ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

3144264f0d982c52ef332efa30ecbd9b.jpg

สวัสดีปีใหม่จ้า ขอให้พรจากฟ้าสัมฤทธิ์ผลตลอดไป

 

มีความสุข แข็งแรง เจริญงดงาม มีธรรม สติ ปัญญาในการใช้ชีวิต โชคดีในการลงทุนทุกท่าน

 

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 35.89 แนวโน้มอ่อนค่าหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ หนุนดอลล์แข็ง

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 4 มกราคม 2560 09:12:09 น.

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 35.89 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่า

 

 

 

จากปิดตลาดเย็นวันสุดท้ายของปีก่อนที่ระดับ 35.82 บาท/ดอลลาร์ โดยดอลลาร์กลับมาแข็งค่าหลังได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเกี่ยว

 

กับการผลิตของสหรัฐฯ ออกมาดี

"เงินบาทอ่อนค่า โดยช่วงที่ปิดทำการดอลลาร์กลับมาแข็งค่าเนื่องจากตัวเลขการผลิตของสหรัฐฯ ออกมาดี" นักบริหาร

 

เงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบวันนี้ไว้ระหว่าง 35.85-35.95 บาท/ดอลลาร์

"บาทมีแนวโน้มอ่อนค่า ภายในสัปดาห์นี้มีโอกาสไปแตะ 36.00 (บาท/ดอลลาร์)" นักบริหารเงิน กล่าว

 

*ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ 117.91 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 117.09 เยน/ดอลลาร์

- เงินยูโรอยู่ที่ 1.0398 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.0521 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารอยู่ที่ระดับ 35.8200 บาท/ดอลลาร์

 

- กระทรวงพาณิชย์ แถลงอัตราเงินเฟ้อเดือนธันวาคม 2559

- ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์นี้ (4-6 ม.ค.)ที่ 35.70-36.10 บาทต่อ

 

ดอลลาร์ฯ โดยจุดสนใจของตลาดน่าจะอยู่ที่ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ อาทิ ตัวเลขการจ้าง

 

งานนอกภาคเกษตร ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนธ.ค. ยอดสั่งซื้อของโรงงาน รายจ่ายด้านการก่อสร้างเดือนพ.ย.

 

นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามรายงานดัชนี PMI เดือนธ.ค. ของประเทศชั้นนำอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

 

- ธนาคารซี ไอเอ็มบี ไทย คาดว่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ ( 3-6 ม.ค.) จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 35.80-36.20

 

บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยคาดว่าดอลลาร์สหรัฐฯยังมีแนวโน้มแข็งค่าเมื่อเทียบกับบาทรวมทั้งสกุลเงินอื่นๆส่วนใหญ่จากแนวโน้มการขึ้น

 

อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ

- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เชื่อว่าปี 2560 ธนาคารพาณิชย์จะเริ่มเผชิญภาวะต้นทุนการเงินที่สูงขึ้น จากผลตอบแทน

 

พันธบัตรที่ปรับขึ้นมาตั้งแต่ปี 59 ต่อเนื่องถึงปี 60 ทำให้เริ่มเห็นธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก ซึ่งส่วนใหญ่ต้องระดมเงินทุนผ่านตลาดตรา

 

สารหนี้ เริ่มขยับขึ้นดอกเบี้ยบัญชีเงินฝากประจำ 3-12 เดือน เพื่อมาปล่อยสินเชื่อ ส่วนธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ยังไม่จำเป็นต้องแข่ง

 

ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากประจำมากนัก เพราะส่วนใหญ่มีต้นทุนเงินฝากที่มีระดับต่ำเหลืออยู่

 

- กระทรวงพาณิชย์กำลังศึกษาราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในเวลานี้ ว่ามีผลกระทบต่อต้นทุนราคาสินค้ามาก

 

น้อยเพียงใด เบื้องต้นจับตาที่ราคาน้ำมันดีเซล เป็นหลักก่อน หากราคายังปรับเพิ่มขึ้นไม่เกินลิตรละ 30 บาท น่าจะยังไม่มีผลกระทบ

 

ต่อราคาสินค้าให้ต้องปรับเพิ่มขึ้นเท่าใดนักแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใดโดยคาดว่าตั้งแต่ต้นปี 60 เป็นต้นไปจะเฝ้าติดตาม

 

ราคาสินค้าอย่างใกล้ชิดว่าได้รับผล กระทบจนทำให้ต้องขอปรับขึ้นราคาสินค้าอย่างไรบ้าง

 

- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมรัฐวิสาหกิจประเดิมรายใหญ่งบลงทุนเกิน 2 พันล้านบาท-จี้

 

กฟผ.-ปตท.-ทอท.-รฟท.เบิกจ่ายงบประมาณให้ได้ 95% ตามกรอบงบประมาณปี'60 หวังกระตุ้นเศรษฐกิจได้ 0.3-0.4% หลังปีก่อน

 

ท่าอากาศยานไทยลงทุน วืดเป้า-สุวรรณภูมิ เฟส 2 เดินหน้าไม่ได้

- โฆษก คสช.เผย “บิ๊กตู่” ยึดโรดแมปเดิม ตามตารางเวลาเดิม เลือกตั้งปี’60 ด้าน “เสรี” ชี้ยังไม่มีข้อสรุปใช้

 

ม.44 นิรโทษกรรมชุมนุมทางการเมือง หวั่นเจอแรงต้าน หลังจากสองพรรคการเมืองใหญ่ทั้งพรรคเพื่อไทย(พท.) และพรรคประชาธิ

 

ปัตย์(ปชป.) ออกมาประสานเสียงคัดค้านการเลื่อนเลือกตั้งไปกลางปี 2561

- ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM ปรับตัวขึ้น 1.5% สู่

 

ระดับ 54.7 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2014 โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 53.2 ในเดือนพ.ย.

 

- ผลการสำรวจของไอเอชเอส มาร์กิต/ซีไอพีเอส ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนธ.ค.

 

ของสหราชอาณาจักร ขยายตัวสู่ระดับ 56.1 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2014 จากระดับ 53.6 ในเดือนพ.ย. และสูง

 

กว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าดัชนีจะปรับตัวลงสู่ระดับ 53.1

- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.)

 

เพราะได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนขานรับรายงานของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งระบุ

 

ว่า ภาคการผลิตของสหรัฐขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือนธ.ค. โดยดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 117.65 เยน

 

จากระดับ 116.83 เยน และยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0410 ดอลลาร์จากระดับ 1.0527 ดอลลาร์

 

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรในการซื้อขายวันแรกของ

 

ปี 2560 แม้ตลาดได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ในระหว่างวันก็ตาม

- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสรหัฐในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งได้แก่ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนธ.ค.จากสถาบัน

 

จัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ยอดขายรถยนต์เดือนธ.ค. และรายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน

 

ของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC)

--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2579055

 

ราคาทองในประเทศเช้านี้ปรับขึ้นบาทละ 200 ตามตปท.หลังดอลล์แข็ง

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 4 มกราคม 2560 09:59:13 น.

ราคาทองคำในประเทศเปิดทำการวันแรกของปีนี้ปรับตัวขึ้นบาทละ 200 บาท โดยล่าสุดเมื่อเวลา 09.30 น. สมาคมค้าทองคำ รายงานราคาทองคำแท่ง รับซื้อเข้าบาทละ 19,650.00 ขายออกบาทละ 19,750.00 ขณะที่ราคาทองรูปพรรณ รับซื้อเข้าบาทละ 19,298.68 ขายออกบาทละ 20,250.00

 

บริษัท คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า เช้านี้ราคาเคลื่อนไหวบริเวณ 1,158 เหรียญ ราคาทองคำเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงแม้ยังมีปัจจัยกดดันอยู่มากมาย โดยเฉพาะค่าเงินดอลลลาร์ที่แข็งค่าต่อเนื่องในรอบกว่า 14 ปี รวมทั้งแรงขายของกองทุน SPDR ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดขายและเปลี่ยนกลับมาเป็นฝั่งซื้อ และตัวเลขภาคการผลิตของสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาดีขึ้นต่อเนื่อง แต่ราคาทองเริ่มเห็นการฟื้นตัวและสามารถขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ โดยสัปดาห์นี้ต้องติดตามตัวเลขภาคการจ้างงานที่จะช่วยหนุนสินทรัพย์ปลอดภัยได้หรือไม่ หลังจากสินทรัพย์ปลอดภัย เช่นทองคำ เริ่มเห็นการดีดกลับได้

 

 

 

--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2579097

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: แรงซื้อเก็งกำไร หนุนทองปิดพุ่ง 10.3 ดอลลาร์

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 4 มกราคม 2560 07:27:59 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรในการซื้อขายวันแรกของปี 2560 แม้ตลาดได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ในระหว่างวันก็ตาม

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 10.3 ดอลลาร์ หรือ 0.89% ปิดที่ระดับ 1,162.00 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 42 เซนต์ หรือ 2.63% ปิดที่ 16.409 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 38.5 ดอลลาร์ หรือ 4.25% ปิดที่ 944.20 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 26.65 ดอลลาร์ หรือ 3.9% ปิดที่ 709.90 ดอลลาร์/ออนซ์

 

นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำเพื่อเก็งกำไรในการซื้อขายวันแรกของปี 2560 ซึ่งส่งผลให้สัญญาทองคำปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค.2559 แม้ในระหว่างวันนั้น สัญญาทองคำได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าก็ตาม

 

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก ได้กระตุ้นให้นักลงทุนบางส่วนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า

 

ทั้งนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM ปรับตัวขึ้น 1.5% สู่ระดับ 54.7 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2558 โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 53.2 ในเดือนพ.ย.

 

ขณะที่ผลการสำรวจของไอเอชเอส มาร์กิต ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ขยายตัวสู่ระดับ 54.3 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 21 เดือน

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2578879

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดร่วง $1.39 เหตุเงินดอลล์แข็งสกัดแรงซื้อ

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 4 มกราคม 2560 07:10:34 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% เมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งได้ฉุดสัญญาน้ำมันดิบปิดตลาดร่วงลง หลังจากที่สัญญาน้ำมันทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งในระหว่างวัน อันเนื่องมาจากความคาดหวังที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะร่วมมือกันปรับลดกำลังการผลิตในปีนี้

 

 

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 1.39 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 52.33 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค.ดิ่งลง 1.35 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 55.47 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบปิดตลาดร่วงลง เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเมื่อดอลลาร์แข็งค่านั้น จะส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบมีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ

 

ในระหว่างวันนั้น สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเหนือระดับ 55 ดอลลาร์/บาร์เรล แตะที่ระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือน เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่า กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะร่วมมือกันปรับลดกำลังการผลิตในปีนี้ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาน้ำมันล้นตลาด

 

ทั้งนี้ ในการประชุมกลางเดือนธ.ค. ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ได้ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง 558,000 บาร์เรล/วัน โดยรัสเซียจะปรับลดกำลังการผลิต 300,000 บาร์เรล/วัน ในขณะที่กลุ่มโอเปกได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน ในการประชุมเมื่อวันที่ 30 พ.ย. โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.2017 และมีกำหนดเป็นเวลา 6 เดือน

 

ทางด้านโอมาน ซึ่งเป็นประเทศนอกกลุ่มโอเปกแจ้งแก่ลูกค้าว่าจะลดการส่งมอบน้ำมันดิบลง 5% โดยเริ่มต้นในเดือนมี.ค.

