ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

สวัสดีคับเพื่อนๆทุกท่าน :Announce ทองรีบาวเพราะฤทธิไดเวอร์จิ้นราย1ชม แต่ยังไม่จบเพียงเท่านี้แน่มาดูกราฟกัน16-9-56-03.gifเริ่มจากราย15นาทีก่อน ดูจากรูปการแล้วมีโอกาสลงมากกว่าขึ้นเพราะลงมาทดสอบไฮ1323.15แล้วแต่ยังรีบาวขึ้นได้แต่ไม่เกิดนิวไฮใหม่ แถมทำรูปแบบ3คลื่นด้วย ถ้าเบรคไฮขึ้นได้ค่อยว่ากันใหม่ ผมอาจจะนับผิดก็ได้แต่ส่วนตัวเชื่อว่าย่อแล้ว เพราะเช้าเปิดแกบไว้ลงมาปิดแล้วเช่นกัน แต่คิดว่ายังไงวันนี้น่าจะปิดแถวๆ1324-1320 เต็มแท่ง่ก่อนโดยอาจจะลงถึง1312แล้วเด้งขึ้นกลับมาที่ฟิโบ127.2-161.8 หรือ ราคา 1343- 1354 หรือสูงกว่าถึงฟิโบ200หรือ 1363 มาดูกราฟต่อไป16-9-56-02.gifกราฟรายชม หากวัดด้วยฟิโบจากคลื่น1hB-1hCก่อนหน้าโอกาสที่คลื่น1hAลูกต่อไปจะขึ้นได้ คือฟิโบ50-61.8-76.4 หรือราคา1360-1373-1389 แต่เมื่อดูร่วมกับกราฟราย15นาที ทำให้เห็นว่ามีโอกาสที่จะขึ้นมาแถวๆ1360-1373 มากกว่าจากนั้นย่อลงมาทำ1hBแล้วรีบาวกลับทำ1hC เพื่อจบ4hB ต่อไป ซึ่งจากกราฟนี้เราจะเห็นว่าrsi&macdทำไดเวอร์จิ้นชัดเจน มาพร้อมกับฟิชเชอร์บีบีอ้าแล้ว เป็นการสนับสนุนการรีบาวกลับอย่างชัดเจน ส่วนเป้าหมายการขึ้น4hBนั่นดูกราฟต่อไป16-9-56-01.gifจากกราฟราย4ชม จะเห็นว่าตามทฤษฏีคลื่นBจะขึ้นได้ถึงฟิโบ50-61.8-76.4 หรือราคา1368--1384-1402 เมื่อมองร่วมกับกราฟราย1ชม จะเห็นว่าถ้า กรณีที่คลืน1hAจบที่ราคา1360-1373 ราคาจะคลุม1368ตามฟิโบ50ในกราฟราย4ชม นั่นหมายความว่ามีโอกาสที่1hCจะจบตรง1368-1384-1402 ได้ทุกราคา แต่คงต้องรอดูว่า1hAจะจบตรงไหน แล้วค่อยตัดสินใจกันอีกที เพราะถ้ายังไม่จบ1hAก็ยังประเมิน1hCไม่ได้เราก็ยังประเมิน4hBไม่ได้เช่นกัน แต่อย่างน้อยรู้เป้าหมายคร่าวๆแล้วว่าน่าจะจบที่1368-1384-1402 ใน3ราคานี้ :ghostแต่จุดที่สำคัญในกราฟราย4ชม ก็คือ ฟิชเชอร์บีบีอ้าแล้ว นั่นบ่งบอกว่าเป็นการขึ้นรีบาวหรือขึ้นแล้วขึ้นเลย แต่เมื่อดูจากรูปคลื่นน่าจะเป็นการขึ้นรีบาวเฉยๆ ไม่น่าเบรคไฮ1433ขึ้นมา คนรอเก็บแท่งคงต้องรอให้จบ4hBแล้วลงยาวคลื่นนี้หละเก็บแท่งได้เลย ส่วนระยะเวลาจบ4hB หากดูจากเดือนนั้นตอนนี้เดือนก.ย.เป็นเดือนที่ทองจะขึ้นและอาจยาวไปถึงต.ค.เช่นกัน นั่นหมายความว่าคลื่น4hBน่าจะเล่นกันไปถึงกลางตุลาคมเป็นอย่างน้อย แล้วจากนั้นน่าจะลงทำ4hCให้จบตอนปลายตุลาคมถึงพฤศจิกายน ไปขึ้นอีกทีธันวาคม :aa

 

