ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
aunson

บรรยากาศทองคำ ณ ช่วงเวลานี้ BY Rจานอั๋น

โพสต์แนะนำ

ติดตามอ่านอาจารย์อั๋นมานาน เพิ่งมีโอกาสสมัครเป็นสมาชิก เลยถือโอกาสขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆนะครับ ^^

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

ที่มา : อินโฟเควสท์

วันที่ : 23 มิถุนายน 2555

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 มิ.ย.) หลังดอลลาร์อ่อนค่าลง และการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบได้ช่วยหนุนราคาทอง

 

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดบวก 1.4 ดอลลาร์หรือ 0.09% ที่ 1,566.9 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.ปิดร่วง 17.8 เซนต์ หรือ 0.66% ที่ 26.661 ดอลลาร์

 

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ปิดดิ่งลง 7.4 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ที่ 1,431.2 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ปิดลบ 1.35 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 607.20 ดอลลาร์/ออนซ์

 

หลังจากร่วงลงกว่า 50 ดอลลาร์/ออนซ์ในการเทขายอย่างหนักเมื่อวันพฤหัสบดี ราคาทองได้ฟื้นตัวขึ้นมาปิดบวกขึ้นเมื่อคืนนี้

 

ทองดิ่งลงกว่า 3% เมื่อวันพฤหัสบดี ขณะที่เทรดเดอร์ผิดหวังกับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 (QE3)

 

การเคลื่อนไหวของราคาทองเมื่อคืนนี้ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากดอลลาร์ โดยดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะช่วยหนุนสินค้าโภคภัณฑ์ เนื่องจากทำให้สินค้าโภคภัณฑ์มีราคาถูกลงสำหรับผู้ที่ถือสกุลเงินอื่นๆ และทองก็ได้เริ่มปรับตัวขาขึ้น หลังจากที่ดอลลาร์ปรับตัวลงในช่วงเที่ยงวัน

 

นอกจากนี้ ทองยังได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่สำคัญ ขณะที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้น แม้มูดี้ส์ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือธนาคารรายใหญ่ 15 แห่งทั่วโลก

ที่มา : โพสต์ทูเดย์

วันที่ : 23 มิถุนายน 2555

 

ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ 12,640.86 จุด เพิ่มขึ้น 67.29 จุด ด้านแนสแดค ปิดที่ 2,892.42 จุด เพิ่มขึ้น 33.33 จุด

 

ตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้ ดีดกลับขึ้นมา หลังดิ่งลงแรงเมื่อวันพฤหัสบดี โดยได้แรงหนุนจากที่ประชุมเหล่าผู้นำชาติยุโรปในกรุงโรม ประเทสอิตาลี ที่ส่งสัญญาณวางแผนอีดฉีดเงิน 130,000 ล้านยูโร อัดฉีดเศรษฐกิจยูโรโซน

 

ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 67.29 จุด (0.54 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,640.86 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 33.33 จุด (1.17 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,892.42 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 9.51 จุด (0.72 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,335.02 จุด

 

ขณะที่ราคาน้ำมันฟื้นตัวพอประมาณเมื่อวันศุกร์ จากแรงช้อนซื้อของนักลงทุน หลังดิ่งลงอย่างหนักช่วง 2 วันที่ผ่านมา

 

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 1.56 ดอลลาร์ ปิดที่ 79.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัย เพิ่มขึ้น 90 เซนต์ ปิดที่ 90.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

หลายครั้ง ในชีวิตประจำวันที่รีบเร่งของเรา

เท้าที่เดินแกมวิ่งไปตามท้องถนน

แทบจะไม่เปิดโอกาสให้เรา หยุดมองสิ่งใด

มีเพียงจุดหมาย และนาฬิกาบนข้อมือ

ที่ถูกสายตาชำเลือง

 

แต่ทว่าในวันที่โลกหมุนช้า...

หลายครั้ง เวลาที่เราก้าวเดินไปตามท้องถนน

ท่ามกลางผู้คนมากมายรอบกาย

แต่เรา กลับรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่เพียงลำพังคนเดียว

คู่รักหลายคู่ เดินจูงมือ หยอกล้อเล่นหัวกันอย่างสนุกสนาน

ผ่านหน้าเราไป...

แต่เมื่อเราหันมองข้างกายตนเอง

กลับพบแต่เพียงความว่างเปล่า

ในยามที่อากาศครึ้ม ท้องฟ้าสีขุ่นมัว

ด้วยเมฆดำที่เคลื่อนกายมาโอบล้อม

พายุแรงพัดโหมกระหน่ำ

เรานั่งมองสายฝนโปรยเม็ดขาว

พรั่งพรูลงมาตกกระทบ เปื้อนบานกระจกหน้าต่างใส

รู้สึกเจ็บลึกเหมือนถูกน้ำกรดของความเหงา

สาดเซาะลงไปที่เนื้อเยื่ออันอ่อนนุ่มของหัวใจแต่เมื่อม่านฝนขาดเม็ด สายลมพัดหมู่เมฆสลาย

