ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

11880571_948499281879287_2992025895635657875_n.jpg?oh=5a8cd9a2092112c766c3c460cc85c3e4&oe=56666C3F

สวัสดี เพื่อนๆพี่น้อง

ขอบคุณ deb BBB โชคดีนะคะทุกคน....

 

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม 2558 07:50:46 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 26 ส.ค.2558

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ส่งสัญญาณว่า แนวโน้มที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้ามีน้อยลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค.

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,285.51 จุด พุ่งขึ้น 619.07 จุด หรือ +3.95% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,697.54 จุด เพิ่มขึ้น 191.05 จุด หรือ +4.24% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,940.51 จุด เพิ่มขึ้น 72.90 จุด หรือ +3.90%

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของจีน และไม่มั่นใจว่าธนาคารกลางจีนจะสามารถรับมือกับภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอได้หรือไม่

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.8% ปิดที่ 350.14 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,501.05 จุด ลดลง 63.81 จุด หรือ -1.40% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,997.43 จุด ร่วงลง 130.69 จุด หรือ -1.29% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,979.20 จุด ลดลง 102.14 จุด หรือ -1.68%

 

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) หลังจากตลาดไม่ได้ให้ความสนใจกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ของทางการจีน

 

ดัชนี FTSE 100 ปิดร่วง 102.14 จุด หรือ 1.68% ที่ 5,979.20 จุด

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 13.7 ดอลลาร์ หรือ 1.20% ปิดที่ 1,124.60 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 56.9 เซนต์ ปิดที่ 14.041 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 3.5 ดอลลาร์ ปิดที่ 980.20 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 10.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 529.00 ดอลลาร์/ออนซ์

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งได้สกัดปัจจัยบวกจากรายงานที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบ 3 เดือน

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 71 เซนต์ ปิดที่ 38.6 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค.ขยับลง 7 เซนต์ ปิดที่ 43.14 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งและตลาดหุ้นที่ดีดตัวขึ้นได้กระตุ้นให้นักลงทุนหันมาสนใจดอลลาร์อีกครั้ง และช่วยหนุนคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้

 

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1345 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1423 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5469 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5685 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 119.50 เยน จาก 119.79 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9527 ฟรังก์ จาก 0.9442 ฟรังก์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7099 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7160 ดอลลาร์

 

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 16,285.51 จุด เพิ่มขึ้น 619.07 จุด +3.95%

 

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,697.54 จุด เพิ่มขึ้น 191.05 จุด +4.24%

 

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,940.51 จุด เพิ่มขึ้น 72.90 จุด +3.90%

 

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,979.20 จุด ลดลง 102.14 จุด -1.68%

 

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,997.43 จุด ลดลง 130.69 จุด -1.29%

 

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,501.05 จุด ลดลง 63.81 จุด -1.40%

 

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 7,715.59 จุด เพิ่มขึ้น 39.95 จุด +0.52%

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 18,376.83 จุด เพิ่มขึ้น 570.13 จุด +3.20%

 

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,894.09 จุด เพิ่มขึ้น 47.46 จุด +2.57%

 

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,178.90 จุด เพิ่มขึ้น 35.10 จุด +0.68%

 

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,172.80 จุด เพิ่มขึ้น 35.50 จุด +0.69%

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,927.29 จุด ลดลง 37.68 จุด -1.27%

 

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,867.92 จุด เพิ่มขึ้น 37.58 จุด +0.55%

 

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 21,080.39 จุด ลดลง 324.57 จุด -1.52%

 

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,237.73 จุด เพิ่มขึ้น 9.23 จุด +0.22%

 

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,580.37 จุด เพิ่มขึ้น 16.43 จุด +1.05%

 

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,873.00 จุด ลดลง 13.29 จุด -0.46%

 

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 25,714.66 จุด ลดลง 317.72 จุด -1.22%

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย นรินรัตน์ พรหมพิทักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2237596

 

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ปรับขึ้น หลังยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนแข็งแกร่ง

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม 2558 07:26:43 น.

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งและตลาดหุ้นที่ดีดตัวขึ้นได้กระตุ้นให้นักลงทุนหันมาสนใจดอลลาร์อีกครั้ง และช่วยหนุนคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้

 

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1345 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1423 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5469 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5685 ดอลลาร์สหรัฐ

 

 

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 119.50 เยน จาก 119.79 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9527 ฟรังก์ จาก 0.9442 ฟรังก์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7099 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7160 ดอลลาร์

 

นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นมากขึ้น

 

รายงานของกระทรวงระบุว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 2% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1%

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสได้ช่วยคลายความวิตกประเด็นที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้หรือไม่ ท่ามกลางความปั่นป่วนในตลาดในช่วงที่ผ่านมา แต่กระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็ถูกสกัดไว้หลังจากนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก กล่าวเมื่อวานนี้ว่า ยังไม่เหมาะสมที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญความเสี่ยงจากภาวะปั่นป่วนในตลาดโลกระยะนี้

 

นายดัดลีย์ระบุว่า แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.มีความเป็นไปได้น้อยลงกว่าเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน โดยความเห็นของประธานเฟดสาขานิวยอร์กนับเป็นปัจจัยที่สกัดช่วงขาขึ้นของดอลลาร์

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2237592

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: เงินดอลล์แข็ง ฉุดน้ำมัน WTI ปิดลบ 71 เซนต์

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม 2558 07:23:13 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งได้สกัดปัจจัยบวกจากรายงานที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบ 3 เดือน

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 71 เซนต์ ปิดที่ 38.6 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค.ขยับลง 7 เซนต์ ปิดที่ 43.14 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ

 

การแข็งค่าของดอลลาร์ได้สกัดปัจจัยบวกจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 ส.ค.ลดลง 5.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 450.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในช่วง 1 สัปดาห์นับตั้งแต่ต้นเดือนมิ.ย. และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล

 

ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้นเพียง 250,000 บาร์เรล สู่ระดับ 57.7 ล้านบาร์เรล ขณะที่น้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรล

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2237591

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

(REPEAT) ประธานเฟดนิวยอร์กขวางขึ้นดอกเบี้ยเดือนหน้า หวั่นศก.สหรัฐเผชิญความเสี่ยง

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม 2558 06:29:10 น.

นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก กล่าวเมื่อวานนี้ว่า ยังไม่เหมาะสมที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญความเสี่ยงจากภาวะปั่นป่วนในตลาดโลกระยะนี้

 

นายดัดลีย์ระบุว่า แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.มีความเป็นไปได้น้อยลงกว่าเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน

 

คำกล่าวของนายดัดลีย์เป็นสิ่งบ่งชี้ว่าความวิตกเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนอาจส่งผลกระทบต่อนโยบายการเงินของสหรัฐ

 

อย่างไรก็ดี นายดัดลีย์ยังคงเปิดช่องสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมของเฟดในวันที่ 16-17 ก.ย. โดยระบุว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเพิ่มเติมที่เฟดได้รับเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งการปรับตัวของตลาดการเงินระหว่างประเทศ

 

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq27/2237588

 

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 619.07 จุด รับเฟดส่งสัญญาณยังไม่ขึ้นดบ.

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม 2558 06:27:31 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ (26 ส.ค.) หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ส่งสัญญาณว่า แนวโน้มที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้ามีน้อยลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค.