 

นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ ทั้งข้อมูลจากการปิโตรเลียมสหรัฐ (API) และสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2578878

 

 

 

Xinhua world news summary: ศาลเดนมาร์กปัดคำอุทธรณ์ปล่อยตัวบุตรสาวเพื่อนสนิท ปาร์ค กึน เฮ

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 4 มกราคม 2560 09:51:22 น.

สถาทีโทรทัศน์อัล-มายาดีน รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตชีวิตอย่างน้อย 40 รายจากเหตุโจมตีทางอากาศฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏจาบัต ฟาเตห์ อัล-ชาม หรือชื่อเดิมคือ กลุ่มนุสรา ฟรอนท์ กลุ่มกบฏซึ่งมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มอัลกออิดะห์ ในพื้นที่ทางตอนเหนือของซีเรียซึ่งอยู่ติดกับชายแดนตุรกี

 

-- สำนักข่าวโดแกนรายงานว่า รัฐสภาตุรกีได้อนุมัติให้ขยายเวลาประกาศภาวะฉุกเฉินในตุรกีไปอีก 3 เดือน

 

 

 

-- ทีมงานช่วงเปลี่ยนผ่านของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐเปิดเผยว่า นายทรัมป์แต่งตั้งนายโรเบิร์ต ไลไธเซอร์ อดีตเจ้าหน้าที่การค้าในรัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ให้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้แทนการค้าสหรัฐในวาระของนายทรัมป์ ซึ่งจะเริ่มขึ้นวันที่ 20 ม.ค.นี้

 

-- ศาลสูงตะวันตกแห่งเดนมาร์กปฏิเสธไม่ยอมรับคำอุทธรณ์ของน.ส.ชุง ยู รา บุตรสาวของนางชเว ชุน ซิล เพื่อนคนสนิทของปาร์ค กึน เฮ ซึ่งถูกรัฐสภาเกาหลีใต้ลงมติถอดถอนออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี โดยก่อนหน้านี้ศาลเดนมาร์กมีคำสั่งให้ควบคุมตัวน.ส.ชุงเป็นเวลา 4 สัปดาห์ในข้อหาเป็นอาชญากรทางเศรษฐกิจ สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2579085

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

HSHsocial

 

รายการวิเคราะห์ทองมองเทรน 90 วินาที 2017 01 04

 

MTS GOLD GROUP

 

 

:01 :01 :01

สวัสดีปีใหม่จ้า ผู้ใหญ่ทุกท่าน เพื่อนทุกเพจ เพื่อน พี่น้อง news wannn meng Goldleng Google jainu น้อย

อยากเล่นด้วยคน ตังเม ... .... .... ..... ทุกท่าน.... ......

 

เปิดตลาดวันแรกทองเหวี่ยงหลุด Stop ทั้งบนและล่างจากรูปแบบ Expand น่าจะทำให้ช่วงวันแรกๆ ยังจะจับทางยากและมีต้นทุนในการเข้า position สูงนิดๆ น่าจะเป็นช่วงที่เทรดแบบลืมประเด็นหลักเรื่องดอกเบี้ยไปก่อนซึ่งระยะสั้นถ้าทำฐานได้ดีมีลุ้นไปต่อไม่ลงต่ำกว่า 1152 1154 มีโอกาสลุ้นเบรก 1165 ไปเทสต์ 1172 1174 และ 1182 1185 เบรก 1165 ได้ค่อยซื้อตามท่านที่ซื้อไว้แล้วคงต้องใช้พ้อยท 1152 หรือ 1145 เป็นพ้อยท์ในการคัต ซึ่งถ้าฟื้นตัวได้จริงๆ ยังมองว่า 1200 และ 1240 เป็นจุดที่น่าขายลดพอร์ตถือยาวครับ

4 Jan, 2017

www.facebook.com/Wealthstation

@Wealthstation

15873105_1270206973017775_4889489470421390721_n.png?oh=dadcd0b8e612930c2d2eef3be593e69e&oe=591E5A7E

 

อยากจะเกริ่นนำสำหรับปี 2017 นี้เสียหน่อยเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักลงทุนทองคำในบ้านเรา พอดีว่าเห็นโพสต์ของเฟชบุ๊กคุณ chaipat Nengcomma ที่ตรงกับความคิดของผมก็เลยนำมาขยายความเพิ่มเติม เรื่องของการ Plan your Trade and Trade your Plan

เรื่องของการวางแผนนั้นสำหรับผู้เริ่มต้นผมว่ามันค่อนข้างนามธรรมมาก เวิ้งว้าง ไม่รู้จะจับต้องได้อย่างไร เริ่มที่ตรงไหน

ตัวกำหนดกรอบเบื้องต้นนั้นคือเราคือใคร เราเป็นร้านทองหรือนักลงทุน(นักเก็งกำไรระยะสั้นหรือระยะยาว) ส่วนตัวผมแล้วระยะสั้นนั้นคือจบในวันหรือในรอบ Swing ส่วนระยะยาวก็พวกซื้อแล้วเก็บไปเลยไม่ได้หวังเอามาใช้ซื้อข้าวกินแต่อย่างใด

สามคนนี้ต่างกันอย่างไร

สภาพของร้านทองนั้นมีเงื่อนไขผูกมัดอยู่ที่ต้องมีของไว้ขาย ขายไปต้องซื้อเข้า หรือในเรื่องของพอร์ตในร้าน(ที่รับจำนำไว้) การมีนโยบายในการดูแลสต็อกและพอร์ต ทำนองนั้นนี่คือแพลนของร้านทอง ไม่ได้ขึ้นกับการมุ่งเน้นกำไรเป็นสำคัญ แค่มีช่องให้เก็บค่าน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แค่นั้น

--------------------------------------------------------------------------

แต่สำหรับกลุ่มนักเก็งกำไร ภาพมันจะกว้างกว่านั้นเพราะไม่มีสถานะผูกพันจากการค้า แค่มองตลาดและเทรดไป หลักเบื้องต้นคือมองเทรนด์ว่าเป็นเทรนด์อะไรจะอยู่ข้างไหน buyer หรือ seller เน้นซื้อหรือเน้นขาย เน้นสวนเทรนด์หรือตามเทรนด์ ปัจจัยผลักดันตลาดเป็นบวกหรือเป็นลบ แล้วค่อยมองหาจุดได้เปรียบ ในการเปิด buy หรือ sell มันเริ่มง่ายๆ ที่เลือกข้างก่อน แล้วค่อยมองหาพ้อยท์เทรด จะเทรดแบบ Breakout เปิดเกมส์รุกหรือ ถอยตั้งรับหมายถึง ไปรับซื้อที่แนวรับรอ Sell ที่แนวต้าน พยายามเทรดในจุดที่ได้เปรียบ(จุดที่ Risk Reward มากๆ มากกว่าสามเท่าได้จะดี) และเลี่ยงจุดที่เสียเปรียบ แนวคิดของการวางแผนนั้นคือควรวางแผนให้รอบด้านและรอบคอบ พยายามนึกภาพของเหตุการณ์ที่จะเป็นไปตามที่คิดและในทางที่จะไม่เป็นอย่างที่คิด(อยู่ที่มีภาพในหัวมากแค่ไหน) แม้ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรก็พร้อมจะรับมือกับเหตุการณ์ที่ผิดคาดได้เสมอ อีกมุมหนึ่งของการวางแผนคือ เดาให้น้อยที่สุด เดามากก็เสี่ยงที่จะผิดมาก ไปเป็นขั้นเป็นตอนเหมือน Decision Tree ผ่านจุดนึงค่อยไปอีกจุดนึง

--------------------------------------------------------------------------

ส่วนตัวผมเองนั้นกับการมองทอง ผมเริ่มจาก drive ที่ผลักดันตลาดแล้วมองไปที่การซื้อขาย bias ข้างไหน จุดเปลี่ยนอยู่ตรงไหน สิ่งที่จะมาเปลี่ยนใจคนในตลาดทั้งบวกและลบ มีไหม มีอะไรบ้าง จุดได้เปรียบอยู่ตรงไหน wave นี้เป็นขึ้นหรือลง มีแนวราคาสำคัญตรงไหนพอที่จะทำให้ทิศทางมันจบ wave ถ้าจบแล้วจะรีบาวด์หรือกลับตัว รีบาวด์ได้แค่ไหน เกินกว่ารีบาวด์ได้ไหมแค่ไหนอย่างไร จบขารีบาวด์แล้วไงต่อ นิวโลว์หรือไซด์เวย์มีจุดคอนเฟิร์มและจุดเปลี่ยนของมันเสมอ จบฉากนึงค่อยว่ากันอีกฉาก มองข้ามชอตแต่ไม่แอ็กชั่นข้ามชอต

นอกจากนี้เรื่องของสุขภาพร่างกายและภาวะอารมณ์ก็สำคัญจิตใจปลอดโปร่ง สดใส อารมณ์ไม่ขุ่นมัวการตัดสินใจก็จะดีขึ้น ไม่กล้าเกินไปในเวลาที่กำไรมา ไม่กลัวเกินไปในจังหวะที่ได้เปรียบจริงๆ ถ้ามีสถานะอยู่แล้วยังนอนหลับก็ถือว่าผ่าน

Good Trade & Good Life และอย่าลืมทำตามแผน โชคดีปีใหม่ครับ

15823667_1270314356340370_6177666291998140091_n.png?oh=711c3fff9f3be99addc5baaed14822af&oe=58DB2CC6

 

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

15871495_10154907634562855_2227326126784143489_n.jpg?oh=8cd6f847a4971c9c225e349470a74ad3&oe=5918FA0C

15894417_10154907634582855_5145551070685196977_n.jpg?oh=f0f009e10b982135360406ac03b0bfff&oe=58E5A29E

ประชาชนจำนวนมากเข้าคิวรอเพื่อเข้ากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังในช่วงเย็น เมื่อวันที่4มกราคม2560

ภาพ อนันต์ จันทรสูตร์ (Anant Chantarasoot)

#NationPhoto #อนันต์จันทรสูตร์ #สักการะพระบรมศพ #พระบรมมหาราชวัง

 

 

15871937_10154909472687855_3914264906709823711_n.jpg?oh=157a866a1b392f7a462f38ed305ae68c&oe=591B45F0

พลตรี เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.พล.ม.2 นำข้าราชการ เจ้าหน้าที่ร่วมทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ ลานอเนกประสงค์ ภายใน พล.ม.2 สนามเป้า กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2560

ภาพ กุลพันธ์ ศิริพิมพ์อัมพร (Kunlaphun Siripimamporn)

 

 

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: เงินดอลล์อ่อน หนุนทองปิดบวก 3.3 ดอลลาร์

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 5 มกราคม 2560 07:48:51 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 ม.ค.) โดยได้รับปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งช่วยหนุนสัญญาทองคำปิดในแดนบวกติดต่อกัน 2 วันทำการ

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 3.3 ดอลลาร์ หรือ 0.28% ปิดที่ระดับ 1,165.30 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 14.3 เซนต์ หรือ 0.87% ปิดที่ 16.552 ดอลลาร์/ออนซ์

 

 

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 3 ดอลลาร์ หรือ 0.32% ปิดที่ 947.20 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 28.90 ดอลลาร์ หรือ 4.1% ปิดที่ 736.50 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาทองคำปิดบวกติดต่อกัน 2 วันทำการเมื่อคืนนี้ เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ช่วยให้สัญญาทองคำมีราคาที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ

 

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวลง 0.42% แตะที่ระดับ 102.78 เมื่อคืนนี้

 

นักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำเดือนของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการเปิดเผยหลังจากที่ตลาดทองคำปิดทำการแล้ว

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลแรงงานของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้ ADP จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐเดือนธ.ค. ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนในวันพรุ่งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนธ.ค.