หอมไอดิน และกลิ่นดอกไม้ระเหยต้องนาสิก

แสงสว่างยามอรุณรุ่งทอประกายอ่อนหวาน

ก็พลันเคลื่อนเข้ามาปลอบโยนลูบไล้หัวใจให้เบิกบาน

แทนที่ความเหงา

 

ชีวิตก็เป็นดังนี้

โศกเศร้ากำสรวล อาดูร อ้างว้าง

หัวเราะ ร่าเริง แจ่มใส

 

หมุนเวียนเปลี่ยนสลับไปไม่คงที่

ในขณะที่ใครบางคนกำลังเหงาเพราะไม่มีใคร

แต่บางคนกลับกลัดกลุ้มรำคาญคนเคียงข้าง

เฝ้าแสวงหาเพียงอิสรภาพ

แต่ทั้งนี้ สภาวะอารมณ์ทั้งมวลของคนทั้งหลาย

ก็เฉกเช่นเมฆน้อย ที่ลอยเลื่อนผ่านเข้ามา

แตะคลุมจิตของตน...

และจะเคลื่อนผ่านไปในไม่ช้านาน

ถ้าเราไม่อาจยึดปุยเมฆ มากอดเก็บข้างกาย

เช่นเดียวกับที่ไม่อาจยึดจิตใครเป็นที่พึ่งพิงพนัก

หน้าที่ของเราคือ มองดู

อยู่กับปัจจุบันที่นี่ ไม่วิ่งตามเมฆ

สร้างที่พึ่งอันมั่งคงจากภายในของจิตเราเอง

ทำกิจที่พึงทำ อย่างดีที่สุด

ให้สมควรแก่กำเนิดของภพชาติมนุษย์

 

โลกก็เป็นเช่นนี้

แม้ปราศจากซึ่งคนรัก หรือมีใครแนบกายพร้อม

ที่สุดแล้ว...ชีวิตเราก็เริ่มต้นและสิ้นสุดลงด้วยลมหายใจของตนเอง

ถูกแก้ไข โดย กระต่ายทอง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ซึ้งจังเลย แม่นางต่ายทอง ขอคารวะ หนึ่งจอก :uu

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ซึ้งจังเลย แม่นางต่ายทอง ขอคารวะ หนึ่งจอก :uu

:32

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตาม้าตาเรือ (ลงทันหุ้น ฉบับ 25 มิ.ย. 55)

 

โดย GT Gold Bullion เมื่อ 22 มิถุนายน 2012 เวลา 18:24 น. ·

สวัสดีค่ะนักลงทุนและผู้อ่านทุกท่าน กลับมาพบกันอีกครั้งกับ “ตาม้า ตาเรือ” คาดว่านักลงทุนหลายๆท่านยังคงค้างคาใจไม่หายหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯFEDไม่ประกาศใช้มาตรการQE3 ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เหมือนอย่างที่นักลงทุนทั่วโลกคาดหวังไว้ โดยประกาศยืดอายุมาตรการOperation Twist ออกไปแทนจนถึงสิ้นปีนี้ ดับหวังของนักลงทุนที่คาดว่าจะมีมาตรการQE3ภายในสิ้นปีนี้ ส่งผลให้ราทองคำปรับตัวลงอย่างหนัก ซ้ำร้ายยังมีการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังของกลุ่มประเทศผู้นำอย่างสหรัฐฯ จีน และ เยอรมนี ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจโลกขณะนี้อยู่ในภาวะที่เปราะบางมากสร้างความหวั่นวิตกต่อนักลงทุนทั่วโลก ทำให้เกิดการไหลของเงินทุนสู่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างพันธบัตรสหรัฐฯ กดดันให้ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯซึ่งมีความสันพันธ์ในทิศทางตรงกันข้ามกับทองคำแข็งค่าขึ้นอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามสัปดาห์นี้ยังคงมีตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆซึ่งสำคัญต่อแนวโน้มราคาทองคำที่เรายังต้องติดตาม เพื่อประกอบการตัดสินใจในการลงทุน

สัปดาห์นี้มีประเด็นที่น่าจับตามองหลักๆคือการประชุมคณะกรรมการสหภาพยุโรป(EU) เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการทางเศรษฐกิจ แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ที่ขณะนี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก หรือนโยบายต่างๆเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยุโรปที่เข้าสู่ภาวะถดถอยมานานให้กลับมาสดใสอีกครั้ง พร้อมเรียกความมั่นใจของนักลงทุนให้กลับคืนมา โดยการประชุมจะมีในวันพฤหัสฯและวันศุกร์นี้

