มือใหม่หัดวิเคราะห์

[blastmaster 0]

คุณ News สุดยอดดดด....

[madamjun 40]

ผมรอแท่งแดงมาถึงโดดออกครับ

แต่ถ้ารวยพอแล้วจะพักไปใช้เงินก่อนสักสามวันก็ได้ครับ

วันจันทร์ค่อย L ใหม่

คุณ News คะ.... ถ้าแท่งแดงมาเมื่อใด คุณNewsช่วยเปิดไซเรนด้วยนะคะ

จะได้โดดตามอ่ะคะ

ขอบคุณคุณNews ที่เอื้อเฟื้อข้อมูลทุกเช้านะคะ

[ginger 11,058]

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000100043

[NEWS 2,613]

ทองคำมีโอกาสแตะระดับ 7500$/oz และหุ้นดาวน์โจนส์ มีโอกาสร่วงลงเหลือ 7500 จุด เป็นไปตามทฤษฎี 1:1 !01

 

ทบทวนความจำจาก โอกาสทอง ของคุณ Nexttonothing ครับ

ตามทฤษฎีนี้ ดาวน์โจนส์ ร่วง 500 จุด ทองก็ต้องขึ้น 500 US

แต่สัดส่วน ดาวน์:ทอง ตอนนี้คือ 6:1 แสดงว่าทองต้องขึ้น = 500/6= 83 US

ราคาเมื่อวาน 1750+83 = 1833 รอคืนนี้ว่าจะได้เห็นมั๊ย

รู้อย่างนี้แล้ว ก็ขอให้รวยกันทั้ง web thaigold ครับ !ee

ถูกแก้ไข สิงหาคม 11, 2011 โดย news

[ginger 11,058]

ทองคำมีโอกาสแตะระดับ 7500$/oz และหุ้นดาวน์โจนส์ มีโอกาสร่วงลงเหลือ 7500 จุด เป็นไปตามทฤษฎี 1:1 !01

 

ทบทวนความจำจาก โอกาสทอง ของคุณ Nexttonothing ครับ

ตามทฤษฎีนี้ ดาวน์โจนส์ ร่วง 500 จุด ทองก็ต้องขึ้น 500 US

รู้อย่างนี้แล้ว ก็ขอให้รวยกันทั้ง web thaigold ครับ !ee

 

ตอนนี้เราไม่ขายมีแต่ซื้อเก็บ เพราะไม่ว่าง ขึ้นมากกว่าลง

[moddang 3,625]

หวัดดีค่ะ เพื่อนๆ ginger news raty คุณ น้อย แสงแดด

 

 

เดานะคะ กราฟ 1 ระยะสั้นวันนี้พุ่งอีกเดา จาก ma จะเข้าเค้าบ้างไม๊ น๊อ

 

 

แต่กราฟ 4 ..sideway ค่ะ

 

 

แนวรับ 1735 1725 1710 1701

แนวต้าน 1766 1779 1788 1793 1803

 

เมื่อวานเดาถูก..จาก moving average ราย 1 hr

 

วันนี้เห็นแท่งเทียนแบบนี้ แต่มันเป็นราย h4

 

 

 

 

ก็พิจารณาว่าจะใช่ใหม.... !38

 

 

เอามาฝากค่ะ....สำหรับท่านที่สนใจ ด้าน technical analysis มันจะเข้าเค้าบ้างใหม

 

 

 

The Inverted Hammer and Shooting Star look exactly alike, but have different implications based on previous price action. Both candlesticks have small real bodies (black or white), long upper shadows and small or nonexistent lower shadows. These candlesticks mark potential trend reversals, but require confirmation before action.

 

 

 

 

The Shooting Star is a bearish reversal pattern that forms after an advance and in the star position, hence its name. A Shooting Star can mark a potential trend reversal or resistance level. The candlestick forms when prices gap higher on the open, advance during the session and close well off their highs. The resulting candlestick has a long upper shadow and small black or white body. After a large advance (the upper shadow), the ability of the bears to force prices down raises the yellow flag. To indicate a substantial reversal, the upper shadow should relatively long and at least 2 times the length of the body. Bearish confirmation is required after the Shooting Star and can take the form of a gap down or long black candlestick on heavy volume.

