ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

การบริโภคของภาคเอกชนโปรตุเกสทรุดฮวบในเดือนก.ค.จากพิษเศรษฐกิจ

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม 2554 09:19:51 น.

วิกฤติเศรษฐกิจกำลังส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาวโปรตุเกส ขณะที่ข้อมูลทางสถิติแสดงให้เห็นว่าการบริโภคของภาคเอกชนในเดือนก.ค.ร่วงลง 3.4% เทียบกับเดือนเดียวกันในปี 2553

 

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของโปรตุเกสระบุว่า นับเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดของการบริโภคในภาคเอกชนในประวัติศาสตร์การจัดทำสถิติของประเทศ

 

ส่วนกิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลง 1.6% จากเดือนก.ค.2553 ซึ่งนับเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่าในเดือนมิ.ย. ซึ่งกิจกรรทางเศรษฐกิจลดลง 1.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ธรรมะวันอาทิตย์แบบยาวๆๆ ยาวๆๆๆ

 

 

สุนัขก็อยู่ด้วยไม่ได้

 

หลังจากหลวงพ่อและคณะพำนักอยู่ที่ดงป่าพงได้เดือนกว่า แม่พิมพ์มารดาของหลวงพ่อ ซึ่งมาอุปัฏฐากช่วยเหลืองานวัด พร้อมกับฝึกหัดภาวนาอยู่เป็นประจำ ได้เกิดศรัทธาในปฏิปทาของพระลูกชาย และเลื่อมใสในคำสอนทางพุทธศาสนามาก จึงชักชวนญาติมิตรอีกสามคนมาบวชชีที่ป่าพง และได้ร่วมทุกข์ยากลำบากกับพระในรุ่นบุกเบิกนั้นด้วย

 

วัดหนองป่าพงในสมัยนั้น ผู้คนเข้าวัดน้อยมากเพราะอยู่ในถิ่นกันดาร ไม่มีใครรู้จัก รวมทั้ง ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจ และไม่สนใจความเป็นอยู่ของพระป่า หลวงพ่อกับคณะจึงต้องเผชิญกับปัญหารอบข้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นับตั้งแต่เรื่องอาหารขบฉัน ซึ่งหลวงพ่อฟื้นความหลังให้ฟังว่า...

 

"สมัยนั้นแม้สุนัขก็อยู่ด้วยไม่ได้ ไม่ใช่มันถูกเตะถูกตีหรอก มันไม่มีอะไรจะกิน เพราะอาหารของพระ ก็แทบจะไม่พอจะฉันอยู่แล้ว เมื่อพระฉันเสร็จก็เดินกลับกุฏิกันหมด สุนัขวิ่งตามไปพระท่านก็ขึ้นกุฏิปิดประตูเงียบ สุนัขมันก็กลัว ไม่รู้จะอยู่กับใคร มันจึงอยู่ไม่ได้ แต่คนอยู่ได้ คิดแล้วก็สลดสังเวชเหมือนกัน"

บางวันไปบิณฑบาตได้กล้วยมาสามลูก หลวงพ่อจะหั่นกล้วยเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วแบ่งกันฉันอย่างทั่วถึง โดยไม่ทิ้งแม้แต่เปลือก หากมีน้ำพริกมาด้วยวันนั้นถือว่าโชคดี แม่ชีจะเก็บผักกำโตๆ มาถวาย แล้วแบ่งน้ำพริกกันคนละนิดฉันกับผักนั้น ด้วยความรู้สึกที่ดีกว่าทุกวัน

 

ผ้าไตรจีวรขัดสนมาก ต้องเก็บเอาเศษผ้าที่ทิ้งแล้วมาใช้ สิ่งของเครื่องอาศัยต่างๆ เช่น สบู่ ผงซักฟอก รองเท้า เทียนไข ไม้ขีดไฟ ไม่มีเลย ยามค่ำคืนอาศัยแสงเดือนแสงดาวที่ส่องลอดใบไม้ ลงมาแทนแสงโคมไฟส่องทางเดินจงกรม บางครั้งพระเณรเหยียบงูบ่อยๆ แต่ไม่ปรากฏว่ามีใครเคยถูกงูกัด

 

หลวงพ่อเล่าว่า "คืนข้างแรมมืดตึ๊ดตื๋อ เวลาจะลงจากกุฏิก็พนมมือยกขึ้นเหนือหัว สาธุ ด้วยอำนาจแห่งคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงเป็นสุขๆ ทุกตัวตนเถิด อย่าเข้ามาใกล้นะ เวลากลางคืนมันมืดอย่างนี้ มองไม่เห็นอะไร ไม่มีไฟส่อง เดี๋ยวเหยียบเอาจริงๆ นะ"

 

มีพระรูปหนึ่งมีธุระลงจากกุฏิไปศาลาในตอนกลางคืน พอเดินไปได้ไม่ไกล ชนเอาต้นงิ้วหนามหน้าช้ำหมด แต่ไม่มีใครปริปากบ่นถึงความทุกข์ยากนั้น

 

