ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 

โพสต์แนะนำ

<p>

AOT เพิ่มเข้มงวดความปลอดภัยสนามบิน 6 แห่งรวมหาดใหญ่ ป้องกันก่อการร้าย

 

 

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 2 เมษายน 2555 15:54:00 น.

ว่าที่เรืออากาศโท อนิรุทธิ์ ถนอมกุลบุตร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท.กล่าวว่า จากเหตุระเบิดที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และในพื้นที่ จ.ยะลา 3 จุดนั้น ทอท.ได้สั่งการให้ท่าอากาศยาน 6 แห่งที่อยู่ภายใต้การบริหารของ ทอท.ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย (ทชร.) ท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) และท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) เพิ่มความเข้มงวดในเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันการก่อวินาศกรรมemnb_1_370235.gif

โดยจะเข้มงวดการตรวจตรากระเป๋าและสัมภาระที่ผู้โดยสารวางทิ้งไว้ รวมถึงการตรวจยานพาหนะที่จะเข้าที่จอดรถของท่าอากาศยานอย่างละเอียด และห้ามจอดรถไว้ที่บริเวณลานจอดรถหน้าอาคารผู้โดยสาร นอกจากนั้น ยังมีการตรวจค้นผู้โดยสารรวมทั้งกระเป๋าสัมภาระที่นำขึ้นเครื่องบิน (Cabin Baggage) ตลอดจนกระเป๋าสัมภาระที่ลำเลียงขึ้นเครื่องบิน (Hold Baggage)

ทั้งนี้ ที่ ท่าอากาศยานหาดใหญ่มีการเพิ่มการเฝ้าระวังโดยได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารตั้งจุดตรวจเข้มตั้งแต่ถนนทางเข้าสู่สนามบินและไม่อนุญาตให้รถที่รับ-ส่งผู้โดยสารจอดบริเวณหน้าอาคารผู้โดยสาร

อย่างไรก็ตาม ยังคงมาตรการรักษาความปลอดภัยอยู่ที่ระดับ 3 จากขั้นสูงสุดคือ ระดับ 4 ซึ่งถือเป็นระดับที่มีความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยมากขึ้นกว่าปกติ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่ง ทอท.ได้ติดตามข่าวสารข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคงเพื่ออาจพิจารณาเพิ่มระดับความเข้มงวดตามสถานการณ์ต่อไป

ว่าที่เรืออากาศโท อนิรุทธิ์ กล่าวว่า ทอท.ยืนยันมาตรการรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานเพื่อให้ผู้โดยสาร และผู้ใช้บริการภายในท่าอากาศยานมีความเชื่อมั่นในความปลอดภัยซึ่งถือเป็นหัวใจหลักในการให้บริการท่าอากาศยานของ ทอท.

--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
กรมบัญชีกลางขอ2เดือน ปรับสูตรเงินบำนาญ กรมบัญชีกลางขอเวลา 2 เดือนปรับสูตรคำนวณเงินบำนาญแก่สมาชิกกบข. ระบุ หากปรับสูตรผลตอบแทนที่ 9% จะต้องใช้เงินถึง 1 แสนล้านบาท ตั้งอดีตผู้พิพากษาขึ้นเวทีแดง นั่งกก.ปปท. ครม.เห็นชอบเสนอชื่อ"อุดม มั่งมีดี" อดีตผู้พิพากษา ศาลฏีกา ที่เคยขึ้นเวทีเสื้อแดง ให้วุฒิสภาคัดเลือกเป็นกรรมการปปท. เครื่องบินตกในรัสเซียตาย 31 เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินโดยสารของรัสเซียตกในเขตไซบีเรียของรัสเซียเช้าวันนี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 31 ราย ครม.อนุมัติกพช.กู้เพิ่ม2หมื่นล.อุ้มราคาน้ำมั

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

GBX มองตัวเลขศก.สหรัฐฯบ่งชี้แนวโน้มทองคำแนะทยอยขายก่อนชน 1,700 ดอลล์ฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 2 เมษายน 2555 16:15:50 น.

นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์ทองคำ บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์(GBX) กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ (2-6 เม.ย.55) ยังคงมีปัจจัยที่น่าติดตาม ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ได้แก่ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐฯที่เชื่อว่าหากมีตัวเลขที่ดีขึ้นจะส่งผลต่อราคาทองคำให้มีการปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนจะเข้าถือครองดอลลาร์สหรัฐฯแทนการลงทุนในทองคำ ในทางกลับกันหากมีตัวเลขที่ไม่ดีขึ้นตามคาดการณ์ทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุน นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยประกาศอัตราดอกเบี้ยยูโรโซนและประชุม ECB ในวันพุธที่ 4 เมษายน 55 ตลอดจนการประกาศอัตราดอกเบี้ยอังกฤษและยอดผู้ขอรับสวัสดิการสหรัฐฯในวันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน 55 รวมถึงยอดจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาในวันศุกร์ที่ 6 เมษายนนี้อีกด้วยemnb_1_370235.gif

