ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
Nexttonothing

โอกาส "เงิน" (จริงๆ) : ระยะประชิด

โพสต์แนะนำ

อ่านจากบทความนึงจากหนังสือพิมพ์ แต่ไปserchหาในnetไม่มี เลยcopyมาให้ไม่ได้ครับ

 

เขาบอกว่าต้นทุนการผลิตโลหะเงิน4-8เหรียญต่อออนซ์ ต้นทุนการผลิตทองคำ 400-500เหรียญต่อออนซ์

 

เขามองว่าเดี๋ยวนี้การถ่ายรูปไม่ใช้ฟิลม์เหมือนแต่ก่อนแล้ว ดังนั้นเขามองว่าการใช้งานจริงของโลหะเงินน้อยลงเยอะ

 

 

ที่จริงแ้ล้วก็ได้อ่านมาแล้วเหมือนกัน แต่ขี้เกียจพิมพ์ออกมา !37 เดี๋ยวจัดการให้ครับ

 

 

ลูกโป่งแตก

Session: โพสต์ทูเดย์วิเคราะห์ หน้าที่ 2

คอลัมพ์: เงิน เงิน เงิน

วันที่: 12 พ.ค. 54

โดย: อรุณ จิรชวาลา (arun_ch99@hotmail.com)

 

ไม่ว่าจะเกิดวิกฤตกี่ครั้ง วัฒนธรรมเก็งกำไรก็ไม่เคยตาย นักปั่นราคาไม่หายสาบสูญไปไหน เพียงแต่เก็บตัวเลียแผล รอจังหวะและโอกาสที่จะกลับมาไล่ต้อนแมลงเม่าให้บินเข้ากองไฟอีกครั้งหนึ่ง

 

เรื่องนี้ไม่ได้เกิดในประเทศไทย และยังไม่ใช่ปัญหาระดับโลก แต่อาจมีส่วนช่วยป้องกันไม่ให้บานปลายกลายเป็นปัญหาใหญ๋โตในอนาคตอันใกล้

 

ปลายสัปดาห์ที่แล้วเกิดภาวะฟองสบู่แตกในตลาดซื้อขายล่วงหน้าโลหะเงินในสหรัฐ ซึ่งพลอยลากราคาทองคำ น้ำมัน และวัตถุดิบอื่นๆในตลาดโลกลงมาด้วย

 

ผลกระทบที่เห็นในบ้านเราคือ ราคาขายปลีกน้ำมันที่เพึ่งขึ้นไปได้ 1-2 วัน ปรับลดลงทันที และดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันศุกร์ดิ่งลงกว่า 2 % อันเนื่องมาจากหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม ปตท. ลดลงหลายเปอร์เซนต์

 

คนไทยอีกกลุ่มหนึ่งที่อาจจะตกใจเช่นกัน คือ นักสะสมทอง หรือนักเล่นทอง เพราะราคาลดลงบาทละหลายร้อย ที่บอกว่าตลาดโลหะเงินฟองสบู่หรือลูกโป่งแตกเป็นเพราะภายในเวลาไม่กี่วัน ราคาตลาดโลกลดลงกว่า 30% คือลดลงกว่ออนซ์ละ 15 เหรียญสหรัฐ จากระดับเกือบ 50 เหรียญสหรัฐ เหลือต่ำก่า 35 เหรียญสหรัฐ

 

ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดคอมโมดิตี โดยเฉพาะอย่างยิ่งทองคำและโลหะเงินอยู่ในภาวะกระทิง อันเนื่องมาจากนโยบายดอกเบี้ยใกล้ศูนย์และนโยบายผ่อนปรนเชิงปริมาณของ ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ซึ่งมีผลทำให้ต้นทุนในการเก็งกำไรต่ำและอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ

 

ในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ ราคาทองคำสูงขึ้นกว่าเท่าตัว แต่ยังสู้โลหะเงินไม่ได้ เพราะราคาสูงขึ้นไปประมาณ 5 เท่า กลายเป็นคอมโมดิตที่โดดเด่นที่สุดในตลาด

 

ล่าสุด เมื่อปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมานี้เอง เบน เบอร์แนนคี ประธานเฟค ได้ออกมายืนยันว่า จะคงนโยบายผ่อนปรนต่อไป รวมทั้งยืนยันว่าภาวะเงินเฟ้อที่เห็นเป็นเรื่องชั่วคราวเกือบจะทันทีที่พูดจบ

 

