ข้ามไปเนื้อหา
Update
 
 
Gold
 
USD/THB
 
สมาคมฯ
 
Gold965%
 
Gold9999
 
CrudeOil
 
USDX
 
Dowjones
 
GLD10US
 
HUI
 
SPDR(ton)
 
Silver
 
Silver/Oz
 
Silver/Baht
 
ginger

หัวใจทองคำกับรอยหยักของสมอง

โพสต์แนะนำ

992783_277727212366129_140313588_n.jpg

 

:01 ขอบคุณหลาย ๆ เด้อ

ช่วงนี้ฝนตกแฮง ฝนตกหลาย

กรุงเทพฝนตกหลายบ่

อากาศเปลี่ยนแปลงตลอด รักษาสุขภาพนำเด้อ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Sinthorn

อะไรเอ่ย? สวนทางคนอื่น โอกาสฟื้นริบรี่ ล่าสุดหลุดพันสี่ ทำแมงเม่าแมงหวี่ตายยกกอง....

 

ปล. เจ็บแล้วจำคือคน ทั้งเจ็บทั้งจนลงคือกรู T_T

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

ขอบคุณหลาย ๆ เด้อ

ช่วงนี้ฝนตกแฮง ฝนตกหลาย

กรุงเทพฝนตกหลายบ่

อากาศเปลี่ยนแปลงตลอด รักษาสุขภาพนำเด้อ

กำลังตกบ่แฮงหลาย รักษาสุขภาพนำเด้อ

943537_523346721053655_1387018477_n.jpg

โลกทรรศนะ ·

  • ใส่ใจปัญหาการคลัง
     
    ประเทศไทยกำลังลงทุนมหาศาลเพื่อที่จะ 1) ป้องกันอุทกภัย 2) ปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานด้านลอจิสติคส์ ทั้งสองอภิโครงการนี้ ประเทศไทยจะกู้หนี้ประมาณสองล้านสามแสนสี่หมื่นกว่าล้านบาท
     
    หนี้สินก้อนนี้ มีความเสียงหรือไม่? แน่นอน ทุกเรื่องมีความเสี่ยง แต่ถ้ารัฐทำงานโปร่งใส ไม่ทุจริต ความเสี่ยงก็จะลดน้อยลง
     
    ถ้าการลงทุนรอบนี้ทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ต่อเนื่องจริง ประเทศมีรายได้มาจ่ายหนี้สิน หรือทำให้สัดส่วนหนี้ต่อจีดีพีลดลง ต้องขอย้ำว่าตัวเลขที่สำคัญคือ สัดส่วนของหนี้สาธารณะต่อจีดีพีไม่ควรเกิน 60% และควรค่อยๆ ปรับลดลงเพราะเศรษฐกิจขยายตัวได้ดี
     
    ถ้าเป็นไปอย่างนั้น ประชาชนก็ไม่ลำบากนัก แต่ถ้าเรื่องราวเป็นไปในทางตรงกันข้าม ประชาชนไทยก็จะลำบาก
     
    หนี้สาธารณะของไทยนั้น หนี้สาธารณะปัจจุบันอยู่ที่ 43.7% ของจีดีพีนั้นแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือหนี้ของรัฐบาลที่เกิดจากการกู้ของรัฐบาลเอง ซึ่งรัฐบาลต้องรับผิดชอบทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ซึ่งมีสัดส่วน 20% ของจีดีพี ตามด้วยภาระหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นผลมาจากการกอบกู้สถาบันการเงินในช่วงวิกฤติ (ปี 1997) ประมาณ 10% ของจีดีพี ซึ่งรัฐบาลได้ออกกฎหมายโอนภาระดอกเบี้ยและคืนเงินต้นไปให้กับธนาคารแห่งประเทศไทยเมื่อปี 2011 อีกส่วนคือการค้ำประกันเงินกู้ให้รัฐวิสาหกิจคิดเป็น 15% ของจีดีพี ซึ่งมีทั้งรัฐวิสาหกิจที่ขาดทุนและที่มีสถานะทางการเงินแข็งแกร่งและมีกำไรอย่างต่อเนื่อง แต่โดยรวมแล้วรัฐวิสาหกิจไทยมีสถานะทางการเงินที่ดี และมีกำไรนำส่งให้รัฐบาลปีละกว่า 100,000 ล้านบาท
     
    อย่างไรก็ตาม นักวิชาการบางส่วนมีความเห็นว่า มีความเป็นไปได้ที่ตัวเลขหนี้สาธารณะของประเทศไทยจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอีกราว 4-5 แสนล้านบาท ในขณะที่รัฐบาลไม่มีการประกาศจุดสิ้นสุดของนโยบายปรับเพิ่มรายจ่ายและปรับลดการจัดเก็บภาษีที่ชัดเจน แถมยังมีการประกาศปรับลดการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปี 2556 เข้ามาเพิ่มเติมอีก
     
    แม้หนี้สาธารณะคงค้างส่วนใหญ่ของประเทศไทย ในสัดส่วนสูงกว่า 93 เปอร์เซ็นต์ เป็นหนี้ในประเทศ ซึ่งทำให้โอกาสที่รัฐบาลไทยจะประสบปัญหาในลักษณะเดียวกันกับบางประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปยังคงอยู่ในระดับต่ำ
     
    อย่างไรก็ตาม มีโอกาสสูงครับที่ปี 2556 นี้จะเป็นปีที่ความกังวลต่อระดับหนี้สาธารณะของประเทศไทยจะก่อตัวขึ้นอย่างชัดเจน
     