สำหรับแนวโน้มการลงทุนทองคำในสัปดาห์นี้ มองกรอบราคาทองคำที่ 1,625-1,700 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ หรือประมาณ 23,750-24,840 บาท/บาททองคำ (อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนที่ 30.86 บาท/ดอลลาร์) โดยแนะนำให้นักลงทุน “ทยอยขาย" หากราคาปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านหรือสูงกว่า 1,680 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ หรือ 24,550 บาท/บาททองคำ และให้รอซื้อที่แนวรับ 1,630-1,640 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ หรือ 23,820-23,970 บาท/บาท โดยให้ “ตัดขาดทุน" ถ้าราคาปรับ ตัวลงต่ำกว่า 1,625 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ หรือ 23,750 บาท/บาททองคำ

“ราคาทองคำในสัปดาห์นี้คาดว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่สำหรับการลงทุนแล้วหากราคาปรับขึ้นนักลงทุนควรมีการทยอยขาย เนื่องจากหากราคาขึ้นไปและไม่ผ่านแนวต้านทางเทคนิคที่ 1,700 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ ซึ่งถือเป็นแนวต้านสำคัญราคาทองคำอาจจะมีการปรับตัวลงมาแรง โดยแนะนำให้ขายตัดขาดทุนที่ 1,625 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์"นายณัฐวุฒิ กล่าว

ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีปรับตัวลงจากสัปดาห์ก่อน โดยราคาทองคำอยู่ที่ 1,668.29 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ (ณ วันที่ 30 มีนาคม 24.00 น.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 7 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ หรือคิดเป็น 0.43% และทำจุดสูงสุดไว้ที่ 1,696.20 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ และทำจุดต่ำสุดไว้ที่ 1,645.63 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์

ทั้งนี้ ราคาทองคำเริ่มปรับตัวขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์จากปัจจัยหนุนหลังจากนายเบน เบอร์นันเก้กล่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯแม้ว่ายอดผู้ขอรับสวัสดิการจะปรับตัวลดลงแล้วก็ตาม แต่เศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงอยู่ห่างไกลจากการขยายตัวทำให้ต้องใช้นโยบายแบบผ่อนคลายต่อไป ซึ่งส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดอาจมีมาตรการใหม่ ๆ ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจหรือ QE3 ออกมาในอนาคต ทำให้มีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาในทองคำซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับผลบวกโดยตรงจากการใช้มาตรการ QE แต่ในวันต่อมาราคาทองคำได้ปรับตัวจากการประกาศผลผลิตมวลรวมอังกฤษที่ลดลง

แต่ในช่วงสุดสัปดาห์ การประชุมของรัฐมนตรีคลังยูโรโซนได้เห็นชอบให้ขยายวงเงินเข้ากองทุนคุ้มครองยูโรโซนจาก 5 แสนล้านยูโรเป็น 8 แสนล้านยูโร และนอกจากนี้ดัชนีภาคการผลิตของจีนในเดือนมี.ค.สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้โดยออกมาที่ 55.1 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาคการผลิตยังคงขยายตัวอยู่ทำให้ตลาดคลายความกังวลว่าเศรษฐกิจจีนอาจชะลอตัวลงได้จึงเป็นผลบวกต่อทองคำและทำให้ราคาทองคำสามารถกลับมายืนในแดนบวกช่วงท้ายสัปดาห์ได้

อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ค่าเงินบาทค่อนข้างผันผวนทำให้การเก็งกำไรในราคาทองคำไทยอาจไม่ได้รับผลตอบแทนเท่าที่ควร แต่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้จะมีการซื้อขาย Currency Futures ซึ่งจะสามารถนำมาช่วยในการป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินบาทสำหรับผู้ซื้อราคาทองคำไทย

--อินโฟเควสท์ โดย ศศิธร ซิมาภรณ์/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ภาคการผลิตยูโรโซนหดตัวเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกันในเดือนมี.ค.

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 2 เมษายน 2555 16:34:51 น.

ภาคการผลิตยูโรโซนหดตัวเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกันในเดือนมีนาคม ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจยูโรโซนอาจหดตัวต่อเนื่องในไตรมาสแรกของปีนี้

มาร์กิต อีโคโนมิกส์ เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อซึ่งเป็นปัจจัยชี้วัดภาคการผลิต หดตัวลงแตะ 47.7 จุดในเดือนมีนาคม จาก 49 จุดในเดือนกุมภาพันธ์ สอดคล้องกับการคาดการณ์เบื้องต้นของมาร์กิต ทั้งนี้ ตัวเลขต่ำกว่า 50 จุดถือว่าอยู่ในภาวะหดตัว

หลายประเทศในยุโรปเผชิญวิกฤตการคลังมานานกว่า 3 ปี ส่งผลให้รัฐบาลประเทศต่างๆต้องใช้มาตรการรัดเข็มขัดและพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันกรีซซึ่งประสบกับวิกฤตหนี้อย่างหนักก็ได้รับเงินช่วยเหลือรอบสองจากนานาประเทศ แต่ถึงกระนั้นความเชื่อมั่นในธุรกิจกลับลดลงเหนือความคาดหมายในเดือนมีนาคม ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจยูโรโซนอาจฟื้นตัวอย่างยากลำบาก

emnb_1_370236.gif

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 2 เมษายน 2555

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 2 เมษายน 2555 17:23:15 น.