สำหรับตัวเลขทางเศรษฐกิจในวันนี้จะมีการประกาศ ยอดขายบ้านใหม่จากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดแนวโน้มการเติบโตภาคอสังหาฯของสหรัฐฯ ตามติดด้วยวันพรุ่งนี้จะมีการประกาศตัวเลขยอดค้าปลีกของอิตาลี ซึ่งคราวที่แล้วตัวเลขออกมาติดลบ ที่ระดับ 0.2% ในขณะที่วันพุธจะมีการประกาศตัวเลขยอดการสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ไม่รวมภาคขนส่ง ยอดการสั่งซื้อสินค้าคงทนรวม และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย ซึ่งเดือนที่แล้วลดลง 5.5% ส่วนวันพฤหัสฯจะมีการประกาศตัวเลขการการเปลี่ยนแปลงการว่างงานของเยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มยูโรโซน การประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวม(GDP)สหรัฐฯครั้งสุดท้ายในไตรมาสที่3 ซึ่งจะเป็นตัวบอกเศรษฐกิจสหรัฐฯว่าเติบโตหรือหดตัวมากน้อยแค่ไหน โดยไตรมาสที่แล้วเติบโตติดลบ 0.3% ขณะที่วันศุกร์สุดสัปดาห์จะมีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอิตาลี ด้วยต้นทุนทางการเงินที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมาที่ระดับกว่า 6% ทำให้อิตาลีถูกจับตามองว่าอาจเป็นประเทศต่อไปรองจากสเปนที่ต้องขอความช่วยเหลือจากIMF

โดยรวมสัปดาห์นี้คาดว่าราคาทองคำยังคงมีความผันผวนอยู่ โดยปัจจัยที่กระทบต่อราคายังคงมีอย่างต่อเนื่องดังนั้นนักลงทุนจะต้องให้ความระมัดระวัง รวมถึงศึกษาข้อมูลการลงทุนอย่างใกล้ชิด สำหรับวันนี้ลากันไปก่อนพบกันอีกวันจันทร์หน้าค่ะ ท่านผู้อ่านที่สนใจลงทุนในทองคำแท่งผ่านทางระบบออนไลน์สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่บริษัทจีที โกลด์ บูลเลี่ยน 02-675-8888 หรือ www.gtgoldonline.com สำหรับ นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารอนุพันธ์ อย่างเช่น SET50Index Futures, Gold Futures, Silver Futures, Oil Futures และ Single Stocks Futures สามารถติดต่อบริษัทจีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ 02-673-9911 หรือ www.gtwm.co.th

โดย GT Gold Bullion

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับ

:Hi

 

 

 

GT Gold Bullion

 

สวัสดีค่ะ ตอนเช้า ๆ ของวันจันทร์ที่ 25 มิ.ย. 2555 รับข่าวกันไปก่อนเลยค่ะ

 

14 เหตุผลที่ควรกังวลเกี่ยวกับ ‘อิตาลี’

 

เงื้อมเงาแห่งความกังวลทอดมาจับ “อิตาลี” ในฐานะสมาชิกยูโรโซนที่ “ใหญ่เกินกว่าจะปล่อยให้ล้ม”

 

หลังจากสเปน ขอรับความช่วยเหลือทางการเงิน 1 แสนล้านยูโร เพื่อนำไปอุ้มภาคธนาคารที่กำลังมีปัญหา สปอตไลต์แห่งความสนใจทอดเงามาที่ “อิตาลี” ซึ่งกำลังอยู่ท่ามกลางมรสุมรุมเร้า กลายเป็นความเสี่ยงที่อาจคุกคามยุโรปและเศรษฐกิจโลก เพราะขนาดเศรษฐกิจของอิตาลีที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก อันดับ 4 ของยุโรป และอันดับ 3 ในยูโรโซน

 

ความเสี่ยงหลักๆ ที่อาจทำให้แดนมะกะโรนีกลายเป็นโดมิโนตัวถัดไปของวิกฤตยุโรป เริ่มเห็นได้จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ที่อยู่ที่ 6% ขณะที่ต้นทุนสะท้อนความเสี่ยงผ่านอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ หรือซีดีเอส (Credit Default Swaps) ระยะ 5 ปี อยู่ที่ 546 basis points (bps) หรือ 5.46% ต่ำกว่าอนุพันธ์ซีดีเอสของสเปนที่อยู่ที่ 614 bps

 

นอกจากนี้ ยังมี 14 สัญญาณที่ควรกังวลกับอิตาลี เริ่มจาก 1.หนี้ก้อนโต 1.9 ล้านล้านยูโร หรือคิดเป็นสัดส่วน 120% ของจีดีพี ซึ่งมากเป็นอันดับ 2 ของยุโรป รองจากกรีซ และมีภาระการชำระหนี้ราว 4 แสนล้านยูโร ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

 

2.การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัว เศรษฐกิจของอิตาลีติดลบติดต่อกัน 3 ไตรมาส จากอัตราเฉลี่ยที่ 2% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประเมินว่า เศรษฐกิจโรมจะโต -1.8% ในปีนี้ และ -0.3% ในปี 2556 เมื่อภาระหนี้สาธารณะเกินกว่าระดับ 90% ของจีดีพี การขยายตัวทางเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างชัดเจน และจะทำให้โรมได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะ 10 ปี ไม่น่าจะลดต่ำกว่าระดับปัจจุบันที่ 6% ในระยะกลาง

 