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,285.51 จุด พุ่งขึ้น 619.07 จุด หรือ +3.95% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,697.54 จุด เพิ่มขึ้น 191.05 จุด หรือ +4.24% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,940.51 จุด เพิ่มขึ้น 72.90 จุด หรือ +3.90%

 

บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน หรือสินค้าที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ พุ่งขึ้น 2% ในเดือนก.ค. เทียบรายเดือน ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.1%

 

ขณะที่สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีการยื่นขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เพิ่มขึ้น 0.2% ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 ส.ค. เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลดต่ำลง โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยเพื่อที่อยู่อาศัยแบบคงที่ระยะเวลา 30 ปีที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการเคหะของรัฐบาลกลางสหรัฐ ลดลงสู่ 4.08% ในสัปดาห์ที่แล้ว จากระดับ 4.11% ในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

 

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนหลังจากนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.มีความเป็นไปได้น้อยลง และยังไม่เหมาะสมที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญความเสี่ยงจากภาวะปั่นป่วนในตลาดโลกระยะนี้

 

ทั้งนี้ การแสดงความคิดเห็นของนายดัดลีย์สะท้อนให้เห็นถึงความวิตกกังวลว่า การชะลอตัวทางเศรษฐกิจจีนอาจส่งผลกระทบต่อนโยบายการเงินของสหรัฐ

 

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นแอปเปิล อิงค์ หุ้นกูเกิล และหุ้นอินเทล ต่างก็พุ่งขึ้นอย่างน้อย 5.5% ขณะที่หุ้น Amazon.com พุ่งขึ้น 7.4% และหุ้นเน็ทฟลิกซ์ ทะยานขึ้นแข็งแกร่งถึง 14%

 

หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้นเช่นกัน นำโดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ดีดขึ้น 4.9% และหุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 5%

 

หุ้นชลัมเบอร์เกอร์ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจบ่อน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 14.8% หลังจากมีรายงานว่า ชลัมเบอร์เกอร์ตกลงซื้อกิจการบริษัทคาเมรอน อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นคาเมรอนทะยานขึ้น 41%

 

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงการประมาณการจีดีพีช่วงไตรมาส 2/2558 ครั้งที่ 2, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ค.

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2237587

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหุ้นเอเชียทะยานขึ้นเช้านี้ ขานรับดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 600 จุด

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม 2558 08:29:41 น.

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ส่งสัญญาณว่า แนวโน้มที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้ามีน้อยลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค.

 

 

 

ดัชนี MSCI Asia Pacific ทะยาน 0.9% แตะ 127.93 จุด เมื่อเวลาประมาณ 9.00 น.ตามเวลาโตเกียว

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 18,680.47 จุด เพิ่มขึ้น 303.64 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,758.62 จุด เพิ่มขึ้น 678.23 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,762.63 จุด เพิ่มขึ้น 47.04 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,912.42 จุด เพิ่มขึ้น 18.33 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,915.18 จุด เพิ่มขึ้น 42.18 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,582.75 จุด เพิ่มขึ้น 2.38 จุด

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2237772

 

อย.เตือนอย่าเชื่อกาแฟลดอ้วน เสี่ยงใส่สารไซบูทรามีนอาจถึงเสียชีวิต

 

 

ข่าวทั่วไป RYT9 -- พฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม 2558 06:00:00 น.

นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังตรวจพบการโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณลดน้ำหนักของผลิตภัณฑ์กาแฟ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอยู่ โดยเฉพาะทางสื่อโซเชียลมีเดีย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) รู้สึกห่วงใย เกรงหญิงสาวจะได้รับอันตราย ดังนั้น จึงขอย้ำเตือนมายังหญิงสาวทั้งหลาย ให้ระมัดระวังในการเลือกซื้อกาแฟที่อวดสรรพคุณช่วยลดน้ำหนักมาบริโภค โดยเฉพาะอย่าได้หลงคารมผู้ขายว่าเป็นกาแฟจากต่างประเทศและสามารถ

 

 

 

ลดน้ำหนักได้ รวมทั้งให้ตรวจสอบฉลากบนผลิตภัณฑ์กาแฟ หากไม่มีเลขสารบบอาหารในกรอบเครื่องหมายอย. ยิ่งควรระวังอย่าซื้อมาบริโภคอย่างยิ่ง เนื่องจาก อย. เคยตรวจพบผลิตภัณฑ์กาแฟหลายยี่ห้อ ที่ผลตรวจพิสูจน์พบใส่สารไซบูทรามีน แสดงฉลากอวดอ้างลดน้ำหนัก และไม่มีเลขสารบบอาหาร เช่น กาแฟบรรจุกล่องกระดาษรูปทรงสี่เหลี่ยมสีน้ำตาลทอง รูปถ้วยกาแฟ, กาแฟบรรจุกระป๋องโลหะทรงกลม ฉลากสีขาว-แดง ระบุข้อความ “กาแฟมหัศจรรย์ 26 วัน ผอม...” และ กาแฟบรรจุรวมในกระป๋องโลหะทรงรี ฉลากสีดำ-แดง เป็นต้น ซึ่ง อย. ได้ออกข่าวเตือนและร่วมกับตำรวจ บก.ปคบ. จับกุมผู้จำหน่ายที่กระทำผิดกฎหมายดังกล่าวแล้ว

 

กาแฟลดน้ำหนักที่ตรวจพบใส่สารไซบูทรามีนจะเป็นอันตรายต่อการบริโภค เนื่องจากยาดังกล่าวมีผลข้างเคียงสูง ต้องใช้โดยความดูแลของแพทย์ โดยผลข้างเคียงที่พบบ่อยคือ ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง และหัวใจเต้นเร็ว แม้จะไม่มากนัก แต่มีผลให้ผู้ป่วยประมาณร้อยละ 5 จำเป็นต้องหยุดยา ส่วนผลข้างเคียงอื่นๆ ได้แก่ ปากแห้ง ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ และท้องผูก เป็นต้น ซึ่งปัจจุบัน อย.ได้เพิกถอนยาไซบูทรามีนออกจากตลาดแล้ว ทั้งนี้ อย.ได้แจ้งไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศให้เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์กาแฟที่จำหน่ายในประเทศ รวมทั้งแจ้งด่านอาหารและยา ทุกด่านให้เพิ่มความเข้มงวดเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์กาแฟนำเข้าที่เคยพบปัญหา หรือผลิตภัณฑ์กาแฟที่ติดฉลากอวดสรรพคุณและไม่มีเลขสารบบอาหาร อย่าให้มีเล็ดลอดเข้ามาขายในประเทศเด็ดขาด จึงขอเตือนผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย/ผู้นำเข้า ผลิตภัณฑ์กาแฟอ้างลดน้ำหนัก อย่าได้กระทำผิดกฎหมาย เพราะหากเจ้าหน้าที่ได้ตรวจจับผลิตภัณฑ์และส่งตรวจวิเคราะห์ หากพบสารไซบูทรามีน จะจัดเป็นอาหารที่มีสิ่งที่น่าจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพเจือปนอยู่ ถือเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/ryt9/2237581

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

(Aug 27) ธปท. ตุนกระสุนรับค่าบาทอ่อน : รอบสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นทั่วโลกพากันดิ่งโดยมิได้นัดหมาย กระทบการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนของต่างชาติ ลามถึงค่าเงินสกุลต่าง ๆ เคลื่อนไหวผันผวนอย่างหนัก กดดันให้เกิดแรงเทขายในตลาดหุ้นไทย กดดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯร่วงไม่เป็นท่า และเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ระหว่างดัชนีหลุดระดับ 1,300 จุด ท่ามกลางความปั่นป่วนจากปัญหาเศรษฐกิจจีน ราคาน้ำมันโลกไหลลงต่ำกว่า 40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และอีกหลายปัจจัยลบที่ทำให้เศรษฐกิจโลกดูจะไม่เห็นทิศทางที่ดีในปีนี้ "ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล"ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าว ดังนี้

