ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ilovecgf

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ

โพสต์แนะนำ

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,775 1,750 แนวต้านที่ 1,800 1,825 ภาพกราฟราย day มีแรงขายที่บริเวณ 1,795 แนะนำทยอยสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวที่บริเวณแนวรับ 1,775/1,750 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,800/1,825

 

เริ่มคลายความกังวัลประเด็นอิตาลี

 

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 14 พ.ย. อยู่ที่ 1,793.70 USDต่อออนซ์ โดยอยู่ในกรอบ 1,782.50 – 1,795.10 USD ต่อออนซ์ ระหว่างวันราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ โดยราคาทองคำพยายามจะขึ้นไปทดสอบแนวต้านเดิมที่ 1,800 แต่ยังไม่สามารถผ่านไปได้ เนื่องจากมีแรงเทขายทำกำไร และจากการที่ประธานาธิบดีอิตาลี ประกาศแต่งตั้งนายมาริโอ มอนติ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอิตาลี โดยทุกฝ่ายต่างคาดหวังว่านายกฯอิตาลีคนใหม่จะผลักดันมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจและการคลัง ซึ่งมีเป้าหมายที่จะลดหนี้สินมูลค่ามหาศาลของอิตาลี และกอบกู้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาด เป็นการหนุนความเชื่อมั่นในตลาดให้มีมากขึ้น โดยระหว่างวันตลาดหุ้นทั่วเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 1% ขณะเดียวกันราคาทองคำมีแนวโน้มอ่อนตัวลงมีแนวโน้มจะทดสอบแนวรับ 1,775 / 1,750 ส่วนแนวต้านคาดว่าที่บริเวณ 1,800 / 1,810 สำหรับในวันนี้อิตาลีจะมีการเปิดประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปีในวงเงิน 3 พันล้านยูโร หากสามารถขายพันธบัตรได้ก็จะทำให้รัฐบาลมีสภาพคล่อง ซึ่งจะช่วยลดความกังวลวิกฤตหนี้ไปได้ระดับหนึ่ง ซึ่งคาดว่าในระยะยาวทองคำยังคงเป็นที่ต้องการถือครองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ในขณะที่ในระยะสั้นราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวลดลงเมื่อใกล้ถึงแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,800 ส่วนประเด็นที่น่าติดตามได้แก่

 

ประเด็นหนี้สินกรีซ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และผู้นำยุโรปก็จะยังคงกดดันนายลูคัส ปาปาเดมอสนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของกรีซ ให้ดำเนินมาตรการปฏิรูปครั้งใหญ่เพื่อสกัดกั้นการล้มละลาย โดยทีมงาน "ทรอยกา" หรือคณะผู้ตรวจการณ์ของไอเอ็มเอฟ, อีซีบี และอียูจะเริ่มต้นเดินทางเยือนกรุงเอเธนส์ในวันจันทร์ที่ 14 พ.ย. เพื่อกดดันกรีซให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขในมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินรอบ 2 ซึ่งมีวงเงิน 1.30 แสนล้านยูโร(1.80 แสนล้านดอลลาร์) และเพื่อให้กรีซมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะรับเงินกู้ 8 พันล้านยูโรจากมาตรการช่วยเหลือรอบแรก โดยกรีซจำเป็นต้องใช้เงินดังกล่าวในการไถ่ถอนพันธบัตรช่วงสิ้นปีนี้

 

ประเด็นการประชุมเอเปก ผู้นำประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกให้สัญญาว่า พวกเขาจะดำเนินการส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ และลดมาตรการกีดกันทางการค้า เพื่อช่วยพยุงการเติบโตของเศรษฐกิจโลกซึ่งเผชิญกับภัยคุกคามจากวิกฤติหนี้ยุโรป โดยแถลงการณ์ของกลุ่มเอเปกแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น "ที่จะสนับสนุนให้เศรษฐกิจระดับภูมิภาคและเศรษฐกิจโลกเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง, ยั่งยืน และสมดุล" ส่วนปธน.โอบามาตั้งความหวังว่า การเพิ่มศักยภาพในการทำการค้ากับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกจะช่วยให้สามารถกระตุ้นการจ้างงานใหม่ในสหรัฐ

 

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวมของสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ 64.2ในช่วงต้นเดือนพ.ย. จาก 60.9 ในเดือนต.ค. และอยู่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ 61.5 ส่วนผลสำรวจระบุว่า ดัชนีการคาดการณ์ภาวะเงินเฟ้อช่วงหนึ่งปีข้างหน้าทรงตัวที่ 3.2 % ในขณะที่ดัชนีการคาดการณ์ภาวะเงินเฟ้อช่วง 5-10 ปีข้างหน้าขยับลงสู่ 2.6 % จากเดิมที่ 2.7 % โดยระดับ 2.6 % นี้ถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2009

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่

- อิตาลีจะมีการเปิดประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปีในวงเงิน 3 พันล้านยูโรในวันนี้

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,775 1,750 แนวต้านที่ 1,800 1,825 ภาพกราฟราย day มีแรงขายที่บริเวณ 1,795 แนะนำทยอยสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวที่บริเวณแนวรับ 1,775/1,750 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,800/1,825

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 34.25 33.8 แนวต้านที่ 35.2 36.5 ภาพกราฟราย 240 นาที ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 33.8 – 35.2 แนะนำ Trading

ในกรอบ

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

ราคาทองคำปิดลดลง 9.70 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,778.40 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับลดลงเมื่อค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้น และความกังวลในหนี้ของยุโรปกลับมาอีก

 

o ราคาทองคำปิดลดลง 9.70 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,774.20 – 1,797.60 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับตัวลดลงเมื่อค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้นกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆรวมถึงทองคำ นอกจากนี้นักลงทุนมีความมีความกังวลในปัญหาหนี้ของยุโรปอีกครั้ง เมื่ออัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลของอิตาลีอายุ 5 ปีปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 6.29% และ 10 ปีที่ระดับ 6.76% ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุด อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรของสเปนเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 6% เป็นครั้งแรก รวมถึงอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรของประเทศอื่นๆในยูโรโซนมีอัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น แสดงถึงความเสี่ยงของกวิกฤตหนี้ของยุโรปที่แผ่ขยายออกไป ธนาคารกลางยุโรปได้เข้าซื้อพันธบัตรของสเปน

 

o ราคาทองคำในตลาด COMEX ปรับตัวขึ้นในช่วงสั้นๆเมื่อพันธบัตรของอิตาลีเป็นที่สนใจของนักลงทุน แต่การที่อัตราผลตอบแทนสูงขึ้นทั้งใน อิตาลี สเปน และประเทศอื่นๆในยูโรโซน ทำให้ค่าเงินยูโรร่วงลงแรง และค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้นกดดันราคาทองคำ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ รวมถึงตลาดหุ้น ราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงไปสู่ระดับต่ำสุดระหว่างวันที่ 1,774 USDต่อออนซ์ ก่อนจะ rebound ขึ้นมาปิดได้ที่บริเวณ 1,778 และในช่วงเช้าวันนี้ราคาเคลื่อนไหวที่บริเวณ 1,780 USDต่อออนซ์ คาดว่าวันนี้ถ้ายืนเหนือ 1,775 ไม่ได้มีโอกาสอ่อนตัวไปที่บริเวณ 1,760/ 1,750 ถ้าหากสามารถยืนเหนือ 1,780 ได้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 1,800

 

o มีข่าวว่าอธิบดีคลังของอิตาลี จะลาออกในวันนี้เพื่อร่วมงานกับภาคเอกชน คือ เจพี มอร์แกน ได้สร้างความกังวลให้นักลงทุนเพิ่มขึ้น

 

o นายกรัฐมนตรีเยอรมัน นางแองเจลา เมอร์เคลได้กล่าวว่ายุโรปอาจจะเผชิญกับช่วงที่ยากลำบากที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 จากความเสี่ยงของยุโรปที่เพิ่มขึ้นทำให้ค่าเงินยูโรร่วงลงสู่ระดับ 1.36 USDต่อยูโรจาก 1.38 USDต่อยูโร หรือร่วงลง 1.4% ทำให้ค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้น ระดับราคาน้ำมันปรับตัวลดลง 0.85 USDต่อบาร์เรล ปิดที่ 98.14 USDต่อบาร์เรล ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ร่วงลง 0.61% และตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงกว่า 1%

 

o โกลด์แมน แซคส์ระบุว่า ยังถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเสี่ยง และในภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยโกลด์แมน แซคส์คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงในปีหน้า และอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำต่อไป

 

o ในระยะสัปดาห์คาดว่าถ้ายืนเหนือ 1,800 ได้จะมีแนวต้านบริเวณ 1,825/1,850 แต่ถ้าหากยังไม่สามารถผ่านไปได้ ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวลดลงมาสู่แนวรับ 1,775/1,750 โดยแนวโน้มในระยะกลางเป็นขาขึ้น การอ่อนตัวลงมาสู่แนวรับเป็นจังหวะให้นักลงทุนเข้าสะสมทองคำ เพื่อทำกำไรบริเวณแนวต้าน 1,800/1,825/ 1,850 USDต่อออนซ์

 

o ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันอังคารดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค. ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวมเดือนพ.ย. ยอดค้าปลีกเดือนต.ค. สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย.วันพุธ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค.เงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของต่างชาติเดือนก.ย.ข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิตเดือนต.ค. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนพ.ย. ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันพฤหัสบดี ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนต.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนพ.ย.วันศุกร์ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนต.ค.

