ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

Morning News ***

* ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และการเผยรายงานการประชุมเฟด ที่ลดความกังวลที่เฟดจะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยโดยเร็วหลังจากที่สิ้นสุด QE

* ดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร หลังรายงานการประชุมเฟดเผยว่า สมาชิกเฟดส่วนใหญ่กล่าวว่า การคาดการณ์ของตลาดนั้น “ตื่นตระหนกมากเกินไป” เกี่ยวกับอัตราเร็วในการเพิ่มอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ยังเผยถึงการละทิ้งเกณ์อัตราว่างงาน 6.5% ซึ่งเป็นเกณฑ์เดิมในการเพิ่มอัตราดอกเบี้ย

 

* ยูเครนได้ยื่นคำขาดต่อกลุ่มผู้ประท้วงที่สนับสนุนรัสเซียในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของยูเครน เพื่อให้พวกเขาออกจากสำนักงานรัฐบาลไปเอง ซึ่งพวกเขาเข้ายึดในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หรืออีกหนทาง คือจะต้องถูกขับไล่ออกไปโดยกองกำลังทหาร ซึ่งรัฐบาลยูเครนพร้อมสำหรับทั้ง 2 กรณี

ฯลฯ

 

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

Exclusive News ประจำเช้าวันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน 2557 ให้เพื่อนๆ ติดตามมาแล้วค่ะ

โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้

- เศรษฐกิจสหรัฐ: รายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) เมื่อวันที่ 18-19 มี.ค. ระบุว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายต่างเห็นพ้องกันที่จะปรับเปลี่ยนแนวทางในการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และยอดสต๊อกสินค้าของภาคค้าส่งในเดือน ก.พ.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5% รวมถึงกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) เตือนว่า ผู้กำหนดนโยบายของสหรัฐขาดประสิทธิภาพในการรับมืออย่างรวดเร็วต่อความเสี่ยงในระบบการเงิน

 

- เศรษฐกิจยุโรป: ธนาคารกลางยุโรป(ECB) เตรียมดำเนินนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) ซึ่งอาจมีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านยูโร ตามอย่างธนาคารกลางสำคัญ ๆ ทั่วโลก และกิจกรรมทางการค้าของเยอรมนีอ่อนแรงลงในเดือน ก.พ.

- เศรษฐกิจเอเชีย: ธนาคารกลางเกาหลีใต้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.5% และสำนักงานคลังสำรองของรัฐบาลจีน(SRB) ได้ลงนามในข้อตกลงกับกลุ่มผู้ผลิตโลหะนอกกลุ่มเหล็กรายใหญ่ของประเทศ เพื่อรับซื้อสินแร่หายากมากักเก็บในคลังสำรอง

- ตลาดน้ำมัน: สต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 4 เม.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4 ล้านบาร์เรล แตะที่ 384.1 ล้านบาร์เรล

10153016_815170635177955_2409919190033440677_n.jpg

 

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

:Hi

d ja wann และเพื่อนๆ นิวติดภาระกิจจ้า เจาะหุ้นเด่นภาคบ่าย 10-4-57 vdo.gif Money Wise ช่วงพลิกเกม เจาะหุ้นเด่นภาคบ่ายสดตรงจากนักวิเคราะห์ "NowTV26" 10-4-57 สรุปภาวะซื้อขายหุ้นไทยภาคเช้า 10-4-57 vdo.gif สรุปภาวะซื้อขายตลาดหุ้นไทยภาคเช้า 10-4-57 หุ้นตัวไหนร้อน ติดตามได้ใน Money Wise "NowTV26" หุ้นเช้าปิดบวก4.56จุดแกว่งแคบ หุ้นเช้าปิดบวก 4.56 จุด อยู่ที่ 1,368.58 จุด คาดบ่ายแกว่งแคบต่อไป การเมืองฉุดศก.โตต่ำสุดในอาเซียน Take Off ความเคลื่อนไหวค่าเงิน 10-4-57 vdo.gif 'กรุงศรีออโต้'คุมเข้มลูกค้า แบงก์ลุ้นสินเชื่อไตรมาส3ฟื้น

ดูข่าว ทั้งหมด icon-arrow-gray.gif

 

 

ข่าวยอดนิยม

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บลจ.กสิกรฯ มองราคาทองปี 57 แกว่งตัว 1,150–1,350 ดอลลาร์/ออนซ์

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 10 เมษายน 2557 14:59:20 น.

