บรรยากาศทองคำ ณ ช่วงเวลานี้ BY Rจานอั๋น

[jewjang40 5,712]

 

Good Morning News จาก กองทุนบัวหลวง

 

22 มกราคม 2555

 

General News

------------------

 

• สมาพันธ์อุตสาหกรรมแห่งประเทศอังกฤษ (CBI) คาดการณ์ว่า ภาคอุตสาหกรรมการเงินของอังกฤษจะมีการเลิกจ้างพนักงานประมาณ 18,000 คน ในไตรมาสแรกของปีนี้ เพื่อลดต้นทุนและขนาดของธุรกิจให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ เช่น การยุบบางธุรกิจลง ปิดกิจการในบางภูมิภาค หรือปรับโครงสร้างธุรกิจ

 

• ดัชนีฐานะการเงินภาคครัวเรือนของอังกฤษเดือนม.ค. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 37.7 จาก36.8 ในเดือนธ.ค. บ่งชี้ว่าภาคครัวเรือนอังกฤษมีมุมมองบวกเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับฐานะการเงินในช่วงเริ่มต้นปี 56 แม้ว่าเศรษฐกิจของอังกฤษยังอยู่ในภาวะเปราะบาง

 

• กองทุนประกันความเสี่ยง (เฮดจ์ฟันด์) มีมุมมองภาวะกระทิงต่อสินค้าโภคภัณฑ์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. หลังจากที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์กลับมาฟื้นตัว รวมถึงเศรษฐกิจกลับมาขยายตัวได้ดีอีกครั้ง ทำให้ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวกับวัสดุก่อสร้าง ส่วนเศรษฐกิจจีนที่ขยายตัวได้ดีทำให้ความต้องการทองแดงและวัตถุดิบอุตสาหกรรมอื่นๆเพิ่มขึ้น

 

• กลุ่มบริษัทก่อสร้างและรับเหมาก่อสร้างของออสเตรเลีย คาดการณ์ว่าธุรกิจในอุตสาหกรรมก่อสร้างจะถดถอยลงในช่วง 6 เดือนข้างหน้า โดยพบว่ามีหลายบริษัทที่ลดจำนวนพนักงานลง เนื่องจากยอดขายและศักยภาพในการทำกำไรที่ลดลง ซึ่งผู้ประกอบการเริ่มเรียกร้องให้มีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น ควบคู่กับการลดดอกเบี้ย เพื่อหนุนภาคอุตสาหกรรมให้ฟื้นตัวขึ้น

 

• ยอดขายพลังงานไฟฟ้าแก่ภาคอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 2.3% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นมาตรวัดกิจกรรมในภาคอุตสาหกรรมนั้น ซึ่งการเพิ่มขึ้นมาจากการขยายตัวในอุตสาหกรรมผลิตชิพและชิ้นส่วนเครื่องจักร 6.3% และ 8.6% ตามลำดับ และส่วนหนึ่งมาจากอุณภูมิโดยเฉลี่ยลดต่ำลง ส่วนการส่งออกยังอยู่ในภาวะอ่อนแอ

 

• ก.กิจการเศรษฐกิจของอินเดียประกาศขึ้นภาษีนำเข้าทองคำ จากระดับ 4% เป็น 6% เพื่อควบคุมยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ รวมถึงเพื่อเป็นการจำกัดความต้องการโลหะมีค่าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา และจะมีการทบทวนอัตราภาษีอีกครั้งเมื่อการนำเข้าลดลง

 

• มูดีส์ เปิดเผยว่า แนวโน้มสินเชื่อโดยรวมของธนาคารในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค ปี 2556 ยังมีเสถียรภาพ เนื่องจากได้รับแรงผลักดันจากความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจในภูมิภาค นโยบายการเงินที่เหมาะสม และสภาพคล่องที่แข็งแกร่งของภาคธนาคารเมื่อเทียบกับทั่วโลก รวงถึงกลไกในการรองรับด้านเงินทุนที่ค่อนข้างสดใส สำหรับธนาคารในประเทศที่เศรษฐกิจต้องพึ่งพาการส่งออก เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน มาเลเซีย เกาหลี และไทยนั้น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจมหภาคจะมีนัยถึงการขยายตัวของหนี้เสียที่อยู่ในระดับเล็กน้อย

 