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ของญี่ปุ่น (ทังกัน) ประจำไตรมาสแรกของปีนี้ โดยระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ ยืนอยู่ที่ระดับ -4 จุด ทรงตัวจากไตรมาส 4/2554 ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำนักข่าวเกียวโดคาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่จะอยู่ที่ -1 จุดemnb_1_370236.gif

--มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ประกาศเพิ่มแนวโน้มความน่าเชื่อถือระยะยาวของเกาหลีใต้ขึ้นสู่ระดับ "เชิงบวก" จากเดิม "มีเสถียรภาพ"

--สำนักข่าว Itar-Tass รายงานว่า เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินโดยสารตกในเมือง Tyumen Oblast ซึ่งตั้งอยู่ในเขตไซบีเรียของรัสเซีย ทำให้มีผู้โดยสารเสียชีวิต 41 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้โดยสาร 39 ราย และพนักงานบนเครื่องอีก 2 ราย

--ผลสำรวจจากบริษัทหลักทรัพย์ทีดี ซีเคียวริตีส์ และสำนักวิจัยเศรษฐกิจและสังคมประยุกต์ของสถาบันเมลเบิร์น ระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของออสเตรเลีย (CPI) ปรับตัวสูงขึ้นในเดือนมี.ค. จากราคาในภาคการท่องเที่ยวและที่พักอาศัยในช่วงวันหยุด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเชื้อเพลิงรถยนต์

--ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ปริมาณน้ำมันทั่วโลกมีเพียงพอที่จะสามารถชดเชยการร่วงลงของปริมาณการผลิตน้ำมันในอิหร่านได้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะคว่ำบาตรอิหร่านในภาคพลังงานเพิ่มเติมและคว่ำบาตรประเทศที่ซื้อน้ำมันจากอิหร่าน

--สมาคมนายหน้าค้ายานยนต์แห่งญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ประจำเดือนมี.ค.ของญี่ปุ่น ซึ่งไม่นับรวมรถยนต์ขนาดเล็ก ทะยานขึ้น 78.2% เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค.ปีที่แล้ว สู่ระดับ 497,959 คัน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7

--กลุ่มอุตสาหกรรมแห่งออสเตรเลีย/ไพรว์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนมี.ค. ปรับตัวลง 1.8 จุด มาอยู่ที่ระดับ 49.5 จุด เนื่องจากความการชะลอตัวของอุปสงค์ทำให้กิจกรรมด้านการผลิตของเกาหลีใต้หดตัวลง

--เอินส์ท แอนด์ ยัง ซึ่งเป็นบริษัทตรวจสอบบัญชีรายใหญ่ระดับโลกเปิดเผยว่า มูลค่าการเสนอขายหุ้นครั้งแรกให้ประชาชนทั่วไป (IPO) ในตลาดหลักทรัพย์ยังคงอ่อนแรงลงในไตรมาสแรกปีนี้ โดยมีบริษัทที่ระดมทุนผ่านการออกหุ้น IPO ทั้งสิ้น 157 รายในวงเงิน 1.43 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลง 69% เมื่อเทียบเป็นรายปี และทำสถิติต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปี 2551 ซึ่งมียอดระดุมทุนทั้งสิ้น 1.04 หมื่นล้านดอลลาร์และมีจำนวนบริษัทที่ออก IPO ทั้งสิ้น 82 ราย

--นายซูร์ยามิน ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติของอินโดเนียเซียเปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อของอินโดนีเซียได้ขยายตัวรวดเร็วขึ้นในเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่รัฐบาลจะกำหนดเงื่อนไขในการปรับขึ้นราคาน้ำมัน ส่งผลให้ธนาคารกลางมีโอกาสเพิ่มขึ้นในการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมนโยบายการเงินในช่วงต้นเดือนนี้

--ภาคการผลิตยูโรโซนหดตัวเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกันในเดือนมีนาคม ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจยูโรโซนอาจหดตัวต่อเนื่องในไตรมาสแรกของปีนี้

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทิม คุก แห่งแอปเปิลขึ้นแท่นซีอีโออันดับหนึ่งในสหรัฐ

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 2 เมษายน 2555 18:23:59 น.

แม้นายทิม คุก จะเพิ่งขึ้นเป็นเสาหลักของแอปเปิล อิงค์เพียงไม่ถึงแปดเดือน แต่ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ผู้นี้ก็สามารถครองตำแหน่งซีอีโอที่โด่งดังที่สุดในสหรัฐ เมื่อวัดจากคะแนนนิยมของเขาในหมู่พนักงานบริษัทของสหรัฐ