3.หนี้ครบกำหนดชำระอยู่ในระดับสูง อิตาลีมีหนี้ครบกำหนดชำระปีนี้ราว 70% ของจีดีพี เทียบกับฝรั่งเศส 49% สเปน 45% เยอรมนี 23% ที่มีกำหนดชำระในปีนี้ เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน โรมขายพันธบัตรอายุ 3-7-8 ปี ได้ตามเป้าที่ 4.5 พันล้านยูโร แต่พันธบัตรอายุ 3 ปี มีอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 5.3% เทียบกับ 3.91% เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม หรือสูงขึ้นถึง 36% ภายในเดือนเดียว

 

4.ใหญ่เกินกว่าจะปล่อยให้ล้ม หากอิตาลีต้องเข้ามามีเอี่ยวเงินกู้ของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ราว 2.72 แสนล้านยูโร ก็อาจจุดความกังวลเกี่ยวกับความสามารถที่จะอุ้มเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่เช่นนี้ ขณะที่กองทุนรักษาเสถียรภาพยุโรป (อีเอฟเอสเอฟ) ซึ่งเป็นกองทุนช่วยเหลือชั่วคราว มีเงินประมาณ 2 แสนล้านยูโร ควบคู่กับกลไกเสถียรภาพยุโรป (อีเอสเอ็ม) ที่เป็นกองทุนถาวร 5 แสนล้านยูโร ซึ่งจะพร้อมใช้วันที่ 1 กรกฎาคม หากเยอรมนีลงนามภายใน 29 มิถุนายน

 

5.ลดขาดดุลงบประมาณ ซึ่งรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีมาริโอ มอนติ ส่งสัญญาณลดการขาดดุลงบประมาณมหาศาล เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน รัฐบาลอิตาลีออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจราว 8 หมื่นล้านยูโร รวมถึงการขายสินทรัพย์ของรัฐ และลดรายจ่ายภาครัฐ

 

6.การขยายตัวภาคธุรกิจต่ำ ดัชนีที่สำคัญ คือ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) ที่ต่ำกว่าเพื่อนบ้าน โดยอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งสะท้อนการหดตัวต่อเนื่อง

 

7.ต้นทุนแรงงานไม่มีประสิทธิภาพ ปัจจัยหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังการชะลอตัวของอิตาลี คือ ความสามารถในการผลิตที่ชะงักงัน

 

8.การผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวและต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งภาวะซบเซาในภาคการผลิตเป็นปัจจัยที่ทำให้อิตาลีสูญเสียต้นทุนด้านการแข่งขัน นับตั้งแต่ใช้เงินยูโรร่วมกัน

 

9.ภาคส่งออกชะลอตัว แม้ว่าอิตาลีจะลดบทบาทการเป็นผู้นำเข้าสุทธิลงตั้งแต่ต้นปี 2554 แต่การขยายตัวด้านการส่งออกก็ชะลอตัวเช่นกัน โดยแดนมะกะโรนีเชี่ยวชาญการผลิตสิ่งทอ เครื่องแต่งกาย โลหะและแร่ แต่การส่งออกในยุโรปด้วยกันเผชิญกับคู่แข่งมากขึ้น ทั้งผู้เล่นในยุโรปและนอกยุโรป โดยเฉพาะคู่แข่งจากเอเชียตะวันออก

 

10.ตัวเลขจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านในสหภาพยุโรป

 

11.ภาวะทุบกระปุกออมสิน เงินออมภาคครัวเรือนของอิตาลีเคยสูงถึง 17.8% ในช่วงกลางปี 2545 แต่ลดลงเหลือ 11.6% ในไตรมาส 3 ของปี 2554 ผู้คนแคะกระปุกออกมามากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เพื่อนำไปจ่ายหนี้ ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคยังอยู่ในภาวะไม่แน่นอน

 

12.สินเชื่อหดหาย ทั้งสินเชื่อในส่วนของผู้บริโภคที่ชะลอตัว ขณะที่ยอดค้าปลีกก็ยังไม่แน่นอน

 

13.อัตราว่างงานในระดับสูง เป็นอีกปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะการว่างงานในกลุ่มหนุ่มสาวที่สูงถึง 39% น้อยกว่าเมื่อเทียบกับสเปน 50.2% เมื่อบวกกับประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้อิตาลีมีแรงกดดันเรื่องสวัสดิการสังคม พร้อมๆ กับปัญหาหนี้ และการขาดดุลงบประมาณในช่วงหลายปีข้างหน้า

 

14.ภาวะเศรษฐกิจชะงักงันบวกกับเงินเฟ้อ (Stagflation) โดยมีแรงผลักจากราคาพลังงานที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ท่ามกลางเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า

 

สิ่งเหล่านี้ สะท้อนว่า สถานการณ์ได้เปลี่ยนจากวิกฤตหนี้ในประเทศชายขอบ มาสู่เขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในยูโรโซน นี่จึงหมายถึงความเสี่ยงต่อภูมิภาค และเศรษฐกิจโลก ซึ่งจุดชนวนคำถามว่า อิตาลีใหญ่เกินกว่าจะอุ้มหรือไม่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณครับ

:gd

ขอบคุณค่ะ

:Hi

 

 

updated: 24 มิ.ย. 2555 เวลา 12:22:56 น.

