ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
Prinkgold

กราฟทองรายวัน(ฟันธงหน้าเขียว-ถือต่อตามระบบ)

โพสต์แนะนำ

สนใจของ GT ไม่ทราบว่าเปิดให้บริการหือยังคะ ถ้าเปิดแล้วขอคำแนะนำด้วยค่ะ (ขอบคุณล่วงหน้านะคะ)

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ตลาดหลักทรัพย์ปิดวานนี้ที่ระดับ 1,023.19 จุด ลดลง 9.07 จุด หรือลดลง 0.88% มูลค่าการซื้อขาย 26,072.41 ล้านบาท ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในช่วง 1,022 - 1,034 จุด ตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจากตลาดหุ้นจีนที่ปรับตัวลงแรง หลังการประกาศใช้มาตรการเพิ่มสัดส่วนกันสำรองของธนาคารพาณิชย์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดฯยังเฝ้าติดตามการแก้ปัญหาหนี้ในยุโรป โดยช่วง 1-2 วันนี้จะมีการประชุมรัฐมนตรีคลังยุโรปเพื่อหารือการปรับเพิ่มเงินกองทุนให้ความช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม ตลาดฯยังมีความคาดหวังต่อการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่างๆทั้งในประเทศและในสหรัฐฯ จึงทำให้มีแรงเก็งกำไรเข้ามาช่วยประคองตลาดฯได้ในระดับหนึ่ง

แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(18 ม.ค.) ตลาดฯคงเล่นเก็งกำไรหุ้นเป็นรายตัว และคืนวานนี้ตลาดสหรัฐฯปิดทำการ จึงทำให้ขาดปัจจัยอ้างอิง ดัชนีมีแนวรับ 1,022-1,015 จุด แนวต้าน 1,035-1,040 จุด

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

เงินบาทปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 30.55/60 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าลงมาจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ 30.52 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทแกว่งตัวในกรอบ 30.54 - 30.60 บาท/ดอลลาร์

ในช่วงวันที่ 17-18 ม.ค.จะมีการประชุมรมว.คลังของอียูเพื่อหารือการแก้ไขปัญหาหนี้สินของยุโรป ซึ่งเยอรมันมีทีท่าไม่เห็นด้วยที่จะนำเงินภาษีของตนมาช่วยประเทศอื่นในยุโรป และตลาดเงินสหรัฐปิดทำการซื้อขาย

1 วัน ทำให้การซื้อขายไม่มีทิศทางนัก นักบริหารเงิน คาดว่าแนวโน้มวันนี้ (18 ม.ค.) เงินบาทน่าจะทรงตัวหรือเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยตลาดติดตามผลหารือของรมว.คลังของยุโรป

ซึ่งหากมีมาตรการช่วยเหลือชัดเจนจะทำให้เงินดอลลาร์อ่อนตัวลงอีกครั้ง

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ดร.โชติชัย สุวรรณาภรณ์

fsa@fpo.go.th

 

ถึงแม้ว่าการแทรกแซงค่าเงินจะทำให้แบงก์ชาติขาดทุน และส่วนทุนติดลบ แต่ที่ผ่านมาดูเหมือนว่าการขาดทุนของแบงก์ชาติและฐานะเงินกองทุนที่ ติดลบไม่ได้มีผลต่อประสิทธิภาพของแบงก์ชาติในการดำเนินนโยบายการเงินนัก แบงก์ชาติยังสามารถควบคุมเงินเฟ้อรักษาเป้าหมายอันเกิดจากเงินเฟ้อได้เป็นอย่างดี แต่อาจจะมีปัญหาบ้างเล็กน้อยในการสื่อสารทำความเข้าใจกับสาธารณชนถึงนัยสำคัญของการขาดทุนอันเกิดจากแทรกแซงค่าเงินบาท

 

