ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ilovecgf

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ

โพสต์แนะนำ

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,720 1,710 1,695 แนวต้านที่ 1,750 ภาพกราฟราย 240 แนะนำรอเปิด Long ที่บริเวณแนวรับ 1,720/1,710/1,695 (MA200) โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,750

 

ราคาทองทรงตัวหลัง Fed คงอัตราดอกเบี้ย 0-0.25 %

 

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 03 พ.ย. อยู่ที่ 1,724.25 USDต่อออนซ์ ในระหว่างวันเคลื่อนไหวระหว่าง 1,723.65 - 1,734.90 USD ต่อออนซ์ จากการที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าไปถึงบริเวณ 1,735 USD ต่อออนซ์ ก่อนที่จะปรับตัวลดลงบ้างในตอนบ่าย โดยระหว่างวันราคาทองคำผันผวนในกรอบแคบ ๆ เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0 – 0.25 % เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าลง ทำให้ราคาทองปรับเพิ่มขึ้นในช่วงเช้า ส่วนช่วงบ่ายดอลล่าร์แข็งค่าขึ้นซึ่งกดดันราคาทองลดลงตอนบ่าย คาดว่าในระยะกลาง – ยาว หากสหรัฐฯมีการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้น โดยทำให้ค่าเงินดอลล่าร์อ่อนลงอย่างมาก ราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในลักษณะ Side way up ส่วนประเด็นที่น่าติดตามอื่น ๆ ได้แก่

 

ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่าเฟดจะยังคงมุ่งความสนใจไปที่ภาวะเงินเฟ้อและการจ้างงานต่อไป ส่วนเศรษฐกิจสหรัฐเติบโต 2.5 % ต่อปีในไตรมาส 3 หลังจากขยายตัว 1.3 % ในไตรมาส 2 อย่างไรก็ดี อัตราการเติบโตยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำเกินกว่าที่จะทำให้อัตราการว่างงานลดลงจากระดับ 9.1 % ในปัจจุบัน ซึ่งเดือนก.ย.ได้ดำเนินมาตรการขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้น 4 แสนล้านดอลลาร์เพื่อนำเม็ดเงินไปลงทุนในพันธบัตรระยะยาว โดยมีจุดประสงค์เพื่อกดดันอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้ลดลง และเฟดยังตัดสินใจที่จะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดสัญญาจำนองด้วย โดยนำเงินที่ได้รับจากตราสารหนี้อสังหาริมทรัพย์ที่ครบกำหนดไถ่ถอนมาลงทุนใหม่ใน MBS

 

สหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) จะไม่ปล่อยเงินกู้ 8 พันล้านยูโรให้แก่กรีซ จนกว่ากรีซจะทำประชามติต่อโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินรอบล่าสุดของอียู

 

ผู้นำของฝรั่งเศสและเยอรมนีเปิดเผยว่า กรีซจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากยุโรปอีก จนกว่ากรีซจะยุติความไม่แน่นอน และยินยอมปฏิบัติตามข้อตกลงกับยูโรโซน

 

รมช.คลังจีน กล่าวว่า จีนไม่สามารถพิจารณาเพิ่มการลงทุนในกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) เนื่องจากยังขาดรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเสนอในการเพิ่มขนาดกองทุน

 

ตัวเลขสำคัญของสหรัฐที่ต้องติดตาม

1) กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ของประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยประจำไตรมาส 3/2011 ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตาม เวลาไทย

2) กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย

3) กระทรวงพาณิชย์สหรั ฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ย.ในวันนี้เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย

4) สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาคบริการเดือนต.ค.ในวันนี้เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทย

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,720 1,710 1,695 แนวต้านที่ 1,750 ภาพกราฟราย 240 แนะนำรอเปิด Long ที่บริเวณแนวรับ 1,720/1,710/1,695 (MA200) โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,750

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 32.8 31.6 แนวต้านที่ 34.7 36.5 ภาพกราฟราย 240 ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 32.1 – 34.7 แนะนำTrading ในกรอบ

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 35.50 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,765.10 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากธนาคารกลางยุโรปปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง และความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นเมื่อผู้นำยุโรปหารือกันเรื่องอาจให้กรีซออกจากยูโรโซน

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 35.50 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,724.0 – 1,769.50 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,769.50 ตอบรับข่าวที่ธนาคารกลางยุโรปปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% จาก 1.50% เหลือ 1.25% และความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้นเมื่อผู้นำยุโรปหารือกันในเรืองที่อาจให้กรีซออกจากยูโรโซนเพื่อรักษาเงินสกุลยูโรไว้ นอกจากนี้ยังมีข่าวว่านายกรัฐมนตรีกรีซถูกกดดันให้ลาออก และชะลอแผนการทำประชามติเพื่อรับความช่วยเหลือจาก EU และ IMF ซึ่งส่งผลบวกต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ตลาดหุ้นในสหรัฐและยุโรปปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 2% ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น 1.7% และราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้น 2.05% จากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้นเมื่อกรีซอาจให้ถูกออกจากยูโรโซน

 

o ราคาทองคำสามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 1,750 ขึ้นมาได้ และขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 1,770 แต่มีแรงขายทำกำไรออกมา ในช่วงเช้าวันนี้เคลื่อนไหวบริเวณ 1,760 ในขณะที่ค่าเงิน USD อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินยูโรโดยมาเคลื่อนไหวที่บริเวณ 1.38 USDต่อยูโรจากระดับ 1.36 USDต่อยูโร โดยมีแรงขายดอลล่าร์เพื่อเข้าลงทุนในตลาดหุ้น คาดว่าราคาทองคำอาจอ่อนตัวลงจากแรงขายทำกำไร และปรับตัวขึ้นต่อ โดยมีแนวต้านบริเวณ 1,770/1,800 และแนวรับบริเวณ 1,745 แนวรับถัดไปบริเวณ 1,720 คำแนะนำ ผู้มีสถานะ Long ปิดทำกำไร และรอเข้าเปิด Long ใหม่บริเวณแนวรับ 1,745/1,720

 

o ในระยะกลาง – ยาว แนวโน้มราคาทองคำเป็น side way up การผ่านแนวต้านบริเวณ 1,750 ไปได้มีแนวโน้มจะขึ้นไปทดสอบแนวต้านหลักบริเวณ 1,770/1,800 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากยังมีนักลงทุนที่เข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และการคาดการณ์ความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็น high season

 

o ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ประกาศออกมา mixed ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานลดลง 9,000 รายดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเพิ่มขึ้น 0.3% มากกว่าคาด แต่ ISM ภาคบริการลดลงเหลือ 52.9 จาก 53.0 ในเดือนก่อน

 

o นักลงทุนรอผลการประชุม G20 ในวันนี้และคาดว่าจะมีความชัดเจนเพิ่มขึ้นในการแก้ปัญหาหนี้ของยุโรปจากการประชุม G 20 ในวันนี้

 

o สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่จะประกาศในวันศุกร์นี้ ได้แก่. ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.