* หุ้นลงแรง ธปท.มองเรื่องนี้อย่างไร

ที่ตลาดหุ้นลง หลัก ๆ มาจากปัจจัยต่างประเทศ ซึ่งตลาดหุ้นไทยลงไป 3% ตลาดหุ้นจีนลงไป 8% ประเทศอื่น ๆ ก็ลงถึง 8% แต่ต้องรอดูซักระยะ เพราะบางทีอาจเป็นเรื่องของเซนติเมนต์ (อารมณ์) ของนักลงทุน ซึ่งเหตุการณ์นี้ คิดว่าเป็นปรากฏการณ์เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาติดตามดูสักนิด

* ตลาดหุ้นที่ปรับลดลงทั่วโลกจะกระทบต่อไทยอย่างไรบ้าง

ต้องติดตามสถานการณ์นี้ต่อไป เพราะไม่แน่ใจว่าครั้งนี้ เหตุการณ์ต่าง ๆ จะสะเด็ดน้ำแล้วหรือยัง โดยเฉพาะสถานการณ์ของจีน แต่แน่นอนหากใครจะระดมทุนใน ระยะนี้อาจลำบาก เช่น การออก IPO (หุ้นใหม่) ซึ่งขณะนี้ไม่ค่อยเห็นออกกัน เพราะการลงทุนใหม่ ๆ มีน้อย หากคิดจะระดุมทุนใหม่ ๆ อาจเหนื่อย เพราะราคาหุ้นอาจไม่ได้สูงกว่ามูลค่าทางบัญชี แต่หากดูในอดีต การระดมทุน ของภาคเอกชน ก่อนหน้านี้ก็เพียงพอ แล้ว ซึ่งก็ไม่คิดว่าจะมีผลกระทบไปสู่ภาคเศรษฐกิจโดยรวม

* จะทำให้เกิดฟองสบู่หุ้นโลกแตกหรือไม่

ก็บางจุด (ที่มีภาวะฟองสบู่) อย่างตลาดหุ้นของจีน ที่ในช่วงระยะเวลา ไม่ถึง 1 ปี ดัชนีขึ้นจาก 2,000-3,000 จุด ขึ้นมาอยู่ที่ 5,000 จุด ล่าสุดก็ลงมาอยู่แถว 3,000-4,000 จุด เป็นการปรับตัวของตลาดหุ้น ความจริงเรื่องนี้มีคนออกมาเตือนแล้ว โดยเฉพาะธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ รวมถึงไทยเองก็อาจเกิดภาวะนี้ได้ ในช่วงที่ดอกเบี้ยต่ำทำให้เกิดพฤติกรรมแสวงหากำไร และผลตอบแทนสูง จึงส่งผล ให้ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ ถือเป็นเรื่องบิ๊กเซอร์ไพรส์ เป็นเรื่องที่คนเขารู้กันอยู่แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้

* ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผิดปกติหรือไม่

ไม่ผิดปกติอะไร ช่วงนี้ค่าเงินบาทยังคงเคลื่อนไหวตามค่าเงินในภูมิภาค ส่วนกรณีที่แต่ละประเทศดำเนินนโยบายการเงินอ่อนค่า ก็ทำให้เราต้องหันกลับมาดูแล เสถียรภาพภายในประเทศให้มีความแข็งแกร่ง

* ไทยมีโอกาสเผชิญภาวะเงินบาทอ่อนค่า รุนแรงหรือไม่

ขณะนี้เรามีกระสุนอยู่พอสมควร เรามีแต่ละด่าน ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือนั้นคือ การใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัว ทำให้เราสามารถ (บริหาร) ยืดหยุ่นได้ การมีทุนสำรองระหว่างประเทศ "สูง" ขนาดนี้ ถือเป็นเครื่องมือที่อยู่ในใจ และหนี้ ภาคเอกชนก็ไม่ได้สูง อดีตเมื่อวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อปี'40 เราเจอวิกฤตตอนนั้น ภาคเอกชนไปลงทุนสูง และออกไปกู้เงินต่างประเทศเยอะ จนทำให้หนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 5 เท่าของทุน แต่ปัจจุบันหนี้ของภาคเอกชนอยู่เพียง 1 เท่าเท่านั้น การกู้เงินต่างประเทศไม่ได้ มากมาย ซึ่งด้านเสถียรภาพคิดว่า เรามีภูมิที่สามารถจัดการกับความผันผวนหรือสถานการณ์ต่าง ๆ ได้

* ครม.ชุดใหม่ ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่จะช่วยหนุนความเชื่อมั่น และ ศก.ระยะต่อไปได้แค่ไหน

ตอนนี้ต้องให้กำลังใจ และเข้าใจว่าลักษณะการทำงานต่าง ๆ ต้องเป็น ทีม ส่วนจะเรียกความเชื่อมั่นให้เศรษฐกิจหรือไม่ ก็เป็นไปได้ ทุกคนต้องช่วย ๆ กัน ส่วนการใช้ซอฟต์โลน (สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ) ยังเร็วเกินไปที่จะพูดในขณะนี้ว่ามีผลต่อเศรษฐกิจอย่างไร เพราะเพิ่งเห็นแต่รูปนโยบาย ดังนั้นต้องไปดูด้านรายละเอียดของโครงการเมื่อชัดเจนแล้วอีกครั้ง

 

Source: ประชาชาติธุรกิจ

 

 

 

 

11953103_1053616074657884_3534546487066735513_n.jpg?oh=a40aac5bb2e27ca287637591d4ba0d9b&oe=56677A73&__gda__=1451186742_00a495d1e5027bd359522fe76bd99c55

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐบวกกลับแรงกว่า 3% ส่งผลให้ตลาดกลับมาขายทอง กดทองร่วงลง สู่กรอบเดิม

ให้เดา ถ้าดาวนโจนส์ไม่ลงทำนิวโลว์ทองจะทรงตัวในกรอบ ต้องเริ่มระวังการเทรดแบบไล่เทรนด์ กลยุทธ์ Swing Trade จะให้ผลกำไรที่ดีกว่า

ค่าเงินบาทในช่วงนี้แม้ว่าทิศทางค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐจะอ่อนตัวลงซึ่งอาจส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นได้ โดยเฉพาะถ้าในกลางเดือนหน้านี้เฟดมีการส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยที่เปลี่ยนไป

อาจจะมีแรงซื้อลุ้นดีดให้ฟื้นตัวได้แต่มองไม่เกิน 1135 แล้วย่อตัวกลับลงมา ถ้าย่อตัวลงมาก็หาจังหวะเข้าซื้อเพื่อเล่นขาดีด ถึงแนวต้านขายและเปิดเอสลงมา ในกรณีที่ดีดตัวเกิน 1145 ปิดถอยออกมาตั้งหลักก่อน

by Facebook.com/Wealthstation

27/8/58

11951338_936982113006931_7615795483611207335_n.png?oh=69ef50850c8ff5ea86306e4f5eb9bb6e&oe=567BE998&__gda__=1449536273_e73361f374c5d10a92607e10f9870f3b

11954790_936982216340254_8245854959407129323_n.png?oh=ae770ba79f21bbbd2222701abe790cdb&oe=56833741&__gda__=1451078979_d560b4eda1797251c2d57e151b32b458

11889444_936982276340248_5610572133909719075_n.png?oh=3f2274b0d8f6187454ecfd9db0aab064&oe=567AA15E11223534_936981293007013_7070845512325105748_n.png?oh=080c9bba3de9158c9ce4b69a8925375b&oe=5637ADA7

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

บทวิเคราะห์ราคาทองคำและ Gold Futures โดยคุณณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประจำพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม 2558 (ภาคเช้า)

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม 2558 10:09:29 น.