 

The Inverted Hammer looks exactly like a Shooting Star, but forms after a decline or downtrend. Inverted Hammers represent a potential trend reversal or support levels. After a decline, the long upper shadow indicates buying pressure during the session. However, the bulls were not able to sustain this buying pressure and prices closed well off of their highs to create the long upper shadow. Because of this failure, bullish confirmation is required before action. An Inverted Hammer followed by a gap up or long white candlestick with heavy volume could act as bullish confirmation.

 

 

 

 

 

The Hammer is a bullish reversal pattern that forms after a decline. In addition to a potential trend reversal, hammers can mark bottoms or support levels. After a decline, hammers signal a bullish revival. The low of the long lower shadow implies that sellers drove prices lower during the session. However, the strong finish indicates that buyers regained their footing to end the session on a strong note. While this may seem enough to act on, hammers require further bullish confirmation. The low of the hammer shows that plenty of sellers remain. Further buying pressure, and preferably on expanding volume, is needed before acting. Such confirmation could come from a gap up or long white candlestick. Hammers are similar to selling climaxes, and heavy volume can serve to reinforce the validity of the reversal.

 

The Hanging Man is a bearish reversal pattern that can also mark a top or resistance level. Forming after an advance, a Hanging Man signals that selling pressure is starting to increase. The low of the long lower shadow confirms that sellers pushed prices lower during the session. Even though the bulls regained their footing and drove prices higher by the finish, the appearance of selling pressure raises the yellow flag. As with the Hammer, a Hanging Man requires bearish confirmation before action. Such confirmation can come as a gap down or long black candlestick on heavy volume.

ถูกแก้ไข สิงหาคม 11, 2011 โดย moddang..

[tanawatbkk 60]

สวัสดีเพื่อนๆทุกคน เมื่อวานขายหมูไปแล้ว...เฮ้อ ดีใจกับเพื่อนๆทุกคนที่ร่ำรวยกันถ้วนหน้าครับ :lol:

[moddum 11]

โห...คุณมดแดง ... เยี่ยมจริงๆ ลงไปแล้ว มันจาลงไปมากใหมคะ

[NEWS 2,613]

ตอนนี้เราไม่ขายมีแต่ซื้อเก็บ เพราะไม่ว่าง ขึ้นมากกว่าลง

!gd !gd !gd

[ginger 11,058]

ส.แช่เยือกแข็งฯ แนะ รบ.ออกมาตรการรองรับความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยน

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 สิงหาคม 2554 13:22 น.

 

 

นายผณิศวร ชำนาญเวช นายกสมาคมแช่เยือกแข็งไทย กล่าวว่า แม้การส่งออกของไทยในช่วงครึ่งแรกของปีสามารถขยายตัวได้ที่ร้อยละ 14.65 แต่ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ อเมริกา และยุโรปชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้ากลุ่มอาหารมากที่สุด ขณะเดียวกันยังอาจถูกดำเนินมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี จึงขอให้รัฐบาลติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด หลังจากที่ประเทศคู่ค้าสำคัญเริ่มปรับพฤติกรรมจากเดิมสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้า 3-6 เดือน เปลี่ยนมาเป็นสั่งซื้อแบบรายเดือน พร้อมออกมาตรการรองรับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อลดโอกาสขาดทุน