Equity Market

 

• SET Index ปิดตลาดที่ 1,440.48 จุด เพิ่มขึ้น 6.04 จุด หรือ 0.42% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 53,125.22 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,071.99 ล้านบาท ทั้งนี้ ดัชนีแกว่งตัวในแดนบวกตลอดทั้งวันและปิดตลาดผ่านระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี โดยนักลงทุนคาดหวังว่า BOJ จะมีการปรับเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% และมีการใช้มาตรการ QE เพิ่มเติม

 

• HSBC เปิดเผยผลสำรวจความเห็นของผู้จัดการกองทุนทั่วโลก พบว่า ใน Q1/56 ร้อยละ 75 ของผู้จัดการกองทุนเพิ่มการลงทุนในหุ้น เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มแข็งแกร่งขึ้น รวมถึงสนใจลงทุนในตลาดเอเชีย แปซิฟิก โดยเฉพาะจีน แต่ยกเว้นญี่ปุ่น เพราะเป็นภูมิภาคที่ยังมีโอกาสเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีนี้ โดยพิจารณาปัจจัยด้านราคาและข้อมูลเศรษฐกิจที่ปรับตัวขึ้นเป็นหลัก แต่ไม่มีผู้จัดการกองทุนรายใดเลยที่เห็นการลงทุนในพันธบัตรมีแนวโน้มสดใส

 

Fixed Income Market

 

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลงเล็กน้อยประมาณ -0.01 – 0.00% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย 1 เดือน 3 เดือน และ 6 เดือน วงเงินรวม 78,000 ล้านบาท

 

Gold Corner

 

• โกลด์แมนแซค์กรุ๊ป คาดการณ์ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นในช่วง 3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากมีปัจจัยที่สหรัฐ จะต้องขยายเพดานการชำระหนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นประเทศที่ผิดนัดชำระ และคาดการณ์ว่าในช่วงครึ่งปีหลังที่เศรษฐกิจสหรัฐเริ่มฟื้นตัว ราคาทองอาจมีการปรับลดลง

[aunson 1,403]

สวัสดีครับทุกคน สวัสดีตอนเย็นของวันที่ 22-1-2556 เวลา 16.35 น.

 

เมื่อวานราคาทองคำเปิดตลาดมาที่ 1686.20 เหรียญ มีราคาสูงสุดที่ 1691.25 เหรียญ

 

มีราคาต่ำสุดที่ 1684.51 เหรียญ มีราคาปิดตลาดที่ 1689.90 เหรียญ รวมตลอดวันราคาวิ่งรวมทั้งหมด 7 เหรียญ

 

มี Volume การซื้อขาย 27301 สัญญา ลดลง 14749 สัญญา สาเหตุเบื้องต้นมาจาก ตลาดอเมริกาปิดทำการ

 

เมื่อวานราคาทองคำเคลื่อนไหวเป็นไปในลักษณะ Side ways เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1685-1690 = 5 เหรียญ

 

ส่งผลทำให้ราคาทองคำวันนี้ มีทิศทางการเคลื่อนไหว เป็นไปในลักษณะ Side Way Up ขึ้นทดสอบแนวต้าน

 

โดยจะมีแนวต้านหลัก 1695-1700 เป็นแนวต้านหลักที่ราคาทองคำจะต้องผ่านไปให้ได้ หากไม่สามารถผ่านไปได้

 

ราคาทองคำมีแนวโน้มลงมาทดสอบแนวรับระยะสั้น ณ บริเวณ 1685-1680 เหรียญ

 

ซึ่งถ้าดูจากมุมมองทางเทคนิคแล้ว แนวต้านบริเวณ 1695-1700 เหรียญ ขึ้นไปนั้น เป็นแนวต้านที่แข็งแกร่ง

 

ส่วนแนวรับ 1685-1680 ยังคงเป็นแนวรับที่ราคาทองคำจะลงมาทดสอบอยู่เรื่อยๆในระยะนี้ (ยังไม่ใช่แนวรับที่แข็งแกร่ง)

 

แนวต้าน แนวรับ

 

แนวต้าน 1695 ไม่ผ่านระวังแรงขาย*** 1703 ไม่ผ่านระวังแรงขายถ้าผ่านได้*** 1710 ลุ้นไปต่อ *******

 