ตลาดก็ท้าทายด้วยการดันราคาทองคำขึ้นไปสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 1,550 เหรียญสหรัฐ และโลหะเงินขึ้นไปใกล้เคียงกับจุดสูงสุดในอดีตที่ประมาณ50เหรียญสหรัฐ แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันฟองสบู่ก็แตก

 

ก่อนฟองสบู่แตก มีผู้เชี่ยวชาญออกมาทำนายว่าราคาโลหะเงินจะขึ้นไปถึง 100 หรือ 150 เหรียญสหรัฐในไม่ช้า โดยให้เหตุผลที่ฟังผิวเผินน่าเชื่อถือมาก 2 ประการคือ

 

1. ผลผลิตมีไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาดติดต่อกันมาหลายปี และถึงแม้ราคาที่สูงขึ้นจะทำให้ผลผลิตมีแนวโน้มสูงขึ้น แต่ก็คงต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะไล่ทัน

  • เรื่องนี้ผมเชื่อว่า เขาไม่ได้หมายถึงการใช้สอย เพราะการใช้โลหะเงินในหลายปีที่ผ่านมาลดลงมากจากการที่กล้องถ่ายรูปเปลี่ยนจากระบบฟิล์มมาเป็นดิจิตอล เขาคงหมายถึงอุปสงค์ในการลงทุน ซึ่งในอนาคตเมื่ออัตราดอกเบี้ยกลับสูงขึ้น ก็ไม่แน่ใจว่าความต้องการจะยังมีมากกอยู่หรือไม่

2. เขาบอกว่าอัตราส่วนระหว่างราคาทองคำกับราคาโลหะเงิน ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 40 เท่า ยังสูงอยู่ แม้ว่าจะลดลงมาแล้วจากระดับ 60 เท่าก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังน่าจะลดลงได้อีก เ้ช่น 30 เท่า หรือต่ำกว่า เพราะอัตราส่วนเดียวกันนี้ในประวัติศาสตร์สมัยโบราณอยู่ที่ 15-16 เท่า เท่านั้น

  • เรื่องประวัติศาสตร์เป็นเรื่องจริงครับ 200 กว่าปีก่อนมีบทบัญญัติในกฏหมายสหรัฐให้ทองคำมีราคาเป็น 15 เท่าของโลหะเงิน ในขณะที่ยุโรปบางประเทศ เช่น ฝรั่งเศส อัตราส่วนนี้อยู่ที่ 15.5 เท่า แต่หลังจากอังกฤษประกาศยกเลิกการใช้โลหะเงินแทนเงินตรา (เพราะอังกฤษไม่มีเหมืองเงิน) ราคาโลหะเงินก็ตกต่ำลง โดยค่าเฉลี่ยในช่วงหบังอยู่ที่ประมาณ 60 เท่า เคยลงมาต่ำสุดประมาณ 17 เท่า เมื่อ 30ปีก่อน สมัยถูกพี่น้องตระกูลฮันต์ปั่นราคา และสูงสุดประมาณ 100 เท่า
     
  • ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำมากๆ กล่าวกันว่าฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ฟองสบู่แตกในครั้งนี้คือ การปรับขึ้นมาร์จินหรือปริมาณเงินสดที่ต้องวางหลักประกันในการซื้อขายล่วงหน้าถึง 4 ครั้ง รวม 84% จากสัญญาละ 8,700 มาเป็น 1.62 หมื่นเหรียญสหรัฐ ภายในเวลาเพียงไม่ถึง 2 สัปดาห์ โดยตลาดซื้ัอขายล่วงหน้าให้เหตุผลว่าเป็นเพราะดัชนีความผันผวนราคา (Volatility) สูงขึ้นมาก
     
  • อีกด้านมีข่าวลือว่า จอร์จ โซรอส เจ้าพ่อนักเก็งกำไร และคาร์ลอส สลิม มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกชาวเม็กซิกัน (เม็กซิโกเป็นประเทศผู้ผลิตโลหะเงินรายใหญ่) เทขายออกมาเพราะราคาเริ่มสูงเกินปัจจัยพื้นฐาน ข่าวลือนี้ยิ่งทำให้เกิดแรงเทขายและราคายิ่งถล่มทลายไหลรูดลงอย่างรวดเร็ว

 

ผมเขียนเรื่องนี้เพราะทราบว่ามีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ชอบสะสมทองและโลหะมีค่าอื่นๆ รวมทั้งโลหะเงินด้วย ที่ผ่านมาได้กำไรมามากเป็นที่อิจฉาตาร้อนของคนที่ไม่ได้ซื้อไว้ ซึ่งในจำนวนนี้มีส่วนหนึ่งที่รอเวลาให้ราคาปรับฐาน จะได้เข้าไปลงทุนซื้อมาถือไว้บ้าง