 

o ราคาโลหะเงินปิดลดลง 0.66 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 34.02 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 33.95 – 34.92 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,783.71 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 35.5/36.8 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 33.0/32.6 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 32.6 – 35.5 USDต่อออนซ์

 

o SPDR ขายทองคำออก 0.39 ตัน เหลือถือทองคำจำนวน 1,268.28 ตัน

 

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,750 – 1,825 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,750 – 1,825

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,600 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,750 1,730 แนวต้านที่ 1,795 1,810 ภาพกราฟราย 240 นาที MACD เริ่มมีค่าติดลบแล้ว แนะนำทยอยสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวที่บริเวณแนวรับ 1,750 (MA75) / 1,730 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,795 / 1,810

 

ราคาทองปรับลดลงจากการแข็งค่าของดอลล่าร์

 

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 15 พ.ย. อยู่ที่ 1,777.80 USDต่อออนซ์ โดยเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,762.59 – 1,778.60 USD ต่อออนซ์ ระหว่างวันราคาทองคำปรับตัวลดลงเรื่อย ๆ เนื่องจากมีแรงเทขายทำกำไรเมื่อไม่ผ่านแนวต้านหลังจากขึ้นไปทดสอบใกล้บริเวณแนวต้าน 1,800 USDต่อออนซ์ และได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ซึ่งราคาทองในช่วงนี้ปรับตัวตามสินทรัพย์เสี่ยง ในขณะที่นักลงทุนมีความกังวลและมุ่งความสนใจไปที่ปัญหาหนี้สินขนาดใหญ่ในยูโรโซนทั้งในอิตาลีและสเปน ซึ่งในขณะนี้ตลาดมองว่าหากทั้งสองประเทศดังกล่าวประสบกับปัญหาวิกฤตหนี้ ทั้ง 2 ประเทศมีหนี้สินขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะสามารถให้ความช่วยเหลือได้ ในระหว่างวันตลาดหุ้นทั่วเอเชียปรับตัวลดลงประมาณ 1% ขณะเดียวกันราคาทองคำมีแนวโน้มอ่อนตัวลงมีแนวโน้มจะทดสอบแนวรับ 1,750 / 1,730 ส่วนแนวต้านคาดว่าที่บริเวณ 1,795 / 1,810 โดยคาดว่าในระยะยาวทองคำยังคงเป็นที่ต้องการถือครองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ส่วนประเด็นที่น่าติดตามได้แก่

 

ประเด็นที่ คณะรัฐมนตรีคนใหม่อิตาลี ต้องหาเสียงสนับสนุนจากให้ได้มากพอ เพื่อที่คณะรัฐมนตรีจะสามารถเร่งรัดการปฏิรูป กฎระเบียบทางธุรกิจ ตลาดแรงงาน และเงินบำนาญ เพื่อที่ฐานะการเงินของอิตาลีดีขึ้น โดยที่อิตาลีจำเป็นต้องกู้เงินใหม่เพื่อนำมาชำระหนี้พันธบัตรเก่าราว 2 แสนล้านยูโร (2.73 แสนล้านดอลลาร์) ก่อนสิ้นเดือนเม.ย. 2012 ซึ่งถือเป็นภารกิจที่ยากลำบาก หลังจากอิตาลีจำเป็นต้องจ่ายอัตราผลตอบแทนราว 6.3 % ในการเปิดประมูลขายพันธบัตรประเภท 5 ปีเมื่อวานนี้ โดยอัตราผลตอบแทนดังกล่าวถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการใช้เงินยูโร

 

ประเด็นที่นายกรัฐมนตรีเยอรมนีกล่าวว่า ยุโรปอาจจะเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลก ครั้งที่สอง และยูโรยังได้รับแรงกดดันจากการที่อิตาลีจ่ายอัตราดอกเบี้ยที่ 6.29 % สูงที่สุด นับตั้งแต่เริ่มใช้สกุลเงินยูโรในการขายพันธบัตรรัฐบาลประเภท 5 ปีในวันจันทร์ด้วย

 

ประเด็นหนี้สินกรีซ โดยฝ่ายค้านกรีซคัดค้านมาตรการรัดเข็มขัดใหม่ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าแนวร่วมรัฐบาลใหม่ของกรีซอาจจะไม่ได้รับเสียงสนับสนุนข้ามพรรคเหมือนอย่างที่กลุ่มผู้ปล่อยกู้เรียกร้องมา โดยมาตรการรัดเข็มขัดใหม่นี้จะส่งผลให้กรีซได้รับเงินช่วยเหลือ และสามารถหลีกเลี่ยงจากภาวะล้มละลายได้ มาตรการช่วยเหลือดังกล่าวมีขนาด 1.30 แสนล้านยูโร ซึ่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของกรีซกล่าวว่า กรีซไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการอยู่ในยูโรโซนต่อไป และกล่าวต่อสมาชิกรัฐสภาว่า การปฏิรูปเป็นเพียงหนทางเดียวในการลดผลกระทบจากมาตรการรัดเข็มขัด หลังจากมาตรการรัดเข็มขัดส่งผลให้เศรษฐกิจกรีซถดถอยลงอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น และกลุ่มผู้ปล่อยกู้แก่กรีซระบุว่า ถ้าหากพรรคการเมืองฝ่ายค้าน 3 พรรคนี้ไม่ลงนามในสัญญา ทางกลุ่มก็จะระงับการปล่อยเงินช่วยเหลือขนาด 8 พันล้านยูโรที่รัฐบาลกรีซจำเป็นต้องใช้เพื่อหลีกเลี่ยงจากการขาดแคลนเงินสดในกลางเดือนหน้า

 

Fed มีการระบุว่า มีความเป็นไปได้กว่า 50 % ที่ปีหน้าเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ โดยผลสำรวจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียพบว่านักเศรษฐศาสตร์ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐในอีก 2 ปีข้างหน้าลง ขณะที่คาดว่าตลาดแรงงานจะชะลอตัวมากกว่าคาด ทั้งนี้ ผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ 45 คนในไตรมาส 4 พบว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะขยายตัวในอัตราเฉลี่ย 2.4% ในปีหน้าซึ่งลดลงจาก 2.6% ที่คาดไว้ในผลสำรวจไตรมาส 3 และคาดว่าจีดีพีในปี 2013จะอยู่ที่ 2.7% ลดลงจาก 2.9% ที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ สำหรับในไตรมาสนี้ ตัวเลขคาดการณ์จีดีพีทรงตัวที่ 2.6% ขณะที่ตัวเลขคาดการณ์จีดีพีสำหรับปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 1.8% จาก 1.7% แนวโน้มสำหรับตลาดแรงงานย่ำแย่ลงโดยคาดว่าอัตราว่างงานจะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 8.8% ในปีหน้า เพิ่มขึ้นจาก 8.6% ที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ และนั่นบ่งชี้ว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 123,000 ตำแหน่งในปีหน้าส่วนแนวโน้มสำหรับปี 2013 คาดว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นเป็น 8.4%จากที่คาดการณ์เดิมที่ระดับ 8.1% ขณะที่อัตราว่างงานในไตรมาส 4 และทั้งปีนี้จะทรงตัวที่ 9.0% ส่วนการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของฝรั่งเศส GDP ไตรมาส 3 อยู่ที่ 0.4 % ปรับตัวดีขึ้นจาก ไตรมาส 2 อยู่ที่ -0.1 % ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจของอิตาลี โดยในก.ย. ปี 2011 ขาดดุลการค้าไป 8 ล้านยูโร เมื่อเทียบกับก.ย.ปี 2011 ซึ่งขาดดุลการค้าไป 396 ล้านยูโร

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่

1. กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค.ในวันนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย

2. ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์คจะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนพ.ย.ในวันนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย

3. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ในวันนี้เวลา 20.30 น.ตามเวลาไทย

4. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย.ในวันนี้เวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย

5. ประมูลตั๋วเงินคลังอายุ 3 เดือนจำนวน 1,000 ล้านยูโร และการคาดการณ์ GDP ไตรมาส 3 ในวันนี้