เว็บไซต์ Glassdoor.com เปิดเผยผลการจัดอันดับซีอีโอ 25 อันดับสูงสุดในสหรัฐ ซึ่งปรากฏว่านายทิม คุก อยู่ในอันดับสูงสุด ด้วยคะแนนการยอมรับจากพนักงานถึง 97% ตามด้วยนายจิม เทอร์ลีย์ ซีอีโอของเอินส์ท แอนด์ ยัง และนายพอล เจคอบส์ ซีอีโอควอลคอมม์ ซึ่งทั้งคู่ได้คะแนนเท่ากันที่ 95% ขณะที่นายเคน เชโนลต์ ซีอีโอของอเมริกัน เอ็กซ์เพรส และนายแลร์รี่ เพจ ซีอีโอกูเกิล อยู่ในอันดับ 4 และ 5 โดยได้รับการยอมรับจากพนักงาน 94%emnb_1_370236.gif

เว็บไซต์ระบุว่า การจัดอันดับซีอีโออ้างอิงจากความรู้สึกทั้งหมดของพนักงานในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา โดยการให้พนักงานตอบคำถามที่เรียบง่ายว่า "คุณยอมรับวิธีที่ซีอีโอของคุณใช้นำพาองค์กรหรือไม่"

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายคุก ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นซีอีโอของแอปเปิลเมื่อเดือนส.ค. 2554 หลังการลาออกของนายสตีฟ จ็อบส์ ซีอีโอคนดังของแอปเปิล ซึ่งต่อมาได้เสียชีวิตลงในเดือนต.ค. 2554

เมื่อเปรียบเทียบระหว่างซีอีโอของแอปเปิลคู่นี้พบว่า ก่อนที่นายจ็อบส์จะลงจากตำแหน่งซีอีโอ เขาก็ได้รับความนิยมโดยรวมเท่ากับนายคุกในระดับ 97% อย่างไรก็ตาม Glassdoor.com ตั้งข้อสังเกตว่า นายจ็อบส์ได้รับการยอมรับจากพนักงานที่ระดับ 95% ในระยะเวลาทำสำรวจครั้งก่อนซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนมี.ค. 2553 จนถึงเดือนมี.ค. 2554

"แม้หลายคนคาดการณ์กันไปต่างๆนานาว่า คุกจะได้รับการยอมรับจากพนักงานแอปเปิลได้อย่างไร และเขาจะนำพาบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีแห่งนี้อย่างไร แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาคุ้นเคยกับมันแล้วเป็นอย่างดี" เว็บไซต์ดังกล่าวระบุในหน้าบล็อกประกาศการจัดอันดับล่าสุด

ทั้งนี้เว็บไซต์ Glassdoor.com เป็นชุมชมงานและอาชีพ ซึ่งเปิดให้ผู้เข้าชมดูรายละเอียดเกี่ยวกับงาน รวมทั้งบริษัทต่างๆ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เขียนขึ้นจากเหล่าพนักงานบริษัทซึ่งส่วนใหญ่ไม่เปิดเผยชื่อ

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย จงดี อำมฤคขจร/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

อัตราว่างงานยูโรโซนเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดที่ 10.8% ในเดือนก.พ.

 

ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 2 เมษายน 2555 19:50:33 น.

สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือ ยูโรสแตท รายงานว่า อัตราว่างงานในยูโรโซนได้ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่เริ่มมีการใช้สกุลเงินยูโรที่ 10.8% ในเดือนก.พ. เพิ่มขึ้นจาก 10.7% ในเดือนก่อนหน้า และพุ่งขึ้นจากระดับ 10.0% ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณว่า ตลาดแรงงานยูโรโซนอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย ท่ามกลางวิกฤตหนี้และภาวะปั่นป่วนวุ่นวายในตลาดการเงินemnb_1_370236.gif

สำหรับอัตราว่างงานในกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 27 ประเทศ อยู่ที่ 10.2% ในเดือนก.พ. ขยับขึ้น 0.1% จากเดือนม.ค. และเพิ่มขึ้นจากระดับ 9.5% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน

ยูโรสแตทประเมินว่า จำนวนผู้ไม่มีงานทำในเดือนก.พ. อยู่ที่ 24.55 ล้านคนในอียู และ 17.13 ล้านคนในยูโรโซน

เมื่อเทียบกับเดือนม.ค. จำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้น 172,000 คนในอียู และเพิ่มขึ้น 167,000 คนในยูโรโซน และเมื่อเทียบกับเดือนก.พ. 2554 จำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้น 1.87 ล้านคนในอียู และเพิ่มขึ้น 1.48 ล้านคนในยูโรโซน

ในบรรดาประเทศสมาชิก ออสเตรียเป็นประเทศที่มีอัตราว่างงานต่ำที่สุด ที่ระดับ 4.2% ส่วนประเทศที่มีอัตราว่างงานสูงสุดคือ สเปน โดยแตะที่ระดับสูงถึง 23.6% ในเดือนก.พ.

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สถานการณ์ด้านแรงงานในยุโรปยังคงย่ำแย่กว่าในสหรัฐและญี่ปุ่น โดยอัตราว่างงานในสหรัฐอยู่ที่ระดับ 8.3% ในเดือนก.พ. ขณะที่ในญี่ปุ่นอยู่ที่ 4.7%

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท/รัตนา โทร.02-2535000 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.t

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

In Focus: ศึกมหาอำนาจรุมยำอิหร่าน เข้าตำราช้างสารชนกัน หญ้าแพรกแหลกลาญ

ข่าวบันเทิง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 28 มีนาคม 2555 14:14:29 น.