สรุป ระยะนี้แนะนำให้ระวังแรงขาย ณ บริเวณ 1690-1700 เหรียญ เอาไว้ก่อน ซึ่งหากราคาทองคำยังไม่สามารถ

 

ผ่านแนวต้านดังกล่าวไปได้ก็ยังแนะนำให้ระวังแรงขายเช่นเดิม แต่ถ้า ราคาทองคำสามารถผ่านแนวต้านหลักดังกล่าว

 

ขึ้นไปยืนเหนือ 1700 เหรียญ ได้สำเร็จราคาทองคำจะมีเป้าหมายระยะสั้นอยู่ที่ 1720-1750 เหรียญ

 

แนวรับ 1687-1685 รอดูว่าแนวรับนี้จะสามารถรับอยู่หรือไม่ ***ถ้าไม่ 1678 *****1668 ***

 

สรุป ระยะนี้แนวรับ 1685-1680 จะเป็นแนวรับที่สำคัญระยะสั้น ซึ่งหากราคาทองคำลงมาทดสอบและ ไม่สามารถรับอยู่ได้

 

ราคาทองคำมีโอกาสหลุดแนวรับดังกล่าวลงไปปรับฐาน 1670-1650 อีกครั้ง

 

กรอบเล็ก 1670-1700 = 30 เหรียญ

 

กรอบใหญ่ 1650-1700 = 50 เหรียญ

 

กรอบ Side Ways 1680-1700 = 20 เหรียญ

 

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญวันนี้

 

1. เวลา 22.00 น. ยอดขายบ้านมือสอง คาดการณ์ส่งผลลบต่อราคาทองคำ

 

2. เวลา 22.00 น. ดัชนีกิจกรรมการผลิต คาดการณ์ส่งผลบวกต่อราคาทองคำเล็กน้อย

 

 

โชคชะตาฟ้าลิขิต ลิขิตฟ้า หรือจะสู้มานะคน

 

การให้ที่ยิ่งใหญ่ คือ การให้ต่อไปไม่รู้จบ

 

กลยุทธ์ แนะนำ ให้ระวังแรงขายแถวแนวต้านที่ 1695-1700 เหรียญ หรือ Short โดยจะมีจุดตัดขาดทุนที่ 1705 เหรียญ

 

ส่วนนักลงทุนท่านใดที่รอซื้อ แนะนำให้รอซื้อเมื่อราคาลงมาทดสอบแนวรับที่ 1680-1685 เหรียญ โดยจะมีจุดตัดขาดทุนที่ 1676 เหรียญ

 

โดยทั้งหมดแนะนำให้นักลงทุน เก็งกำไรระยะสั้นในกรอบ ส่วนใครที่มีเปิด Long อยู่แล้ว แนะนำระวังแรงขายบริเวณแนวต้านดังกล่าว

[aunson 1,403]

ถามความเห็นจารย์อั๋นค่ะ ว่าญี่ปุ่นออกนโยบายผ่อนคลาย มีผลไงกะทองคะ

 

นโยบายการคลังของญี่ปุ่นนี้ ก็ออกแนวคล้ายนโยบายเดียวกัน ของประธานเฟดของสหรัฐนะครับ

 

เป็นการออก QE เช่นกัน แต่แตกต่างกันที่ ญี่ปุ่นมีข้อจำกัดในการมาตราการ แต่สหรัฐ ไม่จำกัดวงเงินในการออก QE

 

และญี่ปุ่นออกมาตราการ QE นี้ออกมาเพื่อป้องกันเงินฝืด เพิ่มเงินเฟ้อ สร้างการเติบโตของเศรษฐกิจ

 

ดังนั้นมาตราการดังกล่าวจะส่งผลต่อสกุลเงินเยนของญี่ปุ่นทำให้อ่อนค่าลง และสกุลเงินดอลล่าร์ สหรัฐจะแข็งค่าขึ้น

 

จะส่งผลลบ ต่อราคาทองคำระยะสั้น ครับ แต่ถ้าพูดในเรื่องของการลงทุนในกลุ่มเอเชีย แล้วในอนาคต

 

จะส่งผลดีต่อ โซนเอเชีย ของเราครับ เพราะว่า นโยบายนี้จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจญี่ปุ่นระยะกลาง-ระยะยาว แต่อาจจะส่งผลลบต่อ

