มือใหม่หัดวิเคราะห์

[ginger 11,058]

ธรรมะ ใส่ใจ

 

 

ว.วชิรเมธี (W.Vajiramedhi)

 

 

การทำความดีควรเริ่มจากคนใกล้ตัวดีที่สุด ถ้าข้างในดีแล้วข้างนอกจะดีเอง แต่ถ้าข้างนอกดี ข้างในแย่

เสียงชื่นชมสรรเสริญที่ได้รับมาก็ไร้ความหมายและสูญเปล่า

ประกาศเกียรติยศ โล่ รางวัล ปริญญาดุษฎีบัณฑิตที่ได้มาเป็นพะเรอเกวียนจะมีคุณค่าอะไร

เมื่อในบ้านไม่มีใครที่ชื่นชมเราเหลืออยู่เลยสักคน

[ย่าหยา 395]

วันหยุด.....ขอทบทวนย้อนหลัง...

 

 

 

 

[ginger 11,058]

ธรรมะ วันหยุด ใจไม่เคยหยุด

 

ธรรมะ คือ เรืองในชวิตประจำวันของเรานี่เอง

 

เข้าใจ รักษาใจ ให้มีดี ทำดี ละเว้นการเบียดเบียนตนและผู้อื่น

 

ละชั่่ว ทำดี รักษาใจ ให้ใส

 

ให้คิดดี คิดชอบ

 

ระวังชอบใจ ไม่ชอบใจ ไม่ชอบใครให้รู้

 

ระวังความคิดหากอยากมีใจใสๆ อารมณ์ขุ่นๆครุ่นๆทำร้ายคน

ถูกแก้ไข มกราคม 28, 2012 โดย ginger

[ginger 11,058]

http://www.naewna.com/news.asp?ID=298546

 

http://www.naewna.com/news.asp?ID=298565

[ginger 11,058]

ฟิทช์ประกาศลดเครดิตอิตาลี-สเปนลง 2 ขั้น หวั่นไม่สามารถรับมือวิกฤตหนี้

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 28 มกราคม 2555 09:19:54 น.

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลี สเปน และอีก 3 ประเทศในยูโรโซนเมื่อวานนี้ โดยระบุว่าประเทศเหล่านี้ไม่มีความยืดหยุ่นทางการเงินมากพอที่จะสามารถรับมือกับวิกฤตหนี้ยุโรปได้

ทั้งนี้ ฟิทช์ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลี ซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุดในยูโรโซน ลง 2 ขั้น มาอยู่ที่ระดับ A- จากระดับ A+ พร้อมกับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปนลง 2 ขั้น มาอยู่ที่ระดับ A จากระดับ AA-

นอกจากนี้ ฟิทช์ยังได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของเบลเยี่ยม สโลเวเนีย และไซปรัส พร้อมกับให้แนวโน้มความน่าเชื่อถือของทั้ง 5 ประเทศเป็น "เชิงลบ" ซึ่งบ่งชี่ว่า มีโอกาสอย่างน้อย 1 ใน 2 ที่ประเทศเหล่านี้จะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงอีกในระยะเวลา 2 ปีข้างหน้า

"แนวโน้มความน่าเชื่อถือเชิงลบ สะท้อนให้เห็นว่าประเทศเหล่านี้มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้ และฟิทช์คาดว่า วิกฤตหนี้ยุโรปจะยืดเยื้อต่อไปอีก และจะสร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงินมากขึ้นด้วย" ฟิทช์กล่าวในแถลงการณ์

อย่างไรก็ตาม สกุลเงินยูโรได้รับแรงกดดันเพียงเล็กน้อยจากข่าวดังกล่าว เนื่องจากนักลงทุนในตลาดปริวรรตเงินตราคาดหวังว่าผลการเจรจาเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซจะออกมาเป็นบวกและจะช่วยให้กรีซสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้ นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับข่าวรัฐบาลอิตาลีที่ประสบความสำเร็จในการประมูลตั๋วเงินคลังเมื่อวานนี้ ในขณะที่ต้นทุนการกู้ยืมที่ปรับตัวลดลงด้วย

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

[ginger 11,058]

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: เงินดอลล์อ่อน หนุนทองคำปิดพุ่ง $5.5

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 28 มกราคม 2555 08:23:06 น.