นายผณิศวร กล่าวต่อไปว่า ผลกระทบจากแผ่นดินไหว และสึนามิในญี่ปุ่น ส่งผลให้ญี่ปุ่นสั่งซื้อสินค้าอาหารสำเร็จรูปมากขึ้น เพราะบางจังหวัดของญี่ปุ่นยังมีปัญหาการจ่ายไฟฟ้า และไม่สามารถเก็บสต๊อกสินค้าประเภทอาหารสดจำนวนมากได้เหมือนในอดีต ทำให้ญี่ปุ่นมีความต้องการซื้อสินค้าประเภทอาหารสำเร็จรูปมากขึ้น จึงเป็นโอกาสของไทยในการขยายตลาดสินค้าประเภทนี้ ส่วนคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ ถือว่าเป็นผู้มีความสามารถ และพร้อมสนับสนุนแนวคิดนโยบายกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลควรเพิ่มความสำคัญในการใช้หลักวิทยาศาสตร์ และงานวิจัยมาพัฒนาเพิ่มมูลค่าสินค้าส่งออกของไทย เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก

[ginger 11,058]

หุ้นภาคเช้าผันผวน แรงซื้อกลุ่มแบงก์-สื่อสาร ปันผลดี หนุนดัชนีปิดบวก 0.03%

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 สิงหาคม 2554 13:16 น.

 

Share

 

 

 

 

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น

 

 

 

 

ตลาดหุ้นไทยผันผวน ดัชนีเปิดตลาดปรับลงติดลบทันที แต่มีแรงซื้อกลุ่มแบงก์ และกลุ่มสื่อสารปันผลดี พยุงดัชนีขึ้นจากแดนลบ และปิดภาคเช้าที่ระดับ 10,060.50 จุด เพิ่มขึ้น 0.03%

 

ภาวะตลาดหุ้นไทย วันนี้ ดัชนีปิดภาคเช้าที่ระดับ 1,060.50 จุด เพิ่มขึ้น 0.29 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.03% มูลค่าการซื้อขาย 14,833.17 ล้านบาท โดยภาพรวมวันนี้ ดัชนีแกว่งตัวค่อนข้างผันผวน โดยในช่วงเปิดตลาดปรับลดลงเล็กน้อย แต่ดีดกลับมาแดนบวกก่อนจะแกว่งตัวผันผวนและปิดในแดนบวกได้ มีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มธนาคาร และกลุ่มสื่อสารที่ปันผลดี

 

โดยบรรยากาศการลงทุนในวันนี้ คาดว่าได้แรงหนุนจากปัจจัยในประเทศ งบการเงิน Q2/2554 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่ส่วนใหญ่ออกมาดี ขณะที่หุ้นปันผลสูง ช่วยสนับสนุน แต่ภาพรวมแล้ว ตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวน ปัจจัยต่างประเทศยังกดดัน

 

ส่วนปัจจัยในประเทศที่จะต้องติดตาม ได้แก่ เรื่องนโยบายของรัฐบาลที่ออกมาจะตอบสนองในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นมากน้อยแค่ไหน พร้อมคาดแนวโน้มช่วงบ่ายตลาดเริ่มเบาบาง ก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว

[ginger 11,058]

ฉุดไม่อยู่! ราคาทองพุ่งต่อเนื่องทะลุ $1,800 ต่อออนซ์

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 สิงหาคม 2554 10:07 น.

 

Share

48

 

 

 

 

 

ราคาทองคำพุ่งสูงแตะระดับ 1,800 $ต่อออนซ์วันนี้(11)

เอเอฟพี - ราคาทองคำยังพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แตะระดับ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ในวันนี้ (11) หลังนักลงทุนซึ่งไม่มั่นใจต่อภาวะเศรษฐกิจโลกแห่กักตุนโลหะมีค่าดังกล่าวเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง

 

ราคาทองคำเปิดตลาดวันนี้ (11) พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ระหว่าง 1,814.50 ถึง 1,815.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งเป็นผลกระทบจากตลาดหลักทรัพย์เอเชียที่ดิ่งลงตั้งแต่ช่วงเช้า โดยดัชนีตลาดหุ้นโตเกียวดิ่งลง 2 เปอร์เซ็นต์ ส่วนตลาดหุ้นกรุงโซลและซิดนีย์ลดลง 4 และ 1.5 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ

