ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
aunson

บรรยากาศทองคำ ณ ช่วงเวลานี้ BY Rจานอั๋น

โพสต์แนะนำ

หุ้นห่านทองคำ PATO http://stockseeder.b...12/02/dtac.html

 

----------------------------------------------------------------------

 

วิวัฒนาการ : ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร http://www.stock2mor...ead.php?t=31652

 

นักลงทุนที่จริงจังและประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งนั้น ผมเชื่อว่าจะต้องมีวิวัฒนาการในเรื่องของหลักความคิดและวิธีการลงทุน ไม่มาก ก็น้อย ความหมายก็คือ เป็นเรื่องยากที่นักลงทุนจะสามารถเริ่มต้นลงทุนด้วยความคิดความเข้าใจที่สมบูรณ์แบบ และสามารถใช้หลักการและวิธีการนั้นได้ตลอดไป นอกจากนั้น ภาวะการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปก็ทำให้แนวทางที่เคยใช้และประสบความสำเร็จ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดต่อไป อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงมักเกิดขึ้นอย่างช้าๆ บางทีแทบไม่รู้ตัว

 

วิวัฒนาการที่รุนแรงจนอาจจะเรียกว่าเป็นการปฎิวัติวิธีการลงทุนที่ผมคิดว่าเป็นทางบวก ก็คือ การปรับเปลี่ยนตัวเองจากการเล่นหุ้นแบบเก็งกำไรเป็นการลงทุนที่ยึดแนวทางแบบ Value Investment นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว สำหรับนักลงทุนรุ่นใหม่หลายๆคน เขาอาจจะไม่ต้องผ่านวิวัฒนาการนี้เลยเพราะคำว่า Value Investment ไม่ใช่เรื่องที่คนไม่รู้จักอีกต่อไป และนักลงทุนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยเริ่มต้นชีวิตการลงทุนในแนวทางนี้อย่างมั่นคง

 

วิวัฒนาการเรื่องที่สองที่ผมคิดว่าน่าจะส่งผลกระทบค่อนข้างมากต่อความมั่งคั่งส่วนตัว ก็คือ การจัดสรรเงินลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินต่างๆ ความคิดของการกระจายความเสี่ยงโดยการลงทุนในทรัพย์สินต่างๆที่หลากหลาย ทั้งเรื่องของอสังหาริมทรัพย์ เงินฝาก พันธบัตร หุ้นกู้ หน่วยลงทุน และหุ้น กับความคิดในการเน้นการลงทุนในหลักทรัพย์เฉพาะอย่าง เป็นเรื่องที่จะตัดสินชะตากรรมทางการเงินของคนได้มหาศาล

 

ผมเอง เริ่มจากการกระจายการลงทุนตามตำราที่ร่ำเรียนมาและโดยสามัญสำนึก แต่วิวัฒนาการมาเรื่อยๆ และกลายเป็นคนที่มีทรัพย์สิน 99% อยู่ในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ถูกหรือผิด สำหรับหลายๆคน นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ผิดอย่างสิ้นเชิง เพราะความผิดพลาดถ้าเกิดขึ้นอาจจะกลายเป็นหายนะ แต่สำหรับผม นี่คือวิวัฒนาการ ดังนั้น ผมคิดว่าผมปรับตัวกับมันได้เป็นอย่างดี และเท่าที่ผ่านมาก็ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาแต่อย่างใด สำหรับอีกหลายคน การปรับตัวจากการมีหุ้นเพียงน้อยตัวเป็นหุ้นมากตัว หรือการมีพันธบัตร มีหน่วยลงทุน หรือมีความหลากหลายของการลงทุนอาจจะเป็นวิวัฒนาการที่ดีขึ้นก็เป็นได้

 

วิวัฒนาการต่อมาที่ผมคิดว่ากำลังเป็นมากขึ้นเรื่อยๆของผมก็คือ การวิ่งหา “คุณภาพ” มากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ลดความเข้มข้นทางด้านราคาที่ถูกของหุ้นลง ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะหุ้นที่มีราคาถูกอาจจะมีน้อยลงในภาวะปัจจุบัน เมื่อเทียบกับช่วงที่ผมเริ่มการลงทุนแบบ Value Investment ใหม่ ๆ หลังวิกฤติเศรษฐกิจ

 

วิวัฒนาการอีกอย่างหนึ่งก็คือ เรื่องระยะเวลาของการถือครองหุ้น เมื่อคนมีประสบการณ์การลงทุนมานานขึ้น ระยะเวลาของการถือหุ้นอาจจะเปลี่ยนแปลง ส่วนใหญ่ก็น่าจะนานขึ้น การ “Take Profit” หรือ การ “Cut Loss” อาจจะเปลี่ยนแปลง หลายๆคน “Let Profit Run” และ “Cut Loss” เร็ว นี้เป็นวิวัฒนาการที่อาจจะสำคัญมากสำหรับหลายคน สำหรับผมเอง วิวัฒนาการของผมก็คือ ผมแทบจะไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้แล้ว ผมถือหุ้นยาวเกินกว่าที่จะพูดถึงเรื่องกำไร เพราะหุ้นเกือบทุกตัวถ้าจะนับกำไรก็มีกำไรมหาศาล แต่เป็นกำไรที่ถือมา 5 หรือ 10 ปี ซึ่งทำให้ไม่มีความหมายมากนักในแง่ของการลงทุน