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกัน 3 วันทำการเมื่อคืนนี้ (27 ม.ค.) เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนเข้ามาถือครองทองคำอย่างคึกคัก โดยสกุลเงินดอลลาร์ได้รับแรงกดดันอย่างหนักหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำไปจนถึงปลายปี 2557

สัญญาทองคำที่ตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 5.5 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,732.2 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1730.7 - 1730.7 ดอลลาร์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 4.7 เซนต์ ปิดที่ 33.79 ดอลลาร์/ออนซ์ สัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 1.25 เซนต์ ปิดที่ 3.889 ดอลลาร์/ปอนด์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 6.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,623 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ร่วงลง 4.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 690.15 ดอลลาร์/ออนซ์

นักลงทุนมองว่าการที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ตัดสินใจว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fun rates) ที่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ 0-0.25% ไปจนถึงปลายปี 2557 นั้น ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า เฟดจะใช้มาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

ไมค์ ดาลี ผู้เชี่ยวชาญด้านทองคำจากบริษัท PFGbest ในเมืองชิคาโกกล่าวว่า "หากเฟดเลือกที่จะใช้มาตรการผ่อนคลายด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องสกุลเงินดอลลาร์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ก็จะฉุดสกุลเงินดอลลาร์ให้อ่อนแอลงอีก แต่จะเป็นปัจจัยบวกที่หนุนราคาทองคำทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง"

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำทะยานขึ้นกว่า 4% ในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากวิกฤตหนี้สาธารณะและภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอของยุโรป

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

[ginger 11,058]

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรพุ่งรับข่าวบวกจากกรีซ,ประมูลตั๋วเงินคลังอิตาลี

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 28 มกราคม 2555 08:46:26 น.

สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 6 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกว่า กรีซจะสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ หลังจากรัฐบาลกรีซส่งสัญญาณว่าการเจรจาเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้มีความคืบหน้าอย่างมาก นอกจากนี้ สกุลเงินยูโรยังได้รับแรงหนุนจากความสำเร็จในการประมูลตั๋วเงินคลังของอิตาลี

ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้น 0.99% แตะที่ 1.3227 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.3097 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.33% แตะที่ 1.5736 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5684 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.99% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 76.670 เยน จากระดับ 77.440 เยน และดิ่งลง 0.93% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9117 ฟรังค์ จากระดับ 0.9203 ฟรังค์

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียดีดตัวขึ้น 0.35% แตะที่ 1.0655 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0618 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์แข็งค่าขึ้น 0.61% แตะที่ 0.8241 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8191 ดอลลาร์สหรัฐ

สกุลเงินยูโรได้แรงหนุนหลังจากนายออลลี เรห์น กรรมาธิการด้านเศรษฐกิจและการเงินของสหภาพยุโรป (อียู) กล่าวว่า กลุ่มเจ้าหนี้เอกชนและรัฐบาลกรีซใกล้จะบรรลุข้อตกลงเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดหวังว่ากรีซจะสามารถหลีกเลี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้

การปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซมีเป้าหมายที่จะทำให้สัดส่วนหนี้สินของกรีซปรับตัวดลลงจากระดับ 160% ของจีดีพี มาอยู่ที่ระดับ 120% ของจีดีพี ภายในปี 2563 ซึ่งเป็นระดับที่เจ้าหน้าที่ของอียูและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) มองว่าจะช่วยให้กรีซบริหารจัดการได้มากขึ้น

นอกจากนี้ สกุลเงินยูโรยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่ารัฐบาลอิตาลีสามารถประมูลขายตั๋วเงินคลังได้ตามเป้าที่ 1.1 หมื่นล้านยูโร (1.45 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อวานนี้ โดยมีอัตราผลตอบแทน หรือต้นทุนการกู้ยืมลดลงจากการประมูลขายก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ตั๋วเงินคลังอายุ 182 วันของอิตาลีมียอดจำหน่ายที่ 8 พันล้านยูโร ด้วยอัตราผลตอบแทน 1.969% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. และลดลงจากระดับ 3.251% ในการประมูลตั๋วเงินคลังประเภทเดียวกันเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.ปีที่แล้ว นอกจากนี้ อิตาลียังสามารถจำหน่ายตั๋วเงินคลังอายุ 331 ได้ 3 พันล้านยูโร ด้วยอัตราผลตอบแทน 2.214%

อย่างไรก็ตาม สกุลเงินยูโรได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีลง 2 ขั้น มาอยู่ที่ระดับ A- จากระดับ A+ และลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปนลง 2 ขั้น มาอยู่ที่ระดับ A จากระดับ AA- โดยระบุว่าประเทศเหล่านี้มีความยืดหยุ่นทางการเงินไม่มากพอที่จะสามารถรับมือกับวิกฤตหนี้ยุโรปได้

ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงขั้นต้นประจำไตรมาส 4/2554 ขยายตัว 2.8% ต่อปี ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 3% นอกจากนี้ จีดีพีตลอดทั้งปี 2554 ขยายตัวเพียง 1.7% ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากเมื่อทียบกับระดับ 3% ของปี 2553

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th

[ginger 11,058]

ภาวะตลาดน้ำมัน: น้ำมันดิบปิดลบ 14 เซนต์ แต่ข่าวอิหร่านหนุนตลาดระหว่างวัน

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 28 มกราคม 2555 07:52:36 น.

สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 ม.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ปี 2554 ที่ขยายตัวน้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงเพียงเล็กน้อยเนื่องจากตลาดได้รับแรงหนุนจากข่าวอิหร่านขู่ว่าจะคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันให้กับสหภาพยุโรป (อียู)

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.14% ปิดที่ 99.56 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่เคลื่อนไหวในกรอบ 100.63 - 99.13 ดอลลาร์ โดยตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ 1.1%

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 67 เซนต์ ปิดที่ 111.46 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 1.60 ดอลลาร์ หรือ 1.5%

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ และปิดลบในที่สุด หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยจีดีพีที่แท้จริงขั้นต้นประจำไตรมาส 4/2554 เมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย โดยระบุว่า จีดีพีขยายตัว 2.8% ต่อปี ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 3% นอกจากนี้ จีดีพีตลอดทั้งปี 2554 ขยายตัวเพียง 1.7% ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากเมื่อทียบกับระดับ 3% ของปี 2553

อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากตลาดได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าอาจจะเกิดภาวะติดขัดด้านการลำเลียงน้ำมันในอ่าวเปอร์เซีย หลังจากอิหร่านขู่ว่าจะระงับการส่งออกน้ำมันให้กับอียู เพื่อตอบโต้อียูที่ประกาศคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งอียูมีเป้าหมายที่จะกดดันอิหร่านให้ล้มเลิกโครงการนิวเคลียร์

นายมาห์หมุด อาห์มาดิเนจ้าด ประธานาธิบดีอิหร่าน กล่าวว่า อิหร่านไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการขายน้ำมันให้แก่อียู และยืนยันว่าการคว่ำบาตรไม่สามารถหยุดยั้งการเดินหน้าเรื่องโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านได้ ขณะที่นายนาสซาร์ ซูดานี เจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติของอิหร่านกล่าวว่า รัฐบาลอิหร่านกำลังพิจารณาแผนการลดการส่งออกน้ำมันไปยังประเทศสมาชิกอียู