ปรากฎการณ์ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่พุ่งขึ้นมาเคลื่อนไหวเหนือระดับ 107 ดอลลาร์/บาร์เรลในขณะนี้ทำให้ประเทศทั่วโลกหวาดผวาว่า เศรษฐกิจที่เพิ่งจะฟื้นไข้หลังจากที่นอนซมยาวเมื่อปีที่แล้วนั้น อาจจะกลับมากำเริบหนักขึ้นหากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นจนฉุดไม่อยู่ เพราะการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันไม่เพียงแต่จะสร้างความเดือดร้อนให้กับอุตสาหกรรมประเภทต่างๆที่ต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังสร้างความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสให้กับภาคครัวเรือนด้วยemnb_1_370230.gif

สาเหตุหลักที่หนุนราคาน้ำมันทะยานขึ้นอย่างดุเดือดในรอบนี้มาจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านและชาติมหาอำนาจตะวันตก และล่าสุดที่ต้องจับตาคือ ?อิสราเอล" ที่กลายมาเป็น ?หมากตัวสำคัญ" บนกระดานการเมืองที่ร้อนระอุ ทั้งอิสราเอลและชาติตะวันตกซึ่งมีสหรัฐเป็นหัวหอก ต่างก็กล่าวหาว่าอิหร่านกำลังผลิตอาวุธนิวเคลียร์ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของโลก แม้อิหร่านจะยืนกรานมาโดยตลอดว่าเป็นการผลิตพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติก็ตาม

* เปิดปูมโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน กับสัญญาณพร้อมตอบโต้ชาติตะวันตก

อันที่จริงอิหร่านได้ริเริ่มโครงการนิวเคลียร์มานานกว่า 50 ปีแล้ว แต่โครงการนิวเคลียร์อิหร่านถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษหลังเกิดเหตุก่อการร้ายในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 ซึ่งสหรัฐเชื่อว่า อิหร่านลักลอบพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และสนับสนุนผู้ก่อการร้าย แต่เหตุการณ์ล่าสุดที่ทำให้ประเด็นนิวเคลียร์อิหร่านเริ่มคุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้งก็คือในเดือนพ.ย. 2554 เมื่อสำนักงานพลังงานปรมาณูสากล ( IAEA) มีหลักฐานที่เชื่อถือได้เป็นจำนวนมากว่า อิหร่านทำการวิจัยและพัฒนาบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับอาวุธนิวเคลียร์ และเป็นไปได้ที่กิจกรรมเหล่านี้ยังคงดำเนินอยู่ นับจากนั้นสหรัฐและโลกตะวันตกก็ดาหน้ากับออกมาขู่ว่า จะคว่ำบาตรอิหร่านหากไม่ยุติโครงการนิวเคลียร์ แต่อิหร่านประกาศกร้าวว่าหากอุตสาหกรรมส่งออกน้ำมันซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ของอิหร่านถูกคว่ำบาตร อิหร่านจะปิดช่องแคบฮอร์มุซซึ่งเป็นช่องทางขนส่งน้ำมันที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ระดับอิหร่านแล้วการ ?ขู่" คงไม่อาจทำให้คนทั้งโลกขนหัวลุกได้ อิหร่านตัดสินใจประกาศซ้อมรบเป็นเวลา 10 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค. 2554 ณ บริเวณอ่าวเปอร์เซีย, ช่องแคบฮอร์มุซ และอ่าวโอมาน ซึ่งถือเป็นการแสดงแสนยานุภาพว่า อิหร่านพร้อมที่จะปิดช่องแคบฮอร์มุซได้ทุกเมื่อ

กระทั่งในวันที่ 1 ม.ค. 2555 ในขณะที่คนทั้งโลกกำลังฉลองวันขึ้นศักราชใหม่นั้น อิหร่านก็สร้างเซอร์ไพรซ์ที่ทำให้สหรัฐขำไม่ออก เมื่อเว็บไซต์ของสถานีโทรทัศน์ IRIB TV ของทางการอิหร่านรายงานว่า นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยขององค์การพลังงานปรมาณูแห่งอิหร่าน (AEOI) ประสบความสำเร็จในการผลิตและทดลองตัวอย่างแรกของแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์

หลังจากนั้นไม่กี่วันอิหร่านก็ออกมาย้ำว่า ได้เริ่มดำเนินการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมที่อุโมงค์ใต้ดินของโรงงานนิวเคลียร์ฟอร์โดแล้ว ข่าวดังกล่าวทำเอาสหรัฐและชาติมหาอำนาจตะวันตกพากันนั่งไม่ติดเก้าอี้ แม้อิหร่านบอกว่าใช้แท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์เพื่อผลิตยาสำหรับรักษาโรคมะเร็ง และการพัฒนาเพื่อสันติก็ตาม