 

วิวัฒนาการที่ผมคิดว่า Value Investor น่าจะต้องมีก็คือ เรื่องของความคึกคักของหุ้น นี่คือความคิดว่า หุ้นที่น่าสนใจหรือเข้าข่ายที่จะซื้อจะต้องเป็นหุ้นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงพอสมควร มีรายงานการวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ หรืออย่างน้อย ต้องเป็นหุ้นที่มีการพูดถึงกันในอินเตอร์เน็ตในหมู่ Value Investor ด้วยกัน เช่นเดียวกัน หุ้นที่เข้าข่ายจะต้องมีความเคลื่อนไหวของราคาหรือปริมาณการซื้อขายหุ้นเหล่านี้ ผมคิดว่าวิวัฒนาการควรจะเป็นการเคลื่อนจากการดูกิจกรรมของหุ้น มาเป็นการดูกิจกรรมทางธุรกิจและผลการดำเนินงาน เพราะนี่คือวิวัฒนาการที่จะนำให้เราไปสู่การเป็น Value Investor ที่ดีขึ้น และจะทำให้เราสามารถค้นพบหุ้นที่จะสร้างผลตอบแทนมหาศาลได้

 

วิวัฒนาการที่ผมเริ่มสังเกตอีกอย่างหนึ่ง และน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของการลงทุน ในแง่ผลตอบแทนก็คือ การซื้อหุ้นแต่ละตัวในจำนวนที่มากขึ้นเรื่อยๆ ผมจำได้ว่าในช่วงแรกของการลงทุนแบบ Value Investment ของผมนั้น ผมซื้อเป็นหลักร้อยหรือพันหุ้นก็ถือว่ามากแล้ว แต่ในระยะหลังดูเหมือนว่า ผมจะซื้อเป็นหลักแสนหรือล้านหุ้นในหุ้นแต่ละตัว เหตุผลส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะมีการแตกพาร์ของหุ้นจาก 10 บาทเป็น 1 บาท เป็นส่วนใหญ่ แต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าพอร์ตของหุ้นมีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนที่ดี และอีกส่วนหนึ่งมาจากการพยายามที่จะเน้นลงทุนในหุ้นน้อยตัวลง และแต่ละตัวมีจำนวนหุ้นที่มากขึ้น ประสบการณ์ของผมก็คือ หุ้นที่ผมมีมากอย่างมีนัยสำคัญ มักจะให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้นที่เป็นเบี้ยหัวแตก

 

ผมเชื่อว่าผมคงจะมีวิวัฒนาการต่อไปเรื่อย ทั้งอย่างรู้ตัวและไม่รู้ตัว Value Investor ส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น โดยเฉพาะสำหรับคนที่จริงจังกับการลงทุน ถ้าเราลงทุนมา 5 ปี แล้วและเมื่อมองย้อนหลังกลับไปพบว่า เรายังทำแบบเดิมทุกอย่าง เราคงจะต้องทบทวนว่ามีอะไรผิดหรือไม่ เป็นไปได้ว่าเรายังทำอย่างเดิมทุกอย่างเพราะมันเป็นสิ่งที่ดีและไม่มีอะไรผิด แต่ก็เป็นไปได้เช่นกันว่า เรากำลังจมอยู่กับกลยุทธ์ที่ล้มเหลวไม่ก้าวหน้า และจะต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างเพื่อสิ่งที่ดีขึ้น อย่าลืมว่า แม้แต่ วอเร็น บัฟเฟตต์เอง ก็บอกว่า ตนเองนั้นมีวิวัฒนาการ สิ่งที่เขาทำในวันนี้ แตกต่างไปมากจากสิ่งที่เขาทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงต้นๆในชีวิตการลงทุนของเขา

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

http://www.doohoon.com/smf/index.php?topic=14302.0;wap2

เครดิตภาษีเงินปันผล ผลประโยชน์ที่ถูกมองข้าม

Investor Guide

โดย ธันวา เลาหศิริวงศ์ (Re-Publish)

 