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2579695

 

บทวิเคราะห์ราคาทองคำและ Gold Futures โดยคุณณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประจำพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม 2560 (ภาคเช้า)

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน ThaiPR.net -- พฤหัสบดีที่ 5 มกราคม 2560 10:00:50 น.

กรุงเทพฯ--5 ม.ค.--MTS Gold Group

ทิศทางราคาทองคำ

ราคาทองคำค่อยๆปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่ง ขณะที่รายงานประชุมเฟดมีท่าทีคุมเข้มทางการเงิน ด้านค่าเงินดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลงมาเล็กน้อย และเงินบาทปรับแข็งค่าลงมา ภาพรวมราคาทองคำยังคงปรับตัวสูงขึ้น และเช้านี้ทองคำปรับตัวขึ้นมาทดสอบแนวต้านสำคัญ 1,170 เหรียญเป็นครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์ ด้านกองทุนทองคำ SPDR ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม ปัจจุบันยังคงถือครองทองคำที่ระดับ 813.87 ตัน สำหรับคืนนี้ต้องติดตามการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ต้องติดตามในคืนนี้ ได้แก่ ADP Non-Farm Employment Change ที่คาดว่าจะออกมาแย่ลงเล็กน้อย ขณะที่Unemployment Claims ที่คาดว่าจะออกมาดีขึ้น และคาดว่าตลาดรอคอยผลการประกาศข้อมูล Non-Farm Payrolls ที่จะประกาศในวันพรุ่งนี้ โดยมีคาดการณ์ว่าจะปรับตัวลงเล็กน้อย

 

 

 

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค

ราคาทองคำทางเทคนิคระยะสั้นปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 โดยที่ราคาทองคำในระยะสั้นเริ่มกลับเป็นขาขึ้นอย่างช้าๆ ตามที่ได้วิเคราะห์ไปแล้ว ซึ่งที่ราคาทองคำจะมีแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,185 เหรียญ ขณะที่แนวรับขยับมาที่บริเวณ 1,161 เหรียญ สำหรับราคาทองคำไทยปรับขึ้นเช่นกันแต่ช้าลงเนื่องจากเงินบาทแข็งค่าลงมาแถวระดับ 35.80 บาท/ดอลลาร์โดยประมาณ ซึ่งทองคำไทยจะมีแนวรับ 19,600 บาท/บาททองคำ และแนวต้าน 19,900 บาท/บาททองคำ และแนวต้านสำคัญจะอยู่ที่ระดับ 20,000 บาท/บาททองคำ

 

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้

เก็งกำไรตามกรอบขาขึ้นระยะสั้นๆ ในภาพการลงทุนรายวัน

- นักลงทุนที่ถือ Long Position

ลงซื้อขึ้นขาย เก็งกำไรในกรอบระยะสั้น

- นักลงทุนที่ถือ Short Position

ปิดสถานะเมื่อราคาย่อตัวลงมา

กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading

ภาพหลักระยะยาวยังเป็นขาลง โดยการปรับขึ้นที่เกิดขึ้นเป็นเพียงลักษณะ Technical Rebound เท่านั้น

 

Gold Futures G17 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,900 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,100 บาท

Gold Futures J17 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,980 บาท และแนวต้านที่ระดับ 20,180 บาท

บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

 

MTS Research

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2579816

 

ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 35.80/82 แนวโน้มยังแข็งค่า ตลาดจับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ มองกรอบวันนี้ 35.75-35.85

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 5 มกราคม 2560 09:11:11 น.

นักบริหารเงิน ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 35.80/82 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าเล็ก

 

 

 

น้อยจากปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 35.80/85 บาท/ดอลลาร์

"ยังไม่มีปัจจัยอะไรโดดเด่น ตลาดรอตัวเลข Non Farm Payroll" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้กรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทจะอยู่ระหว่าง 35.75 - 35.85 บาท/

 

ดอลลาร์

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 116.65 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 117.80 เยน/ดอลลาร์

 

- ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0500 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่อยู่ที่ระดับ 1.0440 ดอลลาร์/ยูโร

 

- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารอยู่ที่ระดับ 35.8930 บาท/ดอลลาร์

 

- คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 59-60 ไว้ 3.2% ปรับเพิ่มการบริโภค

 

เอกชน ลงทุนภาครัฐ ลดลงทุนเอกชน-ส่งออก ห่วงการเมืองต่างประเทศฉุดเศรษฐกิจโลก ปัญหาการเงินยุโรป-จีนดึงคู่ค้าขยายตัว

 

ต่ำ มั่นใจระบบการเงินไทยรับมือผันผวนทั้งในและนอกได้ดี

- ทีป่ระชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบกลาง 125 ล้านบาท ทุ่มผลิตสื่อโฆษณาการพลิกโฉมประเทศสู่ ไทยแลนด์

 

4.0 พร้อมจัดงาน "Opportunity Thailand" 15 ก.พ.นี้ อวดศักยภาพไทยสู่สายตาชาวโลก หวังดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ

 

- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในปี 2560 ททท.ตั้งเป้าหมายสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว

 

2.77 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปี 2559 ที่คาดว่าจะมีรายได้ 2.52 ล้านล้านบาท

- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ประเมินยอดขายรถยนต์ป้ายแดงในปี 60 จะกลับมาฟื้นตัว โดยรถป้ายแดงน่าจะเติบโตได้

 

3-5% เช่นเดียวกับรถมือสองก็คาดว่าจะมียอดขายหมุนเวียนเพิ่มขึ้น 5% ขณะที่รถจักรยานยนต์เติบโต 3-5% หลังจากตลาดรถยนต์ใน

 

ปี 59 ที่ผ่านมา ได้อยู่ในช่วงต่ำสุดของรถป้ายแดงแล้วมียอดติดลบประมาณ 6-7%

- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค. โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้ม

 

ขยายตัวรวดเร็วขึ้นเนื่องจากมาตรการกระตุ้นการคลังของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ

 

- สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (4 ม.ค.) หลังจากสำนัก

 

งานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี ขณะที่

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนแรงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ แม้รายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุ

 

ว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวดเร็วขึ้น เพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อที่เป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นการคลังของนายโดนัลด์ ทรัม

 

ป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดยยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0463 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0410 ดอลลาร์

 

ส่วนดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 117.56 เยน จากระดับ 117.65 เยน

- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 ม.ค.) โดยได้รับปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์

 

สหรัฐ ซึ่งช่วยหนุนสัญญาทองคำปิดในแดนบวกติดต่อกัน 2 วันทำการ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 3.3 ดอลลาร์ หรือ 0.28% ปิดที่

 

ระดับ 1,165.30 ดอลลาร์/ออนซ์

- นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนธ.ค.

 

จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนธ.ค.โดยมาร์กิต และดัชนีภาคบริการเดือนธ.ค.โดยสถาบันจัดการด้าน

 

อุปทานของสหรัฐ (ISM)

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ทางการสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนธ.ค., ยอดนำเข้า,ส่งออก และ

 

ดุลการค้าเดือนพ.ย. และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ย.

--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq03/2579793

 

ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้น แต่อาจมีแรงขายทำกำไรระหว่างเทรด หลังเฟดมีแนวโน้มขึ้นดบ.ค่อยเป็นค่อยไป

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 5 มกราคม 2560 09:17:47 น.

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมองเป็นบวกอยู่ เพียงแต่ระหว่างทางอาจจะย่อตัวลงได้บ้างจากแรงขายทำกำไรหลังจากที่ดัชนีฯได้ปรับตัวขึ้นไปมากพอควรแล้ว เนื่องจากรายงานผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาแสดงให้เห็นว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ก็ปรับตัวขึ้นมาได้ ซึ่งวันนี้อาจได้เห็นกลุ่ม Commodity เข้ามาหนุนตลาดฯ

 

อย่างไรก็ดี ให้ติดตามตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯในคืนวันศุกร์นี้ ส่วนตัวเลขเงินเฟ้อของไทยที่ปรับตัวสูงขึ้นแต่ก็ยังอยู่ในกรอบที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ วันนี้อาจเป็นวันแรกที่ทางกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) จะขายบางส่วนออกมา ซึ่งเฉลี่ยรอบนี้ที่จะขายออกมาก็ประมาณ 5-6 พันล้านบาท แต่ตลาดฯก็ยังมี Upside เพียงแต่อาจมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง

 

พร้อมให้แนวรับ 1,558-1,550 จุด ส่วนแนวต้าน 1,570-1,580 จุด

 

 

--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/วิลาวัลย์ โทร.02-2535000 อีเมล์: wilawan@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2579798

 

(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นแต่อาจมีขายทำกำไร เฟดมีแนวโน้มขึ้นดบ.ค่อยเป็นค่อยไป

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 5 มกราคม 2560 09:43:32 น.

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมองเป็นบวกอยู่ เพียงแต่ระหว่างทางอาจจะย่อตัวลงได้บ้างจากแรงขายทำกำไรหลังจากที่ดัชนีฯได้ปรับตัวขึ้นไปมากพอควรแล้ว เนื่องจากรายงานผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงให้เห็นว่าเฟดยังคงจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ก็ปรับตัวขึ้นมา โดยวันนี้อาจได้เห็นกลุ่ม Commodity เข้ามาหนุนตลาดฯ

 

 

 

อย่างไรก็ดี ให้ติดตามตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯในคืนวันศุกร์นี้ ส่วนตัวเลขเงินเฟ้อของไทยที่ปรับตัวสูงขึ้นแต่ก็ยังอยู่ในกรอบที่กำหนดไว้

 

ทั้งนี้ วันนี้อาจเป็นวันแรกที่ทางกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) จะขายบางส่วนออกมา ซึ่งเฉลี่ยรอบนี้ที่จะขายออกมาก็ประมาณ 5-6 พันล้านบาท ดังนั้น ตลาดฯยังมี Upside เพียงแต่อาจมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง

 

พร้อมให้แนวรับ 1,558-1,550 จุด ส่วนแนวต้าน 1,570-1,580 จุด

ขณะที่บทวืเคราะห์ของ บล.ทรีนิตี้ มองว่า จากรายงานการประชุมเฟดรอบล่าสุดจะเห็นได้ว่าคณะกรรมการยังคงกังวลกับความไม่แน่นอนของนโยบายการคลังในช่วงถัดไป ซึ่งหมายความว่าจะทำให้นโยบายการเงินของเฟดมีความไม่แน่นอนสูงไปด้วย

 