นายพงศ์พิเชษฐ์ นานานุกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า มุมมองต่อการลงทุนในทองคำ ความต้องการทองคำในจีนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2548 -2556 โดยอาจชะลอตัวลงบ้างในปีนี้ หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนส่งสัญญาณชะลอตัวลง อย่างไรก็ตามจีนยังคงเป็นผู้บริโภคทองคำรายใหญ่ของโลกและเข้าซื้อทองคำสุทธิอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับธนาคารกลางทั่วโลกมีการซื้อทองคำสุทธิมาตลอดตั้งแต่ปี 2553 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยบวกที่จะช่วยหนุนความต้องการทองคำในอนาคต

ลจ. กสิกรไทย คาดการณ์ราคาเป้าหมายของทองคำในปี 2557 ที่ประมาณ 1,150 – 1,350 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำในระยะนี้อาจปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากยังขาดปัจจัยใหม่ที่เข้าหนุนตลาด แม้ว่าปัญหาระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ และยุโรปจะยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน แต่ตลาดก็ได้ลดน้ำหนักข่าวดังกล่าวลงไปมากแล้วหลังจากไม่ได้มีความรุนแรงเพิ่มเติม ด้านตลาดอินเดียซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำเข้าทองคำรายใหญ่ของโลก ก็ได้มีการเพิ่มภาษีการนำเข้าทองคำ ส่งผลให้ความต้องการทองคำในประเทศลดน้อยลง ดังนั้นสำหรับนักลงทุนระยะสั้นควรต้องเข้าซื้อด้วยความระมัดระวังเนื่องจากราคาทองคำยังไม่มีปัจจัยใหม่หนุนการลงทุน ในขณะที่แนวโน้มในระยะยาวมีแรงกดดันจากการชะลอเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ (QE) หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์มีทิศทางแข็งค่าขึ้น ทำให้นักลงทุนระยะยาวควรติดตามประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจับจังหวะเข้าลงทุนซื้อขายด้วยความระมัดระวัง ทั้งนี้อาจอาศัยจังหวะที่ราคาทองคำปรับตัวอ่อนค่าลงมาเพื่อเข้าซื้อเพิ่มเติมได้

สำหรับกองทุนเปิดเค โกลด์ (K-GOLD) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ โดยกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ พร้อมนโยบายจ่ายเงินปันผลสูงสุดไม่เกิน 4 ครั้งต่อปี โดยนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อ 18 กรกฎาคม 2551 มีการจ่ายเงินปันผลไปแล้วทั้งสิ้น 14 ครั้ง คิดเป็นอัตราเงินปันผลรวมทั้งสิ้น 3.85 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดเค โกลด์ (K-GOLD) เป็นกองทุนรวมทองคำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย (ณ วันที่ 4 เมษายน 2557) มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 16,625.28 ล้านบาท

บลจ.กสิกรไทยเตรียมจ่ายปันผลกองทุนเปิดเค โกลด์ (K-GOLD) ครั้งที่ 14 สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2556 – 31 มีนาคม 2557 ประมาณการอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 0.20 บาทต่อหน่วย โดยจะจ่ายให้แก่ผู้ลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียนของกองทุนดังกล่าว ณ เวลา 08.00 น. ของวันที่ 31 มีนาคม 2557 โดยมีมูลค่าเงินปันผลรวมทั้งสิ้นกว่า 333 ล้านบาท และมีกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 11 เมษายน 2557

อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

In Focus: อินเดีย กับการเลือกตั้งครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 9 เมษายน 2557 15:30:46 น.

อินเดีย ประเทศประชาธิปไตย และมีประชากรมากที่สุดในโลกเป็นลำดับที่ 2 หรือประมาณ 1.2 พันล้านคน ประกาศจัดการเลือกตั้งครั้งยิ่งใหญ่ที่ทั่วโลกยกให้เป็นการเลือกตั้งครั้งใหญ่ และยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการเลือกตั้งที่ใช้งบประมาณมากที่สุดเป็นลำดับ 2 ของโลกอีกด้วย!