ในสมัยนั้น ป่าพงมีไข้มาลาเรียชุกชุมมาก พระเณรรวมทั้งแม่ชีป่วยเป็นไข้มาลาเรียกันแทบทุกรูป ยารักษาที่มีและดีที่สุดในยามนั้นคือ น้ำบอระเพ็ดต้ม แม้ไข้ขึ้นสูงจนตัวสั่น ไม่มีใครยอมไปหาหมอ ต่างใช้ความอดทนต่อสู้กับภัยนั้นเรื่อยมา

 

หลวงพ่อมักพูดให้กำลังใจแก่พระเณรว่า "อดทนเอานะ พระกรรมฐานไม่ต้องกลัว ถ้าตายผมจะเผาให้ ถ้าผมตายก็ให้เพื่อนเผาผมด้วยนะ อย่าเอาไว้เลยมันทุกข์"

 

ครั้งหนึ่ง พระป่วยเป็นไข้มาลาเรียอย่างหนัก พอตกกลางคืนนอนหนาวจับสั่น อาการหนักขึ้นเรื่อย จึงรำพึงกับตัวเองว่า "เราคงต้องตายวันนี้แน่ !" เมื่อคิดวกไปวนมาหลายรอบ คิดได้ว่าถ้าเราอยู่ที่กุฏินี่คงจะตายอยู่คนเดียว ไม่มีใครรู้ ออกไปหาเพื่อนดีกว่า คิดได้ดังนั้นแล้วก็วิ่งออกไปทั้งที่ไฟส่องทางไม่มี

 

พระรูปนั้นวิ่งไปบนไม้แห้ง ชนกิ่งไม้หักไปตลอดทาง เกิดเสียงดังผิดปกติ หลวงพ่อจึงออกมาดู แล้วถามว่า

 

"ใครเป็นอะไร ?"

 

"ผมเองครับ... ผมป่วยหนัก เลยจะออกมาหาเพื่อน"

 

"เออ... ถูกแล้ว... คนป่วยต้องมาหาหมอ จะให้หมอไปหาคนป่วยจะถูกหรือ ?"

 

จากนั้นก็ช่วยกันพยาบาลพระรูปนั้นตามมีตามได้ ถึงกระนั้นก็ไม่ปรากฏว่า พระเณรวัดหนองป่าพงป่วยเป็นไข้มาลาเรียตายสักที

อยู่ต่อมา หลวงพ่อป่วยเป็นมาลาเรียหนักมาก ท่านออกมานอนบนแคร่ใต้ร่มไม้หน้ากุฏิ อาการไข้สูงขึ้นเรื่อยๆ จนเนื้อตัวเขียวคล้ำ พระเณรไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะหลวงพ่อไม่ให้เอ่ยถึงโรงพยาบาลและหมอ จึงพากันฝนยาสมุนไพรให้ท่านฉันแล้วนั่งเฝ้าอยู่อย่างนั้น

 

สักพักหนึ่งอาการไข้ขึ้นถึงที่สุด หลวงพ่อลุกขึ้นนั่งโยกไปโยกมา แล้วคว้าขันน้ำยาสมุนไพรที่ตั้งไว้ข้างตัว ยกขึ้นเทราดศีรษะท่านเอง หลวงพ่อเที่ยงนั่งอยู่ข้างๆ จับไว้ไม่ทัน เนื้อตัวหลวงพ่อเปียกปอนไปหมด จากนั้นท่านก็นั่งสมาธินิ่งเงียบไป

 

หลายวันต่อมา อาการของหลวงพ่อดีขึ้น แต่โรคร้ายกลับหันไปเล่นงานลูกศิษย์แทน ไม่เว้นว่าพระเณร หรือแม่ชี ป่วยหนักกันแทบทุกคน

 

ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อจันทร์ อินฺทวิโร (พระครูบรรพตวรกิต เจ้าอาวาสวัดบึงเขาหลวง สาขาที่ 2 ของวัดหนองป่าพง) ซึ่งเป็นศิษย์รุ่นแรกๆ ได้อยู่ร่วมเคียงข้างหลวงพ่อมาโดยตลอด จนวันหนึ่งหลวงพ่อจันทร์ป่วยเป็นไข้มาลาเรียนอนซมอยู่หลายวัน หลวงพ่อเห็นป่วยนานผิดสังเกต จึงไปเยี่ยมดูอาการที่กุฏิ เพื่อพูดคุยให้กำลังใจ แล้วได้ถามว่า... "ท่านจันทร์ต้องการอะไรไหม ? ถ้าเป็นของที่พอหาได้ ผมจะหามาให้"

 

หลวงพ่อจันทร์ตอบทันทีว่า

 

"กระผมอยากฉันต้มไก่ใส่หัวข่าครับ"

 

"มันก็บ่มีแล้ว...ว...ว" หลวงพ่อลากเสียง

 

ต่อมาหลวงพ่อจันทร์ออกไปอยู่วัดสาขาแล้ว เมื่อมีโอกาสมาเยี่ยมหลวงพ่อที่วัดป่าพง ถ้าวันไหนได้นั่งฉันอาหารร่วมกัน แล้วมีชาวบ้านนำต้มไก่มาถวาย หลวงพ่อมักจะพูดสัพยอกหลวงพ่อจันทร์ว่า