 

 

o ราคาโลหะเงินปิดเพิ่มขึ้น 0.56 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 34.50 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 33.27 – 34.91 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ขายโลหะเงินออก 6.05 ตันรวมถือโลหะเงินจำนวน 9,770.09 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 35.4 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 32.6 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 32.6 – 35.4 USDต่อออนซ์

 

o SPDR ถือทองคำจำนวนเท่าเดิม 1,243.55 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,720 – 1,800 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,720 – 1,800

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,600 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,745 1,720 แนวต้านที่ 1,770 1,800 ภาพกราฟราย 240 ราคาผ่าน High เดิมที่บริเวณ 1,750 เป็นสัญญาณที่ดีขึ้น แนะนำรอเปิด Long ที่บริเวณแนวรับ 1,745/1,720 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,770/1,800

 

ยืนเหนือ 1,750 ปัจจัยหนุนจากฝั่งยุโรป

 

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 4 พ.ย. อยู่ที่ 1,759.05 USDต่อออนซ์ ในระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ระหว่าง 1,757 - 1,763 USD ต่อออนซ์ ตลอดวันราคาทองคำสามารถยืนเหนือ 1,750 ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญได้ โดยมีแรงซื้อกลับเมื่อราคาล่วงมาอยู่ที่ระดับ 1,756 ทั้งนี้ได้แรงหนุนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป ส่งผลให้นักลงทุนลดสัดส่วนการลงทุนในตลาดเงินและหันเข้ามาถือครองสินทรัพย์ที่น่าดึงดูดใจอย่างทองคำกันมากขึ้น ประกอบกับความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มเติม เพื่อลดความเสี่ยงจากความไม่ชัดเจนว่ากรีซจะยกเลิกการทำประชามติเกี่ยวกับมาตรการให้ความช่วยเหลือ และเพื่อลดความกังวลในเรื่องการชะลอตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐ ภายหลังจากที่เฟดปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐในปีหน้า นอกจากนั้นการคาดการณ์ความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็น high season คาดว่าราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อในลักษณะ Side Way หากดูจากกราฟทางเทคนิคราย 240 นาที จะเห็นว่าค่า MACD มีค่าเป็นบวกแข็งแรงขึ้น ราคาสามารถยืนเหนือเส้น MA 9 วัน ส่งสัญญาณบวก โดยราคาอาจมีการปรับฐานลดลงเมื่อถึงแนวต้านสำคัญ 1,765 จากแรงขายทำกำไรก่อนที่จะปรับตัวสูงขึ้นในระยะถัดไป

 

นายกรัฐมนตรีกรีซเปิดเผยว่า เขาอาจเลิกล้มแผนการทำประชามติเกี่ยวกับมาตรการให้ความช่วยเหลือกรีซที่ผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในช่วงก่อนหน้านี้ โดยเขากล่าวว่า การทำประชามติคงไม่มีความจำเป็นหากจัดทำขึ้นเพียงเพื่อการรับความช่วยเหลือด้านการเงิน นอกจากนั้นยังระบุว่า ยินดีที่จะไม่ได้จัดทำประชามติ ถ้าหากพรรคฝ่ายค้านสนับสนุนมาตรการให้ความช่วยเหลือกรีซ การทำประชามติก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวส่งสัญญาณว่ารัฐบาลกรีซจะยุติแผนการทำประชามติเกี่ยวกับมาตรการให้ความช่วยเหลือกรีซ จากเดิมที่กำหนดไว้ว่าจะจัดทำประชามติในวันที่ 4 ธ.ค.นี้

 

เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นเตรียมที่จะให้การสนับสนุนยูโรโซนในการจัดการกับวิกฤติหนี้ ถ้าหากผู้นำยูโรโซนแสดงเอกภาพในการปฏิบัติตามแผนที่พวกเขาจัดทำขึ้นในการประชุมสุดยอดในสัปดาห์ที่แล้ว และระบุว่าข้อตกลงในการประชุมสุดยอดยุโรปในเดือนที่แล้วเป็นขั้นตอนที่สำคัญ แต่นั่นไม่ได้เป็นแค่ปัญหาทางเศรษฐกิจและการเงินอีกต่อไป แต่เป็นปัญหาทางการเมืองด้วย สิ่งสำคัญสำหรับผู้นำยุโรป คือ แสดงถึงความเป็นผู้นำทางการเมือง และปฏิบัติตามข้อตกลง ถ้าแสดงให้เห็นเอกภาพที่แข็งแกร่ง ญี่ปุ่นก็จะพิจารณาการให้ความร่วมมือ รวมไปถึงควรจะเพิ่มความร่วมมือในการทำให้ค่าเงินมีเสถียรภาพ การที่ญี่ปุ่นได้เข้าแทรกแซงในตลาดปริวรรตเงินตราเพื่อทำให้เยนอ่อนค่าลง หลังจากค่าเงินเยนพุ่งขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความวิตกต่อวิกฤติยูโร

 

กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา 19 ประเทศ รวมทั้งสหภาพยุโรป (จี-20) กำลังพิจารณาการอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโลก โดยผ่านทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพื่อเสริมสภาพคล่องในระดับโลก ทั้งนี้ แนวคิดดังกล่าวเหมือนกับการตัดสินใจของผู้นำจี-20 ในปี 2009 ที่เห็นพ้องกันในการจัดสรรเงินทุนพิเศษจำนวน 2.50 แสนล้านดอลลาร์ในSpecial Drawing Rights (SDR) ซึ่งเป็นสกุลเงินในทางบัญชีของไอเอ็มเอฟ ให้แก่สมาชิกทั้ง 187 ประเทศ คณะกรรมการไอเอ็มเอฟจะพิจารณาข้อเสนอนี้ในสัปดาห์หน้า โดยการที่ข้อเสนอนี้ได้รับการอนุมัติจากกลุ่มจี-20 จะช่วยให้ได้รับแรงสนับสนุนทางการเมือง ประเทศสมาชิกไอเอ็มเอฟบางประเทศสามารถเลือกที่จะขายโควต้า SDR ของตนเองในบางส่วนหรือทั้งหมดให้แก่ประเทศสมาชิกรายอื่นๆเพื่อแลกกับสกุลเงินแข็ง เพื่อรองรับความจำเป็นด้านดุลการชำระเงิน ในขณะที่ประเทศสมาชิกรายอื่นๆสามารถเข้าซื้อ SDR เพิ่มเติมเพื่อปรับสัดส่วนทุนสำรองของตนประเทศสมาชิกไอเอ็มเอฟสามารถขอวงเงินสินเชื่อนี้ โดยไอเอ็มเอฟจะเปิดวงเงินดังกล่าวเป็นเวลา 6 เดือนโดยไม่ตั้งเงื่อนไข และเพดานของวงเงินจะอยู่ที่ราว 500 % ของโควต้าของประเทศสมาชิกรายดังกล่าว

ตัวเลขสำคัญของสหรัฐที่ต้องติดตาม

- 19.30 น. กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,745 1,720 แนวต้านที่ 1,770 1,800 ภาพกราฟราย 240 ราคาผ่าน High เดิมที่บริเวณ 1,750 เป็นสัญญาณที่ดีขึ้น แนะนำรอเปิด Long ที่บริเวณแนวรับ 1,745/1,720 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,770/1,800

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 32.6 31.6 แนวต้านที่ 35.4 36.5 ภาพกราฟราย 240 ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 32.6 – 35.4 แนะนำ Trading ในกรอบ

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chaibsengheng.co.th

http://www.facebook.com/ClassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://www.classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple.com/th/app/classic-gold/id464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดลดลง 9.00 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,756.10 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับลดลงจากการแข็งค่าของเงิน USD เมื่อการประชุม G20 ไม่มีการให้เงินช่วยเหลือใหม่แก่ยูโรโซน

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดลดลง 9.00 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,749.80 – 1,766.50 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำถูกขายทำกำไรหลังจากการที่ค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้น เมื่อการประชุม G20 ไม่มีการให้เงินช่วยเหลือใหม่แก่ยูโรโซน นอกจากนี้การประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ระดับ 80,000 ตำแหน่งยังน้อยกว่าคาดที่ 95,000 ตำแหน่ง และตัวเลขการว่างงานลดลงมาที่ระดับ 9.0%

 

o ความกังวลในเรื่องปัญหาหนี้ของยุโรปยังมีอยู่ในระดับสูง หลังจากการประชุม G20 ให้แต่ละประเทศพยายามแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองก่อน และนายกรัฐมนตรเยอรมันกล่าวว่า แทบไม่มีประเทศใดในกลุ่ม G 20 จะเข้าร่วมในกองทุนช่วยเหลือยุโรป ซึ่งข่าวนี้มีผลทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง และ USD แข็งค่าขึ้นกดดันราคาทองคำ รวมถึงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงชะลอตัวลง ดัชนีหุ้นยุโรปปรับลดลงกว่า 2% ในขณะที่ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปรับลดลง 0.5%