การเลือกตั้งครั้งยิ่งใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์โลก

การเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ 16 ของโลกสภา (Lok Sabha) ซึ่งเป็นสภาผู้แทนราษฎรของอินเดียนั้น กินระยะเวลายาวนานถึงประมาณ 5 สัปดาห์ โดยเริ่มเปิดฉากไปเมื่อวันที่ 7 เมษายน และจะสิ้นสุดลงในวันที่ 12 พฤษภาคม 2557 โดยอินเดียจะแบ่งระยะเวลาในการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้ ออกเป็น 9 ช่วง และมีเขตเลือกตั้งทั้งหมด 543 เขต แบ่งเป็นคูหาเลือกตั้ง 919,000 แห่งทั่วประเทศ และจะใช้เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกทั้งหมดประมาณ 3.6 ล้านเครื่อง ซึ่งถือเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นมากจากการเลือกตั้งในปี 2552 ที่มีหน่วยเลือกตั้ง 800,000 แห่ง และใช้เครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิก 2 ล้านเครื่อง เนื่องจากการเลือกตั้งในปีนี้มีจำนวนผู้ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งเพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งในปี 2552 ประมาณ 100 ล้านคน รวมผู้มีสิทธิ์ออกเสียงลงคะแนนประมาณ 814 ล้านคน เทียบได้กับจำนวนประชากรของสหรัฐ และสหภาพยุโรปรวมกัน ทั้งนี้ การนับผลคะแนนทุกเขตจะมีขึ้นในวันที่ 16 พฤษภาคม 2557

คณะกรรมการการเลือกตั้งอินเดีย (ECI) เปิดเผยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะต้องใช้งบประมาณมากถึง 3.5 หมื่นล้านรูปี ซึ่งยังไม่นับรวมค่าใช้จ่ายสำหรับการรักษาความปลอดภัย และค่าใช้จ่ายส่วนตัวของพรรคผู้สมัครอีก โดยคาดว่าพรรคการเมืองของอินเดียจะใช้งบประมาณในการเลือกตั้งรวมกันแล้วเป็นเงินประมาณ 3.05 แสนล้านรูปี หรือประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าการเลือกตั้งครั้งก่อนถึง 3 เท่า และถือเป็นการเลือกตั้งที่ผลาญงบมากที่สุดเป็นลำดับ 2 ของโลกรองจากการเลือกตั้งในปี 2555 ของสหรัฐอเมริกาที่ทุ่มทุนไปทั้งสิ้นประมาณ 7 พันล้านดอลลาร์ ECI ระบุว่า การจัดการเลือกตั้งในประเทศที่มีอาณาเขตใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 7 ของโลกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าหน้าที่ดูแลการเลือกตั้งต้องเดินทางฝ่าสภาพภูมิประเทศที่หลากหลายทั้งป่าเขา ทะเลทราย ทะเล และธารน้ำแข็ง เพื่อจัดคูหาเลือกตั้งให้ได้ตามกฏที่กำหนดไว้ว่าคูหาเลือกตั้งจะต้องอยู่ห่างจากที่พักอาศัยของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทุกคนไม่เกิน 2 กิโลเมตร หรือ 1.2 ไมล์ และยังต้องใช้เฮลิคอปเตอร์เพื่อขนส่งยารักษาโรค อาหาร เครื่องมือสื่อสารไร้สาย เครื่องลงคะแนน และเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งเข้าสู่พื้นที่ที่เข้าถึงได้ยาก

ระบบการเลือกตั้งของอินเดีย

อินเดียมีระบบรัฐสภาแบบ 2 สภา ได้แก่

- ราชยสภา (Rajya Sabha) หรือ RS ซึ่งเป็นสภาสูงที่มีสมาชิกจำนวน 250 คน สมาชิกส่วนใหญ่มาจากการเลือกตั้งโดยสภานิติบัญญัติประจำรัฐ และเขตแดนต่างๆของอินเดีย และสมาชิก 12 คน ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในด้านศิลปศาสตร์ อักษรศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสังคมสงเคราะห์ศาสตร์จะมาจากการคัดสรรโดยประธานาธิบดีแห่งอินเดีย

- โลกสภา (Lok Sabha) หรือสภาผู้แทนราษฎร เป็นสภาล่าง มีจำนวนสมาชิกทั้งหมด 545 คน โดยที่สมาชิก 2 คนมาจากการคัดเลือกของประธานาธิบดี และสมาชิกส่วนที่เหลือมาจากการเลือกตั้งโดยตรง

