ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

คำให้การชายคล้ายเสื้อเหลือง ปัดเป็นมือระเบิด-แต่อยู่ที่เกิดเหตุ

 

2 ก.ย. 58 ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) มีรายงานข่าวแจ้งว่า การจับกุมนายยูซูฟ ผู้ต้องสงสัยที่จับกุมได้ที่บริเวณด่านตรวจในพื้นที่บ้านป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 1...

NAEWNA.COM

 

 

สรุปภาวะตลาด Futures By GT Wealth Management 2 ก.ย.58 (ภาคบ่าย)

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- พุธที่ 2 กันยายน 2558 17:06:41 น.

กรุงเทพฯ--2 ก.ย.--GT Wealth Management

ดัชนี SET50 ปิดบวก 8.77 จุด ปิดที่ 897.69 จุด ดัชนีปรับตัวขึ้น จากมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล แต่ Upside ยังมีไม่มากจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ด้านราคาทองคำมีแรงหนุนจากฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย โดยPMIภาคการผลิตของจีนออกมาต่ำ และPMIภาคการผลิตของสหรัฐฯต่ำเช่นกัน วันนี้นักลงทุนติดตามตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯ

 

ภาวะการซื้อขายระหว่างวัน คุณวราวุธ เบญจาพุทธารักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวว่า SET50 มีการฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้งแต่ภาพรวมดัชนียังคงถูกกดดันจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ยังเป็นเชิงลบ ขณะที่ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากประเด็นเศรษฐกิจโลกในช่วงนี้

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2242466

 

สรุปสภาวะตลาดทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์ส วันที่ 2 กันยายน 2558 โดย YLG

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- พุธที่ 2 กันยายน 2558 16:38:54 น.

กรุงเทพฯ--2 ก.ย.--พีอาร์ดีดี

สภาวะตลาดวันที่ 02 กันยายน 2558 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,135.80-1,142.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,300 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,300 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV15 อยู่ที่ 19,490 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 30 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,520 บาท

 

 

 

(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.02 น.ของวันที่ 02/08/15)

แนวโน้มวันที่ 3 กันยายน 2558

รัฐบาลจีนตัดสินใจอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนต่างชาติในการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีน ซึ่งทางการจีนได้ยกเลิกกฎระเบียบหลายข้อที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการ ลงทุนของต่างชาติในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนซึ่งถือเป็นหนึ่งในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีความน่าดึงดูดมากที่สุดในโลก แต่เงินลงทุนจากต่างชาติในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จีนดิ่งลง 24.5% ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน เนื่องจากความกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจจีน และความกังวลที่ว่าหยวนอาจดิ่งลงต่อไป ขณะที่ตลาดหุ้นจีนกำลังเข้าสู่ช่วงของการปรับฐานโดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในจีน แม้ความผันผวนจะส่งให้มีแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยเข้ามายังตลาดทองคำ แต่อย่างไรก็ตามการดิ่งลงของตลาดหุ้นจีนกระตุ้นให้ผู้กำหนดนโยบายและผู้ควบคุมกฎระเบียบดำเนินมาตรการกระตุ้นตลาดหุ้นหลายมาตรการ ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ย, การควบคุมการขายชอร์ตเซล และ การควบคุมการปล่อยกู้เพื่อลงทุนในหุ้นส่งให้มีแรงขายทำกำไรทองคำออกมาเมื่อราคาทองคำดีดตัวขึ้นเพราะแกร่งว่าทิศทางของสินทรัพย์เสี่ยงจะฟื้นตัวขึ้นจากการดำเนินมาตราต่างๆ จากทางการจีน เบื้องต้นวายแอลจีประเมินว่าราคาทองคำสามารถปรับตัวขึ้นเหนือโซน 1,148-1,150 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งต้องรอดูการเคลื่อนไหวของราคาทองคำว่าจะสามารถยืนได้อย่างแข็งแกร่งหรือไม่ หากสามารถยืนได้ประเมินว่าราคาทองคำจะขยับขึ้นชนแนวต้านในโซน 1,167 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่หากราคาทองคำไม่สามารถยืน 1,148-1,150 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่งนักลงทุนต้องระมัดระวังการอ่อนตัวของราคาทองคำ อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต้องให้ความสำคัญไปที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ และ ความชัดเจนในการแก้ปัญหาความผันผวนของตลาดเงินตลาดทุนโดยเฉพาะทิศทางตลาดหุ้นของจีน

 

กลยุทธ์การลงทุน ราคาทองคำพยายามสร้างรูปแบบการเคลื่อนไหวลักษณะ Sideway Up โดยนักลงทุนสามารถซื้อและขายทำกำไรในกรอบราคา สำหรับนักลงทุนที่มีทองคำในมือ แนะนำให้ทำกำไรหากราคาดีดตัวขึ้นและไม่ผ่านแนวต้าน 1,148-1,150 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยหากราคามีการย่อตัวลงมาบริเวณแนวรับ 1,134 หรือ 1,123 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยรักษาระดับไว้ได้ก็เป็นจุดที่เข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นจากการดีดตัวของราคา ซึ่งวายแอลจี มีมุมมองว่าราคาทองคำยังอยู่ในช่วงปรับฐานของราคาแนะนำให้นักลงทุนเล่นในกรอบและให้รอจังหวะเปิดสถานะซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณแนวรับ และขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นไปบริเวณแนวต้าน

 

ทองคำแท่ง (96.50%)

แนวรับ 1,134 (19,160บาท) 1,123 (18,970บาท) 1,112 (18,790บาท)

แนวต้าน 1,148 (19,400บาท) 1,167 (19,720บาท) 1,174 (19,840บาท)

GOLD FUTURES (GFV15)

แนวรับ 1,134 (19,380บาท) 1,123 (19,190บาท) 1,112 (19,010บาท)

แนวต้าน 1,148 (19,620บาท) 1,167 (19,940บาท) 1,174 (20,060บาท)

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2242443

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

ดอลลาร์ดีดตัวเหนือ 120 เยนวันนี้ จับตาตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 2 กันยายน 2558 19:03:37 น.

ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 120 เยนในวันนี้ แต่ช่วงขาขึ้นยังคงถูกจำกัดจากการร่วงลงของตลาดหุ้น ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน

 

ณ เวลา 18.35 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ดีดตัวขึ้น 0.62% สู่ระดับ 120.11 เยน และแข็งค่า 0.54% สู่ระดับ 1.1262 เทียบยูโร ขณะที่ยูโรขยับขึ้น 0.12% สู่ระดับ 135.27 เยน ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวขึ้น 0.35% สู่ระดับ 95.706

 

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานในภาคเอกชนประจำเดือนส.ค.จาก ADP ในวันนี้ เนื่องจากจะบ่งชี้ถึงตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์ และจะส่งสัญญาณทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

 

ยูโรอ่อนค่าต่อดอลลาร์ในวันนี้ ก่อนการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพรุ่งนี้ ขณะที่ตลาดจะจับตาคำกล่าวของนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB หลังการประชุม ซึ่งอาจบ่งชี้การผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมในปีนี้

 

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2242550

 

ดาวโจนส์พุ่งแรงกว่า 200 จุด จากแรงซื้อเก็งกำไร หลังหุ้นทรุดหนักวานนี้

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 2 กันยายน 2558 20:49:56 น.

ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดแดนบวกในวันนี้ นำโดยหุ้นกลุ่มการเงิน ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุด จากแรงซื้อเก็งกำไร หลังจากทรุดหนักกว่า 400 จุดเมื่อวานนี้

 

ณ เวลา 20.40 น.ตามเวลาไทย ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กอยู่ที่ 16,267.03 จุด ทะยานขึ้น 211.05 จุด หรือ 1.33%

 

หุ้นทั้ง 30 ตัวที่ใช้คำนวณดัชนี DJIA ต่างปรับตัวขึ้นในวันนี้

 

 

ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนส.ค. ส่งผลให้นักลงทุนมองว่าอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป

 

ADP ระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 201,000 ราย

 

นอกจากนี้ ADP ยังได้ทบทวนปรับลดตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.ค.สู่ระดับ 177,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 185,000 ตำแหน่ง

 

ขณะเดียวกัน นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน หลังนักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจจะยังขยายตัวในช่วงครึ่งปีหลัง

 

นายจาง หลี่คุน นักวิจัยจากศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาของคณะรัฐมนตรีจีน คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง แม้จะมีสัญญาณบ่งชี้ว่าภาคการผลิตอ่อนตัวลงก็ตาม

 

สหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) และสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนส.ค.ปรับตัวลงแตะ 49.7 จากระดับ 50 ในเดือนก.ค. ซึ่งส่งสัญญาณว่า กิจกรรมภาคการผลิตของจีนเผชิญกับภาวะหดตัว

 

ดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตมีการขยายตัว และหากดัชนีปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 จุดก็จะบ่งชี้ถึงภาวะหดตัว

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2242561

 

สหรัฐเผยประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดใน Q2/58

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 2 กันยายน 2558 19:44:56 น.

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตร เพิ่มขึ้น 3.3% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบรายไตรมาส โดยเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2013 ขณะที่ได้แรงหนุนจากผลผลิตและจำนวนชั่วโมงทำงานที่เพิ่มขึ้น

 

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าประสิทธิภาพการผลิตจะเพิ่มขึ้น 3% ในไตรมาส 2

เมื่อเทียบรายปี ประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้น 0.7% ในไตรมาส 2

ส่วนต้นทุนแรงงานต่อหน่วย ซึ่งเป็นมาตรวัดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่สำคัญ ลดลง 1.4% ในไตรมาส 2

 

เมื่อเทียบรายปี ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยเพิ่มขึ้น 1.7% ในไตรมาส 2

 

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ โทร.02-2535000 อีเมล์: kongkiat.k@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq28/2242555

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 3 กันยายน 2558 07:52:11 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 2 ก.ย.2558

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) เพราะได้รับแรงหนุนจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (Beige Book) ทั้ง 12 เขตระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวได้ดี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงอย่างหนักติดต่อกันหลายวันก่อนหน้านี้

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,351.38 จุด พุ่งขึ้น 293.03 จุด หรือ +1.82% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,749.98 จุด เพิ่มขึ้น 113.87 จุด หรือ +2.46% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,948.86 จุด เพิ่มขึ้น 35.01 จุด หรือ +1.83%

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 353.86 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,554.92 จุด เพิ่มขึ้น 13.76 จุด หรือ +0.30% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,048.05 จุด เพิ่มขึ้น 32.48 จุด หรือ +0.32% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,083.31 จุด เพิ่มขึ้น 24.77 จุด หรือ +0.41%

 

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงก่อนหน้านี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

 

ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 24.77 จุด หรือ 0.41% ที่ 6,083.31 จุด

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยหนุนคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 6.2 ดอลลาร์ หรือ 0.54% ปิดที่ 1,133.60 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 4.7 เซนต์ ปิดที่ 14.667 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 5.2 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,013.60 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 4.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 583.35 ดอลลาร์/ออนซ์

 

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรที่ปรับตัวขึ้นเกินคาดในไตรมาส 2 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและอุปสงค์พลังงานในสหรัฐ และยังสามารถสกัดปัจจัยลบจากรายงานที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับสูงขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 84 เซนต์ ปิดที่ 46.25 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 94 เซนต์ ปิดที่ 50.5 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มมีเสถียรภาพ และดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลที่บ่งชี้ถึงภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งช่วยหนุนคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐ

 

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1240 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1309 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5305 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5316 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.23 เยน จาก 119.69 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9692 ฟรังก์ จาก 0.9607 ฟรังก์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7034 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7041 ดอลลาร์

 

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 16,351.38 จุด เพิ่มขึ้น 293.03 จุด +1.82%

 

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,749.98 จุด เพิ่มขึ้น 113.87 จุด +2.46%

 

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 1,948.86 จุด เพิ่มขึ้น 35.01 จุด +1.83%

 

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,083.31 จุด เพิ่มขึ้น 24.77 จุด +0.41%

 

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,048.05 จุด เพิ่มขึ้น 32.48 จุด +0.32%

 

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,554.92 จุด เพิ่มขึ้น 13.76 จุด +0.30%

 

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 8,035.29 จุด เพิ่มขึ้น 17.73 จุด +0.22%

 

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 18,095.40 จุด ลดลง 70.29 จุด -0.39%

 

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 1,915.22 จุด เพิ่มขึ้น 0.99 จุด +0.05%

 

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,119.40 จุด เพิ่มขึ้น 2.40 จุด +0.05%

 

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,101.50 จุด เพิ่มขึ้น 5.10 จุด +0.10%

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,160.17 จุด ลดลง 6.46 จุด -0.20%

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,160.17 จุด ลดลง 6.46 จุด -0.20%

 

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 20,934.94 จุด ลดลง 250.49 จุด -1.18%

 

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,401.29 จุด ลดลง 11.17 จุด -0.25%

 

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,590.19 จุด ลดลง 19.02 จุด -1.18%

 

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,878.13 จุด ลดลง 4.64 จุด -0.16%

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย นรินรัตน์ พรหมพิทักษ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2242610

 

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งค่า ขานรับมุมมองบวกเศรษฐกิจ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 3 กันยายน 2558 07:26:02 น.

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มมีเสถียรภาพ และดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลที่บ่งชี้ถึงภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งช่วยหนุนคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐ

 

ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1240 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1309 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5305 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5316 ดอลลาร์สหรัฐ

 

 

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 120.23 เยน จาก 119.69 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9692 ฟรังก์ จาก 0.9607 ฟรังก์

 

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7034 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7041 ดอลลาร์

 

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวแข็งแกร่ง ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มมีเสถียรภาพ ซึ่งลดความต้องการสกุลเงินที่ปลอดภัยอย่างสกุลเงินเยน

 

ขณะเดียวกัน ข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐก็เป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนมีมุมมองบวกเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐและหนุนกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตร เพิ่มขึ้น 3.3% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบรายไตรมาส โดยเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2556 ขณะที่ได้แรงหนุนจากผลผลิตและจำนวนชั่วโมงทำงานที่เพิ่มขึ้น

 

ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าประสิทธิภาพการผลิตจะเพิ่มขึ้น 3% ในไตรมาส 2 และหากเทียบรายปี ประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้น 0.7% ในไตรมาส 2

 

นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังขานรับรายงาน Beige Book ของเฟดซึ่งระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคส่วนใหญ่ของสหรัฐยังคงขยายตัวได้ดีในช่วงเดือนก.ค.จนถึงกลางเดือนส.ค. และคาดว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆจะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

 