 

นักลุงทุนกำลังหวั่นวิตกกับข่าวลือที่ว่าฝรั่งเศสอาจถูกลดความน่าเชื่อถือลง หลังจากที่สหรัฐฯ เพิ่งถูกหั่นเรตติ้งไปหมาดๆ เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว

 

ความเป็นไปได้ที่มหาอำนาจยูโรโซนอย่างฝรั่งเศสจะถูกลดเรตติ้งอันเนื่องมาจากปัญหาการเงินของธนาคารหลายแห่ง ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าวิกฤตหนี้สินในยูโรโซนอาจกำลังแผ่ลามไปถึงภูมิภาคอื่นๆ แล้ว

ถูกแก้ไข สิงหาคม 11, 2011 โดย ginger

[ginger 11,058]

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=954000010008

 

http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9540000095540

[ginger 11,058]

ดัชนีตลาดรวมต่างประเทศ เงิน ทอง โลหะ น้ำมัน ตลาดหุ้น โภคภัณฑ์ เรือขนส่ง

การเงิน-หลักทรัพย์ - ตลาดหลักทรัพย์

Thursday, 11 August 2011 14:16

Share this

Twitter Yahoo Googlize this Facebook

Hear this text

 

ตลาดหุ้นนิวยอร์ค : ดาวโจนส์ปิดทรุด 4.62% วิตกหนี้ยุโรปฉุดหุ้นแบงก์ร่วง

 

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดดิ่งลงในวันพุธ โดยดัชนี S&P 500 ร่วงลงอีกกว่า 4% จากความวิตกที่ว่า วิกฤติหนี้ยุโรปอาจส่งผลกระทบต่อธนาคารของฝรั่งเศส และลุกลามไปยังภาคการเงินของสหรัฐ

 

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดดิ่งลง 519.83 จุดหรือ 4.62% สู่ 10,719.94, ดัชนี S&P 500 ปิดร่วง 51.77 จุดหรือ 4.42% สู่ 1,120.76 และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 101.47 จุดหรือ 4.09% สู่ 2,381.05

 

ปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ราว 1.48 หมื่นล้านหุ้นในตลาดหุ้นนิวยอร์ค,ตลาดหุ้นอเมริกัน (American Stock Exchange) และตลาดหุ้น Nasdaq มากกว่าเกือบสองเท่าของปริมาณเฉลี่ยต่อวันของปีนี้ที่ 7.8 พันล้านหุ้น

 

จำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วนมากกว่า 8 ต่อ 3 ในตลาดนิวยอร์ค และเกือบ 5 ต่อ 1 ในตลาด Nasdaq

 

การเคลื่อนไหวของตลาดเป็นไปอย่างรุนแรงจากปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่น โดยนับเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันแล้วที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวในช่วงกว้างมากกว่า 400 จุด

 

ความวิตกเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของธนาคารฝรั่งเศสรวมถึงโซซิเอเตเจเนอราล (SocGen) ได้กระตุ้นแรงเทขายหุ้นธนาคารของยุโรปและสหรัฐโดยข่าวลือเกี่ยวกับฐานะการเงินของ SocGen ฉุดราคาหุ้นดิ่งลง 14.7%

 

ตลาดหุ้นสหรัฐได้เริ่มปรับตัวลงหลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอในช่วงที่ผ่านมา, หลังถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงจาก AAA และจากการที่ผู้กำหนดนโยบายไม่สามารถคลายความวิตกที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง (รอยเตอร์)

 

 

ตลาดน้ำมันนิวยอร์ค : ตัวเลขสต็อกหนุนน้ำมันดิบปิดพุ่งขึ้น 3.59 ดอลล์

 

ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้น 4.5 % ในวันพุธ หลังจากรัฐบาลสหรัฐออกรายงานระบุว่า สต็อกน้ำมันในคลังลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว และหลังจากตลาดหุ้นวอลล์สตรีทลดช่วงติดลบกลับขึ้นมาได้บ้างในช่วงบ่าย