มุมมองวันนี้สำหรับคนซื้อ

1 รอซื้อbuy limit 1317 cut 1306 เป้า 1343

2 รอซื้อ buy limit 1312 cut 1306 เป้า 1354

3 หากถูกกินcut1&2 ให้รอดูสถานการณ์ต่อไป

สำหรับคนขาย

1 รอขาย sell limit 1365 cut 1373 เป้า 1433

2 หากถูกกินcut1 ให้รอดูสถานการณ์ต่อไป

ปล. ส่วนตัวผมที่ซื้อไว้วันศุกร์ปิดไปแล้วที่1329.75ล๊อคกำไร173.5ก่อน และตั้งซื้อขายตามข้อ1&2 ส่วนเพื่อนๆที่จะซื้ออาจเลือกเอาระหว่างข้อ1หรือ2ก็ได้เพราะจุดคัตเท่ากัน เพียงแต่ ราคาเริ่มซื้อต่างกัน เน้นปลอดภัย ข้อ2 เน้นเสี่ยงกลัวลงมาไม่ถึง ก็ข้อ1 ครับ ส่วนทองแท่ง รอขาย1368-1384-1402 ตามลำดับ16-9-56-04.gif

ปล2. ขอให้เพื่อนๆโชคดีในกาารลงทุนนะครับไปปั่นงาานแล้ว :bye

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์ Derivative Daily Comment ประจำเช้าวันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2556 มาแล้วค่ะ

 

ติดตามบทวิเคราะห์ทั้งหมดได้ที่

http://classicgoldfutures.co.th/image/strategy_analysis/filestrategy16092013923251298.pdf

 

นักการเงินคาด "เฟด" ลด "คิวอี" หมดปีหน้า

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับพบกับบทวิเคราะห์เช้าวันจันทร์นี้

Daily Report 16-09-56

: ทองปิดร่วง 3 สัปดาห์ติดต่อกัน

: SPDR ถือทองลดลง 6.01 ตัน

: สัปดาห์นี้ติดตามการประชุมเฟดระหว่างวันที่ 17 - 18

- ราคาทองคำปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองปรับตัวลงในอัตราเปอร์เซ็นต์มากกว่า 2 สัปดาห์ก่อนหน้า ปัจจัยลบจากสถานการณ์ในซีเรียที่เริ่มคลี่คลาย ประกอบกับรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาดี นักลงทุนจึงประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐกำลังจะเริ่มลดปริมาณการผ่อนคลายทางการเงิน

- สัปดาห์นี้ประเด็นหลักที่นักลงทุนให้ความสนใจและคาดว่าจะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ราคาโลหะเงินและตราสารทางการเงินอื่นๆ อยู่ที่การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในช่วงกลางสัปดาห์ นักลงทุนต่างประเมินว่าจะมีการลดปริมาณการผ่อนคลายทางการเงินลงราว 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่อ เดือน หลังจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐในช่วงที่ผ่านมามีสัญญาณการฟื้นตัว

- สถานการณ์ในซีเรียที่แม้จะยังไม่ชัดเจนหลังจากกลุ่มต่อต้านรัฐบาลไม่เห็นด้วยกับการเจรจาระหว่างรัฐบาลซีเรียและนานาชาติ แต่โอกาสที่สหรัฐและนานาชาติจะใช้กำลังทางทหารโจมตีซีเรียคงมีไม่มาก ประเด็นนี้จึงลดความสำคัญต่อการลงทุนในสัปดาห์นี้ลง การเคลื่อนไหวของราคาทองจึงเคลื่อนไหวตามปัจจัยทางเทคนิคและการคาดการณ์ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐเป็นประเด็นหลัก

- ราคาทองคำดีดตัวขึ้นจากแนวรับบริเวณ 1,300 ดอลลาร์ และกลับขึ้นมาปิดใกล้แนวต้านบริเวณ 1,330 ดอลลาร์ ภาพเทคนิคยังมีแนวโน้มที่ราคาทองจะอ่อนตัวลงต่อ แต่อาจมีการดีดตัวทางเทคนิคเกิดขึ้นในระยะสั้น และควรระวังแรงขายที่คาดว่าจะมีกลับออกมาหากราคาทองดีดตัวขึ้นเข้าใกล้แนวต้านบริเวณ 1,350-1,360 ดอลลาร์ หากผ่านขึ้นไปได้จึงจะเป็นสัญญาณซื้อยืนยันการฟื้นตัวที่จะเกิดขึ้นต่อไป

- ราคาโลหะเงินดีดตัวขึ้นมาปิดที่แนวต้านบริเวณ 22.20 ดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าเป็นเพียงการดีดตัวทางเทคนิคหลังจากที่ราคาปรับตัวลงมาแรงในวันพฤหัส หากราคาโลหะเงินยังไม่สามารถผ่านขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านบริเวณ 22.50-22.60 ดอลลาร์ ได้ คาดว่าราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงสู่แนวรับบริเวณ 21.0 ดอลลาร์ ต่อไป

http://www.huasengheng.com/uploads/news/attach/a28482a4214f0040aace2de06e5d5c5a.pdf

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โอบามาเปิดใจทำไมไม่ถล่มซีเรีย

  • 16 กันยายน 2556 เวลา 09:38 น. งหมด +

 

204E45F062644F0689F3FB2C1FAC8E69.jpg

 

 

โอบามาเปิดใจเรื่องเปลี่ยนนโยบายซีเรียกระทันหันหลังถูกวิจารณ์วกไปวนมาและล้มเหลวในการสื่อสาร

 

ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า ของสหรัฐ กล่าวให้สัมภาษณ์จอร์จ สเตฟฟาโนปูลอส พิธีกรของรายการ ดีส วี้ค ทางสถานีโทรทัศน์ ABC ว่า ในช่วงหนึ่งเดือนของความสับสนวุ่นวายในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุดโดยตำแหน่ง จากการที่นโนยบายต่อซีเรียของเขามีการหักมุมหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งมองดูแล้วอาจจะดูไม่ราบรื่น ไม่เป็นระเบียบและไม่เป็นแถวเป็นแนว แต่มันก็ได้ผล และเขาไม่กังวลที่มันออกมาแบบนี้ เขาวิตกต่อการกำหนดนโยบายที่ถูกต้องออกมามากกว่า

ประธานาธิบดีโอบาม่า ยังกล่าวถึงเรื่องเขาสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการประกาศเมื่อวันที่ 31 สิงหาคมว่าจะรอมติจากสภาคองเกรสส์ในการใช้ปฏิบัติการโจมตีทางทหารต่อซีเรีย ก่อนจะยกเลิกกลางคันและหันไปดำเนินตามแผนการทูตภายตามข้อเสนอนำของรัสเซียนั้น ถือเป็นการทำให้ประเทศถูกจัดวางในตำแหน่งที่ดีกว่า โดยบอกว่า เป้าหมายทั้งหมดของเขาก็คือ การสร้างความมั่นใจว่า จะไม่มีเหตุการณ์ซ้ำรอยเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมอีก ซึ่งเขาหมายถึงเหตุการณ์ใช้อาวุธเคมีโจมตีชานกรุงดามัสกัส ของซีเรีย ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,400 คน

ประธานาธิบดีโอบาม่า ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายขวาและซ้าย ที่มองว่า นโยบายตอบโต้สงครามกลางเมืองนองเลือดในซีเรีย แบบวกไปวนมา และล้มเหลวในการสื่อสารกับชาวอเมริกันที่จะให้เห็นคล้อยตามในการใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อซีเรีย

ในการหันมาใช้นโยบายการทูตล่าสุด ประธานาธิบดีโอบาม่า ถูกมองว่าถูกลบเหลี่ยม หรือถูกหยามโดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย จนหนังสือพิมพ์นิวยอร์ค ไทม์ส เสียดสีด้วยการถามหาคำว่า อเมริกัน เอ็กเซ็ฟชั่นแนลลิซึ่ม (American exceptionalism) หรือความเชื่อในความพิเศษที่คนอเมริกามีเหนือชาติอื่น แต่ประธานาธิบดีโอบาม่า บอกว่า ข้อตกลงที่ตรวจสอบได้ ในการทำลายคลังอาวุธเคมีของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซ้าด ของซีเรีย จะไปได้ไกลกว่าการใช้ปฏิบัติการทางทหารเพื่อกำจัดภัยคุกคามจากการใช้อาวุธเคมี ซึ่งถ้าเป้าหมายนี้บรรลุผล มันก็ทำให้เรารู้สึกว่า ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

เขายังพูดถึงผู้นำรัสเซียด้วยว่า เขาไม่คิดว่าประธานาธิบดีปูตินจะตีค่าการแก้ปัญหาซีเรียแบบเดียวกับสหรัฐ ซึ่งเขายินดีที่ประธานาธิบดีปูตินเข้ามาเกี่ยวข้อง ยินดีที่เขาบอกว่าจะรับผิดชอบในการผลักดันประธานาธิบดีอัสซ้าดให้ยอมรับข้อตกลงในการจัดการอาวุธเคมีซึ่งนี่ไม่ใช่สงครามเย็น ไม่ใช่การแข่งขันระหว่างสหรัฐกับรัสเซีย แต่ถ้ารัสเซียต้องการมีอิทธิพลในซีเรีย ก็ไม่ได้กระทบผลประโยชน์ของรัสเซียแต่อย่างใด

ผู้นำสหรัฐยังได้กล่าวโยงไปถึงอิหร่านด้วยว่า มีบทบาทสำคัญในการทำให้เกิดเสถียรภาพในซีเรีย แม้ว่าจะมีรายงานว่า มีนักรบอิหร่านเข้าไปช่วยสนับสนุนกองทัพฝ่ายรัฐบาลก็ตาม โดยเขายืนยันต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกในรายการ ดีส วี้ค ว่า เขาได้ส่งจดหมายโต้ตอบกับประธานาธิบดี ฮัสซัน รูฮานี่ ของอิหร่าน ที่ประกาศก่อนหน้านี้ว่า จะพยายามป้องกันไม่ให้ชาติตะวันตกใช้กำลังทหารเข้าแทรกแซงในซีเรีย

POST TODAY

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บรรหารพบอภิสิทธิ์ ม็อบยาง-ปาล์มนครศรีฯเปิดเส้นทางจราจร วิปรัฐถกกรอบอภิปรายร่างพ.ร.บ.กู้เงิน2ล้านล้านบาท