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

 

กูรูส่องทิศทางราคาทองขาขึ้นในครึ่งปีหลัง ลุ้นแตะ 1,800 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ได้ระบุวิกฤตยุโรปกระทบเศรษฐกิจโลกยังเกิดอีกหลายระลอก ส่งผลให้ "ทอง" กลับมาเนื้อหอมน่าลงทุน ส่งซิกหากเห็นราคาย่อตัว ฝั่งธนาคารกลางในแถบเอเชียเดินหน้าซื้อตุนดันราคาวิ่งต่อ

 

นายธนสิน กลีบลำเจียก กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออสสิริส ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ทิศทางราคาทองคำค่อนข้างผันผวน จากสิ้นปี 2554 ที่อยู่ระดับ 1,520 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ และปรับตัวขึ้นมาสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์ที่ 1,800 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ หลังจากนั้นนับตั้งแต่เดือนมีนาคม-พฤษภาคม ก็ปรับตัวลดลงโดยตลอดจนร่วงลงมาที่ระดับกว่า 1,500 เหรียญ ส่วนทิศทางราคาทองคำในช่วงครึ่งปีหลัง ประเมินว่ายังคงมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ โดยมีแนวรับที่ระดับ 1,525 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ และแนวต้านที่ 1,800 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์

 

13404614371340461569l.jpg

 

ทั้งนี้ปัจจัยที่จะเข้ามาผลักดันราคาทองให้ปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ปัญหาเศรษฐกิจในยุโรป และสหรัฐที่ยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้อีกเป็นระลอกหลังจากนี้ ซึ่งจะทำให้ทองคำกลายเป็นสินค้าลงทุนที่ป้องกันความเสี่ยงจากผลกระทบต่าง ๆ ได้ดี และได้รับความนิยมจากนักลงทุนต่อ ขณะเดียวกันธนาคารกลางในเอเชียหลายประเทศที่ถือครองทองคำเป็นทุนสำรองไม่ถึง 5% ก็พร้อมที่จะเข้ามาช้อนซื้อหากราคาปรับตัวลดลง ซึ่งจะส่งผลให้ราคาทองในช่วงครึ่งปีหลังสามารถปรับตัวขึ้นได้

 

"เชื่อว่าช่วงครึ่งปีหลังราคาทองยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ ประเมินแนวรับที่ 1,525 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ซึ่งค่อนข้างแข็งแกร่ง ส่วนขาขึ้นคาดว่าจะไปถึง 1,800 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ดังนั้นหากนักลงทุนสามารถถือยาวในระยะ 3-6 เดือนได้ ก็น่าจะได้รับผลตอบแทนที่น่าพอใจประมาณ 10% อยู่" นายธนสินกล่าว

 

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลียน แอนด์ ฟิว เจอร์ส จำกัด กล่าวว่า ราคาทองมีแนวโน้มย่อตัวลงมาเล็กน้อย หลังจากที่นักลงทุนผิดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เลือกใช้วิธีต่ออายุมาตรการโอเปอเรชั่น ทวิสต์ ออกไปอีก 6 เดือน หลังจากที่จะครบกำหนดสิ้น มิ.ย.นี้ เพื่อทำให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดปรับลดลงผ่านการขายตราสารหนี้ระยะสั้นวงเงิน 2.67 แสนล้านดอลลาร์ และจะใช้เงินจำนวนเดียวกันนั้นซื้อตราสารหนี้ระยะยาวแทนซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ไม่กระตุ้นการลงทุน

 

"แนวโน้มของราคาทองยังมีโอกาสปรับขึ้นได้อีก แต่จะต้องดูว่าสามารถยืนเหนือ 1,640 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็จะร่วงลงมาที่ 1,540 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ดังนั้นกลยุทธ์ที่เราแนะนำนักลงทุนคือ หากราคาทองปรับขึ้นไป 1,630 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ซึ่งใกล้กรอบบน แนะให้ทยอยขายออกก่อน แต่ถ้าลดลงมาอยู่ที่ราว 1,600-1,580 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ แนะให้ทยอยซื้อ แต่หากหลุดระดับที่ 1,580 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ให้ขายตัดขาดทุน" นางสาวฐิภากล่าว

 

สำหรับประเด็นที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ลงนามในหนังสือเวียน เพื่อซักซ้อมความเข้าใจกับธนาคารพาณิชย์ โดยระบุว่าธนาคารจะขายเงินสกุลต่างประเทศล่วงหน้า (ฟอร์เวิร์ด) ได้เฉพาะลูกค้าที่มีธุรกรรมทางการค้าจริง โดยต้องชำระเงินตราต่างประเทศในอนาคต (underlying) นั้นบริษัทวายแอลจีฯยืนยันว่า ที่ผ่านมาหากทำฟอร์เวิร์ดค่าเงินไว้ก็จะสั่งสินค้ามาตามจำนวน ไม่มีขาดหรือเกินแต่อย่างใด