อย่างไรก็ดี พอจะคาดเดาได้ว่าในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ คงจะยังไม่เห็นผลกระทบทางนโยบายการคลังมาสักเท่าไหร่ ซึ่งหมายความว่าเฟดน่าจะยังไม่มีแรงกดดันที่จะต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในช่วง 6 เดือนแรกนี้ เราคงมุมมองเดิมว่าด้วยส่วนผสมของคณะกรรมการ FOMC ที่มีมุมมอง Dovish เป็นส่วนใหญ่ จะทำให้เฟดไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยเกิน 1 ครั้งในช่วงครึ่งปีแรก และไม่เกิน 3 ครั้งตลอดทั้งปี 2560 นี้

 

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (4 ม.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,942.16 จุด เพิ่มขึ้น 60.40 จุด (+0.30%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,477.00 จุด เพิ่มขึ้น 47.92 จุด (+0.88%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,270.75 จุด เพิ่มขึ้น 12.92 จุด (+0.57%)

 

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 7.94 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.88 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 168.17 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 4.40 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.12 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 20.16 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.52 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 20.91 จุด

 

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 ม.ค.60) 1,563.58 จุด เพิ่มขึ้น 20.64 จุด (+1.34%)

- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,222.00 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ม.ค.60

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.พ.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (4 ม.ค.60) ปิดที่ 53.26 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ หรือ 1.8%

 

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (4 ม.ค.60) ที่ 6.90 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

 

- เงินบาทเปิด 35.80/82 แนวโน้มยังแข็งค่า ตลาดจับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ

- ครม.เห็นชอบแก้กฎหมายคุ้มครองแรงงาน บังคับอายุ 60 ปีเกษียณถือเป็นเลิกจ้าง บีบนายจ้างต้องจ่ายเงินชดเชยสูงสุด 10 เดือน บังคับใช้ พ.ค.นี้

 

- กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (เงินเฟ้อ) ของไทยในเดือน ธ.ค. 2559 เงินเฟ้อมีค่าเท่ากับ 106.93 เพิ่มขึ้น 0.13% เมื่อเทียบกับเดือน พ.ย. 2559 และสูงขึ้น 1.13% เมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค. 2558 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 25 เดือน นับจากเดือน พ.ย. 2557 ที่เพิ่มสูงขึ้น 1.26% ส่วนเงินเฟ้อเฉลี่ย ทั้งปี 2559 สูงขึ้น 0.19% เมื่อเทียบกับปี 2558

 

- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ (นาโนไฟแนนซ์) ในเดือน ต.ค.59 ว่า มีจำนวนบัญชีผู้ใช้สินเชื่อรวม 4.24 หมื่นบัญชี เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่มี 4,134 บัญชี เพิ่มขึ้น 3.83 หมื่นบัญชี หรือ 926% ยอดสินเชื่อคงค้างรวม 1,059 ล้านบาท เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนมียอดสินเชื่อ 74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 985 ล้านบาท หรือ 1,331% เฉลี่ยแล้วได้กู้ประมาณ 2 หมื่นบาท/ราย แม้อัตราการโตจะสูง แต่ยอดสินเชื่อรวมยังต่ำ ทั้งที่โครงการดำเนินมา 2 ปีแล้ว

 

- นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริการปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรถยนต์ปี 2560 จะเป็นไปในทิศทางบวกจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่น รวมถึงความชัดเจนทางการเมืองที่จะมีการเลือกตั้ง

 

- สถิติการประกอบและขยายกิจการโรงงาน (ร.ง.4) ในช่วง 12 เดือนของปี 2559 มีจำนวนทั้งสิ้น 5,215 โรงงาน ลดลง 4.66% คิดเป็นเงินลงทุน 4.78 แสนล้านบาท ลดลง 21.12% หรือ 1.2 หมื่นล้านบาทเทียบกับปีก่อนมีจำนวนโรงงานทั้งสิ้น 5,470 โรงงาน มูลค่าลงทุน 6.06 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

 

- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบตามมติคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชให้เปิดตลาดเสรีนำเข้าเมล็ดถั่วเหลือง ภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (ดับเบิ้ลยูทีโอ) คราวละ 3 ปี (2560-2562) ไม่จำกัดปริมาณ อัตราภาษีนำเข้า 0% และให้เปิดตลาดเสรีนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองภายใต้กรอบการค้าอื่น ได้แก่ AFTA FTA และ ACMECS ให้เป็นไปตามข้อผูกพัน โดยคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชเป็นผู้กำหนดแนวทางและมาตรการบริหารการนำเข้า ซึ่งนายกฯ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหาแนวทางการเพิ่มผลผลิตของถั่วเหลือง ด้วยการส่งเสริมการปลูกแบบเกษตรแปลงใหญ่

 

*หุ้นเด่นวันนี้

- BANPU (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดกำไร 2560 เติบโตแข็งแกร่ง จากราคาถ่านหินที่สูงขึ้นจนพลิกจากขาดทุนเป็นกำไร อีกทั้งราคาถ่านหินทุก 5 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน จะเพิ่มกำไร 1.5 พันล้านบาท อีกทั้งผลการดำเนินงานปัจจุบันผันผวนน้อยลงจากการมีธุรกิจไฟฟ้า (BPP)

 

- UNIQ (ไอร่า)เป้า 30 บาท คาดการเปิดประมูลโครงการต่างๆ ภาครัฐทยอยเกิดขึ้นต่อเนื่องในปี 60 เบื้องต้นคาดมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1.45 ล้านล้านบาท โดย UNIQ มีความสามารถในการทำกำไรโดดเด่นสุดในกลุ่ม แม้ระดับ Backlog และรายได้งานก่อสร้างจะอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับ ITD, CK และ STEC แต่ภายใต้โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างปัจจุบัน 7 โครงการ ทำให้ควบคุมได้ทั้งคุณภาพและต้นทุนส่งผลให้ความสามารถทำกำไรดีและสูงต่อเนื่อง GPM เฉลี่ย 17% และ NPM เฉลี่ยประมาณ 7%

 

- ASEFA (กรุงศรี) เป้า 9.3 บาท คาด Backlog ยังแข็งแกร่ง 1.9 พันล้านบาท และคาดกำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่ใน Q4/59 จะหนุนให้กำไรสุทธิทั้งปี 59 สูงขึ้น 6% พร้อมประมาณการกำไรปี 60 ของผู้บริหารเป็นไปในทิศทางเดียวกับสมมติฐานของเรา โดยบริษัทได้เลื่อนกำหนดเสร็จของสำนักงานขายใหม่ 10 แห่งทั่วประเทศไปเป็น Q1/60

 

- AOT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 460 บาท แม้นักท่องเที่ยวจีนจะลดลงแบบเดือนต่อเดือน 3 เดือนติดต่อกันหลังการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ แต่สถานการณ์เริ่มดีขึ้นในเดือน พ.ย.โดยคาดกำไรของ AOT +8% Y-Y เร่งตัวจากปีก่อนที่ +5% Y-Y ส่วนการแตกพาร์เหลือ 1 บาทจาก 10 บาท จะช่วยให้สภาพคล่องหุ้นดีขึ้น (ยังไม่กำหนดวัน รอประชุมผู้ถือหุ้น 27 ม.ค.นี้)

 

- LIT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 14 บาท ได้ประโยชน์โดยตรงจากการลงทุนภาครัฐโดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานที่มีมากขึ้นในปี 60 เพราะลูกค้าส่วนใหญ่มาจากธุรกิจก่อสร้าง วางระบบ และตกแต่งอาคาร แม้ผู้บริหารจะให้เป้าสินเชื่อและรายได้ปี 60 ในเชิงรุก แต่ไม่น่ากังวลเริ่องเพิ่มทุนเพราะเป้า D/E 4 เท่าทำให้ขยายธุรกิจได้อีกมาก โดยคาดกำไรปีนี้ +24% Y-Y และเชื่อว่าจะรักษาการเติบโตกว่า 20% ได้ถึงปี 63

 

--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq05/2579817

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

นายกฯ ยันเดินหน้าตามโรดแมพไปสู่เลือกตั้ง เลื่อนหรือไม่ขึ้นกับการจัดทำกม.ลูก

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 4 มกราคม 2560 15:29:23 น.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยืนยันโรดแมพของรัฐบาลยังเป็นไปตามขั้นตอนไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งทุกอย่างจะต้องดำเนินไปตามกระบวนที่ต้องมีรัฐธรรมนูญและการออกฎหมายลูก โดยมีกรอบระยะเวลากำหนดไว้อยู่แล้ว แต่จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับการพิจารณาของฝ่ายนิติบัญญัติ หลังจากนั้นเป็นขั้นตอนเตรียมการไปสู่การเลือกตั้ง ทั้งการลงสมัคร หาเสียง การจัดตั้งรัฐบาล ภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้โรดแมพจะเลื่อนออกไปหรือไม่ขึ้นอยู่ที่ขั้นตอนทั้งหมดที่กล่าวมา

 

 

 

"ผมไปเลื่อนโรดแมพของท่านตรงไหน หรือถ้าทุกคนเอาเร็วเลือกตั้งตอนนี้ ผมถามว่าแล้วอย่างอื่นไปอย่างไร" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีนักการเมืองออกมาเร่งรัดให้จัดการเลือกตั้งว่า ขณะนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมหรือไม่ พร้อมย้อนถามกลับว่า ที่ผ่านมามีนักการเมืองเคยพูดถึงเรื่องการปฏิรูปบ้างหรือไม่ และต้องถามประชาชนว่าพร้อมไปสู่การเลือกตั้งที่จะได้มาซึ่งประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แล้วหรือยัง

 

สำหรับข้อเสนอที่จะให้ใช้อำนาจมาตรา 44 เพื่อนิรโทษและปรองดองนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะต้องหาวิธีอื่น อย่ามายุ่งกับมาตรา 44 ที่ใช้สำหรับแก้ปัญหาเร่งด่วน และต้องถามประชาชนอีกว่า ยอมรับได้หรือไม่กับวิธีการที่เสนอมา

 

ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกของปี 2560 ปีนี้จะเป็นปีแห่งการขับเคลื่อนปฎิรูปภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติในระยะ 20 ปี โดยจะตั้งคณะกรรมการเตรียมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติที่จะขับเคลื่อนการปฎิรูปในแต่ละด้านให้เกิดความชัดเจนขึ้น เน้นสร้างความเข้าใจกับประชาชน และเดินหน้าเรื่องการสร้างความปรองดองด้วย

 

"วันนี้คิดแทบตาย ผมยังไม่รู้ว่าจะสร้างการรับรู้ง่ายๆ ได้อย่างไร แต่ขอเห็นใจผมคิดมาเยอะ วันหยุดราชการผมก็มานั่งคิด ร่างมาเยอะแยะว่าจะทำงานอย่างไรให้เกิดการรับรู้ให้มากที่สุด ในช่วงเวลาปี 60 เป็นปีแห่งการเตรียมการเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ชาติโดยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ถ้ามาแล้วไม่ร่วมเลย ตีรันฟันแทงทะเลาะเบาะแว้งทุกเรื่องมันก็ปฏิรูปไม่ได้ ปรองดองก็ไม่ได้อีกในเมื่อทุกคนไม่เข้ามาร่วมในการปรองดอง ทุกคนยื่นนำหน้ามาเลยนิรโทษ ยกโทษ ใช้มาตรา 44 บ้าง ผมถามว่าถ้าสังคมทั้งประเทศรับได้ก็มาว่ากัน มาคุยกัน ถ้ารับไม่ได้ก็ทำไม่ได้อยู่ดี และจะสู่จุดมุ่งหมายได้อย่างไร" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการแต่งเนื้อร้องเพลง "สะพาน" ว่า เป็นเพลงเพื่อสื่อความหมายว่าคณะรัฐมนตรีและรัฐบาลชุดนี้ เปรียบเสมือนสะพานที่ให้ประชาชนได้เหยียบก้าวไปข้างหน้าได้ ก้าวข้ามอุปสรรคไปให้ได้ โดยเขียนเพลงนี้เพื่อคนทั้งชาติ จะได้ร่วมมือกันในการแก้ปัญหา

 

ส่วนคำขวัญวันเด็กประจำปี 2560 ว่า "เด็กไทยใส่ใจศึกษา พาชาติมั่นคง" ซึ่งคำขวัญที่ออกมาจะเน้นในเรื่องของการปลูกฝังการปฎิรูปและพัฒนาประเทศ

 

--อินโฟเควสท์ โดย ฐานิสร์ ทองนอก/ธนวัฏ/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq02/2579462

 

นายกฯ ผุดโมเดลเชื่อมโยงงานปฏิรูป ปรองดอง ยุทธศาสตร์ จัดลำดับความสำคัญขับเคลื่อนก่อน

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 4 มกราคม 2560 16:20:17 น.