 

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 3.59 ดอลลาร์ หรือ 4.53 % มาปิดตลาดที่ 82.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 79.53-83.14 ดอลลาร์ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย.ที่ตลาดกรุงลอนดอนทะยานขึ้น 4.11 ดอลลาร์ สู่ 106.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 5.2 ล้านบาร์เรล สู่ 349.8 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 ส.ค., สต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 700,000 บาร์เรล สู่ 151.5 ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล สู่ 213.6 ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมัน heating oilเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล สู่ 38.7 ล้านบาร์เรล ส่วนอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น 0.7 % สู่ 90.0 %

 

ราคาน้ำมันไม่ได้รับแรงกดดันจากรายงานของสำนักงานพลังงานสากล (IEA)ที่ระบุว่า การเติบโตของอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกอาจลดลงกว่าครึ่งหนึ่งถ้าหากเศรษฐกิจโลกเติบโตช้าเกินคาดในปี 2012 โดย IEA ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของอุปสงค์น้ำมันประจำปี 2011 ลงด้วย

 

IEA ระบุว่า ถ้าหากวัดตามตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน IEA ก็ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกประจำปี 2011 ลง 60,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน และได้ปรับขึ้นตัวเลขคาดการณ์สำหรับปี 2012 ราว 70,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ 1.61 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากญี่ปุ่นจำเป็นต้องใช้น้ำมันมากยิ่งขึ้นในการผลิตกระแสไฟฟ้า (รอยเตอร์)

 

 

 

ตลาดโลหะมีค่านิวยอร์ค : ทองพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเหนือ 1,800 ดอลล์

 

ราคาทองที่ตลาดสหรัฐพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ในวันพุธ โดยราคาสัญญาทองส่งมอบเดือนธ.ค.ขึ้นไปทำสถิติสูงสุดเหนือ 1,800 ดอลลาร์/ออนซ์ และทำสถิติสูงสุดในรูปของยูโรและปอนด์ด้วย

 

ราคาสัญญาทองส่งมอบเดือนธ.ค.ขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ 1,817.60 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองสปอตพุ่งขึ้นกว่า 3 % และแตะจุดสูงสุดของวันพุธที่ 1,796.86 ดอลลาร์ ส่วนในช่วงการซื้อขายวันพฤหัสบดีนั้น ราคาทองสปอตได้ขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1,813.79 ดอลลาร์

 

ราคาทองยังไม่แสดงสัญญาณว่าจะชะลอการพุ่งขึ้น ในขณะที่เทรดเดอร์หันเหความสนใจออกจากปัญหาหนี้สินของสเปนและอิตาลี และมุ่งความสนใจไปที่ฝรั่งเศสแทน

 

ราคาทองยังคงอยู่ห่างจากสถิติสูงสุดที่ได้รับการปรับตามอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งอยู่ที่ระดับใกล้ 2,500 ดอลลาร์ ทีมนักวิเคราะห์ของธนาคารดอยช์ แบงก์ยืนยันตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ว่า ราคาทองอาจอยู่ที่ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ในปีหน้า

 

สำหรับราคาโลหะมีค่าที่ตลาด COMEX ในวันพุธมีดังต่อไปนี้

 

ปิดที่ระดับ (ดอลลาร์/ออนซ์) เปลี่ยนแปลง (ดอลลาร์)

 

ทองเดือนธ.ค. 1,784.30 + 41.30

 

เงินเดือนก.ย. 39.327 +144.40 (เซนต์)

 

พลาตินั่มเดือนต.ค. 1,771.70 + 15.30

 

พัลลาเดียมเดือนก.ย. 726.80 - 7.75 (รอยเตอร์)

 

 

 

ตลาดเงินนิวยอร์ค : ยูโรร่วงจากวิตกปัญหาภาคธนาคารยูโรโซน

 

ยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญในวันพุธ โดยแนวโน้มของยูโรยังคงอ่อนแอจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลก และความวิตกเกี่ยวกับภาคธนาคารในยูโรโซนซึ่งมีความเสี่ยงสูงต่อปัญหาหนี้สินของประเทศที่มีเศรษฐกิจอ่อนแอในยุโรป

 

ทั้งนี้ ดอลลาร์อยู่ที่ 76.830 เยน เทียบกับระดับปิดวันอังคารที่ 77.080 เยน ส่วนยูโรอยู่ที่ 1.4188 ดอลลาร์ และ 108.99 เยน เทียบกับระดับปิดวันอังคารที่ 1.4368 ดอลลาร์ และ 110.78 เยน

 

หุ้นกลุ่มธนาคารของฝรั่งเศสได้รับผลกระทบอย่างหนักในการซื้อขายที่ตลาดปารีส โดยหุ้นโซซิเอเต เจอเนราลปิดร่วงลงเกือบ 15% จากข่าวลือเกี่ยวกับฐานะการเงินของธนาคาร การร่วงลงอย่างหนักของหุ้นกลุ่มธนาคารฝรั่งเศสส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังตลาดหุ้นสหรัฐซึ่งปิดทรุดตัวลงอย่างรุนแรง

 

ยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์, เยนและฟรังก์สวิส โดยยูโรถูกกดดันจากข่าวในตลาดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ฝรั่งเศสจะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงจากระดับ AAA

 

ฝรั่งเศสมีความเปราะบางต่อการถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือหลังจากที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลง 1 ขั้น จาก AAA สู่ AA+ แต่ความวิตกดังกล่าวได้จางหายไปหลังจากที่ฟิทช์ เรทติ้ง, มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส และ S&P ยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสที่ AAA โดยแนวโน้มมีเสถียรภาพ

 

ดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับเยน ขณะที่นักลงทุนยังวิตกว่าทางการญี่ปุ่นอาจเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อสกัดกั้นการปรับตัวขึ้นของเยน แต่ดอลลาร์ปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสหลังธนาคารกลางสวิสระบุว่าจะเพิ่มปริมาณฟรังก์เพื่อสกัดกั้นการแข็งค่าของฟรังก์ และยังคงพิจารณามาตรการต่างๆ เพื่อชะลอการพุ่งขึ้นของฟรังก์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียและดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (รอยเตอร์)

 

 

 

ตลาดเงิน Emerging Asia : เงินเอเชียฟื้นตามหุ้น หลังเฟดประกาศคงดบ. 0% 2 ปี

 

วอนและริงกิตดีดตัวขึ้น หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยใกล้ระดับ 0% ต่อไปจนถึงปี 2013 ซึ่งทำให้นักลงทุนกลับเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง หลังจากที่เทขายออกมาอย่างหนักในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

 

วอนปิดตลาดแข็งค่าขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากที่อ่อนค่าลงในช่วงสั้นๆจากรายงานที่ว่า เกาหลีเหนือได้ยิงปืนใหญ่ในน่านน้ำที่เป็นข้อพิพาทใกล้เกาะยอนเปียงของเกาหลีใต้ โดยวอนฟื้นตัวขึ้น หลังจากรายงานอีกฉบับระบุว่าดูเหมือนว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการซ้อมรบ

 

ริงกิตพุ่งขึ้น หลังจากที่สามารถทรงตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยรอบ 200 วัน และหลังจากมาเลเซียเปิดเผยว่า ผลผลิตทางอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนมิ.ย. ซึ่งดีกว่าที่คาดไว้ว่าจะหดตัวลง

 