 

o นายกรัฐมนตรีของกรีซรอดพ้นจากมติไม่ไว้วางใจ และจะตั้งรัฐบาลใหม่ โดยยืนยันที่จะรักษาข้อตกลงที่ได้ให้ไว้กับสหภาพยุโรป และได้ระงับการให้ประชาชนลงมติในการขอรับความช่วยเหลือจาก EU และ IMF แล้ว ทำให้คาดว่า กรีซจะได้รับเงินช่วยเหลือ 8 พันล้านยูโร และทำให้กรีซรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้

 

o นักลงทุนหันกลับมาถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้ง และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรปเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำ ส่วนปัจจัยลบ ได้แก่ การเกิดสภาพคล่องตึงตัว เช่น การเกิดวิกฤตของสถาบันการเงิน อันเนื่องจากกรีซผิดนัดชำระหนี้อาจมีแรงขายทองคำได้ คาดว่าในสัปดาห์นี้ ราคาทองคำมีแนวโน้มเป็น side way up ได้โดยราคาสามารถยืนเหนือค่าเฉลี่ย 5 วันได้ แม้ว่าจะมีแรงขายทำกำไรในบริเวณแนวต้าน คาดการณ์กรอบความเคลื่อนไหวในระยะสัปดาห์ที่บริเวณ 1,700 – 1,790 การอ่อนตัวลงมาบริเวณแนวรับ 1,730 – 1,735 เป็นโอกาสเข้าไปเปิด Long โดยมีเป้าหมายทำกไรบริเวณ 1,775/ 1,790 USDต่อออนซ์

 

o ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ได้แก่ วันจันทร์ดัชนีการจ้างงานเดือนต.ค. วันพุธ สต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนก.ย. ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันพฤหัสบดี ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.ย.จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย. วันศุกร์ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้นเดือนพ.ย.

 

o สำหรับในวันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 1,765 และถัดไป 1,775 ส่วนแนวรับคาดว่าที่บริเวณ 1,745/ 1,730 คาดว่าราคาทองคำในวันนี้มีโอกาสอ่อนตัวลงมาบริเวณแนวรับ คำแนะนำ หาจังหวะเปิด Longเมื่อราคาปรับตัวเข้าใกล้แนวรับบริเวณ 1,745 โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,775 USDต่อออนซ์

 

o ราคาโลหะเงินปิดลดลง 0.41 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 34.08 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 33.81 – 34.75 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,700.09 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 35.5 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 32.5 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 32.5 – 35.5 USDต่อออนซ์

 

o SPDR ซื้อทองคำเพิ่มขึ้น 1.51 ตัน ถือทองคำจำนวน 1,245.06 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,730 – 1,800 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,730 – 1,800

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,600 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

www.classicgoldfutures.co.th

www.classicgold.co.th

www.chaibsengheng.co.th

www.facebook.com/ClassicGoldGroup

www.youtube.com/ilovecgf

www.twitter.com/ilovecgf

www.classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple.com/th/app/classic-gold/id464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,745 1,720 แนวต้านที่ 1,775 1,800 ภาพกราฟราย 240 นาที ราคาสามารถยืนบนเส้น MA10 และสร้างจุด Low สูงขึ้น แนะนำรอเปิด Long ที่บริเวณแนวรับ 1,745/1,720 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,775/1,800

 

 

แนวโน้ม Side Way Up

 

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 7 พ.ย. อยู่ที่ 1,769.64 USDต่อออนซ์ ในระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ระหว่าง 1,769 - 1,772 USD ต่อออนซ์ จากการแข็งค่าของค่าเงิน US dollar ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงเล็กน้อยในช่วงเช้า หลังจากนั้นราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะมีแรงเทขายทำกำไรที่ระดับ 1,770 ในช่วงบ่ายตามเวลาประเทศไทย อย่างไรก็ตามกลับมีแรงซื้อกลับเมื่อราคาอ่อนตัวลงมา แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มราคาทองคำยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้นอยู่ โดยปัจจัยที่สนับสนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้น ในฐานะของสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ยังคงเปราะบาง และความไม่มั่นใจของนักลงทุนต่อการแก้ไขปัญหาหนี้ในยุโรป ซึ่งแม้ว่ากรีซจะบรรลุข้อตกลงในการจัดตั้งรัฐบาลปรองดองแห่งชาติเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้แล้ว แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าสำหรับตลาดในระยะใกล้คือผลการประชุมกลุ่มจี-20 ที่ออกมาค่อนข้างน่าผิดหวัง เมื่อไม่มีความคืบหน้าในเรื่องเงินกองทุนช่วยเหลือกลุ่มยูโรโซน และนอกจากความต้องการในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ทองคำยังเป็นที่ต้องการในช่วงเทศกาลแต่งงานของชาวอินเดีย ประกอบกับการเพิ่มสถานะถือครองทองคำของกองทุน SPDR นั้น ยังเป็นแรงเสริมให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น โดยกราฟทางเทคนิคส่งสัญญาณบวก เมื่อราคาสามารถยืนเหนือเส้น MA 4 ได้ และ MACD มีค่าเป็นบวกมากขึ้น คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในลักษณะ Side Way Up โดยราคาอาจมีการอ่อนตัวลงเมื่อถึงแรงต้านสำคัญที่ 1,775

 

กระทรวงการคลังของกรีซเปิดเผยว่า พรรคการเมืองที่สำคัญของกรีซได้เห็นพ้องต้องกันในวันนี้ว่า การเลือกตั้งควรจะมีขึ้นในวันที่ 19 ก.พ.2012 นายเอวานเจลอส เวนิเซลอส รมว.คลัง และนายฟิลิปปอส ซาชินิดิส รมช.คลัง ได้ประชุมกับผู้แทนจากพรรคประชาธิปไตยใหม่ ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านเพื่อหารือเรื่องกรอบเวลาของรัฐบาลผสมที่มีการบรรลุข้อตกลงวานนี้เพื่อทำการอนุมัติข้อตกลงช่วยเหลือกรีซจากสหภาพยุโรป และหลีกเลี่ยงภาวะล้มละลายในเดือนหน้า โดยในวันที่ 19 ก.พ. ที่จะถึงนี้ น่าจะทำให้รัฐบาลใหม่ของกรีซมีเวลาเพียงพอที่จะเสร็จสิ้นการแลกเปลี่ยนพันธบัตรเพื่อลดหนี้ของประเทศ ตามข้อตกลงช่วยเหลือที่ผู้นำสหภาพยุโรปเห็นพ้องกันเมื่อวันที่ 26 ต.ค. ที่ผ่านมา

 

ขณะที่ อิตาลีกำลังเผชิญแรงกดดันให้ต้องรีบฟื้นฟูความเชื่อมั่นในตลาดการเงิน เนื่องจาก อิตาลีมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ในยูโรโซน โดยมีตลาดพันธบัตรรัฐบาลที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และเนื่องจากมีระดับหนี้แตะ 120% ของจีดีพี ปัญหาหนี้ของอิตาลีจึงมีความเสี่ยงต่อตลาดการเงินมากกว่ากรีซอย่างมาก ต้นทุนการกู้เงินของอิตาลีพุ่งขึ้นอย่างมากในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของอิตาลีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6.4% เมื่อวันศุกร์ (4 ต.ค.) ทำให้ส่วนต่างของผลตอบแทนพันธบัตรอายุ10 ปีของอิตาลี เมื่อเทียบกับพันธบัตรเยอรมนีพุ่งแตะระดับสูงสุดครั้งใหม่ นายกรัฐมนตรีอิตาลีเปิดเผยว่า อิตาลีจะขานรับให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เข้าตรวจสอบเป็นรายไตรมาสต่อการปฏิรูปกองทุนบำเหน็จบำนาญ และตลาดแรงงาน รวมทั้งการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ขณะเดียวกันอิตาลีจะมีการลงมติครั้งสำคัญในวันพรุ่งนี้ต่อมาตรการรัดเข็มขัดจะถือเป็นบททดสอบรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีซิลวิโอ เบอร์ลุสโคนี ขณะที่พรรคฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติไม่ไว้วางใจนายเบอร์ลุสโคนีด้วย

ตัวเลขสำคัญของสหรัฐที่ต้องติดตาม

 

- 21.00 น. คอนเฟอเรนซ์ บอร์ดเปิดเผยดัชนีการจ้างงานเดือนต.ค.