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ ระยะที่ 2 นั้น แต่พบว่าที่ผ่านมายังไม่ได้มีการจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนในการดำเนินงานให้เป็นระบบ จึงอาจทำให้สังคมยังไม่รับทราบข้อมูลที่ชัดเจน ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงได้คิดโมเดลขึ้น เพื่อจะให้เกิดความเชื่อมโยงกันระหว่างคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการปฏิรูป การปรองดอง และคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องยุทธศาสตร์

 

 

 

โดยมอบหมายให้นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการของทั้ง 2 ส่วน เพื่อทำหน้าที่ในการพิจารณาจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนในส่วนของการปฏิรูปประเทศ ความปรองดอง และเรื่องยุทธศาสตร์ ว่ามีหน่วยงานใดที่เกี่ยวข้อง และเรื่องใดที่จะต้องดำเนินการก่อนหลัง และหากมีบางเรื่องที่ต้องแก้ไขกฎหมายก่อนซึ่งต้องใช้เวลานาน อาจต้องดึงบางส่วนออกมาเป็นมาตรา 44 หรือไม่

 

"ทำอย่างไรจะทำให้คณะกรรมการที่เกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปและการปรองดอง และคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ ได้มีการเชื่อมต่อกันได้ จากเดิมที่ต่างฝ่ายต่างมี แล้วขับเคลื่อนกันไป...นายกฯ ได้คิดโมเดลนี้ขึ้น แล้วจะให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาว่าโมเดลนี้กับของเดิมที่แยกกันคนละส่วน อันไหนจะเวิร์คกว่ากัน เพื่อให้งานที่รัฐบาลได้ทำไปนั้น ทั้งงานฟังก์ชั่นตามการบริหารราชการแผ่นดินของแต่ละกระทรวงที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ หรืองานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการปฏิรูป หรืองานที่เกี่ยวข้องกับการปรองดองจะได้ออกมาให้เห็นผล ไม่ต้องรอจนถึงยุทธศาสตร์ชาติจะออกมา แต่จะได้ขับเคลื่อนในบางเรื่องไปก่อน" พล.ท.สรรเสริญ กล่าว

 

--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/กษมาพร/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

ADVERTISEMENT

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq02/2579517

 

 

รายงานประชุมชี้เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น เหตุมาตรการ ทรัมป์ จ่อหนุนเงินเฟ้อพุ่ง

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 5 มกราคม 2560 09:15:31 น.

รายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค.ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ประจำธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวแข็งแกร่งขึ้น อันเนื่องมาจากนโยบายกระตุ้นทางการคลังของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ โดยสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจผลักดันให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่รวดเร็วขึ้น

 

 

 

รายงานการประชุมระบุว่า "กรรมการกำหนดนโยบายราวกึ่งหนึ่งคาดว่าจะมีการใช้นโยบายด้านการคลังมากขึ้นในอนาคต ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจปรับตัวในทิศทางขาขึ้น"

 

ในการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 13-14 ธ.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25% สู่ระดับ 0.50-0.75%

 

ด้านนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดแถลงภายหลังการประชุมว่า "ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ กรรมการเฟดได้เล็งเห็นว่า เศรษฐกิจมีการเติบโตจนใกล้บรรลุเป้าหมายการผลักดันการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ ควบคู่ไปกับการรักษาราคาให้มีเสถียรภาพ เราคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงมีการขยายตัวที่ดี โดยตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 2% ในช่วง 2 ปีข้างหน้า"

 

ประธานเฟดยังกล่าวด้วยว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในความคืบหน้าทางเศรษฐกิจ และมุมมองของเฟดจะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง พร้อมกับกล่าวว่า ในปี 2560 อาจจะมีผลกระทบเล็กน้อยจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กนิษฐนุช สิริสุทธิ์/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq27/2579795

 

Xinhua world news summary: กองทัพอิรักบุกหนัก เดินหน้าทลายฐานที่มั่น IS ในโมซุล

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 5 มกราคม 2560 09:55:55 น.

กองทัพอิรักเดินหน้าทลายฐานที่มั่นของกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ใจกลางเมืองโมซุล และสามารถยึดพื้นที่บริเวณดังกล่าวคืนมาได้ โดยภารกิจครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการบุกเขตแดนบริเวณฝั่งตะวันออกของเมืองโมซุล

 

นอกจากนี้ ทหารหน่วยรบพิเศษของอิรักพร้อมด้วยตำรวจยังได้ต่อสู้อย่างดุเดือดกับกลุ่มรัฐอิสลามในฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองโมซุล และสามารถยึดคืนพื้นที่ในเขตวาห์ดะคืนมาได้ ทำให้กองทัพเข้าใกล้ศูนย์กลางฝั่งตะวันออกของเมืองมากขึ้น

 

 

 

-- นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ อ้างคำพูดของนายจูเลียน อัสซานจ์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์วิกิลีกส์ ที่ระบุถึงข้อสงสัยเกี่ยวกับการที่หน่วยข่าวกรองของสหรัฐ ระบุว่า รัสเซียได้เข้าแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2559

 

ทั้งนี้ ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า "อัสซานจ์กล่าวว่า 'เด็กอายุ 14 อาจเป็นผู้ที่แฮกอีเมลของนายจอห์น โพเดสตา ประธานหาเสียงของนางฮิลลารีก็เป็นได้' ทำไมคณะกรรมการใหญ่ของพรรคเดโมแครตถึงปล่อยปละละเลยได้เช่นนี้ อีกทั้งรัสเซียก็ไม่ได้เป็นผู้ให้ข้อมูลใดๆกับอัสซานจ์เช่นกัน"

 

-- เซอร์ ทิม แบร์โรว์ อดีตเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำรัสเซีย ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนคนใหม่ของอังกฤษประจำสหภาพยุโรป

 

ทั้งนี้ แบร์โรว์เข้ารับตำแหน่งต่อจาก เซอร์ อิวาน โรเจอร์ส ที่ลาออกก่อนหมดวาระ 24 ชั่วโมง สำนักข่าวซินหัวรายงาน

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ชาญวิทย์ เอี่ยมอุดม/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2579829

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สํานักข่าวไทย TNAMCOT

 

 

 

 

 

NOW26

 

กรมประชาสัมพันธ์

 

 

YLGResearch

 

HSHsocial

 

ข่าวเศรษฐกิจทีส่งผลต่อราคาทองคำและหุ้น 5/ม.ค./2560

ข่าวเศรษฐกิจทีส่งผลต่อราคาทองคำและหุ้น 5/ม.ค./2560

AUSIRIS.CO.TH

 

ราคาทองวันนี้lรอบเช้า05-JAN-2016

ราคาทองวันนี้lรอบเช้า05-JAN-2017

AUSIRIS.CO.TH

 

ราคาทองคำวันนี้ 5 ม.ค. 60

 

 

ราคาทองคำวันนี้ 5 ม.ค. 60

AUSIRIS.CO.TH

 

 

 

 

 

NOW26

 

NOW26

 

NOW26

 

 

NOW26

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

15826875_10154910288292855_5543744352928302997_n.jpg?oh=e106b6c814637eb932c48a4a8ad0702e&oe=5916065D

15895079_10154910288757855_6623610532860504698_n.jpg?oh=b2b5a211f9adfed7f3c996b039fc6675&oe=58E06E27

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยพสกนิกรที่เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าหน้าที่กองงานหน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ฯ นำข้าวหมูทอดเจ้จง ลาบทอด ไข่พระอาทิตย์ ขนมไทยและน้ำดื่มพระราชทาน มาแจกจ่ายให้กับประชาชนที่เดินทางมาต่อคิวในท้องสนามหลวงในช่วงเย็น ณ เต็นท์ด้านทิศเหนือของสนามหลวง กรุงเทพฯ

ภาพ อนันต์ จันทรสูตร์ (Anant Chantarasoot)

#NationPhoto #อนันต์จันทรสูตร์ #อาหารพระราชทาน #สนามหลวง

ราคาทองวันนี้lรอบเช้า06-JAN-2016

ราคาทองวันนี้lรอบเช้า06-JAN-2017

AUSIRIS.CO.TH

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: เงินดอลล์อ่อน หนุนทองปิดพุ่ง 16 ดอลลาร์

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 6 มกราคม 2560 07:32:21 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) โดยภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำยังคงได้รับปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งช่วยหนุนสัญญาทองคำปิดในแดนบวกติดต่อกัน 3 วันทำการ นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนธ.ค.

 

 

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 16 ดอลลาร์ หรือ 1.37% ปิดที่ระดับ 1,181.30 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 8.5 เซนต์ หรือ 0.51% ปิดที่ 16.637 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 28.8 ดอลลาร์ หรือ 3.04% ปิดที่ 976.00 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 60 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 738.20 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาทองคำปิดบวกติดต่อกัน 3 วันทำการเมื่อคืนนี้ เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ช่วยให้สัญญาทองคำมีราคาที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ

 

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ร่วงลง 1.01% แตะที่ระดับ 101.49 เมื่อคืนนี้

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจาก ADP และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ รายงานว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐประจำเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้น 153,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 170,000 ตำแหน่ง และต่ำกว่าระดับ 215,000 ตำแหน่งของเดือนพ.ย.

 

นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนธ.ค.ในวันนี้ โดยข้อมูลดังกล่าวจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรจะเพิ่มขึ้น 172,500 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.7%

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq31/2580206

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 6 มกราคม 2560 07:44:36 น.