ประเด็นที่สำคัญประเด็นหนึ่งคือ หนี้สินอันเกิดจากการแทรกแซงค่าเงินบาทในช่วง 1-2 ปี ที่ผ่านมาแบงก์ชาติได้กู้ยืมเงินบาทในประเทศด้วยการออกพันธบัตรธปท. และกู้ยืมผ่านธุรกรรม RP เพื่อใช้ในขบวนการแทรกแซงค่าเงินไปแล้ว 1.5 ล้านล้านบาท และถ้าจำเป็นก็อาจออกพันธบัตรกู้ยืมเงินได้อีก 500,000 ล้านบาท รวมเป็นวงเงินและยอดคงค้างหากออกพันธบัตรครบตามจำนวน 2 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็นกว่าร้อยละ 20 ของ GDP และมากกว่า 2 เท่าของปริมาณฐานเงินในระบบเศรษฐกิจ ในเรื่องนี้มองได้ 2 ลักษณะ ลักษณะแรกคือ เป็นการออกพันธบัตรเพื่อ ดูดซับสภาพคล่องออกจากระบบเศรษฐกิจเพื่อไม่เกิดปัญหาเงินเฟ้อ เพราะการแทรกแซงค่าเงินทำให้แบงก์ชาติซื้อดอลลาร์ขายเงินบาทออกไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งแบงก์ชาติจำเป็นต้องดึงเงินบาทกลับ เพื่อรักษาปริมาณเงินบาทในระบบเศรษฐกิจให้เหมาะสม

 

อย่างไรก็ตาม หากมองในลักษณะที่สอง เป็นวิธีการ Financing ในการซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐ เพราะในการแทรกแซงค่าเงินนั้น แบงก์ชาติต้องออกพันธบัตรเพื่อหาเงินบาท (กู้เงินบาท) มาใช้ในการซื้อดอลลาร์สหรัฐจำนวนมาก ซึ่งไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ตาม ก็คือหนี้สินของแบงก์ชาติที่จะต้องใช้ในอนาคต แต่หากมองถึงแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ยังอ่อนค่าลง ประกอบกับฐานะทางการเงินของแบงก์ชาติที่ยังมีหนี้สินอันเกิดจากการที่กองทุนฟื้นฟูฯ ไปพยุงสถาบันการเงินในช่วงวิกฤต ปี 40 จำนวนกว่า 1.2 ล้านล้านบาท ทำให้แนวโน้มที่จะชำระหนี้ก้อนนี้ได้ด้วยผลกำไรของแบงก์ชาติเองภายใน 15 ปีข้างหน้า เป็นไปได้ยากมาก ค่าเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มลดลงเป็นแรงกดดันให้แบงก์ชาติต้องแทรงแซงค่าเงินเพิ่มขึ้น ทำให้ต้องออกพันธบัตรกู้ยืมเงินบาทเพิ่มขึ้นอีก จึงเป็นสถานการณ์ที่ ไม่มีใครรู้ว่าเรื่องนี้จะจบที่ไหนและอย่างไร วิธีการที่ทำได้คือ ขายสินทรัพย์ที่เป็นเงินตราต่างประเทศที่อยู่ในเงินทุนสำรองเงินตราต่างประเทศออกมาบางส่วนในจังหวะเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้ได้เงินบาทมาชำระหนี้พันธบัตรภายในประเทศ

 

ผู้ที่น่าเห็นใจและเข้าใจมากที่สุด ก็คือ แบงก์ชาติซึ่งอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะบริหารจัดการลำบาก ถ้าไม่แทรกแซงค่าเงินก็ขาดทุนจากการปรับราคาอัตราแลกเปลี่ยนตามราคาตลาดอยู่แล้ว แต่ถ้าแทรกแซงแล้วไม่สำเร็จ เงินบาทแข็งค่ามากขึ้น ก็จะยิ่งขาดทุนหนัก เนื่องจากการที่จะขาดทุนมากหรือน้อย นอกจากจะขึ้นกับอัตราแลกเปลี่ยนที่เปลี่ยนไปแล้ว ยังขึ้นกับปริมาณดอลลาร์สหรัฐฯ ที่สะสมเพิ่มขึ้นจากการแทรกแซงค่าเงิน และเป็นที่น่าสังเกตว่าการขาดทุนของแบงก์ชาติส่วนใหญ่ในปีนี้ เกิดขึ้นในช่วง 8 เดือนแรกของปี เพราะหลังจากนั้น แบงก์ชาติสามารถแทรกแซงค่าเงินค่อนข้างได้ผล ทำให้ค่าเงินบาทไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง (ไม่แข็งขึ้นมาก)