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,745 1,720 แนวต้านที่ 1,775 1,800 ภาพกราฟราย 240 นาที ราคาสามารถยืนบนเส้น MA10 และสร้างจุด Low สูงขึ้น แนะนำรอเปิด Long ที่บริเวณแนวรับ 1,745/1,720 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,775/1,800

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 32.5 31.5 แนวต้านที่ 35.5 36.5 ภาพกราฟราย 240 ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 32.5 – 35.5 แนะนำ Trading ในกรอบ

 

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook….lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgg

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple….d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 8 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 35.00 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,791.10 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นจากนักลงทุนต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น จากความกังวลในเรื่องปัญหาหนี้ของอิตาลีและกรีซ

 

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 35.00 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,754.00 – 1,799.90 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 2% เมื่อนักลงทุนมีความกังวลในปัญหาหนี้ของอิตาลีซึ่งมีหนี้สูงถึง 120% ของ GDP และมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ในยุโรป และมีปัญหาทางการเมืองจากการที่นายกรัฐมนตรีกำลังถูกกดดันให้ลาออก ส่วนปัญหาของกรีซยังไม่คลี่คลายทั้งความไม่แน่นอนทางการเมือง และเงินช่วยเหลือในรอบต่อไป นอกจากนี้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป ช่วยสนับสนุนราคาทองคำ รวมถึงความต้องการทองคำของกองทุน ETF ซึ่ง SPDR ได้เข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้นถึง 10.59 ตัน รวมถือทองคำ 1,255.65 ตัน

 

o ความต้องการทองคำในตลาด physical เพิ่มสูงขึ้นจากความต้องการจากจีน และอินเดียที่เข้าสู่ในช่วงเทศกาล นอกจากนี้นักลงทุนได้เริ่มสะสมทองคำเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็น สินทรัพย์ประเภท Commodity ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นได้ดีกว่าสินทรัพย์อื่นในขณะที่ค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้น

 

o นักลงทุนหันกลับมาถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยอีกครั้ง และมีหลายปัจจัยที่สนับสนุนให้ราคาทองคำมีแนวโน้มสูงขึ้น ส่วนปัจจัยลบ ได้แก่ การเกิดสภาพคล่องตึงตัว เช่น การเกิดวิกฤตของสถาบันการเงิน อันเนื่องจากประเทศในยูโรโซนที่มีปัญหาหนี้สูงผิดนัดชำระหนี้ จนกระทั่งทำให้เกิดหนี้เสียในสถาบันการเงิน ซึ่งธนาคารพาณิชย์สำคัญในยุโรป สหรัฐ และเอเชีย จำนวน 29 แห่ง จำเป็นต้องเพิ่มทุน

 

o คาดว่าในสัปดาห์นี้ ราคาทองคำมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น ได้โดยราคาสามารถยืนเหนือค่าเฉลี่ย 5 วันได้ แม้ว่าจะมีแรงขายทำกำไรในบริเวณแนวต้าน คาดการณ์กรอบความเคลื่อนไหวในระยะสัปดาห์ที่บริเวณ 1,750 – 1,830 การอ่อนตัวลงมาบริเวณแนวรับ 1,750 /1,700 เป็นโอกาสเข้าไปเปิด Long โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,800 / 1,830 USDต่อออนซ์

 

o ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ประกาศได้แก่ ดัชนีการจ้างงานเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 0.72% MoM และ 5% YoY ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ได้แก่ วันพุธ สต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนก.ย. ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันพฤหัสบดี ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.ย.จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย. วันศุกร์ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้นเดือนพ.ย.

 

o สำหรับในวันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 1,800 และถัดไป 1,810 ส่วนแนวรับคาดว่าที่บริเวณ 1,775/ 1,750 คาดว่าราคาทองคำในวันนี้มีโอกาสอ่อนตัวลงมาบริเวณแนวรับ คำแนะนำ หาจังหวะเปิด Longเมื่อราคาปรับตัวเข้าใกล้แนวรับบริเวณ 1,775 โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,800/1,810 USDต่อออนซ์

 

o ราคาโลหะเงินปิดเพิ่มขึ้น 0.74USDต่อออนซ์ ปิดที่ 34.83 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 33.86 – 35.01 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ซื้อโลหะเงิน 57.9 ตัน ถือโลหะเงินจำนวน 9,757.99 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 35.3/35.8 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 34.3/33.0 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 33.0 – 35.8 USDต่อออนซ์

 

o SPDR ซื้อทองคำเพิ่มขึ้น 10.59 ตัน ถือทองคำจำนวน 1,255.65 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,750 – 1,830 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,750 – 1,830

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,600 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 8 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,780 1,750 แนวต้านที่ 1,800 1,830 ภาพกราฟราย day ราคาเป็นขาขึ้นโดยสามารถยืนอยู่บนเส้นค่าเฉลี่ย MA 10 ได้ดี ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ ซึ่งบริเวณ 1,800 มีแนวต้านในอดีตหนาแน่น แนะนำรอเปิด Long ที่บริเวณแนวรับ 1,780/1,750 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,800/1,830

 

วิกฤตหนี้ของอิตาลีทำให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น

 

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 8 พ.ย. อยู่ที่ 1,792.15 USDต่อออนซ์ ในระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ระหว่าง 1,789.45 - 1,793.90 USD ต่อออนซ์ จากการอ่อนค่าของค่าเงินยูโร เนื่องมาจากตลาดจับตาดูการลงมติรับรองร่างก.ม.ปฏิรูปงบประมาณของอิตาลีในวันนี้ตรงกับประเทศไทยเวลา 21.00 น. ซึ่งถ้ารัฐสภาไม่ผ่านก.ม.นี้อาจทำให้นายเบอร์ลุสโคนีนายกรัฐมนตรีของอิตาลีอาจต้องลาออก ทำให้เกิดความไร้เสถียรภาพทางการเมือง ในขณะเดียวกันมีความวิตกว่า วิกฤติหนี้ยูโรโซนอาจลุกลามไปถึงอิตาลี การผิดนัดชำระหนี้ของอิตาลีจะเป็นความเสี่ยงต่อยูโรโซนที่รุนแรงมากกว่ากรีซ เนื่องจากอิตาลีมีหนี้สาธารณะ 1.9 ล้านล้านยูโร ซึ่งมีขนาดใหญ่เกินกว่าเงินกองทุน 4.4 แสนล้านยูโร ถึงแม้ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.3 ล้านล้านยูโรแล้วก็ตาม ซึ่งราคาทองปรับตัวลดลงเล็กน้อยในช่วงเช้าวันที่ 8 พ.ย. หลังจากขึ้นไปทดสอบแนวต้านใกล้บริเวณ 1,800 USDต่อออนซ์ แต่ยังไม่สามารถผ่านไปได้ โดยนักลงทุนรอผลของการลงมติรับรองก.ม.ปฏิรูปงบประมาณของอิตาลี จากความเสี่ยงของอิตาลีที่เพิ่มขึ้นจะสนับสนุนให้ราคาทองคำเป็นขาขึ้นต่อเนื่องในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง นอกจากนี้มีปัจจัยที่สนับสนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้นจากความต้องการของจีนและอินเดียที่เข้าสู่ช่วงเทศกาล รวมทั้งการเข้าซื้อทองคำของกองทุน SPDR ยังคงซื้อต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทำให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น และมีค่าเป็นบวกมากขึ้น คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในลักษณะ Side Way Up โดยราคาอาจมีการอ่อนตัวลงเมื่อถึงแนวต้านสำคัญที่ 1,800 ส่วนประเด็นอื่น ๆ ที่น่าติดตาม

 