กรุงเทพฯ--27 ส.ค.--MTS Gold Group

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำปรับตัวลดลงหลังจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาดี อันได้แก่ Durable Goods Ordersและ Core Durable Goods Orders ที่ขยายตัวได้ดีเกินคาด ขณะที่ SPDR ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติมยังคงถือครองทองคำที่ระดับ 681.1 ตัน สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯในคืนนี้ ได้แก่ Prelim GDP Q2/2015คาดว่าจะออกมาดีขึ้น เช่นเดียวกับ Jobless Claims คาดว่าจะมีคนว่างงานน้อยลงเล็กน้อย และPending Home Sales ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ดีขึ้น นอกจากนี้จะมีการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่เมืองแจ็กสัน โฮว์ รัฐไวโอมิง

 

 

 

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำปรับตัวลดลงหลุดแนวรับบริเวณ 1,136 เหรียญลงมา และลงมาทดสอบบริเวณแนวรับที่ 2 ที่ระดับ 1,120 เหรียญ ทำให้ในระยะสั้นราคาทองคำดูจะเป็นแนวโน้มขาลงอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ไม่สามารถขึ้นไปยืนเหนือ 1,165 เหรียญได้ ราคาทองคำมีโอกาสจะปรับตัวลดลงมาทดสอบบริเวณ 1,100 เหรียญ วันนี้คาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,110 – 1,135 เหรียญ โดยที่ราคาทองคำไทยจะมีแนวรับ 18,900 บาท/บาททองคำ และแนวต้าน 19,100 บาท/บาททองคำ

 

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

เน้นการปรับพอร์ตตามสภาพตลาดที่เปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาลง

* อย่างไรก็ดี Gold Futures Q15 จะหมดอายุลงในวันที่ 28 ส.ค. 58 จึงแนะนำให้นักลงทุนหันไปถือครองสถานะของ Gold Futures V15 แทน

 

- นักลงทุนที่ถือ Long Position

ลดสถานะหรือหาจังหวะปิดสถานะเพื่อลดความเสี่ยง

- นักลงทุนที่ถือ Short Position

เก็งกำไรระยะสั้นเป็นช่วงๆ โดยหาจังหวะเปิดสถานะเพิ่มเมื่อราคาดีดตัวบริเวณแนวต้าน

กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading

ปรับพอร์ตการลงทุนให้สมดุล โดยไม่ใช้ Leverage มากจนเกินไป

Gold Futures Q15 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,950 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,150 บาท

Gold Futures V15 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,050 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,250 บาท

บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2237980

 

Xinhua Middle East news summary: ปธน.ซูดานใต้ลงนามในข้อตกลงสันติภาพ

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม 2558 10:23:00 น.

เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงในพื้นที่เปิดเผยว่า กลุ่มหัวรุนแรงรัฐอิสลาม (IS) ถูกสังหารอย่างน้อย 22 รายในการโจมตีทางอากาศในจังหวัดอันบาร์ ทางภาคตะวันตกของอิรัก เมื่อวานนี้

 

แหล่งข่าวระบุว่า เครื่องบินรบของกองกำลังนานาชาติได้เปิดฉากโจมตีฐานที่มั่นของกองกำลัง IS ในเขตบาร์วานา ใกล้กับเมืองฮาดิธา ซึ่งห่างจากกรุงแบกแดดไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 200 กิโลเมตร

 

 

 

-- สำนักข่าวซานาของซีเรียรายงานว่า กลุ่มกบฏเสียชีวิตอย่างน้อย 70 รายและบาดเจ็บอีก 40 รายจากเหตุโจมตีทางอากาศที่เมืองลาทาเคียเมื่อวานนี้ ท่ามกลางปฏิบัติการทางทหารอย่างต่อเนื่อง

 

สำนักข่าวระบุว่า เครื่องบินรบของซีเรียได้โจมตีอย่างหนักต่อฐานที่มั่นของกลุ่มนุสรา ฟรอนท์ ซึ่งมีความสัมพันธ์กับกลุ่มอัลกออิดะห์และกลุ่มหัวรุนแรงในเครือข่าย ในเมืองลาทาเคีย ซึ่งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ

 

-- ประธานาธิบดีซัลวา คีร์ มายาร์ดิทของซูดานใต้ ได้ลงนามในข้อตกลงสันติภาพที่เสนอโดยสำนักงานระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการพัฒนาในแอฟริกา เพื่อยุติเหตุความรุนแรงในประเทศ แต่เตือนว่าข้อตกลงดังกล่าวอาจจะล้มเหลว

 

ปธน.ซูดานใต้ได้ลงนามต่อหน้าพยาน ซึ่งรวมถึงประธานาธิบดีอูฮูรู เคนยัตตาของเคนยา, ประธานาธิบดีโยเวรี มูเซเวนี ของอูกันดา และนายกรัฐมนตรีไฮเลมาเรียม เดซาเลจ์นของเอธิโอเปีย รวมทั้งนักการทูตและผู้แทนสื่อมวลชน ที่กรุงจูบา เมืองหลวงของซูดานใต้ โดยระบุว่า เขาขอสงวนสิทธิในบางรายการเกี่ยวกับเอกสารและกลไกการดำเนินงาน สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย เกตุ โนนทิง/พันธุ์ทิพย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2237996

 

(เพิ่มเติม) ดัชนี SET ต้นภาคเช้าพุ่งกว่า 20 จุดตอบรับปัจจัยตปท.,แรงซื้อหุ้นใหญ่หนุน

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม 2558 10:11:50 น.

ตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดภาคเช้าพุ่งขึ้น 18.29 จุด ทันทีที่เปิดตลาด ก่อนจะปรับขึ้นต่อมาเนื่องไปเป็นกว่า 20 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับขึ้นอย่างสดใสในระดับา 2-4% หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กส่งสัญญาณว่าแนวโน้มที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้ามีน้อยลง ขณะที่ตลาดหุ้นไทยมีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่นำโดยหุ้นกลุ่มแบงก์ พลังงาน และอสังหาริมทรัพย์ ช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุน

 

 

 

เมื่อเวลา 9.56 น.ดัชนี SET เปิดตลาดที่ 1,338.37 จุด เพิ่มขึ้น 18.29 จุด (+1.39%)

 

เมื่อเวลา 9.59 น.ดัชนี SET มาที่ 1,340.15 จุด เพิ่มขึ้น 20.07 จุด (+1.52%)

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.08 น.ดัชนี SET อยู่ที่ 1,340.60 จุด เพิ่มขึ้น 20.52 จุด (+1.55%)

 

นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)(MBKET) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นกว่า 20 จุด เป็นการรีบาวด์ตามดาวโจนส์ที่พุ่งกว่า 600 จุด จากมองการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)คงจะเป็นไปได้น้อยที่จะเกิดขึ้นในเดือนหน้า(ก.ย.)