นักลงทุนจำเป็นจะต้องรู้และเข้าใจเรื่องภาษี เพราะการจ่ายภาษีอากรให้ถูกต้องและครบถ้วนตามกฎหมายกำหนดเป็นสิ่งที่ผู้ลงทุนจะต้องถือปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ความเข้าใจเรื่องภาษียังอาจช่วยประหยัดรายจ่ายภาษีได้ด้วย สำหรับนักลงทุนประเภทบุคคลธรรมดาจะได้รับยกเว้นภาษีสำหรับ "กำไรจากการขายหลักทรัพย์" หรือ กำไรส่วนต่างราคาจากการซื้อขายหลักทรัพย์ (capital gain) ขณะที่ "เงินปันผล" นั้นบริษัทจะหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 10 นักลงทุนมีสิทธิเลือกที่จะนำเงินปันผลนั้นมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีปลายปีหรือไม่ก็ได้ ซึ่งหากเลือกที่จะนำเงินปันผลนั้นมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ปลายปี กรณีนี้จะได้รับเครดิตภาษีเงินปันผล

 

เพื่อจะให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นผมจะยกตัวอย่างการคำนวณภาษี และ การขอเครดิตภาษีเงินปันผล การคำนวณดังกล่าวเป็นการคำนวณในกรณีที่ผู้ลงทุนไม่มีรายได้อื่น ดังนั้นฐานภาษีจะอยู่ในระดับต่ำสุด หากผู้ลงทุนมีรายได้ประจำหรือรายได้อื่น ต้องนำรายได้ทั้งหมดมารวมกันแล้วจึงคำนวณการเสียภาษีในอัตราที่กำหนด ขอยกตัวอย่างดังนี้

 

เงินปันผลที่ได้รับ 70,000 บาท (1)

 

หักภาษี ณ.ที่จ่าย 10% 70,000 x 10% = 7,000 บาท (2)

 

เงินปันผลรับจริง (1) - (2) 70,000 - 7,000 = 63,000 บาท (3)

 

ขอเครดิตภาษีเงินปันผลได้ 70,000 x 3 / 7 = 30,000 บาท (4) *, **

 

ภาษีที่ถูกหักไว้ทั้งสิ้น (2) + (4) 7,000 + 30,000 = 37,000 บาท (5)

 

หากไม่มีรายได้อื่น จะมีรายได้ (1)+(4) 70,000 + 30,000 = 100,000 บาท (6)

 

หักค่าลดหย่อนส่วนตัว = 30,000 บาท

 

รายได้เหลือหลังค่าลดหย่อน = 70,000 บาท

 

เงินได้พึงประเมินต่ำกว่า 80,000 บาท ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ ***, ****

 

แต่เนื่องจากเงินได้จากเงินปันผลนี้ไม่ใช่เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) และมียอดตั้งแต่ 60,000 บาทขึ้นไป

 

จึงต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้ร้อยละ 0.5 ของเงินได้ก่อนหักค่าใช้จ่าย

 

ในกรณีนี้คือ 100,000 x 0.5% = 500 บาท (7)

 

ขอเงินภาษีคืนส่วนชำระเกิน (5) - (7) 37,000 - 500 = 36,500 บาท (8 )

 

เงินปันผลได้รับจริง (3)+(8 ) 63,000 + 36,500 = 99,500 บาท (9)

 

 

หมายเหตุ

 

* บริษัทจดทะเบียนเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 30 จึงสามารถขอเครดิตภาษีคืนได้ในอัตรา 3/7 ดังนั้นผู้ที่มีรายได้ที่ต้องเสียภาษีในอัตราร้อยละ 37 จะไม่มีโอกาสได้รับประโยชน์จากการของเครดิตภาษีปันผล

 

** ถือเป็นเงินได้พึงประเมินและให้ถือเป็นภาษีเงินได้ถูกหัก ณ. ที่จ่ายด้วย

 

*** เงินได้สุทธิ 80,000 บาทแรก ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตั้งแต่ปีภาษี 2546 เป็นต้นไป

 

ในตัวอย่างดังข้างต้น เงินปันผลจริงที่ได้รับคือ 99,500 บาท ไม่ใช่ 63,000 บาทอย่างที่เข้าใจ หรือสามารถขอเครดิตภาษีปันผลคืนได้ 36,500 บาท นับว่าไม่น้อยเลย ตัวอย่างดังกล่าวเป็นการคำนวณสำหรับบริษัทที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 30 จึงสามารถขอเครดิตภาษีคืนได้ในอัตรา 3/7 หากบริษัทเสียภาษีเงินได้ในอัตราร้อยละ 25 ก็จะสามารถขอเครดิตภาษีคืนในอัตราลดลงมาคือ 1/5 หรือมาจาก 25 / ( 100-25) นั่นเอง อนึ่งสำหรับบริษัทที่ได้สิทธิยกเว้นในการเสียภาษี เราไม่สามารถนำมาขอเครดิตภาษีเงินปันผลได้ สำหรับผู้ถือหุ้น PTTEP จะได้ประโยชน์จากการขอเครดิตภาษีเงินปันผลอย่างมากเพราะ PTTEP เป็นธุรกิจที่ได้รับจากกิจการตามพระราชบัญญัติปิโตเลียม พ.ศ. 2541 ซึ่งเสียภาษีเงินได้นิติลบุคคลในอัตราร้อย 50 นั่นหมายความว่า ผู้ถือหุ้นของ PTTEP สามารถขอเครดิตเงินภาษีเงินปันผลได้ทั้งจำนวนนั่นเอง