คณะกรรมการการเลือกตั้งของอินเดีย (ECI) ใช้มาตรการทุกวิถีทางเพื่อที่จะทำให้การเลือกตั้งดำเนินไปด้วยความโปร่งใส และยุติธรรมที่สุด นอกจากระบบ “NOTA" (None of the Above) บนบัตรลงคะแนน ซึ่งมีความหมายว่าไม่ยอมรับผู้สมัครทุกรายแล้ว อินเดียยังได้นำ 2 ระบบใหม่ล่าสุดมาใช้กับการเลือกตั้งในปี 2557 อีกด้วย ได้แก่ “EVM" (Electronic Voting Machines) หรือเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิก ซึ่งช่วยประหยัดเวลา และ “VVPAT" (Voter Verifiable Paper Audit Trail) ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ควบคู่กับเครื่องลงคะแนน โดยเมื่อกดลงคะแนนแล้ว ระบบจะส่งใบรายการที่แสดงสัญลักษณ์ และชื่อผู้สมัครที่ได้รับการลงคะแนนลงไปยังกล่องปิดผนึกทันทีโดยอัตโนมัติ

ผู้สมัครตัวเก็ง

การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้ลงรับสมัครเลือกตั้งในระดับตัวเก็ง 2 คน คือ นายราหุล คานธี พรรคคองเกรสอินเดีย (INC) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล และนายนาเรนดรา โมดี จากพรรคภาราติยะ ชันนะตะ (BJP) ฝ่ายค้านชาติลัทธิฮินดู

นายนาเรนดรา โมดี วัย 63 ปี แสดงจุดยืนด้านการลงทุน และการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะที่บรรดาผู้นำพรรคคองเกรสโจมตีนายนาเรนดรา โมดี ว่า เขาคือผู้กุมอำนาจเผด็จการที่ไม่มีความสามารถพอที่จะควบคุมโศกนาฏกรรมอันเนื่องมาจากเหตุจลาจลต่อต้านมุสลิมที่เกิดขึ้นในรัฐคูชารัตเมื่อปี 2545 ไว้ได้ และเขากลับปฏิเสธว่าเขาไม่ได้ทำผิดพลาดใดๆในเหตุการณ์ครั้งนั้น

ในขณะที่นายราหุล คานธี วัย 43 ปี หาเสียงด้วยนโยบายอาหารราคาถูก และนโยบายรับประกันการจ้างงานในเขตพื้นที่ชนบท พรรค INC ให้คำมั่นสัญญากับผู้ใช้สิทธิ์ที่มีฐานะยากจนว่า พรรคจะจัดให้มีนโยบายสิทธิการดูแลสุขภาพ รวมถึงที่พักอาศัยด้วย พร้อมทั้งยืนยันว่าจะฟื้นฟูเศรษฐกิจอินเดียให้เป็นเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดเป็นลำดับ 3 ของเอเชีย และจะกระตุ้นการเติบโตให้ได้มากกว่า 8% ภายใน 3 ปี

นายราหุล คานธี ระบุว่า "การเลือกตั้งครั้งนี้เปรียบเสมือนการต่อสู้แห่งอุดมการณ์ มันเป็นการต่อสู้เพื่อการเป็นอินเดียในแบบที่พวกเราต้องการ"

โครงสร้างเศรษฐกิจของพรรค BJP ภายใต้การนำของนายนาเรนดรา โมดี ให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐาน, การพัฒนาชุมชนเมือง และยกเลิกระเบียบราชการที่เข้มงวด ซึ่งแตกต่างจากจุดยืนของพรรค INC อย่างสิ้นเชิง ซึ่งพรรค INC มุ่งเน้นนโยบายด้านการส่งเสริมการเติบโตแบบวงกว้าง รวมถึงแผนการต่างๆด้านสวัสดิภาพ

การเลือกตั้งในวันแรกเมื่อวันที่ 7 เมษายนผ่านไปด้วยดี โดยจัดขึ้นที่รัฐอัสสัม และรัฐตริปุระในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย มีการแบ่งเขตการเลือกตั้งเป็น 6 เขต และจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งน้อยกว่า 1% ของประชากรทั้งหมดในอินเดีย หัวหน้าเจ้าหน้าที่การเลือกตั้งประจำรัฐรัฐตริปุระ ระบุว่า รัฐตริปุระมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 10,000 คนประจำตามคูหาเลือกตั้งทั้งหมด 1,605 แห่ง เขากล่าว่า “แทนที่เราจะให้ความสำคัญกับยานพาหนะ การสื่อสารโทรคมนาคม และความปลอดภัย แต่เราจะพยายามทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้มีความอิสระ ความยุติธรรม และสันติ