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างก็รอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.ของสหรัฐที่จะที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้ ซึ่งคาดว่าจะทำให้มีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พันธุ์ทิพย์ คำเพิ่มพูล โทร.02-2535000 อีเมล์: pantip@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2242606

 

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 293.03 จุด รับมุมมองศก.เชิงบวก

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 3 กันยายน 2558 06:28:07 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) เพราะได้รับแรงหนุนจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (Beige Book) ทั้ง 12 เขตระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวได้ดี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงอย่างหนักติดต่อกันหลายวันก่อนหน้านี้

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,351.38 จุด พุ่งขึ้น 293.03 จุด หรือ +1.82% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,749.98 จุด เพิ่มขึ้น 113.87 จุด หรือ +2.46% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,948.86 จุด เพิ่มขึ้น 35.01 จุด หรือ +1.83%

 

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างหนักติดต่อกันหลายวันทำการก่อนหน้านี้ อันเป็นผลมาจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลก

 

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังขานรับรายงาน Beige Book ของเฟดซึ่งระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคส่วนใหญ่ของสหรัฐยังคงขยายตัวได้ดีในช่วงเดือนก.ค.จนถึงกลางเดือนส.ค. และคาดว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆจะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

 

ตลาดได้รับแรงหนุนมากขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตร เพิ่มขึ้น 3.3% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบรายไตรมาส โดยเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2013 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าประสิทธิภาพการผลิตจะเพิ่มขึ้น 3% ในไตรมาส 2

 

สำหรับตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดนั้น ทำให้นักลงทุนคาดว่าเฟดอาจจะเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่หนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ด้วย โดยออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 201,000 ราย

 

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น โดยหุ้นแอปเปิล อิงค์ หุ้นไมโครซอฟท์ ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 2.5% ส่วนหุ้นอินเทล คอร์ป ปรับขึ้น 2.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยชิพรุ่นใหม่ที่สามารถใช้งานกับแล็บท็อปได้ง่ายขึ้น ขณะที่หุ้นเฟ๊ซบุ๊กพุ่งขึ้น 3.1% และหุ้น PayPal เพิ่มขึ้น 3.2%

 

หุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้น โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ และหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ส พุ่งขึ้นอย่างน้อย 5% ขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของอเมริกัน แอร์ไลน์

 

หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเทโซโร คอร์ป และหุ้นนิวฟิลด์ เอ็กซ์พลอเรชัน ทะยานขึ้นกว่า 3%

 

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนส.ค. และดัชนีภาคการบริการเดือนส.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.จะเพิ่มขึ้น 220,000 ตำแหน่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 215,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 5.2% จากระดับ 5.3% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2242601

 

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: แรงซื้อเก็งกำไร หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 3 กันยายน 2558 06:58:53 น.

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 353.86 จุด

 

 

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,554.92 จุด เพิ่มขึ้น 13.76 จุด หรือ +0.30% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,048.05 จุด เพิ่มขึ้น 32.48 จุด หรือ +0.32% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,083.31 จุด เพิ่มขึ้น 24.77 จุด หรือ +0.41%

 

ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากที่ตลาดร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลก

 

นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อจับสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.จะเพิ่มขึ้น 220,000 ตำแหน่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 215,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 5.2% จากระดับ 5.3% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี

 

ส่วนเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 201,000 ราย ซึ่งตัวเลขจ้างงานที่อ่อนแรงในภาคเอกชนทำให้นักลงทุนบางส่วนคาดว่า เฟดอาจจะเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปก่อน

 

หุ้นกลุ่มสุขภาพปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้นแกล็คโซสมิธไคลน์ ปรับขึ้น 1.9% ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นเช่นกัน นำโดยหุ้นยูนิเครดิต และหุ้นอินเทซา ซานเปาโล ที่ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 1.5%

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2242605

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: เงินดอลล์แข็งค่า ฉุดทองปิดลบ 6.2 ดอลลาร์

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 3 กันยายน 2558 07:47:04 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยหนุนคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 6.2 ดอลลาร์ หรือ 0.54% ปิดที่ 1,133.60 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 4.7 เซนต์ ปิดที่ 14.667 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 5.2 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,013.60 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 4.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 583.35 ดอลลาร์/ออนซ์

 

นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำหลังจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น อันเนื่องมาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐช่วยหนุนกระแสคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

 

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตร เพิ่มขึ้น 3.3% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบรายไตรมาส โดยเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2556 ขณะที่ได้แรงหนุนจากผลผลิตและจำนวนชั่วโมงทำงานที่เพิ่มขึ้น

 

ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าประสิทธิภาพการผลิตจะเพิ่มขึ้น 3% ในไตรมาส 2 และหากเทียบรายปี ประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้น 0.7% ในไตรมาส 2

 

นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังแข็งค่าขึ้นหลังจากรายงาน Beige Book ของเฟดระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคส่วนใหญ่ของสหรัฐยังคงขยายตัวได้ดีในช่วงเดือนก.ค.จนถึงกลางเดือนส.ค. และคาดว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆจะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2242608

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก 84 เซนต์ รับข้อมูลศก.สหรัฐแข็งแกร่ง

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 3 กันยายน 2558 07:30:13 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรที่ปรับตัวขึ้นเกินคาดในไตรมาส 2 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและอุปสงค์พลังงานในสหรัฐ และยังสามารถสกัดปัจจัยลบจากรายงานที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับสูงขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว

 

 

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 84 เซนต์ ปิดที่ 46.25 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 94 เซนต์ ปิดที่ 50.5 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นขานรับรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตร เพิ่มขึ้น 3.3% ในไตรมาส 2 เมื่อเทียบรายไตรมาส โดยเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2013 เพราะได้แรงหนุนจากผลผลิตและจำนวนชั่วโมงทำงานที่เพิ่มขึ้น

 

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าประสิทธิภาพการผลิตจะเพิ่มขึ้น 3% ในไตรมาส 2.

ข้อมูลประสิทธิภาพการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐช่วยสกัดปัจจัยลบจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 4.7 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 455.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล

 

สำหรับสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน ลดลง 388,000 บาร์เรล สู่ระดับ 57.3 ล้านบาร์เรล

 

ด้านสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 271,000 บาร์เรล สู่ระดับ 214.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล

 

ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 115,000 บาร์เรล สู่ระดับ 150 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล

 

สำหรับอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 1.7% สู่ระดับ 92.8% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.5%

 

อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2242607

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

รมช.คมนาคม เร่งประมูลรถไฟทางคู่ 6 เส้นทางภายในปีนี้,เร่งรถเมล์ NGV

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 3 กันยายน 2558 08:53:56 น.

นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคมให้กำกับดูแล 6 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมเจ้าท่า ,กรมการขนส่งทางบก ,บริษัท ขนส่งจำกัด (บขส.) ,องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ,การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และบริษัท รถไฟฟ้าร.ฟ.ท. จำกัด ซึ่งได้มอบหมายนโยบายให้กับหน่วยงานกำกับทั้งหมดในเรื่องความโปร่งใส ตรวจสอบได้ พร้อมกับเร่งรัดงานในหลายโครงการ โดยเฉพาะโครงการของรฟท. ซึ่งรัฐบาลต้องการเร่งรัดการประกวดราคาโครงการรถไฟทางคู่ 6 เส้นทางให้ได้ภายในปีนี้

 

 

 

"การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้เป็นที่จับตามองและมีความคาดหวังสูง ประกอบกับเป็นช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ดังนั้นการเร่งรัดงานให้รวดเร็วจะต้องมีความรอบคอบและรัดกุมด้วย โดยเฉพาะการลงทุนโครงการขนาดใหญ่"นายออมสิน กล่าว

 

นายออมสิน กล่าวว่า ขณะนี้โครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ระยะทาง 106 กม. วงเงิน 11,348.36 ล้านบาท ได้ขายเอกสารประกวดราคาแล้ว ส่วนเส้นทางชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กม. วงเงิน 26,007.20 ล้านบาท จะเสนอเข้าที่ประชุมบอร์ดรฟท.เพื่อขออนุมัติในวันที่ 8 ก.ย.นี้ จึงจะขายเอกสารประกวดราคา ส่วนโครงการรถไฟทางคู่ ประจวบคีรีขันธ์- ชุมพร วงเงิน 17,000 ล้านบาท และมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กม.นั้น ได้รับการอนุติรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว และคาดว่าจะเร่งประกาศทีโออาร์ได้เร็วๆนี้

 

ส่วนเส้นทางที่เหลือ ได้แก่ ลพบุรี –ปากน้ำโพ , นครปฐม – หัวหิน จะประสานกับรมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อขอให้เร่งรัดการพิจารณา EIA เพื่อให้สามารถเปิดประกวดราคาได้ภายในปีนี้ ตามเป้าหมายรัฐบาล

 

รมช.คมนาคม กล่าวถึงความคืบหน้าการประกวดราคาโครงการก่อสร้างรถไฟสายสีแดงช่วง บางซื่อ-รังสิต สัญญาที่ 3 (งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมตู้รถไฟฟ้าบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน) นั้น ได้เร่งรัดให้รฟท.สรุปผลการประมูล ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ประชุมบอร์ดรฟท.ได้อนุมัติวงเงินที่มีการเจรจาล่าสุดแล้ว โดยกลุ่มกิจการร่วมค้า MHSC Consortium (บริษัท MITSUBISHI Heavy Industrial Ltd., บริษัท Hitachi และ บริษัท Sumitomo Corporation) ปรับลดราคามาอยู่ที่ 32,399 ล้านบาท สูงกว่ากรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติที่ 27,926 ล้านบาทและสูงกว่ากรอบวงเงินที่คณะกรรมการเคยเห็นชอบในการปรับใหม่ที่ 30,500 ล้านบาท ดังนั้น รฟท.จะต้องชี้แจงเหตุผลที่ทำให้วงเงินมาอยู่ที่ 32,399 ล้านบาท นำเสนอกระทรวงคมนาคม และนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.)พิจารณาปรับเพิ่มกรอบวงเงินต่อไป

 

"รถไฟต้องเร่งสรุปเรื่องนี้ เพราะกังวลว่าหากการก่อสร้างสัญญา 1และ 2 เสร็จจะมีปัญหาสายสีแดงไม่มีรถวิ่ง เนื่องจาก หลังจากได้ข้อสรุปสัญญาที่ 3 ยังมีอีกหลายขั้นตอนและหลังเซ็นสัญญา จะต้องใช้เวลาในการดำเนินการจัดหาอีก 48 เดือนหรือ 4 ปี"รมช.คมนาคม กล่าว

 

นายออมสิน กล่าวอีกว่า ยังได้เร่งรัดขสมก.ในเรื่องการจัดหารถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน โดยได้รับรายงานว่า ในวันที่ 3 ก.ย.นี้ ทางกระทรวงการคลัง โดยคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ (กวพ.อ.) จะพิจารณาและตัดสินเรื่องดังกล่าว ขณะที่เป้าหมายของรัฐบาลต้องการเร่งรัดการจัดหาเพื่อนำรถเมล์ใหม่มาให้บริการประชาชนเร็วที่สุด ขณะที่ปัจจุบันมีรถเก่าหมดสภาพจอดอยู่เฉยๆ ประมาณ 786 คัน มีค่าใช้จ่ายเรื่องค่าเช่าอู่จอดและค่ารักษาความปลอดภัย 4.5 แสนบาท/เดือน ดังนั้นให้เร่งไปทบทวนแผนและมติครม.ที่ห้ามขายซากรถดังกล่าว และเสนอมาเพื่อลดค่าใช้จ่ายลง

 

อินโฟเควสท์ โดย คคฦ/วิลาวัลย์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2242788

 

นายกฯ ไม่ห่วงสปช.โหวตร่างรธน.ระบุเป็นสิทธิ ชี้หากไม่ผ่านก็เริ่มกระบวนการใหม่

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 2 กันยายน 2558 17:58:03 น.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ไม่ห่วงการลงมติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในวันที่ 6 กันยายนนี้ เพราะถือเป็นสิทธิ์ที่ทุกคนจะเป็นผู้กำหนดชะตากรรมของตนเอง ตนเองพร้อมที่จะติดตามว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร

 

ทั้งนี้ หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านความเห็นชอบ ก็ต้องเริ่มกระบวนการใหม่ แต่หากผ่านก็จะนำไปสู่ขั้นตอนการทำประชามติต่อไป

 

 

 

ส่วนที่ฝ่ายการเมืองไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะในส่วนของการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการปฏิรูปและปรองดอง (คปป.) นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า คณะกรรมการฯ ดังกล่าวตั้งขึ้นมาเพื่อให้รัฐบาลชุดใหม่เดินหน้างานด้านปฏิรูปตามที่รัฐบาลนี้ได้วางแนวทางไว้ โดยกลุ่มนักการเมืองที่ออกมาคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญนั้น ยืนยันว่าได้เทียบเชิญให้ร่วมแสดงความเห็น แต่ปฏิเสธที่จะเข้าร่วม

 

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังฝากให้สื่อมวลชนซึ่งถือเป็นผู้ใช้สิทธิตามระบอบประชาธิปไตย กลับไปถามนักการเมือง ว่าจะสัญญาว่าหลังจากนี้จะร่วมกันทำให้ประเทศสงบไม่มีความขัดแย้งหรือไม่ แต่ส่วนตัวจะไม่ออกไปเรียกร้องหรือสั่งการให้นักการเมืองมาทำสัญญา แต่อยากให้ประชาชนใช้อำนาจนี้แทน และให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันทำให้การปฏิรูปสำเร็จตามเป้าหมาย

 

อินโฟเควสท์ โดย ฐานิสร์ ทองนอก/นิศารัตน์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

ADV

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq02/2242523

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณขิง น่ารักตลอด แปะทุกสิ่งอย่างได้น่าติดตาม กระทู้ ใบไม้ผลิ ก็ชอบด้วยค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณขิง น่ารักตลอด แปะทุกสิ่งอย่างได้น่าติดตาม กระทู้ ใบไม้ผลิ ก็ชอบด้วยค่ะ

คุณขิง น่ารักตลอด แปะทุกสิ่งอย่างได้น่าติดตาม กระทู้ ใบไม้ผลิ ก็ชอบด้วยค่ะ

 

11889627_477779959048296_8306592643980507068_n.jpg?oh=f6dd90b17d9fcfd8d40c929ec933bced&oe=566A2003&__gda__=1450512903_44d92ae9b76020b11465e4c45c600db0

 

ขอบคุณ กำลังใจค่ะ นักลงทุนต้องใจเข้มแข็ง เข้าใจภาพรวมกว้างๆในสภาพที่เป็นจริง

ที่สำคัญตอนนี้คนไทต้องช่วยกันรักษาปกป้องบ้านเมืองของเรา

===

อธิบดีอัยการต่างประเทศจวก"สุนัย ฮิวแมนไรท์"เจตนาไม่หวังดี

นายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศกล่าวถึงกรณีที่นายสุนัย ผาสุขที่ปรึกษาประจำประเทศไทยของฮิวแมนไรท์วอทช์ ออกมาประกาศว่าไม่เห็นด้วยกรณีที่รัฐบาลใช้...