 

หากจะอธิบายง่าย ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็คือ มีการเสียภาษีซ้ำซ้อนเนื่องจาก บริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรได้ชำระภาษีนิติบุคคลแล้ว ขณะที่ผู้ลงทุนนั้นนำเงินปันผลมาคำนวณเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีกครั้งหนึ่ง ทางการจึงอนุญาตให้นักลงทุนประเภทบุคคลธรรมดามีสิทธิเลือกที่จะนำเงินปันผลนั้นมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีปลายปีเพื่อขอเครดิตภาษีปันผล ทั้งนี้นักลงทุนที่มีฐานภาษีอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำจะยิ่งได้ประโยชน์มากขึ้น การขอเครดิตภาษีเงินปันผลนี้จะเป็นประโยชน์มากสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่มีรายได้ประจำหรือวัยหลังเกษียณเนื่องจากไม่มีฐานภาษีดังตัวอย่างข้างต้น

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับ เมื่อวานRจานอั๋น แม่นมากครับ :gd

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

การเงิน - การลงทุน : เศรษฐกิจต่างประเทศ

วันที่ 20 เมษายน 2555 06:34

 

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดบวก เนื่องจากนักลงทุนคาดข้อมูลศก.อ่อนแอและยอดขายบ้านมือสองที่ร่วงลงอาจหนุนเฟดใช้คิวอี3

 

ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 1.8 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ 1,641.4 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1650.5 - 1641.4 ดอลลาร์

 

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ดีดตัวขึ้น เมื่อเทียบกับเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์ก เพราะได้แรงหนุนจากข่าวความสำเร็จในการประมูลขายพันธบัตรของรัฐบาลสเปน หลังจากข่าวที่ว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) สามารถระดมทุนจากประเทศสมาชิกได้ทั้งสิ้น 3.20 แสนล้านดอลลาร์ในขณะนี้ เพื่อรับมืองกับวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป

 

สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้น 0.10% แตะที่ 1.3133 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 1.3120 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.20% แตะที่ 1.6052 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.6020 ดอลลาร์สหรัฐ

 

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดขึ้น 0.31% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 81.530 เยน จากระดับ 81.280 เยน และขยับลงเล็กน้อย 0.04% เมื่อเทีบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9153 ฟรังค์ จากระดับ 0.9157 ฟรัง

 

การเงิน - การลงทุน : เศรษฐกิจต่างประเทศ

วันที่ 20 เมษายน 2555 06:13

ฝรั่งเศสขายบอนด์ได้ 8 พันล้านยูโร

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

ฝรั่งเศสขายพันธบัตรระยะกลางได้ 7.97 พันล้านยูโร ในการประมูลล่าสุด ใกล้เคียงเป้าหมายสูงสุดที่วางไว้ ขณะต้นทุนการกู้ยืมปรับตัวขึ้น

 

สำนักบริหารหนี้แห่งฝรั่งเศส เปิดเผยว่า ฝรั่งเศสขายพันธบัตรอายุ 5 ปี ซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนก.พ.2560 ได้ 2.7 พันล้านยูโร ที่อัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 1.83% เพิ่มขึ้นจาก 1.78% ในการประมูลเมื่อวันที่ 15 มี.ค.

 

ขณะเดียวกัน ฝรั่งเศส ยังขายพันธบัตรอายุ 2 ปีซึ่งครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนก.ย. 2557 ได้ 3.55 พันล้านยูโร และพันธบัตรอายุ 3 ปีที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนเม.ย.2558 ได้ 1.73 พันล้านยูโร โดยสำนักบริหารหนี้ฝรั่งเศส กำหนดเป้าหมายของยอดขายพันธบัตรไว้ในช่วง 7.0 - 8.0 พันล้านยูโร

 

นอกจากนี้ ภายหลังเสร็จสิ้นการประมูลพันธบัตรอายุ 2, 3 และ 5 ปี ฝรั่งเศสยังได้ขายพันธบัตรอ้างอิงเงินเฟ้อ อายุ 6 ปีซึ่งครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนก.ค.2561 โดยขายได้ 2.5 พันล้านยูโร ซึ่งอยู่ในช่วงกลางของเป้าหมายที่วางไว้ระหว่าง 2-3 พันล้านยูโร

 