 

อย่างไรก็ตาม การแทรกแซงค่าเงินบาทคราวนี้ก็ยังดีกว่าเมื่อคราวที่แล้ว (ปี 2540) เพราะทำให้ประเทศมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่า 35 พันล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้นกว่า 50% จากสิ้นปีที่แล้ว) จนประเทศเรามีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเกินแสนล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรก ซึ่งเราต้องพยายามบริหารจัดการให้ดี ทั้งต้องตระหนักถึงแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่มีค่าลดลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้มูลค่าสินทรัพย์ของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศลดลง การรักษามูลค่าและการบริหารเงินทุนสำรองระหว่างประเทศในยามนี้ให้เกิดดอกออกผลที่มั่นคง จึงเป็นความท้าทายที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของประเทศไทยเรา

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ASTVผู้จัดการรายวัน- นักวิชาการและผู้ค้าน้ำมันเตือนรัฐรับมือน้ำมันดิบ 100 เหรียญฯต่อบาร์เรลหนุนเลิกตรึงราคาดีเซลหากหมดวงเงิน 5,000 ล้านบาทเหตุสูญเปล่า แถมศก.ไทยปีนี้ต่างจากอดีตรถยนต์หันใช้แอลพีจี เอ็นจีวีส่วนใหญ่ไม่กระทบราคาสินค้าจึงควรปรับเพดานตรึงดีเซลควรเกิน 30 บาทต่อลิตรเป็น 32 บาทต่อลิตร

 

 

นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบมีทิศทางจะเป็นขาขึ้นตลอดทั้งปี 2554 เนื่องจากมีหลายปัจจัยทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ภาวะความผันผวนของค่าเงิน การเก็งกำไรในน้ำมันและที่สำคัญสต็อกน้ำมันดิบลดลงเพราะกลุ่มสมาชิกผู้ผลิตน้ำมันโลก(โอเปค)ส่งสัญญาณไม่เพิ่มอัตราการผลิตและต้องการเห็นระดับราคาน้ำมันดิบตลาดโลกในระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลดังนั้นรัฐควรจะปรับเพดานการตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรเป็น 32-33 บาทต่อลิตรและหากหมดวงเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่กันไว้ 5,000 ล้านบาทในการดูแลแล้วก็ควรจะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดโลก

 

“การตรึงราคาดีเซลของรัฐบาลจะเปรียบเหมือนการต่อสู้กับค่าเงินท้ายสุดไม่ได้อะไรมีแต่จะสูญเสียเพราะราคาน้ำมันตลาดโลกมีแต่จะปรับขึ้น และกรณีดีเซลเกิน 30 บาทต่อลิตรจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นตัวเลขเมื่อ 2 ปีที่แล้วแต่เงินเฟ้อ เศรษฐกิจปีนี้ต่างกันตัวเลขต้องปรับใหม่ควรตรึงไว้ไม่ให้เกิน 32 บาทต่อลิตรน่าจะเหมาะสมกว่าและไม่เห็นด้วยถ้าหมด 5 พันล้านบาทในการตรึงดีเซลจะไปเอาภาษีสรรพสามิตน้ำมันมาลดเปล่าประโยชน์เพราะเวลานี้คนต่างจังหวัดก็ใช้ราคาเกิน 30บาทต่อลิตรไปแล้ว”นายมนูญกล่าว

 