THAIPOST.NET

 

===

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายกฯ เผยแผนยุทธศาสตร์ชาติสอดคล้องโรดแมพ เร่งแก้มั่นคง-ศก.-สังคม

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 3 กันยายน 2558 19:22:05 น.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการรับฟังการแถลงยุทธศาสตร์ชาติ-ยุทธศาสตร์ทหาร พ.ศ.2559-2563 ของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 57(นศ.วปอ.รุ่นที่ 57) วิทยาลัยเสนาธิการทหาร รุ่นที่ 56 วิทยาลัยการทัพบก ชุดที่ 60 วิทยาลัยการทัพเรือ รุ่นที่ 47 และวิทยาลัยการทัพอากาศ รุ่นที่ 49 ว่า ดีใจที่ยุทธศาสตร์ชาติในวันนี้ตรงกับที่เราวางไว้เป็นโรดแมพระยะที่ 1 ส่วนระยะยาวก็อยู่ระหว่างดำเนินการ

 

 

 

"เรื่องของความเข้าใจเป็นเรื่องสำคัญ แต่ก็มีบางคนอยู่ในห้องไม่พูด ไม่ถาม แต่พอออกนอกห้องก็มาบอกว่าไม่เข้าใจ ไม่เห็นด้วย เพราะไม่ได้พูด ไม่ได้ถาม หัวใจสำคัญวันนี้คือการขับเคลื่อนโยบาย ซึ่งแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ นโยบาย การขับเคลื่อน และผู้ปฏิบัติ"

 

เรื่องยุทธศาสตร์จะต้องทำให้เกิดขึ้นให้ได้ในปีนี้เพราะคิดไว้อยู่แล้ว แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องมาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) เสนอมา เรื่องใดอะไรที่ตรงใจตนเองก็ให้รัฐบาลสานต่อ ไม่ใช่ว่าจะไปกำชับให้ต้องทำแบบไหน และตนเองไปเสนอเองไม่ได้ จะกลายเป็นว่ามากล่าวหาว่าตนเองอยากอยู่ในอำนาจ อยู่เพื่อผลประโยชน์

 

"วันนี้มาบอกว่าผมอยากอยู่ จะอยู่เท่าโน้นเท่านี้ อยู่กี่วันกี่เดือนกี่ปี ผมไม่ได้อยากอยู่สักวันจะบอกให้ เห็นใครบอกว่าเป็นนายกฯ จะดี เป็นรัฐมนตรีแล้วสนุก แต่สำหรับผมกลับบ้านก็มีแต่ความทุกข์ เดี๋ยวก็ไลน์มาแล้ว ต้องสั่งโน่นนี่น่นสารพัด คนใต้บังคับบัญชาก็ทำไป ผมยอมรับว่าไม่มีความสุขเลยจริงๆ ดังนั้นวันนี้เราจะต้องฟันฝ่าท้าทายสิ่งที่กำลังเปลี่ยนแปลงให้ได้ ดูว่าวันนี้สังคมโลกเขากำลังพูดถึงอะไรกัน เราต้องไปให้ทันเขาให้ได้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลหน้าที่ต่อสังคมโลก ทำหน้าที่ต่ออาเซียน ทำหน้าที่ต่อประเทศไทย วันนี้เราจะทำอย่างไรให้คนไทยมีรอยยิ้ม มีความสุขและไม่โง่ ไม่ใช่มีความสุขแล้วโง่ ซึ่งขณะนี้เรากำลังเร่งรัดการศึกษาที่จะทำให้คนมีความสุข ต้องมีการวางโรดแมพทุกเรื่อง ตามกรอบระยะเวลาว่าปัญหาแต่ปัญหาจะใช้เวลาเท่าไหร่ แก้ปัญหาได้กี่เปอร์เซ็นต์ ต้องมีความชัดเจน

 

ส่วนการเร่งรัดเรื่องพลังงาน ซึ่งเราจำเป็นต้องโรงไฟฟ้าถ่านหินลิกไนต์ที่ จ.กระบี่ เพราะมีโรงไฟฟ้าอยู่แล้ว และเป็นพื้นที่ติดทะเล สามารถขนส่งถ่านหินได้สะดวก แต่ก็มาบอกว่าทำไม่ได้ เพราะจะทำชาวบ้านเดือดร้อน เลยบอกว่าจะไปสร้างที่ไหนก็ไป ก็ให้รัฐมนตรีไปดูอยู่แต่จะไปสร้างที่ไหนยังไม่รู้เลย ให้ทุกคนเข้าใจเรื่องไฟฟ้าเป็นเรื่องความมั่นคง เพราะเป็นแหล่งกำเนิดพลังงานทั้งหมด ที่ผ่านมาราชการก็รับนโยบายไปปฏิบัติต่อก็ทำไม่ได้ วันนี้เรากำหนดอนาคตของประเทศให้ประชาชนเห็น ทุกคนจะได้รู้อนาคตของตัวเอง ไม่ใช่ให้ใครมาชักนำ ไม่ใช่มารวมกลุ่มต่อต้านขัดขวางทุกอย่าง แล้วใครจะทำอะไรให้ได้

 

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจว่า เศรษฐกิจต้องมีความเข้มแข็งจากภายในก่อน ทั้งจากท้องถิ่นและภูมิภาค การลงทุนทั้งในและต่างประเทศ หรือคนไทยไปลงทุนต่างประเทศ เพราะเราต้องแชร์กันทั้งหมด ส่วนอาเซียนต้องเป็นไทยบวกหนึ่ง พม่าบวกหนึ่ง เพราะเรานำคนเดียวไม่ได้ เราต้องนำด้วยกัน เพราะบางอย่างเขาทำไม่ทันเรา ถ้าไม่ยกเขาขึ้นมาก็จะเป็นบ่อเกิดความขัดแย้ง รวมทั้งการจัดเขตเศรษฐกิจต้องพึ่งพาศักยภาพชายแดนและเพื่อนบ้าน

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่ไทยได้เปรียบหลายประเทศคือความเป็นไทย ประเทศมีความสวยงาม ยิ้มแย้มแจ่มใส แม้ค่าแรงจะสูง แต่รอยยิ้มก็พอทำให้อยู่ได้ แม้กำไรจะน้อย แต่เราจะต้องปรับแก้เรื่องแรงจูงใจและสิทธิภาษี ไม่เช่นนั้นนักลงทุนเขาย้ายฐานการผลิตหนีหมด

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงยุทธศาสตร์ด้านการต่างประเทศว่า ต้องรีบสร้างแผน ต้องทำงานเชิงรุก เพราะวันนี้กระทรวงต่างประเทศต้องทำงานเชิงรุกต้องขายของให้ด้วย ทุกสถานทูตต้องมีความรู้ด้านเศรษฐกิจ การค้าการส่งออก การเกษตร การแปรรูป ไม่ใช่ทำแค่งานพบปะหาหรือเยี่ยมเยือน