สำหรับปัจจัย ที่นักลงทุนจับตาในตอนนี้คือ การเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งจะมีขึ้น 2 รอบในวันอาทิตย์นี้และวันที่ 6 พ.ค. ซึ่งโพลล์หลายสำนักชี้ว่า มีแนวโน้มที่นายนิโกลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน อาจพ่ายแพ้ให้กับนายฟรองซัวส์ โอลลองด์ จากพรรคสังคมนิยม ซึ่งจุดกระแสวิตกกังวลในตลาด เกี่ยวกับนโยบายการปรับลดภาระหนี้สินจำนวนมหาศาลของประเทศ โดยขณะนี้ นักลงทุนยังคงรอดูผู้สมัครเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นสำคัญนี้

 

การเงิน - การลงทุน : เศรษฐกิจต่างประเทศ

วันที่ 20 เมษายน 2555 06:16

สเปนขายพันธบัตรได้ 2.54 พันล้านยูโร

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

สเปนขายพันธบัตรได้สูงถึง 2.54 พันล้านยูโร หลังนักลงทุนตอบรับท่วมท้น

 

รัฐบาลสเปน สามารถระดมทุนด้วยการขายพันธบัตรอายุ 10 ปี และ 2 ปี เป็นวงเงินทั้งสิ้น 2.54 พันล้านยูโร (3.33 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของกรอบเป้าหมายที่วางไว้ที่ 1.5 - 2.5 พันล้านยูโร เนื่องจากนักลงทุน ให้การตอบรับอย่างท่วมท้วน แต่ต้นทุนการกู้ยืมของการออกพันธบัตรชุดนี้ ปรับตัวสูงขึ้น ถือเป็นการทดสอบความสามารถของรัฐบาลสเปนในการชำระหนี้

 

ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย หรือ อัตราผลตอบแทน สำหรับพันธบัตรอายุ 10 ปี อยู่ที่ 5.743% เพิ่มขึ้นจากระดับ 5.403% ในการประมูลครั้งก่อน ขณะที่ความต้องการซื้อพันธบัตรมากกว่าจำนวนที่นำออกประมูลอยู่ 2.4 เท่า

 

สำหรับพันธบัตรอายุ 2 ปีนั้น อัตราผลตอบแทนลดลงมาอยู่ที่ 3.463% จาก 3.495% ในการประมูลเมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่สัดส่วน bid-to-cover ratio อยู่ที่ 3.3 เท่า

 

ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนวิตกกังวลว่าสเปน จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้ยุโรป หลังจากธนาคารกลางสเปนเปิดเผยว่า หนี้เสียในภาคธนาคารของสเปนพุ่งขึ้นแตะ 8.2% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 18 ปี ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่าเ ศรษฐกิจสเปนอาจหดตัว 1.8% ในปีนี้

 

นายคริสเตียน ชูลซ์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารดาเรนเบิร์กของเยอรมนี แสดงความกังวลว่า สเปน ยังคงมีความเสี่ยงที่จะตกเป็นเป้าหมายของวิกฤตหนี้สาธาราณะในยูโรโซน และระบุว่า แม้รัฐบาลสเปนประสบความสำเร็จในการประมูลขายตราสารหนี้ระยะสั้น แต่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ ซึ่งเป็นดัชนีวัดภาระการชำระหนี้ เมื่อถึงวันไถ่ถอนนั้น ปรับตัวสูงขึ้นด้วย ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าว อาจทำให้สเปนต้องขอรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศ

 

การเงิน - การลงทุน : เศรษฐกิจต่างประเทศ

วันที่ 20 เมษายน 2555 06:09

ยอดขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐลดลง

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

สหรัฐเผยผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงน้อยกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 14 เม.ย. ลดลง 2,000 ราย มาอยู่ที่ 386,000 ราย ซึ่งลดลงน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งสัญญาณว่าการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐอาจหยุดชะงัก โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลงจากระดับ 388,000 ในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งเป็นตัวเลขที่ได้รับการปรับทบทวนขึ้นจากระดับ 380,000 รายในรายงานก่อนหน้านี้

 

ทั้งนี้ ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว มีจำนวนมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ 370,000 ราย และสำหรับจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ เพิ่มขึ้น 5,500 ราย มาอยู่ที่ 374,750 ราย ซึ่งข้อมูลนี้ ถูกมองว่าสามารถวัดแนวโน้มตลาดแรงงานได้ดีกว่า เพราะมีความผันผวนน้อยกว่าตัวเลขรายสัปดาห์

 

ขณะที่ จำนวนชาวอเมริกัน ที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 26,000 ราย ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 เม.ย.สู่ระดับ 3.30 ล้านราย

 

ข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยในวันนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุด ที่อาจเพิ่มความวิตกกังวลว่า การฟื้นตัวของตลาดแรงงานกำลังหยุดชะงัก หลังจากที่ข้อมูลก่อนหน้านี้ บ่งชี้ว่าการจ้างงานใหม่เริ่มชะลอตัว

 

กระทรวงแรงงานสหรัฐ รายงานเมื่อต้นเดือนนี้ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 120,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งน้อยกว่าคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ที่ว่าจะเพิ่มขึ้น 203,000 ตำแหน่ง และต่ำกว่าที่เพิ่มขึ้นในเดือนก.พ.ถึงครึ่งหนึ่ง

 

ในช่วงปลายเดือนมี.ค. นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตือนว่า ตลาดแรงงานสหรัฐยังอ่อนแอ และยังไม่สามารถแน่ใจได้ว่า การปรับตัวดีขึ้นของตลาดแรงงานจะยั่งยืน

 

การเงิน - การลงทุน

วันที่ 20 เมษายน 2555 09:20

จับตาเฟดงัดมาตรการผ่อนคลายการเงินฟื้นศก.