 

แต่สิ่งที่พึงระวังคือ การที่ราคาตกถึง 30% ภายในไม่กี่วันย่อมไม่ใช่การปรับฐานโดยปกติอย่างแน่นอน แต่มีลักษณะเป็นฟองสบู่ หรือลูกโป่งแตกมากกว่า

 

หลังจากนี้การที่ราคาจะกลับไปสู่สูงสุดเดิมอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะไม่ว่าจะเป็นผู้ลงทุนตัวจริงหรือนักปั่น ต่างต้องกลัวการเจ็บตัวด้วยกันทั้งสิ้น

 

ผมอยากถือโอกาสให้ข้อมูลอีกด้านเพื่อประกอบการตัดสินใจ คือ เรื่องต้นทุนการผลิต ปัจจุบันต้นทุนการผลิต สำหรับโลหะเงินอยู่ที่ออนซ์ละ 4-8 เหรียญสหรัฐ ในขณะที่ทองคำอยู่ที่ 400-500 เหรียญสหรัฐ ซึ่งระดับราคาปัจจุบันเป็นระดับที่ผู้ผลิตได้กำไรสูงมาก

 

หากราคายังคงอยู่ในระดับนี้ หรือสูงยิ่งขึ้นไปอีก ผลผลิตในอนาคตก็จะย่ิงมีแนวโน้มสูงขึ้นไปอีก ผลผลิตในอนาคตก็จะยิ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นเมื่อใดที่อัตราดอกเบี้ยในสหรัฐสูงขึ้น หรือ เศรษฐกิจโลกถดถอยหรืออัตราเงินเฟ้อต่ำลง ก็เป็นไปได้ที่ราคาตลาดโลกของโลหะมีค่าเหล่านี้จะลดลงได้มากๆ จนลงมาใกล้ต้นทุนผลิต ยิ่งราคาปัจจุบันสูงกว่าต้นทุนเท่าไร ความเสี่ยงจากตลาดขาลงจะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

 

เหรียญทุกเหรียญย่อมมีสองด้าน อย่าหลงเชื่อคำบอกเล่าว่าการถือโลหะมีค่าแทนการฝากเงินกินดอกเบี้ยไม่มีความเสี่ยง

 

หากตัดสินใจลงทุน ถ้าไม่มีเลือดนักพนันเต็มตัว ก็ควรหลีกเลี่ยงการทุ่มแทงในปริมาณมาก หรือจนหมดหน้าตัก

 

 

 

อยากแสดงความเห็นถึงเจ้าของบทความ กรุณาติดต่อคนๆนี้

อรุณ จิรชวาลา (arun_ch99@hotmail.com)

 

 

พิมพ์ไปเหนื่อยไปจริงๆวุ่ย ขอให้คนอ่านกดคะแนนให้ด้วย ไม่งั้นเลิกพิมพ์ให้อ่านอีก !37

 

หรือแช่งให้ดอยด้วย -_-

ถูกแก้ไข โดย Meaw_Joe

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ได้มีโอกาสไปอดหนุน เม็ดเงิน ร้านแม่โจ้ แล้วครับ

พบว่า เม็ดเงิน ร้านแม่โจ้ คุณภาพดีกว่า ร้านลี้..

ขนาดสังเกตด้วยตาเปล่าได้

- ทั้งขนาดเม็ดเงิน

- สี ความเงา

ทางร้านบอกว่าเป็นเม็ดนอก

เมื่อเปรียบเทียบราคาแล้ว ต่างกันไม่กี่บาทครับ

สำคัญ โทรล็อคราคาซื้อขายได้ ;)

 

หน้าตา ผิวพรรณ ประมาณ นี้เปล่าครับ...

 

0img_0640.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

+1 ให้แล้วค่ะ คุณเมียวิ :rolleyes:

กลัวคำแช่งจะเป็นจริงอ่ะ

 

ติดดอยๆๆๆๆ บรื๋อ !_10

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

หน้าตา ผิวพรรณ ประมาณ นี้เปล่าครับ...

 

 

 

แวววาวสดใสอย่างนี้เลยครับ

ถูกแก้ไข โดย G_man

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

+4 ให้คุณเหมียวแล้วครับ กลัวโดนติดดอยตามคำสาป :lol:

ถูกแก้ไข โดย waterdragon

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ต้นทุนการผลิตของทองเป็นเท่าใด?