    แต่แม้ว่าหนี้สาธารณะที่เป็นภาระโดยตรงของรัฐบาลยังมีไม่มากนัก แต่นักวิชาการก็มีข้อกังวลทางด้านการคลังอยู่ 3 เรื่อง คือ
     
    1) รายจ่ายประจำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้รวมถึงมาตรการประชานิยมที่ยกเลิกได้ยาก ทำให้ขณะนี้รายจ่ายประจำเกือบเท่ากับรายรับ ทำให้งบลงทุนส่วนใหญ่ต้องมาจากการกู้เงิน
     
    2) นโยบายรับจำนำข้าวได้เพิ่มรายจ่ายของรัฐบาลหลายแสนล้านบาทตั้งแต่ปี 2012 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก เพราะรับซื้อข้าวมาเป็นจำนวนมากแต่ขายออกมาไม่ได้มากนัก ทำให้มีสต็อกสูงถึง 18 ล้านตันข้าวเปลือก และอาจจะเพิ่มขึ้นอีกได้เพราะราคาที่รัฐบาลตั้งไว้สูงกว่าราคาตลาดโลกมาก ทำให้มีแรงจูงใจให้ผลิตเพิ่มขึ้น ซึ่งหากระบายขายออกมาก็จะขาดทุนมาก แต่หากไม่ขายก็จะทำให้ขาดสภาพคล่อง และมีต้นทุนการเก็บรักษาและดอกเบี้ย
     
    3) ธนาคารของรัฐขยายตัวอย่างก้าวกระโดด โดยเงินฝากอยู่ที่ 8% ของจีดีพีในปี 1996 เพิ่มเป็น 35% ของจีดีพีในขณะนี้ การบริหารจัดการธนาคารของรัฐไม่ให้เกิดปัญหาหนี้เสีย (เช่นกรณีธนาคารอิสลามและเอสเอ็มอี) จึงมีความสำคัญยิ่งต่อสถานะทางการคลังของรัฐบาล
     
    ครม.ชุดใหม่ควรให้ความใส่ใจปัญหาการคลัง เพราะถ้าแก้ปัญหาได้ การคลังไทยเข้มแข็งขึ้น ก็จะได้คำชมได้คะแนนนิยมด้วยกัน แต่ถ้าทำผิด การคลังไทยตกเหว ก็จะต้องรับผิดร่วมกันทั้งคณะ
     
    ที่มา: สยามรัฐออนไลน์, 4 กรกฎาคม 2556

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Kimheng 9999

บทความแนวโน้มราคาทอง วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม 2556 (รอบเย็น)

 

สรุปภาพรวมของตลาดเมื่อวานนี้

 

ไม่มีอะไรนอกจากการเทขาย USD เพื่อทำกำไรและจัดการกับนักไล่ล่าตามระบียบ ซึ่งผู้เขียนได้ให้ข้อสังเกตุไปแล้วว่าตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯไม่ได้เลิศหรูอะไรมากนัก ในขณะที่อัตราการว่างงานก็ยังคงที่ที่ 7.6% และถ้าอัตราการว่างงานจะมาอยู่ที่ระดับ 7.0% ภายในสิ้นปีนี้ตามที่บางเจ้าหน้าที่เฟดเชื่อก็หมายความว่าหลังจากนี้เป็นต้นไปทุกเดือนอัตราการว่างงานจะต้องลดลงอย่างน้อย 0.1% ตลอด คุณเชื่อว่าอย่างไรครับ

 

สิ่งที่น่าสนใจและจับตาดูวันนี้

 

ก็ยังคงค่อนข้างเบาบางตามตารางข้างล่างนี้ โดยตัวเลข CPI ของจีนได้ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ แต่ก็ so what เคยสูงกว่านี้ตั้งเยอะ ทำเป็นตกใจไปได้ ไม่เป็นเหตุผลที่จะนำมาอ้างการเคลื่อนไหวของอะไรทั้งสิ้น ส่วนตัวเลขของอังกฤษแน่นอนก็มาอ่อนแอกว่าที่ตลาดคาดคิด ก็ไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นค่าเงินปอนด์รูดลงและถือเป็นโอกาสที่งดงามสำหรับนักลงทุนทั้งหลายที่จะเข้าขาย GBP.USD สำหรับกำไรก้อนโตพอสมควร ยกเว้นท่านทั้งหลายจะจ้องดูแต่ทองคำ โลกใบนี้ไม่ได้มีแต่ทองคำ ยังมีอย่างอื่นมากมายที่พร้อมจะให้เราเข้าลงทุน ไม่ควรปิดตาปิดโอกาส

 

แนวโน้มและกลยุทธ์ประจำวันนี้

 