รมว.คลังยูโรโซนระบุว่า ประเทศในยูโรโซนต้องการที่จะเตรียมการด้านกฏหมายและเทคนิคสำหรับการเพิ่มวงเงินของกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) สู่ราว 1 ล้านล้านยูโรภายในสิ้นเดือนนี้ และเริ่มใช้กองทุนดังกล่าวในเดือนธ.ค. โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับ 2 ทางเลือกสำหรับการเพิ่มขนาดกองทุน EFSF จาก 4.40 แสนล้านยูโร ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยผู้นำยูโรโซนในช่วงปลายเดือนต.ค. ทางเลือกแรก ได้แก่ การให้ EFSF ค้ำประกันบางส่วนในการออกพันธบัตรเพื่อลดความวิตกเกี่ยวกับสถานะสภาพคล่องของรัฐบาล, เพิ่มอุปสงค์ในการประมูลขั้นต้น และลดต้นทุนในการระดมทุนของประเทศต่างๆ ทางเลือกที่ 2 จะเป็นการจัดตั้งกองทุนการลงทุนร่วม (CIF) จำนวนหนึ่งกองหรือมากกว่า เพื่อดึงดูดเงินทุนของภาครัฐและเอกชนในการสนับสนุนกองทุน EFSF โดยกองทุน CIF จะเข้าซื้อพันธบัตรในตลาดแรกหรือตลาดรอง โดยการซื้อพันธบัตรในการประมูลตลาดแรกอาจทำให้รัฐบาลต่างๆมีเงินทุนสำหรับการเพิ่มทุนให้กับภาคธนาคาร

 

 

ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มองว่าวิกฤติยูโรโซนจะสิ้นสุดลงในปีหน้า ขณะที่นักการเมืองเริ่มตระหนักถึงความจำเป็นที่ต้องจัดการต่อวิกฤตการณ์ดังกล่าว โดยกล่าวว่าวิกฤติจะอยู่ภายใต้การควบคุมใน 1-2 ปีเป็นอย่างช้าที่สุดถ้าหากไม่สามารถเอาชนะวิกฤตการณ์ได้

 

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติของรัฐบาลกลางเยอรมนีบ่งชี้ว่า การส่งออกของเยอรมนีพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนก.ย. ส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก ขณะที่การนำเข้าลดลง ทั้งนี้ยอดเกินดุลการค้าที่มีการปรับค่าตามฤดูกาลเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.53 หมื่นล้านยูโรในเดือนก.ย. จาก 1.38 หมื่นล้านยูโรในเดือนส.ค. และสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดไว้ที่ 1.25 หมื่นล้านยูโร การส่งออกเพิ่มขึ้น 0.9% เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่ผลสำรวจคาดไว้ว่าจะลดลง 1.0% ส่วนการนำเข้าลดลง 0.8% เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3%

ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่

1. อิตาลีมีการลงมติในสภาผู้แทนราษฎรเพื่อรับรองร่างกฏหมายปฏิรูปงบประมาณในวันที่ 8 พ.ย.ซึ่งจะมีขึ้นในเวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย

2. โฆษกรัฐบาลกรีซเปิดเผยว่าคณะรัฐมนตรีจะประชุมฉุกเฉินในวันที่ 8 พ.ย.เวลา 17.00 น.ตามเวลาไทย (ไม่ได้ระบุรายละเอียดว่าประชุมในเรื่องใด

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,780 1,750 แนวต้านที่ 1,800 1,830 ภาพกราฟราย day ราคาเป็นขาขึ้นโดยสามารถยืนอยู่บนเส้นค่าเฉลี่ย MA 10 ได้ดี ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ ซึ่งบริเวณ 1,800 มีแนวต้านในอดีตหนาแน่น แนะนำรอเปิด Long ที่บริเวณแนวรับ 1,780/1,750 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,800/1,830

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 32.5 31.5 แนวต้านที่ 35.5 36.5 ภาพกราฟราย 240 นาที ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 32.5 – 35.5 แนะนำ Trading ในกรอบ

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 8.10 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,799.20 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นแต่ลดลงจากระดับ 1,800 USDต่อออนซ์ เมื่อนายกรัฐมนตรีอิตาลีจะลาออก เปิดทางให้มีผู้นำใหม่ที่จะแก้ปัญหาหนี้ของอิตาลีได้ดีขึ้นo ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 8.10 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,778.30 – 1,804.40 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 1,800 USDต่อออนซ์ในช่วงแรก ก่อนที่จะปรับลดลงเมื่อมีข่าวว่านายกรัฐมนตรีของอิตาลี นายเบอร์ลุสโคนีจะลาออก โดยรัฐสภาได้ลงมติผ่านงบประมาณ แต่นายเบอร์ลุสโคนีไม่ได้รับเสียงข้างมากในสภา ทำให้มีข่าวว่าเขาจะลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้มีผู้นำใหม่ที่จะแก้ปัญหาหนี้และปัญหาเศรษฐกิจของอิตาลีได้ดีขึ้น ทำให้มีแรงขายทองคำ โดยตลาดคาดการณ์ว่าปัญหาของอิตาลีจะคลี่คลายลงภายหลังการมีผู้นำใหม่ที่มีนโยบายในเชิงรุกในการแก้ปัญหา

 

o ราคาทองคำเมื่อวานลงไปต่ำสุดใกล้แนวรับบริเวณ 1,775 USDต่อออนซ์ ก่อนที่จะ rebound ขึ้น โดยในเช้าวันนี้เคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณ 1,790 USDต่อออนซ์ คาดว่าวันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,780 – 1,810 โดยในระยะสัปดาห์ยังมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นโดยมีเป้าหมายในระยะสัปดาห์บริเวณ 1,810/1,830 USDต่อออนซ์ โดยมีแนวรับในระยะสัปดาห์บริเวณ 1,775/1,754 USDต่อออนซ์

 

o ปริมาณการซื้อขายในตลาดค่อนข้างเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนรอดูความชัดเจนในการแก้ปัญหาของยูโรโซน โดยภาพทางเทคนิคยังส่งสัญญาณ Bullish และมีเป้าหมายต่อไปที่บริเวณ high เดิม 1,920 USDต่อออนซ์ อย่างไรก็ตาม แนวต้านทางจิตวิทยาบริเวณ 1,800 ยังเป็นแนวต้านที่แข็งแกร่ง และราคาควรยืนเหนือบริเวณนี้ได้ก่อนจะไปต่อ

 

o ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปปรับบวกขึ้นประมาณ 1% แต่ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นสรัฐค่อนข้างเบาบาง และมีความผันผวน โดยนักลงทุนให้ความสนใจต่อปัญหาการเมืองในอิตาลี

o ค่าเงิน USD อ่อนค่าลง จากการแข็งค่าขึ้นของค่าเงินยูโร เมื่อนายเบอร์ลุสโคนี ประกาศจะลาออกหลังจากสภาผ่านก.ม.งบประมาณใหม่ อย่างไรก็ตาม ค่าเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้นอาจเป็นเพียงชั่วคราว

 

o ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ได้แก่ วันพุธ สต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนก.ย. ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันพฤหัสบดี ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.ย.จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย. วันศุกร์ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้นเดือนพ.ย.