 

ปัญหาของประเทศมีมากมายเป็นร้อยเรื่องซึ่งสามารถแก้ไขได้พอสมควร ทั้งปัญหาความรุนแรง ปัญหาความไม่เป็นธรรม ปัญหาการทุจริต ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปัญหาการศึกษา แม้จะแก้ปัญหาไปแล้ว แต่ปัญหาเดิมๆ พร้อมจะกลับมาตลอดเวลา

 

ส่วนความเชื่อมโยงและพลังการผลิตทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม ทั้งหมดต้องไปด้วยกัน เพราะทั้งหมดคือยุทธศาสต์ที่ทำให้ประเทศชาติมั่นคง เมื่อมั่นคงก็ทำให้การค้าการลงทุนไปได้ดีจนไปสู่การมั่งคั่ง และเพื่อให้เกิดความยั่งยืนก็ต้องสร้างทายาทไว้เช่นการสร้างจิตสำนึก การสร้างค่านิยม 12 ประการ ดังนั้นคนที่อยู่ปัจจุบันจะต้องคิดว่าในอนาคตจะทำให้ลูกหลานอยู่ได้อย่างไรเพื่อสร้างทายาทที่เป็นคนดีมีคุณธรรมและศีลธรรม และสุดท้ายการมีรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาเรามอบอำนาจเด็ดขาดให้กับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมานาน แต่วันนี้เมื่อเข้ามาทำงานก็ไม่เคยต่อต้านความเป็นประชาธิปไตย แต่บทบาทที่ต้องทำวันนี้คือต้องเดินหน้าประเทศไปให้ได้ สร้างความไว้วางใจและเชื่อใจซึ่งกันและกัน วันนี้มีปัญหาว่าร่างรัฐธรรมนูญจะรับหรือไม่รับในวันที่ 6 ก.ย.58 ซึ่งก็ไม่รู้ว่าปัญหาอยู่ตรงไหนว่าจะรับหรือไม่รับ รัฐธรรมนูญของประเทศต้องเป็นประชาธิปไตยที่เป็นสากล วันนี้จะรับหรือไม่รับก็ต้องรอดู

 

"วันนี้เรื่องรับหรือไม่รับก็มีข่าวเข้ามาสองสาย สายหนึ่งบอกนายกฯรับ อีกสายบอกว่านายกฯไม่รับ ซึ่งยังไม่รู้เลยว่าสองสายนี้มาจากใครยังไม่รู้เลย สรุปว่าผมเหยียบเรือสองแคมอย่างนั้นหรือ ซ้ายก็ได้ ขวาก็ได้ ผมไม่ได้มีอะไรกับใครอยู่แล้วและไม่เคยไปขอหรือสั่งอะไรกับใคร ขอแค่ 5 ปีให้เดินยุทธศาสตร์ชาติได้ แค่นี้ก็ยังให้กันไม่ได้ วันนี้ถ้าร่างรัฐธรรมนูญผ่านไปก็ดำเนินการตามขั้นตอนต่อ คือการทำประชามติ ออกกฎหมายลูก และเลือกตั้งในปี 2559 ยืนยันว่า คสช.และผมไม่ได้ประโยชน์อะไร ที่ผ่านมามีแต่ปวดหัวตลอดเวลา มีการเสนอโครงการต่างๆเข้ามาตลอดเวลา ถ้าได้ทำมาตั้งแต่เดิมป่านนี้ประเทศไทยเจริญไปไกลถึงดาวไหนๆแล้ว แต่วันนี้ยังเป็นแค่บ้องไฟอยู่เลย วันนี้การขับเคลื่อนสำคัญที่สุดทั้งภาครัฐ เอกชน ตำรวจ ประชาชน และมีการเมืองที่สร้างสรรค์ ซึ่งถือว่าวันนี้การเมืองเราสร้างสรรค์แล้ว มีคนบอกว่าผมเป็นนักการเมืองแล้วแต่ยืนยันว่าไม่ใช่ ผมยังเป็นนักการทหาร เพียงแต่เข้ามาทำหน้าที่นัการเมืองบริหารงานของภาครัฐเท่านั้น" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ขับเคลื่อนนโยบายเร่งรัดการปฏิบัติและบูรณาการการทำงานร่วมกัน เพราะที่ผ่านมาไม่สามารถทำงานร่วมกันได้อาจจะเป็นเพราะประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ มีพรรคการเมืองเข้ามาแบ่งแยกกระทรวงกันบริหาร ทำให้การทำงานทับซ้อนกันต่อไปไม่ได้ อย่างงบประมาณปี 2557-2558 ก็ต้องบูรณาการร่วมกันโดยเฉพาะด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้การทำงานครอบคลุมชัดเจน ซึ่งปัญหาก่อนหน้านี้ที่พบ คือไม่รู้จักหน้าที่ตัวเอง และฝ่ายการเมืองเข้ามายุ่งเกี่ยว ซึ่งเป็นห่วงส่วนราชการ หากตนเองไม่อยู่จะทำกันอย่างไร ข้าราชการเองก็ต้องเตรียมตัว เช่น การแต่งตั้งวางตัวบุคคลให้ถูกต้อง ส่วนเรื่องกฎหมายก็ต้องมีความขัดเจนอย่าให้คลุมเครือ อย่าทำให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้ประโยชน์ ต้องยึดกฎหมายเดียวกัน ข้าราชการเป็นส่วนสำคัญเราสามารถช่วยได้ในการสร้างจริตสำนึกให้ประเทศชาติมั่นคง

 

"ให้นักการเมืองคิด ผมไม่ใช่นักการเมือง คนที่อยู่กับผมก็ไม่ใช่นักการเมือง ทั้งที่เป็นพลเรือน ทั้งข้าราชการ ตำรวจ ทหาร และบางอย่างที่สร้างความขัดแย้งสร้างความสุดโต่ง พวกที่คิดว่าว่ามันต้องแบบนั้นต้องแบบนี้การคิดแบบนี้คือการสร้างวัฒนธรรมที่ผิด ผมไม่ได้บอกว่าต้องเชื่อทุกอย่าง แต่เราต้องพูดกันด้วยเหตุด้วยผล ที่ผ่านมาเคยเห็นนักการเมืองมาพูดแบบนี้หรือไม่ ผมพูดได้ทุกเรื่องเพราะผมไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น ใครที่จะอยู่เบื้องหลังอยู่ใต้เท้า ผมไม่มี จำไว้ว่าทุกคนในนี้ถ้าอยากเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในอนาคตอย่าทำในที่สิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะถ้าทำวันนี้ วันหน้าทุกคนจะเสียความภาคภูมิใจ ไปเป็นนายเขาก็ไม่มีใครนับถือ เพราะเขาก็รู้เช่นเห็นชาติกันหมด ถึงมีตำแหน่งก็ยังไม่มีอะไร แล้วสุดท้ายวันหน้าเราจะเป็นคนที่สร้างประวัติศาสตร์อันเลวร้ายให้ประเทศ ให้ลูกหลาน วันนี้มีปัญหาเราต้องช่วยกันแก้ ส่วนยุทธศาสตร์รัฐบาลจะเร่งเดินหน้ายุทธศาสตร์เหล่านี้ 20 ปี แต่พอผมจะทำแค่ 5 ปีก็บ่นกันแล้ว ที่ผมบอกว่าจะทำยุทธศาสตร์ 20 ปีเขาก็ไม่เข้าใจ ก่อนหน้านี้ที่จะมีความขัดแย้งเขาบอกว่าต้องปฏิรูปต้องปรองดอง วันนี้เขากลับมาถามว่าเราปฏิรูปอะไร บอกว่าวันนี้รัฐบาลเข้ามาไม่ปฏิรูปอะไรเลย เขาไม่ได้ทำกับผมนี่ ผมยอมรับว่าเหนื่อย เหนื่อยกันทั้งรัฐบาล เหนื่อยกันทุกคนไม่เคยได้หยุดพัก ใครที่มาอ้างว่าได้เงินมากมาย ไปหามาแล้วมาบอกผม วันนี้ไม่ใช่เวลาที่มันจะมาทะเลาะกัน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้มีปัญหาเรื่องงบประมาณภาครัฐ เรื่องภาษี และการทุจริตคอร์รัปชั่น โครงสร้างเศรษฐกิจอ่อนแอ ความสามารถแข่งขันน้อย ก่อนเข้ามาตนเองไม่เคยรู้ว่ามีปัญหา เพราะเห็นรัฐบาลบริหารมีเงินทองเยอะ ใช้ในส่วนที่ผิดกฎหมายก็เยอะ สิ่งที่รั่วไหลออกไปทำให้ประเทศติดกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ส่วนคนรวยก็ไปอยู่ต่างประเทศตั้งหลายคน แต่ใช้เงินไม่ได้ทั้งหมดนี้ต้องช่วยกันสร้างจิตสำนึกต่อต้านการโกง