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 5 ม.ค.2560

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธุรกิจค้าปลีก หลังจากบริษัทเมซีส์ ห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังและประกาศปิดสาขามากกว่า 60 แห่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานของออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ซึ่งระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนธ.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายและจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนธ.ค.ของสหรัฐอย่างใกล้ชิด

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,899.29 จุด ลดลง 42.87 จุด หรือ -0.21% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,487.94 จุด เพิ่มขึ้น 10.94 จุด หรือ +0.20% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,269.00 จุด ลดลง 1.75 จุด หรือ -0.08%

 

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) จากการที่นักลงทุนยังคงเข้าซื้อเก็งกำไร อันเนื่องมาจากความหวังเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น หลังจากมีรายงานว่าดัชนีภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซนมีการขยายตัวได้ดีในเดือนธ.ค. อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโรได้สกัดแรงบวกของหุ้นกลุ่มส่งออก

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดขยับขึ้น 0.1% แตะที่ 365.64 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,900.64 จุด เพิ่มขึ้น 1.24 จุด หรือ +0.03% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,584.94 จุด เพิ่มขึ้น 0.63 จุด หรือ +0.01% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,195.31 จุด เพิ่มขึ้น 5.57 จุด หรือ +0.08%

 

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มสร้างบ้านที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ภายหลังจากบริษัทเพอร์ซิมมอน ซึ่งเป็นบริษัทสร้างบ้านรายใหญ่ที่สุดของอังกฤษ เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง

 

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดเพิ่มขึ้น 5.57 จุด หรือ 0.08% แตะที่ 7,195.31 จุด

 

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกคืนนี้ (5 ม.ค.) หลังจากมีรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า ซาอุดิอาระเบียได้เริ่มเจรจากับลูกค้าเพื่อลดการจำหน่ายน้ำมันตามข้อตกลงที่ทำไว้กับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 53.76 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 56.89 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) โดยภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำยังคงได้รับปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งช่วยหนุนสัญญาทองคำปิดในแดนบวกติดต่อกัน 3 วันทำการ นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนธ.ค.

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 16 ดอลลาร์ หรือ 1.37% ปิดที่ระดับ 1,181.30 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 8.5 เซนต์ หรือ 0.51% ปิดที่ 16.637 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 28.8 ดอลลาร์ หรือ 3.04% ปิดที่ 976.00 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 60 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 738.20 ดอลลาร์/ออนซ์

 

-- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลยูโรและเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) หลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนธ.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนธ.ค.ของสหรัฐอย่างใกล้ชิด

 

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 115.53 เยน จากระดับ 117.56 เยน ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0599 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0463 ดอลลาร์

 

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,269.00 จุด ลดลง 1.75 จุด, -0.08%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 5,487.94 จุด เพิ่มขึ้น 10.94 จุด, +0.20%

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 19,899.29 จุด ลดลง 42.87 จุด, -0.21%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,900.64 จุด เพิ่มขึ้น 1.24 จุด, +0.03%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,584.94 จุด เพิ่มขึ้น 0.63 จุด, +0.01%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,195.31 จุด เพิ่มขึ้น 5.57 จุด, +0.08%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 26,878.24 จุด เพิ่มขึ้น 245.11 จุด, +0.92%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,659.82 จุด เพิ่มขึ้น 12.35 จุด, +0.75%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,954.14 จุด เพิ่มขึ้น 32.83 จุด, +1.12%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,325.50 จุด เพิ่มขึ้น 24.32 จุด, +0.46%

 

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 22,456.69 จุด เพิ่มขึ้น 322.22 จุด, +1.46%

ดัชนี VN ตลาดหุ้นเวียดนามปิดที่ 675.81 จุด เพิ่มขึ้น 1.11 จุด, +0.16%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 7,209.44 จุด เพิ่มขึ้น 178.49 จุด, +2.54%

 

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,165.41 จุด เพิ่มขึ้น 6.62 จุด, +0.21%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,041.95 จุด ลดลง 3.69 จุด, -0.18%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 19,520.69 จุด ลดลง 73.47 จุด, -0.37%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 9,358.14 จุด เพิ่มขึ้น 71.18 จุด, +0.77%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,753.30 จุด เพิ่มขึ้น 16.90 จุด, +0.29%

 

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,805.10 จุด เพิ่มขึ้น 16.90 จุด, +0.29%

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย คมปทิต สกุลหวง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq20/2580352

 

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อนเทียบยูโร หลัง ADP เผยตัวเลขจ้างงานเอกชนสหรัฐอ่อนแอ

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 6 มกราคม 2560 07:39:22 น.

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลยูโรและเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) หลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนธ.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนธ.ค.ของสหรัฐอย่างใกล้ชิด

 

 

 

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 115.53 เยน จากระดับ 117.56 เยน ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0599 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0463 ดอลลาร์

 

ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันหลังจากADP และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ ซึ่งระบุว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐประจำเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้น 153,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 170,000 ตำแหน่ง และต่ำกว่าระดับ 215,000 ตำแหน่งของเดือนพ.ย.

 

ส่วนค่าเงินยูโรยังคงได้แรงหนุนจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) ซึ่งระบุว่า อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนพุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2013 จากระดับ 0.6% ในเดือนพ.ย. โดยอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของราคาพลังงาน

 

นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนธ.ค.ในวันนี้ โดยข้อมูลดังกล่าวจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้

 

ขณะที่ผลสำรวจของนักวิเคราะห์บ่งชี้ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรจะเพิ่มขึ้น 172,500 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.7%

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย คมปทิต สกุลหวง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2580208

 

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 42.87 จุด วิตกจ้างงานภาคเอกชน,หุ้นค้าปลีกร่วง

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 6 มกราคม 2560 06:38:15 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธุรกิจค้าปลีก หลังจากบริษัทเมซีส์ ห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังและประกาศปิดสาขามากกว่า 60 แห่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานของออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) ซึ่งระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนธ.ค. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายและจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนธ.ค.ของสหรัฐอย่างใกล้ชิด

 

 

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,899.29 จุด ลดลง 42.87 จุด หรือ -0.21% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,487.94 จุด เพิ่มขึ้น 10.94 จุด หรือ +0.20% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,269.00 จุด ลดลง 1.75 จุด หรือ -0.08%

 

หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นเมซีส์ ร่วงลง 13.9% หุ้นโคลท์ ดิ่งลง 19% หุ้นนอร์ดสตร็อม และหุ้นเจซี เพนนี ต่างก็ร่วงลงราว 7%

 

สาเหตุที่ทำให้หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงนั้น มาจากความวิตกกังวลหลังจากบริษัทเมซีส์เปิดเผยยอดขายร่วงลง 2.1% ในเดือนพ.ย.และธ.ค. พร้อมกับคาดการณ์ว่ายอดขายตลอดปี 2559 จะลดลง 2.5-3.0% นอกจากนี้ เมซีส์ยังประกาศลดจำนวนพนักงาน 6,200 คน ขณะที่พนักงานอีก 3,900 คนจะถูกปลดออกจากงาน อันเนื่องจากการปิดสาขาจำนวน 68 สาขา จากทั้งหมด 100 สาขา

 

ทั้งนี้ เมซีส์คาดว่า มาตรการปรับโครงสร้างจะทำให้บริษัทประหยัดค่าใช้จ่ายราว 550 ล้านดอลลาร์/ปี โดยเริ่มต้นในปีนี้ ซึ่งบริษัทจะนำเงินจำนวน 250 ล้านดอลลาร์ไปลงทุนในธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ

 

หุ้นกลุ่มธนาคารอ่อนแรงลง ซึ่งส่งผลให้ภาวะการซื้อขายโดยรวมในตลาดซบเซาลงด้วย โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ปรับตัวลง 0.9% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 0.7% ขณะที่หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ต่างก็ปรับตัวลงกว่า 0.5%

 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลของ ADP และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ ซึ่งระบุว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐประจำเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้น 153,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 170,000 ตำแหน่ง และต่ำกว่าระดับ 215,000 ตำแหน่งของเดือนพ.ย.

 

อย่างไรก็ตาม ดัชนี NASDAQ ปิดตลาดในแดนบวก และทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะได้แรงหนุนจากหุ้น Amazon.com ที่พุ่งขึ้น 3.1%

 

นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนธ.ค.ของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้ ซึ่งจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้

 

ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรจะเพิ่มขึ้น 172,500 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. และคาดว่า อัตราการว่างงานจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.7%

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq18/2580188

 

เงินหยวนแข็งค่าแตะ 6.8668 หยวนต่อดอลลาร์เช้าวันนี้

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 6 มกราคม 2560 08:48:31 น.

China Foreign Exchange Trading System (CFETS) รายงานว่า เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 6.39% แตะที่ 6.8668 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐในวันนี้

 

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่าในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศของจีนนั้น เงินหยวนได้รับอนุญาตให้ปรับตัวขึ้นหรือลงไม่เกิน 2% จากอัตราค่ากลางของการซื้อขายแต่ละวัน

 

ทั้งนี้ อัตราค่ากลางสกุลเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ อิงกับราคาเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนัก ก่อนที่ตลาดจะเปิดทำการซื้อขายในแต่ละวัน

 

 

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย เกตุ โนนทิง/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq21/2580420

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

โชคดีนะจ๊ะ เพื่อนพี่น้องทุกท่าน

 

นายกฯ ยันเดินหน้าตามโรดแมพไปสู่เลือกตั้ง เลื่อนหรือไม่ขึ้นกับการจัดทำกม.ลูก

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 4 มกราคม 2560 15:29:23 น.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยืนยันโรดแมพของรัฐบาลยังเป็นไปตามขั้นตอนไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งทุกอย่างจะต้องดำเนินไปตามกระบวนที่ต้องมีรัฐธรรมนูญและการออกฎหมายลูก โดยมีกรอบระยะเวลากำหนดไว้อยู่แล้ว แต่จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับการพิจารณาของฝ่ายนิติบัญญัติ หลังจากนั้นเป็นขั้นตอนเตรียมการไปสู่การเลือกตั้ง ทั้งการลงสมัคร หาเสียง การจัดตั้งรัฐบาล ภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้โรดแมพจะเลื่อนออกไปหรือไม่ขึ้นอยู่ที่ขั้นตอนทั้งหมดที่กล่าวมา

 

 

 

"ผมไปเลื่อนโรดแมพของท่านตรงไหน หรือถ้าทุกคนเอาเร็วเลือกตั้งตอนนี้ ผมถามว่าแล้วอย่างอื่นไปอย่างไร" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีนักการเมืองออกมาเร่งรัดให้จัดการเลือกตั้งว่า ขณะนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมหรือไม่ พร้อมย้อนถามกลับว่า ที่ผ่านมามีนักการเมืองเคยพูดถึงเรื่องการปฏิรูปบ้างหรือไม่ และต้องถามประชาชนว่าพร้อมไปสู่การเลือกตั้งที่จะได้มาซึ่งประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แล้วหรือยัง

 

สำหรับข้อเสนอที่จะให้ใช้อำนาจมาตรา 44 เพื่อนิรโทษและปรองดองนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะต้องหาวิธีอื่น อย่ามายุ่งกับมาตรา 44 ที่ใช้สำหรับแก้ปัญหาเร่งด่วน และต้องถามประชาชนอีกว่า ยอมรับได้หรือไม่กับวิธีการที่เสนอมา

 

ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกของปี 2560 ปีนี้จะเป็นปีแห่งการขับเคลื่อนปฎิรูปภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติในระยะ 20 ปี โดยจะตั้งคณะกรรมการเตรียมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติที่จะขับเคลื่อนการปฎิรูปในแต่ละด้านให้เกิดความชัดเจนขึ้น เน้นสร้างความเข้าใจกับประชาชน และเดินหน้าเรื่องการสร้างความปรองดองด้วย

 

"วันนี้คิดแทบตาย ผมยังไม่รู้ว่าจะสร้างการรับรู้ง่ายๆ ได้อย่างไร แต่ขอเห็นใจผมคิดมาเยอะ วันหยุดราชการผมก็มานั่งคิด ร่างมาเยอะแยะว่าจะทำงานอย่างไรให้เกิดการรับรู้ให้มากที่สุด ในช่วงเวลาปี 60 เป็นปีแห่งการเตรียมการเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ชาติโดยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ถ้ามาแล้วไม่ร่วมเลย ตีรันฟันแทงทะเลาะเบาะแว้งทุกเรื่องมันก็ปฏิรูปไม่ได้ ปรองดองก็ไม่ได้อีกในเมื่อทุกคนไม่เข้ามาร่วมในการปรองดอง ทุกคนยื่นนำหน้ามาเลยนิรโทษ ยกโทษ ใช้มาตรา 44 บ้าง ผมถามว่าถ้าสังคมทั้งประเทศรับได้ก็มาว่ากัน มาคุยกัน ถ้ารับไม่ได้ก็ทำไม่ได้อยู่ดี และจะสู่จุดมุ่งหมายได้อย่างไร" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

 

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการแต่งเนื้อร้องเพลง "สะพาน" ว่า เป็นเพลงเพื่อสื่อความหมายว่าคณะรัฐมนตรีและรัฐบาลชุดนี้ เปรียบเสมือนสะพานที่ให้ประชาชนได้เหยียบก้าวไปข้างหน้าได้ ก้าวข้ามอุปสรรคไปให้ได้ โดยเขียนเพลงนี้เพื่อคนทั้งชาติ จะได้ร่วมมือกันในการแก้ปัญหา

 

ส่วนคำขวัญวันเด็กประจำปี 2560 ว่า "เด็กไทยใส่ใจศึกษา พาชาติมั่นคง" ซึ่งคำขวัญที่ออกมาจะเน้นในเรื่องของการปลูกฝังการปฎิรูปและพัฒนาประเทศ

 

--อินโฟเควสท์ โดย ฐานิสร์ ทองนอก/ธนวัฏ/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq02/2579462

 

นายกฯ ผุดโมเดลเชื่อมโยงงานปฏิรูป ปรองดอง ยุทธศาสตร์ จัดลำดับความสำคัญขับเคลื่อนก่อน

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 4 มกราคม 2560 16:20:17 น.

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ ระยะที่ 2 นั้น แต่พบว่าที่ผ่านมายังไม่ได้มีการจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนในการดำเนินงานให้เป็นระบบ จึงอาจทำให้สังคมยังไม่รับทราบข้อมูลที่ชัดเจน ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงได้คิดโมเดลขึ้น เพื่อจะให้เกิดความเชื่อมโยงกันระหว่างคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการปฏิรูป การปรองดอง และคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องยุทธศาสตร์

 

 

 

โดยมอบหมายให้นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการของทั้ง 2 ส่วน เพื่อทำหน้าที่ในการพิจารณาจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนในส่วนของการปฏิรูปประเทศ ความปรองดอง และเรื่องยุทธศาสตร์ ว่ามีหน่วยงานใดที่เกี่ยวข้อง และเรื่องใดที่จะต้องดำเนินการก่อนหลัง และหากมีบางเรื่องที่ต้องแก้ไขกฎหมายก่อนซึ่งต้องใช้เวลานาน อาจต้องดึงบางส่วนออกมาเป็นมาตรา 44 หรือไม่

 

"ทำอย่างไรจะทำให้คณะกรรมการที่เกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปและการปรองดอง และคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ ได้มีการเชื่อมต่อกันได้ จากเดิมที่ต่างฝ่ายต่างมี แล้วขับเคลื่อนกันไป...นายกฯ ได้คิดโมเดลนี้ขึ้น แล้วจะให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาว่าโมเดลนี้กับของเดิมที่แยกกันคนละส่วน อันไหนจะเวิร์คกว่ากัน เพื่อให้งานที่รัฐบาลได้ทำไปนั้น ทั้งงานฟังก์ชั่นตามการบริหารราชการแผ่นดินของแต่ละกระทรวงที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ หรืองานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการปฏิรูป หรืองานที่เกี่ยวข้องกับการปรองดองจะได้ออกมาให้เห็นผล ไม่ต้องรอจนถึงยุทธศาสตร์ชาติจะออกมา แต่จะได้ขับเคลื่อนในบางเรื่องไปก่อน" พล.ท.สรรเสริญ กล่าว

 

--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/กษมาพร/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq02/2579517

 

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมัน WTI ปิดบวก 50 เซนต์ รับสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐร่วงเกินคาด

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 6 มกราคม 2560 07:14:20 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกคืนนี้ (5 ม.ค.) หลังจากมีรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า ซาอุดิอาระเบียได้เริ่มเจรจากับลูกค้าเพื่อลดการจำหน่ายน้ำมันตามข้อตกลงที่ทำไว้กับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)

 

 

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 53.76 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 56.89 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐดิ่งลง 7.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล

 

ทางด้านสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 7.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว

 

นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า ซาอุดิอาระเบียได้เริ่มเจรจากับลูกค้าเพื่อลดการจำหน่ายน้ำมันตามข้อตกลงที่ทำไว้กับกลุ่มโอเปก โดยในการประชุมเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น กลุ่มโอเปกได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน และจากนั้นในเดือนธ.ค. ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกได้ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง 558,000 บาร์เรล/วัน โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.2017 และมีกำหนดเป็นเวลา 6 เดือน

 

ทั้งนี้ ซาอุดิอาระเบียได้ตกลงที่จะลดกำลังการผลิตลง 486,000 บาร์เรล/วัน หรือราว 4.61% จากการผลิตจำนวน 10.544 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนต.ค.ปีที่แล้ว

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq35/2580205

 

หุ้น โตโยต้า ร่วง 2% เช้านี้ หลัง ทรัมป์ ขู่เก็บภาษีเพิ่มหากสร้างโรงงานในเม็กซิโก

 

 

ข่าวเศรษฐกิจ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 6 มกราคม 2560 08:50:44 น.

หุ้นโตโยต้า มอเตอร์ ร่วงลง 2% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นโตเกียวช่วงเช้านี้ หลังจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ออกมาขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีจากบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ในอัตราที่สูงขึ้น หากโตโยต้ายังคงเดินหน้าตามแผนการสร้างโรงงานผลิตรถยนต์รุ่น "โคโรลลา" ในเม็กซิโก เพื่อป้อนให้กับตลาดสหรัฐ

 

 

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq29/2580421

 

รัสเซียพร้อมจัดส่งอาวุธรุ่นใหม่ให้ฟิลิปปินส์ ยืนยันดำเนินการตามกฎหมายสากล

 

 

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 5 มกราคม 2560 13:46:49 น.

นายอิเกอร์ โคเวียฟ เอกอัคราชทูตรัสเซียประจำฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า รัสเซียพร้อมจัดส่งอาวุธยุทโธปกรณ์รุ่นใหม่ให้แก่ฟิลิปปินส์ โดยอาวุธเหล่านี้ครอบคลุมถึงอาวุธขนาดเล็ก อาวุธน้ำหนักเบา เครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ เรือดำน้ำ และอุปกรณ์ด้านการทหารแบบอื่นๆอีกจำนวนมาก

 

นายโคเวียฟเปิดเผยเรื่องดังกล่าวในระหว่างการแถลงข่าวบนเรือ แอดมิรัล ทริบิวส์ ซึ่งเป็นเรือต่อต้านเรือดำน้ำของรัสเซียที่ลอยลำอยู่ในบริเวณน่านน้ำกรุงมะนิลา

 

 

 

"รัสเซียพร้อมที่จะจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์รุ่นใหม่ให้กับฟิลิปปินส์ และทุกอย่างจะดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศ" เอกอัคราชทูตรัสเซียกล่าว

 

ทั้งนี้ เอกอัคราชทูตรัสเซียมีมุมมองเป็นบวกต่อความสัมพันธ์ระหว่างฟิลิปปินส์และรัสเซีย และคาดหวังว่าทั้งสองประเทศจะยังคงร่วมมือกันในด้านการทหารและด้านกลาโหมในอนาคต

 

นอกจากนี้ นายโคเวียฟยังกล่าวด้วยว่า รัสเซียจะให้การต้อนรับนายโรดริโก ดูเตอร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ที่จะเดินทางเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.

 

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สกาวรัฐ บัวสำลี/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

 

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/iq37/2579996

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หยวนระเบิดศึกดอลลาร์! ขู่ขายทิ้งบอนด์รัฐบาลสหรัฐ รักษาเสถียรภาพค่าเงิน

เงินหยวนระเบิดศึกดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ต้นปี 2017 โดยนักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางจีน…

 

 

 

 

หยวนระเบิดศึกดอลลาร์! ขู่ขายทิ้งบอนด์รัฐบาลสหรัฐ ร...|BY NATIONTV 22

 

'โปรเม'คว้ารางวัลนักกอล์ฟยอดเยี่ยมGWAA

6 ม.ค. 60 สมาคมนักข่าวกอล์ฟแห่งอเมริกา หรือ GWAA ประกาศมอบรางวัล นักกอล์ฟยอดเยี่ยมของฝ่ายหญิงประจำปี 2016 ให้กับ "โปรเม" เอรียา จุฑานุกาล นักกอล์ฟสาวมือ 2 ของโลกชาวไทย หลังเธอสร้างผลงานยอดเยี่ยมในปีที่ผ่านมา

NAEWNA.COM

 

(Jan 5) วิเคราะห์: พร้อมเพย์จุดชนวนดิจิตอลแบงก์'โมบาย'กำลังมาแทนสาขา - ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสดิจิตอลแบงก์โดยเฉพาะโมบายแบงกิ้งที่เติบโตอย่างรวดเร็วได้เข้ามาแทนที่การทำธุรกรรมที่สาขาทำให้รอบ 11 เดือนปีนี้ สาขาแบงก์พาณิชย์มีการควบรวมและปิดสาขาลงถึง 51 แห่ง แต่กระนั้นก็ตามนายธนาคารเชื่อว่า อุตสาหกรรมแบงก์ไทย จะเข้าสู่ เทรนด์อิเล็กทรอนิกส์อย่างเต็มตัว และจะส่งผลพฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เมื่อ "พร้อมเพย์" หรือบริการโอนเงินรูปแบบใหม่ประกาศใช้ โดยปัจจุบันที่มีผู้มาลงทะเบียนแล้ว 19 ล้านบัญชี และจากการเปิดเผยของ วิรไท สันติประภพผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าภายในไตรมาสแรกปี 2560 จะสามารถให้บริการพร้อมเพย์ได้ ยุทธศาสตร์สาขาแบงก์จะปรับตัวไปในทิศไหน มาดูกัน! เริ่มจากบริษัทธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)(บมจ.)ที่มีฐานลูกค้าที่ใช้โมบายแบงกิ้งสูงสุดในอุตสาหกรรมร่วม 5 ล้านรายเวลานี้