1.ภารกิจเดินสายพบปะตัวแทนกลุ่มต่างๆ ของนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อติดต่อทาบทามให้เข้าร่วมกระบวนการปฏิรูปการเมืองยังคงเดินหน้าต่อไป วันนี้นายบรรหารจะเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งประกาศจุดยืนว่าจะไม่เข้าร่วมสภาปฏิรูปหากยังไม่ถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ต้องติดตามว่าการเจรจารอบนี้จะมีอะไรคืบหน้าอย่างไร

2.หลังจากเกษตรกรชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมัน อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช เปิดเส้นทางจราจร และไปรวมตัวกับกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณแยกควนหนองหงษ์ อ.ชะอวด และเรียกร้องแก้ปัญหาราคายางพารากิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 100 บาท ปาล์มน้ำมันกิโลกรัมละ 7 บาท วันนี้ต้องติดตามว่าจะมีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาจากรัฐบาลอย่างไร

3.คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) จะประชุมเพื่อกำหนดกรอบการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. ... (พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท) วาระ 2 ในการประชุมสภาวันที่ 1920 ก.ย. เพื่อกำหนดกรอบเวลาการอภิปราย

4.คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ หรือ กขช. ไม่นำเรื่องการขอขยายเวลาการรับจำนำข้าวที่ชาวนาจากภาคกลางร้องขอเข้าที่ประชุม ทำให้ชาวนาที่เก็บเกี่ยวข้าวได้ไม่ทันในวันที่ 15 ก.ย. ต้องถูกตัดสิทธิไปโดยปริยาย วันนี้ชาวนาจาก 7 จังหวัดภาคกลางเตรียมเดินทางเพื่อยื่นข้อร้องเรียนกับรัฐบาลที่ทำเนียบรัฐบาลโดยให้รัฐบาลให้คำตอบกับชาวนาภายในวันที่ 18 ก.ย. หากยังไม่มีคำตอบจากรัฐบาล ชาวนาจาก10 จังหวัดภาคกลาง จะเดินทางเข้าไปรวมตัวกันเพื่อปิดถนนในตัวเมืองลพบุรี

5.หลังสิ้นสุดสัญญาสัมปทานกับบริษัท กสท โทรคมนาคม เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา วันนี้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) จะโชว์ความพร้อม “16 กันยา สตาร์ทมาตรการเยียวยาวันแรกมั่นใจใช้ได้ต่อเนื่อง ซิมไม่ดับ” เพื่อยืนยันการคุ้มครองผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทรูมูฟ และดิจิตอลโฟน (ดีพีซี)กว่า 18 ล้านราย ให้มั่นใจว่าสามารถใช้บริการได้ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปตามประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการในกรณีสิ้นสุดการอนุญาต สัมปทาน หรือ สัญญาการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ พ.ศ. 2556

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เอชเอสบีซีคาดเฟดลดคิวอี ทุนนอกไหลกลับ

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

news_img_530001_1.jpg

เอชเอสบีซี" คาด "เฟด" ลดคิวอีค่อยเป็นค่อยไป มองพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังแกร่ง รับผลดีทุนไหลกลับเข้ามาอีก ระบุ "เอฟดีไอ" จะไหลเข้าภาคการผลิต

นางสาว ซู เซียน ลิม นักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ธนาคารเอชเอสบีซีกล่าวถึงกรณีหากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจลดใช้นโยบายผ่อนคลายการเงิน (คิวอี) จะมีเงินทุนไหลออกจากไทยอีกหรือไม่ ว่า ที่ผ่านมานักลงทุนวิตกกังวลเพราะตลาดมีปฎิกริยามากเกินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ และอนาคตเชื่อว่าเฟดจะปิดล็อคสภาพคล่องแต่คาดว่าเฟดจะค่อยๆ ลดคิวอีลง การกระตุ้นเศรษฐกิจของเฟดยังมีแต่อาจน้อยลง

ทั้งนี้ เมื่อตลาดคลายความกังวล ประเทศที่มีพื้นฐานดีอย่างไทยน่าจะได้รับผลดีจากเงินทุนที่ไหลกลับมาเข้ามาอีกครั้ง เชื่อว่าเงินลงทุนโดยตรงหรือเอฟดีไอจะเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตและภาคบริการ โดยเฉพาะกลุ่มมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับ หรือลงทุนเพิ่มเติมส่วนที่มีเครือข่ายสายการผลิตรองรับอยู่แล้ว

เอชเอสบีซี ยังมองถึง การฟื้นตัวของการส่งออกไทย ดูได้จากตลาดสำคัญ เช่น จีน มีสัญญาณบางอย่างที่บอกว่าเริ่มมีเสถียรภาพและในตลาดพัฒนามีสัญญาณฟื้นตัวค่อยเป็นค่อยไป ทั้งญี่ปุ่นและยูโรโซนพ้นจากความถดถอย สหรัฐเองปรับตัวดีขึ้น สินค้าไทยไตรมาส4 ปีนี้ที่จะได้ประโยชน์จากสมมุติฐานการฟื้นตัวปานกลางของเศรษฐกิจโลก คือ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และอาจเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วย เพราะการลงทุนธุรกิจในต่างประเทศเริ่มฟื้นความต้องการรถบรรทุกมากขึ้น