 

นอกจากนี้จีนก็จะเข้าซื้อพันธบัตรระยะสั้น จำนวน 1.5 แสนล้านหยวน ทำให้ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับระบบได้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างปรับตัวขึ้นเฉลี่ยราว 2%

 

ด้านตลาดบ้านเราก็มีความเชื่อมั่นในเรื่องเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังมากขึ้น จากความเห็นของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่ออกมาในเชิงบวก ไม่ว่าจะเรื่องการเดินหน้าประมูล 4G และการเดินตามแผนของ 17 โครงการของภาครัฐฯ

 

พร้อมให้แนวรับ 1,335 จุด ส่วนแนวต้าน 1,350 จุด

อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/วิลาวัลย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: wilawan@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2237989

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เกาหลีใต้พร้อมเลิกคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ

โซล (เอเอฟพี/รอยเตอร์) - เกาหลีใต้ระบุจะหารือเกี่ยวกับคำเรียกร้องของเกาหลีเหนือที่ขอให้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร หลังทั้ง 2 ฝ่ายบรรลุข้อตกลงลดการเผชิญหน้ากัน

NAEWNA.COM

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

(เพิ่มเติม) ธปท.แถลงแนวทางผ่อนคลายเกณฑ์การลงทุนหลักทรัพย์ ตปท.พรุ่งนี้

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม 2558 14:07:45 น.

รายงานข่าวจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) แจ้งว่า ในวันพรุ่งนี้(28 ส.ค.) เวลา 10.00 น.นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธปท. จะแถลงข่าวเรื่องแนวทางผ่อนคลายหลักเกณฑ์การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ

 

 

 

ทั้งนี้ แนวทางการผ่อนคลายหลักเกณฑ์การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ เป็นหนึ่งในแนวทางการผ่อนคลายหลักเกณฑ์ที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 ตามแผนที่ ธปท.ได้กำหนดไว้ กล่าวคือ 1.เป็นการเพิ่มช่องทางการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ โดยให้บุคคลในประเทศสามารถลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศผ่านธนาคารพาณิชย์ได้ จากเดิมที่ต้องลงทุนผ่านตัวกลาง คือ บริษัทหลักทรัพย์ และกองทุนส่วนบุคคล ประโยชน์ที่จะได้รับจากแนวทางผ่อนคลายนี้ จะทำให้คนไทยที่เป็นลูกค้าของธนาคารพาณิชย์ มีทางเลือกในการลงทุนได้มากขึ้น

 

2.เป็นการเพิ่มประเภทผู้ลงทุน คือ โบรกเกอร์ในตลาด TFEX จากปัจจุบันที่มีผู้ลงทุน 9 ประเภท คือ 1.กองทุนรวม 2.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 3.บริษัทหลักทรัพย์ 4.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) 5.สำนักงานประกันสังคม(สปส.) 6.บริษัทประกัน 7.สถาบันการเงินเฉพาะกิจ 8.นิติบุคคลที่มีสินทรัพย์ 5,000 ล้านบาทขึ้นไป และ 9. บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งประโยชน์ที่จะได้รับจากแนวทางผ่อนคลายนี้ จะเป็นการสนับสนุนให้คนไทยกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น โดยมีทางเลือกการติดต่อกับสถาบันการเงินในต่างประเทศเพื่อลงทุนได้เอง

 

3.เป็นการเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการเงินในประเทศ(FX-linked product) เช่น ให้ผู้ลงทุนรายย่อยลงทุนใน Structured product สกุลบาทอ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนที่เกี่ยวกับบาท(FX/THB) ที่เสนอขายในประเทศ จากเดิมที่ให้ลงทุนได้ภายในขอบเขตที่จำกัด ซึ่งประโยชน์ที่จะได้รับจากแนวทางผ่อนคลายนี้ จะทำให้สถาบันการเงินในไทยสามารถออกและเสนอขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินได้หลากหลายมากขึ้น และให้ผู้ลงทุนได้คุ้นเคยกับ product ที่ซับซ้อนและมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

 

อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/รัชดา/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2238135

 

ธปท.MOU แบงก์ชาติมาเลย์ใช้เงินสกุลท้องถิ่นชำระการค้า-ลงทุนระหว่างกัน

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม 2558 13:03:16 น.

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ Dr. Zeti Akhtar Aziz ผู้ว่าการ ธนาคารกลางมาเลเซีย (Bank Negara Malaysia) ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการส่งเสริมการใช้เงินสกุลท้องถิ่นในการชำระธุรกรรมการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2558 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซีย

 

 

 

การจัดตั้งกลไกดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างมาเลเซียและไทยโดยการลงนามในบันทึกความเข้าใจดังกล่าวแสดงถึงความตั้งใจของทั้งสองธนาคารกลางในการร่วมกันสนับสนุนการใช้เงินสกุลริงกิตและเงินบาท เพื่อเป็นสื่อกลางในการชำระธุรกรรมการค้าและการลงทุนโดยตรงระหว่างประเทศ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนจากการใช้เงินสกุลที่สามในการชำระธุรกรรมระหว่างประเทศ รวมทั้งจะช่วยลดต้นทุนในการท ธุรกรรมของภาคธุรกิจด้วย

 

Dr. Zeti Akhtar Aziz ผู้ว่าการธนาคารกลางมาเลเซีย กล่าวว่า “การจัดตั้งกลไกดังกล่าวจะนำไปสู่ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการเงินของภูมิภาคอาเซียนที่แน่นแฟ้นขึ้น และจะช่วยเพิ่มปริมาณการค้าและการลงทุนระหว่างมาเลเซียและไทย รวมทั้งสนับสนุนความเชื่อมโยงและพัฒนาทางเศรษฐกิจของภูมิภาคในระยะต่อไป"

 

นายประสาร กล่าวว่า ความร่วมมือในระดับทวิภาคีนี้ นับเป็นก้าวสำคัญที่แสดงถึงความตั้งใจร่วมกันในการสนับสนุนการใช้เงินสกุลท้องถิ่นเพื่อการชำระธุรกรรมการค้าและการลงทุนในประชาคมอาเซียน อีกทั้งยังนำไปสู่ความร่วมมือระหว่างกันเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและการลงทุนในภูมิภาคอีกด้วย

 

อินโฟเควสท์ โดย ธปฦ/รัชดา/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2238084

 

ส.อ.ท.มั่นใจนโยบายทีมเศรษฐกิจประยุทธ์ 3เดินถูกทาง สอดคล้องข้อเสนอเอกชน

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม 2558 14:04:55 น.

นายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า หลังรับฟังนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงนโยบายเศรษฐกิจและทิศทางของประเทศไทยแล้ว ทำให้เกิดความมั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ แม้ยอดส่งออกในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ยังติดลบอย่างต่อเนื่อง เพราะนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งการกระจายรายได้ลงไปยังกลุ่มผู้มีรายได้น้อยเพื่อเพิ่มอำนาจการซื้อจะช่วยทดแทนยอดส่งออกที่หายไปได้ และคาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นของภาคเอกชนจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวในอีก 2 เดือนข้างหน้า

 

 

 

"เรามั่นใจนโยบายรัฐบาลมาถูกทางแล้ว ซึ่งแนวทางสอดคล้องกับข้อเสนอของภาคเอกชน และรัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับภาคเอกชน แม้จะมีกลไกภาครัฐบางหน่วยงานที่ยังติดขัดเพราะกังวลเรื่องจะถูกตรวจสอบ" นายสุพันธ์ กล่าว

 

ด้านนายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เชื่อมั่นในทีมเศรษฐกิจชุดใหม่จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจให้เดินหน้าได้ โดยภาคเอกชนพร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐอย่างเต็มที่ แต่ขอให้ช่วยปลดล็อคเรื่องกฎระเบียบต่างๆ โดยเฉพาะกฎหมายการนำเข้าและส่งออก การขอใบอนุญาตในการดำเนินธุรกิจ เพื่อลดอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ

 

ขณะที่นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า เป็นนิมิตหมายดีที่ประเทศจะสามารถก้าวข้ามปัญหา เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันพัฒนาประเทศ

 

"เราต้องมองจุดแข็งเรื่องภูมิศาสตร์และพื้นฐานเศรษฐกิจ ขณะที่ปัจจัยจากต่างประเทศส่งผลกระทบไปทั่วโลกและเป็นเรื่องที่เราต้องเผชิญหน้า" นายบุญทักษ์ กล่าว

 

ส่วนกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาลงโทษอดีตผู้บริหารของธนาคารกรุงไทย(KTB ) ฐานทุจริตปล่อยสินเชื่อเมื่อวานนั้น นายบุญทักษ์ กล่าวว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของระบบธนาคารพาณิชย์ของไทย เนื่องจากหลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 40 ระบบธนาคารพาณิชย์ของไทยมีความเข้มแข็งมากขึ้น มีการพัฒนามาตรฐาน การบริหารความเสี่ยง และการวางระบบตรวจสอบที่ชัดเจน เรื่องนี้น่าจะเป็นบทเรียนให้กับทุกองค์กรว่าจะต้องดำเนินการให้ถูกต้อง

 

อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2238132

 

(เพิ่มเติม) สมคิดใช้เวที กกร.โชว์วิสัยทัศน์ ฟื้นโอท็อป-สร้างนักรบเศรษฐกิจ-ดึงต่างชาติตั้งคลัสเตอร์

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม 2558 13:59:41 น.

"สมคิด"ปาฐกถาเรียกความเชื่อมั่นภาคเศรษฐกิจ เตรียมทยอยออกมาตรการต่อเนื่องหลังเดินงานด่วนอุ้มผู้มีรายได้น้อย-เกษตรกร-SMEs ฟื้น"โอท็อป"กระตุ้นเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น เร่งโครงสร้างพื้นฐานระบบรางหวังกระจายความเจริญทุกหย่อมหญ้า ระดมมาตรการจูงใจดึงต่างชาติขนาดใหญ๋เข้าลงทุนผลักดันตั้งคลัสเตอร์ขนาดใหญ่หลากหลายอุตสาหกรรม ร่วมมือสถาบันการศึกษาสร้าง"นักรบเศรษฐกิจ"ออกลุยตลาดโลก พร้อมระดมสมองฝ่ายเศรษฐกิจวางแนวทางการปฏิรูปการเงินการคลัง

 

 

 

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง "นโยบายเศรษฐกิจและทิศทางประเทศไทย" ว่า ขออย่าให้ตื่นตระหนกหรือกังวลกับภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้มากจนเกินไป เพราะเศรษฐกิจไทยยังแค่ส่อแววการอ่อนแอ แต่ยังไม่มีวิกฤติการณ์เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามก็ไม่ควรประมาทเช่นกัน โดยรัฐบาลกำลังเตรียมทยอยใช้มาตรการต่างๆ ออกมาตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป เพื่อช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้น และวางแนวทางเพื่อการเติบโตในระยะยาว ซึ่งรัฐบาลพร้อมจะทำงานร่วมกับภาคเอกชน

 

"ประเทศยังไม่ใช่วิกฤต เป็นแค่ขาดความเชื่อมั่นและเศรษฐกิจชะลอตัว แต่หากปล่อยไว้จะกลายเป็นปัญหาเรื้อรังต่อการขยายตัวได้ในอนาคต"นายสมคิด กล่าว

 

นายสมคิด มองว่า ปัญหาที่แท้จริงของเศรษฐกิจไทยคือความสามารถในการแข่งขันของประเทศอยู่ในภาวะถดถอยลงมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เนื่องจากขาดการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานมาเป็นเวลานาน และการพึ่งพาเศรษฐกิจภายนอกประเทศ โดยเฉพาะการส่งออกถึง 60% ต่อจีดีพี ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นจึงต้องหันมาเน้นการพึ่งพาการบริโภคในประเทศตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพราะเมื่อเกิดปัญหากับการส่งออกก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศทันที จึงต้องทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างสมดุลทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ

 

"ลักษณะนี้อย่างในประเทศอังกฤษถึงแม้จะขาดดุลเรื่องการส่งออกตลอด แต่พอดูในภาพรวมอังกฤษจะเกินดุลจากการเติบโตภายในประเทศ ได้แก่ การท่องเที่ยว การบริการ จะได้ดุลเหล่านี้มาชดเชย" นายสมคิด กล่าว

 

ทั้งนี้ สิ่งที่รัฐบาลกำลังจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนใน 2 จุดใหญ่ คือ การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร และ SMEs ซึ่งหลังจากเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดแรกเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในสัปดาห์หน้าแล้ว และอีก 2 สัปดาห์หลังจากนั้นจะเสนอมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนของ SMEs ให้ ครม.พิจารณา นอกจากนั้นจะมีการฟื้นโครงการโอท็อปเป็นการผลักดันให้ระดับหมู่บ้านและตำบลสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจใหม่ๆ เพื่อเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น ส่วนการเบิกจ่ายกระทรวงการคลังจะเข้าไปดูแลกระบวนการที่ทำให้เม็ดเงินกระจายลงสู้ระดับล่างโดยตรงทันที

 

"แนวทางการพัฒนาประเทศ ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องเป็นกลไกสำคัญในอนาคตที่แต่ละจังหวัดจะต้องมีแนวทางของตนเองว่าในท้องที่ของตัวเองมีอะไรดีโดยไม่รอส่วนกลาง โดยเตรียมฟื้น"โอท็อป"กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นดันหมู่บ้าน-ตำบลเป็นแกน" นายสมคิด กล่าว

 

ขณะที่ภาครัฐจะเร่งรัดโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟต่างๆ เพื่อเชื่อมโยงแต่ละภูมิภาค ซึ่งจะเป็นการช่วยกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจไปในทุกพื้นที่ของเส้นทาง โดยจะมองเพียงเรื่องของผลตอบแทนของโครงการไม่ได้ แต่ต้องมองไปถึงผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่จะเกิดมูลค่าเพิ่มตามมาในอนาคต โดยจะเน้นการลงทุนแบบ PPP ที่ไม่เกินฐานะทางการคลัง ซึ่งนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง มีความถนัดในเรื่องนี้เพราะมาจากบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(IFCT)

 

"เป็นช่วงเวลาที่ดีในการวางรากฐานของประเทศ ผมจะไม่รอข้อเสนอของ สปช.แต่จะเร่งดำเนินการไปก่อนเลย รัฐบาลต้องเป็นตัวนำปฏิรูป รัฐมนตรีต้องเป็นตัวผลักดัน" นายสมคิด กล่าว

 