 

"วันนี้มีการใช้โซเชียลมีเดีย เพื่อทำร้ายกันมาก ผมไม่ยอมอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเขาอยู่ต่างประเทศ ตอนนี้กำลังหามาตรการอยู่ ถ้าอยู่ต่างประเทศแล้วยังทำอยู่ต่อไป ทั้งคลิปหรืออะไร อยู่ได้อยู่ไปวันนี้ก็ถอนพาสปอร์ตแล้วก็ยังทำอยู่ พวกนี้คิดจะไม่กลับมาแล้ว คิดทำลายให้หมดประเทศไทย อย่าอยู่เป็นสุขกันเลย ก็คิดกันแบบนี้พวกวางระเบิดทั้งหลายในช่วงก่อนหน้านี้ ไอ้คนเหล่านี้เป็นคนใจร้าย แสดงว่าบ้านเมืองเรายังไม่สงบ ทั้งปัจจัยภายในและภายนอกจึงต้องขอความร่วมมือกับทุกท่าน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

อินโฟเควสท์ โดย ฐานิสร์ ทองนอก/ธนวัฏ/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq02/2243549

 

วิษณุตอบกระทู้สนช.ยันฟ้องแพ่งจำนำข้าวเสร็จอย่างช้าต้นปี 59 ทันก่อนหมดอายุความ

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 3 กันยายน 2558 12:39:48 น.

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนนช.) หลังนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาต (สนช.) ตั้งกระทู้ถามสดเรื่องความคืบหน้าการดำเนินคดีทางแพ่งต่อผู้กระทำความผิดโครงการรับจำนำข้าวว่า รัฐบาล มีแนวทางการดำเนินการทางแพ่งต่อผู้กระทำผู้กระทำความผิด อย่างไร และคดีจะหมดอายุความเมื่อไหร่

 

 

 

สำหรับโครการทุจริตคดีจำนำข้าวแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ 1. คดีทางการเมือง คือเรื่องถอดถอนซึ่งป.ป.ช. และ สนช. ทำเสร็จเสิ้นกระบวนการนั้นแล้ว 2. การส่งเรื่องฟ้องศาลอาญาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งดำเนินการแล้ว และ 3 การฟ้องทางแพ่ง เพื่อเรียกค่าสินไหมทดแทนจากผู้รับผิดชอบ

 

สำหรับในส่วนการฟ้องแพ่ง ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ต้องใช้หลักนิติธรรม ไม่ใช้อารมรณ์ ต้องใช้หลักกฎหมายดำเนินการ ซึ่งมีกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สองฉบับคือ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ และ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับความผิดเกี่ยวข้องเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งจะต้องเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงเพื่อป้องกันคข้อครหา และป้องกันไม่ให้เสียรูปคดีในอนาคต

 

นายวิษณุ กล่าวว่า ตามหลักกฎหมายแล้วขั้นตอนแรก จะต้องตั้งกรรมการชุดหนึ่งขึ้นมาสอบข้อเท็จจริงและส่งเรื่องต่อไปยังชุดที่สองที่ คือคณะกรรมการรับผิดทางแพ่ง โดยคดีนี้มีผู้เกี่ยวข้อง 2 กล่ม กลุ่มแรกมีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ คนเดียว และ กลุ่มที่ 2 มีเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ 6 คน ส่วนเอกชนที่เกี่ยวข้องแยกฟ้องออกไปต่างหากไม่เกี่ยวข้องกัน ซึ่งทั้งสองชุดนี้เดิมต้องทำให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.แต่มีการขอต่อเวลาออกไป เนื่องจากผู้ที่ต้องให้ถ้อยคำขอขยายเวลา หากเสร็จก็จะส่งต่อไปยังคณะกรรมการชุดที่ 2 เพื่อที่จะพิจารณาว่าจะฟ้องใครเป็นเงินเท่าไหร่

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น เมื่อกรรมการชุดที่สองพิจารณาเสร็จ ก็จะส่งเรื่องคืนไปยังนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะที่เซ็นตั้งกรรมการสอบ สมมติว่าหากเห็นชอบให้เรียกค่าสินไหมทดแทน ก็ระบุชื่อว่ามีใครบ้าง ทั้งอดีตนายกฯ และ เจ้าหน้าที่รัฐ 6 คน ซึ่งอายุความคดีนี้อยู่ที่ 2 ปี ครบ ก.พ.2560 แต่เชื่อว่าจะเสร็จสิ้นได้ภายในปลายปี 2558 หรือ อย่างช้าต้นปี 2559 ทั้งนี้ ถ้าพบว่ามีบุคคลดังกล่าวมีความผิด รัฐจะไม่ฟ้องแต่รัฐจะสั่งให้ชำระหนี้เหมือนคำสั่งยึดทรัพย์ ตรงนี้ ผู้ที่ทำผิดสามารถไปยื่นอุทธรณ์คำสั่งได้ ซึ่จะไม่กระทบอายุความ ส่วนเอกชนแยกออกไปฟ้องต่างหากแม้อายุความจะน้อยกว่าแค่ 1 ปี แต่ไม่ต้องตั้งคณะกรรมการสอบยกเว้นจะพบความผิดเชื่อมโยงกับสองกลุ่มก็ค่อยเรียกมาสอบเพิ่มเติมได้ ดังนั้นเชื่อว่าจะไม่กระทบอายุความเช่นกัน

 

อินโฟเควสท์ โดย รฐฦ/นิศารัตน์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq02/2243189

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายกฯ เผยเซ็นถอดยศทักษิณแล้ว,ยกเลิกพาสปอร์ตจาตุรนต์เหตุขัดคำสั่ง คสช.