 

เศรษฐกิจญี่ปุ่นแช่นกันครับ แต่ถ้าหากญี่ปุ่นไม่สามารถควบคุม เงินเฟ้อที่จะเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต

 

ถ้ามองในระยะกลาง-ระยะยาว ถือว่า อาจจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้น โซนเอเชีย รวมไปถึง นักลงทุนญี่ปุ่นจะมีเงินลงทุน เพิ่มมากขึ้นครับ

 

ซึ่งประเทศไทย ในอนาคต อาจจะได้รับ ผลดีจากมาตราดังกล่าวนี้ครับ ให้เดาเล่น ญี่ปุ่นอาจจะขนเงิน มาลงทุนแถวบ้านเรา หุ้นจะขึ้น

 

ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ เรื่องของค่าเงินนี้ ผมเองก็ยังไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่ก็ขอตอบไปตามความรู้ความเข้าใจที่มีนะครับ

 

สรุปส่งผลลบต่อราคาทองคำระยะสั้น แต่จะไม่ส่งผลลบต่อราคาทองคำมากเพราะว่า ยังมีข่าวที่กดดัน ดอลล่าร์อยู่ นั้นก็คือ

 

ข่าวการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ นั้นเองครับ ตรงนี้หาก พี่เบิ้ม แกเสียเครดิต ละก้อ แย่ ๆ เลย

[sr20detgt 1,468]

ขอบคุณมากครับ อ.อั๋น

[dod 2,549]

ขอบคุณมากค่ะ

[deb99 290]

ขอบคุณครับ

[gejen 5,749]

ขอบคุณมากๆๆค่ะ Rจานอั๋น

[Rutto 9]

ขอบคุณคับอาจารย์

[jewjang40 5,712]

 

Good Morning News 23 มกราคม 2556 - วรวรรณ ธาราภูมิ

 

·

 

• องค์การแรงงานระหว่างประเทศ เตือนว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกจะผ่านมานานถึง 5 ปีแล้ว แต่คาดว่า ตัวเลขคนว่างงานในปีนี้จะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 5.1 ล้านคน ทำให้สถิติคนว่างงานทั่วโลกพุ่งสูงกว่า 202 ล้านคน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการที่รัฐบาลของประเทศต่างๆ พากันใช้นโยบายการเงินและงบประมาณที่ไม่สอดคล้อง ทั้งยังแก้ปัญหาอย่างไม่เป็นระบบ และจากมาตรการรัดเข็มขัดของหลายประเทศที่ใช้วิธีปลดหรือตัดเงินเดือนพนักงาน
  

• คลังยูโรโซนอนุมัติเงินกู้งวดใหม่วงเงิน 9.2 พันล้านยูโรให้กรีซ ซึ่งจะได้รับในเดือนนี้ โดยแบ่งเป็นเงินที่จะใช้ชำระหนี้พันธบัตรรัฐบาล 7.2 พันล้านยูโร และอีก 2.0 พันล้านยูโรจะใช้เป็นงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาล
  

• ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักวิเคราะห์ในเยอรมนีที่มีต่อสภาพเศรษฐกิจในอีก 6 เดือนข้างหน้าปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 31.5 ในเดือน ม.ค. จาก 6.9 ในเดือน ธ.ค. เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันที่ดัชนีอยู่ในแดนบวก และสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์
  

• ส.สถิติแห่งชาติอังกฤษ เปิดเผยว่า ยอดขาดดุลงบประมาณเดือน ธ.ค.อยู่ที่ 1.54 หมื่นล้านปอนด์ เมื่อเทียบกับระดับ 1.48 หมื่นล้านปอนด์ในปีก่อนหน้า เนื่องจากการใช้จ่ายของรัฐบาลพุ่งสูงขึ้น ประกอบกับเศรษฐกิจที่อ่อนแอของประเทศได้ส่งผลกระทบต่อผลกำไรของบริษัทต่างๆ
  

• ยูกอฟ รายงานผลสำรวจล่าสุดของว่า ชาวอังกฤษที่ต้องการอยู่กับสหภาพยุโรป (EU) ต่อไปได้เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ อย่างน่าตกใจ เพราะมีผู้อยากอยู่ต่อจำนวนมากกว่าผู้ที่ไม่อยากอยู่ต่อเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ เดวิด คาเมรอน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
  