นอกจากนั้น งานสำคัญอีกประการหนึ่งที่ต้องเร่งดำเนินการคือ การส่งเสริมการลงทุน ซึ่งได้มอบหมายให้ รมว.อุตสาหกรรม พิจารณาแนวทางและมาตรการต่างๆ ทุกด้านที่จะสามารถจูงใจให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่ เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอย่างเวียดนามได้ทุ่มทุกอย่างเพื่อดึงค่ายซัมซุงเข้าไปตั้งฐานการผลิตใหม่ ดังนั้นประเทศไทยก็จะช้าไม่ได้ เพราะเราได้เปรียบเรื่องภูมิศาสตร์ และในอนาคตอาจจะมีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษเฉพาะสินค้าแต่ละรายการ เช่น สินค้าฮาลาล ไอที ยางพารา นอกเหนือจากการพัฒนาในรูปแบบของคลัสเตอร์ใหญ่ ร่วมมือสถาบันการศึกษาพัฒนาและยกระดับเทคโนโลยีด้านต่างๆ เพื่อสร้างนักรบเศรษฐกิจไปต่อสู่ในตลาดโลก

 

"ถึงเวลาแล้วที่จะต้องทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างแท้จริงจากภายใประเทศ วันนี้เศรษฐกิจภายนอกไม่ค่อยดีจึงเป็นโอกาสที่จะกลับมาส่งเสริมเศรษฐกิจในประเทศ" นายสมคิด กล่าว

 

สำหรับการส่งออกต้องเพิ่มมูลค่าสินค้าและสร้างแบรนด์เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ โดยรวมตัวกันเป็นคลัสเตอร์ ซึ่งจะช่วยให้มีการพัฒนาที่รวดเร็ว เกิดนวัตกรรมใหม่ ซึ่งเรื่องนี้ประเทศสิงคโปร์ประสบความสำเร็จมาแล้วในเรื่องไอทีที่เปิดให้สถาบันการศึกษาจะต่องประเทศเข้าไปทำวิจัยแล้วนำผลที่ได้มาต่อยอด

 

"ต้องเร่งเรื่องคลัสเตอร์ ไม่ใช่เอาสินค้าทุกตัวไปแข่ง แต่จะต้องมีบางตัวที่เอาไปแข่งและสู้เขาได้" นายสมคิด กล่าว

 

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้กำลังปรับปรุงเรื่องสิทธิประโยชน์เพื่อจูงใจนักลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 1 เดือน แล้วเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาก่อนที่จะนำออกไปโรดโชว์ในต่างประเทศ

 

นายสมคิด ยังเปิดเผยว่า รัฐบาลจะผลักดันการเพิ่มประสิทธิภาพหน่วยงานภาครัฐ เช่น รัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องด้านเศรษฐกิจเพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนให้สอดรับกับแนวทางต่างๆ โดยขณะนี้ทีมเศรษฐกิจ พร้อมด้วยที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)คนปัจจุบัน และว่าที่ผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ รวมทั้งอีกหลายคนที่เกี่ยวข้องได้หารือเรื่องการปฏิรูปการเงินการคลังร่วมกัน ทั้งตลาดเงินและตลาดทุน

 

"ผมไม่ได้มุ่งหวังว่าออกมาตรการเศรษฐกิจแล้วกระตุ้น GDP ให้โตได้เท่าไหร่เพราะมันเป็นปลายเหตุ เป็นเรื่องเฉพาะหน้า GDP เป็นเรื่องที่ตามมาในภายหลัง....จุดนี้เป็นจุดที่สำคัญของประเทศ ถ้าทำได้ดีประเทศก็จะพัฒนาไปได้" นายสมคิด กล่าว

 

อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/นิศารัตน์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2238126

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

 

 

(Aug 27) MOU แบงก์ชาติมาเลย์ใช้เงินสกุลท้องถิ่นชำระการค้า-ลงทุนระหว่างกัน

ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ Dr. Zeti Akhtar Aziz ผู้ว่าการ ธนาคารกลางมาเลเซีย (Bank Negara Malaysia) ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการส่งเสริมการใช้เงินสกุลท้องถิ่นในการชำระธุรกรรมการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2558 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซีย

การจัดตั้งกลไกดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างมาเลเซียและไทยโดยการลงนามในบันทึกความเข้าใจดังกล่าวแสดงถึงความตั้งใจของทั้งสองธนาคารกลางในการร่วมกันสนับสนุนการใช้เงินสกุลริงกิตและเงินบาท เพื่อเป็นสื่อกลางในการชำระธุรกรรมการค้าและการลงทุนโดยตรงระหว่างประเทศ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนจากการใช้เงินสกุลที่สามในการชำระธุรกรรมระหว่างประเทศ รวมทั้งจะช่วยลดต้นทุนในการท ธุรกรรมของภาคธุรกิจด้วย

 

Dr. Zeti Akhtar Aziz ผู้ว่าการธนาคารกลางมาเลเซีย กล่าวว่า “การจัดตั้งกลไกดังกล่าวจะนำไปสู่ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการเงินของภูมิภาคอาเซียนที่แน่นแฟ้นขึ้น และจะช่วยเพิ่มปริมาณการค้าและการลงทุนระหว่างมาเลเซียและไทย รวมทั้งสนับสนุนความเชื่อมโยงและพัฒนาทางเศรษฐกิจของภูมิภาคในระยะต่อไป"

นายประสาร กล่าวว่า ความร่วมมือในระดับทวิภาคีนี้ นับเป็นก้าวสำคัญที่แสดงถึงความตั้งใจร่วมกันในการสนับสนุนการใช้เงินสกุลท้องถิ่นเพื่อการชำระธุรกรรมการค้าและการลงทุนในประชาคมอาเซียน อีกทั้งยังนำไปสู่ความร่วมมือระหว่างกันเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและการลงทุนในภูมิภาคอีกด้วย

Source: อินโฟเควสท์ โดย ธปฦ/รัชดา/ศศิธร

Click ข่าว ธปท.ฉบับที่ 44/2558 เรื่องการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการส่งเสริมการใช้เงินสกุลท้องถิ่นในการชำระธุรกรรมการค้าการลงทุนระหว่างประเทศรายละเอียดตามแนบ

Thai Version : https://www.bot.or.th/…/PressandS…/Press/News2558/n4458t.pdf

Eng Version : https://www.bot.or.th/…/PressandS…/Press/News2558/n4458e.pdf

 

 

 

 

11947575_1054030937949731_8139443427134754554_n.jpg?oh=0e87bce387ba12c2643675b8679e5de2&oe=5677B49A

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 28 สิงหาคม 2558 07:48:38 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 27 ส.ค.2558

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ที่ขยายตัวแข็งแกร่งกว่าการคาดการณ์ รวมทั้งจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่ปรับตัวลดลงเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,654.77 จุด พุ่งขึ้น 369.26 จุด หรือ +2.27% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,812.71 จุด เพิ่มขึ้น 115.17 จุด หรือ +2.45% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,987.66 จุด เพิ่มขึ้น 47.15 จุด หรือ +2.43%

 

-- ตลาดหุ้นยุโปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) ขานรับรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ขยายตัวแข็งแกร่งกว่าการคาดการณ์

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 3.5% ปิดที่ 362.27 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,658.18 จุด พุ่งขึ้น 157.13 จุด หรือ +3.49% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,315.62 จุด พุ่งขึ้น 318.19 จุด หรือ +3.18% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,192.03 จุด เพิ่มขึ้น 212.83 จุด หรือ +3.56%

 

--ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) โดยหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์นำตลาดทะยานขึ้น ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่สดใส หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดเผชิญแรงเทขายอย่างหนักในช่วงต้นสัปดาห์

 

ดัชนี FTSE 100 ปิดพุ่ง 212.83 จุด หรือ 3.56% ที่ 6,192.03 จุด

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 4 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ที่ขยายตัวแข็งแกร่งกว่าการคาดการณ์ โดยข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและอุปสงค์พลังงานในสหรัฐ