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 3 กันยายน 2558 14:06:39 น.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เผยได้ลงนามในหนังสือคำสั่งถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตามที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ได้เสนอเรื่องมา ขณะนี้รอเจ้าหน้าที่จัดทำเอกสารให้เรียบร้อยเพื่อที่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป ส่วนการยืดคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์นั้นจะมีการพิจารณาตามกฏหมายอีกครั้ง

 

 

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การถอดยศตำรวจและทหารถือเป็นเรื่องปกติ แต่ทุกคนให้ความสนใจกับการถอดยศของอดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้บ้านเมืองก้าวไม่พ้น และกรณีนี้ไม่ใช่เป็นการต่อสู้ แต่ถือว่าเป็นบุคคลที่ทำผิด ซึ่งหากเข้ามาในประเทศก็พร้อมจับกุม หรือหากส่งเสริมให้คนอื่นทำความผิดก็ต้องจับกุมเช่นกัน ดังนั้นขอสื่ออย่าเปิดพื้นที่ขยายความเรื่องนี้

 

"อย่าไปสนใจชื่ออะไร ถ้าผิดก็ปลดทั้งหมด ถอดยศหมดอยู่แล้ว ที่ผ่านมาไม่ใช่ไม่ถอด แต่หกเจ็ดร้อยคนไม่สนใจ เพราะชื่อโนเนม บังเอิญเป็นคนนี้ยุ่งไม่เลิก ก้าวไม่พ้นซักทีให้ความสำคัญไปเรื่อย ก็สู้อยู่แบบนี้ ลองไม่สนใจซัก 10 วันจะตายหรือไม่...ผมไม่ได้สู้กับใคร ถ้าเข้ามาก็จับ ไปส่งเสริมใครทำความผิดก็จับ กำลังทำอยูทั้งหมด" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

ส่วนกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศยกเลิกหนังสือเดินทางของนายจตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทยนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นายจตุรนต์ทำผิดหลายครั้ง และยังมีคดีความอยู่หลายคดี และจะอีกหลายคนที่ถูกดำเนินการในลักษณะเดียวกัน โดยการพิจารณาในส่วนคนอื่นๆนั้นจะพิจารณาด้วยตนเอง แต่จะให้ความเป็นธรรมมากที่สุด โดยดูจากพฤติกรรม หากมีการตักเตือนหลายครั้งแล้วแต่ยังไม่เชื่อฟังก็ต้องถูกลงโทษ

 

"ประเทศชาติเป็นของผมคนเดียวเหรอ ผมมีหน้าที่ทำให้ประเทศเป็นหนึ่งเดียวสงบสุข เดินหน้าประเทศหน้าที่ผม หน้าที่ท่านจะอยู่อย่างไรไปคิดมา เขาคิดมาให้แล้ว เขาคิดมาให้ก็ไม่เอาอีก จะเอาสู่ประชาธิปไตยเต็มที่ก็เอาสิ ไปตัดสินใจกันเองเองผมมีเวลาเท่านี้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ห้ามไม่ให้นักการเมืองออกมาแสดงความเห็นในเรื่องรัฐธรรมนูญ หรือออกมาต่อต้านการทำงานของรัฐบาล

 

"ทุกประเทศในโลก ถ้าเป็นประชาธิปไตย 100 เปอร์เซ็นต์ใครอยากจะพูดอะไรก็พูดได้ แต่วันนี้มันไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ก็รู้อยู่ เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่ออกมาพูดสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาล ผมถือว่าสนับสนุนกระบวนการโรดแมป แต่ถ้ามาต่อต้านผมมันทำให้โรดแมปไปไม่ได้ ต้องแยกแยะให้ออกจากกันให้ได้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่อยากให้ทุกคนคิดแต่เพียงว่ารัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่านเท่านั้น และอยากให้ศึกษารายละเอียดในรัฐธรรมนูญให้ครบทุกมาตรามากกว่าจะมาสนใจเพียงไม่กี่มาตราเท่านั้น

 

"สิ่งที่อยากจะเตือน รัฐธรรมนูญมีหลายหมวดหลายมาตรา ไม่ใช่ดูเฉพาะ 1 2 3 4 5 ถ้าพูดว่าไม่เป็นประชาธิปไตยก็ไม่เป็นอยู่แล้ว พูดให้เป็นมันก็ไม่เป็น แต่ความชั่วร้ายที่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบมีหรือไม่...ถ้าจะถามแค่ว่าจะรับหรือไม่รับ วันนี้ทะเลาะเรื่องรับ พรุ่งนี้ทะเลาะกันเรื่องไม่รับ มันได้อะไรขึ้นมา ถามผมผมกำหนดกติกา ผมทำแบบนี้ ทำแทบจะเป็นอาหารให้กินแล้ว ยังไม่เลือกจะกินอีก จะไปทำใหม่ก็ไปกินที่อื่น เพราะฉะนั้นไปเปิดร้านอาหารหากินเอาเอง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

อินโฟเควสท์ โดย ฐานิสร์ ทองนอก/ธนวัฏ/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq02/2243314

 

ป.ป.ช.มีมติส่งอัยการสุงสุดดำเนินคดีอาญาเอกชนไทย-จีนทุจริตขายข้าวจีทูจี

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 3 กันยายน 2558 16:43:37 น.

นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาผลไต่สวนเรื่องกล่าวหานายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ กับพวก รวม 111 รายว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น กรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าว ซึ่งตนเองเป็นประธาน โดยมีมติเกี่ยวกับผู้ถูกกล่าวหาที่เหลืออีก 2 กลุ่ม ได้แก่

 

 

 

กลุ่มแรก Guangdong stationery & sporting goods imp. & exp. Corp., Ms.Luo Wensui General Manager, Mr.Chen Li Purchase Manager, Mr.Lam Win Coordinator,Hainan grain and oil industrial trading company, Mr.Lin Haihui Deputy General Manager และ Mrs.Zhou Jing Coordinator ร่วมกับผู้ถูกกล่าวหารายอื่นที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิดไปแล้วในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา, พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญากับผู้ถูกกล่าวหาตามฐานความผิดดังกล่าวข้างต้นตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 97 ต่อไป

 

กลุ่มที่สอง ห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงสีกิจทวียโสธร, นายทวี อาจสมรรถ หุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดโรงสีกิจทวียโสธร, บริษัท กิจทวียโสธรไรซ์ จำกัด, นายทวี อาจสมรรถ กรรมการบริษัท กิจทวียโสธรไรซ์ จำกัด, บริษัท เค.เอ็ม.ซี.อินเตอร์ไรซ์(2002) จำกัด, นายปกรณ์ ลีศิริกุล กรรมการบริษัท เค.เอ็ม.ซี.อินเตอร์ไรซ์(2002) จำกัด, บริษัท เจียเม้ง จำกัด และนางประพิศ มานะธัญญา กรรมการบริษัท เจียเม้ง จำกัด ได้สนับสนุนการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ อันมีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา, พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญากับผู้ถูกกล่าวหาตามฐานความผิดดังกล่าวข้างต้น ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 97 ต่อไป

 

ส่วนผู้ถูกกล่าวหาที่เหลือในชั้นนี้ยังไม่ปรากฏพยานหลักฐานที่จะรับฟังได้ว่ามีการกระทำความผิดตามข้อกล่าวหาจึงเห็นควรให้ข้อกล่าวหาตกไป

 

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 ม.ค.58 คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิดนายบุญทรง กับพวก รวม 22 ราย กรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ(G to G) ว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา, พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ซึ่งอัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ประทับฟ้องคดีดังกล่าวไว้พิจารณาแล้ว

 

อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq02/2243445

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...