โดย "สิงคโปร์" อาจจะได้ประโยชน์มากสุดจากการฟื้นตัวของการส่งออก เพราะพึ่งพาส่งออก 100%ของจีดีพี การเติบโตของสิงคโปร์จะเพิ่มขึ้นในภาวะแวดล้อมต่างประเทศเริ่มดีขึ้น ไทยกับมาเลเซียและฟิลิปปินส์ควรได้ประโยชน์เช่นกัน

มั่นใจศก.ครึ่งปีหลังฟื้น

เอชเอสบีซี ยังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวครึ่งหลังปีนี้ หลังเกิดการถดถอยทางเทคนิคอย่างมากในครึ่งปีแรก ภาคครัวเรือนมีการปรับตัวจากมาตรการจริงจังของภาครัฐ เมื่อดูภาคครัวเรือนตอนนี้รู้สึกดีจากแรงหนุนของอัตราว่างงานต่ำ ค่าจ้างปรับขึ้น ในภาคธุรกิจคิดว่ายังได้ประโยชน์จากความต้องการค่อนข้างแข็งแกร่ง ไม่เห็นผลกระทบจากการขยายตัวมากในปีก่อน ครึ่งหลังปีนี้การบริโภคและการลงทุนไตรมาสต่อไตรมาสควรดีดตัวดีขึ้น หลังครึ่งปีแรกจีดีพีรายไตรมาสเทียบไตรมาสหดตัว

อย่างไรก็ตาม เอชเอสบีซีได้ปรับลดคาดการณ์เติบโตของจีดีพีอยู่ที่ประมาณ 2.8% ปีนี้ หากดูภาพการส่งออกปีนี้จะฟื้นตัว เป็นสัญญาณฟื้นปานกลางทั้งในจีน สหรัฐ ยุโรปและญี่ปุ่น ช่วยยกระดับส่งออกไทยครึ่งหลังปีนี้ โดยเฉพาะไตรมาส 4 ให้ดีขึ้นหากทุกอย่างดีขึ้นปีหน้าควรได้เห็นไทยขยายตัวได้ 4.4% หลังจาก 2 ปีที่ผ่านมา

ขณะที่ เอกสารรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจอาเซียนก่อนหน้านี้ เอชเอสบีซี คาดจีดีพีไทยปีนี้ที่ 5% ส่วนปีหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 6.2% ส่วนการส่งออกแท้จริงของไทยคาดจะโต 3.3% ปีนี้ และเพิ่มขึ้นเป็น 6.7% ปีหน้า

"ปี2555 เศรษฐกิจโตเกินเป้ามาก และปีนี้เศรษฐกิจต่ำกว่าเป้า ดังนั้นปี 2557 เศรษฐกิจควรกลับมาอยู่ในแนวโน้มการเติบโตที่ควรจะเป็น ส่วนเงินเฟ้อยังคงคุมได้ เรามองเงินเฟ้อปีนี้อยู่ที่ 2.5% แต่อาจมีแรงกดดันจากเงินเฟ้อมากขึ้นปีหน้า สอดคล้องกับการฟื้นตัวแต่ไม่ขึ้นมากนักเกือบๆ 3%เป็นผลจากราคาอาหารและพลังงาน"

ทั้งนี้การสนองตอบด้านนโยบายจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คิดว่าธปท.น่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้จนถึงสิ้นปีนี้แต่จำเป็นต้องปรับใช้นโยบายนอกเหนือจากนี้ ควรเป็นนโยบายการเงินอื่นแทนที่การผ่อนคลาย

ห่วงราคาน้ำมันดันเงินเฟ้อพุ่ง

สิ่งน่ากังวลต้องจับตาดู เป็นความอ่อนไหวของไทยที่มีต่อราคาน้ำมันสูงขึ้นต่อเนื่อง ถ้าเริ่มเห็นความขัดแย้งในซีเรียแย่ลง แม้ซีเรียมีสัดส่วนการผลิตน้ำมันดิบน้อยมากเพียง 0.2%ของทั้งหมด ถ้าสหรัฐตัดสินใจบุกโจมตีซีเรีย สถานการณ์ตะวันออกกลางตึงเครียดมากขึ้นเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันอาจพุ่ง ไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศอ่อนไหวมากที่สุด เพราะราคาน้ำมันดิบขึ้นทุก 10 ดอลลาร์ ดัชนีผู้บริโภคหรือเงินเฟ้อได้รับผลกระทบขึ้น 1%

ทั้งนี้ เพราะสัดส่วนราคาน้ำมันมีอยู่ในดัชนีผู้บริโภคค่อนข้างมาก เทียบประเทศอื่นในอาเซียน การให้ทุนอุดหนุนราคาพลังงานของรัฐบาลเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาในไทย ผู้บริโภคและภาคครัวเรือนไทยไม่ได้รับการปกป้องจากราคาพลังงานสูงขึ้นและรัฐอุดหนุนราคาน้ำมันไว้มาก