 

 

ปี 2007 อยู่ที่ $496 /oz. จากปี 2006 ที่ $395 /oz *

 

 

เอามาจากนี้ครับ

 

 

http://www.globlexholding.co.th/talk.php?id=13

 

 

ปี 2007 496 ผ่านมา 4 ปี แล้ว ปีนี้ 2011 จะกี่เหรียญ กัน จะ 400-500 จริงเหรอ

 

 

จะเชื่อ Globlex หรือ คุณ อรุณ จิรชวาลา นายแบงค์ใหญ่

 

 

ฟองสบู่ทองคำจะเกิด ถ้างั้น กองทุนทองคำ ETF ต่างๆ ของแบงค์ต่างๆก็ควรปิดให้หมด น่ะสิ

 

 

:rolleyes: :rolleyes: :rolleyes:

ถูกแก้ไข โดย 888

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

คุณ Meaw_Joe

 

มีสนุกๆ ฮาๆ อย่างนี้เอามาฝากอีกนะครับ สนุกดี

ผมเห็นในเว็บไหนไม่รู้ บอกว่าตอนนี้การขุดแร่เงินขึ้นมาต้องลึกลงกว่าเดิมมาก

ที่ว่าต้นทุน 4-5$ นั้นแค่ค่าคนงานก็ไม่พอแล้ว 555 :lol:

 

สำหรับผม เข้มแข็งพอที่จะอดทนรอให้ความจริงปรากฏครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ถ้าเงินยังอยู่ที่ 35+- อีก 4 ปีก็เท่าทุนแล้วครับ เงินเพ้อตีให้ปีละ3%..

 

วันนี้เอามาเพิ่มอีก2โล ค่าเฉลี่ยผมเหลือ 39.4 แล้ว ซื้อเพิ่มอีก15โล ก็จะเหลือค่าเฉลี่ย 36.9

 

วันก่อน ทอง1500 เงิน 45 เหรียญ ratio 1:33

 

วันนี้ ทอง1500 เงิน 35 เหรียญ ratio 1:42

 

ถ้าวันหนึ่ง ทองไปยืนที่ 1700 เงินจะวิ่งตามทอง ที่ 1:42 มั้ย ถ้าใช่ก็ 40 เหรียญ

 

เราจะรอทอง ที่ 2000 เหรียญ Ratio 1:42 แต่ถ้าไม่ใช่ มีเฮ ละครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ที่จริงแ้ล้วก็ได้อ่านมาแล้วเหมือนกัน แต่ขี้เกียจพิมพ์ออกมา !37 เดี๋ยวจัดการให้ครับ

 

 

ลูกโป่งแตก

Session: โพสต์ทูเดย์วิเคราะห์ หน้าที่ 2

คอลัมพ์: เงิน เงิน เงิน

วันที่: 12 พ.ค. 54

โดย: อรุณ จิรชวาลา (arun_ch99@hotmail.com)

 

[*]เรื่องประวัติศาสตร์เป็นเรื่องจริงครับ 200 กว่าปีก่อนมีบทบัญญัติในกฏหมายสหรัฐให้ทองคำมีราคาเป็น 15 เท่าของโลหะเงิน ในขณะที่ยุโรปบางประเทศ เช่น ฝรั่งเศส อัตราส่วนนี้อยู่ที่ 15.5 เท่า แต่หลังจากอังกฤษประกาศยกเลิกการใช้โลหะเงินแทนเงินตรา (เพราะอังกฤษไม่มีเหมืองเงิน) ราคาโลหะเงินก็ตกต่ำลง โดยค่าเฉลี่ยในช่วงหบังอยู่ที่ประมาณ 60 เท่า เคยลงมาต่ำสุดประมาณ 17 เท่า เมื่อ 30ปีก่อน สมัยถูกพี่น้องตระกูลฮันต์ปั่นราคา และสูงสุดประมาณ 100 เท่า[*]ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำมากๆ กล่าวกันว่าฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ฟองสบู่แตกในครั้งนี้คือ การปรับขึ้นมาร์จินหรือปริมาณเงินสดที่ต้องวางหลักประกันในการซื้อขายล่วงหน้าถึง 4 ครั้ง รวม 84% จากสัญญาละ 8,700 มาเป็น 1.62 หมื่นเหรียญสหรัฐ ภายในเวลาเพียงไม่ถึง 2 สัปดาห์ โดยตลาดซื้ัอขายล่วงหน้าให้เหตุผลว่าเป็นเพราะดัชนีความผันผวนราคา (Volatility) สูงขึ้นมาก

 

 