Wow ราคาทองคำปิดใต้เส้นความเคลื่อนไหวเฉลี่ย 200periods ในกราฟรายชั่วโมงหลังเข้าทดสอบหลายครั้งแต่ก็ดันพรวดพราดขึ้นตั้งแต่เช้าแบบค่อนข้างแข็งแกร่งด้วย โดยผู้เขียนก็ยอมรับว่าหาสาเหตุที่สมควรไม่เจอ มีบางท่านอ้างถึง Central bank buying แต่ก็ไม่ปรากฎในแหล่งข่าวต่างๆซึ่งผู้เขียนติดตามอย่างน้อยก็ถึง 3 แหล่งข่าวด้วยกัน อย่างไรก็ตามผู้อ่านและนักลงทุนหลายท่านน่าจะจำกันได้ถึงระดับแนวต้านต่างๆของทองคำ โดยเฉพาะแถวบริเวณ 1260/1262 ซึ่งผู้เขียนเคยได้ให้ไปหลายครั้งอยู่ เรื่องแนวรับแนวต้านเนี่ยถือว่าค่อนข้างสำคัญมากนะครับ ไม่ใช่อาจใช้เป็นจุดเข้าซื้อขายแต่สามารถเป็นจุดที่จะจำกัดการขาดทุนด้วย (ย้ำ ถ้านักลงทุนท่านใดไม่รู้จักคำว่าการจำกัดการขาดทุน ท่านจะไม่มีโอกาสที่จะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนเลย) ผู้เขียนบอกถึงเรื่องเหล่านี้ไปบ่อยมากและถือว่าสำคัญอย่างมากด้วย อย่างกรณีวันนี้ก็เห็นได้ชัดว่าทองคำเจอแนวต้านแถวบริเวณ 1260+/- จริงๆ ถ้าไม่แน่ใจดูการทดสอบครั้งแรกก่อนว่าผ่านมัยเมื่อไม่ผ่านก็ดูสิ เห็นได้ชัดว่าต่อมาอีกหลายชั่วโมงก็ฝนตัวอยู่ใต้แนวต้านดังกล่าว จึงเหมาะแก่การเข้าขาสยโดยเนื่องจาก Stop loss orders เหนือ 1262 เท่านั้น แต่ก็นะ เมื่อวานถ้าท่านใดเข้าขายใต้เส้นความเคลื่อนไหวเฉลี่ย 200periods ในกราฟรายชั่วโมงไปก่อนซึ่งก็ไม่ถือว่าผิดอะไร แล้วทำ Stop loss orders ไว้เหนือระดับนี้ซึ่งตอนเช้านี้ก็โดนกิน Stop loss orders ไป พอขึ้นมาอีกจะบอกให้เข้าขายแล้วทำ Stop loss orders อีกตามเคย หลายท่านก็คงไม่ค่อยอยากเชื่อกัน ก็ชัดว่าอดทำกำไรไป

 

ผู้เขียนบอกเสมอว่า หลักดีไม่ได้หมายความว่าท่านจะชนะหรือกำไรทุกครั้ง ท่านต้องมีหลักดีก่อน มีศรัทธาก่อน ซึ่งผู้เขียนก็ขาดทุนเหมือนกันจากการเข้าขายเมื่อวานแต่ไม่มากตามที่บอกไป แต่ก็เพราะมี Stop loss orders จึงทำให้ผู้เขียนขาดทุนยิ่งไม่มาก และวันนี้พอราคาทองคำอยู่ใต้แนวต้านดังกล่าวก็จึงไม่รีรอที่จะเข้าขายอีก ซึ่งคราวนี้กลับได้กำไรมามากกว่าที่ขาดทุนด้วยซ้ำ สรุปขณะนี้หวยได้ออกไปหมดแล้ว จะคิดว่าผู้เขียนจะพูดยังไงก็ได้ อันนี้คงต้องตามแต่จะคิด สาธยายมาตั้งนานก็คงต้องเห็นว่าสำคัญจึงจะใช้เวลาเยอะ คืนนี้ก็ยังคงไม่มีตัวเลขสำคัญอะไรในสหรัฐฯอีก บอกแล้วว่าเป็นสัปดาห์ที่ค่อนข้างเบาบาง ตลาดถูกครอบงำด้วยการซื้อขายตามปัจจัยทางเทคนิคและบรรดา Official’s comments ซึ่งก็บอกไปแล้วเช่นกัน Sentiment วันนี้ถือว่า Neutral กลยุทธ์วันนี้ผ่านไปแล้วคือ การเข้าขายใต้หรือใกล้แนวต้านแถวบริเวณ 1260/1262 ต้องขอโทษสำหรับบทความที่ออกช้าเป็นปรกติ ความรู้เป็นสิ่งที่นักลงทุนควรมีจริงๆ ขอให้ผู้อ่านและนักลงทุนทุกท่านโชคดีครับ

 

แนวรับ-แนวต้านวันนี้ updated at 17.50น.

R3=1267/1270

R2=1262

R1=1258/1260

S1=1250/1248

S2=1245/1240

S1=1235/1230

…………………..

หมายเหตุ: บทความนี้ถูกจัดทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่เชื่อว่าหรือควรเชื่อว่ามี ความน่าเชื่อถือ และ / หรือมีความถูกต้อง อย่างไรก็ตามผู้จัดทำไม่รับรองความถูกต้องครบถ้วนของข้อมูลดังกล่าวข้อมูลและความเห็นที่ปรากฎข้างต้นอาจมีการเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเพิ่มเติมได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ผู้จัดทำไม่มีความประสงค์ที่จะชักจูงหรือชี้ชวนให้ผู้ลงทุนลงทุนซื้อหรือขายหลักทรัพย์ ผู้จัดทำจึงไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการนำข้อมูลหรือความเห็นของบทความนี้ปใช้ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและใช้ดุลยพินิจอย่างรอบคอบในการตัดสินใจลงทุน

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Stock2morrow

ภาพๆเดียว

แต่เห็นภาพสุดๆ

วันนี้คุณทำงานเพื่อเงิน

หรือใช้เงินลงทุนเพื่อเงิน

หรือได้แค่ปล่อยเงินระบายไป

 

สนับสนุนให้ทุกคน

มองหาทรัพย์สิน

ที่ก่อให้เกิดรายได้

แบบ Passive Incone คร๊าาา

 

1016736_594288103948636_699697737_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

999357_529008207154967_1769695923_n.jpg

สวัสดียามเช้า ทุกท่าน

ม้าน้ำมหัศจรรย์แห่งมหาสมุทร พ่อม้าอุ้มท้องกล่อมเกลี้ยเลี้ยงลูกเอาไว้ในเป๋าไปไหนไปกัน