"ราคาน้่ำมันจึงเป็นความเสี่ยงระยะใกล้ควรจับตา เพราะไทยอ่อนไหวผันผวนมากสุด"

ส่วนความเสี่ยงเศรษฐกิจไทยเป็นความเสี่ยงระยะกลาง และเป็นความกังวลระยะยาว นักลงทุนควรได้เห็นความชัดเจนถึงที่มาของแผนระกลางถึงยาวที่รัฐบาลวางไว้ ถ้าพิจารณาความสามารถแข่งขันของไทย 2-3 ปีที่ผ่านมา แม้ไทยแข่งได้ในกลุ่มอาเซียนแต่อันดับยังต่ำกว่าสิงคโปร์และมาเลเซีย

"ความผันผวนทางการเมืองมีส่วนทำให้ความสามารถแข่งขันลดลง ส่วนความก้าวหน้าทางนวัตกรรมใหม่ๆ เป็นส่วนที่นักลงทุนอยากเห็นมากขึ้นจากไทย สิ่งจำเป็นต้องมี คือ จัดสรรทรัพยากรให้ถูกต้อง เช่น จัดสรรให้กับส่วนที่เป็นการศึกษาหรืออื่นๆ ที่จำเป็น"

ไทยต้องตั้งข้อสงสัยกับความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม อาจเป็นสาเหตุทำให้ไทยมีศักยภาพการเติบโตลดลงเหลือ 3% ในช่วง10-20 ปี ข้างหน้าได้ คิดว่านักลงทุนระยะยาวในไทยอยากเห็นคำมั่นจากรัฐบาลในการแก้ปัญหาเหล่านี้

ดังนั้นในภาพรวมแล้ว สิ่งสำคัญสำหรับแนวโน้มระยะกลางถึงยาว ไม่ใช่ดูแค่ให้สาธารณูปโภคโครงสร้างพื้นฐานลงตัวเรียบร้อย แต่ไทยกำลังเป็นประเทศสำคัญมากขึ้นในแง่กลยุทธ์สถานที่ตั้ง อยู่ระหว่างอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกำลังกลายเป็นเออีซีในปี 2558 หากแผนลงทุนสาธารณูปโภคพื้นฐานเกิดขึ้นทันเวลาเกิดประชาคมอาเซียน ไทยจะสามารถได้ประโยชน์อย่างมากต่อไปในอนาคต

Tags : เอชเอสบีซีทุนไหลกลับเฟดคิวอีเศรษฐกิจไทยเอฟดีไอ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

http://www.naewna.com/politic/68711

บทความพิเศษ : กู้2ล้านล้านขัดรัฐธรรมนูญ

 

 

Morning Talk

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีจ้า คุณ.... ginger new bas และทุกๆท่าน

D ja wann Have a nice days

YLG

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

มอร์แกนฯชี้สินเชื่อโตลดลง กระทบกำไรแบงก์

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

news_img_529993_1.jpg

มอร์แกนฯคาดสภาพคล่องไหลกลับคืนสู่ตลาดพัฒนา ไม่ก่อวิกฤติ ชี้การชะลอตัวสินเชื่อแบงก์ทั้งภูมิภาค กระทบคาดการณ์กำไรแบงก์

มอร์แกน สแตนเลย์ รีเสิร์ชสถาบันการเงินชั้นนำระดับโลกจากสหรัฐ ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์เรื่อง "ภาคบริการการเงิน มองลึกเอเชียถึงจุดหักเห" ระบุว่าตลอด 3 ปีที่ผ่านมา การเติบโตของเอเชียแข็งแกร่งด้วยแรงหนุนจากภาวะดอกเบี้ยทั่วโลกอยู่ระดับต่ำ และสภาพคล่องทั่วโลกมีมากพอ สินเชื่อขยายตัวอย่างรวดเร็วหมายความว่าธนาคารต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ทำผลงานได้ดีเป็นพิเศษ

แต่ว่าทีมงานวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนเลย์ คาดว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพคล่องไหลกลับไปที่ตลาดพัฒนาแล้วขณะนี้ จะทำให้แรงขับเคลื่อนการเติบโตของอาเซียนนั้นช้าลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบธนาคารในภูมิภาคแข็ง ที่เคยทำผลงานได้ดีได้จากการขยายตัวของสินเชื่อเมื่อเร็วๆ นี้

4แบงก์ใหญ่ไทยได้ผลกระทบจำกัด

งานวิเคราะห์เชื่อว่าการเติบโตของสินเชื่อผู้บริโภค จะยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้การเติบโตของสินเชื่อโดยรวมลดลง และคาดว่าการเติบโตของสินเชื่อโดยรวมในไทยจะชะลอตัวลง ความเสี่ยงของไทยอยู่ที่การปล่อยกู้ไม่ใช่สินเชื่อบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อรถยนต์ จำนวนสินเชื่อมีน้อยกว่า 1 แสนบาทมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 81% นับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปี 2553 และทีมงานมอร์แกน สแตนเลย์คาดว่าสินเชื่อขนาดนี้คิดเป็นสัดส่วน 30%ของงบบัญชีสินเชื่อบุคคล แต่เท่ากับ 55%ของสินเชื่อเป็นสินเชื่อไม่ก่อเกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอล แต่สินเชื่อเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่กับธนาคารต่างชาติ ดังนั้นการเสื่อมถอยของสินเชื่อจะส่งผลกระทบจำกัดให้กับกลุ่มธนาคารไทยอยู่ในงานวิเคราะห์นี้ คือ กรุงเทพ, กสิกรไทย, กรุงไทย และไทยพาณิชย์