* เปิดปมแค้นทะลุจุดเดือด ก่อนอิหร่านถูกสั่งเชือด เซ่นวิกฤตนิวเคลียร์

เส้นทางความแค้นระหว่างอิหร่านและประเทศตะวันตกทวีความรุนแรงจนมาถึงวันที่ 11 ม.ค. 2555 เมื่อมีผู้ลอบวางระเบิดรถยนต์ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งกลางกรุงเตหะราน ส่งผลให้นายมุสตาฟา อาห์มาดี รอสฮาน นักวิทยาศาสตร์ผู้รับผิดชอบงานแยกก๊าซในโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียม เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ สร้างความโกรธแค้นให้กับชาวอิหร่านเป็นอย่างมาก อิหร่านระบุว่า หน่วยสืบราชการลับของอิสราเอล (มอสซาด) เป็นผู้ลงมือก่อเหตุครั้งนี้โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐ (ซีไอเอ) ทั้งยังเปิดโปงหลักฐานว่า อิสราเอลและสหรัฐมีส่วนในการสังหารนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์อิหร่านถึง 4 คนก่อนหน้านี้

จากนั้นในช่วงต้นเดือนก.พ. 2555 ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เมื่อเหตุการณ์ระเบิดโจมตีเจ้าหน้าที่สถานทูตอิสราเอล ในกรุงนิวเดลีเมืองหลวงอินเดีย, กรุงทบิลิซิ ของจอร์เจีย และถัดมาเพียงวันเดียวก็เกิดเหตุระเบิดที่กรุงเทพฯของเรา ผลสำรวจเบื้องต้นพบว่าเป็นการโจมตีเพื่อประสงค์ชีวิตนักการทูตอิสราเอล ซึ่งพอล กาเยีย นักวิเคราะห์ของซีเอ็นเอ็นมองว่า มีความเป็นไปได้สูงมาก ที่อิหร่านจะอยู่เบื้องหลังทั้ง 3 เหตุการณ์ สอดคล้องกับที่โบอาซ กานอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านต่อต้านการก่อการร้ายของศูนย์เฮิร์ซลิยา ในอิสราเอลกล่าวว่า เมื่อวิเคราะห์วัตถุระเบิดในที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็น "ระเบิดแม่เหล็ก" แบบเดียวกับที่พบในที่เกิดเหตุเมื่อครั้งที่นักวิทยาศาสตร์อิหร่านถูกโจมตีนั้น ก็สามารถคาดคะเนได้ว่า การโจมตีเหล่านี้เป็นฝีมือของอิหร่าน เพื่อแสดงให้อิสราเอลเห็นพิษสงของอิหร่านว่าสามารถลงมือปฏิบัติการ "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน" กับอิสราเอลได้ทุกเมื่อ

นอกจากนี้ กาเยีย ซึ่งเคยทำงานเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานข่าวกรองกลางซีไอเอของมานานร่วม 20 ปีนั้น ยังเชื่อว่า อิหร่านใช้วิธียืมมือเครือข่ายข่าวกรองระดับรองในหลายประเทศ วางแผนและหาคนนอกลงมือ โจมตีเป้าหมายเจ้าหน้าที่ทูตอิสราเอล โดยอิหร่านให้ความช่วยเหลือทางอ้อม และอยู่ให้ห่างมากที่สุดเพื่อไม่ให้อิสราเอลกล่าวหาได้อย่างเต็มปากเต็มคำ โดยกาเยีย ระบุว่า อิหร่านมักใช้กลุ่มตัวแทนโจมตีศัตรูในต่างแดน เช่น กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน กลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์ หรืออาจจะเป็น "กองกำลังกัตส์" ซึ่งเป็นกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน

และแล้ววันที่อิหร่านไม่อยากให้เกิดขึ้นก็มาถึง เมื่อรัฐบาลสหรัฐเปิดฉากตอบโต้โครงการนิวเคลียร์อิหร่านครั้งแรกด้วยการประกาศคว่ำบาตรธุรกิจพลังงานของอิหร่านเละคว่ำบาตรบุคคลที่ให้ความช่วยเหลืออิหร่านในการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียม รวมถึงการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี

"นี่เป็นการคว่ำบาตรที่พุ่งเป้าไปยังภาคปิโตรเคมี โดยห้ามไม่ให้มีการจัดหาสินค้า การบริการ และเทคโนโลยีให้แก่ภาคส่วนนี้ของอิหร่าน รวมถึงลงโทษบุคคลหรือองค์กรที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมดังกล่าว การคว่ำบาตรธุรกิจพลังงานจะทำให้อิหร่านประสบความยากลำบากในการดำเนินงานในธุรกิจน้ำมันและก๊าซ ตราบใดที่อิหร่านเลือกเส้นทางที่อันตรายเช่นนี้ สหรัฐก็จะหาทางโดดเดี่ยวและกดดันอิหร่าน ด้วยการร่วมมือกับประเทศพันธมิตรหรือทำด้วยตัวเอง" ประธานาธิบดีบารัค โอบามากล่าว