• ธ.กลางญี่ปุ่น เพิ่มเป้าเงินเฟ้อเป็น 2% และเพิ่มเม็ดเงินในโครงการเข้าซื้อสินทรัพย์ โดยจะเข้าซื้อสินทรัพย์เดือนละ 13 ล้านล้านเยน ตั้งแต่เดือน ม.ค.นี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ จะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น 2 ล้านล้านเยน และพันธบัตรคลัง 10 ล้านล้านเยน อีกด้วย
  

• ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศว่าGDP ปีนี้จะอยู่ที่ 5.5% โดยมีอัตราเงินเฟ้อ 3% ซึ่งถือว่าเป็นภาวะปกติโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องช่วยกันดูแลไม่ให้เงินเฟ้อเพิ่มมากไปกว่านี้ และหนี้สาธารณะจะอยู่ที่ 43.9% ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่าหลายประเทศในภูมิภาค
  

• ผู้ว่าการ ธปท.เปิดเผยว่า ยังคงติดตามการเคลื่อนไหวของเงินบาทซึ่งอาจเข้าไปจัดการบ้าง แต่โดยรวมแล้วบาทยังเคลื่อนไหวสอดคล้องกับเศรษฐกิจและค่าเงินในภูมิภาค โดยยืนยันว่าธปท.มีเครื่องมือดูแลเพียงพอและไม่ลังเลที่จะนำมาใช้เมื่อจะต้องใช้
  

• SET Index ปิดตลาดที่1,434.09 จุด ลดลง 6.39 จุด หรือ -0.44% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 55,107.90 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 777.43 ล้านบาททั้งนี้ ดัชนีเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค ซึ่งมีแรงขายทำกำไรหลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่นมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาตามคาด
  

• กบข. ตั้งเป้าผลตอบแทนจากการลงทุนในปีนี้ให้ชนะเงินเฟ้อที่คาดว่าจะเป็น 3% พร้อมเตรียมแก้ไขข้อจำกัดการไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อหาผลตอบแทนเพิ่ม
  

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงในช่วงระหว่าง -0.01 ถึง +0.04% โดยพันธบัตรรัฐบาลอายุต่ำกว่า 3 เดือน เปลี่ยนแปลง -0.01% ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลอายุมากกว่า 2 ปี เปลี่ยนแปลง +0.01 ถึง +0.04%
  

• อินเดียขึ้นภาษีนำเข้าทอง 2 % สู่ 6 % เพื่อจำกัดการซื้อทอง และควบคุมยอดขาดดุลงบประมาณที่พุ่งสูง อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดว่าอุปสงค์ทองในอินเดียอาจลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะอุปสงค์ทองได้รับแรงหนุนจากอัตราเงินเฟ้อที่ระดับสูง
  

• ธ.กลางเยอรมนี ประกาศแผนดึงทองคำสำรองปริมาณมหาศาลถึง 674 ตัน กลับมาไว้ในประเทศ โดยจะถอนออกจาก FED สาขานิวยอร์ก 300 ตัน และถอนจากธนาคารกลางฝรั่งเศสในกรุงปารีส 374 ตัน รวมมูลค่าสูงถึง 36,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.07 ล้านล้านบาท) คิดเป็นกว่า 1/ 5 ของทองคำสำรองทั้งหมดของเยอรมนี โดย โมริตซ์ เอากุสต์ ราชโฆษกของบุนเดสบังก์ (ธนาคารกลางเยอรมนี) ระบุว่า จำเป็นต้องถอนกลับคืนมาด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณชน แต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจำเป็นต้องปกป้องทองคำของเยอรมนีเอาไว้
  

 

นับเป็นการโยกย้ายทองคำระหว่างประเทศครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก หลังจาก รัฐบาล เยอรมนีในอดีตโดยเฉพาะตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ต่างมีนโยบายนำทองคำของตนไปฝากไว้ในต่างแดน เพื่อกระจายความเสี่ยงจากสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศที่ตึงเครียดในยุคสงครามเย็น เนื่องจากเกรงว่าทองคำของตนจะถูกสหภาพโซเวียตยึดครอง

 