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

 

กสิกรไทยคาดการประชุมธนาคารกลางสหรัฐื 24-25 เม.ย. งัดมาตรการผ่อนคลายการเงินฟื้นเศรษฐกิจ

 

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ประเมินว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (Federal Open Market Committee) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด จะยังคงจุดยืนในการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างมากต่อไปในการประชุมรอบที่สามของปีในวันที่ 24-25 เมษายน 2555 ทั้งการคงอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ไว้ที่ 0-0.25% ตลอดจนการคงขนาดสินทรัพย์ในงบดุลของเฟดผ่านเครื่องมือต่างๆ ท่ามกลางมุมมองในเชิงที่ระมัดระวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ นอกจากนี้ เนื่องจากเฟดจะมีกำหนดการประชุมรอบนี้ และรอบถัดไปในวันที่ 19-20 มิ.ย. ก่อนที่การดำเนินโครงการ Operation Twist จะสิ้นสุดในเดือน มิ.ย. ดังนั้น ในการประชุมรอบที่จะถึงนี้ คงต้องจับตาสัญญาณที่เฟดอาจระบุถึงการใช้เครื่องมือทางการเงิน (Monetary Instruments) เพื่อคงขนาดงบดุล แม้เฟดไม่น่าที่จะระบุชัดเจนถึงการดำเนินนโยบายผ่อนคลายเพิ่มเติม หรือ QE3 ก็ตาม

 

มองไปในช่วงที่เหลือของปีนี้ นอกจากตัวแปรในประเทศโดยเฉพาะตลาดแรงงานที่ยังคงมีความเปราะบางแล้ว เส้นทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกประเทศ ทั้งสถานการณ์ในยุโรป และการปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมัน ดังนั้น การดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย และการดูแลการคาดการณ์เงินเฟ้อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเฟด จึงยังคงมีความจำเป็น และเชื่อว่าเฟดคงไม่ลังเลที่จะดำเนินมาตรการเพิ่มเติมในอนาคตหากเครื่องชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ปรับตัวในเชิงลบกว่าที่คาด

 

นอกจากท่าทีของเฟดแล้ว พัฒนาการทางเศรษฐกิจหลักในโลก (สหรัฐฯ ยุโรป และจีน) และการปรับตัวสูงของราคาน้ำมัน คงจะมีอิทธิพลต่อการปรับพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ทิศทางกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย และราคาสินทรัพย์ทางการเงิน เช่นเดียวกับในระยะที่ผ่านมา รวมทั้งคงจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทางการไทยติดตาม (นอกเหนือจากพัฒนาการของเครื่องชี้เศรษฐกิจและเงินเฟ้อในประเทศ) เพื่อประเมินน้ำหนักความเสี่ยงสำหรับการดำเนินนโยบายการเงินที่เหมาะสมและเอื้อต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

ถูกแก้ไข โดย กระต่ายทอง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ดีคะจานอั๋น เพื่อนๆ สุขกายสุขใจมีกำไรทุกการลงทุนนะคะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

www.stock2morrow.com

 

มีความสับสนกันมากพอสมควรสำหรับคำสองคำระหว่าง “ยูโร” และ “อียู” ที่กำลังเป็นที่กล่าวขวัญถึงอยู่ในปัจจุบัน

 

ว่า วิกฤติหนี้สาธารณะของประเทศกรีซที่เรื้อรังมายาวนานประมาณ 2 ปี กำลังก้าวเข้าสู่เข้าสู่ภาวะวิกฤติอีกครั้งหนึ่งในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาที่รุนแรงมากขึ้น จากสถานการณ์ทางการเมืองที่การเลือกตั้งไม่สามารถนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก จนต้องประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 17 มิถุนายน ภาวะสุญญากาศที่ปลอดรัฐบาลในการตัดสินใจต่อพันธบัตรที่ครบกำหนดทำให้ความเสี่ยงต่อภาวะล้มละลายของประเทศกรีซเพิ่มขึ้นควบคู่ไปกับความเสี่ยงทางด้านการเมืองที่ซ้ำเติมในสถานการณ์เลวร้ายลง และส่งผลให้นักลงทุนหนีจากสินทรัพย์เสี่ยง (Risk Off) ครั้งใหญ่อีกรอบ ส่งผลกระทบต่อการตกต่ำของตลาดหุ้นทั่วโลก และราคาทองคำ