บาท/ดอลลาร์ภาคบ่ายกลับมาอ่อนค่าเล็กน้อย หลังนักลงทุนยังคงไม่มั่นใจต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐ ทำให้แรงซื้อเงินบาท ยังไม่ต่อเนื่อง บาท/ดอลลาร์ อยู่ที่ 29.89/93 จาก 29.82/85 ช่วงเช้า ขณะที่ในตลาด offshore อยู่ที่ 29.86/85 จาก 29.81/83 ช่วงเช้า สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดเปิดเผยว่า ทางธนาคารได้ซื้อบาท/ดอลลาร์ และบาท/ยูโร ขณะที่ระบุว่า นักลงทุนไม่ได้ซื้อบาทอย่างคึกคักเหมือนกับสกุลเงินอื่นในเอเชีย สแตนชาร์ตระบุว่า ปัจจัยพื้นฐานในประเทศของไทยยังคงแข็งแกร่ง โดยคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะยังคงขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป และดุลบัญชีเดินสะพัดจะยังคงเกินดุล สแตนชาร์ตคาดว่า ดอลลาร์/บาทจะอ่อนค่าลงสู่ระดับ 29.00 ณ สิ้นไตรมาส 4 โดยดอลลาร์/บาท และยูโร/บาทปรับตัวลงนับตั้งแต่ปลายเดือนมิ.ย.และต้นเดือนก.ค. ตามลำดับ จากความหวังว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 ก.ค.จะลดภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมืองของไทย

 

 

 

ดัชนีค่าระวางเรือ (Baltic Dry Index)

 

ปิดวานนี้ (10 ส.ค.) บวก 8 จุด หรือ 0.64% สู่ระดับ 1265

 

ระดับสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ 11793 และระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 554

 

ความเคลื่อนไหวของดัชนีในช่วง 5 วันทำการที่ผ่านมามีดังนี้:-

 

วันที่ ระดับปิด เปลี่ยนแปลง (จุด)

 

9 ส.ค. 1257 -7

 

8 ส.ค. 1264 -4

 

5 ส.ค. 1268 ไม่เปลี่ยนแปลง

 

4 ส.ค. 1268 +8

 

3 ส.ค. 1260 +7 (รอยเตอร์)

ถูกแก้ไข สิงหาคม 11, 2011 โดย ginger

[ginger 11,058]

รัฐบาลบราซิลประกาศนโยบายปกป้องเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมภายในประเทศ

เศรษฐกิจ - พาณิชย์

Thursday, 11 August 2011 00:17

Share this

Twitter Yahoo Googlize this Facebook

Hear this text

 

รัฐบาลบราซิลประกาศนโยบายปกป้องเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมภายในประเทศ

 

สืบเนื่องจากการแข็งค่าของเงินสกุลท้องถิ่นเฮอัล (Real) ที่แข็งค่ามากกว่าร้อยละ 30 ภายในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2554 ค่าเงินแข็งค่าร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐ ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในประเทศ ที่ต้องต่อสู้กับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ที่ได้เปรียบในการแข่งขันเนื่องจากค่าเงินเหรียญสหรัฐอ่อนตัว

 

เมื่อวันอังคารที่ 2 สิงหาคม 2554 ประธานาธิบดีบราซิล (President Dilma Rousseff) ประกาศนโยบายปกป้องเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมภายในประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ การป้องกันประเทศ สิ่งทอ รองเท้า โทรคมนาคม ซอฟแวร์ และวัสดุ อุปกรณ์ไฮเทคโนโลยี่ โดยมีแนวนโยบายและมาตราการ ดังนี้

 

- การลดหย่อนภาษีแก่อุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานสูง เช่น สิ่งทอ รองเท้า เฟอร์นิเจอร์ และซอฟแวร์ จนถึงปี 2012 พร้อมทั้ง ขยายเวลาในการจ่ายภาษีในสินค้าทุน วัสดุ อุปกรณ์ในการก่อสร้าง รถบรรทุก ภายหลังจากการผลิตสินค้าสำเร็จรูปแล้ว 12 เดือน จากเดิมต้องชำระทันทีเมื่อมีการขายสินค้านั้นๆ