 

o สำหรับในวันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 1,800 และถัดไป 1,810 ส่วนแนวรับคาดว่าที่บริเวณ 1,780/ 1,775 คาดว่าราคาทองคำในวันนี้มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,800 อีกครั้ง คำแนะนำ ถือ Long ไว้ถือต่อ โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,800/1,810 USDต่อออนซ์ หรือ Trading ในกรอบ 1,780 – 1,810

 

o ราคาโลหะเงินปิดเพิ่มขึ้น 0.33 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 35.15 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 34.15 – 35.35 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ซื้อโลหะเงิน 25.72 ตัน ถือโลหะเงินจำนวน 9,783.71 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 35.3/35.9 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 34.3/33.3 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 33.3 – 35.9 USDต่อออนซ์

 

o SPDR ซื้อทองคำเพิ่มขึ้น 8.48 ตัน ถือทองคำจำนวน 1,264.13 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,750 – 1,830 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,750 – 1,830

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,600 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,775 1,754 แนวต้านที่ 1,800 1,830 ภาพกราฟราย day ราคาเป็นขาขึ้น แต่ติดแนวต้านบริเวณ 1,800 มา 3 วัน ราคาอาจอ่อนตัวลงก่อน แนะนำทยอยสะสมเมื่อถึงบริเวณแนวรับที่ 1,775/1,754 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,800/1,830

 

 

พักฐาน เพื่อไปต่อ

 

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 9 พ.ย. อยู่ที่ 1,791.1 USDต่อออนซ์ ในระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ระหว่าง 1,785 - 1,792 USD ต่อออนซ์ ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง ราคาทองคำอ่อนค่าลง หลังจากวานนี้ที่ราคาปรับตัวสูงขึ้น แตะสูงสุดที่ระดับ 1,800 USDต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยการอ่อนค่าลง เมื่อไม่ผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1,800 ส่งผลทำให้นักลงทุนเทขายทำกำไรในช่วงแรกก่อน ขณะเดียวกันนักลงทุนเริ่มชะลอการลงทุน เพื่อรอดูว่าผู้นำคนใหม่ของทั้งกรีซและอิตาลีจะมีนโยบายเช่นไรในการแก้ไขวิฤกติหนี้ในประเทศ และแม้ว่าราคาทองคำจะอ่อนตัวลง แต่ยังสามารถทรงตัวอยู่เหนือแนวรับสำคัญที่ 1,780 และพบแรงซื้อกลับเมื่อราคาอ่อนตัวลงไป ประกอบกับความต้องการในตลาด physical มีปริมาณสูง ทั้งจากแถบเอเซีย และตะวันตก โดยสมาคมทองคำจีน ระบุว่า การบริโภคทองคำของจีนจะมีมากขึ้นกว่า 50% นอกจากนี้ในไตรมาส 4 ที่เป็นช่วงเทศกาลการแต่งงานของชาวอินเดีย และใกล้เทศกาลคริสต์มาสปีใหม่ หนุนให้มีแรงซื้อทองคำมากขึ้นเช่นกัน ดังนั้นคาดว่าแนวโน้มราคาทองคำในระยะยาวยังคงมีทิศทางที่สดใส แม้จะมีการปรับฐานในช่วงระยะสั้น โดยกราฟทางเทคนิคราย 240 นาที ราคาทองคำหลุดเส้น MA 9 ประกอบกับเส้น Stochastic เริ่มชี้ลง ส่งสัญญาณว่าราคาทองคำมีแนวโน้มอ่อนตัวลงมา โดยมีแนวรับสำคัญที่ 1,775

 

ประธานสมาคมทองคำจีน ระบุว่า การบริโภคทองของจีนคาดว่าจะพุ่งขึ้นเกือบ 50% สูงกว่าระดับ 400 ตันในปีนี้ มากกว่าการผลิตของจีนที่คาดไว้ที่ระดับสูงกว่า 350 ตันเล็กน้อย โดยการบริโภคทองของจีนในปี 2010 อยู่ที่ 270.05 ตัน และอุปสงค์ของจีนสำหรับผลิตภัณฑ์การลงทุนในทอง อาทิ ทองแท่งนั้น คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าสู่ 270 ตันในปีนี้ เมื่อเทียบกับ 141.9ตันในปี 2010 อุปสงค์สำหรับทองคำในจีนมีการขยายตัวอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ขณะที่การทะยานขึ้นของราคาที่แข็งแกร่งได้เพิ่มความน่าดึงดูดใจของทองในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย การปราบปรามอย่างเข้มงวดของรัฐบาลต่อการเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์ได้ช่วยหนุนความต้องการทองด้วย การนำเข้าทองของจีนจากฮ่องกงพุ่งขึ้น 30% ในเดือนก.ย. สู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 57 ตัน ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการทองในจีนซึ่งเป็นผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลกนั้น ยังคงไม่ลดลงตามการร่วงลงของตลาด จีนผลิตทองได้ทั้งสิ้น 226.39 ตันในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งที่อัตราเฉลี่ยรายเดือนที่เท่ากันจะทำให้ผลผลิตต่อปีของทองอยู่ที่เกือบ 340 ตัน

 

ทำเนียบนายกรัฐมนตรีกรีซเปิดเผยว่า จะมีการประกาศรัฐบาลผสมชุดใหม่ในวันนี้ (9 พ.ย.) หลังผ่านการประชุมหลายครั้ง แต่ไม่ได้เปิดเผยว่า การประชุมจะเกิดขึ้นเมื่อใด และไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม โดยในพรรคสังคมนิยมของกรีซเปิดเผยว่า นายวาสซิลอส สกูริส ประธานศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรป (อียู) อาจได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ของรัฐบาลผสมชุดใหม่ ซึ่งจะมีการประกาศตั้งรัฐบาลชุดใหม่ 17.00 น. วันนี้ (9 พ.ย.) ตามเวลาประเทศไทย

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่

- 22.00 น. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนก.ย.

- 22.00 น. สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) เผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,775 1,754 แนวต้านที่ 1,800 1,830 ภาพกราฟราย day ราคาเป็นขาขึ้น แต่ติดแนวต้านบริเวณ 1,800 มา 3 วัน ราคาอาจอ่อนตัวลงก่อน แนะนำทยอยสะสมเมื่อถึงบริเวณแนวรับที่ 1,775/1,754 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,800/1,830

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 32.5 31.5 แนวต้านที่ 35.5 36.5 ภาพกราฟราย day ติดแนวต้านบริเวณ 35.5 เส้น MA75 ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 32.5 – 35.5 แนะนำ Trading ในกรอบ

 

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดลดลง 7.60 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,791.60 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับลดลงจากแรงขายทำกำไรเมื่อไม่ผ่านแนวต้าน 1,800 USDต่อออนซ์ เมื่อค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้นมากกดดันสินค้าโภคภัณฑ์

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดลดลง 7.60 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,765.10 – 1,801.10 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับลดลงจากแรงขายทำกำไรเมื่อไม่ผ่านแนวต้าน 1,800 USDต่อออนซ์เป็นครั้งที่ 3 และหลังจากปิดตลาด COMEX ราคาปรับลดลงมาหลุดแนวรับบริเวณ 1,775 และในช่วงเช้าวันนี้เคลื่อนไหวบริเวณ 1,770 โดยคาดว่าแนวรับถัดไปในวันนี้ที่บริเวณ 1,760/1,750 ส่วนแนวต้านในวันนี้คาดว่าที่บริเวณ 1,800/1,810

 

o การแข็งค่าขึ้นของเงิน USD กดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์รวมทั้งทองคำ นักลงทุนได้ขายสินทรัพย์เสี่ยง ทำให้ดัชนีดาวโจนส์ปรับลดลงแรง 389.24 จุดหรือ 3.20% ส่วนดัชนีหุ้นในยุโรปปรับลดลงประมาณ 2% เมื่อนักลงทุนกังวลในปัญหาของอิตาลี โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของอิตาลีพุ่งสูงขึ้นเหนือระดับ 7% ซึ่งแสดงถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น และอิตาลีจะเป็นรายต่อไปที่ต้องขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจาก EU และ IMF ซึ่งจากจำนวนหนี้ที่มากถึง 120% ของ GDP และขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ในยูโรโซน ได้สร้างความกังวลแก่นักลงทุนเป็นอย่างมาก

 

o นายเบอร์ลุสโคนีนายกรัฐมนตรีอิตาลีได้ลาออกแล้ว แต่ยืนยันที่จะจัดการเลือกตั้งแทนการตั้งรัฐบาลชั่วคราว ทำให้เกิดความวิตกถึงความไร้เสถียรภาพทางการเมือง ส่วนทางด้านกรีซข้อตกลงการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติล้มเหลว ทำให้สถานการณ์ของยูโรโซนย่ำแย่ลงอีก

 

o ในระยะสัปดาห์แนวต้านบริเวณ 1,800/1,810 ซึ่งยังไม่สามารถผ่านไปได้ ทำให้ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวลดลงมาสู่แนวรับ 1,775 และ 1,750 โดยแนวโน้มในระยะกลางเป็นขาขึ้น การอ่อนตัวลงมาสู่แนวรับเป็นจังหวะให้นักลงทุนเข้าสะสมทองคำ เพื่อทำกำไรบริเวณแนวต้าน 1,800/1,810 USDต่อออนซ์

 

o ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงแรงมากจากระดับ 1.38 USDต่อยูโร มาที่ระดับ 1.35 USDต่อยูโร จากวิกฤตหนี้ยุโรปที่เลวร้ายลง ทำให้ค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้นมาก ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Nymex ปรับลดลง 1.1% แม้ว่าการประกาศตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล

 

o ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ได้แก่ วันพฤหัสบดี ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.ย.จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย. วันศุกร์ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้นเดือนพ.ย.