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อการเจรจาเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซ หลังจากนายออลลี เรห์น กรรมาธิการด้านเศรษฐกิจและการเงินของอียูกล่าวว่า กลุ่มเจ้าหนี้เอกชนและรัฐบาลกรีซใกล้จะบรรลุข้อตกลงเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซ

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--

[ginger 11,058]

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 74.17 จุดหลัง GDP สหรัฐโตน้อยกว่าคาด

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 28 มกราคม 2555 07:20:40 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (27 ม.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ปี 2554 ที่ขยายตัวน้อยกว่าการคาดการณ์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่ฟิทช์ เรทติงส์ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลีและสเปน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 74.17 จุด หรือ 0.58% ปิดที่ 12,660.46 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 2.11 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 1,316.32 จุด ดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 11.27 จุด หรือ 0.40% แตะที่ 2,816.55 จุด

ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงทั้งสิ้น 0.5% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 0.1% และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 1.1%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา โดยดัชนีดาวโจนส์เคลื่อนไหวในแดนลบเกือบตลอดทั้งวัน หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยจีดีพีที่แท้จริงขั้นต้นประจำไตรมาส 4/2554 เมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย โดยระบุว่า จีดีพีขยายตัว 2.8% ต่อปี ซึ่งแม้ว่าจีดีพีไตรมาส 4 ได้ทำสถิติขยายตัวเป็นไตรมาสที่ 10 ติดต่อกัน แต่ก็ขยายตัวได้น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 3%

กระทรวงพาณิชย์ยังเปิดเผยด้วยว่า จีดีพีตลอดทั้งปี 2554 ขยายตัวเพียง 1.7% ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากเมื่อทียบกับระดับ 3% ของปี 2553 ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าวิกฤติหนี้สาธารณะในยุโรปกำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลี สเปน และอีก 3 ประเทศในยูโรโซนเมื่อวานนี้ โดยระบุว่าประเทศเหล่านี้ไม่มีความยืดหยุ่นทางการเงินมากพอที่จะสามารถรับมือกับวิกฤตหนี้ยุโรปได้

ทั้งนี้ ฟิทช์ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิตาลี ซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุดในยูโรโซน ลง 2 ขั้น มาอยู่ที่ระดับ A- จากระดับ A+ พร้อมกับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปนลง 2 ขั้น มาอยู่ที่ระดับ A จากระดับ AA-

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนในระดับหนึ่งในระหว่างวัน จากการที่นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อการเจรจาเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซ หลังจากที่นายอีแวนเจลอส เวนิเซลอส รมว.คลังของกรีซกล่าวว่า การเจรจาดังกล่าวใกล้จะประสบความสำเร็จ ขณะที่นายออลลี เรห์น กรรมาธิการด้านเศรษฐกิจและการเงินของสหภาพยุโรป (อียู) กล่าวว่า กลุ่มเจ้าหนี้เอกชนและรัฐบาลกรีซใกล้จะบรรลุข้อตกลงเรื่องการสว็อปหนี้

นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกในระหว่างวัน หลังจากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือนที่ 75 จุด จากการประมาณการในช่วงก่อนหน้านี้ที่ 74 จุด

หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ร่วงลง 4.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 4 ที่น้อยเกินคาด เนื่องจากต้นทุนปรับตัวสูงขึ้นและบริษัทเผชิญปัญหาการขาดทุนในตลาดยุโรปและเอเชีย

ขณะที่หุ้นเชฟรอนดิ่งลงกว่า 2% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท หุ้นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (พีเอนด์จี) ร่วงลงเกือบ 1% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในสัปดาห์หน้า นักลงทุนมีแนวโน้มที่จะให้ความสนใจกับข่าวเฟซบุ๊ก เตรียมออกหุ้น IPO โดยหนังสือพิมพ์เจอร์นัล วอลล์สตรีทระบุว่า เฟซบุ๊กเตรียมระดมทุนเป็นวงเงินสูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์จากการออกหุ้น IPO ในครั้งนี้

นอกจากนี้ นักทุนจะจับตาดูการรายงานผลประกอบการของบริษัทต่างๆในสัปดาห์หน้า รวมถึงบริษัทไฟเซอร์, ยูพีเอส, Amazon.com และเอ็กซอนโมบิล

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยในสัปดาห์หน้านั้น รวมถึงดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนม.ค. ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 167,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 8.6% ในเดือนม.ค.