ขอบคุณข่าว

Good Morning News จาก กองทุนบัวหลวง

 

10 กรกฎาคม 2556

 

General News

----------------

 

• IMF ลดคาดการณ์เติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ลงเหลือ 3.1% จากที่ประเมินไว้เดิม 3.3% เนื่องจาก 1) ประเทศกำลังพัฒนาที่สำคัญกำลังเติบโตชะลอตัวลง (จีน) และ 2) เศรษฐกิจยูโรโซนถดถอยกว่าเดิม ทั้งนี้ ความเสี่ยงขาลงของเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้นจากการเติบโตที่ชะลอตัวลงของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา และสภาพคล่องทางการเงินที่จะตึงตัวขึ้นจากการยกเลิก QE ของสหรัฐ

 

• กลุ่มทรอยก้าอนุมัติเงินช่วยเหลือกรีซ 6.8 พันล้านยูโร ซึ่งจะช่วยให้กรีซมีเงินพอชำระคืนพันธบัตร 2.2 พันล้านยูโรที่จะครบกำหนดในเดือน ส.ค.ทั้งนี้ กลุ่มทรอยก้าเห็นว่ากรีซมีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาฐานะการคลังในหลายด้านจากความพยายามลดรายจ่ายผ่านมาตรการต่างๆ เช่น ลดจำนวนพนักงานของรัฐ และการปฏิรูปเศรษฐกิจ แต่ยังคงมีอีกหลายเรื่องที่ยังต้องปฏิรูปต่อไป

 

• ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยของอังกฤษเดือน มิ.ย.เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 21 จุด (สูงสุดในรอบ 3 ปี) จาก 5 จุดในเดือนก่อน เป็นผลจากมาตรการช่วยเหลือผู้ซื้อบ้านของภาครัฐ และอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำ

 

• ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอังกฤษในเดือน พ.ค.หดตัวลง 0.8% จาก -0.2% ในเดือนก่อน จากผลผลิตที่ลดลงของอุตสาหกรรมผลิตยาและโลหะ ขณะที่อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่อบอุ่น

 

• สหรัฐเห็นด้วยกับการดำเนินมาตรการของธนาคารกลางจีนเพื่อจำกัดสภาพคล่องในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นการส่งสัญญาณให้ธนาคารพาณิชย์จีนมีวินัยทางการเงิน และระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อให้มากขึ้น ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในการปฏิรูปภาคการเงินของจีน

 

• จำนวนตำแหน่งงานใหม่ของสหรัฐในเดือน พ.ค.เพิ่มขึ้น 28,000 ตำแหน่ง เป็น 3.83 ล้านตำแหน่ง จากความเชื่อมั่นที่สูงขึ้นของผู้ประกอบการเพราะการบริโภคในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี

 

• รัฐบาลญี่ปุ่นจะผลักดันให้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เพื่อให้อัตราค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ และช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ ทั้งนี้ รัฐบาลจะประชุมกับสหภาพแรงงานและตัวแทน ผู้ประกอบการเพื่อร่วมกันตัดสินใจในเรื่องดังกล่าว

 

• รมว.คลังญี่ปุ่น เปิดเผยว่า รัฐบาลจะยังไม่ขึ้นภาษีการขายจาก 5% เป็น 8% ในเดือนเม.ย. 2557 จนกว่าเศรษฐกิจจะมีทิศทางขยายตัว โดยจะขึ้นภาษีการขายเมื่อเศรษฐกิจขยายตัวได้ 3%

 

• อัตราเงินเฟ้อของจีนในเดือน มิ.ย.อยู่ที่ 2.7% เพิ่มขึ้นจาก 2.1% ในเดือนก่อน จากราคาอาหารที่เพิ่มขึ้นถึง 4.9% จาก 3.2% ในเดือนก่อน ขณะที่ราคาสินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้น 1.6% เท่าเดือนก่อน

 

ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายที่ 3.5% ทำให้ธนาคารกลางจีนยังไม่มีความจำเป็นในการดำเนินนโยบายการเงินแบบรัดกุม (ยังไม่ต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย)

 

สำหรับดัชนีราคาผู้ผลิตหดตัวลง 2.7% จาก -2.9% ในเดือนก่อน ลดลง 16 เดือนติดต่อกัน จากความต้องการในประเทศที่ชะลอตัวลง และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลง

 

• ก.พาณิชย์ เตือนให้ผู้ประกอบการไทยเร่งหาตลาดใหม่ทดแทนจีนที่ชะลอตัว โดยเชื่อว่าในครึ่งปีหลังนี้ ตลาดสหรัฐและยุโรปจะกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง เพราะมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีขึ้น และตลาดมาเลเซีย อินโดนีเซีย กับเกาหลีใต้ ก็เป็นอีกกลุ่มตลาดทดแทนที่น่าสนใจ

 

อย่างไรก็ตาม ผู้ส่งออกยังไม่ควรจะทิ้งตลาดจีนไป เนื่องจากมีขนาดใหญ่ และจีนจะมีมาตรการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจอยู่เป็นระยะ ทำให้เศรษฐกิจจะชะลอตัวเพียงระยะสั้นเท่านั้น

 

• นายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการรายใหญ่ย้ายฐานการผลิตจากไทยไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา ลาว พม่า และ เวียดนาม เนื่องจากค่าเงินบาทผันผวนและแข็งค่าขึ้น รวมทั้งต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท

 

ทั้งนี้ คาดว่า มูลค่าส่งออกของอุตสาหกรรมปีนี้จะอยู่ที่ 2,500- 2,800 ล้านดอลลาร์ ลดลง 5% จากปีก่อน