จากนั้นไม่กี่วัน วุฒิสภาสหรัฐมีมติเอกฉันท์ให้คว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่ออิหร่านในระดับที่รุนแรงมากขึ้น พร้อมกับยืนยันว่าจะใช้บทลงโทษสถาบันการเงินต่างชาติที่ทำธุรกรรมกับธนาคารกลางอิหร่าน และในวันเดียวกันนั้นเอง กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (อียู) ก็ตัดสินใจคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอิหร่าน และตามมาด้วยประเทศมหาอำนาจรายอื่นๆ รวมถึงฝรั่งเศสและอังกฤษ ที่พร้อมใจกันใช้ปฏิบัติการรุมยำอิหร่าน กระทั่งล่าสุด สมาคมการสื่อสารโทรคมนาคมทางการเงินระหว่างธนาคารทั่วโลก (SWIFT) ที่เคยเดินเกมขู่อิหร่านมาหลายรอบ ก็ตัดสินใจประกาศตัดขาดธนาคารอิหร่านที่ถูกขึ้นบัญชีดำออกจากระบบธุรกรรมการเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก

* เปิดศึกโชว์แสนยานุภาพ ต่างฝ่ายต้องการกำราบ แต่เศรษฐกิจโลกเสี่ยงถดถอย

เมื่อถูกลูบคมด้วยมาตรการคว่ำบาตรจากนานาประเทศถึงขั้นนี้ มีหรือพี่ใหญ่แห่งอ่าวเปอร์เซียอย่างอิหร่านจะอยู่เฉย นายมาห์หมุด อมาดิเนจ๊าด ประธานาธิบดีอิหร่านได้สั่งสายตรงถึงพลเรือเอกฮาบิบอลเลาะห์ เซย์ยารี ผู้บัญชาการกองทัพเรือของอิหร่าน ให้เร่งสร้างเรือรบ "จามาราน-2" ซึ่งเป็นเรือรบที่ทันสมัย มีอำนาจทำลายล้างในรัศมีทำการระหว่างภาคพื้นน้ำต่อภาคพื้นอากาศ และภาคพื้นน้ำต่อภาคพื้นน้ำ อีกทั้งมีความสามารถในการยิงทำลายเฮลิคอปเตอร์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้อิหร่านเคยข่มขวัญด้วยการเคลื่อนกองกำลังนาวิกโยธินเข้าไปซ้อมรบที่ช่องแคบฮอร์มุซเป็นเวลานานถึง 10 วัน

ด้านสหรัฐไม่ยอมน้อยหน้า เมื่อพลเรือเอกโจนาธาน กรีเนิร์ต เสนาธิการทหารเรือสหรัฐออกมาเปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า นอกจากเรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำที่ติดตั้งอาวุธเหมือนเรือรบและจอดอยู่ไม่ไกลจากอิหร่านแล้ว สหรัฐยังมีเรือกวาดทุ่นระเบิด 4 ลำประจำการที่บาห์เรน และเตรียมจะส่งไปเพิ่มอีก 4 ลำ นอกจากนี้ สหรัฐยังส่งเรือลาดตระเวนชายฝั่งที่มีการติดตั้งปืนกล Mk-38 Gatling Gun และติดตั้งขีปนาวุธพิสัยใกล้ที่มีอานุภาพการทำลายระยะไม่เกิน 6.4 กิโลเมตร

การประกาศแสนยานุภาพของทั้ง 2 ฝ่าย ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า การปิดช่องแคบฮอร์มุซจะส่งผลให้เกิดภาวะติดขัดด้านการลำเลียงน้ำมันและทำให้เกิดภาวะอุปทานตึงตัว นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่าปฏิบัติการซ้อมรบในครั้งนี้อาจจะตีวงกว้างไปถึงมหาสมุทรอินเดีย

แบงก์ ออฟ อเมริกา คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบอาจพุ่งขึ้น 40 ดอลลาร์/บาร์เรล หากมาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติทำให้การผลิตน้ำมันของอิหร่านต้องหยุดชะงักลง ขณะที่สำนักงานสถิติด้านพลังงานของอิหร่านเปิดเผยว่า อิหร่านซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ส่งออกน้ำมันได้ไม่ถึง 300,000 บาร์เรล/วันในเดือนมี.ค. หรือลดลง 14% และนับเป็นครั้งแรกในปีนี้ที่ยอดส่งออกน้ำมันของอิหร่านลดลง ซึ่งหากผลผลิตน้ำมันของอิหร่านลดลงอีก ราคาน้ำมันก็จะยิ่งพุ่งรุนแรงขึ้น

ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาบอกเราว่า สงครามไม่มีความปราณี และยิ่งศึกสงครามของช้างสารระดับมหาอำนาจในครั้งนี้ มีแต่จะทำให้หญ้าแพรกแหลกลาญบนผืนแผ่นดิน เพราะหากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นไปสูงกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ก็อาจจะฉุดรั้งเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาอยู่แล้วนั้น ให้เผชิญกับภาวะถดถอยครั้งใหญ่ คอลัมน์ In Focus ก็ได้แต่หวังว่า ช้างสารสักฝ่ายหนึ่งจะยอมถอยสักก้าว เพื่อเห็นแก่ประชาชนคนทั้งโลกที่ต้องแบกรับภาระกันจนหลังแอ่นเหมือนเช่นทุกวันนี้

--อินโฟเควสท์ โดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.02-2535000 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th-

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ขยับลง 9 จุด นักลงทุนจับตาดัชนีภาคอุตสาหกรรมสหรัฐ

 

ข่าวหุ้น-การเงิน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 2 เมษายน 2555 19:16:16 น.

ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าขยับลง 9 จุด หรือ 0.1% แตะที่ 13,133 จุด และดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 0.1% แตะที่ 1,403.1 จุด ณ เวลา 07.28 น.ตามเวลานิวยอร์กในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูดัชนีภาคการผลิตประจำเดือนมี.ค.ของสหรัฐ

สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) จะเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนมี.ค.ในวันนี้เวลา 21.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งนักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่า ดัชนี ISM ภาคการผลิตจะอยู่ที่ 53.0 จุดในเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้นจาก 52.4 จุดในเดือนก.พ.

emnb_1_370235.gif

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.พ. ในวันนี้เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทยเช่นกัน ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า ยอดการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.พ. หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนม.ค.

นักวิเคราะห์คาดว่า ตลาดหุ้นสหรัฐจะได้รับแรงหนุนจากรายงานของสหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) ที่ระบุว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตอยู่ที่ระดับ 53.1 ในเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 2.1 จากเดือนก่อนหน้า และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

หุ้นแอปเปิล อิงค์ ดีดตัวขึ้น 0.3% หลังจากนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นแอปเปิลขึ้นสู่ระดับ 1,001 ดอลลาร์ในระยะเวลา 12 เดือน

หุ้นเอวีไอ ไบโอฟาร์มา พุ่งขึ้น 14% อย่างไรก็ตาม หุ้นกรุ๊ปปอน ดิ่งลง 12%

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/ปนัยดา โทร.02-2535000 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.t

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สรุปภาวะ Precious Metals Futures By GT Wealth Management 2 เม.ย. 55 (ภาคบ่าย)

 

ข่าวเศรษฐกิจ ThaiPR.net -- จันทร์ที่ 2 เมษายน 2555 17:30:07 น.

กรุงเทพฯ--2 เม.ย.--GT Wealth Management

ราคาทองคำทรงตัวตลอดวัน อยู่ที่ระดับ 1,666 ดอลล่าหร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ราคาทองคำทรงตัวระหว่างวัน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบลดลงเล็กน้อย และเงินสกุลดอลล่าร์อ่อนตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบยูโร กองทุนSPDR ถือครองทองคำที่ระดับ 1,286.62 ตัน คงที่ เงินบาททรงตัวที่ระดับ 30.76 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐฯ ราคาทองคำแท่งในประเทศราคาเสนอซื้อ 24,200 บาท ราคาเสนอขาย 24,300 บาท

emnb_1_370232.gif

โกลด์ฟิวเจอร์วันนี้

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนเมษายน 2555 (GFJ12) ปิดที่ระดับ 24,520 บาท ปริมาณการซื้อขาย 1,462 สัญญา

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนมิถุนายน 2555 (GFM12) ปิดที่ระดับ 24,720 บาท ปริมาณการซื้อขาย 259 สัญญา

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนสิงหาคม 2555 (GFQ12) ปิดที่ระดับ 24,920 บาท ปริมาณการซื้อขาย 42 สัญญา

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนเมษายน 2555 ขนาด 10 บาท (GF10J12) ปิดที่ระดับ 24,530 ปริมาณการซื้อขาย 3,703 สัญญา

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนมิถุนายน 2555 ขนาด 10 บาท (GF10M12) ปิดที่ระดับ 24,720 ปริมาณการซื้อขาย 1,279 สัญญา

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนสิงหาคม 2555 ขนาด 10 บาท (GF10Q12) ปิดที่ระดับ 24,890 ปริมาณการซื้อขาย 194 สัญญา

ซิลเวอร์ฟิวเจอร์วันนี้

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนเมษายน 2555 (SVJ12) ปิดที่ระดับ 1,010 ปริมาณการซื้อขาย 22 สัญญา

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนมิถุนายน 2555 (SVM12) ปิดที่ระดับ 1,005 ปริมาณการซื้อขาย 1 สัญญา

สัญญาสิ้นสุดอายุเดือนสิงหาคม 2555 (SVQ12) ไม่มีการซื้อขาย

ปริมาณการซื้อขายรวมทั้งตลาด 6,998 สัญญา

ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุนบริษัทจีที เวลธ์ แมเนจเมนท์กล่าวว่า GT คาดว่าราคาทองคำในระยะสั้นยังคงได้รับอิทธิพลจากปัญหาหนี้ยุโรปและราคาน้ำมัน ซึ่งจะเป็นปัจจัยเชิงบวกหลังจากกรีซได้รับอนุมัติเงินกู้รอบที่ 2 ทำให้สามารถเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ในเดือนมีนาคมได้ ประกอบกับแนวทางการผ่อนคลายทางการเงินของประเทศเศรษฐกิจสำคัญอย่างจีน อังกฤษ รวมถึงธนาคารกลางยุโรปที่จะสนับสนุนการเพิ่มขึ้นของราคาสินทรัพย์ แต่การเคลื่อนไหวยังคงเป็นลักษณะผันผวนจากแรงซื้อขายทำกำไร

GT Wealth Management

www.gtwm.co.th

TEL : 02-673-9911

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...