นายมนูญกล่าวว่า น้ำมันดิบตลาดเบรนท์ ลอนดอนสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับขึ้นไปแตะระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลได้ระหว่างการซื้อขายเนื่องจากสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาขยับไปอยู่ที่ 99.20 เหรียญฯต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบสหรัฐอเมริกาปิดทำการวันจันทร์โอกาสจะเห็นระดับ 100 เหรียญฯสัปดาห์นี้อาจไม่ง่ายนักแต่ระยะยาวก็ยังมีโอกาสอยู่

 

นายอนุสรรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากฯ กล่าวว่า หากพิจารณาจากค่าการตลาดกลุ่มดีเซลขณะนี้เหลือเพียง 1.20 บาทต่อลิตรดังนั้นคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)จึงควรจะเร่งนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาช่วยเหลือเพื่อไม่ให้ราคาดีเซลปรับขึ้นเกิน 30 บาทต่อลิตร

 

โดยเห็นว่ากลไกกบง.ค่อนข้างจะประชุมช้าทำให้ผู้ค้ารับภาระนานจึงควรใช้วิธีเดิมในอดีตที่ให้อำนาจรมว.พลังงานเป็นผู้เห็นชอบในการชดเชยในวงเงินครั้งละไม่เกิน 1.50 บาทต่อลิตรเพื่อความรวดเร็ว

ทั้งนี้คาดว่า เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้เข้ามาอุดหนุนดีเซล 5,000 ล้านบาท คงจะใช้ได้ไม่นานถึง 1 เดือน เพราะราคาตลาดโลกยังพุ่งต่อเนื่องล่าสุดดีเซลสิงคโปร์อยู่ที่ 108.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แนวทางที่จะไม่สร้างภาระต่อกองทุนฯมากนัก รัฐบาลน่าจะปล่อยให้ราคาดีเซลในประเทศปรับขึ้นตามต้นทุนที่แท้จริงเพราะ หากดูแนวโน้มราคาน่าจะอยู่ในเกณฑ์ 31-32 บาททต่อลิตรซึ่งจะไม่กระทบต่อภาคขนส่งมากนัก เพราะหากดูรถบรรทุก หรือรถโดยสาร ส่วนใหญ่จะปรับเปลี่ยนเชื้อเพลิงไปใช้แอลพีจี-เอ็นจีวี เกือบหมดแล้วจึงไม่น่าจะกระทบกับราคาสินค้า

 

น.ส.ทอแสง ไชยประวัติ ผู้จัดการแผนกวางแผนการพาณิชย์ บมจ.ไทยออยล์ จำกัด คาดว่าในสัปดาห์นี้อาจจะเห็นราคาน้ำมันดิบตลาดโลก โดยเฉพาะตลาดเบรนท์ ลอนดอน ปรับถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เหตุจากอากาศหนาวเย็นทำให้ความต้องการน้ำมันเพื่อการอบอุ่นเพิ่มขึ้น ในขณะที่ ปัญหาน้ำท่วมในออสเตรเลีย ทำให้การส่งออกถ่านหินเกิดปัญหาจีนจึงนำเข้าดีเซลเพื่อผลิตไฟฟ้าแทนถ่านหิน ประกอบกับปัญหาท่อส่งน้ำมันในอลาสก้ายังขัดข้อง และเมื่อดูค่าการตลาดน้ำมันของไทยทั้งกลุ่มเบนซินและดีเซล ยังต่ำอยู่ก็มีโอกาสที่ราคาขายปลีกของไทยสัปดาห์นี้อาจปรับขึ้นได้อีก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขา GS เช้าวันนี้ให้เข้าเปิดL แถว 1363 ระยะสั้นรอออกเป้าหมาย $1368 -1373 -1377 ครับrolleyes.gif

ถูกแก้ไข โดย Prinkgold
  • ถูกใจ 13

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขา GS เช้าวันนี้ให้เข้าเปิดL แถว 1363 ระยะสั้นรอออกเป้าหมาย $1373 -1377 ครับrolleyes.gif