 

"เออ... วันนี้ผมขอต้มไก่ถวายท่านอาจารย์จันทร์ด้วยนะ... ผมเป็นหนี้ท่านตั้งแต่สมัยท่านป่วยเป็นไข้มาลาเรียคราวนั้น ยังไม่ได้ใช้หนี้ท่านเลย..." พูดแล้วหลวงพ่อก็หัวเราะไปด้วย ทำเอาหลวงพ่อจันทร์และพระเณรในโรงฉันอมยิ้มไปตามๆ กัน

 

อ่านแล้วน่าเลื่อมใสในขันติ และความเพียรของท่านจริงๆคับ....ขอบคุณป้าขิงที่เอามาให้อ่านจ้ะ :D

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทูตเผยจีนมีแนวโน้มเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของแอฟริกาใต้

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม 2554 11:18:22 น.

นายเบคี แลงก้า ทูตแอฟริกาใต้ กล่าวว่า จีนได้กลายเป็นจุดหมายด้านการส่งออกที่สำคัญของแอฟริกาใต้ในช่วงสิ้นปี 2553 อันเนื่องมาจากการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าทวิภาคี

 

นายแลงก้ากล่าวกับสำนักข่าวซินหัวในการให้สัมภาษณ์เมื่อเร็วๆนี้ว่า การลงทุนระหว่างสองประเทศได้พุ่งขึ้นเกือบ 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ ช่วงสิ้นปีที่แล้ว

 

 

ข้อมูลสถิติของสำนักงานศุลกากรจีนแสดงให้เห็นว่าการค้าระหว่างจีนและแอฟริกาใต้มีจำนวนทั้งสิ้น 2.56 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐตลอดปี 2553 ขณะที่การนำเข้าสินค้าจากแอฟริกาใต้มีมูลค่า 1.48 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงดังกล่าว

 

นายแลงก้ากล่าวว่าสินค้าที่แอฟริกาใต้ส่งออกมายังจีนส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์พื้นฐาน และแอฟริกาใต้หวังที่จะส่งออกผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มจำนวนมากขึ้นมายังตลาดจีนในอนาคต

 

เขาเสริมว่าทรัพยากรเหมืองแร่ที่อุดมสมบูรณ์ของแอฟริกาใต้จะสร้างโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนที่มีศักยภาพในจีน

 

แอฟริกาใต้ได้ขยายตัวเป็นศูนย์กลางในระดับภูมิภาค ซึ่งนักลงทุนจีนจะสามารถขยายธุรกิจต่อไปในระดับทวีปได้ ขณะที่จีนและแอฟริกาใต้เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุด 2 รายในทวีปแอฟริกา

 

ทั้งนี้ นักลงทุนจีนมีบทบาทเชิงบวกในการสร้างศักยภาพด้านการผลิตในภาคอุตสาหกรรมของแอฟริกาใต้ โดยนายแลงก้ากล่าวว่า “เรายินดีต้อนรับนักลงทุนจีน และเชื่อว่าการเป็นหุ้นส่วนกันนี้จะเป็นประโยชน์แก่เศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ"

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กสิกรฯ คาดสัปดาห์หน้าเงินบาทแกว่งในกรอบ 29.75-30.10 บาท/ดอลลาร์

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 20 สิงหาคม 2554 09:14:17 น.

บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์แนวโน้มเงินบาทสัปดาห์หน้า(22-26 ส.ค.54)ว่า เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 29.75-30.10 บาท/ดอลลาร์ฯ โดยคงต้องจับตาสภาพัฒน์ประกาศ GDP ประจำไตรมาส 2/2554 และผลการประชุมนโยบายการเงินของไทย

 

ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.โดยรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค. และตัวเลข GDP ประจำไตรมาส 2/2554 (รายงานครั้งที่ 2) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟดในระหว่างการประชุมที่รัฐไวโอมิงด้วยเช่นกัน

 

 

ในสัปดาห์หน้า ธนาคารพาณิชย์จะมีการปิดสำรองสภาพคล่องรายปักษ์ในวันอังคารและเข้าสู่ปักษ์ใหม่ในวันพุธ ทั้งนี้ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินจะขึ้นอยู่กับผลการประชุมนโยบายอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันที่ 24 ส.ค.เป็นหลัก โดยเครือธนาคารกสิกรไทย คาดว่า กนง.น่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีก 0.25% จาก 3.25% มาที่ 3.50%

 

--อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000104772'>http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000104772

 

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000104772

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รับมือกับเด็กช่างเถียง/บันทึกคุณแม่

 

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2554 12:09 น.