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,750 1,730 แนวต้านที่ 1,795 1,810 ภาพกราฟราย 240 นาที MACD เริ่มมีค่าติดลบแล้ว แนะนำทยอยสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวที่บริเวณแนวรับ 1,750 (MA75) / 1,730 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,795 / 1,810

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 33.25 32.6 แนวต้านที่ 35.5 36.5 ภาพกราฟราย 240 นาที ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 32.6 – 35.5 แนะนำ Trading ในกรอบ

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

ราคาทองคำปิดเพิ่มขึ้น 3.80 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,787.80 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปิดทรงตัวไม่ต่างจากเมื่อวาน เมื่อมีแรงขายทำกำไรเมื่อราคาขึ้นไปบริเวณใกล้ 1,790 USDต่อออนซ์ เนื่องจากค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้น แต่ได้แรงหนุนความกังวลว่าฝรั่งเศสอาจได้รับความเสียหายจากวิกฤตหนี้

 

o ราคาทองคำปิดเพิ่มขึ้น 3.80 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,760.90 – 1,787.80 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรโดยไปทำจุดต่ำสุดบริเวณแนวรับ 1,760 แต่หลังจากนั้นได้ rebound ขึ้น และกลับมาปิดบวกได้ โดยค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้น จากความมีความกังวลในปัญหาหนี้ของยุโรป เมื่ออัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลของอิตาลีอายุ 10 ปีปรับเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 7% และ ส่วนต่างดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลของฝรั่งเศส ออสเตรีย และเบลเยี่ยม มีส่วนต่างมากขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยของเยอรมัน แสดงว่า หลายประเทศในยุโรปมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในขณะที่อัตราการเติบโตของ 17 ประเทศในยูโรโซนเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ในไตรมาสที่ 3 และฝรั่งเศสไม่สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ส่วนการประกาศตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐเดือน ต.ค.เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด ทำให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปรับบวกได้ 17.18 จุด

 

o ในช่วงเช้าวันนี้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 1,780 USDต่อออนซ์ ซึ่งคาดว่าวันนี้มีแนวต้านบริวณ 1,790 / 1,800 / 1,804 ส่วนแนวรับคาดว่าบริเวณ 1,760 / 1,750 คำแนะนำ Trading ในกรอบ 1,750 – 1,800

 

o ราคาทองคำไม่ได้รับผลกระทบจากข่าว นายจอห์น พอลสัน ปรับลดปริมาณการถือครองกองทุน ETF ทองคำลง 1 ใน 3 ในไตรมาสที่ 3 โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า แนวโน้มราคาทองคำยังเป็นบวกในระยะยาว ในขณะที่กองทุนอื่นยังเข้าซื้อทองคำในช่วงราคาปรับลดลง แต่ยังยืนอยู่ในแนวรับสำคัญได้

 

o นายมาริโอ มอนติ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอิตาลี อาจจะจัดตั้งรัฐบาลได้เสร็จอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึง 3 วัน เพื่อเร่งแก้วิกฤติการการเงินและการเมือง

 

o ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนพ.ย. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.6 จุดในเดือนพ.ย. จากระดับ -8.5 ของเดือนต.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของกิจกรรมด้านการผลิตจะช่วยหนุนเศรษฐกิจสหรัฐให้ แข็งแกร่งขึ้นในไตรมาส 4 ปีนี้

 

o ในระยะสัปดาห์คาดว่าถ้ายืนเหนือ 1,800 ได้จะมีแนวต้านบริเวณ 1,825/1,850 แต่ถ้าหากยังไม่สามารถผ่านไปได้ ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวลดลงมาสู่แนวรับ 1,760/1,750 โดยแนวโน้มในระยะกลางเป็นขาขึ้น การอ่อนตัวลงมาสู่แนวรับเป็นจังหวะให้นักลงทุนเข้าสะสมทองคำ เพื่อทำกำไรบริเวณแนวต้าน 1,800/1,825/ 1,850 USDต่อออนซ์

 

o ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันพุธ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค.เงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของต่างชาติเดือนก.ย.ข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิตเดือนต.ค. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนพ.ย. ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันพฤหัสบดี ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนต.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนพ.ย.วันศุกร์ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนต.ค.

 

o ราคาโลหะเงินปิดเพิ่มขึ้น 0.43 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 34.46 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 33.75 – 34.84 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,783.71 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 35.5/36.8 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 33.7/32.8 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 32.8 – 35.5 USDต่อออนซ์

 

o SPDR ถือทองคำจำนวนเท่าเดิม 1,268.28 ตัน

 

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,760 1,745 แนวต้านที่ 1,790 1,810 ภาพกราฟราย 240 นาที มีแรงซื้อที่บริเวณ 1,760 ที่เส้นค่าเฉลี่ย 75 (MA75) โดยทำ Low สูงขึ้น แนะนำทยอยสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวที่บริเวณแนวรับ 1,760/1,745 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,790/1,810/1,825

 

Side Way รอทดสอบแนวต้าน 1,790

 

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 16 พ.ย. อยู่ที่ 1,767.98 USDต่อออนซ์ เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,762 – 1,771 USD ต่อออนซ์ ระหว่างวันราคาทองคำอ่อนค่าลงมา จากแรงกดดันของการแข็งค่าของค่าเงิน US dollar เนื่องจากสัญญาณอันตรายที่วิกฤติหนี้ยูโรโซนจะลุกลามไปยังประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในภูมิภาคนั้น กดดันค่าเงินยูโรและทำให้นักลงทุนหันไปถือครองดอลลาร์มากขึ้น อย่างไรก็ตามการร่วงลงของราคาทองก็เปิดโอกาสสำหรับการเข้าช้อนซื้อ และราคาทองสามารถรักษาแนวรับสำคัญไว้ได้ ทั้งนี้คาดว่านักลงทุนยังคงเดินหน้าเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และคาดว่าจะมีแรงซื้อหนุนทองคำอย่างต่อเนื่องจนกว่านักลงทุนจะมีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ในยุโรปมากขึ้น โดยคาดว่าแนวโน้มราคาทองคำยังคงเป็นขาขึ้นในระยะยาว และระยะสั้นยังคงเคลื่อนไหวในลักษณะ side way เพื่อรอการทดสอบแนวต้านที่ 1,790 อีกครั้ง

 

นายกรัฐมนตรีปาปาเดมอสของกรีซมีแนวโน้มที่จะชนะการลงคะแนนเสียงให้ความไว้วางใจในรัฐสภากรีซในวันนี้ (16 พ.ย.) อย่างไรก็ดีพรรคอนุรักษ์นิยมในแนวร่วมรัฐบาลกรีซ ปฏิเสธที่จะทำตามข้อเรียกร้องที่ให้ทางกลุ่มลงนามในสัญญาว่าจะปฏิบัติตามเงื่อนไขในมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน โดยมาตรการดังกล่าวจะช่วยให้กรีซสามารถหลีกเลี่ยงจากภาวะล้มละลายและช่วยคุ้มครองความมั่นคงของยูโรโซน ขณะที่รัฐบาลประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) มีเวลาจนถึงการประชุมสุดยอดในวันที่ 9 ธ.ค. ในการหามาตรการใหม่ที่แข็งกร้าวมากยิ่งขึ้นและมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นในการแก้ไขวิกฤติหนี้ ซึ่งอาจจะรวมถึงมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงินขนาดใหญ่

 

สเปนสามารถระดมทุนจากการออกพันธบัตรอายุ 12 และ 18 เดือนเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3.2 พันล้านยูโร โดยให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงกว่า 5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2540 หรือสูงสุดในรอบ 14 ปี ซึ่งตัวเลขดังกล่าวกำลังสั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนและทำให้เกิดความกังวลว่าวิกฤตหนี้ยุโรปอาจจะทวีความรุนแรงและลุกลามเป็นวงกว้างขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ของสเปน ไม่มีการขยายตัว ส่วนจีดีพีไตรมาส 2 ขยายตัวเพียง 0.2%

 

เศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัวเพียง 0.2% ในไตรมาส 3 ขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในเยอรมนีและฝรั่งเศสได้ถูกบดบังจากประเทศที่เผชิญกับวิกฤติหนี้ และคาดว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงต้นปีหน้า ทั้งนี้การขยายตัวจากเดือนก.ค.-ก.ย.เหมือนกับในไตรมาส 2 แต่แนวโน้มสำหรับช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้เป็นไปอย่างซบเซา ขณะที่วิกฤติหนี้ที่ย่ำแย่ลงของยุโรปส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ซึ่งคาดว่าจีดีพีที่แท้จริงจะลดลงในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ที่อัตรา 0.25% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3

 

สหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยข้อเสนอที่จะให้มีการใช้กฎระเบียบที่เข้มงวดต่อสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันไม่ได้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือเหล่านี้มีส่วนทำให้ตลาดผันผวนมากขึ้นอีก การจัดอันดับความน่าเชื่อถือได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดและเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง และยังส่งผลกระทบต่อความเจริญรุ่งเรืองของประชาชนในยุโรปด้วย ดังนั้นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือจึงควรทำตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดมากขึ้น อีกทั้งควรเพิ่มความโปร่งใสในการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ และแสดงความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดของตนเอง

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่

- 19.30 น. กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค.