 

• ครม.มีมติอนุมัติให้โอนเงินจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เพื่อชำระคืนเงินต้นของเงินกู้และดอกเบี้ยของ FIDF1 และ FIDF3 รวม 16,000 ล้านบาท โดยเป็นเงินจากการขายหุ้นของบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) และหุ้นของธนาคารกรุงไทย (KTB) บางส่วน

 

Equity Market

---------------

 

• SET Index ปิดที่ 1,398.69 จุด ลดลง 5.95 จุด หรือ -0.42% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 44,938.74 ล้านบาท โดยดัชนีเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบแคบ ก่อนจะปิดตัวในแดนลบซึ่งสวนทางกับตลาดหุ้นในภูมิภาค จากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ลดลง 0.91% เพราะผู้ลงทุนมีความกังวลในผลประกอบการของธนาคารบางแห่งที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการปล่อยสินเชื่อให้แก่ สหฟาร์ม

 

สรุปยอดสุทธิการซื้อขายของแต่ละกลุ่ม (ล้านบาท)

-----------------------------------------------------

 

นักลงทุนสถาบัน (803.94)

บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (357.46)

นักลงทุนต่างชาติ (865.00)

นักลงทุนทั่วไป +2,026.41

 

• NIKKEI Index ปิดที่ 14,472.90 เพิ่มขึ้น 2.6% (เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์) จากหุ้นกลุ่มส่งออกที่ปรับตัวขึ้นหลังจากเงินเยนอ่อนค่าลงมากที่สุดในรอบ 1 เดือน และจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดีอย่างต่อเนื่อง

 

Fixed Income Market

------------------------

 

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลลดลงในช่วง -0.09% ถึง -0.01 % ด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 94,187 ล้านบาท โดยเป็นการปรับลดลงอย่างมากในช่วงอายุมากกว่า 5 ปีขึ้นไป ตามทิศทางของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี

 

ทั้งนี้ วันนี้จะมีการประชุม กนง. ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม(2.5%) และอาจจะลดประมาณการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยลงจาก 5.1% สำหรับวันนี้มีการประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 50 ปี มูลค่า 5,000 ล้านบาท

 

• ดร.บัณฑิต นิจถาวร ประธานกรรมการสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย คาดว่า การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันนี้น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยชะลอตัว แต่เชื่อว่าหากการลงทุนของภาครัฐเกิดขึ้นในครึ่งปีหลังก็จะเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตได้ ขณะที่ทิศทางค่าเงินบาทจะขึ้นอยู่กับเงินทุนต่างชาติที่จะไหลเข้าออกในประเทศเป็นหลัก

 

ทั้งนี้ เห็นว่าในระยะยาว อัตราดอกเบี้ยนโยบายควรมีทิศทางขาขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามทิศทางเดียวกับตลาดโลก

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Thanong Fanclub

ก+ Ctrl

เงินกระดาษที่จริงเป็นตั๋วสัญญาใช้ทอง หรือเงินหรือทรัพย์สินอื่นๆที่จับต้องได้มีค่า

 

 

ตอนเด็กๆดูหนังคาวบอย ยุคบ้านป่าเมืองเถื่อนที่อเมริกาจำได้ว่าผู้ร้ายรับจ้างฆ่าคนที่เท็กซัส พอฆ่าเสร็จได้ทองคำเป็นค่าจ้าง ไอ้โจรตาวาวแลบลิ้นอย่างสะใจเวลาเห็นทองคำเป็นเม็ดหยาบๆ เทออกมาบนโต๊ะจากถุงผ้าหนาๆ ที่สามารถพกพาไปมาสะดวกที่เข็มขัดข้างๆกระบอกปืนได้

 

แต่ปัญหาคือว่าฆ่าคนตายไปแล้ว ต้องหนีเงื้อมมือกฎหมาย ไอ้โจรร้ายคิดหนีไปเสวยสุขที่แคลิฟอเนียร์เอาทองไปตั้งต้นชีวิตใหม่ที่นั่น

 

แต่ปัญหาก็คือว่า ถ้าพกทองเดินทางจะไม่ปลอดภัย ระหว่างทางอาจจะโดนปล้นได้ โจรร้ายจึงเอาถุงบรรจุทอง2-3ถุงไปวางไว้ที่ธนาคาร ธนาคารก็ออกตั๋วสัญญาใช้ทองให้ promissory notes เป็นกระดาษเปล่าๆ กระดาษนี้สามารถไปขึ้นทองคำ จำนวนเดียวกันได้ ที่สาขาที่แคลิฟอเนียร์โดยอาจจะหักค่าบริการหน่อย

 

เงินกระดาษพัฒนาการมาง่ายๆอย่างนี้ ควบคู่กับเงินเหรียญของทางการ สภาคองเกรซเท่านั้นที่จะเป็นผู้ออกเงินได้ ผ่านกระทรวงคลัง เขียนชัดในรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ

 

ส่วนตั๋วพีเอ็นตัวมันเองไม่มีค่า ไม่มีสารัตถะอะไร แต่เป็นสัญญาพันธะที่จะชำระทรัพย์สินอื่น แต่มันก็เปลี่ยนมือได้ กลายเป็นเงินชนิดหนึ่ง

 

ที่ยุโรปพวกช่างทอง Goldsmithsเป็นผู้บุกเบิกเงินกระดาษ สมัยก่อนทองเป็นเงิน moneyที่ใช้แลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ แต่พวกเศรษฐีและประชาชนทั่วไปไม่อยากเก็บทองที่บ้าน เพราะกลัวโดนปล้น จึงเอาทองไปฝากที่พวกช่างทอง เพราะพวกนี้ค้าทองซื้อๆ ขายๆตลอดเวลา มีตู้นิรภัยเก็บทองอย่างปลอดภัย