 

 

post-2581-045438100 1313909976.jpg

 

 

ขอบคุณภาพประกอบจาก www.choosenatural.com/

 

เด็กที่มีนิสัยชอบเถียงมักเกิดจากไม่รู้สถานะของตัวเอง และของพ่อแม่ ทำให้เขาไม่ยอมรับในบทบาทอำนาจของคุณ เด็กที่ชอบพูดว่า “หนูไม่ต้องทำและคุณพ่อคุณแม่ห้ามบังคับหนู” เด็กที่มีลักษณะนี้จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือจากคุณพ่อคุณแม่ในการชี้แนะให้ลูกรู้จักควบคุมตัวเอง ลูกอาจกำลังทดสอบหรืออาจกำลังส่งสัญญาณให้คุณรู้ว่า ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องสอนให้ลูกรู้ถึงขอบเขตของเขาและของพ่อแม่ ซึ่งนั่นจะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมลูกจึงไม่ควรพูดจาโต้เถียงพ่อแม่อย่างนั้น

 

บางครั้งการที่ลูกพูดจายอกย้อน อาจมีสาเหตุมาจากความรู้สึกกลัวในคำขู่เข็ญ หรือคำตำหนิของพ่อแม่ที่เพิ่งพูดกับเขาไว้ก็ได้ บางทีลูกอาจไม่เข้าใจ และไม่รู้ความหมายของสิ่งที่พูดออกไปก็ได้ หรือบางทีลูกอาจเข้าใจดีและตั้งใจที่จะพูดจายอกย้อนใส่เพื่อตอบโต้พ่อแม่ เมื่อพ่อแม่พูดว่า “บางครั้งลูกต้องรู้จักคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นบ้าง ไม่ใช่คิดถึงแต่ตัวเอง” ถือเป็นคำพูดที่ดีในการสั่งสอนลูก แต่ก็เป็นวิธีการสื่อสารที่ตรงและรุนแรงเกินไปสำหรับลูกที่จะยอมรับได้โดยง่าย ซึ่งอาจจะเป็นผลให้ลูกตอบกลับมาอย่างโกรธ ๆ ว่า “แม่ต่างหากที่ต้องคิดถึงคนอื่นบ้าง ไม่ใช่คิดถึงแต่ตัวเอง!” คำพูดย้อนลักษณะนี้แสดงว่าลูกไม่สามารถที่จะทำความเข้าใจในสิ่งที่พ่อแม่พูด แล้วการพูดจายอกย้อนของลูกจะทำให้พ่อแม่ใช้คำตำหนิที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็จะส่งผลให้ลูกเก็บคำพูดเหล่านี้เอาไว้ในใจ

 

มีคำถามมากมายเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้เด็กชอบพูดย้อนผู้ใหญ่ เช่น เด็กรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า และไม่เคยมีใครรับฟังเขา หรือรู้สึกว่าตัวเองสำคัญมากเกินไป และกังวลว่าไม่มีใครอยู่เคียงข้างเขา หรือช่วยให้เขารู้วิธีที่จะควบคุมตัวเองได้ เด็กอาจจะไม่เข้าใจว่าคำพูดเหล่านี้ของเขาจะส่งผลอย่างไรกับคนอื่น จึงควรมีใครสักคน ช่วยอธิบายให้เขาเข้าใจถึงความรู้สึกของคนที่ถูกย้อน

 

 

 

วิธีที่จะป้องกันไม่ให้ลูกมีนิสัยย้อนคำพูดคนอื่น มีดังนี้

 

1. ขั้นแรก ตั้งกฎขึ้นมาเลยว่า “การพูดแบบนั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้”

 

2. ถ้าลูกแสดงอาการต่อต้านหรือร้องไห้ ควรรอให้ลูกสงบอารมณ์ตัวเองลงก่อน แล้วจึงค่อยสอนให้ลูกเข้าใจจึงวิธีการสื่อสารที่ถูกต้องลูกอาจต้องการเวลาอยู่เงียบๆ คนเดียวสักพัก หรืออยู่ตามลำพังในห้องของเขาเอง จากนั้นเมื่อลูกพร้อม ให้คุณเข้าไปกอด หรือทำให้ลูกอารมณ์ดีขึ้น

 

3. ให้แน่ใจว่า ลูกรู้ว่าการพูดจาลักษณะนี้จะทำให้ลูกไม่ได้รับในสิ่งที่เขาต้องการ เพราะจะไม่มีใครตอบสนองในสิ่งที่ลูกพูด เช่น “เวลาที่หนูพูดย้อนคนอื่นจะไม่มีใครฟังหนู ดังนั้นหนูจะต้องเปลี่ยนน้ำเสียงใหม่ แม่อยากฟังในสิ่งที่หนูจะพูด”

 

4. แนะนำวิธีที่ดีในการพูด หรือบอกให้คนอื่นเข้าใจเหตุผลของตัวเองกับลูก เช่น “หนูสามารถที่จะไม่เห็นด้วยกับบางเรื่อง แต่หนูต้องบอกแม่ว่า เพราะอะไรหนูจึงไม่เห็นด้วย แม่จะได้เข้าใจหนู แม้ว่าบางครั้งแม่จะไม่เปลี่ยนใจตามหนู แต่แม่ก็อยากรู้ว่าหนูคิดยังไง แม่อาจไม่สามารถตอบสนองความต้องการของหนูได้ แต่ก็สามารถช่วยอธิบายให้หนูเข้าใจได้ว่า ทำไมแม่ถึงต้องพูด หรือให้หนูทำอย่างนั้น”