 

- สนับสนุนการให้สินเชื่อโดยผ่านธนาคารของรัฐในวงเงินจัดสรร 48,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในด้านการวิจัย และพัฒนา การจัดหาเครื่องจักรใหม่ การส่งออกรถบรรทุก และเครื่องมือในการเกษตรจนถึงเดือนธันวาคมปี 2012

 

- เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบคุณภาพสินค้านำเข้า เพื่อลดการนำเข้าสินค้าราคาถูก เช่น ของเล่น รองเท้า เครื่องอิเลคทรอนิค ซึ่งส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศจีน

 

- เข้มงวดในด้านพิธีศุลกากร โดยการตรวจสอบเอกสาร และปรับ สินค้าที่มีการลักลอบนำเข้า การรายงานเอกสารที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง การปลอมแปลงเอกสารในการขนส่ง

 

- เพิ่มความเข้มข้นในมาตราการตอบโต้การทุ่มตลาด หรือ ดำเนินการตอบโต้ทางการค้าอื่นๆกับสินค้าที่ผู้ผลิตในประเทศที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งลดระยะเวลาในการพิจารณาใช้มาตราการ

 

- การสนับสนุนและรณรงค์ให้มีการเลือกซื้อสินค้าที่ผลิตภายในประเทศ โดยเริ่มจากการจัดซื้อของหน่วยงานภาครัฐ ที่จะเลือกซื้อสินค้าที่ผลิตในประเทศบราซิล แม้ว่าราคาจะสูงกว่าสินค้านำเข้า ร้อยละ 25 โดยให้ความสำคัญในสินค้าในการป้องกันประเทศ สินค้าเพื่อสุขภาพ อนามัย เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร

 

จากมาตราการและนโยบายดังกล่าวจะส่งผลกระทบการส่งออกสินค้าของไทยมายังตลาดบราซิล เห็นได้จากที่รัฐบาลบราชิลได้มีมาตราการต่างๆ ออกมาเพื่อเป็นข้อกีดกันทางการค้า เพื่อตอบสนองต่อการร้องเรียนของผู้ประกอบการในประเทศ โดยช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาในปี 2011 รัฐบาลบราซิลได้ดำเนินการซึ่งเป็นผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าไทยในหลายกรณี เช่น ได้เพิกถอนใบอนุญาตนำเข้าสินค้าอาหารทะเล จากผู้ส่งออกรายใหญ่ของไทย โดยกล่าวหาว่า ส่งสินค้าที่รัฐบาลไม่ได้อนุญาตให้นำเข้ามายังประเทศบราซิล ซึ่งทางบริษัทได้ประสานกับกรมการค้าต่างประเทศ กรมส่งเสริมการส่งออก และสคร. เซาเปาโล ในการแก้ไขปัญหา ซึ่งต่อมารัฐบาลบราซิลก็ยกเลิกการการห้ามส่งออกของบริษัทดังกล่าวมายังประเทศบราซิล และในขณะนี้ รัฐบาลบราซิลได้กล่าวหาว่าประเทศไทย รวมทั้ง อินเดีย อินโดนีเซีย ตุรกี และเวียดนาม ให้การสนับสนุนผู้ผลิตสินค้าเส้นด้ายวิสโคสที่ส่งออกมายังประเทศบราซิล ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมดังกล่าวในประเทศบราซิล ซึ่งจะต้องมีการชี้แจงกันต่อไป

 

ผู้ผลิต/ส่งออกไทยที่ส่งสินค้ามายังประเทศบราซิลต้องติดตามความคืบหน้าด้านข่าวสาร และมาตราการต่างๆ อย่างใกล้ชิด รวมทั้งต้องปฏิบัติตามกฏระเบียบการนำเข้าของบราซิลอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการนำไปเป็นข้ออ้างในใช้มาตราการกีดกันทางการค้า

 

สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ณ นครเซาเปาโล ที่มา: http://www.depthai.go.th