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-

[ginger 11,058]

สถาบันการเงินระหว่างปท.เผยเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กรีซยังเดินหน้าต่อวันนี้

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 28 มกราคม 2555 11:02:22 น.

สถาบันการเงินระหว่างประเทศ (IIF) ซึ่งเป็นตัวแทนของเจ้าหนี้ภาคเอกชนผู้ถือครองพันธบัตรกรีซ เปิดเผยว่า การเจรจาระหว่างรัฐบาลกรีซและกลุ่มเจ้าหนี้เอกชนในเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซนั้น ยังคงดำเนินต่อไปในวันนี้ หลังจากทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันได้ในประเด็นหลักๆเมื่อวานนี้

"ทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับประเด็นหลักๆทางกฎหมายและทางเทคนิค" IIF ระบุในแถลงกาณ์ ภายหลังจากเจรจารอบใหม่ระหว่างนายชาร์ลส ดัลลารา กรรมการผู้จัดการ IIF และนายลูคัส ปาปาเดมอส นายกรัฐมนตรีกรีซ

ขณะเดียวกันมีรายงานจากแหล่งข่าวของเยอรมนีว่า การเจรจาในเรื่องการปรับลดมูลค่าพันธบัตรของกรีซที่ถือธนาคารเอกชนถือครองอยู่ หรือการทำ haircut นั้น จะยังคงดำเนินต่อไปในช่วงสุดสัปดาห์นี้

การปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซมีเป้าหมายที่จะทำให้สัดส่วนหนี้สินของกรีซปรับตัวลงจากระดับ 160% ของจีดีพี มาอยู่ที่ระดับ 120% ของจีดีพี ภายในปี 2563 ซึ่งเป็นระดับที่เจ้าหน้าที่ของอียูและไอเอ็มเอฟมองว่า จะสามารถทำให้กรีซบริหารจัดการได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม การเจรจาดังกล่าวยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้เนื่องจากกลุ่มเจ้าหนี้เอกชนและรัฐบาลกรีซยังไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องอัตราผลตอบแทนพันธบัตร

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.t

[ginger 11,058]

ไกธ์เนอร์คาดศก.สหรัฐขยายตัว 2-3% ปีนี้ ชี้ศก.ทั่วโลกยังไม่แน่นอน

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 28 มกราคม 2555 14:01:00 น.

นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 2-3% ในปี 2555 แต่เตือนว่าสหรัฐอาจจะได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจทั่วโลก

"แม้เศรษฐกิจทั่วโลกยังคงเผชิญกับภาวะที่ไม่แน่นอน แต่ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะสามารถขยายตัวได้ราว 2-3% ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่าสถานการณ์ในยุโรปมีความคืบหน้าและไม่มีความเสี่ยงมากนักจากสถานการณ์น้ำมันในอิหร่าน" ไกธ์เนอร์

ไกธ์เนอร์กล่าวว่า "เศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญกับอุปสรรคท้าทาย รวมถึงผลกระทบที่เกิดจากวิกฤตการเงิน อัตราว่างงานที่สูงมาก และตลาดที่อยู่อาศัยที่ยังคงเปราะบาง" เขากล่าว

การคาดการณ์เศรษฐกิจของไกธ์เนอร์มีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกรายงานคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 2.2-2.7% ในปี 2555 ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ในการประชุมเดือนพ.ย.ที่ระดับ 2.5-2.9%