"พร้อมเพย์" จุดชนวน

นพวรรณ เจิมหรรษา รองกรรมการผู้จัดการ ดูแลสายงานธุรกิจลูกค้าบุคคลและเครือข่ายบริการ บมจ. ธนาคารกสิกรไทย กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าพฤติกรรมลูกค้าเป็นสิ่งที่ทุกคนติดตามและคาดเดา โดยเฉพาะเมื่อบริการพร้อมเพย์จะเริ่มในปี 2560 ลูกค้าจะได้รับความสะดวกจากการโอน ทำให้การใช้จ่ายเงินสดน้อยลง และการทำรายการเงินสดที่สาขาลดลงรวดเร็วแค่ไหน เป็นเรื่องที่แบงก์ต้องทบทวนและปรับตามพฤติกรรมลูกค้า

"ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่เห็นคือการใช้โมบายแบงกิ้ง ลูกค้าใช้เติบโตเป็นเท่าตัว โดยฐานลูกค้าแบงก์กสิกรไทยที่ใช้ช่องทางผ่าน K-MOBILE BANKING PLUS ถึงเดือนล่าสุด (พ.ย. 59) มีมากกว่า 4 ล้านรายแล้ว ถึงสิ้นปีน่าจะเพิ่มเป็น 5 ล้านราย และในปี 2560 เราคาดจะเห็นการเติบโตเป็น 7 ล้านราย สิ่งที่เราเห็นชัดเรื่องของรายการที่ไม่ใช่เงินสด คือพวกโอนเงินหรือจ่ายบิล ลูกค้าจะไม่ไปที่ตู้เอทีเอ็มหรือสาขาเหมือนเมื่อก่อน"

นพวรรณ กล่าวต่อว่า จากการที่ดิจิตอลเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ดังนั้นในส่วนของช่องทางสาขาของธนาคารกสิกรไทยจะไม่เน้นที่จำนวนสาขา แต่จะเน้นคุณภาพในการให้บริการลูกค้า โฟกัสการวางแผนจัดการเรื่องการเงินส่วนบุคคลหรือให้คำแนะนำลูกค้า เช่น เรื่องการออม การลงทุน สินเชื่อฯลฯ ซึ่งกสิกรไทยมีเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องการเงินส่วนบุคคลหรือ K- Expert กว่า 4,000 คน ที่พร้อมให้คำแนะนำเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า

เชื่อลูกค้าไม่ทิ้งตีจากสาขาเร็ว

ส่วนคำถามที่ว่าในอนาคตจะเห็นสาขาธนาคารพาณิชย์ไทย พัฒนาไปสู่รูปแบบเดียวกับธนาคารในยุโรปในอนาคตหรือไม่ เธอว่า อย่างหนึ่งที่ได้เห็นจากแบงก์ในยุโรปคือ สาขาเปลี่ยนรูปแบบ เพราะลูกค้าสามารถทำรายการต่างๆ ด้วยตนเองได้ผ่านมือถือ บทบาทสาขาของแบงก์ในยุโรปหลายที่จึงเปลี่ยนเป็นการให้บริการแนะนำ การบริหารการเงินให้ลูกค้า" หรือ Wealth Management แทนขณะที่ Transaction จะใช้ช่องทางดิจิตอล

"คนไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ตอบรับในเรื่องของเทคโนโลยีมือถือมาก ขึ้น แต่ก็ยังเชื่อว่าคนไทยยังมีด้านหนึ่งที่อยากคุยกับคน แต่ถามว่าพฤติกรรมลูกค้าไทยจะตามคนในยุโรปหรือไม่ อย่างที่กล่าวว่า ปี 2560 จะเป็นปีที่เราได้เห็นพฤติกรรมคนไทยว่าจะเปลี่ยนไปเร็วแค่ไหน แต่ ณ วันนี้ ในเรื่องการใช้ผลิตภัณฑ์ ยังไม่เห็นลูกค้าอพยพจากที่ใช้สาขามาเป็นมือถือกันหมด"

ทั้งนี้รอบปี 2559 กสิกรไทยได้ควบรวมปิดสาขาลง 15 แห่ง จากสาขาทั้งหมดที่มี 1,107 สาขา และคาดว่าปีหน้าตัวเลขคงไม่ต่างกัน สอดคล้องกับ ธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า K-MOBILE BANKING PLUS เติบโตจากปี 2558 ที่มีประมาณ 2.7 ล้านคน มาเป็น 5 ล้านคนในปีนี้ และปี 2560 คาดจะเติบโต 50% อย่างไรก็ดีปริมาณธุรกรรมผ่านสาขา สเกลยังคงที่ หรือพูดอีกนัยหนึ่งว่า การเติบโตของดิจิตอลแบงกิ้งเข้ามาช่วยเพิ่มยอดการใช้บริการและเฉพาะโมบายแบงกิ้งทำรายได้ให้ธนาคารเกินกว่า 100 ล้านบาท

KKP ดันเป็นไฟแนนเชียลฮับ

ขณะที่แบงก์เล็ก อภินันท์ เกลียว-ปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจการเงิน เกียรตินาคินภัทร (KKP) กล่าวว่า การพัฒนาช่องทางบริการก็เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าหลักของ KKP คือในกลุ่มลูกค้าขนาดกลาง (Mass Affluent) และลูกค้าขนาดใหญ่ หรือ High Net Worth (HNW) ซึ่งบริการหลักของลูกค้ากลุ่มนี้จะเป็นการให้บริการที่ปรึกษาการเงินและการจัดการลงทุนที่หลากหลาย จึงต้องเน้นพื้นที่ที่ให้บริการ แบ่งเป็น

1. Financial Hub ศูนย์บริการการเงินและการลงทุนเต็มรูปแบบ มีผลิตภัณฑ์และบริการของกลุ่ม KKP (ธ.เกียรตินาคิน, บล.ภัทรฯ และบลจ.ภัทรฯ) เบื้องต้นมี 3 สาขาคือ สาขาเซ็นทรัล เวิลด์, ทองหล่อ และเยาวราช (เริ่มให้บริการต้นปี 2561) และ 1.2 สาขาทั่วไป สามารถทำธุรกรรมทุกประเภท และนำเสนอบริการของกลุ่มในลักษณะ referral (แนะนำต่อ)

2. การพัฒนาช่องทางดิจิตอล จะเน้นรูปแบบที่หลากหลาย เบื้องต้น KKP จะเป็นการทำให้ทัดเทียมกับคู่แข่ง แต่ได้ลงทุนพัฒนารูปแบบใหม่เพื่อให้สามารถบริการ การให้คำปรึกษาทางการเงิน จากทีมงานส่วนกลาง (Centralized Advi- sory Services) ผ่านช่องทางออนไลน์ในลักษณะ Virual branch ซึ่งอยู่ระหว่างศึกษาพัฒนา หากคืบหน้าเป็นที่พอใจ คาดจะทดลองให้บริการได้ในปี 2561

"KKP จะไม่เน้น จำนวนสาขา แต่จะมีในพื้นที่ซึ่งมีศักยภาพเท่านั้น ต้องมีปริมาณเงินและการลงทุนของกลุ่ม เป้าหมายที่หนาแน่นพอ" ซีอีโอ KKP กล่าว

CIMB ตอบโจทย์ช่องบริการ

ส่วนแบงก์ลูกครึ่งอย่าง "ซีไอเอ็มบีไทย" ที่ล่าสุดเปิดสาขาย่อย ใน 7-Eleven แห่งแรกที่โรงเรียนสีตบุตรบำรุงใช้พื้นที่เพียง 3-4 ตารางเมตร พนักงานแบงก์ 1 คน และมีแผนปี 2560 จะเปิดเพิ่มใน 7-Eleven อีก 20-30 สาขา ให้บริการการเงินเพื่อรายย่อย ยกเว้นเรื่องการถอนเงินหรือฝากเงินจำนวนมากๆ

อดิศร เสริมชัยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจรายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า ปี 2560 จะเห็นชัดว่าพฤติกรรมลูกค้าจะเปลี่ยนไปใช้ช่องบริการไหน และจะตอบได้ว่าสาขาแบงก์ทั้งระบบ 7,000 แห่งมากเกินหรือต้องควบรวมปิดสาขาเพิ่มแค่ไหน ผมมองแนวโน้มสาขาจะมีขนาดเล็กลง หันมาเน้นช่องทางดิจิตอลแบงกิ้งมากขึ้น หรือช่องทางผ่านร้านสะดวกซื้อ โดยช่วง 3 ปีที่ผ่านมาซีไอเอ็มบีไทย ได้ลดจำนวนสาขาจากที่มี 160 สาขา เหลือ 91 สาขาในปัจจุบัน

ยุทธศาสตร์สาขาของซีไอเอ็มบีไทย แบ่งเป็น 1. เพื่อลูกค้ารายใหญ่, ผู้ประกอบการ, ลูกค้าลงทุน บริการที่ปรึกษาทางการเงิน จะใช้บริการผ่านสาขาเป็นหลัก 2. ผ่านช่องทางดิจิตอลแบงกิ้ง/ โมบายแบงกิ้ง และ 3. ร้านสะดวกซื้อ ที่อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ารายย่อย

"เราเป็นแบงก์ขนาดเล็ก การจะแข่งขันกับอุตสาหกรรมด้วยกัน ต้องสามารถตอบโจทย์ลูกค้าในเรื่อง serve customer needs ช่องทางบริการที่ชัดเจน เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึง และไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้อาคารใหญ่พื้นที่มากให้สิ้นเปลืองต้นทุน อย่างการเปิดสาขาย่อยใน 7-Eleven ใช้งบลงทุนไม่ถึง 10% ของสาขาเต็มรูปแบบที่มีต้นทุนต่อสาขาต่อปี 5-15 ล้านบาท"

สาขาแบงก์ลดไซซ์-ลดจำนวน

ธีรนุช ขุมทรัพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ พัฒนาผลิตภัณฑ์ลูกค้ารายย่อย บมจ.ธนาคารธนชาต กล่าวว่า รูปแบบสาขาแบงก์พาณิชย์ในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงโดยมีการจัดสรรพื้นที่สำหรับธุรกรรมที่ซับซ้อน เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำทางด้านการเงิน ขณะเดียวกันก็จะเห็นพื้นที่ บริการด้วยตนเองหรือ self service ภาพรวมของอุตสาหกรรมแบงก์คงไม่เพิ่มสาขาและขนาดสาขาโดยทั่วไปจะลดลง

อุตสาหกรรมแบงก์ไทยเข้าสู่อิเล็กทรอนิกส์อย่างเต็มตัว สาขาแบงก์ต้องควบรวมปิดสาขาลงอีกกี่แห่ง หรือปฏิรูปสาขาเฉกเช่นแบงก์ในยุโรปหรือไม่ ก็คงต้องจับตา "พร้อมเพย์" ที่จะเปิดใช้ในอีกไม่กี่เดือนนี้เอง!

 

Source: ฐานเศรษฐกิจ

http://www.thansettakij.com/2017/01/05/123208

 

 

 

 

 

 

 

 

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...