 

เวลาเอาทองคำมาฝาก พวกค้าทองก็ออกตั๋วพีเอ็นให้ คนถือตั๋วพีเอ็นก็อุ่นใจ เพราะสามารถมาขึ้นทองเมื่อใดก็ได้ เวลาซื้อบ้านก็เอาตั๋วพีเอ็นนั้นแหละไปซื้อ เพราะว่าไม่สะดวกไปขึ้นทอง ผู้รับก็อาจจะไม่สะดวกไปเอาทองเป็นจำนวนมากๆ เอาทองมาก็มาเก็บที่บ้านไม่ปลอดภัย เลยเก็บตั๋วพีเอ็นใช้เป็นเงินธนบัตรรูปแบบหนึ่งไปเลย

 

พอวอลุ่มเพิ่ม ตั๋วพีเอ็นที่ออกก็เพิ่ม พวกค้าทองสังเกตุเห็นว่าคนมาเอาตั๋วพีเอ็นมาขึ้นทองแค่ 8-9% ที่เหลือทองอยู่นิ่งๆ ไม่เคลื่อนไหว

 

สถิตินี้ใช้ได้กับประกันภัยต่างๆ เช่นบริษัทประกันภัยรถยนต์รับประกัน100คัน จะมีเพียงอย่างมาก8-9คันมีปัญหา มาเครมค่าเสียหายจากอุบัติเหตุ ที่เหลือได้แต่จ่ายพรีเมี่ยมให้บริษัทประกันภัยกินเปล่าๆ บริษัทประกันภัยจึงอยู่ได้ ถ้า100คันมาเครมพร้อมกัน ก็เจ้งไม่มีเงินจ่าย

 

เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกค้าทอง มันจะเป็นยิวหัวใจ จึงออกตั๋วพีเอ็นเกินสำรอง หรือเกินปรัมาณทองที่ฝากกอยู่ในตู้นิรภัย ใครหล่ะจะมาตรวจ ไม่มีใครรู้ เพราะผู้ฝากทองก็ไม่คิดอยากจะมาขึ้นทอง

 

ตั๋วพีเอ็นจึงมีปริมาณมากกว่าทองคำ

 

พวกค้าทองจึงเป็นผู้พิมพ์เงินได้เองโดยไม่มีใครรู้ รวยไม่รู้เรื่องออกตั๋วพีเอ็นเกินปริมาณทองที่ผู้ฝากมาก็บในตู้นิรภัย ความร่ำรวยนี้นำไปสู่อำนาจทางการเมือง และพัฒนาการระบบธนาคารพานิชย์และธนาคารกลางที่เอื้ประโยชน์กัน

 

ใครพิมพ์เงินได้ คนนั้นก็จะควบคุมทุน และควบคุมอำนาจไปด้วย ผู้ที่ควบคุมระบบการเฺนโลกในปัจจุบัน มีรากเหง้ามาจากนี้เอง พวกgoldsmiths หรือพวกแลกเงินmoney changers

 

 

1012018_143511412511908_1724759895_n.jpg

ถูกแก้ไข โดย ginger

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

เฟดคุมดอกเบี้ยขาขึ้นไม่อยู่แล้ว

 

James Turk of GoldMoney ให้สัมภาษณ์น่าสนใจว่าเฟดกำลังเอาดอกเบี้ยไม่อยู่ เพราะดอกกำลังขึ้น ทั้งๆที่เฟดยังไม่ได้ตรึงนยโบายการเงินเลย อาทิตย์ที่แล้วงบดุลของเฟดพองเป็น$3.49ล้านล้าน (ก่อนวิกฤติ 2008 งบดุลอยู่ที่$800,000ล้าน)

 

ทำไมดอกเบี้ยขึ้นทั้งๆที่เศรษฐกิจยังอ่อนแอ และเฟดยังคงซื้อหนี้ออกมาผ่านการทำQE

 

คำตอบที่สมเหตุสมผล ก็คือดอกเบี้ยขึ้นเนื่องมาจากQEนั่นเอง เราได้มาถึงจุดพลิกแล้ว หมายความว่าQEไม่สามารถจะกดดอกเบี้ยไม่ให้ขึ้นสูงได้ ตลาดกำลังเพ่งเล็งไปยังด้านมืดของQE ซึ่งก็คือผลที่ตามมาของเงินเฟ้ออันมาจากการพิมพ์เงิน

 

ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในขณะที่ทำQEอยู่นั้น แสดงว่าเฟดควบคุมสถานการไม่ได้อีกแล้ว.....

 

หมายเหตุช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมายิลด์พันธบัตร10ปีของรัฐบาลสหรัฐฯอยู่ที่1.5% ล่าสุดอยู่ที่2.64% พุ่งขึ้นกว่า1%ในระยะเวลาเดือนกว่าๆเท่านั้น เป็นช่วงที่เบน เบอร์นันเก้บอกว่าอาจจะแตะเบรคQE ถ้าเศรษฐกิจมีการฟื้นตัว

 

Yet the Fed continues to purchase more government debt, as its balance sheet last week reaching another new record high with total assets of $3.49 trillion. The Fed is not tightening monetary policy, so why are interest rates rising even though the economy is weak and the Fed continues to purchase debt for its QE program?

 

I think there is only one logical answer, Eric: Interest rates are rising because of QE. We have reached a tipping point, meaning that QE can no longer keep interest rates from rising. The market is now focusing on the dark-side of QE, which is the inflationary consequences of all this money printing.