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงขั้นต้นประจำไตรมาส 4/2554 ขยายตัว 2.8% ต่อปี ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 3% นอกจากนี้ จีดีพีตลอดทั้งปี 2554 ขยายตัวเพียง 1.7% ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากเมื่อทียบกับระดับ 3% ของปี 2553

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-

[noppaxz 0]

ขอบคุณ สำหรับข่าวนะครับ

[deb99 290]

ขอบคุณครับ

[TNT2012 13]

จะรอราคาแรกที่1750$แล้วกันเพราะติดเสาร์-อาทิตย์(สมาคมไม่รับซื้อ-ขาย)ไม่รู้จะเปิดราคาทำไมเมื่อไม่มีการซื้อขาย

[ginger 11,058]

สวัสดี จ้าคุณๆ มือใหม่และเพื่อนทุกๆคน TNT2012 deb99 DB23 foo fung สาวมือใหม่ เด็กสยาม ยาย พวงชมพู น้อย ตังเม หัดเล่นgf ปลาวาฬ เด็กดี

 

oshikung guy jojosung put42 goldgold bbeem raty

 

 

รัฐสภาอิหร่านเล็งออกกฎหมายระงับส่งออกน้ำมันให้ประเทศกลุ่มอียู

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 28 มกราคม 2555 10:38:04 น.

สถานีโทรทัศน์เพรสทีวีของอิหร่านรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของนายฮอสเซน อับรอฮิม รองกรรมาธิการด้านความมั่นคงและนโยบายต่างประเทศของรัฐสภาอิหร่านว่า รัฐสภาอิหร่านกำลังหารือเรื่องการร่างกฎหมายเพื่อระงับการส่งออกน้ำมันให้กับประเทศกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ในสัปดาห์หน้า

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะตอบโต้อียูที่ตัดสินใจคว่ำบาตรการนำเข้าอิหร่าน เพื่อกดดันอิหร่านให้ล้มเลิกโครงการนิวเคลียร์ โดยอิหร่านระบุว่าการกระทำของอียูถือเป็น "สงครามทางจิตวิทยา"

การเดินหน้าโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านซึ่งเป็นให้เหตุให้อียูตัดสินใจคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านนั้น ทำให้เกิดความวิตกกังวลเป็นวงกว้างว่า อิหร่านอาจจะตอบโต้ด้วยการปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือบรรทุกน้ำมันที่สำคัญของโลก และปัจจุบัน อิหร่านขายน้ำมันให้ประเทศในอียูคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20% ของปริมาณน้ำมันทั้งหมดที่อิหร่านส่งออก

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การเปิดเผยของนายอิบรอฮิมมีขึ้นไม่นานหลังจากนายนาสซาร์ ซูดานี เจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติของอิหร่านเปิดเผยว่า "รัฐบาลอิหร่านกำลังพิจารณาแผนการระงับการส่งออกน้ำมันไปยังประเทศสมาชิกอียู และการที่ประเทศอียูคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันของอิหร่านนั้น จะทำให้อียูสามารถซื้อน้ำมันจากอิหร่านได้แม้แต่หยดเดียว"

เมื่อวันที่ 1 ม.ค.ปีนี้ เว็บไซต์ของสถานีโทรทัศน์ IRIB TV ของทางการอิหร่าน รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยขององค์การพลังงานปรมาณูแห่งอิหร่าน (AEOI) ประสบความสำเร็จในการผลิตและทดลองตัวอย่างแรกของแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ แต่รายงานระบุว่าอิหร่านใช้แท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์เพื่อผลิตยาสำหรับรักษาโรคมะเร็งเท่านั้น และหลังจากนั้นไม่กี่วันอิหร่านก็ยืนยันว่าได้เริ่มดำเนินการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมที่อุโมงค์ใต้ดินของโรงงานนิวเคลียร์ฟอร์โดแล้ว แต่ยังคงยืนยันว่าเป็นการพัฒนาเพื่อสันติเท่านั้น

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th-