"ปัญหาที่เราเผชิญอยู่คือระดับหนี้เทียบจีดีพีในไทยกับสิงคโปร์ตอนนี้ กลับไปอยู่ระดับทำสถิติสูงสุด และในมุมมองของเราการขยายตัวของสินเชื่อช้าลง จะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และคาดว่าจะยิ่งเกิดมากขึ้น สถานการณ์เช่นนี้จะส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงการเติบโตของเศรษฐกิจและดอกเบี้ยเป็นวงกว้างขึ้น สำหรับแบงก์ในภูมิภาค ผลจากสินเชื่อขยายตัวได้ลดลง จะทำให้เห็นผลกระทบเกิดกับกำไรจากส่วนต่างดอกเบี้ย และผลกระทบเกิดกับคุณภาพสินเชื่อด้วย"

ทั้งนี้ผลจากการวิเคราะห์ข้างต้น ทำให้ทีมงานของมอร์แกน สแตนเลย์ ได้ปรับเปลี่ยนคาดการณ์กำไรของธนาคารในไทย มาเลเซียและสิงคโปร์ และจากภาพรวมมอร์แกน สแตนเลย์ได้ลดคาดการณ์การเติบโตของสินเชื่อธนาคารในภูมิภาคปี 2557 เหลืออยู่ระหว่าง 2%-5% พร้อมปรับเปอร์เซ็นต์สินเชื่อเสื่อมค่าทั้งในปี 2557และปี 2558 เพิ่มขึ้นอีก 0.40%

ลดคาดการณ์กำไรแบงก์อาเซียน

นอกจากนี้ทีมวิจัยของมอร์แกน สแตนเลย์ ยังได้ปรับลดคาดการณ์กำไรของธนาคารในอาเซียนปีหน้า เหลือระหว่าง 1%-17% และคาดการณ์กำไรปี 2558 อยู่ระหว่าง 7%-15% ซึ่งการเปลี่ยนดังกล่าวสำหรับธนาคารในสิงคโปร์และมาเลเซียเกิดขึ้นน้อยกว่าธนาคารไทย ขณะที่คาดการณ์การเติบโตของกำไรจะลดลงเหลือระหว่าง ติดลบ 1% ไปจนถึง 20% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า เทียบกับก่อนหน้านี้ที่คาดการณ์ว่าจะลดลงอยู่ระหว่าง 11%-37% ซึ่งการเปลี่ยนแปลงคาดการณ์ครั้งนี้ สอดคล้องกับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาค ซึ่งอยู่ระดับต่ำกว่าคาดการณ์ของคนส่วนใหญ่

งานวิเคราะห์ชี้ว่า หากเปรียบเทียบระบบธนาคารในอาเซียนปัจจุบัน กับระบบธนาคารอาเซียนในปี 2540 พบว่าระดับหนี้เทียบจีดีพี และการขยายตัวของหนี้เทียบจีดีพี ทำให้นึกถึงช่วงเวลาเกิดขึ้นในไทยกับสิงคโปร์ระหว่างปี 2534-2539 ไม่นับรวมอินโดนีเซียกับมาเลเซีย โดยภาวะแวดล้อมที่เป็นสภาพคล่องและการพึ่งพาแหล่งทุนจากต่างประเทศขณะนั้น แตกต่างอย่างมากกับเวลานี้ เช่นเดียวกับศักยภาพการดูดซับความสูญเสียของธนาคารต่างๆ

"จากมุมมองของเรา ขอบเขตและคุณภาพของระบบตรวจสอบด้านกฎระเบียบตอนนี้ดีขึ้นอย่างมาก สิ่งที่เราคาดว่าจะเกิดขึ้นจะเป็นวงจรกำไรเคยเกิดขึ้นในอดีต มากกว่าจะเป็นวิกฤตอีกครั้งหนึ่ง"

ทีมงานมอร์แกน สแตนเลย์มองการเปลี่ยนแปลงของภาวะแวดล้อม ที่เป็นสภาพคล่องสำหรับธนาคารในอาเซียน ไม่เพียงแต่จะเป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงแนวทางศักยภาพการทำกำไรเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนแปลงเรื่องการประเมินมูลค่า ที่ส่งผลต่อการเติบโตของกำไรธนาคาร โดยธนาคารไทยและอินโดนีเซียนั้น ราคาหุ้นธนาคารที่ปรับขึ้นทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการประเมินมูลค่าแข็งแกร่งกับการเติบโตของความสามารถในการทำกำไร