- 21.15 น. ธนาคารกลางสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิตเดือนต.ค.

- 22.00 น. สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) เปิดเผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนพ.ย.

- 22.30 น. สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,760 1,745 แนวต้านที่ 1,790 1,810 ภาพกราฟราย 240 นาที มีแรงซื้อที่บริเวณ 1,760 ที่เส้นค่าเฉลี่ย 75 (MA75) โดยทำ Low สูงขึ้น แนะนำทยอยสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวที่บริเวณแนวรับ 1,760/1,745 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,790/1,810/1,825

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 33.7 32.8 แนวต้านที่ 35.5 36.8 ภาพกราฟราย 240 นาที ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 32.8 – 35.5 แนะนำ Trading ในกรอบ

 

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

ราคาทองคำปิดเพิ่มขึ้น 23.8 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,702.4 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปิดเพิ่มขึ้นใกล้ Strike Price ของสัญญาออปชั่นที่หมดอายุเมื่อวานนี้

o ราคาทองคำปิดเพิ่มขึ้น 23.8 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,667.50 – 1,706.40 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปิดเพิ่มขึ้นกว่า 1% เมื่อมีแรงซื้อเพื่อปิดสถานะสัญญาออปชั่นที่ครบกำหนดสัญญาในวันที่ 22 พ.ย. ราคาปรับสูงขึ้นเข้าใกล้ 1,700 USDต่อออนซ์ซึ่งเป็น Strike price ถ้าหากจะขึ้นต่อต้องรักษาระดับความเคลื่อนไหวของราคาไม่ให้หลุดแนวรับบริเวณ 1,690 ถ้าหลุดบริเวณนี้ แนวรับถัดไปที่บริเวณ เส้นค่าเฉลี่ย 34 สัปดาห์ที่บริเวณ 1,635 และเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันบริเวณ 1,596 นักลงทุนระยะสั้นที่เปิดสถานะ Long ไว้ปิดทำกำไรบริเวณ 1,713 บริเวณแนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ย 100 วัน และถ้าผ่านแนวนี้ไปได้ให้เปิด Long อีกครั้ง โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 1,736 หรือถ้าไม่ผ่านบริเวณ 1,713 ให้เปิด Short โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,680/1,670/1,635 ส่วนนักลงทุนระยะยาวทยอยสะสม Long บริเวณแนวรับ 1,635/ 1,596 หากราคาไม่สามารถยืนเหนือ 1,670/ 1,665 ได้

o ความเคลื่อนไหวของราคาทองคำของราคาทองคำในเช้าวันนี้เคลื่อนไหวระหว่าง 1,695 – 1,708 USDต่อออนซ์ ราคามีแนวโน้มจะขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,713 – 1,736 คาดว่าจะไม่สามารถผ่านบริเวณแนวต้านบริเวณ 1,736 ไปได้

o สถานการณ์หนี้ในยูโรโซนมีเสถียรภาพมากขึ้น เมื่อ IMF จะเพิ่มสภาพคล่องให้กับประเทศที่มีปัญหาในยูโรโซน และรมว.คลังของยูโรโซนพร้อมจะให้เงินช่วยเหลือแก่กรีซจำนวน 8 พันล้านยูโร ในการประชุมครั้งต่อไปที่จะมีขึ้นในปลายเดือนนี้

o ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดร่วงลงอีก 53.59 จุดหรือ 0.46% โดยมีปริมาณซื้อขายเบาบาง เนื่องจากใกล้วันหยุดในช่วงวันขอบคุณพระเจ้า และปัจจัยลบจากความกังวลในเรื่องหนี้สินของยุโรปเมื่ออัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลของสเปนพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง นอกจากนี้การประกาศ GDP ไตรมาสที่ 3 ของสหรัฐลดลงเหลือ 2.0% ต่ำกว่า 2.5% กดดันให้ค่าเงิน USD อ่อนค่าลง ราคาน้ำมันดิบ Nymex พุ่งขึ้น 1.12% เมื่อนักลงทุนกังวลต่อการคว่ำบาตรอิหร่านจะทำให้เกิดภาวะไร้เสถียรภาพในตะวันออกกลาง และเข้าใกล้วันหยุดยาวที่จะมีความการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น

 

o ปัจจัยลบที่กดดันราคาทองคำในช่วงนี้ คือ การแข็งค่าของเงิน USD และการขาดสภาพคล่องของประเทศในยูโรโซน ส่วนปัจจัยบวก ได้แก่ การคาดการณ์ว่าสหรัฐ อังกฤษ ธนาคารกลางยุโรปและ IMF จะเพิ่มการอัดฉีดสภาพคล่องให้กับระบบการเงิน เช่น การใช้มาตรการ QE ส่วนปัญหาวิกฤตหนี้ของยูโรโซน และการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำของสหรัฐยังเป็นปัจจัยบวกในระยะยาวสำหรับทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ส่วนในระยะสั้นการแข็งค่าของเงิน USD ทีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาทองคำหลุดแนวรับ อาจลงมาที่ระดับ 1,635 / 1,600

o ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันพุธ รายได้ส่วนบุคคลเดือนต.ค. ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค.ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนพ.ย. วันพฤหัสและวันศุกร์ไม่มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ เนื่องจากหน่วยงานราชการปิด เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า

o ราคาโลหะเงินปิดเพิ่มขึ้น 1.84 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 32.95 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 31.16 – 33.04 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ขายโลหะเงินออก 30.26 ตัน ถือโลหะเงินจำนวน 9,685.37 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 33.05/ 33.6 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 31.7/30.7 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 30.7 – 33.6 USDต่อออนซ์

o SPDR ซื้อทองคำ 6.05 ตันถือทองคำจำนวน 1,297.32 ตัน

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,640 – 1,736 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,640 – 1,736

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,600 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

ถูกแก้ไข โดย ilovecgf

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

 

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,690/ 1,665 / 1,640 แนวต้านที่ 1,710/ 1,720 ภาพกราฟราย 240 นาที มีแรงขายที่บริเวณ 1,709 เส้นค่าเฉลี่ย 10 (MA 10) ถ้าหลุด 1,690 แนะนำให้เปิด Short โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,665 / 1,640 ถ้ายืนเหนือ 1,690 ได้ให้เปิด Long โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,710 / 1,725

 

Down Trend ในระยะสั้น

 

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 23 พ.ย. อยู่ที่ 1,708.64 USDต่อออนซ์ เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,701 – 1,709 USD ต่อออนซ์ ราคาทองคำมีการฟื้นตัวขึ้นมาหลังจากปรับตัวลดลงมากในช่วงก่อนหน้า ประกอบกับมีแรงซื้อ เพื่อให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเข้าใกล้ Strike price ของ สัญญาออปชั่นที่ครบอายุเมื่อวันที่ 22 พ.ย. ที่บริเวณ $1700 ซึ่งเป็นระดับที่มี Open Interest สูงสุด อย่างไรก็ตามการปรับตัวสูงขึ้นดังกล่าว คาดว่าเป็นการปรับตัวสูงขึ้นในระยะสั้น และมีแนวโน้มอ่อนตัวลงมาอีกครั้ง เนื่องจากการแข็งค่าของเงิน USD และการขาดสภาพคล่องของประเทศในยูโรโซน ประกอบกับสัญญาณทางเทคนิค ที่ราคาทองคำพยายามทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1,710 แต่ก็ไม่สามารถผ่านไปได้ บ่งชี้ว่าราคามีแนวโน้มอ่อนตัวลงมาก่อนในระยะสั้น โดยคาดว่าในระยะสั้นราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,640 – 1,736

 

กรีซ ยอดหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเป็น 3.60 แสนล้านยูโร (4.87 แสนล้านดอลลาร์) หรือ 165.3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ณ สิ้นเดือนกันยายนตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาอยู่ 7% และสูงกว่าในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 23.6% ซึ่งหากไม่ได้รับเงินช่วยเหลือจำนวน 8 พันล้านยูโร รัฐบาลกรีซอาจจะต้องประสบภาวะล้มละลายในเดือนธันวาคม โดยกลุ่มยูโรโซน ตัดสินใจอนุมัติเบิกจ่ายเงินช่วยเหลืองวดถัดไป และอาจได้ข้อสรุปในการประชุม รัฐมนตรีคลังของกลุ่มยูโรโซนในสัปดาห์หน้า