ผมอยากถือโอกาสให้ข้อมูลอีกด้านเพื่อประกอบการตัดสินใจ คือ เรื่องต้นทุนการผลิต ปัจจุบันต้นทุนการผลิต สำหรับโลหะเงินอยู่ที่ออนซ์ละ 4-8 เหรียญสหรัฐ ในขณะที่ทองคำอยู่ที่ 400-500 เหรียญสหรัฐ ซึ่งระดับราคาปัจจุบันเป็นระดับที่ผู้ผลิตได้กำไรสูงมาก[/color]

 

หากราคายังคงอยู่ในระดับนี้ หรือสูงยิ่งขึ้นไปอีก ผลผลิตในอนาคตก็จะย่ิงมีแนวโน้มสูงขึ้นไปอีก ผลผลิตในอนาคตก็จะยิ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นเมื่อใดที่อัตราดอกเบี้ยในสหรัฐสูงขึ้น หรือ เศรษฐกิจโลกถดถอยหรืออัตราเงินเฟ้อต่ำลง ก็เป็นไปได้ที่ราคาตลาดโลกของโลหะมีค่าเหล่านี้จะลดลงได้มากๆ จนลงมาใกล้ต้นทุนผลิต ยิ่งราคาปัจจุบันสูงกว่าต้นทุนเท่าไร ความเสี่ยงจากตลาดขาลงจะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

 

เหรียญทุกเหรียญย่อมมีสองด้าน อย่าหลงเชื่อคำบอกเล่าว่าการถือโลหะมีค่าแทนการฝากเงินกินดอกเบี้ยไม่มีความเสี่ยง

 

 

 

 

 

พิมพ์ไปเหนื่อยไปจริงๆวุ่ย ขอให้คนอ่านกดคะแนนให้ด้วย ไม่งั้นเลิกพิมพ์ให้อ่านอีก !37

 

หรือแช่งให้ดอยด้วย -_-

ขอบคุณความมีน้ำใจของคุณเมียวโจ้มากๆเลยครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ใครเข้าใจรบกวนช่วยอธิบายทีครับ ผม งง มาก :wacko: :wacko: :wacko: เพราะดูความต้องการซื้อในทุกกลุ่มอยู่ในเกณลดลงแล้วปริมาณต้องการขายเพิ่มขึ้น ข้อแรก คนขายเอาแร่เงินมาจากไหนมาเสนอขายในปริมาณที่เพิ่มขึ้น

ข้อ2 ถ้าราคาลงหรือไม่ได้กำไรแล้วทำไมยังทำธุรกิจนี้อยู่ ข้อ3 ทำไมกองทุนถึงได้ักักตุน เงินไว้ถ้าราคามันไม่ดี โดยเฉพาะกองทุนในอเมริกา

หรือผมแปลอะไรผิดช่วยบอกด้วยครับ

ขอตอบเฉพาะส่วนสีแดงนะครับ ดูกราฟแล้วผมยังไม่ค่อยเข้าใจ เพิ่งเปิดดูแต่ต้องรีบไปทำงานแล้ว

 

---จากกราฟไม่ได้บอกถึงความต้องการซื้อในการเก็บเป็นสินทรัพย์สำหรับการลงทุนซึ่งน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ปัจจุบันการซื้อเป็นทองแท่งเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย โลหะเงินก็น่าจะเหมือนกัน

---ข้อ2ที่เคยอ่านมา ราคาเงินที่ลดลงมากเลยไม่มีคนทำเหมืองเงืนครับ เงินที่ได้เป็นผลพลอยได้จากการทำเหมืองอื่นครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอตอบเฉพาะส่วนสีแดงนะครับ ดูกราฟแล้วผมยังไม่ค่อยเข้าใจ เพิ่งเปิดดูแต่ต้องรีบไปทำงานแล้ว

 

---จากกราฟไม่ได้บอกถึงความต้องการซื้อในการเก็บเป็นสินทรัพย์สำหรับการลงทุนซึ่งน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ปัจจุบันการซื้อเป็นทองแท่งเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย โลหะเงินก็น่าจะเหมือนกัน

---ข้อ2ที่เคยอ่านมา ราคาเงินที่ลดลงมากเลยไม่มีคนทำเหมืองเงืนครับ เงินที่ได้เป็นผลพลอยได้จากการทำเหมืองอื่นครับ

ขอบคุณครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
:wub: โอ๋โอ๋ๆอย่าแช่งเลย/k เหมียวเอ้า+2เล้ยยแค่นี้ก็หนาววววว แว้ววว :wub: และขอขอบคุณทุกๆท่านที่นำบทความและข้อมูลดีๆมาให้ผมและสมาชิกthaiglod :wub: :wub: ถูกแก้ไข โดย บ่าววาริน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...