที่ 0.63 ล้านยูนิต มากกว่างวดก่อนและคาดการณ์ที่ 0.55 ล้านยูนิต และ 0.57 ล้านยูนิตตามลำดับ

 

ประเด็นเรื่องหนี้สาธารณะของยุโรป จากการที่ค่าเงินยูโรปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในวันอังคาร ทำให้คาดการณ์ว่า นักลงทุนบางกลุ่มคงยังมีความคาดหวังต่อข้อตกลงที่จะให้ความช่วยเหลือกรีซต่อไปในการประ ชุมสุดยอดผู้นำยูโรโซนในสัปดาห์นี้ ( 21 ก.ค.) ผลของมาตรการอาจจะไม่ใช่การแก้ไขในระยะยาวสำหรับวิกฤติหนี้ของกรีซ ดังนั้นปัญหาวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรปจะยังคงส่งผลกระทบต่อเงินยูโรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจัดว่าเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำในระยะยาว

 

ตลาดเงินในเอเชีย อัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินจีนปรับขึ้น โดยอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (PR) ระยะ 7 วันปรับขึ้น 0.10 % ในระหว่างวัน ในขณะที่ธนาคารกลางจีนส่งสัญญาณว่า ทางธนาคารกลางจะดูดซับเม็ดเงินออกจากตลาดในสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน และอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนที่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ 6.4592 เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ทำให้คาดว่า การแข็งค่าของเงินหยวนจะส่งผลให้สกุลเงินต่างๆในเอเชียแข็งค่าขึ้น และอาจส่งผลให้ราคาทองในเอเชียรวมทั้งประเทศไทยอ่อนตัวลงในช่วงนี้

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,577/1,558 แนวต้านที่1,595/1,610 คาดว่า แนวโน้มราคาทองคำอยู่ในช่วงพักฐาน สัญญาณทางเทคนิคอื่นๆ ไม่เด่นชัด มีแค่ Scholastic ที่ตัดลงที่ระดับ Overbought แนวโน้มระยะยาวยังเป็นขาขึ้น แต่แนวโน้มระยะสั้น ราคามีแนวโน้มปรับตัวลดลง แนะนำ เปิด Short ถ้าไม่สามารถยืนเหนือ 1,595 โดยมีจุด stop loss ที่1,600 ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 37.8 และแนวต้านที่ 40.7 แนวโน้มมีการพักฐานเช่นเดียวกับราคาทองคำ แนวโน้มจะมีการปรับตัวลดลงอีก

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ เงิน วันที่ 21 กรกฎาคม 2554

โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานปิดลดลง 4.20 USDต่อออนซ์ปิดที่ 1,596.90 USDต่อออนซ์ ราคาอ่อนตัวลงมา เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า จะมีมาตรการแก้ไขปัญหาวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรปในการประชุมฉุกเฉินของ EU ในวันนี้

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX เมื่อวานมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,581.10 – 1,602.60 USDต่อออนซ์ ราคาอ่อนตัวลงมา เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า จะมีมาตรการแก้ไขปัญหาวิกฤตหนี้สาธารณะของยุโรปในการประชุมฉุกเฉินของ EU ในวันนี้ และได้มาทำจุดต่ำสุดระหว่างวันที่ระดับ 1,581.10 ซึ่งต่ำกว่าจุดต่ำสุดของวันก่อน ส่วนปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐ ทางปธน.โอบามาอาจยอมรับการขยายเพดานหนี้เป็นการชั่วคราว ซึ่งเป็นการเปลี่ยนท่าทีจากเดิมที่ต้องการให้เป็นการขยายเพดานหนี้ในระยะยาว ทำให้นักลงทุนกลับมากังวลในเรื่องปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐอีกครั้ง มีผลทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นไปทำ high ระหว่างวันที่ 1,602.06 แนวโน้มราคายังเข้าสู่ช่วงพักฐาน โดยมีแนวรับบริเวณ 1,580/1,575 ซึ่งถ้าราคาลงแรงต่ำกว่าระดับนี้ การพักฐานอาจใช้เวลาพอสมควร มีแนวรับถัดไปที่บริเวณ 1,558 แนวโน้มคาดว่าจะไปทดสอบแนวรับบริเวณ 1,575 คำแนะนำ รอการพักฐานก่อนเข้าเปิด Long ส่วนฝั่ง Short ให้เปิด Short ที่บริเวณ 1,603 โดยมีจุด Stop Loss บริเวณ 1,605

 

o ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าขึ้นอยู่ที่ระดับ 1.425 ดอลลาร์สหรัฐต่อยูโร ยูโรปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในวันพุธจากความหวังว่า ผู้นำยูโรโซน จะบรรลุข้อตกลงเพื่อลดภาระหนี้ของกรีซ ( +/- )

 

o ราคาน้ำมัน Nymex ปิดที่ 98.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปรับลด -0.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อสต๊อคน้ำมันดิบลดลงแรงในสัปดาห์ที่แล้ว ( + )

 

o ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ 12,571.91 จุด ปรับลด 15.51 จุด เมื่อมีการประกาศยอดขายบ้าน มือสองลดลงมากกว่าคาด

 

o เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 29.88 บาทต่อ USD ( - )

 

o ราคา Silver ปิดลดลง 0.66 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 39.56 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 38.22 – 40.15 USDต่อออนซ์ ราคา Silver มีความเคลื่อนไหวขึ้นลงผันผวนไปตามราคาทองคำและน้ำมัน คาดแนวต้านบริเวณ 40.84/41.40 แนวรับคาดที่บริเวณ 38.0/37.4 iShares Silver Trust ขายโลหะเงินจำนวน 60.62 ตัน รวมถือครองโลหะเงินจำนวน 9,803.71 ตัน คำแนะนำ Trading ในกรอบ 38.0 – 40.8

 

o SPDR ถือครองทองคำจำนวนเท่าเดิม 1,246.01 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,564 – 1,650 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,575 – 1,610 แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,464 – 1,700 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...