 

ทำให้มีการคาดการณ์ของฝ่ายต่างๆ รวมถึงการจับตามองว่า ในที่สุดแล้วประเทศกรีซจะต้องออกจากการเป็นสกุลเงินเดียวกันคือเงินสกุลยูโร ที่มีสมาชิกอยู่จำนวน 17 ประเทศ หรือการต้องลาออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (EU หรือ European Union) ที่มีประเทศสมาชิกอยู่จำนวน 27 ประเทศ

 

แน่นอนว่าการออกจากการใช้เงินสกุลยูโรอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับประเทศกรีซ เพราะปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ที่เศรษฐกิจตกต่ำและหนี้สาธารณะในระดับ 130% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ทำให้ประเทศกรีซไม่สามารถปรับตัวได้ดังที่ควรจะเป็น ที่พูดเช่นนี้อาจจะไม่เห็นภาพ แต่จะเปรียบเทียบให้เห็นได้ชัดเจนว่าเศรษฐกิจประเทศกรีซอ่อนแอ แต่ใช้เงินยูโรที่มีเท่ากันกับเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของยุโรปเช่นเยอรมนี

 

ในปี 2540 ต่อต้นปี 2541 ที่ประเทศไทยเกิดวิกฤติเศรษฐกิจครั้งรุนแรงนั้น ค่าเงินลดค่าลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ระดับ 28 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงกลางปี 2540 ขึ้นไปอยู่ระดับสูงสุดที่ประมาณ 55 บาทต่อดอลลาร์ในเดือนมกราคม ปี 2541 ทำให้ราคาสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวในขณะที่สินค้าและบริการของไทยในสายตาต่างประเทศถูกลงเท่าตัว จึงทำให้การขาดดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศลดลงและปรับตัวเป็นการเกินดุลอย่างรวดเร็วทำให้สำรองเงินตราต่างประเทศสะสมกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว

 

อย่างไรก็ตาม การออกจากยูโรโซนของกรีซนั้นจะไม่เป็นผลดีต่อทั้งเศรษฐกิจและสังคมและการเมือง เพราะว่าปัญหาหนี้นั้นยังคงอยู่ และการออกจากสกุลเงินยูโร หมายถึงว่าการใช้เงินสกุลของกรีซเองที่จะต้องมีการลดค่าลงไปอีกเท่าไรที่ยังไม่มีใครรู้ ต้องเผชิญกับปัญหาการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นและอัตราเงินเฟ้อ ขึ้นอยู่กับว่าประเทศในสหภาพยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศจะให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประเทศกรีซเท่าไร เพราะหากกรีซล้มละลายอาจจะส่งผลกระทบต่อภาคสถาบันการเงินประเภทธนาคารของกลุ่มสหภาพยุโรป หรือรัฐบาลประเทศที่ถือพันธบัตรรัฐบาลของประเทศกรีซ ดังจะเห็นได้ว่าบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือได้ของธนาคารพาณิชย์ของประเทศสเปน และอิตาลีลงในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าประเทศกรีซจะออกจากการใช้สกุลเงินยูโร โดยไม่จำเป็นต้องลาออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป ทั้งนี้จากสนธิสัญญาในการจัดตั้งสหภาพยุโรป (Lisbon Treaty มาตรา 50) ได้ระบุไว้ว่า ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปจะต้องใช้เงินสกุลเดียวกันคือเงินยูโร เมื่อเงื่อนไขทางการเงินพร้อมตามหลักเกณฑ์ ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ เพราะยังมีประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปอีก 10 ประเทศที่ยังไม่ใช้เงินสกุลยูโร รวมถึงประเทศใหญ่ เช่น ประเทศอังกฤษด้วย

 

การถอนตัวจากการใช้เงินสกุลยูโรเองก็สามารถทำได้ ซึ่งการออกจากกลุ่มยูโซนยังเป็นไปได้ทั้งแบบถาวรและแบบชั่วคราว และแม้ว่าจะออกจากยูโรโซนแล้วก็ยังสามารถที่จะได้รับความช่วยเหลือจากประเทศในกลุ่มยุโรปได้เช่นกัน และในปัจจุบันก็มีข่าวว่าได้มีการหารือของประเทศมหาอำนาจของยุโรปถึงความเป็นไปได้ของการออกจากยูโรโซนของประเทศกรีซโดยยังไม่ต้องออกจากสหภาพยุโรป หรือการเลือกทางออกที่จะลาออกจากสมาชิกของสหภาพยุโรป ดังนั้น จึงน่าจับตาว่าในที่สุดแล้วทางออกของประเทศกรีซจะเป็นอย่างไร

 