 

5. ให้โอกาสลูกได้ขอโทษและแก้ตัวใหม่อีกครั้ง เช่น “หนูพร้อมที่จะบอกในสิ่งที่หนูต้องการกับแม่ใหม่ไหม ด้วยคำพูดและน้ำเสียงที่ดีขึ้นกว่าเดิม”

 

6. ให้แน่ใจว่า ลูกรู้ในสิ่งที่เขาพูดย้อน และรู้ถึงผลที่จะกระทบคนที่ลูกพูดจาย้อนใส่ เช่น “เวลาที่หนูพูดจาแบบนั้น (หรือเวลาที่หนูพูดด้วยน้ำเสียงแบบนั้น ) คนฟังเขารู้สึกโกรธ หรือเสียใจกับคำพูดของหนู เขาจะไม่อยากฟังหนูพูดอีก เวลาที่หนูมีเรื่องสำคัญที่จะพูดกับเขา หนูต้องคิดว่าจะพูดอย่างไร เขาถึงยอมฟังหนูพูด”

 

บางทีลูกอาจยังไม่เข้าใจว่าคำพูดจายอกย้อนของเขาจะส่งผลอะไรให้กับใครได้ ดังนั้นคุณอาจต้องใช้วิธีสนุกๆ ในการสอนให้ลูกเข้าใจ เช่น ใช้น้ำเสียงติดตลกของตัวการ์ตูนอธิบาย หรือแสดงให้ลูกเห็นว่าวิธีการพูดที่แตกต่างกันจะให้ผลลัพธ์ที่ต่างกันอย่างไรบ้าง ซึ่งคุณจะต้องระมัดระวังว่าลูกเข้าใจจริงๆ ไม่ได้หลงคิดไปว่าคุณกำลังเล่นสนุกอยู่กับเขา

 

///////////////////////////////

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สภาวิจัยฯแฉไทยมีภาพลักษณ์ทุจริตเข้าขั้นร้ายแรง-สอบตก ผลาญงบปีละ3แสนลบ.

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม 2554 14:23:00 น.

นายวิชช์ จีระแพทย์ กรรมการบริหารสภาวิจัยแห่งชาติ สาขานิติศาสตร์ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เปิดเผยว่า จากข้อมูลขององค์กรความโปร่งใสนานาชาติได้จัดทำดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นของโลก ประจำปี 2553 ประเทศไทยได้คะแนนเพียง 3.5 คะแนนจากคะแนนเต็ม 10 คะแนน นับเป็นปัญหาที่ร้ายแรงอย่างมากของประเทศไทย และสภาหอการค้าของไทยได้ทำการวิจัยพบด้วยว่า การทุจริตคอร์รัปชั่นในภาครัฐที่ร่วมกับภาคเอกชนไทย เกิดความเสียหายต่องบประมาณแผ่นดินปีละประมาณ 3 แสนล้านบาท

 

 

วช.จึงร่วมกับภาครัฐและภาคเอกชนจัดโครงการประชุมนิติศาสตร์แห่งชาติ ครั้งที่ 8 เรื่อง การทุจริตคอร์รัปชั่นในภาครัฐและเอกชนขึ้น เพื่อร่วมเสวนาหารือแลกเปลี่ยนแนวทางต่อต้านทุจริตคอรัปชั่นของประเทศ โดยมุ่งเน้นการทุจริตคอร์รัปชั่นกับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีการร่วมทุจริตของภาครัฐร่วมกับภาคเอกชนมากที่สุด ทั้งการปั่นหุ้น การแต่งบัญชี การโกงภายในองค์กรเพื่อให้ผู้ถือหุ้นเสียหาย เพื่อหาทางออกห้ตลาดหลักทรัพย์ของไทยเกิดความน่าเชื่อถือมากขึ้น โดยในการประชุมจะมีหัวข้อต่างๆ ที่น่าสนใจ อาทิ การคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย การทุจริตคอร์รัปชั่นของบริษัทที่จดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์และการทุจริตในภาครัฐร่วมกับเอกชน

 

--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีค่ะคุณginger คุณมดแดง chez และทุกๆท่าน

วันหยุดมีบทความดีๆมาให้อ่าน ขอบคุณในทุกวันและทุกครั้งที่มอบน้ำใจมาให้ค่ะ :wub:

ได้มีโอกาศคุยกับไกด์สาวชาวจีน เธอพูดภาษาไทยได้แต่ไม่แข็งแรงเท่าไหร่ มีประโยคเด็ดมาฝากคุณพ่อคุณแม่ที่รักลูกมาก กลัวลูกลำบากออกแนวพ่อแม่รังแกฉัน -_-

"คนไทยเลี้ยงลูกแบบปัญญาอ่อน ทำให้ลูกทุกอย่างจนเด็กเสียคน ที่เมืองจีนเด็กๆต้องหัดทำทุกด้วยตัวเองให้ได้มากที่สุด ตั่งแต่อนุบาลก็ต้องแต่งตัวเองเดินไปรอรถเอง รับผิดชอบตัวเอง คนพี่ก็ต้องดูแลน้องๆแทนแม่ให้ดี มีเวลาก็ต้องช่วยงานทุกอย่างไม่มีเกี่ยงว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย " -_-