 

เฟดคาดการณ์ว่าในระยะใกล้นี้ การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐจะแข็งแกร่งกว่าในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เนื่องจากข้อมูลในด้านบวกจากตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและการลงทุนในภาค ธุรกิจ อย่างไรก็ตาม คาดว่าเศรษฐกิจจะยังคงเผชิญกับอุปสรรคต่างๆในระยะกลาง ทั้งนี้ เฟดคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวราว 1.6-1.7% ในปี 2554 และ 2.5-2.9% ในปี 2555

 

ทางการเบลเยียมและฝรั่งเศสกำลังจัดการประชุมครั้งใหม่เพื่อหารือถึงข้อตกลงที่ทั้ง 2 ประเทศเคยเห็นพ้องกันก่อนหน้านี้ในการช่วยเหลือธนาคารเด็กเซีย ซึ่งเป็นธนาคารยุโรปที่รัฐบาลให้ความช่วยเหลือเป็นแห่งแรกในวิกฤติหนี้ยูโรโซน ทั้งนี้ รมว.คลังเบลเยียมปฏิเสธว่า ไม่ได้มีการยกเลิกข้อตกลงเดิมระหว่างเบลเยียมและฝรั่งเศสในการช่วยเหลือธนาคารเด็กเซีย การประชุมดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการหารือเรื่องการแบ่งค่าใช้จ่ายระหว่างฝรั่งเศสและเบลเยียม หลังการให้ความช่วยเหลือเด็กเซีย ซึ่งได้เพิ่มแรงกดดันต่อประเทศอื่นๆในยูโรโซนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ธนาคาร ขณะที่วิกฤติหนี้รุนแรงขึ้น

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่

- 20.30 น. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลเดือนต.ค.

- 20.30 น. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค.

- 20.30 น. กระทรวงแรงงานสหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

- 20.30 น. รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐช่วงท้ายเดือนพ.ย.

- 22.30 น. สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์

- 02.00 น. คณะกรรมการนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 1-2 พฤศจิกายน

 

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,690/ 1,665 / 1,640 แนวต้านที่ 1,710/ 1,720 ภาพกราฟราย 240 นาที มีแรงขายที่บริเวณ 1,709 เส้นค่าเฉลี่ย 10 (MA 10) ถ้าหลุด 1,690 แนะนำให้เปิด Short โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,665 / 1,640 ถ้ายืนเหนือ 1,690 ได้ให้เปิด Long โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,710 / 1,725

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 31.0 30.5 แนวต้านที่ 32.75 33.0 ภาพกราฟราย Day ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 30.5 – 33.0 แนะนำ Trading ในกรอบ

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

 

ถูกแก้ไข โดย ilovecgf

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

ราคาทองคำปิดลดลง 6.50 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,695.90 USDต่อออนซ์ นักลงทุนยังต้องการถือเงินสด จากความกังวลในเรื่องการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีน และปัญหาหนี้ยุโรปที่มีแนวโน้มจะลุกลามมากขึ้น

 

o ราคาทองคำปิดลดลง 6.50 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,677.10 – 1,710.80 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปิดลดลงเล็กน้อย โดยปิดใกล้ high ของวันเนื่องจากมีแรงซื้อในตลาด physical ในช่วงราคาอ่อนตัวลง นักลงทุนยังคงมีความกังวลต่อตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่ชะลอตัวลง และตัวเลขเศรษฐกิจของยูโรโซนที่แสดงสัญญาณหดตัวในเดือน พ.ย. ราคาทองคำร่วงลงพร้อมกับการอ่อนค่าของเงินยูโร และการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นทั่วโลก โดยนักลงทุนยังมีความต้องการถือเงินสด และขายสินทรัพย์เสี่ยง

o ราคาปิดยังยืนเหนือ 1,690 USDต่อออนซ์ได้ โดยนักลงทุนเข้าซื้อบริเวณ 1,677 และไปขายบริเวณแนวต้าน 1,700 กราฟในราย 4 ช.ม. จุดต่ำสุดยกตัวสูงขึ้น คาดว่าในวันนี้จะมีแรงซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวบริเวณแนวรับ 1,677/ 1,685 และอาจขายทำกำไรสั้นๆบริเวณ 1,700 – 1,715 คำแนะนำ นักลงทุนระยะสั้น หากไม่หลุดแนวรับบริเวณเส้น trend line 1,670 สามารถ trading ในกรอบ 1,670 – 1,715 ได้ โดยถ้าราคาปิดสามารถยืนเหนือ 1,700 ได้จะเป็นสัญญาณบวก แต่ถ้าราคาปิดต่ำกว่า 1,670 แสดงสัญญาณลบ นักลงทุนระยะสั้น เน้นการเปิด Short เมื่อราคาเข้าใกล้แนวต้านบริเวณ 1,696/1,700 ถ้าผ่านแนวต้านบริเวณ 1,715 ไปได้ให้เปิด Long อีกครั้ง โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 1,735 / 1,750 หรือถ้าไม่ผ่านบริเวณ 1,700 ให้เปิด Short โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,680/1,670/1,635 ส่วนนักลงทุนระยะยาวทยอยสะสม Long บริเวณแนวรับ 1,635/ 1,596 หากราคาไม่สามารถยืนเหนือ 1,670/ 1,665 ได้

o ความเคลื่อนไหวของราคาทองคำของราคาทองคำในเช้าวันนี้เคลื่อนไหวระหว่าง 1,691 – 1,696 USDต่อออนซ์ ราคามีแนวโน้มจะลงไปทดสอบแนวรับบริเวณ 1,670 แนะนำนักลงทุนระยะสั้น หากไม่สามารถยืนเหนือ 1,700 ได้ให้เปิด short โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,680/1,670 และเปิด Long กลับขึ้นมาได้ถ้าไม่หลุด 1,670 โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,696 / 1,700

o ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าอยู่ที่ระดับ 1.3362 ดอลลาร์สหรัฐต่อยูโร เนื่องจากรัฐบาลเยอรมนีไม่สามารถระดมทุนได้ตามเป้าหมายในการเปิดประมูลขายพันธบัตร อายุ 10 ปีเมื่อวานนี้ ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าเยอรมนี อาจจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้สาธารณะ นอกจากนี้ยูโรยังได้รับแรงกดดันหลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ เตือนว่าฝรั่งเศสมีความเสี่ยงที่จะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือหากวิกฤตหนี้ยูโรโซนลุกลาม

o ราคาน้ำมัน Nymex ปิดที่ 96.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลลดลง -1.84 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล ปรับตัวลดลง -1.88% ในวันพุธ เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ

o ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ 11,257.8 จุด ปรับลดลง -236.2 จุด ลดลง -2.055% ในวันพุธ เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่าวิกฤตหนี้ยุโรปอาจลุกลามเข้าสู่เยอรมนี

o ปัจจัยลบที่กดดันราคาทองคำในช่วงนี้ คือ การแข็งค่าของเงิน USD และการขาดสภาพคล่องของประเทศในยูโรโซน ส่วนปัจจัยบวก ได้แก่ การคาดการณ์ว่าสหรัฐ อังกฤษ ธนาคารกลางยุโรป และ IMF จะเพิ่มการอัดฉีดสภาพคล่องให้กับระบบการเงิน เช่น การใช้มาตรการ QE ส่วนปัญหาวิกฤตหนี้ของยูโรโซน และการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำของสหรัฐยังเป็นปัจจัยบวกในระยะยาวสำหรับทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ส่วนในระยะสั้นการแข็งค่าของเงิน USD ทีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาทองคำหลุดแนวรับ อาจลงมาที่ระดับ 1,635 / 1,600

o ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ วันพฤหัสและวันศุกร์ไม่มีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ เนื่องจากหน่วยงานราชการปิด เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า

o ราคาโลหะเงินปิดลดลง 1.07 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 31.88 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 31.22 – 32.87 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ขายโลหะเงินออก 57.49 ตัน ถือโลหะเงินจำนวน 9,627.88 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 32.8/ 33.0 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 30.9/30.6 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 30.6 – 33.0 USDต่อออนซ์

o SPDR ถือทองคำจำนวนเท่าเดิม 1,297.32 ตัน

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,640 – 1,736 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,640 – 1,736

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,600 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

ถูกแก้ไข โดย ilovecgf

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,666 1,640 แนวต้านที่ 1,705 1,725 ภาพกราฟราย 240 นาที มีแรงซื้อที่บริเวณ 1,675 แนะนำทยอยสะสม เมื่อราคาอ่อนตัวที่บริเวณแนวรับ 1,666 1,640 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,705 1,725