ขณะเดียวกัน ในภาวะแวดล้อมที่การเติบโตของธนาคารทั้งภูมิภาคยังดูอึมครึม ทีมงานเชื่อว่าธนาคารในไทยและอินโดนีเซีย เลี่ยงไม่ได้ที่จะสูญเสียความโดดเด่น ซึ่งธนาคารในมาเลเซียจะอ่อนไหวกับความตกต่ำและถูกลดความสำคัญลง แต่งานวิเคราะห์ชี้ว่าธนาคารไทยรับเอาผลจากความตกต่ำและถูกลดความสำคัญลงบ้างแล้ว ขณะที่ธนาคารในอินโดนีเซียรับผลอย่างมากในเรื่องเดียวกันนี้

งานวิเคราะห์ได้ลดสัดส่วนกำไรต่อหุ้นของธนาคารในอินโดนีเซียลง 30%-50% ส่วนกำไรต่อหุ้นของธนาคารในไทยลดลงมากสุด 20% ในไทยสินเชื่อไม่ก่อให้เกิดรายได้สูงขึ้นอยู่แล้ว และไม่มีแนวโน้มจะถึงจุดสูงสุดจนกว่าจะผ่านพ้นไตรมาส 2 ปีหน้า ทีมงานมอร์แกน สแตนเลย์แนะให้นักลงทุนระยะยาวมองหาความได้เปรียบเข้าไปลงทุนหุ้นธนาคารมีคุณภาพสูงและได้รับการประเมินมูลค่าอยู่ระดับต่ำอย่างแบงก์กสิกรไทยก็อยู่ในกลุ่มนี้

"ราคาหุ้นแบงก์ในอินโดนีเซียและแบงก์ในไทย มีแนวโน้มจะเคลื่อนไหวไปไกล และมากกว่าการเปลี่ยนแปลงผลประกอบการธนาคาร ซึ่งสนับสนุนมุมมองของเราที่ว่ายังเป็นโอกาสให้นักลงทุนระยะยาวเข้าไปซื้อหรือลงทุน" ทีมวิจัยมอร์แกน สแตนเลย์ สรุป

Tags : มอร์แกน สแตนเลย์ รีเสิร์ชกำไรแบงก์สินเชื่อชะลอ การณ์กำไรแบงก์ กสิกรลดคาดการณ์จีดีพีปีนี้เหลือโต3.5-4.0% ศูนย์วิจัยกสิกรไทยลดคาดการณ์จีดีพีปีนี้เหลือโต 3.5-4.0% จากเดิม 3.8-4.3% เชื่อทิศทางส่งออกดีขึ้น ความเคลื่อนไหวค่าเงินภาคเช้า16ก.ย.56 vdo.gif Market Wise ช่วงทิศทางความเคลื่อนไหวค่าเงินภาคเช้า สดตรงจากนักวิเคราะห์ ออกอากาศ 16 ก.ย.56 เจาะหุ้นเด่นภาคเช้า16ก.ย.56 vdo.gif กลยุทธ์การลงทุนหุ้นไทยภาคเช้า16ก.ย.56 vdo.gif หุ้นไทยเปิดพุ่งเกือบ30จุดคาดเฟดไม่ลดคิวอี กลยุทธ์ลงทุนทอง-อนุพันธ์ภาคเช้า16ก.ย.56 vdo.gif

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ไทยพาณิชย์หั่นจีดีพีไทยปีนี้เหลือโต 3.4% ศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์ หั่นจีดีพีไทยปีนี้เหลือโต 3.4% คาดส่งออกโตแค่ 1.5% พร้อมจับตาเฟด ชี้หากไม่ชัดเจนคิวอี ทำค่าเงินผันผวนอีกรอบ คลังเชื่อเฟดลดคิวอีลดผันผวนค่าเงินเอเชีย "กิตติรัตน์" ชี้เฟดลดคิวอีเป็นเรื่องดี ช่วยลดความผันผวนของค่าเงินเอเชีย ยันรัฐไม่ออกมาตรการอุ้มราคายางเพิ่ม สรุปภาวะซื้อขายหุ้นไทยภาคเช้า16ก.ย.56 vdo.gif สรุปภาวะซื้อขายตลาดหุ้นไทยภาคเช้า 16 ก.ย.56 หุ้นตัวไหนร้อน ติดตามได้ใน Market Wise หุ้นเช้าปิดพุ่ง37จุด ลุ้นเฟดไม่ลดขนาดคิวอี ทิสโก้เวลท์แนะเพิ่มหุ้นตปท. สหรัฐ-จีน-ญี่ปุ่น มอร์แกนฯชี้สินเชื่อโตลดลง กระทบกำไรแบงก์ กสิกรลดคาดการณ์จีดีพีปีนี้เหลือโต3.5-4.0%

ดูข่าว ทั้งหมด icon-arrow-gray.gif

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

http://www.naewna.com/politic/68771

ด่วน!ตร.ยิงแก๊สน้ำตาสลายม็อบยางควนหนองหงษ์(ชมคลิป)

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...