 

 

การเงิน - การลงทุน : เศรษฐกิจต่างประเทศ

วันที่ 25 มิถุนายน 2555 05:53

 

14 เหตุผลที่ควรกังวลเกี่ยวกับ ‘อิตาลี’

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

เงื้อมเงาแห่งความกังวลทอดมาจับ “อิตาลี” ในฐานะสมาชิกยูโรโซนที่ “ใหญ่เกินกว่าจะปล่อยให้ล้ม”

 

หลังจากสเปน ขอรับความช่วยเหลือทางการเงิน 1 แสนล้านยูโร เพื่อนำไปอุ้มภาคธนาคารที่กำลังมีปัญหา สปอตไลต์แห่งความสนใจทอดเงามาที่ “อิตาลี” ซึ่งกำลังอยู่ท่ามกลางมรสุมรุมเร้า กลายเป็นความเสี่ยงที่อาจคุกคามยุโรปและเศรษฐกิจโลก เพราะขนาดเศรษฐกิจของอิตาลีที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก อันดับ 4 ของยุโรป และอันดับ 3 ในยูโรโซน

 

ความเสี่ยงหลักๆ ที่อาจทำให้แดนมะกะโรนีกลายเป็นโดมิโนตัวถัดไปของวิกฤตยุโรป เริ่มเห็นได้จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ที่อยู่ที่ 6% ขณะที่ต้นทุนสะท้อนความเสี่ยงผ่านอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ หรือซีดีเอส (Credit Default Swaps) ระยะ 5 ปี อยู่ที่ 546 basis points (bps) หรือ 5.46% ต่ำกว่าอนุพันธ์ซีดีเอสของสเปนที่อยู่ที่ 614 bps

 

นอกจากนี้ ยังมี 14 สัญญาณที่ควรกังวลกับอิตาลี เริ่มจาก

 

1.หนี้ก้อนโต 1.9 ล้านล้านยูโร หรือคิดเป็นสัดส่วน 120% ของจีดีพี ซึ่งมากเป็นอันดับ 2 ของยุโรป รองจากกรีซ และมีภาระการชำระหนี้ราว 4 แสนล้านยูโร ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

 

2.การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัว เศรษฐกิจของอิตาลีติดลบติดต่อกัน 3 ไตรมาส จากอัตราเฉลี่ยที่ 2% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประเมินว่า เศรษฐกิจโรมจะโต -1.8% ในปีนี้ และ -0.3% ในปี 2556 เมื่อภาระหนี้สาธารณะเกินกว่าระดับ 90% ของจีดีพี การขยายตัวทางเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างชัดเจน และจะทำให้โรมได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะ 10 ปี ไม่น่าจะลดต่ำกว่าระดับปัจจุบันที่ 6% ในระยะกลาง

 

3.หนี้ครบกำหนดชำระอยู่ในระดับสูง อิตาลีมีหนี้ครบกำหนดชำระปีนี้ราว 70% ของจีดีพี เทียบกับฝรั่งเศส 49% สเปน 45% เยอรมนี 23% ที่มีกำหนดชำระในปีนี้ เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน โรมขายพันธบัตรอายุ 3-7-8 ปี ได้ตามเป้าที่ 4.5 พันล้านยูโร แต่พันธบัตรอายุ 3 ปี มีอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 5.3% เทียบกับ 3.91% เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม หรือสูงขึ้นถึง 36% ภายในเดือนเดียว

 

4.ใหญ่เกินกว่าจะปล่อยให้ล้ม หากอิตาลีต้องเข้ามามีเอี่ยวเงินกู้ของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ราว 2.72 แสนล้านยูโร ก็อาจจุดความกังวลเกี่ยวกับความสามารถที่จะอุ้มเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่เช่นนี้ ขณะที่กองทุนรักษาเสถียรภาพยุโรป (อีเอฟเอสเอฟ) ซึ่งเป็นกองทุนช่วยเหลือชั่วคราว มีเงินประมาณ 2 แสนล้านยูโร ควบคู่กับกลไกเสถียรภาพยุโรป (อีเอสเอ็ม) ที่เป็นกองทุนถาวร 5 แสนล้านยูโร ซึ่งจะพร้อมใช้วันที่ 1 กรกฎาคม หากเยอรมนีลงนามภายใน 29 มิถุนายน

 

5.ลดขาดดุลงบประมาณ ซึ่งรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีมาริโอ มอนติ ส่งสัญญาณลดการขาดดุลงบประมาณมหาศาล เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน รัฐบาลอิตาลีออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจราว 8 หมื่นล้านยูโร รวมถึงการขายสินทรัพย์ของรัฐ และลดรายจ่ายภาครัฐ

 

6.การขยายตัวภาคธุรกิจต่ำ ดัชนีที่สำคัญ คือ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) ที่ต่ำกว่าเพื่อนบ้าน โดยอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งสะท้อนการหดตัวต่อเนื่อง