ซื้อขายเบาบางในวัน Thanksgivings

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 24 พ.ย. อยู่ที่ 1,691.05 USDต่อออนซ์ เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,688 – 1,696 USD ต่อออนซ์ ระหว่างวันราคาทองคำเคลื่อนไหวในช่วงแคบๆ ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากตลาดการเงินสหรัฐจะปิดทำการในวันขอบคุณพระเจ้าในคืนวันนี้ (24 พ.ย.) โดยราคาทองคำมีการฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย จากปัจจัยทางเทคนิค และค่าเงิน US Dollar ที่อ่อนค่าลง อย่างไรก็ตามนักลงทุนจำนวนมากก็ยังคงระมัดระวังต่อการปรับตัวขึ้นในวันนี้ (24 พ.ย.) โดยตลาดอาจจะปรับตัวขึ้นในช่วงสั้นๆ ขณะที่สถานการณ์โดยรวมยังยากลำบากอยู่ เนื่องจากวิกฤติหนี้ยูโรโซนอาจจะลุกลามไปยังประเทศอื่นมากขึ้น ขณะที่การขายพันธบัตรเยอรมนีที่ประสบความล้มเหลวทำให้เกิดความวิตกว่าวิกฤติหนี้ครั้งนี้เริ่มจะคุกคามเยอรมนีแล้ว ประกอบกับการเปิดเผยข้อมูลที่อ่อนแอจากยุโรป, จีน และสหรัฐเมื่อวานนี้ (23 พ.ย.) ทำให้เกิดความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ส่งผลให้นักลงทุนลดพอร์ดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงทองคำ และเข้าถือเงินสดแทน โดยคาดว่าอาจมีแรงขายออกมาเมื่อถึงแนวต้านบริเวณ 1,705 และอ่อนตัวลงมาอีกครั้งที่บริเวณแนวรับที่ 1,666 ถัดไปที่ 1,640

มูดีส์ กล่าวว่า ความล้มเหลวของที่ประชุมคณะกรรมการร่วมระหว่างสองพรรคการเมืองสหรัฐ จนไม่สามารถบรรลุข้อตกลงลดตัวเลขขาดดุลงบประมาณได้นั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดที่ AAA แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม มูดีส์ยอมรับว่า ขณะนี้ บริษัทมีมุมมองในเชิงลบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ เนื่องจากจะต้องใช้เวลาสักระยะกว่าที่การลดยอดขาดดุลงบประมาณเพิ่มเติม จะสามารถพลิกสถานการณ์หนี้สินของประเทศ

 

 

ฟิทช์ เรทติ้งส์ระบุว่า อันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AAA ของฝรั่งเศสกำลังเผชิญกับความเสี่ยง ในขณะที่ฝรั่งเศสมีความสามารถในวงจำกัดในการปรับตัวรับเหตุรุนแรงที่อาจส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินของประเทศ โดยแถลงการณ์นี้ถือเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่า วิกฤติหนี้ยูโรโซนอาจส่งผลให้ฝรั่งเศสสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือขั้น AAA

ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของเยอรมนีเพิ่มขึ้น 0.5% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบรายไตรมาสจาก 0.3% ในไตรมาส 2 ขณะที่การอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลขยายตัวในอัตราสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี ทั้งนี้ ข้อมูลจีดีพีที่มีการปรับค่าตามฤดูกาลระบุว่า การบริโภคส่วนบุคคลกลับมาขยายตัว 0.8% หลังจากหดตัวลง 0.6% ในไตรมาส 2 ขณะที่การลงทุนด้านอุปกรณ์โรงงานเพิ่มขึ้น 2.9% ส่วนการใช้จ่ายของรัฐเพิ่มขึ้น 0.6% และการส่งออกเพิ่มขึ้น 2.5% แต่เมื่อเทียบรายปี ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ถึงการชะลอตัวลงอีกครั้ง โดยเศรษฐกิจขยายตัว 2.5% จาก 3.0% ในไตรมาส 2

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,666 1,640 แนวต้านที่ 1,705 1,725 ภาพกราฟราย 240 นาที มีแรงซื้อที่บริเวณ 1,675 แนะนำทยอยสะสม เมื่อราคาอ่อนตัวที่บริเวณแนวรับ 1,666 1,640 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,705 1,725

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 30.9 30.6 แนวต้านที่ 32.8 33.0 ภาพกราฟราย day ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 30.6 – 33.0 แนะนำ Trading ในกรอบ

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

ถูกแก้ไข โดย ilovecgf

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

ราคาทองคำปิดเพิ่มขึ้น 0.90 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,696.8 USDต่อออนซ์ ตลาด COMEX ปิดทำการเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยมีแรงซื้อในตลาด Physical ในช่วงราคาอ่อนตัว แต่มีการขายทำกำไรในช่วงแนวต้าน โดยนักลงทุนยังเน้นการถือเงินสดเนื่องจากความกังวลในวิกฤตหนี้ของยุโรป

 

o ราคาทองคำปิดเพิ่มขึ้น 0.90 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,687.29 – 1,704.83 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปิดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยมีแรงซื้อในช่วงราคาอ่อนตัวในตลาด Physical และการซื้อสะสมของกองทุน ETF เพิ่มขึ้นเป็น 2,350.8 ตัน แต่ในช่วงเช้าวันนี้ราคาเคลื่อนไหวลดลงอยู่ระหว่าง 1,692 – 1,693 USDต่อออนซ์ โดยนักลงทุนยังเน้นการถือเงินสด เนื่องจากความกังวลในเรื่องวิกฤตหนี้ของยุโรป เมื่อนายกรัฐมนตรีเยอรมันไม่เห็นด้วยกับการยูโรบอนด์ และเยอรมันไม่สามารถขายพันธบัตรัฐบาลได้หมดตามเป้าหมาย ทำให้มีความกังวลว่าวิกฤติหนี้ของยุโรปจะลุกลามออกไป โดยในระยะต่อไป ทองคำมีแนวโน้มอ่อนค่าลงอีกได้ ถ้าหากวิกฤตหนี้ของยุโรปยังสร้างความกังวลให้กับนักลงทุน และนักลงทุนหันมาถือเงินสดมากขึ้น ทำให้ค่าเงิน USD แข็งค่าขึ้น กดดันราคาทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ

o ราคาปิดยังยืนเหนือ 1,690 USDต่อออนซ์ได้ โดยนักลงทุนเข้าซื้อบริเวณใกล้แนวรับบริเวณ 1,687 – 1,690 โดยมีแรงซื้อจากตลาด physical ในช่วงอ่อนตัว ทำให้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นว่า ราคาทองคำยังเป็นขาขึ้นในระยะยาว อย่างไรก็ตามการที่ราคายังไม่สามารถผ่านบริเวณ 1,705 – 1,710 ไปได้ แสดงว่ายังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามาเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุน คาดว่า ราคาในวันนี้มีแนวโน้ม side way ในกรอบแนวรับบริเวณ 1,685/ 1,675 และแนวต้านบริเวณ 1,705/1,715 แนะนำนักลงทุนระยะสั้น Trading ในกรอบ 1,675 – 1,715 โดยถ้าราคาปิดยืนเหนือ 1,715 ได้จะเป็นสัญญาณบวกและอาจขึ้นไปถึงแนวต้าน 1,725 / 1,740 แต่ถ้าราคาปิดลดลงมาใกล้บริเวณ 1,675/1,670 คาดว่าในสัปดาห์หน้าอาจมีแรงขายทำให้ราคาปรับลดลงไปบริเวณ 1,665/1,640 ส่วนนักลงทุนระยะยาวทยอยสะสม Long บริเวณแนวรับ 1,665/ 1,640 หากราคาไม่สามารถยืนเหนือ 1,670 ได้

o นายกรัฐมนตรีเยอรมนี คัดค้านการออกพันธบัตรยูโรโซนหลังจากประชุมกับผู้นำ ฝรั่งเศสและอิตาลี นอกจากนี้ยังคงคัดค้านการปรับเปลี่ยนบทบาทของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เพื่อช่วยในการแก้วิกฤติด้วย ส่งผลให้เกิดความกังวลว่า ผู้กำหนดนโยบายจะไม่สามารถบรรลุความเห็นที่ตรงกันในการแก้ไขวิกฤติหนี้สินได้