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 3.96 ดอลลาร์ ปิดที่ 42.56 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 4.42 ดอลลาร์ ปิดที่ 47.56 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ขยายตัวแข็งแกร่งกว่าการคาดการณ์

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 2 ดอลลาร์ หรือ 0.18% ปิดที่ระดับ 1,122.60 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 37.6 เซนต์ ปิดที่ 14.417 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 25.8 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,006 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 38.96 ดอลลาร์ ปิดที่ 568.60 ดอลลาร์/ออนซ์

 

-- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) หลังจากข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แข็งแกร่งของสหรัฐบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่ดี

 

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1257 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1345 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5425 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5469 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.68 เยน จาก 119.50 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9653 ฟรังก์ จาก 0.9527 ฟรังก์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7171 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7099 ดอลลาร์

 

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 16,654.77 จุด เพิ่มขึ้น 369.26 จุด +2.27%

 

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,812.71 จุด เพิ่มขึ้น 115.17 จุด +2.45%

 

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,987.66 จุด เพิ่มขึ้น 47.15 จุด +2.43%

 

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,192.03 จุด เพิ่มขึ้น 212.83 จุด +3.56%

 

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,315.62 จุด เพิ่มขึ้น 318.19 จุด +3.18%

 

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,658.18 จุด เพิ่มขึ้น 157.13 จุด +3.49%

 

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 7,824.55 จุด เพิ่มขึ้น 108.96 จุด +1.41%

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 18,574.44 จุด เพิ่มขึ้น 197.61 จุด +1.08%

 

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,908.00 จุด เพิ่มขึ้น 13.91 จุด +0.73%

 

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,242.60 จุด เพิ่มขึ้น 63.70 จุด +1.23%

 

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,233.30 จุด เพิ่มขึ้น 60.50 จุด +1.17%

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,083.59 จุด เพิ่มขึ้น 156.30 จุด +5.34%

 

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,022.09 จุด เพิ่มขึ้น 154.17 จุด +2.24%

 

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 21,838.54 จุด เพิ่มขึ้น 758.15 จุด +3.60%

 

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,430.63 จุด เพิ่มขึ้น 192.90 จุด +4.55%

 

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,601.70 จุด เพิ่มขึ้น 21.33 จุด +1.35%

 

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,945.43 จุด เพิ่มขึ้น 72.43 จุด +2.52%

 

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 26,231.19 จุด เพิ่มขึ้น 516.53 จุด +2.01%

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย นรินรัตน์ พรหมพิทักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2238433

 

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็ง หลัง GDP สหรัฐแกร่งบ่งชี้เศรษฐกิจฟื้นตัว

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 28 สิงหาคม 2558 07:30:12 น.

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) หลังจากข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แข็งแกร่งของสหรัฐบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่ดี

 

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1257 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1345 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5425 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5469 ดอลลาร์สหรัฐ

 

 

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.68 เยน จาก 119.50 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9653 ฟรังก์ จาก 0.9527 ฟรังก์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7171 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7099 ดอลลาร์

 

ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนจากข้อมูลการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ตัวเลข GDP ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ขยายตัว 3.7% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 2.3% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า GDP จะมีการขยายตัว 3.3% ในไตรมาสดังกล่าว

 

การปรับตัวดีขึ้นดังกล่าวเกิดจากการที่ภาคธุรกิจเพิ่มการลงทุน และเพิ่มสต็อกสินค้า รวมทั้งการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค และการใช้จ่ายของรัฐบาล

 

นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 271,000 ราย หลังจากที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 4 สัปดาห์ โดยตัวเลขดังกล่าวยังคงต่ำกว่าระดับ 300,000 ราย ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง

 

ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 273,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว

 

ข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสได้ช่วยคลายความวิตกแก่นักลงทุนในประเด็นที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้หรือไม่ แม้ว่านักลงทุนจำนวนมากยังคงไม่แน่ใจเกี่ยวกับช่วงเวลาที่แน่ชัดที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2238429

 

บอนด์สหรัฐร่วง นักลงทุนขายสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจีดีพีแกร่ง

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม 2558 20:55:09 น.

พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงในวันนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ขยายตัวเกินคาดของสหรัฐในไตรมาส 2 ซึ่งทำให้นักลงทุนลดการถือครองพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

 

การร่วงลงของพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปีส่งผลให้อัตราผลตอบแทนดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 2.202% ในวันนี้ จาก 2.172% เมื่อวานนี้

 

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้นในวันนี้เป็นวันที่ 3 หลังจากดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 2% ในวันจันทร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.

 

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) สำหรับช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ขยายตัว 3.7% โดยสูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 2.3%

 

การปรับตัวดีขึ้นดังกล่าวเกิดจากการที่ภาคธุรกิจเพิ่มการลงทุน และเพิ่มสต็อกสินค้า รวมทั้งการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคและของรัฐบาล

 

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า จีดีพีจะมีการขยายตัว 3.3% ในไตรมาส 2

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq22/2238399

 

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 369.26 จุด รับ GDP สหรัฐแข็งแกร่ง

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 28 สิงหาคม 2558 06:36:38 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (28 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ที่ขยายตัวแข็งแกร่งกว่าการคาดการณ์ รวมทั้งจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่ปรับตัวลดลงเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,654.77 จุด พุ่งขึ้น 369.26 จุด หรือ +2.27% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,812.71 จุด เพิ่มขึ้น 115.17 จุด หรือ +2.45% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,987.66 จุด เพิ่มขึ้น 47.15 จุด หรือ +2.43%

 

 

 

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า GDP ไตรมาส 2/2558 ขยายตัว 3.7% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 2.3% และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.3% โดยการปรับตัวดีขึ้นดังกล่าวเกิดจากการที่ภาคธุรกิจเพิ่มการลงทุน และเพิ่มสต็อกสินค้า รวมทั้งการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค และการใช้จ่ายของรัฐบาล

 

ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 6,000 ราย สู่ระดับ 271,000 ราย ซึ่งลดลงมากว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 273,000 ราย บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง

 

นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังคงได้รับแรงหนุนหลังจากนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ส่งสัญญาณว่า เฟดมีแนวโน้มลดลงที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญความเสี่ยงจากภาวะปั่นป่วนในตลาดโลกระยะนี้

 

หุ้นกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุด โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน พุ่งขึ้น 29% ขณะที่หุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี และหุ้นทรานส์โอเชียน ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 11%

 

หุ้นแอปเปิล อิงค์ พุ่งขึ้น 2.9% หลังจากมีข่าวว่า แอปเปิลจะเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ในวันที่ 9 ก.ย. โดยประเภทหน้าจอ 4.7 นิ้ว จะใช้ชื่อว่า "ไอโฟน 6 เอส" ส่วนหน้าจอ 5.5 นิ้ว จะชื่อว่า "ไอโฟน 6 เอส พลัส" นอกจากนี้ ทางบริษัทอาจมีการเปิดตัว"ไอแพด โปร" รวมถึง "แอปเปิล ทีวี" รุ่นใหม่ด้วย

 

หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยหุ้นนิวฟิลด์ เอ็กซ์พลอเรชัน พุ่งขึ้น 9.4% หุ้นเชฟรอน ปรับขึ้น 6.2% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 8%

 

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ รวมถึงข้อมูลรายได้-การบริโภคส่วนบุคคลเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2238426

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...