 

7.ต้นทุนแรงงานไม่มีประสิทธิภาพ ปัจจัยหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังการชะลอตัวของอิตาลี คือ ความสามารถในการผลิตที่ชะงักงัน

 

8.การผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวและต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งภาวะซบเซาในภาคการผลิตเป็นปัจจัยที่ทำให้อิตาลีสูญเสียต้นทุนด้านการแข่งขัน นับตั้งแต่ใช้เงินยูโรร่วมกัน

 

9.ภาคส่งออกชะลอตัว แม้ว่าอิตาลีจะลดบทบาทการเป็นผู้นำเข้าสุทธิลงตั้งแต่ต้นปี 2554 แต่การขยายตัวด้านการส่งออกก็ชะลอตัวเช่นกัน โดยแดนมะกะโรนีเชี่ยวชาญการผลิตสิ่งทอ เครื่องแต่งกาย โลหะและแร่ แต่การส่งออกในยุโรปด้วยกันเผชิญกับคู่แข่งมากขึ้น ทั้งผู้เล่นในยุโรปและนอกยุโรป โดยเฉพาะคู่แข่งจากเอเชียตะวันออก

 

10.ตัวเลขจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านในสหภาพยุโรป

 

11.ภาวะทุบกระปุกออมสิน เงินออมภาคครัวเรือนของอิตาลีเคยสูงถึง 17.8% ในช่วงกลางปี 2545 แต่ลดลงเหลือ 11.6% ในไตรมาส 3 ของปี 2554 ผู้คนแคะกระปุกออกมามากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เพื่อนำไปจ่ายหนี้ ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคยังอยู่ในภาวะไม่แน่นอน

 

12.สินเชื่อหดหาย ทั้งสินเชื่อในส่วนของผู้บริโภคที่ชะลอตัว ขณะที่ยอดค้าปลีกก็ยังไม่แน่นอน

 

13.อัตราว่างงานในระดับสูง เป็นอีกปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะการว่างงานในกลุ่มหนุ่มสาวที่สูงถึง 39% น้อยกว่าเมื่อเทียบกับสเปน 50.2% เมื่อบวกกับประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้อิตาลีมีแรงกดดันเรื่องสวัสดิการสังคม พร้อมๆ กับปัญหาหนี้ และการขาดดุลงบประมาณในช่วงหลายปีข้างหน้า

 

14.ภาวะเศรษฐกิจชะงักงันบวกกับเงินเฟ้อ (Stagflation) โดยมีแรงผลักจากราคาพลังงานที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ท่ามกลางเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า

 

สิ่งเหล่านี้ สะท้อนว่า สถานการณ์ได้เปลี่ยนจากวิกฤตหนี้ในประเทศชายขอบ มาสู่เขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในยูโรโซน นี่จึงหมายถึงความเสี่ยงต่อภูมิภาค และเศรษฐกิจโลก ซึ่งจุดชนวนคำถามว่า อิตาลีใหญ่เกินกว่าจะอุ้มหรือไม่

 

Tags : อิตาลี

 

 

 

การเงิน - การลงทุน

วันที่ 25 มิถุนายน 2555 09:02

บาทเปิดตลาดที่31.84/86อ่อนค่าต่อเนื่อง

 

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

 

เงินบาทเปิดตลาดที่ 31.84/86 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าต่อเนื่อง หลังมูดี้ส์หั่นเรตติ้ง 15 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ทั่วโลก

 

นักบริหารเงินจากธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) (CIMBT) กล่าวถึงการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทในวันนี้ (25 มิ.ย.) ว่า เปิดตลาดที่ระดับ 31.84/86 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากช่วงเย็นวันศุกร์ที่ปิดตลาดที่ระดับ 31.75/77 บาท/ดอลลาร์

 

ทั้งนี้ แนวโน้มเงินบาทวันนี้ยังไปในทิศทางที่อ่อนค่าลงต่อได้อีก คาดว่าจะเป็นปัจจัยต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วหลังจากที่มูดี้ส์ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารขนาดใหญ่ไป 15 แห่ง

 

ส่วนความเคลื่อนไหวของค่าเงินสกุลหลักต่างประเทศช่วงเปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 80.36/38 เยน/ดอลลาร์ ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2531/2534 ดอลลาร์/ยูโร

 

คืนนี้ สหรัฐฯ จะมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ เช่น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ค. และธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) สาขาชิคาโกเปิดเผยดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนพ.ค.

 

ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทในวันนี้คาดอยู่ที่ 31.80-31.90 บาท/ดอลลาร์

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สวัสดีครับทุกคน สวัสดีตอนเย็น ของวันที่ 25-6-2555 เวลา 17.22 น.