 

o ฟิทช์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของโปรตุเกสลงสู่สถานะขยะ จาก BBB- ลงสู่ BB+ รัฐบาลเบลเยียมหวังที่จะพึ่งพารัฐบาลฝรั่งเศสให้จ่ายเงินเพิ่มเติมเพื่อให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินแก่ธนาคารเด็กเซียภายใต้โครงการช่วยเหลือฉุกเฉินวงเงิน 9 หมื่นล้านยูโรแต่อาจจะถูกนำมาพิจารณาทบทวนใหม่อีกครั้ง เนื่องจากฝรั่งเศสกับเบลเยียมมีความขัดแย้งกันในเรื่องมาตรการค้ำประกันการระดมทุนระยะสั้น

o ปัจจัยลบที่กดดันราคาทองคำในช่วงนี้ คือ การแข็งค่าของเงิน USD และการขาดสภาพคล่องของประเทศในยูโรโซน ส่วนปัจจัยบวก ได้แก่ การคาดการณ์ว่าสหรัฐ อังกฤษ ธนาคารกลางยุโรป และ IMF จะเพิ่มการอัดฉีดสภาพคล่องให้กับระบบการเงิน เช่น การใช้มาตรการ QE ส่วนปัญหาวิกฤตหนี้ของยูโรโซน และการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำของสหรัฐยังเป็นปัจจัยบวกในระยะยาวสำหรับทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ส่วนในระยะสั้นการแข็งค่าของเงิน USD ทีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาทองคำหลุดแนวรับ อาจลงมาที่ระดับ 1,640 / 1,600

o ราคาโลหะเงินปิดลดลง 0.18 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 31.7 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 31.5 – 32.2 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,627.88 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 32.8/ 33.0 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 31.0/30.5 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 30.5– 33.0 USDต่อออนซ์

o SPDR ถือทองคำจำนวนเท่าเดิม 1,297.32 ตัน

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,640 – 1,736 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,640 – 1,736

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,600 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

ถูกแก้ไข โดย ilovecgf

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,670 1,640 แนวต้านที่ 1,700 1,715 ภาพกราฟราย 240 นาที มีแรงขายที่บริเวณ 1,700 เส้นค่าเฉลี่ย 10 (MA 10) แนะนำทยอยสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวที่บริเวณแนวรับ 1,670 1,640 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,700 1,715 Trading ในกรอบ 1,675 – 1,715

ราคาทองคำ ถูกกดดันจากค่าเงิน US dollar

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 25 พ.ย. อยู่ที่ 1,693.57 USDต่อออนซ์ เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,680 – 1,693 USD ต่อออนซ์ ด้วยปริมาณการซื้อขายเบาบาง จากตลาดการเงินสหรัฐปิดทำการในวัน Thanksgivings ระหว่างวันราคาทองคำอ่อนค่าลงมา เนื่องจากปัจจัยทางเทคนิค และค่าเงิน US dollar ที่แข็งค่าขึ้น ประกอบกับความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับวิกฤติหนี้ยูโรโซน อีกทั้งสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือต่างปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ หลายๆประเทศในยุโรป เช่น ฮังการี โปรตุเกส เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว ส่งผลให้นักลงทุนหันมาถือครองเงินสดเพิ่มมากขึ้น กดดันให้ราคาทองคำมีแนวโน้มอ่อนตัวลงไป โดยมีแนวรับสำคัญที่ 1,670 และถัดไปที่ 1,665 หากไม่สามารถยืนอยู่ได้ คาดว่าจะอ่อนตัวลงมาอีกที่ 1,640 โดยราคาจะมองในแนวโน้มเชิงบวกมากขึ้น หากผ่านเส้น MA 25 ที่ 1,700

รัฐมนตรีกระทรวงคลังญี่ปุ่นเผยเงินเยนยังไม่ได้แข็งค่าขึ้นมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่ที่รัฐบาลได้เข้าไปแทรกแซงตลาดเมื่อ 31 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งบ่งชี้ว่า รมว.คลังมองว่า การเข้าไปแทรกแซงตลาดอีกครั้งในขณะนี้ ยังไม่ใช่เรื่องที่จำเป็น

สหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยว่า ผลการประมูลขายพันธบัตรที่น่าผิดหวังของเยอรมนีเมื่อวันพุธ (23 พ.ย.) ที่ผ่านมาบ่งชี้ ว่า อิทธิพลของวิกฤติหนี้สินในยุโรปซึ่งเริ่มต้นที่กรีซ ได้เริ่มลุกลามเข้าไปยังประเทศขนาดใหญ่ในยุโรปแล้ว พร้อมกับกล่าวว่า สถานการณ์ในปัจจุบันมีความรุนแรงมาก และวิกฤตการณ์ในบางจุดก็อยู่ในภาวะหมดเวลาที่จะแก้ไข

มูดี้ส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรรัฐบาลฮังการีลง 1 ขั้นจาก Baa3 สู่ Ba1 ซึ่งต่ำกว่าระดับน่าลงทุนโดยมีแนวโน้มเชิงลบ ทั้งนี้ความไม่แน่นอนมากขึ้นเกี่ยวกับความสามารถของฮังการีในการบรรลุเป้าหมายทางการคลัง, ระดับหนี้สินสูง และแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะกลางที่ถูกจำกัดมากขึ้น เป็นเหตุผลหลักที่มูดี้ส์ลดอันดับความน่าเชื่อถือของฮังการี ขณะที่ฮังการี กล่าวว่า มูดี้ส์ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของฮังการีลงเป็นการดำเนินการที่ไม่มีเหตุผลสนับสนุนที่เพียงพอ เมื่อพิจารณาจากขนาดของงบประมาณของประเทศ และฮังการีมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัด

ผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า กลุ่มประเทศ PIGS หรือประเทศที่มีเศรษฐกิจอ่อนแอในยูโรโซน ซึ่งได้แก่ โปรตุเกส, ไอร์แลนด์, กรีซ และสเปน จะต้องใช้เวลานานหลายปีในการทำให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัว ขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอ, อัตราการว่างงานที่ระดับสูง และยอดขาดดุลงบประมาณจำนวนมาก

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,670 1,640 แนวต้านที่ 1,700 1,715 ภาพกราฟราย 240 นาที มีแรงขายที่บริเวณ 1,700 เส้นค่าเฉลี่ย 10 (MA 10) แนะนำทยอยสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวที่บริเวณแนวรับ 1,670 1,640 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,700 1,715 Trading ในกรอบ 1,675 – 1,715

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 30.9 30.6 แนวต้านที่ 32.8 33.0 ภาพกราฟราย day ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 30.6 – 33.0 แนะนำ Trading ในกรอบ

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

ถูกแก้ไข โดย ilovecgf

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเช้า)

 

ราคาทองคำปิดลดลง 10.20 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,685.70 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับลดลงตามตลาดหุ้น และการแข็งค่าของเงิน USD เมื่อปัญหาหนี้ของยุโรปยังตกลงกันไม่ได้ในเรื่องการออกยูโรบอนด์ และเบลเยี่ยมถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ

o ราคาทองคำปิดลดลง 10.20 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,672.60 – 1,702.70 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำปรับตัวลดลงพร้อมกับตลาดหุ้นทั่วโลก ค่าเงิน USD ยังคงแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทิศทางของเงินยูโรยังเป็นขาลง เมื่อนักลงทุนไม่มีความมั่นใจในการแก้ปัญหาหนี้ของยุโรป พร้อมกับมีการปรับอันดับความน่าเชื่อถือของเบลเยี่ยมโดย S&P และการที่อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลของอิตาลีปรับสูงขึ้นอีก

o ราคาทองคำในสัปดาห์ที่แล้วปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 และภาพทางเทคนิคแสดงสัญญาณขายในรายวันเมื่อไม่สามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 100 วันบริเวณ 1,688 ได้ ราคามีแนวโน้มลดลงสู่เส้นค่าเฉลี่ย 150 วันบริเวณ 1,650 ส่วนในรายสัปดาห์ภาพทางเทคนิคยังส่งสัญญาณลบ และราคามีแนวโน้มไปทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 34 สัปดาห์ที่บริเวณ 1,634 หากในสัปดาห์นี้ราคาไม่สามารถปรับตัวขึ้นยืนเหนือ 1,700 ได้มีโอกาสที่จะปรับลดลงสู่แนวรับบริเวณ 1,688/1,650/ 1,634 ได้ แต่การปรับตัวลงสู่แนวรับบริเวณ 1,688/1,650/ 1,634 คาดว่าจะมีแรงดีดตัวขึ้น นักลงทุนระยะสั้นสามารถเข้าซื้อเก็งกำไรบริเวณดังกล่าวได้ โดยมีแนวต้านบริเวณ 1,700 สัญญาณทางเทคนิคระยะกลางยังเป็นลบและมีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อ ส่วนภาพในระยะยาวยังคงเป็นแนวโน้มเป็นขาขึ้น ถ้าในสัปดาห์นี้ราคายังยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 100 วันและ 150 วัน มีโอกาส rebound ขึ้นได้ที่บริเวณ 1,700/1,715 / 1,725 / 1,740 USDต่อออนซ์