หวัดดียามเช้าค่ะ รับทราบรับปฏิบัติตามคำแนะนำของปู่พริ้ง ขอบคุณสำหรับแนวทางค่ะ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณคุณพริ้งมากคะ เปิดตามคุณพริ้งแล้วคะ รอปิดตามเป้าคะ :lol:

 

ช่วงนี้อากาศเย็นรักษาสุขภาพด้วยนะคะคุณพริ้ง :wub:

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ติดดอย GFG 2011 ราคา 20150 เดือนนี้จะได้ออกมั้ยครับ คุณปู่

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

สนใจของ GT ไม่ทราบว่าเปิดให้บริการหือยังคะ ถ้าเปิดแล้วขอคำแนะนำด้วยค่ะ (ขอบคุณล่วงหน้านะคะ)

 

 

http://www.thaigold.info/Board/index.php?/topic/200-%e0%b8%82%e0%b8%ad%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%b2%e0%b8%97%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%87/page__st__3075

 

เจ้าหน้าที่gtมาตอบคำถามไว้หน้านี้ถึงหน้า210ค่ะ ละเอียดมากๆ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ทองคำระบบแดงอยู่หน้าขาย นั่งนิ่งๆรอขึ้นรถวันนี้มี Rebound $1373wub.gif

ทองคำเมื่อวานย่อตัวลงมาติดที่ระดับ 1357 ตามแนวรับที่ทำไว้ไม่ผ่านวันนี้ยังมองว่าจะมีการดีดตัวระยะสั้นขึ้นทดสอบ 1373 อยู่ ถ้าเราดูในกราฟราย 4 ชั่วโมงจะเห็นได้ว่าราคา

ลงมาทดสอบเส้นแนวรับย่อยที่2 ที่ระดับ 1357 แต่ลงไม่ผ่านดีดตัว Side way ขึ้นมาปิดตัว1361 สัญญาณทางเทคนิค CCI ส่งสัญญาณดีดตัวระยะสั้นขึ้นมาทดสอบเส้นศูนย์

และ MACD ยังวิ่งอยู่ในแดนลบถ้ามองระยะยาวยังสามารถลงต่อได้อีก แต่ถ้าตัดตัวขึ้นมาได้ ผมมองว่าตรงจุดนี้เหมาะสำหรับท่านที่เล่นระยะสั้นที่หวังทำกำไรในรอบวันแถว

1368 1373 1377 อยู่ถ้าเราดูกราฟเส้นต้านย่อยที่ 2 ยังไม่มีการขึ้นมาทดสอบเลย วันนี้ถ้าขึ้นมาให้ดูเส้นแนวต้านที่ 2 ไว้ก่อนถ้าหลุดค่อยดูเส้นแนวต้านหลักที่ 1 ราคาอยู่ที่

ระดับ 1377 ต่อไปในกรณีที่อยู่ในช่วงขาลงยังมองว่าน่าจะขึ้นไปทดสอบเส้นแนวต้าน 1 อยู่ก่อนที่จะลงต่อ อย่างไรก็ตาท่านที่เข้าเก็บไปเมื่อวานก็รอลุ้นกันได้เล่นน้อยๆพอครับ

รอจังหวะระบบระยะยาวเขียวค่อยหาจังหวะเข้าซื้ออีกทีเพื่อถือระยะยาว ตอนนี้ระบบยังแดงอยู่ ท่านนักลงทุนหน้าใหม่ ถ้าไม่แน่ใจให้รอเข้าเมื่อระบบเขียวน่าจะปลอดภัยกว่าครับ

น้ำมันระบบเขียวอยู่หน้าซื้อถือต่อไปตามระบบ ส่วน set50 ระบบแดงไปแล้วอยู่หน้าขายท่านที่ขายออกไปเมื่อวานก็รอดตัวไป รอรอบต่อไป

แนวต้าน 1368 1373 1377 1384

แนวรับ 1361 1357 1352 1348

h4copy.jpg

ถูกแก้ไข โดย Prinkgold
  • ถูกใจ 22

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น
ผู้มาเยือน
กระทู้นี้ถูกปิดรับการตอบกลับแล้ว

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...