อีม ฟังแล้วก็ได้แต่คิดตาม เออวะเรายังต้องทำให้ทุกอย่าง อยู่ประถมแล้วยังต้องติดกระดุมให้อยู่เลย

ทุกวันนี้เด็กหุงข้าวไม่เป็น(ทั้งๆที่เป็นหม้อไฟฟ้าไม่ได้ใช้เตาถ่านซะหน่อย)

เด็กซักผ้าไม่เป็น (ใช้เครื่องซัก ซักมือไม่เป็น)

ไปโรงเรียนต้องไปส่งไปรับ(กลัวไม่ถึงโรงเรียน)

คุยกับเราแค่3คำ แต่โทรศัพท์เป็นชั่วโมงหรือไม่ก็ติดเกมส์เล่นได้ทั้งวัน

เรียกใช้งานก็บอก เดี๋ยวก่อน พอพูดมากไปบอกแม่ขี้บ่น เฮ่อ :excl:

ยิ่งอ่านบทความเรื่องลูกชอบเถียงชอบย้อนยิ่งสะท้อนใจท่าทางจะเป็นกันทุกบ้าน

วันหยุดไม่มีทองให้ลุ้น ก็ลุ้นกับคุณลูกบังเกิดเกล้าแทนแล้วกัน เป็นกำลังใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านค่ะ

:lol: :lol: :lol: :lol:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รองปธน.สหรัฐเรียกร้องจีนร่วมมือจัดการแผนนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ,อิหร่าน

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม 2554 13:46:20 น.

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายโจ ไบเดน รองประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวในการแสดงสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยเสฉวนของจีนว่า แผนการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือและอิหร่านก่อให้เกิดความเสี่ยงรุนแรงต่อสหรัฐและกลุ่มพันธมิตรของสหรัฐ และเรียกร้องให้สหรัฐและจีนร่วมมือกันในการจัดการปัญหาดังกล่าว

 

ในการแสดงสุนทรพจน์เกี่ยวกับความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน นายไบเดนไม่ได้ให้ความสนใจต่อคำกล่าวใดๆที่ว่าจีนเป็นภัยคุกคาม โดยกล่าวว่าการขยายตัวของจีนเป็นความคืบหน้าในเชิงบวกสำหรับทั้งสหรัฐและโลก

 

 

 

นายไบเดนเดินทางถึงเมืองเฉิงตู ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนเมื่อวานนี้ และคาดว่าในช่วงบ่ายวันนี้ เขาจะเยือนเมืองตูเจียนหยาง ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งในมณฑลเสฉวนที่ประสบเหตุแผ่นดินไหวเมื่อเดือนพ.ค.2551

 

นายไบเดนได้เดินทางพร้อมกับนายซี จินผิง รองประธานาธิบดีจีน ซึ่งเป็นตัวเก็งที่จะสืบทอดตำแหน่งผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปีหน้า

 

ทั้งนี้ นายไบเดินได้เดินทางถึงจีนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา และได้พบปะกับนายซีในวันต่อมาที่กรุงปักกิ่ง นอกจากนี้ นายไบเดนยังได้พบปะกับนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า และประธานาธิบดีหู จิ่นเทาของจีน ก่อนออกเดินทางมายังเมืองเฉิงตูด้วย

 

นายไบเดนมีกำหนดจะออกเดินทางจากเฉิงตูในวันพรุ่งนี้ เพื่อเดินทางต่อไปยังมองโกเลีย และจะเดินทางถึงกรุงโตเกียวในวันเดียวกัน

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีคุณเด็กสยาม ขอบคุณเรื่องที่เล่ามาเป็นเรื่องที่เราต้องคิดกันให้หนัก

 

เด็กไทยรักสบายหนักไม่เอาเบาไม่สู้ ฟุ้งเฟ้อ ใช้เงินเกินตัวเพราะความรักที่พ่อแม่มีให้เกินไปแท้ๆ

 

คุณเด็กสยามเข้่ามาก็ทำให้ห้องนี้อบอุ่นจากถ้อยคำและน้ำใจของคุณที่มีให้เพื่อนๆเช่นกัน :D

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

วันจันทร์ ถ้าหลุด 1840 น่าจะได้เห็น 1825 ลงมานะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

พลล์ชี้คะแนนนิยมรัฐบาลญี่ปุ่นลดต่ำสุดนับแต่เข้าบริหารประเทศ

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม 2554 17:06:27 น.