o ราคาทองคำในเช้าวันนี้ปรับตัวขึ้นมาเคลื่อนไหวอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 100 วันและยืนเหนือ 1,700 ได้ จากมีความหวังในการแก้ปัญหาหนี้ยุโรป และ IMF มีแผนเข้าช่วยเหลืออิตาลี ทำให้ดัชนีหุ้นล่วงหน้าปรับบวกขึ้น สัญญาณทางเทคนิคในราย 4 ช.ม.เป็นบวก และราคาทองคำมีแนวโน้มไปต่อที่แนวต้านถัดไปบริเวณ 1,725/1,740/1,750 USDต่อออนซ์ แนะนำ นักลงทุนระยะสั้นเก็งกำไรในกรอบ 1,700 – 1,750 ส่วนนักลงทุนระยะยาวแนะนำ รอซื้อบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 100 วัน บริเวณ 1,688 และเส้นค่าเฉลี่ย 150 วันบริเวณ 1,650

o ในสัปดาห์นี้จะมีการประมูลพันธบัตรของอิตาลีอีก ซึ่งอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรและจำนวนพันธบัตรที่ขายได้ จะมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และการดำรงอยู่ของสหภาพยุโรป

o ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ต้องติดตาม ได้แก่ วันจันทร์ ดัชนีการผลิตเขตมิดเวสต์เดือนต.ค. ยอดขายบ้านใหม่เดือนต.ค. วันอังคาร ราคาบ้านเดือนก.ย.ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนต.ค. วันพุธ การจ้างงานทั่วประเทศเดือนพ.ย. ประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยประจำไตรมาส 3/2011 ดัชนีภาวะธุรกิจรัฐนิวยอร์คเดือนพ.ย. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI)เขตชิคาโกเดือนพ.ย.ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจหรือ Beige Bookตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันพฤหัสบดี จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย. วันศุกร์ การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.

o ราคาโลหะเงินปิดลดลง 0.87 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 31.01 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 30.94 – 32.22 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,627.88 ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 32.2/33.0 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 30.2/29.31 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 29.3 – 33.0 USDต่อออนซ์

o SPDR ถือทองคำจำนวนเท่าเดิม 1,297.32 ตัน

แนวโน้มระยะสั้น : อยู่ในกรอบ 1,700 – 1,750 แนะนำ Trading ในกรอบ 1,700 – 1,750

แนวโน้มระยะยาว : อยู่ในกรอบ 1,600 - 1950 ทยอยสะสม Long เมื่อราคาอ่อนตัว

 

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

ถูกแก้ไข โดย ilovecgf

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์แนวโน้มราคา ทองคำ และ ซิลเวอร์ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2554 โดยบริษัท คลาสสิกโกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด (ช่วงเย็น)

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,705 1,690 แนวต้านที่ 1,724 1,740 ภาพกราฟราย 240 นาที สัญญาณดีขึ้นเมื่อผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 34 วัน แนะนำทยอยสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวที่บริเวณแนวรับ 1,705 1,690 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,724 1,740

 

Rebound ทดสอบแนวต้าน

ราคาทองคำเปิดตอนเช้าตามเวลาตลาดเอเซีย วันที่ 28 พ.ย. อยู่ที่ 1,705.65 USDต่อออนซ์ เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 1,703 – 1,715 USD ต่อออนซ์ ระหว่างวันราคาทองคำ Rebound ขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศที่ต่างปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยราคาสามารถยืนเหนือ 1,700 มีแนวโน้มในทิศทางที่ดี ทั้งนี้เนื่องจากค่าเงิน US dollar ที่อ่อนตัวลงไป และสถานการณ์ทางฝั่งยุโรป เริ่มคลายความกังวล หลังจากมีความหวังว่า ยุโรปจะออกมาตรการที่เป็นรูปธรรมในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะทำให้กองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป(EFSF) สามารถดำเนินงานได้ โดยกองทุนนี้มีความสำคัญต่อการลดแรงกดดันในการระดมทุนต่อประเทศที่มีปัญหาทางการเงินของยูโรโซน ประกอบกับมีรายงานว่า IMF มีแผนเข้าช่วยเหลืออิตาลี แต่ก็ลดช่วงบวกหลังจากที่มีความไม่แน่ใจเกี่ยวกับรายงานดังกล่าว และไอเอ็มเอฟออกมาปฏิเสธในภายหลังว่า ไม่มีการหารือดังกล่าว ดังนั้นคาดว่าราคาทองคำอาจมีการ Rebound ขึ้นไประดับ 1,724 หากสามารถผ่านไปได้ มีแนวโน้มสดใส แต่หากไม่สามารถยืนอยู่ได้ มีแนวโน้มอ่อนตัวลงมาอีกครั้ง

 

ไอเอ็มเอฟกำลังเตรียมแผนช่วยเหลือคิดเป็นมูลค่าถึง 6.00 แสนล้านยูโรสำหรับอิตาลี โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 4-5 %เพื่อช่วยผ่อนคลายสภาพคล่องของอิตาลีเป็นเวลา 18 เดือน ซึ่งสูงกว่าขีดความสามารถในปัจจุบันของไอเอ็มเอฟ โดย ไอเอ็มเอฟและอิตาลีมีการติดต่อกันมากขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่ขณะนี้ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าจะมีการเสนอการให้ความสนับสนุนในรูปแบบใด เช่น การจัดวงเงินสำรองแบบดั้งเดิม หรือการให้วงเงินสินเชื่อเพื่อป้องกันล่วงหน้า ถ้าหากตลาดการเงินทรุดตัวในวันนี้ (28 พ.ย.) ซึ่งทำให้ต้องมีการดำเนินการในทันที แต่โฆษกของไอเอ็มเอฟได้ออกมาปฏิเสธรายงานข่าวดังกล่าว โดยระบุว่า"ไม่มีการหารือใดๆกับเจ้าหน้าที่อิตาลีเกี่ยวกับโครงการให้เงินกู้ช่วยเหลือของไอเอ็มเอฟ"

เนื่องจากสหภาพยุโรปจะจัดการประชุมสุดยอดในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ เจ้าหน้าที่จึงเปิดเผยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เยอรมนีและฝรั่งเศสกำลังสำรวจแนวทางในการประสานนโยบายการคลังของประเทศสมาชิกยูโรโซนเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็วและแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โดยอาจจะมีน้อยกว่า 17 ประเทศในยูโรโซน การเคลื่อนไหวดังกล่าวจะช่วยป้องกันการโจมตีของตลาดอย่างรุนแรงต่อประเทศที่มีหนี้สินสูง และทำให้ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มีอิสระมากขึ้นในการซื้อพันธบัตร

รมว.คลังยูโรโซนจะประชุมกันในวันพรุ่งนี้ (29 พ.ย.) ซึ่งคาดว่าจะมีการอนุมัติกฎข้อบังคับสำหรับกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ซึ่งจะทำให้กองทุน EFSF สามารถดึงดูดเงินทุนจากนักลงทุนได้

มูดี้ส์ เปิดเผยว่า วิกฤติของหนี้สาธารณะและภาคธนาคารของยุโรปที่เลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว กำลังคุกคามอันดับความน่าเชื่อถือของทุกประเทศในยุโรป โดยตั้งข้อสังเกตว่า แรงกระตุ้นทางการเมืองเพื่อปฏิบัติตามแผนที่มีประสิทธิภาพนั้น อาจจะมีขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์ตื่นตระหนกหลายครั้ง ซึ่งอาจจะทำให้ประเทศจำนวนมากขึ้นสูญเสียช่องทางการเข้าถึงแหล่งระดมทุนในตลาด และจะทำให้ต้องการมาตรการสนับสนุน

การวิเคราะห์ทางเทคนิค

++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,705 1,690 แนวต้านที่ 1,724 1,740 ภาพกราฟราย 240 นาที สัญญาณดีขึ้นเมื่อผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 34 วัน แนะนำทยอยสะสมเมื่อราคาอ่อนตัวที่บริเวณแนวรับ 1,705 1,690 โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 1,724 1,740

++ ราคาโลหะเงินมีแนวรับที่ 30.9 30.6 แนวต้านที่ 32.8 33.0 ภาพกราฟราย day ราคาเคลื่อนไหวในกรอบ 30.6 – 33.0 แนะนำ Trading ในกรอบ

อบรมทุกวันอังคารและพฤหัส ที่ออฟฟิศอาคารจตุรัสจามจุรี ชั้น 12

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เบอร์โทร 02 618 0808,

http://www.classicgoldfutures.co.th

http://www.classicgold.co.th

http://www.chiabsengheng.co.th

http://www.facebook....lassicGoldGroup

http://www.youtube.com/ilovecgf

http://www.twitter.com/ilovecgf

http://classicgoldfutures.blogspot.com

http://itunes.apple....d464234361?mt=8

ถูกแก้ไข โดย ilovecgf

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...