 

Rising interest rates with QE ongoing means that we have reached the stage where the Fed has now lost control. This result was inevitable because market forces always beat central planners and its groupies in the end. Only the timing of this event could not be predicted.

 

http://kingworldnews.com/kingworldnews/KWN_DailyWeb/Entries/2013/7/8_Turk_-_Something_Shocking_Has_Occurred_In_The_Gold_Market.html

 

 

7988_143409162522133_500359167_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

Thanong Fanclub

9 hours ago

 

พอดอกขยับขึ้น ตลาดบ้านสหรัฐฯก็หัวขม่ำเลย

 

ตอนนี้ไม่ต้องดูการจ้างงานนอกภาคเกษตร ตัวเลขการว่างงาน อัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ หรือตัวชี้วัดอื่นๆ แต่ให้ดูการขอกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัยอย่างเดียว

 

ช่วงระยะ9สัปดาห์ที่ผ่านมา ดอกเบี้ยพันธบัตร10ปีของรัฐบาลสหรัฐฯขึ้น100 เบสิสพอยท์ หรือ1% ดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านคงที่15ปี ตอนนี้อยู่ที่ 3.68%

 

ผลก็คือยอดขอสินเชื่อบ้านหล่นฮวบฮาบไป41%

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

 

Thanong Fanclub shared a link.

 

 

 

18 hours ago near Bangkok

ผมวิเคราะห์กับคุณนพคุณว่าราคาทองคำต่ำสุดแล้วจริงหรือ

 

น่าจะต่ำสุดแล้ว เพราะมือมืดใช้มือขวาทุบราคาทองด้วยทองคำกระดาษ แต่มือซ้ายแอบกว้านทองเข้าพอร์ตอย่างเงียบๆDeutsche Bankเพิ่งออกรายงานออกมาว่าราคาทองคำน่าจะต่ำสุดแล้ว

 

ส่วนJim Rogersบอกว่าทองคำอาจทะลุลงอีกถึง$900

 

ใช้วิจารณญานก็แล้วกัน

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

Thanong Fanclub

Yesterday

 

Janet Yellen เป็นรองประธาน Federal Reserve ซึ่งได้รับการคาดหมายว่า จะมาเป็นประธานแทนนายเบน เบอร์นันเก้ ที่จะครบเทอมสิ้นเดือนมกราคม 2014

 

มีประวัติที่ค่อนข้างจะดี เพราะเป็นถึงกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของสำนักงานคณะกรรมการบริหารของ Federal Reserve Bank of San Francisco

 

ศาสตราพิจารณ์ที่ Berkeley's Haas School of Business

 

หัวหน้าสำนักงานที่ปรึกษา ของ White House Council of Economic Advisors สมัยประธานาธิบดี Bill Clinton

 

แสดงว่าเป็นเด็กพวกคลินตัน ถ้าฮิลลารี่ได้เป็นประธานาธิบดี จะได้ทำงานกันเป็นปี่เป็นขลุ่ย

 

เยลเลนจะขึ้นขี่หลังเสือQEและจะฟื้นระบบการเงินสหรัฐฯได้หรือไม่ มันเป็นงานที่เกือบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะเธอกำลังจะรับมรดกลูกโป่งสองลูกจากรุ่นพี่อลัน กรีสแปน และนายเบน เบอร์นันเก้ ลูกโป่งของกรนสแปนแตกแล้วแต่ยังไม่มีใครกวาดเก็บขยะ

 

ส่วนลูกโป่งของนายเบอร์นันเก้กำลังจะแตก หรือกำลังจะค่อยๆหดตัว อันนี้ยังไม่มีใครรู้ รู้แต่ว่าสภาพอย่างนี้อยู่ไม่ได้ตลอดไป

 

เป้าหมายของเยลเลนคือ

1.ค่อยๆถอน QE โดยที่ตลาดหุ้น-ตลาดบอนด์ ตลาดการเงินไม่พัง

2. ฟื้นเศรษฐกิจสหรัฐให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น และลดอัตราการว่างงานลงตามเป้าหมายจาก 7.5% ให้เหลือ 6.5%

3.กระตุ้น GDP ให้กลับมาเติบโต 3.5% ต่อปี จาก1.8% ในปัจจุบัน

4.ปล่อยดอก0%กลับคืนสู่สภาพปกติ

 

แล้วจะลงหลังเสือได้ หรือจะถูกมันกัด

 

 

1011850_143203992542650_276487651_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

 

 

Thanong Fanclub shared a

.

18 hours ago near Bangkok

Top of the World ออกอากาศแล้วเรื่องภาระกิจ "Double Bubble" ของว่าที่ ปธ.เฟดหญิงคนแรก

 

 

 

 

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Stock2morrow

รวมข่าวหุ้นเช้าวันพุธ

 

'SCC'แจ้งกำไรสิ้นเดือน9พันล. บุ๊กเงินปันผลโตโยต้า-ปูนราคาดี

 

"BTS"เล็งประมูลรถไฟฟ้าโฮจิมินห์รายได้โตกว่า10%

...See More

 

 

1000381_594612050582908_15356240_n.jpg

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

กวี ชูกิจเกษม

บทเรียนจากภาวะหุ้นตอนนี้

 

หุ้นก็เหมือนกับสินค้าอื่นๆ ทั่วไป เมื่อมีความต้องการซื้อมากกว่าความต้องการขาย ราคาก็ขึ้น และเมื่อใดที่มีความต้องการขายมากกว่าความต้องการซื้อ ราคาก็ลง มันเป็นกฎธรรมชาติ แต่ทุกสินค้าก็คงต้องมีมูลค่ายุติธรรมอยู่ หุ้นก็เช่นกัน เพียงแต่ในบางช่วงเวลาราคาหุ้นอาจขึ้นเกินหรือลงต่ำกว่าราคายุติธรรม (ราคาพื้นฐาน) ได้ ด้วยเหตุผลต่างๆ มากมาย