 

o ราคาโลหะเงินปิดลดลง 0.79 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 34.36 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 33.75 – 35.26 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,783.71 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 35.3/35.8 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 33.7/33.1 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 33.1 – 35.8 USDต่อออนซ์

 

o SPDR ซื้อทองคำเพิ่มขึ้น 3.02 ตัน ถือทองคำจำนวน 1,267.15 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,750 – 1,810 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,750 – 1,810

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,600 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

FinalCHMAISeminar.jpg

มหกรรมการเงิน Money Expo เชียงใหม่ ครั้งที่ 6

พบกับสัมมนาฟรี "ลงทุน หุ้น ทอง กองทุน"

ภายในงานพบกับ คุณณัฐฑี จุฑาวรากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด

และวิทยากรชื่อดังอีกมากมาย

 

ในวันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน 2554

เวลา 13:00 - 16:30 น.

ณ ห้องเชียงใหม่ ฮอลล์ ศูนย์การค้า เซ็นทรัลพลาซ่า เชียงใหม่ แอร์พอร์ต

 

สำรองที่นั่งฟรี SMS 4111988

E-mail:jo-chakorn@hotmail.com

โทร. 0-2691-4126-30 ต่อ 215

รับของที่ระลึกฟรีหน้างาน(เพียง 200 ที่นั่งเท่านั้น)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

 

ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดลดลง 32.00 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,759.60 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับลดลงจากแรงขายทำกำไรทางเทคนิคเมื่อการดีดตัวระหว่างวันไม่ผ่านแนวต้าน 1,775 USDต่อออนซ์

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดลดลง 32.00 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,736.60 – 1,776.90 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับลดลงจากแรงขายทำกำไรทางเทคนิคเมื่อการดีดตัวระหว่างวันไม่ผ่านแนวต้านบริเวณ 1,775 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันหลังจากขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,802 USDต่อออนซ์เมื่อวันอังคารที่ 8 พ.ย. หลังจากนั้นมีแรงขายทำกำไรเมื่อไม่ผ่านแนวต้านสำคัญ ในช่วงสั้นๆคาดว่าราคาทองคำมีความผันผวนหากยังไม่ผ่าน 1,775 มีแนวโน้มอ่อนตัวลงต่อที่บริเวณ 1,736/1,725

 

o สถานการณ์หนี้ในยุโรปยังไม่เลวลงกว่าเดิม เมื่ออิตาลีสามารถขายพันธบัตรรัฐบาลได้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเดิมไม่เลร้ายเท่าที่ตลาดคาดการณ์ ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐประกาศออกมาค่อนข้างดีได้แก่ ยอดขอสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 10,000 รายเป็นการลดลงอย่างต่อเนื่อง การขาดดุลดุลการค้าลดลงต่อเนื่องเหลือ 4.31 หมื่นล้านUSD จากการส่งออกที่เพิ่มสูงขึ้น ราคาสินค้านำเข้าและส่งออกลดลง ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลในเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น หลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงแรงกว่า 3% ในวันก่อน ดัชนีดาวโจนส์ปรับบวกขึ้น 112.85 จุด การเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงของนักลงทุน ทำให้มีการขายทำกำไรสินทรัพย์ปลอดภัยเช่น ทองคำ ออกมา

 

o กรีซได้นายกรัฐมนตรีเฉพาะกาล คือ นายลูคัส ปาปาเดมอส อดีตรองประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) โดยรัฐบาลชุดใหม่ได้รับการมอบหมายให้ดำเนินการตามข้อตกลงที่ผู้นำสหภาพ ยุโรป (อียู) มีมติร่วมกันเมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำให้คาดว่า การแก้ปัญหาหนี้ของกรีซจะดำเนินการได้ต่อเนื่อง

 

o ในระยะสัปดาห์คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 1,775/1,800 ซึ่งหากยังไม่สามารถผ่านไปได้ ทำให้ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวลดลงมาสู่แนวรับ 1,750 /1,736 / 1,725 โดยแนวโน้มในระยะกลางเป็นขาขึ้น การอ่อนตัวลงมาสู่แนวรับเป็นจังหวะให้นักลงทุนเข้าสะสมทองคำ เพื่อทำกำไรบริเวณแนวต้าน 1,775/1,800 USDต่อออนซ์

 

o ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย เมื่ออัตราดอกเบี้ยพันธบัรรัฐบาลของอิตาลีไม่สูงกว่า 7% ดัชนีค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับ 78.0 มาที่ระดับ 77.7 ราคาน้ำมันดิบ Nymex ปรับเพิ่มขึ้น 2.3% จากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาดี และอิตาลีใกล้จะมีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ

 

o ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ต้องติดตาม ได้แก่ วันศุกร์ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้นเดือนพ.ย.

 

o ราคาโลหะเงินปิดลดลง 0.26 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 34.11 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 33.13 – 34.34 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,783.71 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 34.4/35.2 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 33.0/32.5 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 32.5 – 35.2 USDต่อออนซ์

 

o SPDR ซื้อทองคำเพิ่มขึ้น 1.52 ตัน ถือทองคำจำนวน 1,268.67 ตัน

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,736 1,725 แนวต้านที่ 1,775 1,800 ภาพกราฟราย 60 นาที ราคาพยายามทดสอบที่แนวบริเวณ 1,770 ที่เส้นค่าเฉลี่ย 25 (MA 25) คาดราคาเคลื่อนไหวในกรอบ แนะนำทยอยสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวที่บริเวณแนวรับ 1,736/1,725 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,775/1,800

 

เคลื่อนไหวในกรอบ

 

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 11 พ.ย. อยู่ที่ 1,766.70 USDต่อออนซ์ ในกรอบ 1,763 – 1,768 USD ต่อออนซ์ ระหว่างวันราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ โดยราคาทองคำพยายามทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1,770 แต่ไม่ผ่าน เนื่องจากมีแรงเทขายทำกำไร และแนวโน้มการเมืองยุโรปมีพัฒนาการที่ดีขึ้น กรีซได้นายกคนใหม่ และอิตาลีจะมีการลงมติต่อมาตรการรัดเข็มขัดตามข้อกำหนดของสหภาพยุโรปในวันนี้ (11 พ.ย.) คาดว่าจะมีความคืบหน้าในการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไปในทางที่ดี หนุนความเชื่อมั่นในตลาดมีมากขึ้น ขณะเดียวกันนักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลง อย่างไรก็ตามปัญหาหนี้เรื้อรังของยุโรปยังคงใช้ต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหา ดังนั้นในระยะยาวทองคำยังคงเป็นที่ต้องการถือครองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ในขณะที่ในระยะสั้นราคาทองคำมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในลักษณะ Side way ในกรอบ 1,736 – 1,775โดยหากราคาสามารถผ่านแนวต้านสำคัญที่ 1,775 ได้ คาดว่าราคาจะปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง

 