ประสบการณ์ของสหภาพยุโรปที่การรวมตัวจะขยายกรอบความร่วมมือที่กว้างขวางจากการค้าเสรีของสินค้าและบริการไปจนถึงการใช้เงินสกุลเดียวกัน (single currency) น่าจะเป็นบทเรียนและเป็นประสบการณ์สำคัญในการรวมตัวกันเป็นประชาคมอาเซียน (Asean Ecomic Community) ที่จะเกิดขึ้นในปี 2015 หรืออีก 3 ปีข้างหน้าว่า ประเทศที่มีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจแตกต่างกันมากการใช้เงินสกุลเดียวกันก็อาจจะนำไปสู่ปัญหาดังเช่นที่เกิดขึ้นในกลุ่มสหภาพยุโรป

 

 

ดร.อาภรณ์ ชีวะเกรียงไกร

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับทุกๆคน

 

พี่กระต่ายทองผันตัวเป็นเหยี่ยวข่าวแล้วเหรอคับบบ อิอิ :gd

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับทุกคน สวัสดีตอนเช้าของวันที่ 25/5/2555 เวลา 10.26 น.

 

เมื่อวานราคาทองคำสามารถขึ้นทดสอบแนวต้านได้และทำจุดสูงสุดได้ที่ 1577.71 เหรียญแต่ไม่ผ่าน ราคาทองคำจึงถูกแรงขายออกมา

 

และทำให้ราคาทองคำลงมาทดสอบแนวรับและทำจุดต่ำสุดได้ที่ 1551.46 เหรียญรวมทั้งวันวิ่งตลอดวัน 26 เหรียญปิดตลาดที่ 1558.75 เหรียญ

 

ราคาทองคำเคลื่อนตัวเป็นไปในลักษณะ Down trend ก่อนในช่วงตอนกลางวันและกลับตัวขึ้นเป็น UP Trend ทดสอบแนวต้านไม่ผ่านก็ถูกแรงขายออกมา

 

ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นไปตามเทคนิคการเก็งกำไรของตลาดครับ

 

แนวต้านแนวรับ

 

แนวต้าน คงต้องรอลุ้นให้ผ่าน 1558-1560 ขึ้นไปให้ได้ก่อนครับถ้าผ่านได้ก็ติดตามดูครับว่า 1563-1567 จะผ่านไปได้หรือไม่**** 1578***กลับเข้ากรอบ 1580-1600 เช่นเดิม

 

แนวรับ เช่มเดิม แนะนำให้ติดตามดูที่ 1550 ลงไปก่อนครับ ** ถ้าหลุดใครจะซือ้ก็ควรจะรอครับ** 1544-1541 *** 1538-1533 ***** ถ้าหลุดมากว่านี้ NeW LoW ครับ

 

กรอบเล็ก 1540-1570 = 30 เหรียญ

 

กรอบใหญ่ 1550-1600 = 50 เหรียญ

 

ตอนนี้คงต้องลุ้นให้หลุด 1550 หรือให้ผ่าน 1660 สำหรับใครที่ รอซือ้ หรือ รอ ขายนะครับ

 

ถ้ายังในกรอบ 10 เหรียญ แนะนำ ให้ ใจเย็น ๆ ครับ ถ้าใครอยากจะเสี่ยงก็ ประมาณ 1-2 /10 พอครับ เพราะว่าตอนนี้ ราคาทองคำ หรือตลาด ยังคง ไม่เลือกทิศทางที่ชัดเจน

 

50/50 % อยู่ครับ

 

คืนนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญดังนี้

 

1. เวลา 20:55 สหรัฐฯ ดัชนีความเชือมันของผู้บริโภค (ตัวเลขปรับปรุง) คาดการณ์เป็นผลบวกต่อราคาทองคำ

 

2. เวลา 20.55 สหรัฐฯ ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อ(ตัวเลขปรับปรุง) ยังไม่มีการคาดการณ์ แต่ถ้าออกมา เปลี่ยนแปลงมากกว่าของเดิม มีผลต่อราคาทองคำแน่ ๆ ไม่ว่าจะขึ้นหรือลง

 

 

2012_05_25-052-20120525vvIdvTEdlPOdFI45400.gif

 

โชคชะตาฟ้าลิขิต ลิขิตฟ้าหรือ จะสู้มานะคน

 

การให้ที่ยิ่งใหญ่ คือการให้ต่อไปไม่รู้จบ ครับ :aa วันนี้วันศุกร์สุดสัปดาห์ ของเดือน พฤษภาคม แล้วนะครับ อีกไม่นาน ใครมีดอย ก้คงได้หลุดพ้น ซะที อิอิ :_01

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตอนนี้ 1660 แล้วนะครับ ใครอยาก ตาม น่าจะ ตาม ได้มาได้นิดนิด :gd แต่จะมี จุด Stop loss อยู่ที่ 1558 .35 นะครับ ถ้าหลุดตรงนี้ไป ต้องยอม หรือ เปิด short ตามไป

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...