ผลสำรวจความคิดเห็นของสำนักข่าวเกียวโดแสดงให้เห็นว่า คะแนนนิยมที่มีต่อคณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คังของญี่ปุ่น ได้ลดลงสู่ระดับ 15.8% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่นายคังเข้าบริหารประเทศในเดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว

 

ในผลการสำรวจความคิดเห็นทางโทรศัพท์ในระหว่างเมื่อวานนี้และวันนี้ นายเซอิจิ มาเอฮาระ อดีตรมว.ต่างประเทศ เป็นนักการเมืองที่เป็นที่ชื่นชอบของประชาชนมากที่สุดในกลุ่มผู้ที่จะชิงตำแหน่งสืบต่อจากนายคัง ซึ่งมีคะแนนนิยม 28% จากการสำรวจความคิดเห็นผู้ตอบแบบสอบถาม

 

 

ทั้งนี้ ผู้ตอบแบบสอบถาม 66.5% กล่าวว่าความร่วมมือระหว่างพรรคประชาธิปไตยของญี่ปุ่น (DJP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลและบรรดาพรรคฝ่ายค้าน เกี่ยวกับนโยบายที่เฉพาะเจาะจงนั้น เป็นแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับฝ่ายบริหารชุดต่อไปในการสานต่อการดำเนินงาน หลังจากนายคังก้าวลงจากตำแหน่ง ขณะที่ 19.7% ต้องการรัฐบาลผสมของสองพรรคใหญ่ที่ต่างขั้วกัน (grand coalition) ระหว่างพรรค DJP และพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น

 

สำหรับสิ่งที่คาดหวังจากรัฐบาลชุดใหม่ ผู้ตอบแบบสอบถาม 63.7% กล่าวว่า การฟื้นฟูพื้นที่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ประสบภัยแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อวันที่ 11 มี.ค. เป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุด ขณะที่ 33.5% กล่าวว่าพวกเขาต้องการให้รัฐบาลจัดการกับภาวะเศรษฐกิจและการจ้างงานเป็นอันดับแรก

 

ผลสำรวจดังกล่าว ซึ่งประเมินความคิดเห็นผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง 1,016 คน พบว่า 75.5% ต้องการให้รัฐบาลใหม่ยังสานต่อนโยบายของนายคังเกี่ยวกับการลดการพึ่งพาพลังงานนิวเคลียร์อย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่ 20.2% คัดค้านการที่ญี่ปุ่นจะยกเลิกพลังงานนิวเคลียร์

 

ทั้งนี้ นายคังกล่าวว่าเขาพร้อมที่จะลาออกโดยเร็วที่สุดหลังจากรัฐสภามีการผ่านร่างกฎหมายสำคัญ 2 ฉบับ ซึ่งมีแนวโน้มจะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้ ขณะที่ผู้นำพรรค DJP อยู่ระหว่างพิจารณาจัดการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค ซึ่งมีแนวโน้มจะมีขึ้นในวันที่ 29 ส.ค.นี้ เพื่อเฟ้นหาผู้ที่จะสืบทอดตำแหน่งต่อจากนายคัง

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รมว.การค้าชี้ออสเตรเลียต้องเปิดเสรีทางการค้าต่อไป

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม 2554 14:53:58 น.

นายเคร็ก เอเมอร์สัน รมว.การค้าออสเตรเลียกล่าวในวันนี้ว่า การอนุญาตให้แอปเปิลของนิวซีแลนด์เข้ามาสู่ตลาดออสเตรเลียได้เป็นการดำเนินการที่ถูกต้อง และออสเตรเลียจะ “ไม่ประสบความสำเร็จในอนาคต" หากไม่มีการเปิดเสรีทางการค้าและดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้า

 

ท่ามกลางกระแสโจมตีการตัดสินใจอนุญาตให้แอปเปิลของนิวซีแลนด์เข้าสู่ตลาดออสเตรเลียเป็นครั้งแรกในรอบ 90 ปีนั้น นายเอเมอร์สันกล่าวเตือนว่าออสเตรเลียต้องยังคงดำเนินการเปิดเสรีทางการค้าต่อไป

 

 

นายเอเมอร์สันกล่าวว่า มีการส่งออก 60% ของสินค้าเกษตรออสเตรเลีย และมียอดเกินดุลการค้าสูงเป็นประวัติการณ์ในปีที่แล้ว

 

เขากล่าวว่า มูลค่าการค้าของออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์มีมูลค่าราว 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และการไม่อนุญาตให้มีการนำเข้าแอปเปิลของนิวซีแลนด์อาจจะสร้างความเสียหายอย่างมากต่อกลุ่มเกษตรกรของออสเตรเลีย

 

“เกษตรกรของออสเตรเลียจะเสี่ยงต่อการตอบโต้จากนิวซีแลนด์ นิวซีแลนด์อาจจะตอบโต้กับผลผลิตใดๆของออสเตรเลีย และพวกเขาจะสามารถปรับอัตราภาษีนำเข้าต่อสินค้าของออสเตรเลียเพิ่มมากถึง 100%"

 

ออสเตรเลียได้ห้ามการนำเข้าแอปเปิลของนิวซีแลนด์มายังออสเตรเลียตั้งแต่ปี 2462 อันเนื่องมาจากการระบาดของโรค fireblight ซึ่งเป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อต้นไม้ที่ให้ผล

 

ทั้งนี้ มีความวิตกว่าการยกเลิกคำสั่งห้ามนำเข้าแอปเปิลจากนิวซีแลนด์จะส่งผลกระทบต่ออนาคตของสวนแอปเปิลและลูกแพร์ของออสเตรเลีย และจะนำมาสู่การแพร่ระบาดของโรค fireblight

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รองปธน.สหรัฐเรียกร้องจีนร่วมมือจัดการแผนนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ,อิหร่าน

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม 2554 13:46:20 น.