 

แล้วอะไรละที่ทำให้ราคาหุ้นเหวี่ยงขึ้นลงมากกว่าหรือต่ำกว่าราคาพื้นฐานมากมากได้ บางครั้งเราสามารถเห็นหุ้นเหวี่ยงขึ้นลงมากกว่า 30% ในปีเดียว ทั้งที่จริงๆ กำไรหรือพื้นฐานของบริษัทไม่ได้เปลี่ยนแปลงขึ้นลงมากมายขนาดนั้น สาเหตุนั้นคือสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างรวดเร็วนั้นเอง โดยปกติราคาหุ้น จะขึ้นลงตามปัจจัยพื้นฐานหรือตามกำไรสุทธิต่อหุ้นในระยะยาวแต่ในระยะสั้นนั้น จะมีปัจจัยด้านสภาพคล่องเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ราคาหุ้นเหวี่ยงผิดไปจากราคาพื้นฐานมากมายได้ เช่นในกรณีที่เกิดขึ้นอยู่ในตลาดหุ้นตอนนี้ โดย 4 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา SET index ของไทยขึ้นจาก 380 จุด ในปีพ.ศ. 2551 มาเป็น 1650 จุด ในปีพ.ศ. 2556 ด้วยสาเหตุของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แต่เป็นที่น่าสังเกต คือเศรษฐกิจโลกไม่ได้ฟื้นตัวมากมายอะไรนัก แต่ SET index กลับขึ้นมาถึง 334% ในช่วง 4 ปี ซึ่งนั้นมาจากสภาพคล่องที่สูงขึ้น จากการอัดฉีดเงินของสหรัฐฯ ซึ่งรู้จักกันในนาม QE เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และเป็นผลให้มีเม็ดเงินจากต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นไทยมากกว่า 1 แสนล้านบาทในช่วงเวลาดังกล่าว และพอวันนี้มีข่าวว่าสหรัฐฯ จะเริ่มถอน QE ออก เพราะเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มดีขึ้น ทำให้นักลงทุนกลัวว่าสภาพคล่องในตลาดโลกจะลดลง นักลงทุนต่างชาติจึงขายหุ้นออกมาอย่างหนัก และทำให้ SET index ปรับลงมาอย่างรุนแรง ทั้งที่จริงๆ พื้นฐานของหุ้นก็ไม่ได้แย่มากขนาดนั้น ซึ่งผมก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะราคาหุ้นหลายตัวๆ ก็แค่ลงมาในจุดที่มันควรเป็นเท่านั้นเอง

 

บทเรียนที่ได้จากกรณีศึกษานี้คือ

 

1) หากคุณเป็นนักลงทุนระยะยาวประเภท Value Investor หากเห็นราคาหุ้นขึ้นมามากด้วยสภาพคล่อง และทำให้ราคาหุ้นแพงเกินกว่าปัจจัยพื้นฐาน เราก็ไม่ควรฝืนซื้อหุ้นราคาแพง แม้หุ้นจะมีพื้นฐานที่ดีขนาดไหนก็ตาม ยกตัวอย่างเช่นตอนหุ้น HMPRO ที่ราคา 16 บาท หรือ BJC ที่ 80 บาท ซึ่งทั้งคู่มี P/E สูงถึง 40 เท่า ณ เวลานั้น ไม่บอกก็รู้ว่าแพง แล้วเราไปซื้อทำไม อย่าเข้าข้างตัวเองด้วยการบอกตัวเองว่าหุ้นพื้นฐานดี ราคาไม่ลงมาให้ซื้อหรอก แล้วเป็นไงละ ดังนั้นการอดทนรอให้ราคาหุ้นพื้นฐานดี ลงมาในราคาที่เหมาะสม เป็นคุณลักษณะสำคัญที่ควรมีในกลุ่ม VI

 

2) หากคุณเป็นนักเก็งกำไร ราคาหุ้นถูกหรือแพงอาจไม่สำคัญเท่ากับการมีวินัยในการตัดขาดทุน หรือหยุดกำไร อย่าให้ตัวเองติดดอยเป็นอันขาด อย่าให้การเก็งกำไรผิดเพียงหุ้นหรือสองหุ้น เป็นผลให้พอร์ตเราเสียหายจนยากจะกู้คืนเป็นอันขาด

 

หวังว่าประสบการณ์วันนี้ จะมีค่ามากพอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในอนาคตครับ

แชร์โพสต์นี้


ลิงก์ไปโพสต์
แชร์ไปเว็บไซต์อื่น

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

ผู้มาเยือน
ตอบกลับกระทู้นี้...

×   วางข้อความแบบ rich text.   วางแบบข้อความธรรมดาแทน

  อนุญาตให้ใช้ได้ไม่เกิน 75 อิโมติคอน.

×   ลิงก์ของคุณถูกฝังอัตโนมัติ.   แสดงเป็นลิงก์แทน

×   เนื้อหาเดิมของคุณได้ถูกเรียกกลับคืนมาแล้ว.   เคลียร์อิดิเตอร์

×   คุณไม่สามารถวางรูปภาพได้โดยตรง กรุณาอัปโหลดหรือแทรกภาพจาก URL

กำลังโหลด...

  • เข้ามาดูเมื่อเร็วๆนี้   0 สมาชิก

    ไม่มีผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนกำลังดูหน้านี้

×
×
  • สร้างใหม่...