วุฒิสภาอิตาลีจะลงมติต่อมาตรการรัดเข็มขัดตามข้อกำหนดของสหภาพยุโรปในวันนี้ (11 พ.ย.) เพื่อหลีกเลี่ยงการล่มสลายของยูโรโซน ทั้งนี้วุฒิสภาจะเริ่มการอภิปรายมาตรการรัดเข็มขัดในเวลา16.30 น. ตามเวลาไทยในวันนี้ โดยจะมีการลงมติหลังจากนั้น ขณะที่คาดว่ากฎหมายฉบับนี้จะผ่านความเห็นชอบอย่างง่ายดาย หลังจากที่คณะกรรมาธิการงบประมาณของวุฒิสภาได้ให้การอนุมัติเมื่อคืนนี้ (10 พ.ย.) โดยนายมาริโอ มอนติ อดีตกรรมาธิการยุโรปเป็นตัวเก็งที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากนายซิลวิโอ เบอร์ลุสโคนี และคาดว่าอิตาลีจะมีการตั้งรัฐบาลฉุกเฉินชุดใหม่ภายในไม่กี่วันนี้ ซึ่งจะเป็นการยุติการปกครองประเทศที่ยาวนานของนายเบอร์ลุสโคนี ขณะที่กระทรวงการคลังสามารถขายพันธบัตรอายุ 1 ปีที่ผลตอบแทนต่ำกว่า 7% และได้รับคำสั่งซื้อเต็มจำนวน 5 พันล้านยูโร อย่างไรก็ดี อิตาลียังคงต้องจ่ายผลตอบแทนที่ 6.087% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี โดยระดับ 7% ดังกล่าวเป็นระดับที่เชื่อว่าจะสร้างปัญหาต่อภาระหนี้ของประเทศ

 

นายลูคัส ปาปาเดมอส ว่าที่นายกรัฐมนตรีกรีซ เรียกร้องให้ชาวกรีซทุกคนช่วยกันแก้ไขปัญหาใหญ่ที่กรีซกำลังเผชิญ ขณะที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ นายปาปาเดมอส อดีตรองประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี)กล่าวว่า ภารกิจหลักของรัฐบาลชุดใหม่ของเขาคือการปฏิบัติตามข้อตกลงช่วยเหลือจากยูโรโซน และเขาเรียกร้องให้ประชาชนให้การสนับสนุนมากขึ้นต่อรัฐบาลผสมชุดนี้

 

สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ได้เผยแพร่ข้อความที่ผิดพลาดเมื่อวานนี้ (10 พ.ย.) ที่ระบุว่า S&P ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศส ซึ่งเพิ่มความสับสนต่อตลาดตราสารหนี้ยุโรปที่เผชิญความปั่นป่วนอยู่แล้ว โดย S&P ชี้แจงในเวลาต่อมาว่า ข้อความดังกล่าวเป็นผลจากความผิดพลาดทางเทคนิค โดยย้ำว่า อันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสยังคงอยู่ที่ AAA ขณะที่แนวโน้มมีเสถียรภาพ

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่

- 21.15 น. รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้นเดือนพ.ย.

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,736 1,725 แนวต้านที่ 1,775 1,800 ภาพกราฟราย 60 นาที ราคาพยายามทดสอบที่แนวบริเวณ 1,770 ที่เส้นค่าเฉลี่ย 25

(MA 25) คาดราคาเคลื่อนไหวในกรอบ แนะนำทยอยสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวที่บริเวณแนวรับ 1,736/1,725 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,775/1,800

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 33.0 32.5 แนวต้านที่ 34.4 35.2 ภาพกราฟราย 240 นาที ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 32.5 – 35.2 แนะนำ Trading ในกรอบ

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

ราคาทองคำปิดเพิ่มขึ้น 28.50 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,788.10 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้น จากแรงซื้อในตลาดเอเชียและยุโรป เมื่อปัญหาการเมืองของกรีซและอิตาลีเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น

 

o ราคาทองคำปิดเพิ่มขึ้น 28.50 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,745.00 – 1,791.10 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นพร้อมกับตลาดหุ้น เมื่อนักลงทุนมีความมั่นใจในสถานการณ์การเมืองของกรีซและอิตาลีโดยราคาปิดสามารถยืนเหนือแนวต้านบริเวณ 1,775 USDต่อออนซ์ได้อีกครั้ง ทำให้คาดว่าในสัปดาห์นี้ราคามีโอกาสสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยมีแนวต้านบริเวณ 1,800/1,825/1,850 ราคาทองคำปรับตัวบวกขึ้นได้ในวันศุกร์หลังจากปรับตัวลดลงติดต่อกัน 3 วันและทำให้กราฟในรายสัปดาห์ปรับตัวสูงขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน แสดงแนวโน้มเป็นขาขึ้นโดยมีจุดสูงสุดของสัปดาห์บริเวณ 1,802 USDต่อออนซ์ และราคาต่ำสุดบริเวณ 1,736 USDต่อออนซ์ การปรับบวกขึ้นแรงในวันศุกร์ทำให้สัญญาณทางเทคนิคกลับมาเป็นบวกและมีแนวโน้มขึ้นต่อในสัปดาห์นี้

 

o มีแรงซื้อจากเอเชียและยุโรป เมื่อความกังวลว่าจะจำกัดการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ได้ผ่อนคลายลง สภาพคล่องของระบบการเงินในยุโรปดีขึ้น และอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลของอิตาลีปรับลดลงอีกในวันศุกร์ รวมถึงสถานการณ์ด้านการเมืองของอิตาลีและกรีซดีขึ้น

 

o นักวิเคราะห์คาดว่า การอัดฉีดเงินช่วยเหลือรอบใหม่ของธนาคารกลางยุโรปจะมีแรงผลักดันต่อเงินเฟ้อให้เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงความผันผวนของค่าเงิน USD และเงินยูโร ทำให้มีความต้องการถือทองคำเพิ่มขึ้น

 

o อิตาลีผลักดันมาตรการรัดเข็มขัดตามที่สหภาพยุโรปเรียกร้อง โดยรัฐสภาผ่านร่างก.ม.งบประมาณฉบับใหม่ และเปิดโอกาสให้จัดตั้งรัฐบาลฉุกเฉิน ส่วนกรีซ นายลูคัส ปาปาเดมอสได้เข้ารับตำแหน่ง โดยเขาจะพยายามทำให้กรีซบรรลุข้อตกลงที่กำหนดไว้ในมาตราให้ความช่วยเหลือทางการเงินของยูโรโซน

 

o ในระยะสัปดาห์คาดว่าถ้ายืนเหนือ 1,800 ได้จะมีแนวต้านบริเวณ 1,825/1,850 แต่ถ้าหากยังไม่สามารถผ่านไปได้ ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวลดลงมาสู่แนวรับ 1,775/1,750 โดยแนวโน้มในระยะกลางเป็นขาขึ้น การอ่อนตัวลงมาสู่แนวรับเป็นจังหวะให้นักลงทุนเข้าสะสมทองคำ เพื่อทำกำไรบริเวณแนวต้าน 1,825/ 1,850 USDต่อออนซ์

 

o ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นจากระดับ 1.35 มาที่ระดับ 1.37 USDต่อยูโร เมื่ออัตราดอกเบี้ยพันธบัรรัฐบาลอายุ 1 ปีของอิตาลีต่ำกว่า 7% ดัชนีค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่าลงจากระดับ 78 มาที่ระดับ 76.7 ราคาน้ำมันดิบ Nymex ปรับเพิ่มขึ้น 1.24% จากความคืบหน้าของอิตาลีและกรีซในการแก้ปัญหาการเมืองและปัญหาหนี้สิน

 

o ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันศุกร์ออกมาดีที่ระดับ 64.2 จาก 61.5 และยอดขาดดุลงบประมาณของสหรัฐในเดือนต.ค.ลดลง 1.1 หมื่นล้านดอลล่าร์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันอังคารดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค. ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวมเดือนพ.ย. ยอดค้าปลีกเดือนต.ค. สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย.วันพุธ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค. เงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของต่างชาติเดือนก.ย.ข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิตเดือนต.ค. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนพ.ย. ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันพฤหัสบดี ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนต.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนพ.ย.วันศุกร์ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนต.ค.

 

o ราคาโลหะเงินปิดเพิ่มขึ้น 0.58 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 34.68 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 33.67 – 34.85 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,783.71 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 35.2 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 34.25/33.8 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 33.8 – 35.2 USDต่อออนซ์

 

o SPDR ถือทองคำจำนวนเท่าเดิม 1,268.67 ตัน

 

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,750 – 1,825 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,750 – 1,825

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,600 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...