เมื่อมองจากภาพรวมในวันแรกของการเลือกตั้งแล้ว นายนาเรนดรา โมดีจากพรรคฝ่ายค้านมีแนวโน้มที่จะได้รับเสียงข้างมากหลังกลับมาทวงคืนอำนาจที่ห่างหายไปนานถึง 10 ปี

ขณะที่วันนี้การเลือกตั้งในช่วงที่ 2 ยังคงดำเนินต่อไปใน 3 รัฐ ได้แก่ รัฐนาคาแลนด์, เมฆาลัย และมณีปุระ แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงจากกำหนดการเดิมที่ระบุไว้ 4 รัฐ หลังจาก ECI เลื่อนจัดการเลือกตั้งในรัฐมิโซรัมออกไปเป็นวันที่ 11 เมษายน เนื่องจากมีกลุ่มวัยรุ่น สตรี และองค์กรเอกชนรวมตัวกันชุมนุมประท้วงไปทั่วรัฐโดยปักหลักตามถนนสายหลักตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา เป็นเวลานานถึง 72 ชม. ขณะที่เมืองไอซาล ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐ ได้ออกมาประกาศเตือนให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกบ้านจนกว่าจะถึงวันที่ 10 เมษายน การชุมนุมประท้วงในครั้งนี้ส่งผลให้สถานที่ราชการทุกแห่งในรัฐปิดทำการ และไม่มีรถสาธารณะให้บริการ ทั้งนี้การชุมนุมดังกล่าวมีสาเหตุมาจากกลุ่มผู้ชุมนุมโกรธเคืองที่คณะกรรมการการเลือกตั้งอนุญาตให้ผู้ลี้ภัยชนเผ่าบรู (Bru) ที่หลบหนีจากรัฐมิโซรัมไปยังรัฐข้างเคียงอย่างตริปุระเมื่อครั้งที่เกิดความขัดแย้งทางเชื้อชาติเกือบ 17 ปีก่อน สามารถร่วมลงคะแนนเสียงเลือกตั้งจากค่ายพักลี้ภัยที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของรัฐตริปุระผ่านทางไปรษณีย์ได้ ชนเผ่าบรูที่อาศัยรัฐตริปุระมาตั้งแต่ 17 ปีที่แล้ว มีจำนวนทั้งหมดประมาณ 36,000 คน และมีผู้ลงทะเบียนมีสิทธิ์เลือกตั้งในรัฐจำนวน 11,500 คน ซึ่งพวกเขาก็ได้ลงคะแนนบนบัตรเลือกตั้งและส่งไปรษณีย์ไปแล้ว

เศรษฐกิจอินเดียกับภาวะถดถอย

เป็นที่ทราบกันดีว่า อินเดียเป็นแผ่นดินใหญ่ที่มีประชากรอาศัยอยู่กันอย่างแออัด 2 ใน 3 ของประชากรทั้งหมดของประเทศมีฐานะยากจน เศรษฐกิจอินเดียในปัจจุบันต้องเผชิญกับปัญหาราคาอาหารแผง การทุจริต ความไม่ปลอดภัย และปัญหาที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ ถนน ไฟฟ้า และน้ำสะอาด

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หุ้น และสกุลเงินของอินเดียต่างฟื้นตัวขึ้นเนื่องจากความคาดหวังที่ว่า นายนาเรนดรา โมดีแห่งพรรค BJP จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลผสมที่มีความแข็งแกร่ง และชุบเศรษฐกิจอินเดียให้ขึ้นแท่นเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดเป็นลำดับ 3 ของเอเชียได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีมานโมฮัน ซิงห์แห่งพรรค INC ได้รับคะแนนความนิยมลดลงเนื่องจากกรณีการรับผลประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฏหมาย ขณะที่กองทุนต่างๆทั่วโลกได้อัดฉีดเงินทุนมูลค่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบหนี้ และหุ้นของอินเดีย โดยหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะสามารถกู้สภาพคล่องทางเศรษฐกิจของอินเดียกลับคืนมาได้ หลังจากที่ในปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2556 เศรษฐกิจอินเดียชะลอตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี ขณะที่ค่าเงินรูปีแข็งค่าขึ้น 3.2% ในไตรมาสก่อน