ฮันเดิลสบลัตต์ รายงานว่า ขณะนี้ทองคำของเยอรมนี 45% ฝากอยู่กับ FED ขณะที่อีก 13% และ 11% อยู่กับธนาคารกลางอังกฤษและฝรั่งเศส เหลือเพียงแค่ 31% เท่านั้นที่เก็บไว้ในสำนักงานใหญ่ของบุนเดสบังก์ในนครแฟรงก์เฟิร์ต โดยทองคำทั้งหมดที่ฝากไว้ในฝรั่งเศสจะเป็นส่วนแรกที่รัฐบาลเยอรมนีต้องดึงกลับมาไว้ในประเทศ ขณะส่วนที่ฝากไว้ในอังกฤษและสหรัฐยังจำเป็นต้องคงอยู่ตามเดิมต่อไปก่อนอีกระยะหนึ่งเพื่อรองรับการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ

 

ทั้งนี้ ธนาคารกลางเยอรมนี ถือครองทองคำสำรองรายใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองจากสหรัฐ โดยมีปริมาณทองคำในความครอบครองกว่า 3,396.3 ตันเมื่อสิ้นปี 2554 คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 133,000 ล้านยูโร (ราว5. ล้านล้านบาท) และเคยถอนทองคำล็อตใหญ่ปริมาณกว่า 850 ตัน ที่ฝากไว้ในธนาคารกลางของอังกฤษมาแล้วเช่นกันในช่วงปีค.ศ.1998-2001 ท่ามกลางข่าวลือในขณะนั้นว่าวิกฤตเศรษฐกิจในเอเชียที่เริ่มต้นในประเทศไทยเมื่อปี 1997 อาจลามมาถึงยุโรป (ข้อมูลจาก ASTV ผู้จัดการออนไลน์)

 

 

[aunson 1,403]

สวัสดีครับทุกคน สวัสดีตอนบ่ายของวันที่ 24-1-2556 เวลา 14.56 น.

 

เมื่อวานราคาทองคำเปิดตลาดมาที่ 1689.29 เหรียญ ขยับขึ้นทดสอบแนวต้านทำราคาสูงสุดก่อนที่ 1694.91 เหรียญ

 

หลังจากนั้นราคาทองคำลงมาทำจุดต่ำสุดที่ 1683.64 เหรียญ และดีดกลับขึ้นไปปิดตลาดที่ 1685.41 เหรียญ

 

รวมทั้งวันวิ่งรวมทั้งหมด 11 เหรียญ มี Volume การซื้อ-ขาย 53153 สัญญา เพิ่มขึ้น 10883 สัญญา

 

โดยการเคลื่อนไหวของราคาทองคำเมื่อวานเป็นไปในลักษณะ Side Ways ขึ้นทดสอบแนวต้านไม่ผ่านจึงแรงขายออกมา

 

ลงมาทดสอบแนวรับในลักษณะ Down Trend ครับ

 

ส่งผลทำให้ทิศทางระยะสั้นในตอนนี้ ราคาทองคำมีโอกศลงมาปรับฐาน ระยะสั้นที่ 1670-1650 เหรียญก่อนซึ่งถ้าหากแนวรับนี้ ไม่หลุด

 

ลงไปต่อ ราคาทองคำจะสะสมกำลังอีกครั้ง และดีดกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน ซึ่งประเมินไว้ว่า รอบนี้มีโอกาศผ่านแนวต้าน 1700 เหรียญ ขึ้นไปได้ครับ

 

แนวต้านแนวรับ

 

แนวต้าน 1686 เหรียญ ไม่ผ่านระวังหลุดแนวรับ **** 1693-1696 เหรียญ *** 1703 ลุ้นผ่าน

 

สรุป ในตอนนี้ราคาทองคำเริ่มย่อตัวลงมาทดสอบแนวรับแล้ว ซึ่งโดยส่วนตัวผม มองว่าการลงมาทดสอบแนวรับในครั้งนี้

 

จะเป็นการลงมาทดสอบอีกครั้ง หรือ Side Ways แถว 1660-1680 เหรียญ สะสมกำลังก่อน เพื่อเตรียมขึ้นทดสอบแนวต้าน 1700 เหรียญ

 

และคาดว่าราคาทองคำจะสามารถผ่านไปได้ ..............ทดสอบแนวต้านหลักต่อไปครับ

 