 

วันศุกร์สุดสัปดาห์ ราคาทองคำปิดตลาดที่ 1572.20 ตลาดปิดเป็นบวก 1 วันหลังจากเปิดตลาดที่ 1565.05 เหรียญ

 

โดยมีราคาสูงสุด 1573.22 เหรียญ ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 1558.13 เหรียญ มี Volume การซื้อ-ขาย ทั้งหมด 115690 สัญญา

 

ลดลงจาก วันพฤหัส 23633 สัญญา ราคาทองคำวันศุกร์ เคลื่อนตัวเป็นไปในลักษณะ Side Ways

 

อยู่ในกรอบแนวรับ 1560-1570 เหรียญ รวมตลอดวันเมื่อวันศุกร์ราคาทองคำวิ่งรวมทั้งหมด 15 เหรียญ ครับ

 

สาเหตุ ส่วนใหญ่ น่าจะมาจาก ระยะนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่ ยังคงวิตกกังวล กับสภาพเศรษฐกิจยุโรป ที่ยังไม่มีความชัดเจน

 

ในการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะ และนักลงทุนยุโรป ส่วนใหญ่ เดินทางไปชมและเชียร์ การถ่ายทอดสดฟุตบอลยุโรป กันด้วย

 

จึงส่งผลทำให้ ระยะนี้ตลาด หุ้น ตลาด Forex ตลาดน้ำมัน ทองคำ ยังคงซบเซา ไม่ขยับไปไหน มากครับ

 

ถึงแม้บางครั้งตลาดจะมีการผันผวนบ้างก็ตาม แต่เป็นไปตามข่าวครับ

 

ยังไม่มีปัจจัยพื้นฐานที่จะทำให้นักลงทุนเชื่อมั่น ในการลงทุนระยะยาวครับ

 

แนวรับแนวต้าน

 

แนวต้าน วันนี้ราคาสามารถขึ้นไปทดสอบ แนวต้านที่ 1576 ได้่สำเร็จ แต่ยังไม่สามารถผ่านไปได้ ครับ ตอนนี้ก็คงต้องลุ้นกันต่อไปที่แนวต้านสูงสุดของวันนี้ที่

 

1577-1580 ต้องผ่านและยืนเหนือ 1580 ให้ได้ถ้าจะไปต่อครับ 1580-1595***1600**1620****

 

สรุป แนวต้าน แนะนำให้นักลงทุน ติดตามกันต่อไปครับว่าราคาจะสามารถ ผ่าน 1577 ไปได้หรือไม่ และสามารถขึ้นไปยืนเหนือ 1580 ไปได้หรือไม่ นะครับ

 

แนวรับ จริงๆ แล้วผมขอมอง แนวรับ อยู่ในโซน 1560-1570 มากกว่า ครับ ตรงนี้เป็นจุดที่น่าซือ้เพื่อรอลุ้น ขึ้นทดสอบแนวต้านมากกว่าครับ

 

ถ้าหลุด 1560 ก็น่าจะมีโอกาศทดสอบ 1553***** 1547**1532***1527 *******

 

สรุปแนวรับ ช่วงนี้อาจจจะได้ห็นราคาที่ 1560-16570 กันบ่อยไปหน่อยนะครับ แต่อย่าพึ่งเบื่อไปครับ หากราคา 1560-1570 ตรงนี้รับได้อยู่บ่อย ๆ

 

นั้นหมายความว่าในอนาคต ถ้าราคาทองคำ ขึ้นไปทดสอบและผ่านไปได้ แล้ว หากวันใดวันหนึ่งราคาทองคำ ถูกแรงขายออกมา

 

แนวรับ 1560-1570 ก็จะเป็นแนวรับที่สำคัญในการดีดกลับขึ้นทดสอบแนวต้านต่อไป ครับ ตอนนี้ก็ต้องลุ้นให้แนวรับนี้ เอาอยู่ละกันนะครับ

 

กรอบเล็ก 1550-1580 = 30 เหรียญ

 

กรอบใหญ่ 1530-1580 = 50 เหรียญ

 

ช่วงนี้คงต้องรอราคาให้หลุดกรอบ 1560-1570 ออกไปก่อนครับ ถึงจะมีแรงซือ้-ขาย กลับเข้ามาอีกครั้ง

 

คืนนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจทีสำคัญดังนี้

 

1. เวลา 21.00 น. ตัวเลข ยอดการขายบ้านใหม่ คาดการณ์ เป็นผลลบต่อราคาทองคำ น่าจะสำคัญสุดในวันนี้ ครับ แนะนำให้รอติดตามไว้ด้วยครับ

 

2012_06_25-062-20120625vvxdEOdlPTdvTP48133.gif

 

 

โชคชะตาฟ้าลิขิต ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน

 

การให้ที่ยิ่งใหญ่ คือการให้ต่อไปไม่รู้จบ ครับ :gd ใจเย็นครับใครที่ซือ้ไปไว้ แนะนำให้รอ รอ รอ ครับ อย่าใจร้อน

 

ส่วนใครที่ยังไม่ได้ซือ้ก็หาจังหวะซือ้ไว้ ครับ นี้พึ่งผ่านไปได้ 2-3 วันเอง ครับ รอหน่อย รอหน่อยละกันครับ :37

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...