นักวิเคราะห์การเมืองอิสระรายหนึ่งระบุว่า “ภาพลักษณ์ และเศรษฐกิจของอินเดียย่ำแย่ เนื่องจากขาดการตัดสินใจที่ดี"

ผลการสำรวจจาก Pew Research Center พบว่า ประชาชนส่วนมากกว่า 3 ต่อ 1 อยากให้พรรค BJP เข้ามาเป็นรัฐบาลมากกว่า ผลการสำรวจเผยว่า ประชาชนผู้ตอบแบบสำรวจเกือบ 80% มีทัศนคติที่ดีต่อนายนาเรนดรา โมดี โดยผู้ตอบแบบสำรวจ 60% ระบุว่าชื่นชอบเขามาก ขณะที่ 50% มีทัศนคติที่ดีต่อนายราหุล คานธี และมีผู้ตอบแบบสำรวจเพียง 23% เท่านั้นที่บอกว่าชื่นชอบเขา

ไดลิป ดุตตา ผู้อำนวยการกลุ่มการศึกษาวิจัยเอเชียใต้ แห่งมหาวิทยาลัยซิดนีย์ กล่าวว่า “แผนการของโมดีมีแนวโน้มที่จะพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ดีกว่า ซึ่งส่วนใหญ่จะได้รับการสนับสนุนจากคนวัยหนุ่มสาวที่เป็นเสียงส่วนมากของการเลือกตั้งในครั้งนี้ พวกเขาหวังว่า โมดีอาจจะสามารถนำพาเศรษฐกิจไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้นได้ ซึ่งเป็นหนทางสู่โอกาสในการทำงานของพวกเขา’"

 

การเลือกตั้งครั้งยิ่งใหญ่ในครั้งนี้จะนำพาเศรษฐกิจอินเดียไปในทิศทางใดนั้น ยังคงต้องรอลุ้นผลการเลือกตั้งที่ยาวนานข้ามเดือนกันต่อ

อินโฟเควสท์ โดย ศศิประภา อัครภูติ/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

 

 

 

MTS GOLD

1 hr ·

 

 

ข่าวภาคเย็นมีประเด็นให้ติดตามกันนะคะ

(+) ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นช่วงการซื้อขายที่ 3 ติดต่อกัน สู่ระดับจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 2 สัปดาห์ หลังจากที่รายงานการประชุมเฟด สื่อว่า สมาชิกเฟดไม่ได้สื่อที่จะให้เพิ่มอัตราดอกเบี้ยโดยเร็ว

(+) นอกจากนี้ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในยูเครน ที่เป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย

 

(-) อย่างไรก็ตาม นักลงทุนได้กล่าวเตือนว่า การขาดแรงซื้อในกองทุนทองคำ และความต้องการทองคำที่ชะลอตัวอาจเป็นแรงกดดันการปรับเพิ่มขึ้นของราคาทองคำ

(+) รายงานการประชุมเฟดเผยว่า สมาชิกเฟดส่วนใหญ่กล่าวว่า การคาดการณ์ของตลาดนั้น “ตื่นตระหนกมากเกินไป” เกี่ยวกับอัตราเร็วในการเพิ่มอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ยังเผยถึงการละทิ้งเกณฑ์อัตราว่างงาน 6.5% ซึ่งเป็นเกณฑ์เดิมในการเพิ่มอัตราดอกเบี้ย

(+) นายปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียและเจ้าหน้าระดับสูงของรัสเซียได้ข่มขู่ที่จะห้ามการส่งก๊าซธรรมชาติให้แก่ยูเครนเมื่อคืนนี้ และย้ำว่ายูเครนยังคงติดหนี้รัสเซียอยู่ 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ด้านแก๊สธรรมชาติ และหนี้ส่วนอื่นๆอยู่

ฯลฯ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ด่วน!หลังคาห้างจามจุรีสแควร์ถล่ม ใกล้รถไฟฟ้าใต้ดินสามย่าน-ไร้เจ็บ

http://www.naewna.com/local/98844

 

 

 

 

10155350_725472840836844_3850662210062358357_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รายการ Morning Talk วิเคราะห์แนวโน้มฟิวเจอร์ส วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2557 โดย ฝ่ายวิจัย บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...