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายโจ ไบเดน รองประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวในการแสดงสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยเสฉวนของจีนว่า แผนการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือและอิหร่านก่อให้เกิดความเสี่ยงรุนแรงต่อสหรัฐและกลุ่มพันธมิตรของสหรัฐ และเรียกร้องให้สหรัฐและจีนร่วมมือกันในการจัดการปัญหาดังกล่าว

 

ในการแสดงสุนทรพจน์เกี่ยวกับความสัมพันธ์สหรัฐ-จีน นายไบเดนไม่ได้ให้ความสนใจต่อคำกล่าวใดๆที่ว่าจีนเป็นภัยคุกคาม โดยกล่าวว่าการขยายตัวของจีนเป็นความคืบหน้าในเชิงบวกสำหรับทั้งสหรัฐและโลก

 

 

นายไบเดนเดินทางถึงเมืองเฉิงตู ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนเมื่อวานนี้ และคาดว่าในช่วงบ่ายวันนี้ เขาจะเยือนเมืองตูเจียนหยาง ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งในมณฑลเสฉวนที่ประสบเหตุแผ่นดินไหวเมื่อเดือนพ.ค.2551

 

นายไบเดนได้เดินทางพร้อมกับนายซี จินผิง รองประธานาธิบดีจีน ซึ่งเป็นตัวเก็งที่จะสืบทอดตำแหน่งผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปีหน้า

 

ทั้งนี้ นายไบเดินได้เดินทางถึงจีนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา และได้พบปะกับนายซีในวันต่อมาที่กรุงปักกิ่ง นอกจากนี้ นายไบเดนยังได้พบปะกับนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า และประธานาธิบดีหู จิ่นเทาของจีน ก่อนออกเดินทางมายังเมืองเฉิงตูด้วย

 

นายไบเดนมีกำหนดจะออกเดินทางจากเฉิงตูในวันพรุ่งนี้ เพื่อเดินทางต่อไปยังมองโกเลีย และจะเดินทางถึงกรุงโตเกียวในวันเดียวกัน

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

จนท.ระดับสูงจีน-กษัตริย์กัมพูชาเน้นย้ำการสานต่อความสัมพันธ์ทวิภาคี

 

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม 2554 13:22:55 น.

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายโจว หยงคัง สมาชิกคณะกรรมการถาวรของสำนักงานการเมืองของคณะกรรมาธิการกลาง พรรคคอมมิวนิสต์จีน และสมเด็จนโรดม สีหมุนี กษัตริย์กัมพูชา ได้เน้นย้ำถึงมิตรภาพดั้งเดิมระหว่างประสองประเทศ ซึ่งควรจะมีการสานต่อไปสู่คนรุ่นต่อๆไปในอนาคต

 

นายโจวกล่าวกับกษัตริย์กัมพูชาในการพบปะกันที่เป็นเจตนารมย์ร่วมกันของประชาชนของทั้งสองประเทศในการที่จะเสริมความแข็งแกร่งความเป็นหุ้นส่วนที่ครอบคลุมระหว่างจีนและกัมพูชา ในขณะที่ล่วงเข้าทศวรรษที่ 2 ของศตวรรษที่ 21

 

 

นายโจวกล่าวว่าการกระชับความสัมพันธ์ดังกล่าวยังเป็นผลประโยชน์พื้นฐานร่วมกันของทั้งสองฝ่าย และจะนำมาซึ่งความสงบสุข, ความมีเสถียรภาพและความมั่งคั่งในระดับภูมิภาค

 

เขากล่าวว่า มิตรภาพที่ลึกซึ้งดังกล่าว ซึ่งได้รับการอุปถัมภ์จากราชวงศ์ของกัมพูชาและผู้นำของจีนหลายรุ่นและได้รับการพิสูจน์ตามกาลเวลาในช่วงที่สถานการณ์โลกมีการเปลี่ยนแปลงนั้น นับเป็นสิ่งมีค่าร่วมกันของทั้งสองประเทศและประชาชนทั้งสองประเทศ ความสัมพันธ์ดั้งเดิมดังกล่าวควรได้รับการส่งผ่านไปยังคนรุ่นต่อไปในอนาคต และจีนหวังว่ากษัตริย์กัมพูชาจะสามารถเสด็จเยือนจีนได้เป็นครั้งคราว

 

นายโจวเดินทางถึงกัมพูชาเมื่อเย็นวันศุกร์ในการเดินทางเยือนเพื่อกระชับความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการ โดยกัมพูชาเป็นประเทศที่ 3 ของการเดินทางเยือนกลุ่มประเทศในเอเชีย 5 ประเทศ ต่อจากเนปาลและลาว ขณะที่นายโจวจะเดินทางออกจากกัมพูชาในวันนี้ เพื่อเดินทางต่อไปยังทาจิกิสถานและมองโกเลีย

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...