แนวรับ 1672 ระวัง **** 1666 -1663 ***** 1655 -1650 ไม่สมควรหลุด*****

 

สรุป แนวรับระยะนี้ ราคาทองคำเริ่มลงมาทดสอบแนวรับแล้วนะครับ

 

เป้าหมายการปรับฐาน โดยส่วนตัวคาดการณ์ไว้ประมาณ 1670-1650 เหรียญครับ

 

หากใครอยากจะลองสะสมซื้อก็สามารถทำได้ ณ บริเวณแนวรับดังกล่าวครับ

 

กรอบเล็ก 1670-1700 = 30 เหรียญ

 

กรอบใหญ่ 1650-1700 = 50 เหรียญ

 

กรอบ Side Ways 1670-1690 = 20 เหรียญ

 

วันนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญดังนี้

 

1.เวลา 20.30 น. ยอดคำขอรับสวัสดิการว่างงาน คาดการณ์ สงผลลบวกต่อราคาทองคำ

 

2.เวลา 21.15 น. ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม คาดการณ์ส่งผลลบต่อสกุลเงินดอลล่าร์เล็กน้อย

 

3.เวลา 22.00 น. ดัชนีชึ้นำเศรษฐกิจ คาดการณ์ส่งผลลบต่อราคาทองคำ

 

4.เวลา 23.00 น. ยอดสต๊อดน้ำมันรายสัปดาห์ คาดการณ์ ส่งผลลบต่อราคาทองคำ

 

 

 

โชคชะตาฟ้าลิขิต ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน

 

การให้ที่ยิ่งใหญ่ คือการให้ต่อไปไม่รู้จบ

 

กลยุทธ์ วันนี้แนะนำให้ระวังแรงขายหากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้านไปได้ สามารถ Short ณ บริเวณแนวต้าน

 

แล้วรอปิดทำกำไร ณ บริเวณแนวรับ แถวแนว 1675 เหรียญลงไปครับ แต่ถ้าเป็นนักลงทุนในประเทศไทยระวังเรื่องของเงินบาทที่ระยะนี้

 

เงินบาทอาจจะมีการอ่อนค่าขึ้นมา ทำให้ การทีนักลงทุน Short ที่ราคา Spot แต่ราคาไทยอาจจะ ไม่ได้กำไร เท่าไหร่ หรือเกือบจะขาดทุนครับ

 

ดังนั้นแนะนำให้ เก็งกำไรระยะสั้นแทน ครับ ส่วน ใคร ที่ รอซื้อ แนะนำให้ รอดูแถว บริเวณ แนวรับ 1673-1668 เหรียญก่อน หรือไม่ก็อาจจะ

 

รอซือ้ แถว 1670-1650 อีกครั้ง แต่อาจจะเป็นวันถัดไปหรือสัปดาห์หน้าแทนครับนะครับ ใจเย็น ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

(ตรงนี้เป็นคำแนะนำส่วนตัวนะครับ จะเชื่อหรือไม่ ก็แล้วแต่การพิจารณาถึงความเป็นไป ณ ราคาและเวลา ที่นักลงทุนเลือกลงทุนในขณะนั้นครับ)

[aunson 1,403]

ระยะนี้อาจจะมา มา หาย หาย ไป ก็อย่าเพิ่งหนีกันไปไหนนะครับ สืบเนืองจาก ตอนนี้ กลับมายุง ๆ ยุ่ง ๆ ................อีกครั้งครับ

แต่แนวโน้มที่ผมคาดการณ์ไว้ ส่วนใหญ่ จะเน้น เป็นระยะสัปดาห์ มากว่าครับ อาศัย ประเมินจาก กราฟ ราย 1HR หาแนวรับแนวต้าน รายวัน

 

และอาศัยประเมินจากกราฟ 1 Daily เพื่อหาแนวโน้มระยะ 1-5 วัน ครับ หากยังไม่เปลีย่นแนวโน้มโดยส่วนตัวผมเองก็ยังไม่เปลี่ยนมุมมอง ครับ.............

[sr20detgt 1,468]

ขอบคุณครับ อ.อั๋น

[deb99 290]

ขอบคุณครับ

[gejen 5,749]

ขอบคุณมากๆๆค่ะ Rจานอั๋น

[chaiklang 161]

ขอบคุณครับ อาจารย์อั๋น ๆ ๆ ^^